โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

ธรรมของเกษตรกร


ษตร

โสภณ เปียสนิท

..............................

                เย็นวันศุกร์ผมมักเดินทางกลับบ้านสวนที่กาญจนบุรีบ้านเกิดบ่อยครั้งขึ้น เพราะว่าอีกไม่เกินสี่ปี ผมจะเกษียณอายุราชการ ผมอยู่บ้านพักราชการบนชั้นสองของอาคารสี่ชั้นมานานเกินกว่ายี่สิบปี การกลับไปดูแลบ้าน และต้นไม้รอบบ้านเพื่อสร้างความคุ้นเคยใหม่ เป็นหน้าที่ใหม่ของผม ทางหนึ่งเป็นการสร้างความคุ้นเคย ทางหนึ่งเป็นการเตรียมสร้างชีวิตวันหน้า หลังเกษียณไว้ให้ตนเองก้าวเดินต่อไปสู่ปลายเส้นทางของชีวิต

                หวังไวว่า ผมจะมีที่อยู่หลังจากเดินออกจากบ้านพักราชการไปสู่บ้านใหม่ บ้านพักของต้นเองที่สร้างด้วยเงินน้ำพักน้ำแรงของตนเองมาตลอดเวลายาวนาน ผมจะใช้ที่อยู่แห่งใหม่นี้เพื่อดำรงชีวิตอย่างคนมีงานทำ งานที่ทำนั้นก็ต้องไม่หนักเกินวัยและสังขารจะอำนวย และเป็นที่เตรียมความพร้อมให้ตนเองก้าวไปสู่ปลายทางได้อย่างสงบ

                ผมต้องการเวลาสักช่วงหนึ่งเพื่อเตรียมเสบียงในการเดินทางไกลให้พร้อมเสียก่อน เสบียงที่ว่า มี 3 กระบุง ตั้งใจว่าจะจัดวางกระบุงเรียงกันไว้สามใบตรงมุมหน้าบ้าน ใบแรกสำหรับใส่ทาน คือการให้ เริ่มจากการให้สิ่งของเท่าที่เราจะให้ได้แก่สมณะชีพราหมณ์ตามสมควรแก่ฐานะ ให้ความรู้เป็นวิทยาทานและการเลี้ยงชีพ ให้ธรรมะเป็นทานแก่คนที่สนใจ และให้อภัยกับคนอื่น ๆ เสหมือนกับที่อยากได้จากคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

                กระบุงใบที่สอง เตรียมพร้อมไว้สำหรับใส่ ศีล การสำรวมการวาจา ตั้งใจว่าจะพยายามไม่ฆ่า ไม่รังแก แถมด้วยเมตตาต่อคนและสัตว์อื่นๆ ไม่ยินดีในทรัพย์สินเงินทองข้าวของเครื่องใช้ของคนอื่น ไม่เอาของเขามาเป็นของต้นโดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามไม่ผิดลูก และภรรยาของใคร ไม่พูดสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ลดละการสูบ เสพ ดื่ม สิ่งที่ก่อให้เกิดความมึนเมาขาดสติ ทำแบบง่ายๆ ด้วยการเริ่มทีละนิดทีละหน่อย เช่นตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดศีลห้าข้อนี้สักชั่วโมง สองชั่วโมง ฯลฯ ตามศรัทธาเพื่อให้เกิดความเคยชินเรียกว่า ถือศีลตามเวลาที่กำหนด หรือไม่ก็เริ่มตอนนอนหลับแล้วกัน ง่ายที่สุดแล้ว เพราะตอนนอนคงไม่ได้ไปทำความผิดอะไร ฝันว่าไปฆ่า ไปทำร้ายใครก็ไม่ถือว่าศีลขาด ไม่เป็นไร เรียกว่าถือศีลหลับ ทำนานเข้า จิตจะได้ชินกับการถือศีล กระบุงนี้จะได้ใหญ่ขึ้น

                กระบุงใบที่สาม เตรียมไว้ใส่การสวดมนต์ภาวนา กระบุงนี้ผมคิดเติมเต็มด้วยการทำแบบคนขี้เกียจ ทำในระหว่างการทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในร้านในไร่ในสวน ทำงานไปด้วยก็ภาวนาไปด้วย ภาวนาคำที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น พุทโธ สัมมา อรหัง พองหนอ ยุบหนอ ก็ได้ทั้งนั้น ทำงานไป นึกขึ้นได้ก็ภาวนาไป เช้าก็สวดมนต์ทำวัตร เย็นก็สวดมนต์ทำวัตรเย็น เอาแบบสั้นๆ ง่ายๆ นั่งสมาธิ วิปัสสนาเล็กๆ น้อยๆ ก็เอาด้วย เรื่อยๆ ไปแบบนี้ อาจพอได้บุญติดกระบุงไปบ้าง ไม่มากก็น้อย

                พักนี้พอไปถึงบ้านหลังเล็กกลางป่าใหญ่ที่เมืองกาญจน์ก็เริ่มเดินเล่นรอบๆ บ้าน ได้ทายต้นไม้ใบหญ้า เดินเหยียบย่ำไปเรื่อยๆ ค่อยๆ กำหนดรู้ตอนเท้าย่ำลง ยกขึ้นบนหินบ้าง บนเถากระดุมทองบ้าง บนหนามไหน่บ้าง เจ็บบ้างอ่อนนุ่มบ้าง เรียกว่าได้สัมผัสแล้วกำหนดรู้ เนื่องจากผมเป็นคนขี้เกียจจึงทำแบบง่ายๆ บางคราตื่นเช้าเดินออกไปหน้าบ้าน รับลมเย็นมองดวงตะวันค่อยๆ ไต่จากเส้นขอบฟ้าสูงขึ้น ตามองดวงตะวัน ใจคิดถึงภาพดวงตะวันให้อยู่ที่ในท้อง เรียกว่า “มองนอก มองใน” ไปพร้อมกัน เทคนิคนี้เรียกว่า การฝึกทำสมาธิแบบโลหิตกสิณ ทำสมาธิโดยการกำหนดนึกภาพสีแดง ดวงกลมๆ ของดวงอาทิตย์ยามเช้าเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ทำให้แสงไม่จัดจ้าจนเกินไป พอมองได้ แต่หลวงพ่อหลวงปู่หลายรูปเคยเล่าไว้ว่า “มีญาติโยมบางคนกลับมาบอกว่า ไปเพ่งเทียน เพ่งดวงอาทิตย์จนแสบตา หลวงพ่อท่านได้สอนกลับไปว่า คำว่าเพ่ง ไม่ได้หมายความว่า เพ่งดวงตาของเรา แต่ให้เพ่งด้วยใจ แต่ต้องเพ่งให้พอดี แรงไปก็เคร่งเครียด ปวดหัว ผ่อนคลายจนเกินไปก็ง่วงหลับ ต้องหาความพอดีด้วยการปฏิบัติไปเรื่อยๆ ที่แน่ๆ ต้องทำบ่อยๆ นึกบ่อยๆ กำหนดบ่อยๆ ” ฟังพระท่านสอนแล้วก็รู้สึกว่า การปฏิบัติธรรมนั้น ต้องพร้อมด้วย อิทธิบาท 4 ต้องมีความรัก ต้องเพียรพยายาม ต้องจดจ่ออยู่เสมอ ต้องใคร่ครวญพิจารณา จึงจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

                อีกสามสี่ปีผมต้องกลับบ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองกาญนบุรี ตอนนี้จึงรีบเร่งปลูกต้นหมากรากไม้ไว้เก็บกิน เก็บใช้ในวัยเกษียณ ไม่อย่างนั้น ผมจะเป็นคนไร้บ้าน ผมต้องเร่งปลูกบ้าน ปลูกบ้านแล้วก็ต้องมีต้นไม้ไว้เพื่อประโยชน์ทั้ง 4 อย่าง มีไว้กิน คือปลูกต้นไม้ทุกอย่างที่กินได้ เพื่อไม่ต้องใช้เงินไปซื้อ เป็นการลดรายจ่ายเพื่อเพิ่มรายได้ มีไว้ใช้สอยเช่นการสร้างโรงเรือนบ้านครัว ห้องน้ำ ค้างให้ต้นไม้ ปลูกไม้ไว้ทำยารักษาโรคต่างๆ ประโยชน์อีกอย่างที่จะได้คือ อากาศที่ดี เพราะเมืองกาญจนบุรีร้อนมาก มีต้นไม้บรรเทาความร้อนลงได้มากเหมือนกัน

                กลับถึงบ้านเย็นวันศุกร์ บางคราอาจมืดค่ำดึกดื่นแล้ว ผมมักเดินรอบบ้านด้วยความสุข เพื่อชมต้นไม้ที่ปลูกไว้ด้วยมือของตนเอง ว่ายังสดชื่นอยู่ หรือว่าแห้งเหี่ยวขาดปุ๋ยขาดน้ำบำรุง เสียงนกบางตัวละเมอกลางดึกดื่นให้ได้ยินจากพุ่มไม้ต้นนั้นต้นนี้ เสียงหริ่งเรไรร้องครวญกลางค่ำคืน ความเงียบ ความมืดสลัวใต้แสงดาว แสงจันทร์เพ็ญ กลางสายลมเย็นยามดึกพัดผ่าน เป็นความสุขอีกแบบหนึ่งของคนกลางทุ่งท่าป่าเขาลำเนาไพร

                ยามเช้าเดินชมอีกรอบด้วยโยนิโสมนสิการพินิจพิจารณา รดน้ำบ้าง ใส่ปุ๋ยบ้าง ถอนหญ้าโคนต้นไม้ใหญ่บ้าง เห็นความหลากหลายของชีวิตลานหญ้าโล่ง และใต้ต้นไม้ผลที่ปลูกไว้ ต้นหญ้าหลายชนิดแย่งกันครองผิวพื้นดิน ต้นหญ้าคอมมิวนิสต์ชูยอดขึ้นสูงเพื่อชิงพื้นที่รับแสงแดดสาดส่อง ไม่นานออกดอกเป็นช่อเป็นกลุ่มโค้งงอราวหางกระรอก เมล็ดพันธุ์ขนาดเล็กพร้อมปลิวกระจายลอยตามสายลมเพื่อสืบทอดพันธุกรรมรุ่นใหม่ หญ้าเจ้าชู้ออกดอก มีเม็ดเป็นกลุ่มมีหนามขนาดเล็กแหลมคมเกาะเกี่ยวที่สิ่งที่ผ่านมา เพื่อกระจายพันธุ์ของตนให้กว้างไกลออกไปด้วยการอาศัยความช่วยเหลือจากสิ่งรอบข้าง หนามเล็กแหลมยามเกาะเกี่ยวแขนขาเสื้อผ้าติดหนับ ทิ่มแทงผิวหนังให้เจ็บแสบได้ไม่น้อย

                หญ้าบางชนิดเกาะพื้นดินติดแน่น แผ่กระจายไปเป็นวงกว้าง บางอย่างถอดเถายาวๆ ไปไกลๆ ไม่มีไม้สูงให้เกาะ อาศัยเกาะผิวหน้าดินคืบคลานไปเรื่อยๆ ถ้ามีไม้สูงใหญ่ให้เกาะก็เกาะไต่ขึ้นสูงผูกพันรัดแน่น หญ้าบางอย่างลงรากลึกใต้ดิน บางอย่างรากตื้นเป็นกระจุกอยู่ตรงโคนหากินวงกว้างแต่ไม่ลึก

                ส่วนตัว ผมรู้สึกรักหญ้าเถากระดุมทอง เพราะมีดอกสีทองเล็กๆ สวยงาม ใช้เป็นพืชปกคลุมดินเพื่อรักษาความชุ่มชื้น และเพื่อคลุมหญ้าชนิดอื่นให้ลดบทบาทลงไป อีกอย่าง กระดุมทองดูมีระเบียบสวยงาม กระจายพันธุ์ได้ดีแม้ยามแล้งก็ไม่ตาย เพียงแค่เหี่ยวแห้งแคระแกรน พอได้ความชื้นก็อวบอิ่มขยายตัวทอดยอดยาวเหยียดไปไกลยิ่งขึ้น แย่งชิงพื้นที่กับหญ้าพันธุ์อื่นได้ดี เอาชนะได้เสมอ

                อาจมีเกษตรกรบางรายเปรียบเหมือนเช่นหญ้ากระดุมทอง คือการอดทนความยากแค้นได้อย่างทระนง มีความพยายามต่อสู้หาอาหารเพื่อให้ตนเองอยู่รอดได้ตลอดไป มีความเที่ยงตรงต่อหน้าที่ คือการคลุมดิน การออกดอก และการเจริญเติบโตขยายเผ่าพันธุ์ของตน หลักของการพึ่งตนเอง เอาตนเองให้รอดแม้ในสถานการณ์เลวร้าย

                ไม่ต้องการเห็นเกษตรกรเป็นเหมือนหญ้าเจ้าชู้ ที่มุ่งแต่อาศัยผู้อื่นเกาะเกี่ยวแพร่พันธุ์ แถมทำร้าย

หมายเลขบันทึก: 645847เขียนเมื่อ 20 มีนาคม 2018 11:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม 2018 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

-สวัสดีครับอาจารย์

-ตามมาเรียนรู้และผมมักจะบอกใครๆ ว่า"การเกษตรไม่มีสูตรสำเร็จรูป"

-ผมเริี่มเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตรแบบจริงจังด้วยสองมือ ณ บ้านไร่ ของผมเมื่อ 3 ปีก่อน

-ผมเรียกกิจกรรมที่บ้านไร่ว่า"เกษตรกรรมบำบัด"

-จากวันนั้นถึงวันนี้ผมได้เรียนรู้หลักการ 3 กระบุงของอาจารย์บ้างแล้วครับ..

-Hi Hug House ตามลิงค์นี้ คือบ้านไร่ของเราครับ https://www.facebook.com/hihug...

-ต่อจากนี้ตั้งใจแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตพื้นฐานแบบง่ายๆ ให้กับผู้มาเยือน

-ความสุข ก่อเกิดขึ้นในทุกๆ วันทีี่บ้านของเราครับ

-หวังใจเอาไว้ว่าหากมีโอกาสครอบครัวเล็กๆ ของเราคงได้ต้อนรับผู้มาเยือน กัลยาณมิตรจาก G2K ครับ

-ขอบคุณครับ

เพิ่มธรรมเกษตรเข้าไปด้วยครับ

คราวนี้ครบแน่ๆ และสุขสมบุรณ์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท