หลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ ประจำปี 2561: ห้องเรียนผู้นำ


สวัสดีครับชาวบล็อกและลูกศิษย์ที่รักทุกท่าน 

         ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่การเคหะชาติไว้วางใจให้ผมในนามของ Chira Academy และมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินการจัดโครงการอบรมหลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ ประจำปี 2561 (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2) โดยมีกำหนดการสำหรับการเรียนรู้ในรูปแบบของ "ห้องเรียนผู้นำ" ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 16 มีนาคม 2561 ณ ห้องประชุมของการเคหะแห่งชาติ 

         ในปีนี้มีผู้เข้าเรียนในห้องเรียนผู้นำของเราจำนวน 23 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนผลงานและความเป็นเลิศขององค์กร ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักสูตรนี้จะช่วยจุดประกาย สร้างพลังและแรงบันดาลใจให้แก่ทุกท่านได้เป็นอย่างดี และให้มุมมองความรู้ที่เป็นประโยชน์

         สำหรับการเรียนรู้ในช่วงแรกของห้องเรียนผู้นำของเราระหว่างวันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์นี้ จึงขอใช้ Blog นี้เป็นคลังความรู้ ความคิด และมุมมองดี ๆ เพื่อการพัฒนาองค์กรและสังคมแบ่งปันสู่สาธารณชนต่อไป  

         จีระ หงส์ลดารมภ์   

----

เอกสารบรรยาย

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561

Learning Forum & Workshop ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (1) และ (2) (Visionary Leadership)

โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

https://goo.gl/YPTfvh


(สรุปโดย เขมิกา ถึงแก้วธนกุล ทีมงานวิชาการ Chira Academy)

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          งานโค้ชชิ่งกับงาน Classroom ที่เราทำอยู่เชื่อมโยงกัน เพียงแค่ Classroom อาจไม่ได้โค้ชส่วนตัว การเรียนยุคใหม่คือสร้างแรงบันดาลใจ และเอาความรู้ที่มีอยู่คือ 2 R’s

          R ตัวที่ 1 คือ Reality คือความจริงที่พาองค์กรการเคหะไปสู่จุดที่สูงขึ้น มีทีมงานช่วยดูแล และมีหลักสูตรใช้ทั้งเช้าถึงเย็น  การเรียนทั้ง 9 วันจะรู้จักแต่ละท่าน

          R ตัวที่ 2 คือ Relevance คือ การเคหะฯ ยุคต่อไปต้องมีความเสี่ยงมากขึ้น  เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไป

การบรรยายในตอนเช้าจะพูดถึงการเป็นผู้นำที่ดี ตอนบ่ายพูดเรื่องการกำหนดวิสัยทัศน์ว่าเป็นอย่างไร

          การเรียนในรุ่นที่ 4 ต้องปรับปรุงวิธีการทำงานให้เป็นที่ยอมรับกว่าที่ผ่านมา อย่างน้อยในแต่ละวันที่ผ่านมาต้องถามตัวเองว่าได้อะไร สิ่งที่ได้ไม่ใช่แค่ Knowledge เท่านั้น แต่ได้ Process คือกระบวนการในการแสวงหาความรู้ร่วมกัน แล้วเอาความรู้เหล่านั้นมาค้นหาตัวเอง กระบวนการจะมา Unlock

          การสอนจะเข้ามาสู่กระบวนการเรียนรู้ของคุณเป็น Packaging  การเรียนยุคใหม่ให้เบ็ดตกปลา ไม่ได้ให้ปลากิน ใน 22 คน จะเหมือนโค้ชชิ่งโดยสังเกตการณ์เป็นพิเศษว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ทุกคนในตอนนี้ต้องใกล้ชิดกัน ศักยภาพของคุณอยู่ที่การมีพลังขึ้นมา ต้องปลดปล่อยพลังที่ซ่อนไว้อยู่ข้างใน

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          เราจะเรียนอย่างไรให้ได้ประโยชน์ อาจารย์จีระ จะเหมือนให้แก่น จะมีวิธีการจัดการองค์ความรู้ที่ได้มา

          Learning How to learn นำไปสู่อะไร อยากให้ทุกองค์กรเป็น Learning Organization เป็นการเติมความรู้ลงไปและกระตุ้นจากภายในของแต่ละท่านเอง

          การโค้ช คือเหมือนหมอที่วิเคราะห์แต่ละท่าน มีคำถามที่แต่ละท่านต้องวิเคราะห์ออกมาเพื่อให้เกิดวิสัยทัศน์ที่จะมองไปข้างหน้า ผู้นำต้องทำนายอนาคตได้

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ในเช้าวันนี้จะพูดถึงเรื่องผู้นำ

คำถาม  เรียนรู้ผู้นำในบริบทของการเคหะไปเพื่ออะไร

การแสดงความคิดเห็น

กลุ่ม 4  พัฒนาตัวเอง เนื่องจากเราไม่รู้มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร ทำให้ดึงจุดแข็งของเราออกมา

          ดร.จีระเสริมว่า ผู้นำไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง ผู้นำในการเคหะฯ ซ่อนไว้อยู่แล้ว

กลุ่ม 2  ผู้นำต้องนำพาทีมไปสู่เป้าหมายให้ได้ แต่จะทำอย่างไรให้นำพาทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และต้องพัฒนาอย่างยั่งยืน และผู้นำจะต้องใฝ่รู้ สิ่งที่เรียนรู้ได้

           ดร.จีระ ท่านพูดถูก ผู้นำเป็นส่วนหนึ่งของ Human Capital อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือผู้นำไปสู่ตรงไหน ในมุมมองคิดว่าผู้นำจะอยู่ในช่วงสุดท้ายคือเมื่อมีปัญหา  มี Crisis จัดการ ต้องรวมตัวกันเอาชนะสิ่งเหล่านี้

          ผู้นำต้องมี Leadership ผู้นำกับจริยธรรม

กลุ่ม 3  เรามาถึงการทำงานระดับนี้ เราต้องเป็นผู้นำเพราะเราต้องทำงานเป็นทีม และต้องนำให้ได้ การทำงานมีเทคนิค ต้องเรียนรู้ที่จะพูดและสามารถทำงานเป็นทีมเวิร์กเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ทรัพยากรในประเทศมีอยู่น้อยลงไปเรื่อย ๆ เราจึงต้องอาศัยการพัฒนาคน และเครื่องมือเข้ามาช่วยในการบริหารภายใต้ทรัพยากรจำกัด

          ดร.จีระ เสริมว่า เมื่อมี Crisis ผู้นำต้องแก้ และต้องมี 3 V คือ Value Added, Value Creation และ Value Diversity อย่างความหลากหลายของการเคหะฯ มีเรื่องชุมชนเราต้องสร้างความหลากหลายให้ได้

กลุ่ม 1 ผู้นำต้องสอดแทรกกับองค์กรทุกส่วน ถ้าผู้นำไม่ดีจะทำให้เกิดปัญหา การศึกษาผู้นำคือการทำให้มีผู้นำที่ดีในทุกส่วน ทุกระดับ

          ดร.จีระ เสริมว่า ได้ศึกษาเรื่องผู้นำในตัวเองมานานและได้ปะทะกับหลักสูตรต่างประเทศบ่อย ครั้งหนึ่งเคยพา EGAT ไปที่อเมริกา ออสเตรเลีย พบว่าผู้นำเกี่ยวพันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน

          ใน 9 วันถึงจะไม่นานนัก แต่มีความเป็นไปได้ในการมีโครงการร่วมกัน ถ้าเราร่วมกันได้อาจมีหนังสือสักเล่มนึงเพราะเรามีวัตถุดิบอยู่แล้ว  ถ้าเป็นไปได้และมีโอกาสช่วยกันได้อยากให้ทุกท่านกระตุ้นเพื่อให้มีหนังสือมาเพิ่มขึ้น

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          ทั้ง 4 กลุ่มมองไปในลักษณะเดียวกันคือการนำในองค์กรสำคัญมาก ในมุมของดร.จีระ ที่พูดถึงมีทั้งผู้นำปกติ และวิกฤติ เราต้องเรียนรู้ร่วมกัน ในการวางแผนว่าในอนาคตจะมี Crisis หรือโอกาสอะไรเกิดขึ้นได้ เช่น นายกรัฐมนตรีสามารถดึงงบประมาณจากการเคหะฯ ไปทำบ้านให้ผู้มีรายได้น้อยที่ต่างจังหวัด สามารถดึงได้เลย

          การมองเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมองทั้ง 4 กลุ่ม คือเวลาทำงานอะไรให้ดู 1. ภาครัฐ 2. ประชาชน 3.เอกชน ถ้าการเคหะฯจะทำงานลดความเหลื่อมล้ำทำไมถึงไปร่วมกับเอกชนไม่ได้ และ 4. วิชาการ เช่นการทำวิจัยเพื่อมาเติมเต็ม อาทิ การจับมือกับมหาวิทยาลัย และของบประมาณ

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ช่วงบ่ายคือการ Workshop และพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ ในรุ่นที่ 3 พูดถึงความสำเร็จของการเคหะฯ คือดินแดง และชุมชน คำถามคือมูลค่าของชุมชนคืออะไรบ้างที่เกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งจะพูดถึงในช่วงบ่าย

 

ตัวแทนการเคหะฯ สรุปแก่นในเช้าวันนี้เรื่องภาวะผู้นำ

          1. ในความรู้สึกของตนเองคืออาจารย์และทีมงาน ต้องการพลังที่ทำให้การเรียนสนุก มีพลัง ซึ่ง

ดร.จีระ เสริมว่า Energy ไม่ได้มาจากพลังร่างกายเท่านั้น แต่มาจากความคิด จิตวิญญาณ และสังคม

          2. การอบรมทุกคนต้องมีส่วนร่วม เรียกว่าเป็นการอบรมอย่างเป็นทีม และต้องมีการสร้างนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา สำหรับรุ่นที่ 4

           ดร.จีระเสริมว่า แม่ว่าไม่ได้สอนทุกวัน แต่จะสังเกตการณ์ตลอด การมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ไม่ใช่การทำงานแบบเดิม การเป็นลูกศิษย์ของ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ขึ้นทุกคน เพียงแค่ว่าจะขึ้นมากขึ้นน้อย  ดร.จีระ จะกดดันในทางดี

          อาจารย์พิชญ์ภูรี เสริมว่า สิ่งที่สรุปได้หัวใจเลย อย่างเช่น เรื่องพลัง เรียนรู้เป็นทีม Value Diversity ซึ่งย้ำว่าสร้างคุณค่าจากความหลากหลาย ดร.จีระเชื่อว่าเรียนเป็นทีมจะได้ประโยชน์มาก ๆ เนื่องจากทุกท่านมีคุณค่าที่ไม่เหมือนกัน  หลักของ ดร.จีระ มีเรื่องปลูก คือการ Development การพัฒนา เก็บเกี่ยว เช่นการใส่คำถามและให้ท่านตอบคำถาม และ Execution  คือการทำให้สำเร็จ

          ดร.จีระเสริมว่านอกจากมีกลุ่มแล้ว อยากให้มีการจับคู่เรียนเป็น Buddy ด้วย  ทำไมดร.จีระนับถือทุกคน นับถือลูกน้องเพราะแต่ละคนมีไอเดียไม่เหมือนกัน  และใน Buddy ให้คุยกัน เพราะมีประเด็นคือแต่ละคนมีประเด็นไม่เหมือนกัน เราสามารถใช้ความสามารถในจุดที่เรามีนำองค์กรให้เกิดประโยชน์ ซึ่งสิ่งนี้คือ Rhythm & Speed สำคัญมาก

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ผู้นำที่ดีต้องมองภาพใหญ่ Think Macro

โลกและการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคต่าง ๆ ถึงปัจจุบัน

          จากยุคที่ 1 ยุคเกษตรกรรม สู่ยุคอุตสาหกรรม สู่ยุค Information Technology ปัจจุบันเราก้าวสู่ยุคที่ 4 หรือ Fourth Wave ซึ่งในอนาคตต้องเน้น

          - Sustainability

          - Wisdom

          - Creativity

          - Innovation

          - Intellectual Capital

ผู้นำกับผู้จัดการอย่างไร

          ผู้นำ

          - เน้นที่คน

          - Trust

          - ระยะยาว

          - What,Why

          - มองอนาคต ขอบฟ้า/ภาพลักษณ์

          - Change

          ผู้บริหาร

          - เน้นระบบ

          - ควบคุม

          - ระยะสั้น

          - When,How

          - กำไร/ขาดทุน ทุก 3 เดือน

          - จัดการให้สำเร็จ มีประสิทธิภาพ

          - Static

          การเคหะฯ ต้องกำหนดวิสัยทัศน์ตนเองว่าเป็นแบบใด เช่น ที่ดินติดรถไฟฟ้ามาก แต่มีนโยบายว่าไม่ให้การเคหะฯ แข่งกับเอกชน

ทฤษฎี 3 L’s

คือ Learning from Pain , Learning from Experience , Learning from Listening

ชนิดของผู้นำ

          - Trust / Authority Leadership

          - Charisma Leadership

          - Situational Leadership

- Authentic Leadership คือผู้นำที่เป็นของแท้

ผู้นำระดับสูงสุดคือผู้นำที่ถ่อมตัวมากที่สุด

ในต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันตกมีหัวข้อวิจัยมากมายเกี่ยวกับผู้นำสำหรับตะวันออกยังมีน้อยอยู่จึงมักจะใช้ Role Model เป็นหลัก อาทิ

พระนเรศวร    ด้านความกล้าหาญ

รัชกาลที่ 5      ด้านมองการณ์ไกล (Visionary)

รัชกาลที่ 9      ด้านการพัฒนาแบบยั่งยืน (เศรษฐกิจพอเพียง)

ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์     ด้านมีความรู้ดีและกล้าหาญ

ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์   ด้านความรู้ดี และกล้าหาญ

          ชวน หลีกภัย   ด้านผู้นำและ Trust

          พารณ           ด้านผู้นำกับคุณธรรม

          ทักษิณ           ด้านเร็ว และความคิดใหม่

          บัณฑูร ล่ำซำ   ด้าน Transformation กับ Leadership

8 Rules of Leadership (Nelson Mandela)

1. กล้าหาญ

2. ต้องรุกได้ แต่ต้องตั้งรับและไม่ประมาท

3. การนำอยู่ข้างหลังจะต้องแน่ใจว่า คนที่เรายกย่องให้มีบทบาทอยู่ข้างหน้าต้องให้เขามีความรู้สึกว่า เขาได้นำอย่างน่าภูมิใจ และสมศักดิ์ศรี

4. ถ้าจะจัดการบริหารศัตรู ต้องรู้จักศัตรูให้ดี

5. การจะอยู่อย่างผู้นำควรใกล้ชิดกับเพื่อน แต่กับคู่แข่ง หรือคนที่เราไม่ชอบ ต้องใกล้ชิดมากกว่า

6. มีภาพลักษณ์ที่ดี ต้องปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ อย่างมีเกียรติและสง่างามเสมอ

7. ไม่เน้นถูกหรือผิดแบบ 100 % หรือขาวหรือดำ 100 % มีการประนีประนอมที่เหมาะสม แต่รักษาหลักการไว้ และหาทางตกลงกันได้แบบ Win-Win

8. รู้ว่าจะหวะไหน จะ “พอ”  หรือ จะ “ถอย”

8 Rules of Leadership (Obama)

  • สร้างศรัทธาและความมั่นใจ Trust และ Confidence แก่ผู้ร่วมงานและแนวร่วม
  • เป็นผู้นำต้องรู้ว่า จะพาประเทศไปทางไหนโดยสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Communicate your Vision Effectively)
  • สร้างให้คนส่วนใหญ่ เข้าถึงประวัติ ความสำเร็จ ความสามารถที่สะสมมาในอดีต สร้างชื่อเสียง (Build Strong Reputation)
  • สร้าง Networks ในทุกๆ แห่ง โดยเฉพาะในจุดที่ตัวเองอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมพันธ์มาก่อน (Make Friends in Unusual Places)
  • ทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่มีแค่ High performance ของความสำเร็จของบางกลุ่ม แต่ต้อง All hands คือการให้ทุกๆ คนมีส่วนได้ส่วนเสีย ก็คือการสร้างทีมงานที่ทุกคนทำงานร่วมกัน
  • สร้างความหลากหลายให้เป็นมูลค่าเพิ่ม (Diversity to value added)
  • ใช้ Technology ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน เช่นการสร้าง Social Network ก็ให้คน 2 ล้านคน ช่วยสนับสนุนการเงินในช่วงหาเสียง
  • สร้างขวัญกำลังใจให้แก่เพื่อนร่วมงานทุกคน (Motivation and inspiration)

คุณสมบัติของผู้นำของฮิลลารี คลินตัน

  • เรียนรู้ตลอดชีวิต
  • อย่าพอใจกับปริญญาเท่านั้น
  • อย่าพอใจกับการเรียนในห้อง (Formal Learning)
  • สนุกกับการคิดนอกกรอบ
  • สนุกกับการคิดข้ามศาสตร์
  • ถึงจะเก่งอย่างไร? ก็ต้องรับฟังคนอื่น

6 of the Dalai Lama's Leadership Principles

1.  อย่าสั่งการ ต้องเป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน

2. ถ้าต้องการเรียนรู้อะไรบางอย่าง ต้องฟัง และค้นคว้าหาข้อมูล

3.  อย่าคิดว่าตัวเราคิดถูกทุกเรื่อง หากมีคนที่คิดไม่เหมือนเราซึ่งคุณคิดว่าไม่ถูกต้อง..ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้

4. มีอารมณ์ขัน อย่าโกรธง่าย รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

5. สอนให้คนรู้จักคิด หาคำตอบได้ด้วยตัวเอง อย่าบอกคำตอบหรือหาทางออกให้ทุกเรื่องทุกเรื่อง

6. มีความรับผิดชอบ

คุณสมบัติของผู้นำของท่านผู้ว่าฯ เกษม จาติกวณิช หรือ “Super K”

1. ผู้นำต้องมีความรู้

2. ผู้นำต้องทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารักและเคารพ

3. ผู้นำต้องสร้างจิตวิญญาณในการทำงานเป็นทีม

4. ผู้นำต้องรู้จักมอบหมายงาน

5. ผู้นำต้องฟังความเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ

6. ผู้นำต้องรู้จักให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่โอ้อวดและยกตนข่ม

7. ผู้นำต้องมีความเมตตา โอบอ้อมอารีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

4 E’s Leadership ( Jack Welch )

  • Energy มีพลัง
  • Energize สามารถกระตุ้นให้คนอื่นมีพลัง
  • Edgeเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ
  • Execution ลงมือทำให้เกิดความสำเร็จ

4 Roles of Leadership (Stephen Covey)

1. Path finding การค้นหาเส้นทางความก้าวหน้า/การพัฒนา

2. Aligning    กำหนดทิศทางไปในแนวทางเดียวกัน

3. Empowering    การมอบอำนาจ

4. Role Model   การเป็นแบบอย่างที่ดี

ทฤษฎีล่าสุดของ    Jack Welch

Leader / Teacher

Leadership Roles (Chira Hongladarom’s style) 1.  Crisis management การจัดการภาวะวิกฤต

2. Anticipate change คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงได้

3. Motivate others to be excellent  การกระตุ้นผู้คนสู่ความยอดเยี่ยม

4. Conflict resolution การแก้ไขความขัดแย้ง

5. Explore opportunities การสร้างโอกาสแก่ผู้อื่น

6. Rhythm & Speed รู้จักใช้จังหวะและความรวดเร็ว

7. Edge ( Decisiveness ) กล้าตัดสินใจ

8.Teamwork ทำงานเป็นทีม

9. Uncertainty Management การบริหารความไม่แน่นอน

ภาวะผู้นำของ Peter  Drucker

1. Ask what needs to be done ถามตัวเองว่าเราต้องทำอะไรให้สำเร็จ

2. Ask what’s right for enterpriseถามว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องลงมือทำ

3. Develop  action  plansพัฒนาแผนปฏิบัติการ

4. Take  responsibility for decision รับผิดชอบต่อการตัดสินใจ

5. Take  responsibility for  communicating รับผิดชอบต่อการสื่อสาร

6. Focus on opportunities  not problemsมุ่งที่โอกาสไม่ใช่ปัญหา

7. Run  productive  meetings จัดให้มีการประชุมที่สร้างให้เกิดผลผลิต

8. Think  and say  We not  I คิดและพูดด้วยคำว่า “เรา” ไม่ใช่ “ฉัน”

กรณีศึกษาผู้นำจีน 5 รุ่น

รุ่นที่ 1 (1949 - 1976)

เป็นผู้นำรุ่นบุกเบิกมี เมาเซตุง (Mao Tse-tung) หรือ โจว เอ็นไล (Zhou En lai) เป็นหลัก รุ่นนี้ คือ รุ่นเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชนะการปฏิวัติมา เป็นผู้บุกเบิก ต้องบริหารการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างจะมากต้องสร้างระบบให้แน่น เพราะระบบเดิมยกเลิกหมด เช่น ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของรัฐไม่ใช่ของบุคคลเศรษฐกิจ คือ รัฐเป็นคนกำหนด

รุ่นที่ 2 (1976 - 1992)  คือ เติ้ง เสี่ยว ผิง (Deng Xiaoping)

 

เป็นช่วงที่การเมืองนิ่งแล้ว แต่ระบบเศรษฐกิจแบบรัฐเป็นผู้กำหนด จะไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในชาติได้ เพราะประชากรมาก – คาดหวังสูง จึงต้องมีเติ้งเสี่ยวผิงมาเป็นผู้นำ

เน้นทฤษฎีไปสู่ Practical เป็นผู้ที่พูดว่า “แมวสีอะไรก็ได้ขอให้จับหนูเป็น” คือ เป็น 1 ประเทศ 2 ระบบ นำเอาทุนนิยมเข้ามา – เชิญต่างประเทศเข้ามาลงทุน ทำให้จีนขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็ว เพราะคนจีนขยันและเคยทำการค้ามาก่อน วันนี้จีนเติบโตมากกลายเป็นมหาอำนาจ

รุ่นที่ 3 (1992 - 2003)  คือ เจียง ซี มิน (Jiang Zemin)

เป็นผู้นำประเทศสู่โลกภายนอก เศรษฐกิจแข็งแรงขึ้น แต่ต้องมีบทบาทในโลก จัดประชุม APEC 2003 ในจีน นำจีนเข้า WTO เปิดประเทศทางเศรษฐกิจมากขึ้นส่งความช่วยเหลือไป Africaและประเทศด้อยพัฒนา

รุ่นที่ 4 (2003 – 2013) คือ หู จิ่นเทา (Hu Jintao)

เห็นความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับ 2 ของโลก จีนมีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้นทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ แต่เริ่มมีปัญหาเสรีภาพในประเทศ และความเหลื่อมล้ำ

รุ่นที่ 5 (2013 – 2023) คือ สิ จินผิง (Xi Jinping)

ผู้นำรุ่น 5 จะต้องเก่งเรื่องประชาธิปไตยเปิดแบบจีนที่โลกยอมรับ มีสิทธิมนุษยชนมากขึ้น และดูแลการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจไปทุกกลุ่มและทุกภูมิภาคของจีนไม่ให้เหลื่อมล้ำ ให้เศรษฐกิจจีนสมดุลกับโลกภายนอก โดยเฉพาะค่าเงินหยวน

Xi jinping

พื้นฐานดี เรียนวิศวะ แล้วจึงมาเป็นผู้นำ คือ มีระบบความคิดเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่เหมือนผู้นำไทยส่วนใหญ่คิดไม่เป็นระบบ ชีวิตช่วงวัยรุ่น เจ็บปวด เพราะ มีปัญหาทางการเมืองในจีนจึงถูกส่งไปฝึกงานในชนบท คลุกคลีกับชาวบ้าน คือ ติดดิน เห็นความจริงของสังคม เปรียบเทียบกับอดีตนายกอภิสิทธิ์เป็นคนดี แต่ไม่รอบรู้สังคมและวิถีชีวิตไทยอย่างลึกซึ้ง เป็นคนมีหลักการ มีวิธีการที่ปฏิบัติดีที่ทำให้หลักการไปสู่ความสำเร็จ คือ หลักการไม่เคยเปลี่ยน คือ จีนเป็นสังคมนิยม กระจายรายได้เสมอภาคไม่ใช่รวยอย่างเดียว ต่างกับอุดมการณ์ของระบอบทักษิณ มีวิธีการอย่างเดียวคือรวย แต่ได้มาอย่างไรก็ได้

ยกย่องเติ้งเสี่ยวผิงที่ให้ประเทศจีนมี 2 ระบบการเมืองและดึงทุนนิยมเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก

เน้นคุณธรรมจริยธรรมก่อน ความรวย หนังสือของเขาชื่อ The Governance of China แปลว่าเป็นประเทศจีนโปร่งใส ไม่ยอมให้เกิดการโกงขึ้นในประเทศ จึงเป็นผู้นำที่น่ายกย่อง ยุคเขาจัดการผู้นำจีนใหญ่ๆหลายคนเข้าคุก ดำเนินคดีเป็นตัวอย่างโดยไม่กลัวอิทธิพลใดๆ

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          รูปแบบของผู้นำแต่ละแบบขึ้นกับตัวเราด้วย เราก็จะเลือกการเรียนรู้ผู้นำที่มีลักษณะคล้าย ๆ เรา อยากยกตัวอย่างของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นตัวอย่างของผู้นำที่มี Charisma คือมีความนุ่มนวล แต่เด็ดขาด  หลายเรื่องที่อาจารย์จีระ สอนเราดีสำหรับเก็บและฝึกตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าเป็นทุกอย่างที่ตัวต้องการ ให้เลือกที่ตัวเองเด่น และเสริมตรงนั้น ให้เลือกผู้ช่วย บางคนที่มีเสน่ห์มาก ๆ อาจใช้ กฎระเบียบ ให้แน่นและ Control ไป

          การดูว่าผู้นำแบบไหนเหมาะสม ให้ดูช่วงเวลา และองค์กรด้วย

 

Workshop

กลุ่มที่ 1 อ่านบทความแล้ววิเคราะห์เปรียบเทียบผู้นำ 2 ยุค ตัวอย่างของ ดร.จีระ กับ ปีเตอร์ดรักเกอร์ สิ่งที่เหมือนกันคืออะไร และสิ่งที่ต่างกันคืออะไร และมีอะไรที่จะนำมาปรับใช้กับการเคหะฯ

กลุ่มที่ 2 จากเรื่องผู้นำจีน ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญของการเคหะฯ และบทบาทของผู้นำในแต่ละช่วงของการเคหะฯ มีบทเรียนอะไรที่สำคัญสำหรับอนาคตของการเคหะฯ

กลุ่มที่ 3 วิเคราะห์ภาวะผู้นำและบทบาทของผู้นำของ Donald Trump กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร และมีบทเรียนอะไรบ้างจะนำมาปรับใช้กับการเคหะฯ

กลุ่มที่ 4 วิเคราะห์วิธีการในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของการเคหะฯ ที่เหมาะสมโดยเน้นความหลากหลายของอายุและแนวคิด


การนำเสนอ

กลุ่มที่ 1 อ่านบทความแล้ววิเคราะห์เปรียบเทียบผู้นำ 2 ยุค ตัวอย่างของ ดร.จีระ กับ ปีเตอร์ ดรักเกอร์ สิ่งที่เหมือนกันคืออะไร และสิ่งที่ต่างกันคืออะไร และมีอะไรที่จะนำมาปรับใช้กับการเคหะฯ

          จากข้อมูลที่ได้รับ แต่ยังไม่ได้ลงลึกโดยตรง

สิ่งที่เหมือน

1. การจัดการภาวะวิกฤติ เมื่อเกิดวิกฤติแล้วจะหาความรู้และแนวทางอะไรมาแก้วิกฤติ

ต่อยอดโดยการพัฒนาแผน

2. การคาดการเปลี่ยนแปลง น่าจะมีจุดประชุมที่สร้างให้เกิดการ

3. การกระตุ้นคนสู่ความยอดเยี่ยม สิ่งที่เหมือนกันคืออะไรคือสิ่งที่ถูกต้องในการลงมือทำ และคิดและพูดด้วยคำว่าเรา

4. การแก้ไขความขัดแย้ง การคิดและพูดคำว่าเรา ไม่ใช่ฉัน

5. การสร้างโอกาสจากผู้อื่น  คือทั้งคู่มุ่งที่โอกาสไม่ใช่ปัญหา

7. การตัดสินใจ          คือเรื่องการรับผิดชอบการตัดสินใจ

8. การทำงานเป็นทีม   มีการจัดประชุมเพื่อให้เกิดผลผลิต

9. การบริหารความไม่แน่นอน  ถามตัวเองว่าเราต้องทำอะไรให้สำเร็จ

สิ่งที่แตกต่างคือข้อ 6 คือรู้จักจังหวะและการรวดเร็ว ยังมองไม่เห็นในของ Peter แต่ของอาจารย์จีระเห็นในเรื่องนี้

การปรับใช้ จะใช้ข้อมูลและการดำเนินงานวิเคราะห์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีการสร้างแรงจูงใจในการทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็ง ที่จะต่อสู้อุปสรรคในอนาคต ต้องมีการคำนึงถึงภาครัฐ เอกชน  ประชาชนและนำวิชาการมาแก้ไขปัญหา

การร่วมแสดงความคิดเห็นโดยกลุ่ม 2

กลุ่ม 2 เห็นต่างในข้อ 6 สามารถโยงไปเรื่องอะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ลงมือทำ

ของดร.จีระ ข้อ 3 การกระตุ้นสู่ความเป็นเลิศน่าจะมากกว่าของ Peter Drucker

 

ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

          การเขียนของ Peter เป็นการเขียนในยุคอุตสาหกรรม เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รวดเร็ว ไม่ใช่ Digital  ส่วนของการเคหะฯ วิกฤติเกิดขึ้นแล้วตลอด มาแล้วมาอีก และมาแบบขนมชั้น ผู้นำที่ดีต้องจัดการกับ Crisis ได้ ไม่ใช่จัดการเสร็จแล้วเลิกกันไป

          Rhythm & Speedมีความสำคัญ ถ้าช้าจะมีปัญหาได้

          ทุกคนในวันนี้ต้องเตรียมพร้อมในการพัฒนาในสิ่งที่ดี ต้องเตรียมพร้อมทั้งดีและร้าย

 

กลุ่มที่ 2 จากเรื่องผู้นำจีน ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญของการเคหะฯ และบทบาทของผู้นำในแต่ละช่วงของการเคหะฯ มีบทเรียนอะไรที่สำคัญสำหรับอนาคตของการเคหะฯ

           คนที่ 1 ผู้ว่าฯ วทัญญู  ณ ถลาง เป็นช่วงแรกมาจากการปฏิวัติปี 2516 มีการจัดตั้งการเคหะฯ เน้นเรื่องการปรับปรุงที่อยู่อาศัย แหล่งเสื่อมโทรม เชื่อว่าท่านผู้ว่าฯ มีบทบาทสูงมากในยุคนั้น

          เปรียบเทียบกับเหมาเจอตุงเป็นยุคบุกเบิก

          คนที่ 2 ผู้ว่าฯ รัตตยา  จันทรเทียร เป็นลูกหม้อ มีความเป็นผู้นำสูง เด็ดเดี่ยว มีนักการเมืองเข้ามาด้วย สามารถหล่อหลอม และพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง

          เปรียบเทียบกับ เติ้งเสี่ยวผิง

          คนที่ 3 ผู้ว่าฯ ชวนพิศ  ฉายเหมือนวงศ์ เป็นผู้ว่าผู้หญิงคนที่ 2 รัฐบาลเปลี่ยนแปลงนโยบายประชานิยม ท่านผู้ว่าฯ ต้องดำเนินตามนโยบายรัฐบาลให้ตอบสนอง ภายใต้แรงกดดันเรื่องเอื้ออาทร มีทั้งบทเรียนที่ดี และที่ด้อย

          เปรียบเทียบกับ เจิงซิมิง

          คนที่ 4 ผู้ว่าฯ ดร.ธัชพล  กาญจนกูล มาจากคนนอก มาจากแบงค์ออมสิน มีผู้นำสูง เป็นประชาธิปไตย อยู่ในแผนปรับปรุงโครงสร้าง และมีแนวทางสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ มีการพัฒนาแหล่งชุมชน

          เปรียบเทียบกับ สิ จิน ผิง         

การร่วมแสดงความคิดเห็นโดยกลุ่ม 3

          เปรียบเทียบผู้นำจีนกับผู้นำการเคหะฯ แต่ละยุค ในยุคแรกเป็นยุคเริ่มต้น มาในยุคผู้ว่าฯ เชิงพิศ มีปัจจัยภายนอกมากดดัน จนถึงเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องแก้ไขปัญหาในการพลิกฟื้นองค์กร จึงต้องการผู้บริหารที่มีความเป็นผู้นำและมีวิสัยทัศน์  เปรียบเทียบผู้นำจีน การเคหะฯ ยังขาดการพัฒนาผู้นำด้านทุนมนุษย์ให้มีความเป็นมืออาชีพและการบริหาร

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ได้มีโอกาสเจอผู้นำการเคหะฯ 3 ช่วง มีช่วงที่เจอการเมือง และมีแรงกดดันมาก ถูกกระแสประชานิยม และมีผลกระทบต่อพวกเรามาก ต้องมีนโยบายไม่ให้ปกป้องมากเกินไป คุณภาพที่อยู่อาศัยไม่ดี ต้องมีการลดคอรัปชั่น ในยุคต่อไปเราต้องระวังไม่ให้การเมืองเข้ามา ถ้าการเมืองเป็นประชาธิปไตยมาก ต้องฝึกเรื่องทุนทางจริยธรรมด้วย การรวมตัวมาก ถ้าคนที่รวมตัวเป็นมืออาชีพ มีอุดมการณ์จะสามารถบรรลุปัญหาไปได้ เป็นบทเรียนที่ดี

          ของจีนถ้าไม่มีเติ้งเสี่ยวผิง อาจมีปัญหา มาในช่วงยุคสิ จินผิง ก็ได้มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างดี สิ่งที่น่าสนใจคือใน 10 ปีจะมีผู้นำจีนที่เด่น ๆขึ้นมา

 

กลุ่มที่ 3 วิเคราะห์ภาวะผู้นำและบทบาทของผู้นำของ Donald Trump กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร และมีบทเรียนอะไรบ้างจะนำมาปรับใช้กับการเคหะฯ

          ยึดทฤษฎี 8K’s มาวิเคราะห์ความเหมือนและแตกต่าง

1. ทุนมนุษย์     เหมือนกันคือความเป็นผู้นำในสายวิชาชีพอย่าง   ท่านประยุทธ์เป็นผู้นำทางทหาร  Trump เป็นผู้นำทางธุรกิจ                     

2. ทุนทางปัญญา   ทั้งสองท่านเรียนหนังสือเก่ง และฉลาด ประสบความสำเร็จอาชีพเหมือนกัน

3. ทุนทางจริยธรรม  ท่านประยุทธ์ไม่มีด้านจริยธรรมชัดเจน ส่วน Trump มีปัญหาด้านจริยธรรม

4. ทุนแห่งความสุข  ทั้งสองท่านเหมือนกัน คือมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี

5. ทุนทางสังคม ท่านประยุทธ์ ความเชื่อมั่นสูง พูดจริง ทำจริง อนุรักษ์นิยาม ชาตินิยม  ส่วน Trump มีเหมือนกันแต่ต้นทุนทางอารมณ์ต่ำ

6. ทุนแห่งความยั่งยืน ท่านประยุทธ์ใช้กฎระเบียบมาสร้างความยั่งยืน ทางกฎหมาย  Trump ใช้ความคิดนอกกรอบ ทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์

7. ทุนทาง IT ได้ดีตามยุคสมัย  ได้ดีตามยุคสมัย

8. ทุนทางความรู้  ท่านประยุทธ์และ Trump การศึกษาดี

9. ทักษะ ,ทัศนคติ ท่านประยุทธ์ การเปลี่ยนแปลงน้อย Trump การเปลี่ยนแปลงสูง

สรุป นำบทเรียนมาใช้กับงาน กคช.ในเรื่องของกล้าคิด กล้าตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรมและธรรมาภิบาล

การร่วมแสดงความคิดเห็นโดยกลุ่ม 4

          ที่มาของนายกประยุทธ์ และ Trump มาคนละแบบคือเลือกตั้งและแต่งตั้งในบริบทของการเคหะยังมีความแตกต่างอยู่

          ส่วนการเคหะฯ มีเรื่องชุมชนและสังคมที่มาเกี่ยวข้องตลอด สิ่งที่เราจะเจอในอนาคตเป็นสิ่งที่เราควรตระหนักให้ดี

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ข้อดีคือเลือกทฤษฎี 8K’s 5K’s มาวิเคราะห์มีการนำเสนอชัดเจน ชอบที่บอกว่าทุนทางจริยธรรมของ Trump น่าจะมีปัญหามากกว่าคุณประยุทธ์ เรื่องทุนทางอารมณ์ทั้งประยุทธ์และ Trump มีปัญหาเหมือนกัน

          ในโลกปัจจุบัน เราโชคดีที่ได้เห็น Trump เกิดขึ้นในยุคนี้ ที่เห็น Trump ในสังคมที่แปลก มีฐานการเมือง มีคนผิวขาว หัวรุนแรงเอียงขวา ต่อต้านผู้อพยพ ตกงาน เพราะอุตสาหกรรมแพ้ประเทศอื่น แต่ Trump เป็นนักธุรกิจที่อ่อนแอมาก พูดจา Ego พูดแต่ตัวเขาเอง และมีการอ้างอิงข้อมูลที่ผิดแต่ตัวเขาคิดว่าถูก คิดว่านักวิชาการทั้งหลายคงอึดอัด และเมื่อเห็นบทบาทของ Trump อาจผิดหวัง และ Trump มีความขัดแย้งเรื่อง Human Right ที่ผิวดำต้องเสียเปรียบผิวขาว ส่วนท่านประยุทธ์ การมาแม้เป็นการปฏิวัติแต่ได้คนดี มีพื้นฐานทางทหาร

          ปัญญา เครือข่าย ความสุขอาจนำมาวิเคราะห์เพิ่มเติมทีหลัง

          การจบจากห้องนี้ไปแล้วให้เอาหลัก Conceptual มาใช้ และถ้าติดตัวไปเรื่อย ๆ จะเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ด้วย

          ธุรกิจเพียว ๆ มองแคบ ข้าราชการเพียว ๆ ก็มองแคบ เช่นกัน ดังนั้นต้องพบกันครึ่งทาง

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          ขอชื่นชมการวิจารณ์ของการเคหะฯ ที่มีการวิจารณ์แบบนุ่มนวล  Soft ไม่แรง และชื่นชมที่กลุ่ม 4 วิจารณ์เป็นการต่อยอดได้ดี

ข้อน่าสังเกตTrump บอกว่า อเมริกาสำคัญที่สุด ท่านประยุทธ์ บอกว่าไม่ทิ้งไว้ข้างหลัง แต่

 

กลุ่มที่ 4 วิเคราะห์วิธีการในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของการเคหะฯ ที่เหมาะสมโดยเน้นความหลากหลายของอายุและแนวคิด

          องค์กรของการเคหะฯ ตามที่เป็นอยู่ประกอบกลุ่มด้วยหลายอาชีพที่แตกต่างกันตามเพศ และอายุ

คุณสมบัติของผู้นำที่ต้องการคือ

1. มีธรรมาภิบาลและจริยธรรม

          วิธีการสร้างผู้นำ การสร้างสถานการณ์เพื่อให้เห็นผลลัพธ์และปรับปรุงกฎระเบียบ

2. บริหารวิกฤติได้ดี

          วิธีการสร้างผู้นำ สร้างวิกฤติให้เป็นโอกาส

คำถามจาก ดร.จีระ ถ้าเกิดการเมืองยุคต่อไปที่เน้นประชานิยม จะจัดการอย่างไร

คำตอบ จากที่ผ่านมาในปี 2546 ได้มีนโยบายบ้านเอื้ออาทร สิ่งที่ต้องการคือต้องมองเรื่องตัวโครงการฯ และบุคลากรที่มาดำเนินการ ที่ผ่านมาในการรับนโยบายการก่อสร้างใช้การ Turn Key คือเอกชนมาร่วม แต่ที่ผ่านมามีการรั่วไหลมากเกินไป

          ดร.จีระเสริมว่า ในรุ่นนี้ต้องร่วมมือกัน และจับมือกันไว้ ถ้ารวมตัวกันทำงานร่วมกันจะสามารถเป็นข้าราชการที่ดีได้ และหวังว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะเราต้องรักษาผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

3. การทำงานเป็นทีม

          วิธีการสร้างผู้นำ สร้างผู้นำที่ยอมรับความคิดเห็นที่มีส่วนร่วมกัน การบูรณาการร่วมกัน

4. การมีแนวคิดในเรื่องนวัตกรรมใหม่ ๆ มีการสร้างเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมทุนของการเคหะฯ กับเอกชนในการทำโครงการใหม่ ๆ

การร่วมแสดงความคิดเห็นโดยกลุ่ม 1

          ทุกอย่างครอบคลุมในการสร้างผู้นำ อยากเพิ่มเรื่องการสร้างความรักและผูกพันในองค์กรจะไม่ทำให้องค์กรเสียหาย

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ยาก ไม่ง่าย การทำงานครั้งต่อไปต้องสร้างให้แตก คือวิธีการในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ เน้นความหลากหลายของอายุและแนวคิดด้วย  ยกตัวอย่างของคุณโอบามาเน้นเรื่องการจัดการความหลากหลาย คือการเอาความหลากหลายมาสร้างมูลค่า  มีเรื่องคนรุ่นใหม่เข้ามา ก็อาจมีเรื่องของการสร้าง Platform ได้แสดงถึงความยอดเยี่ยม และคุณฮิลลารี่ที่สามารถใช้กับผู้นำยุคใหม่ได้ การคิดข้ามศาสตร์ เราต้องอยู่ร่วมกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร การจัดการความขัดแย้ง เราจะแก้ไขอย่างไร เป็นหน้าที่ที่ต้องไปสังเคราะห์

          ประเด็นสำคัญคือได้ปะทะกันวิเคราะห์กันแล้ว และได้มีการเติมเต็มซึ่งกันและกัน เพราะบางคนอาจมองไม่เห็น แต่อีกคนมองเห็น

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ยุคนี้เป็น Value Diversity ยุคนี้มีความแตกต่าง ต้องเปลี่ยนความแตกต่างเป็น Harmony คือต้องมีความกลมกลืน

          Principle คือสร้างความเชื่อใจในเรื่องความความแตกต่างและให้เขาได้แสดงออกได้อย่างเต็มที่ ปัญหาประเทศไทย ให้มีความหลากหลายในการแสดงความคิดเห็น

          สิ่งที่แตกต่างจากรุ่น 1-3 อันหนึ่งคือ เรื่อง Text ของ โอบามา และฮิลลารี่พูดน้อยไป ในวันนี้กำลังอ่านเรื่อง แอรอลมาสก์ ที่กำลังทำเรื่อง Space Industry ข้อดีของอาจารย์จีระ คือบ้าการเรียนรู้

          ยกตัวอย่างของ Mandela เราต้อง Turn ศัตรูให้เป็นมิตร

          หนังสือเล่มแรกที่จะให้อ่าน คือ Alibaba เป็นหนังสือเกี่ยวกับ Online Commerce

ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (2)

ดร.จีระ ถาม    กลุ่มที่  1: เมื่อเช้านี้ได้แรงบันดาลใจ  1 เรื่องคืออะไร

ตอบ การสร้างพลังในตนเองที่มีอยู่ที่ถูกปลุกมาสร้างให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร

          ดร.จีระเสริมว่า แรงบันดาลใจเกิดจากการที่เราไป Unlock สิ่งที่มีอยู่ข้างในออกมา การศึกษาที่สำคัญที่สุดคือการนำสิ่งที่มีอยู่ออกมาออกมาได้

          ขั้นตอนที่ผ่านไปตั้งแต่วัน Kick Off กับวันนี้ Process อะไรจะมีคุณค่าต่อคุณ

 

ดร.จีระ ถาม    กลุ่มที่ 2 : ความรู้ผู้นำที่ได้เมื่อเช้านี้2 เรื่องใหญ่เกี่ยวกับที่เป็นประโยชน์ต่อคุณคืออะไร

ตอบ    ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ และต้องเป็นวิสัยทัศน์ที่ดีและเป็นบวกด้วย ที่จุดประกายเมื่อเช้าตรงจุดไหนที่บอกว่าผู้นำมีวิสัยทัศน์ คือตรงที่เปรียบเทียบกับ Peter Drucker อาจารย์จีระ เน้นความรู้ความสามารถเป็นหลัก ของ Peter Drucker เป็นรูปแบบธรรมดาไม่ก้าวกระโดด 

          ดร.จีระเสริมว่า ในช่วงที่เป็น Peter Drucker Speed ของโลกยังช้าอยู่ แต่ตอนที่ ดร.จีระเขียนโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          ท่านแรกมองเป็นปัจเจกคือศักยภาพทุกท่านมีอยู่แล้วแต่ไม่ได้มีโอกาสในการดึงออกมา การนำของแต่ละท่านมาหลอมรวมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อองค์กร

          ท่านที่สองพูดเรื่องวิสัยทัศน์ที่ดี การที่แต่ละท่านคิดต่าง ต้องดูบริบท เช่น Peter Drucker เป็น CEO มาก่อน หมายถึงต้องเป็นผู้จัดการได้ด้วย ส่วนอาจารย์จีระมีบริบทในการทำงานวิชาการระดับประเทศ และเป็นประธานคณะทำงานด้านทรัพยากรมนุษย์ของ APEC

          ทำไมคน ๆ หนึ่งคิดแบบหนึ่ง บางครั้งต้องเลือกว่าทำอะไร อาจารย์เป็นนักวิชาการที่มธ. แล้วเลือกทรัพยากรมนุษย์ โดยสมัยนั้นไม่มีใครทำเรื่องทรัพยากรมนุษย์ สมัยนั้นยังมองเป็นทรัพยากรธรณี

          ดร.จีระเสริมว่าในช่วง 40 กว่าปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีพูดเรื่องทรัพยากรมนุษย์ ถ้าการเคหะฯ เป็น Human Capital Enterprise ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเข้ามา

          อย่าง Peter Drucker บริบทในการทำงานแตกต่าง และช่วงระยะเวลาแตกต่างกับ ดร.จีระ เพราะช่วงนั้น Peter ต้องเน้นการทำงานที่มุ่งนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ

          การพูดครั้งนี้เป็นตัวอย่างของวิสัยทัศน์คือ การมองในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้วจะทำเรื่องนี้ การสร้างสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มธ. อาจารย์จีระทำเรื่องนี้แต่เป็นการทำที่หลากหลาย เช่น แรงงาน ประกันสังคม แต่เรามีความคิดเหมือนดร.จีระ ทุกคนหรือไม่ อยากให้ทุกคนฝึกความคิดนอกกรอบก่อน แล้วจะรู้ว่าอันไหนทำได้ อันไหนทำไม่ได้      

          ดร.จีระ เสริมว่าต้องเป็นวิสัยทัศน์ของคนในห้องนี้ที่ต้องมองจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไรบ้าง

 

ดร.จีระ ถาม    กลุ่มที่ 3 : การทำงานใน 8K’s 5K’s มีเรื่องทุนแห่งความสุข ถ้าจะถามว่า Happy at work กับ Happy workplace แตกต่างกันอย่างไร และจะกระทบกับการเคหะอย่างไร

ตอบ    Happy workplace เป็นการทำงานที่มีความสุขในสถานที่นั้นด้วย ส่วน Happy at work มาจากส่วนบุคคลคือมีความสุขในการทำงานไปด้วย

          ดร.จีระ เสริมว่า Happy workplace เป็นเรื่ององค์กร และ Happy at work เป็นเรื่องการทำงาน

 

ดร.จีระ ถาม    กลุ่มที่ 4 : ถ้าเราจะมี Happy at work ที่การเคหะฯ เราควรมีปัจจัยอะไรบ้าง และถ้ามี 10 คะแนน ตัวคุณจะมีคะแนนเท่าไหร่

ตอบ   สำหรับตัวเองในส่วนที่เข้าอบรมคือมีช่วงวัยที่ใกล้กัน มีการคุยกันที่ดี ถ้า 10 คะแนนให้ 8 คะแนน

          ดร.จีระเสริมว่าความคิดเห็นว่าน่าจะมี 4 ปัจจัยด้วยกันคือ     

          1. สุขภาพกับการออกกำลังกาย

          2. Passion เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการทำงานคือการหลงใหลในงานของตัวเอง

Passion มี 2 อย่างคือทางดีและทางไม่ดี ยกตัวอย่าง ดร.จีระในช่วงหนุ่ม ๆ ชอบทำงานจะกลับดึกมาก

          3. Purpose ถามตัวเองว่าทำงานไปเพื่ออะไร ให้ค้นหาตัวเองอีกครั้ง

          4. Meaning ทำงานแล้วชีวิตมีความหมายหรือไม่ บางคนไม่ทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว  เงินเยอะมากจะไม่ทำ เช่นบริษัทที่ทำโฆษณาอบายมุขเขาจะไม่ทำ  

          ถ้ามีบ้านมีที่อยู่อาศัยที่ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นด้วยไม่มากก็น้อย

          อาจารย์พิชญ์ภูรี เสริมว่า Happy workplace เป็นอะไรที่จับต้องได้ เช่นมีแอร์ดี ห้องทำงานใหญ่ สบาย แต่แค่นั้นไม่พอ จึงมี Happy at work

          สิ่งที่เสริมนอกจากสุขภาพ Work life balance เครื่องมือ IT จะมาช่วยให้เราทำงานที่มีประสิทธิภาพสามารถทำงานข้างนอกได้ให้เกิดการบูรณาการในการทำงานกัน ถ้ามีคนรุ่นใหม่ที่เขาไม่ได้อยากทำงานแบบเราแล้ว  วิสัยทัศน์ต้องมองไปในอนาคต เรื่อง Generation Gap ต้องมีจะนำเสนอถึงโครงการในอนาคตทั้งหมด

          ดร.จีระ เสนอว่า ในรุ่นนี้ให้มองรุ่นน้องให้ดีว่าเขาต้องการอะไร ถ้าจะบริหารคนรุ่นใหม่ เราต้องมี Happy at work และ Happy workplace บางครั้งต้องมี Flexible work  ดังนั้นการมี Work life balance เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในราชการและรัฐวิสาหกิจที่ควรเกิดขึ้น

 

วิสัยทัศน์

วิสัยทัศน์ของการเคหะคืออะไร

          “การเคหะแห่งชาติเป็นองค์กรหลัก ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมืองเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย”

          เราจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ของการเคหะแห่งชาติคือการทำงานร่วมกันของคนในห้องนี้

วิสัยทัศน์มีวิวัฒนาการคือ

          วิสัยทัศน์ ต่อด้วยคือพันธกิจ และค่านิยมในองค์กร และมีการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้ไปสู่วิสัยทัศน์เหล่านั้น

          ยกตัวอย่างเช่น ใคร ๆ ขับรถได ขับรถเป็น แต่ไปไหนไม่รู้ เช่น บางคนเป็นนักบัญชีแต่ทำบัญชีเพื่ออะไรต้องมีวิสัยทัศน์ด้วย  อย่างการประชุมที่ Davos ซึ่งเป็นการประชุมที่ดูแลโลกหรือที่เรียกว่า Globalization ซึ่งคุณ Trump พูดแค่ America First แต่ที่ Davos อยากรู้ว่าทำอะไรเกี่ยวกับโลกที่ทำร่วมกัน ดังนั้น Trump ก็ตกวิสัยทัศน์ระดับโลกด้วย

วิสัยทัศน์คืออะไร

          ทิศทางที่จะไป และต้องกำหนดมาตรฐานให้เราไปอย่างเป็นเลิศ

          เราต้องศึกษาว่าการเคหะแห่งชาติภายใต้การนำ 22 คน เราจะกำหนดวิสัยทัศน์อย่างไร

วิสัยทัศน์ที่ดี

1. ต้องให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีการกำหนดหรือเรียกว่า Share vision อยากให้แต่ละกลุ่มลองเขียนแล้วแบ่งปันกัน

ยกตัวอย่าง หนังสือ Built to last พบว่าบริษัทที่อยู่รอดได้มีการปรับวิสัยทัศน์ตลอดเวลา และต้องได้รับการยอมรับจากคนในองค์กร

2. Vision without action จะถูกมองว่าไม่ได้ประโยชน์นัก และอาจถูกมองว่าเป็นความฝัน

3. Mission คือพันธกิจหรือภารกิจที่เราจะทำเพื่อตอบสนองเป้าหมายของ Vision เหล่านั้น

4. การกำหนด Vision Mission ไม่พอ ต้องมีการกำหนด Core Value ด้วย ยกตัวอย่าง Core Value องค์กรอาจารย์จีระ เน้น สร้างสรรค์ มูลค่าเพิ่ม และความสุขในการทำงาน ในการทหารของสหรัฐฯ ต้องมีคือ ความกล้าหาญ เกียรติยศ และศีลธรรม หรือ John F. Kennedy ส่งคนไปโลกพระจันทร์

Vision ได้มาอย่างไร

          1. สนใจความรู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

          2. อ่านหนังสือมากและหลาย ๆชนิด

          3. รู้จักเรียนรู้งานที่ทำอยู่

          4. เป็นผู้ที่ช่างสังเกต และนำไปปฏิบัติ

          5. มีพันธมิตรทางปัญญามากหลาย ๆ ด้าน เช่น เราเป็นนักวิชาการก็รู้จักธุรกิจหรือสาขาอื่น ๆ อย่าทำตัวแคบ ๆ

          6. เลือกดูรายการโทรทัศน์ที่ให้ประโยชน์ เช่น Cable TV

          7. ใช้ Internet อย่างสม่ำเสมอ

          8. มีวัฒนธรรมการเรียนรู้

          9. เรียนรู้ตลอดชีวิต

ประสบการณ์ของ ดร.จีระในการทำงานด้านวิสัยทัศน์

1. ผู้นำให้ความสนใจต่อ Vision

2. การระดมความคิด  โดยรับฟังความคิดแปลกใหม่(ต้อง Learn-Share-Care โดยเฉพาะที่ขัดแย้งกัน แต่ให้ความคิดเห็นไม่ตรงกันเป็น conflict องค์กร ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดการปะทะกันทางปัญญา)

3. มีคณะผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเหลือ

4. ผสมผสานระหว่างความคิดคนในกับคนนอก

5. วิธีการระดมความคิด จะต้องเน้นการแสดงความคิด 2 ทางคือโต้ตอบและตรงไปตรงมา

6. ถ้าไม่มีผู้นำในองค์กรที่ต้องการ การเปลี่ยนแปลงก็คงจะทำอะไรลำบาก

 

วิธีคิดเพื่อทบทวน / กำหนดวิสัยทัศน์ของเรา

1. เราต้องมองภาพ Macro ก่อน รู้ว่าจุดอ่อนจุดแข็งคืออะไร มองโอกาสและความเสี่ยงคืออะไร แล้วให้ลงเขียนวิสัยทัศน์ดู และมาตอบว่าการเคหะฯ เก่งอะไร และทำในสิ่งที่เราเก่งหรือไม่  เราต้องใช้จุดแข็งมากกว่าใช้จุดอ่อนของเรา

2. ศึกษา Internal Environment เช่น ระบบ วัฒนธรรม องค์กร คุณภาพของคน ฯลฯ

          3. อะไรที่เราทำได้ดีที่สุดและอะไรที่เราทำยังไม่ดี อย่างเช่น การเคหะฯ สิ่งที่เราทำเก่งที่สุดคือ ชุมชน

          4. ใครคือลูกค้าที่สำคัญของเรา

          อาจารย์พิชญ์ภูรี  บริบทข้างหน้าของการเคหะจะเป็นอย่างไร อย่างเราจะมองวิสัยทัศน์ข้างหน้า ต้องรวย ต้องมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน  การลดความเหลื่อมล้ำแล้วยังมีเรื่องของการพัฒนาคนอย่างถ้วนหน้า เพราะมีเรื่องสังคมดิจิทัลมาตอบโจทย์  องค์กรต้องการอะไร มีเรื่อง Competency อะไรที่ทำดี และอะไรที่ไม่ดี อะไรที่ดีแล้วและเราจะเดินต่อ ถ้าอะไรทีไม่ดีไปสร้างที่คน  ถ้าเราจะพัฒนาที่อยู่อาศัยเราจะมอง Vision แบบไหนบ้าง

          อาจารย์จีระ เสริมว่า Boundary ของการเคหะ อยู่ใน Boundary หนึ่ง แต่เรื่องอาเซียนตก แต่ควรพูดถึงว่าการเคหะฯ ไม่ได้สร้างบ้านอย่างเดียว แต่การเคหะฯ สร้างประเทศ สร้างชุมชน ความมั่งคั่ง ลดความเหลื่อมล้ำ

          ทำไมวิสัยทัศน์เราถึงกว้าง เพราะเราหาความรู้ เราต้องรวมพลังกันคิดถึง Where we are going?

 

Workshop 2

กลุ่ม 4  วิเคราะห์ External Environment กับ จุดอ่อนและจุดแข็งของการเคหะฯ พร้อมคำอธิบาย

กลุ่ม 1 วิเคราะห์ Internal Environment กับจุดอ่อนและจุดแข็งของการเคหะฯ พร้อมคำอธิบาย

กลุ่ม 2  1) วิเคราะห์ Stakeholders ของการเคหะฯ คือใครบ้างยกตัวอย่าง 2) อะไรที่เราทำได้ดีที่สุด ? เพราะอะไร? 3) อะไรที่ทำยังไม่ดี แต่ยังต้องทำต่อไป ? เพราะอะไร?

กลุ่ม 3 ยกตัวอย่างที่น่าสนใจเรื่องภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของการเคหะฯ 2 เรื่อง พร้อมอธิบาย และเสนอแนะ 3 วิธีการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์

 

 

Workshop 2

กลุ่ม 4  วิเคราะห์ External Environment กับ จุดอ่อนและจุดแข็งของการเคหะฯ พร้อมคำอธิบาย

จุดแข็ง

1. นโยบายของรัฐ – ที่ผ่านมาการเคหะฯ ทำโครงการเช่นเคหะฯชุมชน บ้านเอื้ออาทร มีแนวทางในสมัยอดีตนายกฯทักษิณให้สร้างที่อยู่อาศัย 600,000 หน่วย การเคหะฯ ทำไป 200,000 หน่วย

2. เงินสนับสนุนโครงการฯ

3. ภาคีเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันสนับสนุนให้การสร้างเคหะฯที่อยู่อาศัย

4. การสร้างความน่าเชื่อถือกับกลุ่มลูกค้า การเคหะฯมีการให้บริการหลังการขาย

5. ทำเลที่ดินมีทั่วประเทศและเยอะมาก ในกลุ่มจังหวัดที่กำลังปรับตัวเป็นเศรษฐกิจใหม่ และเศรษฐกิจในอนาคต อย่างโครงการที่จะสร้างใหม่ AEC แถวระยอง

จุดอ่อน

1. มีอาคารคงเหลืออยู่ต้องบริหารที่ยังดูแลไม่หมด

2. การทำโครงการล่าช้าไม่คล่องตัวเนื่องจากมีการขออนุมัติผ่านหน่วยงานภายนอกใช้เวลานานและไม่ทันใจลูกค้า

3. การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำ มีน้อย ในเรื่องสถาบันการเงินที่ Deal กับการเคหะฯ น่าจะมีมากขึ้น การเคหะฯ ต้องเตรียมกลุ่มลูกค้าที่จะไป

4. ข้อจำกัดในการส่งมอบ ส่งไม้ต่อ

5. การเคหะฯ ไม่มีความถนัดในเรื่องการทำธุรกิจ บางอย่างต้องดีลกับเอกชนด้วยเช่นที่ดินแดง มีที่ปรึกษามาก ต้องมีการดีลงานให้ได้ตามแผน

วิสัยทัศน์ “สร้างบ้าน สร้างชุมชน สร้างสังคม สู่การพัฒนาชีวิตที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”

          ดร.จีระ เสริมว่าควรมี Global mindset ในระดับที่กว้างด้วย ขอให้คิดนอกกรอบบ้าง

 

กลุ่ม 1 วิเคราะห์ Internal Environment กับจุดอ่อนและจุดแข็งของการเคหะฯ พร้อมคำอธิบาย

เรื่อง ทรัพยากรมนุษย์ การเงิน และสินทรัพย์

ทรัพยากรมนุษย์

จุดอ่อน

1.มีคนที่เกษียณจำนวนมาก การรับคนช่วงใหม่ขาดช่วง ยังไม่ทันกัน

2. พนักงานที่รับเข้ามา จะพบว่าพนักงานลาออกไปอยู่หน่วยงานอื่นสม่ำเสมอ เราจะทำอย่างไรให้เด็กรุ่นใหม่อยู่กับเราได้นาน เพื่อยั่งยืน

จุดแข็ง

พนักงาน – พร้อมพัฒนาและอบรม

2. รุ่นเดิมมีความจงรักภักดีค่อนข้างมาก

สถานการณ์เงิน

จุดอ่อน

1.ไม่สามารถบวกเงินได้มากต้องสนับสนุนฐานผู้มีรายได้น้อย

จุดแข็ง

1. สามารถบริหารการเงินให้ได้กำไร

สินทรัพย์

จุดอ่อน

1.ยังไม่สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จุดแข็ง

1. เคหะฯ มีทรัพย์สินอยู่มากทำให้มีผลดีต่อองค์กรของเรา

วิสัยทัศน์

สร้างคน สร้างงาน บันดาลสุขอย่างยั่งยืน

          ดร.จีระเสริมว่าในอนาคตน่าจะเพิ่มสไตล์การบริหารผู้นำในองค์กร วัฒนธรรมองค์กร และองค์กรแห่งการเรียนรู้ด้วย ถ้าเสริมคนที่มีคุณภาพและใฝ่รู้ ปลูกฝังวัฒนธรรมการเรียนรู้

          การฝึกอบรมคนอยู่ที่ Process คือเขาสอนให้เราตกปลาไม่ได้สอนให้เรากินปลา กลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดเป็น ทำงานเป็นและสามารถทำให้เกิดความเป็นไปได้

 

กลุ่ม 2  1) วิเคราะห์ Stakeholders ของการเคหะฯ คือใครบ้างยกตัวอย่าง 2) อะไรที่เราทำได้ดีที่สุด ? เพราะอะไร? 3) อะไรที่ทำยังไม่ดี แต่ยังต้องทำต่อไป ? เพราะอะไร?

          1.Stakeholder มีลูกค้า ประชาชนทั่วไป หน่วยงานสร้างความมั่นคงของรัฐ การประปา การไฟฟ้า อปท. หน่วยงานเอกชนต่าง ๆ ฯลฯ

          2. ที่การเคหะฯทำได้ดีที่สุดคือช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยพัฒนาที่อยู่อาศัยของตนเอง พัฒนาผู้อยู่อาศัยให้มีรายได้ที่ดีขึ้น รัฐบาลให้เงินอุดหนุน และการเคหะฯมีความสามารถในที่อยู่อาศัยมา 45 ปี

          3. การเคหะฯ ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยตรงตามความต้องการลูกค้า การพัฒนาที่อยู่อาศัยการลดพลังงานเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เรื่องกฎระเบียบไม่ตรงตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งการเคหะฯ และเรื่องการทำทรัพย์สินให้มีมูลค่าเพิ่มอย่างมีประสิทธิภาพ ยังติดขัดในกฎระเบียบเป็นส่วนใหญ่ ติดขัดในเรื่องกฎระเบียบภายในและภายนอก

          ดร.จีระ เสริมว่า เหนือการเคหะฯ คือรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่าง Trump เมื่อเข้ามารับตำแหน่งแก้กฎระเบียบเพื่อให้การบริหารเร็วขึ้น ในยุค คสช. บางเรื่อง ถ้าเป็นอุปสรรค เราต้องช่วยกันคิดเพราะอุปสรรคบางอย่างเป็นปัญหาจริง ๆ ถ้าการเคหะฯ มีบทบาทอยู่ต้องให้เป็นการทำงานที่สะดวก รวดเร็ว

         

กลุ่ม 3 ยกตัวอย่างที่น่าสนใจเรื่องภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของการเคหะฯ 2 เรื่อง พร้อมอธิบาย และเสนอแนะ 3 วิธีการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์

          1.วิสัยทัศน์อาจทำเป็นสวัสดิการอาคารเช่าหมุนเวียนตามระดับรายได้ที่เปลี่ยนไป  เช่นรายได้น้อย สามารถขยับขยายไปห้องใหญ่ขึ้นตามฐานเงินเดือนที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนกลุ่มรายได้ตามสภาวะรายได้ของเขา

          อุดหนุนคนที่เป็นรายได้น้อย ไม่ได้อุดหนุนสำหรับคนที่รายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ซึ่งไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ดีนัก เปลี่ยนไปอยู่ที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมขึ้น

          โดยอาจมีการแลกบ้านที่ใหญ่ขึ้น แต่เป็นลักษณะขาย

          การสร้างชุมชน ที่มีบ้านขนาดเดียวกัน อยู่ในบริเวณใกล้กัน เพื่อให้สะดวกในการย้าย

          วิสัยทัศน์ การพัฒนาคนรุ่นใหม่ จะใช้วิธีการทำงานแบบโปรเจคทีมเล็ก ๆ และมีการบูรณาการระหว่างหลายหน่วยงาน มีการดูงานที่จริง และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนรุ่นใหม่ด้วย  มีการลงพื้นที่จริง

          สัดส่วนการสร้างบ้านของการเคหะฯ มีแนวทางไปต่างจังหวัดมากขึ้น

          ดร.จีระเสริมว่า งานนี้น่าทำ ในบางประเทศความสำคัญของการเคหะฯ มีมากเท่ากระทรวงฯ

          Trend ในโลกจะไม่มี Silo และเป็น Cross Function ถ้าเราไม่ทำงานเชิงรุก เด็กรุ่นใหม่อาจไม่อยากอยู่ ถ้าเราได้คนที่เข้ามาไม่เก่งเราต้องพัฒนาเขา และถ้าเราเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้จะได้ประโยชน์มาก

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

โดยสรุป การเคหะฯ จะขึ้นมาถึงจุดที่ขยายพรมแดนไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ   แม้วันนี้ยังไม่ได้ แต่เราจะต้องสามารถทำได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง Alibaba เป็นธุรกิจที่เล่นกับคนจน คนจนสามารถเป็นหลักได้ สิ่งที่อยากฝากคือ การขยายพรมแดนหรือกิจกรรมของการเคหะฯ เรียกว่า Boundary ที่การเคหะฯ มีภารกิจมาก  อยากให้มีการคุยกับต่างประเทศมากขึ้น ทั้ง 4 กลุ่มได้ความรู้มาก ในเรื่องต่างประเทศเราต้อง Shift Paradigm บางเรื่องเข้าใจ และติดตัวไป

เราจะรวมอย่างไรให้โปรเจคสามารถเอาชนะอุปสรรคให้ได้ ให้ List อุปสรรคออกมาและหาตัวละครที่เสริมเรา อย่างเรื่องทุนมนุษย์ต้องเป็น Strategic Partner กัน เช่นวันนี้มี 22 ท่านแต่อาจไม่พอ อาจต้องมี Stakeholder ข้างนอก มีนักการเมือง นักวิชาการ  ทำอย่างไรให้ How to overcome difficulty และในเวลา 9 วันเราอาจมีการพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อสร้างความต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง ดร.จีระจะเป็น Driving force ในการผลักดันสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น

ในวันนี้ได้อะไร ให้เรายึดไว้ 2-3 เรื่องแล้วต่อยอดสิ่งเหล่านั้น แล้วการเรียนจะประสบผลสำเร็จ

Case Study อาจมี อารามาสก์ เจฟ โบโซ และ Alibaba ซึ่งเป็นตัวอย่างด้านดิจิทัลของคนรุ่นใหม่ด้วย

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          ยกตัวอย่างกลุ่ม 3 โปรเจคสามารถเกิดขึ้นได้เลย อย่างก่อนไปวิสัยทัศน์ต้องวิเคราะห์ความจริง ขยายพรมแดนให้ยืดออกไปจากที่เป็นอยู่

          การได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ช่องว่างระหว่าง Generation บางเรื่องต้องคิดต่อ การทำงานที่เป็น Project Base เห็นแนวที่จะเดินไปด้านการพัฒนาและบริหารทรัพยากรมนุษย์ ฝากไว้ในสิ่งที่ท่านคิด เพราะสามารถนำไปต่อยอด ได้

          การปลูก เก็บเกี่ยวและ Execution แม้ไม่ได้ออกมาในวันนี้แต่สามารถทำให้เกิดในอนาคตได้


สรุปการบรรยาย

โครงการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาผู้บริหารระดับสูง” ประจำปี 2561 หลักสูตร Classroom

หัวข้อ การบริหารการเปลี่ยนแปลง (1)

กรณีศึกษาของ...บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง

โดย คุณจันทนา สุขุมานนท์

กรณีศึกษาของ… สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

โดย คุณชูชาติ มั่นครองธรรม

ดำเนินการอภิปรายโดย อาจารย์ทำนอง ดาศรี

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561

 

(สรุปการบรรยายโดย เขมิกา ถึงแก้วธนกุล ทีมงานวิชาการ Chira Academy)

 

คุณจันทนา สุขุมานนท์

          ในปัจจุบันจะไม่ค่อยพูดเรื่อง Change Management ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นการพูด Transformer

          เมื่อพูดถึง Change Management พูดถึงการเปลี่ยนแปลงในองค์กร มี Internal Factor สิ่งที่พบคือการเปลี่ยนข้างในยากมาก แต่ External Factor Force ให้เราเปลี่ยน

          External Factor is given หมายถึงเราต้องเปลี่ยน แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือข้างในของเราอยากจะเปลี่ยนเอง เพราะถ้าเราทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม

 

ยกตัวอย่าง ในตัวเองสิ่งที่อยากเปลี่ยนมากที่สุดคืออะไร ? มีใครบ้างที่ Perfect ?

          อย่าง คุณจันทนามีความคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกวัน

          ในอดีตรู้สึกผิดพลาดคือที่สอบเอ็นทรานส์ไม่ติดเลยต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน  และเป็นคนพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งทั้งที่เรียนโรงเรียนเซนโยฯ เลยมีแนวคิดที่จะต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งภาษาคือต้องไปเมืองนอก และหาสามีฝรั่ง แต่...ชีวิตมากกว่านั้น

คนเราต้องมีความตั้งใจ เช่นคุณจันทนาตั้งใจว่า

1. ต้องไม่จน

2. ต้องไม่พึ่งคนอื่น ต้องยืนบนขาตัวเองให้ได้

Holcim Mission : Vision , Values, Strategy & Operational Roadmap

ใน 1 ตัวคน สมรรถนะของคน 1 คนในการทำงานที่ดีมี 4 ส่วน

1. Think the business

คิดก่อน ... คิดได้หรือไม่ มีตรรกะ หรือ Critical Skill หรือไม่ มี Strategic Thinking Skill

มีวิสัยทัศน์ คือการมองไปข้างหน้าว่าเป็นอย่างไร

          - Strategic Vision / Alignment

          - Analysis and Problem-Solving

          - Business and Financial Acumen

2. Deliver Results

          - Manages Execution

          - Customer Focus

          - Support Action , Change and Innovation

          - Leads for Performance

3. Act as a role model

          คุณสมบัติหนึ่งในการเป็นหัวหน้าคือการเป็น Role Model ที่ดี เช่นถ้าเป็นหัวหน้า แล้วมาทำงานสายลูกน้องจะมาทำงานสาย

          - Adapts and learn

          - Establishes Trust and Confidence

4. Energize People

          สังเกตได้ว่ามีคนที่ออกจากองค์กรที่ดีได้นั้นเพราะอะไร ส่วนหนึ่งเพราะได้หัวหน้าไม่ดี

          - Communication

          - Engages and Inspires

          - Develops Employees

          - Cultivates Relationships and Networks

          - Fosters Teamwork and Cooperation

สรุปคือ Life ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าตัดสินหรือมองคนจากภายนอก

 

การเปลี่ยนแปลง

          External เปลี่ยนไปอย่างไร ถึงไหนแล้ว  

1. ทำไมเราไม่เปลี่ยน ทำไปฉันต้องเปลี่ยน

ยกตัวอย่าง 7 Habits ที่เกี่ยวกับตัวเราเอง คือ

1. Be Proactive เราต้องทำมากกว่าที่เขาคาดหวัง จะทำให้เขา Recognize เรา เราต้องคิด without the box

2. Put with the end in mind เราต้องตั้งเป้าหมาย ต้องมี Target 

3. Be Prioritize เราต้องรู้ว่าอะไรทำก่อนทำหลัง

ที่เชื่อมโยงกับข้างนอก คือ

4. Listen more คือการฟังมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่คนเราฟังน้อย แต่พูดเยอะ

(The more listen the more to understand)

5. Energize people คือการทำงานเป็น Teamwork เพราะความสำเร็จไม่ได้มาจากตัวเองอย่างเดียว แต่มาจากคนอื่นด้วย อย่างถ้าขึ้นตำแหน่ง ความสำเร็จส่วนหนึ่งคือลูกน้อง

6. Think win-win เวลาที่เราจะทำอะไรเราต้องคิดให้เขา Win และเรา Win ด้วย

7. Sharpen your saw คือเราต้องเรียนรู้ตลอดเวลา

ให้เราลองดูว่าในนิสัย 7 ตัวนี้ นิสัยไหนที่เราไม่ดี  

จาก Wheel Model สิ่งที่พบในคนส่วนใหญ่ที่ตก และทำไม่ได้ คือ เรื่อง 1. Energize wheel 2. Communication

Leader มีความจำเป็นต้องเข้าใจและสื่อสารให้กับตรงตามแต่ละคน

คนที่จะเป็น CEO ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งคือ Communication

การเป็น Public Speaking

          1.Objective คืออะไรและเราอยาก ได้อะไร What do you want other know about you?

          - ถ้าเราอยากพูดอะไรให้เราตั้งคำถามไว้ แล้วพูดตามนั้น

          - เหตุผลที่เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่ต้องเริ่มจากตัวเองข้างใน

ยกตัวอย่าง บริษัทที่ทำดีที่สุดในการทำ Rule & Regulation คือ OEM อย่างเช่นการเคหะฯ ต้องเปลี่ยนกฎในการอยู่รวมกันของคนหมู่มาก ที่ฮอลแลนด์ การเคหะฯ บ้านที่อยู่เรียบร้อยมากเนื่องจากเขามีกฎ

แจกแบบการให้คนอื่นประเมินตัวเรา  :  ให้ตั้งคำถามโดยการคิดว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไร 10 เรื่อง และให้ลูกน้องหรือคนใกล้ตัวให้คะแนน เช่น การส่งงานตรงเวลาหรือไม่?  การฟังมากขึ้น?   การอดทนมากขึ้น?  เราต้องปล่อยวางบ้าง ไม่ใช่เอาทุกอย่างมาแบกเอาไว้

การให้คะแนน 1-10 คะแนน

1-6 แปลว่าเราต้องเปลี่ยนแปลง

7-8 แปลว่าเฉย ๆ

9-10 แปลว่าเขาจะ Promote เรา

ในมุมกลับกัน ทำอย่างไรถึงจะได้เกรด A

 

สิ่งที่เราควรต้องระวัง คือ การทำงานไปเรื่อย ๆ จะติดอยู่ใน Comfort Zone ไม่ Proactive แล้วจะทำให้แย่มากกว่าดี

          เวลาจะถามลูกน้องให้ Question ที่ความคิดเขา ไม่ใช่ที่คำตอบ ?  และการที่มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา  ตาเราเห็นอะไร ใจเราเห็นอะไร เช่นถ้าเห็นว่าเราจะใจร้อน ให้หยุดก่อนที่เราจะเสียคน  Emotional is overwarm เราต้องคิดให้ได้ อย่าให้อารมณ์เหนือเหตุผล ตอนที่อารมณ์เร็ว เราจะ Break อย่างไร

          กิจกรรม : ให้ทุกคนเขียนคนละ 1 ข้อว่าเราอยากจะเปลี่ยนอะไร เช่น ใจร้อน ขี้บ่น พูดให้สั้น

          ทำอะไรที่เป็น Productive เช่น การบ่นไม่ Productive แต่จะทำอย่างไร ?

เราจะเปลี่ยนอย่างไร : Why? How? What? When?

          ทำไมเราถึงต้องเปลี่ยน?

          เราจะเปลี่ยนอย่างไร ?

          เราจะเปลี่ยนอะไร?

          เราจะเปลี่ยนเมื่อไร?

 

สรุป ที่เราเปลี่ยนวันนี้เพราะเราเปลี่ยนจากข้างใน ทุกวันเราต้องเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น เราเป็นน้ำครึ่งแก้ว เราจะเติมวิตามินอะไร เราต้องรู้ว่าเราขาดอะไร  เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้น

ไม่ว่าลูกน้องจะมาปรึกษาอะไร ต้อง Open Question ถามเขามากขึ้น โค้ชไม่เคยให้คำตอบ แต่ให้ถามจนเขาสามารถหาคำตอบด้วยตัวเองได้ โค้ชคือกระจกส่งเราเท่านั้นเอง

เราจะรู้จักตัวเองดีที่สุด

 

กรณีศึกษาของ… สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

คุณชูชาติ มั่นครองธรรม

 

การเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ศาสตร์เดียวในการทำงาน แต่ใช้หลายศาสตร์ผสมกัน คือ Change Management ,Risk Management, Business Continuing Plan เช่น การเปลี่ยนวิถีชีวิต การเดินทางเปลี่ยน การบริหารความเสี่ยง

          1. ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง เมื่อมีการจัดการต้องมีการวางแผน

          2. องค์ประกอบการเปลี่ยนแปลง ต้องมีผู้นำการเปลี่ยนแปลง

          การเปลี่ยนแปลงมี 2 อย่างคือเชิงรุก และเชิงรับ ดูแนวโน้มในอดีตและสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต

          การเปลี่ยนแปลงเชิงรับ  เราจะรู้ว่าเราจัดการแต่ละเรื่องอย่างไร

สาเหตุที่ทำให้เกิดการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

1. ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง

          2. ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงสั้นไป

          3. เกิดความตระหนกในการเปลี่ยนแปลง

          4. แรงกดดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

          5. ผลประโยชน์

          6. ความไม่รู้ ไม่เข้าใจ

กรณีการย้ายที่ทำการแห่งใหม่

          แต่ก่อนสำนักงานสลากกินแบ่ง อยู่ราชดำเนิน อยู่ในแหล่งยุทธศาสตร์ต่อผลจากการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มีปัญหาเรื่องความแออัด ได้มีการวางแผนและปักธงในการย้ายแบ่งเป็น 3 Phase โดยหน่วยที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายกับประชาชนให้อยู่ก่อน และส่วนอื่นย้ายก่อน

          Phase แรกที่โดนย้ายคือ ฝ่าย HR  เริ่มต้นจากการวางแผนห้องที่ทำงานเสร็จ และของค่อยลงให้สัมพันธ์กับงานที่มี  การดูถึงผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมภายนอกมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของพนักงานอย่างไร เช่น การเดินทาง ร้านอาหาร โรงเรียนลูก ฯลฯ สิ่งที่เราควรทำ Survey คือทำให้เห็นว่าวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปไม่ได้กระทบกับวิถีชีวิตเดิมของคนในองค์กรมากนัก

          ปัญหาที่พบ คือ

1. แต่ละส่วนยังมีการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันคือ คนสร้าง คนติดกล้อง คนตกแต่งห้อง เช่น มีการติดกล้องวงจรปิดในห้องตรวจภายใน

2. ข่าวลือเรื่องผี 3  ตัว วิธีการคือการตรวจสอบข่าวลือ และประชาสัมพันธ์

3. การย้ายระบบ IT ให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่ให้สับสน เช่นทำงานถึงวันศุกร์ โดยจะมีการประชาสัมพันธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานที่การจ่ายเงินจริง เพื่อเป็นการทดสอบให้ระบบทำงานได้ และมี Server สำรอง และในที่สุดวัน D-Day ระบบจะทำงานได้

การบริหารการเปลี่ยนแปลง ใช้หลักทฤษฎี

1. แม่ปู ลูกปู – ผู้นำต้องเอาด้วย นำก่อน แล้วคนจะตาม

2. ตีฆ้อง ร้องป่าว – การประชาสัมพันธ์

3. ตีซี้ – สหภาพแรงงานจะเกาะติดมวลชน ให้เขาเห็นประโยชน์ และเขาจะช่วยเรา

4. พวกมากลากไป – เมื่อส่วนใหญ่มาแล้ว ส่วนเล็กจะตามไปโดยปริยาย

5. ทุบหม้อข้าวหม้อแกง – ฟันธงว่าจะย้ายเมื่อไร

ช่วงการเปลี่ยนผ่านใช้วิธีการสร้างตัวแทนแต่ละหน่วยเป็นลักษณะ Change Agent ทำอย่างไรให้รับรู้วิธีการใช้งานต่าง ๆ เพื่อหาข้อดีข้อเสีย ที่จะทำอย่างไรให้ระบบดีขึ้นป้องกันการผิดพลาดได้บ้าง

การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ขอให้ท่านทำใจให้มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงนั้นก่อน


อาจารย์ทำนอง ดาศรี

สรุปขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง

1. มี Vision ว่าเปลี่ยนแล้วได้อะไรขึ้นมา

2. ผู้บริหารระดับสูงต้องเกี่ยวข้องทุกขั้นตอน

3. การวางแผนร่วมกัน

4. Stakeholder ทั้งหมดต้องเข้าใจตรงกันคือผู้เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ผู้เห็นด้วยตั้งเป็น Change Champion

5. การสื่อสารกันทุกระดับชั้น

6. สร้างระบบการเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจนเป็น Platform และมีการฝึกอบรม

7. ต้องมี Milestone คือตัววัดความก้าวหน้า ว่าเสร็จอย่างไร และเมื่อไร 


Learning Forum

การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (1/1)

โดย รศ.ดร. อัทธ์ พิศาลวานิช

ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

  

การสอบถามสิ่งที่ผู้เข้าอบรมอยากเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน

1.       คำถาม : การเคหะฯพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างไรได้บ้างในอาเซียน

คำตอบ พัฒนาที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย และพัฒนาที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม แต่การเคหะฯ น่าจะเป็นที่อยู่อาศัย

          การพัฒนาเขตอุตสาหกรรมน่าจะเป็นเรื่องของนิคม

          1) การพัฒนาอุตสาหกรรมในเขต CLMV คือเขตอุตสาหกรรม และเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างในกัมพูชาจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด ส่วนทางเมียนมา จะเป็นได้ทั้งเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตที่ 1 ที่รัฐยะไข่  เขตที่ 2 ที่ท่าชินวา เขตที่ 3 ที่ท่าเรือทวาย

          2) การพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งคนในอาเซียนและ CLMV ยังขาดอยู่ การเคหะฯ น่าจะร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศในการทำด้านนี้ และคาดว่าอาจจะได้สิทธิพิเศษในการทำการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยอาจตั้งบริษัทร่วมกับประเทศนั้น ๆ ทำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาทิเช่น สิงคโปร์ไปตั้งบริษัทร่วมกับบริษัทร่วมของเมียนมา เช่นการสร้างเมืองใหม่ที่เนบิดอร์   การเคหะฯ ก็น่าจะไปด้วยเช่นกัน ที่เห็นส่วนมากไม่ค่อยเห็นภาครัฐวิสาหกิจไทยไปต่างประเทศเท่านั้น ส่วนใหญ่เห็นแต่ภาคเอกชนไปเช่น ซี.พี. ปตท.  

          เสนอว่า ถ้าจะไปให้ตั้งบริษัทลูกร่วมทุกกับบริษัทเมียนมาเนื่องจากมีจำนวนมาก อย่างที่คอนโดขายดีมาก และให้สิทธิ์นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของคอนโดฯได้ตลอดชีวิต แต่ไม่เปิดสิทธิ์ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดิน นอกจากเป็นนอมินี  เช่นเดียวกับเมืองไทย

 

การบริหารธุรกิจในอาเซียน (10 ทำ 10 ไม่)

10 ทำ

1. เลือก 9 ประเทศ เพราะเราไม่สามารถทำธุรกิจได้ทั้ง 9 ประเทศ  (อาเซียนเก่า อาเซียนใหม่

          เราควรจะไปอินโดนีเซียเพราะตลาดใหญ่มาก แต่มีเกาะและไกลมาก ที่ไทยไปทำธุรกิจในอินโดนีเซียคือจาร์กาตา สิ่งที่พบคือ ไกลมากและกำลังซื้อถดถอยลง  เป็นมุสลิม เราต้องเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมุสลิม เราต้องเข้าใจวัฒนธรรมของเขา เขาจะไม่สามารถให้เวลาได้ตามต้องการ

          CLMV-T  คนที่มาลงทุนมากสุดในกลุ่มนี้คือ มาเลเซีย และสิงคโปร์  แต่ประเทศไทยกับเหมือนใกล้เกลือกินด่างคือมองไม่ค่อยเห็น

          ประเทศเวียดนาม มองข้ามประเทศไทยไปแล้วตอนนี้ Benchmark ข้ามไปที่สิงคโปร์แล้ว อย่างเวียดนามมีโมเดลเหมือนกับจีน เนื่องจากเวียดนามเคยเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ 1,000 ปีก่อน ผู้หญิงเวียดนามเป็นกำลังหลักของรายได้  ส่วนใหญ่เป็นแรงงานผู้หญิงหมดเลย

          ขณะนี้เราทำธุรกิจในกลุ่มนี้มากสุดในเรื่องการค้า  วัตถุประสงค์ของ AEC คือ Production Base คือการเป็นฐานการผลิตเดียวกัน เป็นตลาดเดียวกัน หมายถึง 1. ไม่มีกำแพงภาษี 2. เป็นฐานการผลิตเดียวกัน คือตั้งโรงงานผลิตที่ CLMV ได้ เพราะวัตถุดิบที่นำเข้ามาไม่มีกำแพงภาษี

          เช่นมะม่วงแก้วขมิ้น เป็นหนึ่งในวัตถุดิบจากกัมพูชา มะม่วงที่แปรรูปนี้ส่วนใหญ่เป็นมะม่วงแก้วขมิ้น และเป็นมะม่วงของกัมพูชา หมายถึงเอาวัตถุดิบจากกัมพูชามาแปรรูปที่บ้านเรา กลายเป็นวาระแห่งชาติของกัมพูชาที่ปลูกมะม่วงแก้วขมิ้นนี้จำนวนมาก   ต่อไปน่าจะเป็นมะม่วงเซงตารงของเมียนมาเข้ามา

          นอกจากส่งของไปขายแล้วให้เอาของเข้ามาขายด้วย  มะม่วงไทยน้ำดอกไม้อร่อยที่สุด แต่อีกทางเลือกหนึ่งคือเซงตารงของเมียนมา  จะเอาเข้ามาในการบริหารธุรกิจได้อย่างไร

          แตงโมของเมียนมาลูกละ 15 กิโลกรัม เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการขายความแปลก

          อย่างใน    CLMV ต้องเลือกมาก่อนว่าจะไปลงทุนที่ไหน

2. รู้นโยบายเศรษฐกิจ กฎหมายการลงทุน กฎระเบียบกติกา

ประเทศเหล่านี้ เน้นเรื่องอะไรเป็นหลัก

          อย่างถ้าจะไปตั้งโรงงานเพื่อขายคนเมียนมา หรือตั้งโรงงานเพื่อไปขายต่างประเทศ แล้วเอาเงินเข้ามา

          นโยบายเศรษฐกิจของเขาคือ

1) ต้องไปเอาวัตถุดิบเขาแปรรูปแล้วส่งออกไปต่างประเทศแล้วเอาเงินกลับบ้านเขา เขาจะชอบ

          2) การตั้งโรงงานแล้วถ้าไม่ใช้แรงงานของประเทศเขาเลยเขาไม่ชอบ ถ้าจะตั้งโรงงานให้ตั้งโรงงานที่บริษัทใช้แรงงานเขา

          3) ถ้าตั้งโรงงานช่วยฝึกแรงงานเขา เขาจะรู้สึกดีมาก เช่นสอนให้เขาซ่อมแอร์ วิทยุ นวด เป็นเขาจะชอบมาก  จากการไปมาหลายประเทศพบว่าคนที่บริการดีที่สุดคือคนไทย

          กฎหมายการลงทุนในเขตอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษก็อีกอันหนึ่ง เขตอุตสาหกรรมเมียววดีใช้กฎหมายอีกฉบับหนึ่ง  เขตที่ชินวาก็ใช้อีกที่หนึ่ง

3. รู้ศักยภาพของประเทศ แรงงาน ทรัพยากร สิทธิประโยชน์ การส่งออก

          ต้องรู้ศักยภาพเขาว่าเป็นอย่างไร ศักยภาพของประเทศเหล่านี้เราควรทำธุรกิจอะไร ศักยภาพของประเทศเหล่านี้มีอะไรบ้าง

          - แรงงาน มีศักยภาพหรือไม่ ถ้าอยากลงทุนบ้านเขา ต้องไปฝึกแรงงานเขาด้วย โรงงานที่ตั้งที่เกาะกงหาแรงงานกัมพูชายากมาก จึงได้เปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการอบรมเช่นสอนเรื่องเย็บผ้าฟรี จะพบว่าทางผู้ว่าฯ เกาะกงมีความสุขภาพ เพราะช่วยเขาด้านนี้

          ระหว่างการสอนจะเป็นคนไทยสอน ความคุ้นเคยจะมักคุ้น ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย ที่ซึมซับโดยปริยาย

4.ต้องมี Connection และ Partner ทางธุรกิจ

          เช่นกลุ่มสภาอุตสาหกรรมของประเทศนั้น ๆ หอการค้า และอุตสาหกรรมของประเทศนั้น ต้องให้หน่วยงานเขาเซ็นรับทราบด้วยว่าจะทำธุรกิจนี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่สามารถป้องกันการฟ้องร้องได้

          สินค้าต้องมีคุณภาพและราคาไม่แพง เพราะราคาเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ

          ถ้าจะไปเมียนมาได้ปลอดภัย เมืองหลักคือย่างกุ้ง  และเมืองมันดาเลย์ เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับทำธุรกิจ ส่วนเนบิดอร์ไม่เหมาะทำธุรกิจ เนื่องจากมีแต่ข้าราชการ นักท่องเที่ยวไปน้อย

          เมืองรองคือ หงสาวดี ผาอัน พะโคว์ แม้กำลังซื้อน้อย แต่ได้ต้นทุนทำธุรกิจดีกว่าเมืองหลัก

5. ไปเป็นกลุ่มธุรกิจ อย่าไปเดี่ยว

          เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ

6. ทดสอบสินค้าโดยการวางในห้างในกรุงเทพฯ

          ต้องทดลองก่อนที่จะนำสินค้าไปนอกประเทศว่าเป็นอย่างไรก่อน

7. ร่วม Business Trip กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมงานแสดงสินค้า

          ดูว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่น่าไปร่วมด้วย ถ้าแนะนำธุรกิจใน CLMV แนะนำให้ไปเมียนมาเพราะ ธรรมะ ธรรมโม หนุ่มสาวเวลานัดพบกันจะนัดไปไหว้พระ

8. ต้องรู้ช่องทางในการจำหน่ายสินค้า การจำหน่ายอะไร ? และเอาสินค้าไปวางจำหน่ายในประเทศนั้น ๆ

9. เดินทางไปศึกษาตลาดเอง  เพื่อให้รู้ถึงความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้น ๆ

10. ทำเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ  และภาษาของประเทศนั้น ๆ

10 ไม่

1. ไม่มีข้อมูล

2. ไม่มีหุ้นส่วน

3. ไม่รู้ภาษา

4. ไม่รู้นโยบายการค้า การลงทุน

5. ไม่ตัดสินใจ

6. ไม่ร่วม Business Trip

7. ไม่ร่วมงานแสดงสินค้า

8. ไม่กล้าลงทุน

9. ไม่กล้าจ่ายเงินเดินทาง

10. ไม่มีเครือข่ายและรวมกลุ่ม

          พฤติกรรมของคนใน CLMV ทำเหมือนพฤติกรรมของคนไทย

 

 

 

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1.  มีการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ไหนบ้าง

ตอบ นักลงทุนที่ไปทำด้านอสังหาริมทรัพย์มีนักลงทุนจีน และมีสิงคโปร์ไปวาง Landscape ภูมิศาสตร์

          ในอาเซียนที่ไปลงทุนเป็นเรื่องเสื้อผ้า โรงแรม ถ้าเช่าพื้นที่ทางเกษตรก็เป็นรายใหญ่เช่น ไทยเบฟไปเช่าพื้นที่ปลูกกาแฟที่ราบสูงของดาวเป็นต้น  ไทยเบฟไปปั๊มน้ำมันในกัมพูชา ไปพัฒนาในเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมกันดานที่ กัมพูชาเป็นต้น

2. เรื่องการโอนเงินมีอุปสรรคหรือไม่

ตอบ ไม่มีปัญหาเนื่องจากมีแบงค์ไทยอยู่ที่เมียนมาเต็มมาก ปัญหาคือโอนเงินกลับได้แต่ต้องไม่ทิ้งค่าใช้จ่ายไว้ให้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยโอนกลับเพราะลงทุนต่อ

3. เขตเศรษฐกิจที่ขยายตัวใช้โควตาอะไร

          ตอบ จากการส่งออก ไม่เฉพาะยุโรป แต่ไปทุกที่  เป็นการส่งออกทุกสิ่งที่ไม่ใช่อาวุธ จะได้สิทธิพิเศษทุกอย่าง

          บรูไน และสิงคโปร์ ไม่ได้เป็นภาคอุตสาหกรรม เป็นบริการ ส่วน ไทย มาเลเซีย เวียดนาม เป็นภาคอุตสาหกรรม ค่าจ้างเวียดนามถูกกว่าไทย และแรงงานเพียงพอ พื้นที่น้อยมาก  บ้านจะเป็นลักษณะผอมสูงเนื่องจากพื้นที่น้อย ต้องอยู่เบียด ๆ และโรงแรมในโฮจิมินห์แคบมาก สิ่งที่น่าสนใจคือเวียดนามไม่ค่อยขายที่ดินให้กับคนอื่น


อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          ประเด็นที่น่าสนใจมากคือเรื่องการพัฒนาที่ดิน ที่ทำเพื่อให้เพิ่มมูลค่าหรือคุณค่าที่มีอยู่  ที่อยู่อาศัยต้องอยู่ในเขตอุตสาหกรรมและใกล้เคียงด้วย ต้องคิดเชื่อมโยง สิ่งที่รู้จักการเคหะฯ มากขึ้นต้องคิดถึงที่ดิน และในส่วนที่มีในการเคหะฯ

          สิ่งที่น่าสนใจคือคนในประเทศ CLMV ยังขาดที่อยู่อาศัยอยู่มาก ในฐานะผู้บริหารการเคหะฯ เราจะจับมือกับรัฐบาลอย่างไร ทุกท่านคิดได้ในฐานะคนทำงาน ว่าโครงการฯ นี้จะจับมือกับรัฐบาลเหมือนอย่างสิงคโปร์และมาเลเซียได้หรือไม่ ใช้วัสดุไม่แพง แต่มีคุณภาพ

          มะม่วงแก้วขมิ้น  มะม่วงดองวรพร เป็นตัวอย่างที่เราศึกษาเรื่องการ Upgrade ตัวเองอย่างไร

          1. Upgrade สินค้าเป็นพรีเมียม ลูกค้าที่อยู่ในโซนหัวเมืองหรือเขตเศรษฐกิจชายแดนมีอะไรที่การเคหะฯ ไปส่งเสริมได้

          2. การปรับกฎระเบียบที่ต้องศึกษามากขึ้น การเคหะฯ จะเคลื่อนไปจับมือกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร ถ้าเป็นสิ่งที่ดีโครงการที่ดีจะเสนอได้

          3. การอบรมหรือสอนคนฝึกคน เช่น พันธมิตร การออกแบบสิ่งแวดล้อม

          4. การหา Partner ที่รัฐรับรอง เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับท่านคือการพัฒนาที่ดินในอุตสาหกรรม

         

Workshop – Presentation & Feedback

แบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็น

การบริหารการเปลี่ยนแปลง (2) (Change Management - II)

แนวทางการบริหารการเปลี่ยนแปลง

ของการเคหะแห่งชาติ

ดำเนินรายการโดย อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

ร่วมวิเคราะห์โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          อาจารย์พิชญ์ภูรีกล่าวว่า ประเด็น Workshop การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและคาดการณ์ไม่ได้ ให้แต่ละกลุ่มเขียนที่ตอบโจทย์ 4.0 เพื่อยกระดับเศรษฐกิจประชาชาติจากระดับกลางให้สูงขึ้น คิดโครงการฯ และให้เหตุผลด้วย

ดร.จีระเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่แน่นอน และคาดการณ์ไม่ได้ การเคหะฯ เจอทั้ง 3 แนว ดังนั้นการตอบโจทย์ด้านนี้ต้องทำให้ดี โดยเฉพาะเรื่องต่างประเทศมาเร็วกว่าที่คิดไว้ด้วย

การนำเสนอ WORKSHOP 3: Change & Project

1. โครงการที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

คิดโครงการเพื่ออนาคต ที่ตอบโจทย์"การเคหะแห่งชาติ 4.0" พร้อมเหตุผล (ด้วยการเลือก หรือ ผสมผสาน จากหัวข้อต่อไปนี้)

 1.1 โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ

          - ที่ขยายพรมแดน เข้าไปในประเทศ CLMV

          - ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือในเขตอุตสาหกรรม ในประเทศไทย

          - ในประเทศไทย ที่พัฒนาไปกับสาธารณูปโภค เช่นแนวรถไฟฟ้า เส้นทางรถไฟ หรือแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

          - ปรับปรุง และพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการเดิม หรืออาคารเช่าของการเคหะฯ เพื่อเพิ่มคุณค่า หรือมูลค่า (up grade ให้เป็น premium)

1.2 โครงการพัฒนาทุนมนุษย์ เลือกได้ทั้งภายในการเคหะ "NHV 4.0" หรือพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ให้กับลูกบ้านของการเคหะฯ

        - เพื่อปิดช่องว่างของ Generation gaps

        - เพื่อใช้โอกาสจาก Digital Communities

        - เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับรายได้ลูกบ้าน

2. วิเคราะห์ตัวละคร 4 กลุ่ม (ภาครัฐ ประชาชน เอกชน และวิชาการ)

2.2 ที่จะขับเคลื่อนโครงการของท่าน ให้ประสบความสำเร็จ และวิธีดำเนินการ

2.3 ตัวละครที่จะขัดขวางและเป็นอุปสรรค และวิธีการจัดการของท่าน

 

 

กลุ่มที่ 1 โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยการเคหะฯ สปป.ลาว

เหตุผล

1. มีการร่วมลงทุนกันในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น ป่าไม้ เหมืองแร่  การก่อสร้างเขื่อน วัฒนธรรมและภาษาลาวใกล้เคียงกัน

2. การคมนาคมมีความสะดวก 5 แห่ง ได้แก่ เชียงราย หนองคาย มุกดาหาร นครพนม อุบลฯ มีถนน/ทางรถไฟเชื่อมต่อผ่านจีน-ลาว-ไทย

3. มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน การสื่อสารภาษาเข้าใจกันได้ง่าย (ทำให้ก้าวข้ามพรมแดนได้ง่าย)

4. ค่าแรงงานต่ำ

การพัฒนาที่อยู่อาศัย

1. ศึกษาข้อกฎหมาย ระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการข้ามพรมแดน  ตลอดจนนโยบายรัฐ

2. ศึกษาข้อมูลแนวทางที่จะร่วมพัฒนาโครงการ (ข้อมูลทางวิชาการ ,เอกชน)

3. ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายกับภาคเอกชนในเรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้าง

 มีหน่วยงานที่สนับสนุนและข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องนำเสนอ

ทางกลุ่มคงต้องศึกษาถึงขั้นตอนต่อไปว่าความต้องการ Demand เป็นอย่างไร

อุปสรรค

1. ภาครัฐ (ไทย) เนื่องจาก กคช.มีหน่วยงานกำกับดูแลหลายหน่วย เช่น กระทรวง พม. ,สภาพัฒน์, สคร., สงป.

2. คู่แข่งเอกชนที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

3. ภาครัฐ (สปป.ลาว) เรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของภาครัฐ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง ระหว่างภาครัฐทั้งสองประเทศ

 

การวิเคราะห์ตัวละคร 4 กลุ่ม

1. การร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลทั้งสองฝ่าย ทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบของเราและของเขา

2. ภาคประชาชน เราต้องไปศึกษาจริง ๆ ว่า สปป.ลาวต้องการอยู่แบบไหน

3. ภาคเอกชน มีการร่วมภาคีเครือข่าย ของภาคธุรกิจเอง เอกชนเอง

4. วิชาการ ขอความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย

          ดร.จีระ เสนอว่า ที่ภาคใต้มีโครงการ IMT-GT จึงคิดว่าทางลุ่มแม่น้ำโขงน่าจะคิด LCT-GT คือ ลาว กัมพูชา ไทย Growth Triangle

          การเลือกประเด็นต้อง Realistic และ Relevance

          เสนอเชิญ สปป.ลาวมาดูงาน  เราต้อง Turn Vision into Action

          ตัวละครที่สำคัญที่สุดคือการเคหะฯ ของ สปป.ลาว และกระทรวงต่างประเทศ

          ที่คิดไว้ด้านสถาบันการศึกษา คือ ม.แม่ฟ้าหลวงกับ ม.ราชภัฏ คิดว่าท่าน ว.น่าจะเป็นแนวร่วมได้ด้วยเช่นกัน

 

 

กลุ่มที่ 2 โครงการพัฒนาทุนมนุษย์ภายใน กคช. “NHA 4.0” เพื่อปิดช่องว่างของ Generation gaps

สาเหตุ

          1. เพื่อปิดช่องว่างของพนักงานแต่ละกลุ่มทำให้งานมีประสิทธิภาพ ทำอย่างไรให้พนักงานในองค์กรที่มีช่องว่างระหว่างวัยทำงานร่วมกัน

2. ทำงานให้มีความสุขคือ Happy workplace , Happy at work และทำอย่างไรให้ Life Balance เอาแนวทางมาขับเคลื่อนโครงการให้ Wow ได้

3. พัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานโดยใช้ IT ในการทำงาน

ตัวละครที่จะขับเคลื่อน

          ข้อมูลทางวิชาการ ภาครัฐในด้านกฎหมาย ภาคเอกชน สนับสนุน IT

สิ่งที่จะขัดขวาง

คือการ Change ที่มีพนักงานบางส่วนไม่เห็นด้วย งบประมาณ และกฎระเบียบ

          เรื่องทุนมนุษย์เป็นเรื่องความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง ทำให้ทางกลุ่มย้อนมาที่การเคหะฯ ตามเกณฑ์ SEPA  สิ่งที่พบคือโดยรวมความผูกพันสูง แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่เกิดความเสถียรภาพ มี GAP ถ้าได้รับการแก้ไขและผลักดันจะทำให้การเคหะฯ ก้าวสู่ยุค 4.0 ได้อย่างดี

          ดร.จีระ เสริมว่า ความสำเร็จไม่ใช่ How to แต่เป็น Why ? and Why not? Overcome Difficulty  

          ความสุขจะไปเรื่อง Engagement คนประสบความสำเร็จในเมืองนอกไม่ได้มีความสุขทุกคน ของไทยต้องใช้ศาสตร์พระราชา และความยั่งยืน ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง

          เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราต้องเปลี่ยนแปลงโดยชนะเล็ก ๆ อย่าไปชนะทันที

          6 เดือนแรกทำอะไร 6 เดือนที่ 2 ทำอะไร

          ทั้ง 2 กลุ่มต้องคิดทฤษฎีเรื่อง Disruption และการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดผลคืออะไร ต้องมีแรงกระเพื่อมหรือกระตุ้นแบบ Sense of Urgency

 

กลุ่ม 3 การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะฯ

          ดูโครงการฯ ที่มีโอกาสทางธุรกิจและพัฒนาที่อยู่อาศัยเดิม เช่น อาคารเช่นโครงการทุ่งสองห้องซึ่งมีแนวรถไฟฟ้าผ่าน  และใกล้สนามบินดอนเมืองมองว่าสามารถพัฒนาและเพิ่มทรัพย์สินได้หลายเท่า

          แนวคิด มีการปรับปรุงให้ผู้อยู่อาศัยเดิมมีความหลากหลายแบบ Mixuse  มีการเข้าถึงได้มาก มีการพัฒนาธุรกิจ เพื่อมองที่อยู่อาศัยให้เป็นชุมชนที่น่าอยู่ มีการพัฒนา และลดความเหลื่อมล้ำ

          - ที่อยู่อาศัยหลายระดับ ผู้อยู่เดิม และรายใหม่

          - ธุรกิจเชิงพาณิชย์ Cross Subsidy

          - พัฒนานวัตกรรม อาคารประหยัดพลังงานชุมชนน่าอยู่สีเขียว ลดความเหลื่อมล้ำไม่ทิ้งใครอยู่ข้างหลัง

การวิเคราะห์ตัวละคร 4 กลุ่ม

ภาครัฐ ของบประมาณสนับสนุน

ประชาชน ทำความเข้าใจกับผู้อยู่อาศัยเดิม เป็นการพัฒนาที่มีมูลค่าและได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย

เอกชน เปิดโอกาสให้มาร่วมลงทุน พัฒนาให้คุ้มกับพื้นที่

วิชาการ ดึงมาร่วมวิเคราะห์ ปัญหา อุปสรรค แนวร่วมสนับสนุนข้อมูลตัดสินใจของรัฐ

โครงการนำร่อง

การปรับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้อยู่อาศัยมาใช้มาเป็นโครงการนำร่อง

นโยบายอันนี้ต้องนำเสนอต่อผู้บริหาร เพราะมีโครงการจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายที่

 

          ดร.จีระ แสดงความคิดเห็นว่า เวลาเราทำอะไรเราต้องมี  Concept ให้ดี มีตัวละครที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง และปัญหาคือข้อเท็จจริง องค์การการเคหะฯ เป็นรัฐวิสาหกิจ  ถ้าเป็นองค์กรเอกชนอาจทำไปแล้วและทำเร็วด้วย การเรียนหนังสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ 2 R’s  ต้องเอาความรู้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อกระเด้งขึ้นไปจากเดิม  การเคหะฯ ต้องมองเรื่อง Flexible Time ในอดีต

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี เสริมว่า พรมแดนทางความคิดของผู้อบรมในการเคหะฯ เริ่มขยายแล้ว

กลุ่มที่ 4 เห็นตัวอย่างที่ดีในการค้นคว้าและหาข้อมูล ในส่วนของลาวถ้าไม่คิดเรื่องมูลค่า คิดเรื่องความสัมพันธ์ได้  

กลุ่มที่ 2 มีเรื่องการทำงานที่มีความสุข เรื่องลดเวลาการทำงานในออฟฟิศที่จะวัดผลการทำงานได้อย่างไร 

กลุ่มที่ 3 คิดในเชิงธุรกิจดีมาก ชอบคำว่าอาคารต่อเนื่อง นวัตกรรมชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ การสับเปลี่ยนหมุนเวียนคน

          ชอบทั้ง 4 กลุ่ม เพราะคิดว่าอยู่บนพื้นฐานที่เป็นไปได้


กลุ่ม 4 โครงการพัฒนาเมืองแห่งวัฒนธรรมและความสุข

เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม

วัตถุประสงค์ เป็นโครงการเพื่ออยู่อาศัย เป็นชุมชนแหล่งวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับรายได้ของคนในท้องถิ่นและชุมชน

          โครงการมีเกิดขึ้นมากมายทั้งชุมชน บ้านเอื้ออาทร รถไฟฟ้า รวมถึงบ้านกตัญญูที่จะเกิดขึ้นในเร็วนี้ จึงมีมุมมองในการสร้างนวัตกรรมใหม่ สร้างอัตลักษณ์เมืองศูนย์วัฒนธรรมในเขตเศรษฐกิจที่นครพนม ทำอย่างไรที่สร้างที่อยู่ให้เป็นที่ยอมรับ มีการเช่าและดึงดูดชาวบ้าน และประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา อาจทำเป็นการเช่าซื้อและโฮมสเตย์

          จังหวัดนครพนมที่เลือกมาเพราะมีจุดเด่น เช่นติดกับแม่น้ำโขง มีบ้องไฟพญานาค เพื่อส่งเสริมการยกระดับรายได้ท้องถิ่นและชุมชน

          ตัวละคร

ภาครัฐมี สื่อมวลชน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน มีหอการค้าจังหวัด นักธุรกิจในท้องถิ่น

ประชาชน  ชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน

วิชาการ ดร.จีระและทีม

สิ่งที่ขัดขวาง

          1. การริเริ่มโครงการไม่สามารถผลักดันได้ ท้อถอย

          2. กฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ

          3. ขาดเงินทุน  ต้องมีระยะเวลาหลายด่านที่ต้องสำรวจความพึงพอใจของผู้อยู่อาศัย มีความต้องการมากน้อยแค่ไหน เพื่อยกระดับรายได้เข้ามาว่าตอบสนองได้มากน้อยแค่ไหน

          ทางกลุ่มมองว่า โครงการลักษณะที่เป็นวิถีชุมชนยังไม่มีที่เป็นโปรเจก

ดร.จีระ แสดงความคิดเห็นว่า เวลาเราทำอะไรเราต้องมี  Concept ให้ดี มีตัวละครที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง และปัญหาคือข้อเท็จจริง องค์การการเคหะฯ เป็นรัฐวิสาหกิจ  ถ้าเป็นองค์กรเอกชนอาจทำไปแล้วและทำเร็วด้วย การเรียนหนังสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ 2 R’s  ต้องเอาความรู้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อกระเด้งขึ้นไปจากเดิม  การเคหะฯ ต้องมองเรื่อง Flexible Time ในอดีต 

อาจารย์พิชญ์ภูรี เสริมว่า พรมแดนทางความคิดของผู้อบรมในการเคหะฯ เริ่มขยายแล้ว

กลุ่มที่ 4 เห็นตัวอย่างที่ดีในการค้นคว้าและหาข้อมูล ในส่วนของลาวถ้าไม่คิดเรื่องมูลค่า คิดเรื่องความสัมพันธ์ได้ 

กลุ่มที่ 2 มีเรื่องการทำงานที่มีความสุข เรื่องลดเวลาการทำงานในออฟฟิศที่จะวัดผลการทำงานได้อย่างไร

          กลุ่มที่ 3 คิดในเชิงธุรกิจดีมาก ชอบคำว่าอาคารต่อเนื่อง นวัตกรรมชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ การสับเปลี่ยนหมุนเวียนคน

          ชอบทั้ง 4 กลุ่ม เพราะคิดว่าอยู่บนพื้นฐานที่เป็นไปได้


สรุปการบรรยาย

โครงการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาผู้บริหารระดับสูง” ประจำปี 2561 หลักสูตร Classroom

หัวข้อ การบริหารกลยุทธ์องค์กร (1)

โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561

   

องค์กรเป็นประเภทหรือคน

1. ความสามารถวางแผนชีวิตให้สอดคล้องกับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง และสอดคล้องกับตัวเอง ซึ่งนักวิชาการเอามาเรียก SWOT

          - จริง ๆ อยากให้ประเทศมีความสุข โลกมีความเจริญ ก็ต้องวัดการเปลี่ยนแปลง

          - ถ้าไม่รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างไร เปลี่ยนองค์กรจะไม่ตรงเลย

          - สิ่งที่รู้ แต่คนไม่รู้คือนวัตกรรม

นวัตกรรม กับ นวัตกรรมตามนโยบาย 4.0 ต่างกันตรงไหนจริง ๆ นวัตกรรมมีมานานแล้ว

          - อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้าไม่รู้จักตัวเอง

 

การวิเคราะห์ SWOT

          1. ต้องเริ่มที่ O และ T คือการวิเคราะห์ Change ถ้าไม่เริ่มวิเคราะห์ตรงนี้ อาจจะผิดแผนและอนาคตจะมีปัญหา

          ดังนั้นการบริหารจัดการไม่ต้องเรียนได้เลยเพราะเป็นCommon Sense

          เราต้องเอาจุดแข็งไปไขว่คว้าโอกาส  ส่วนจุดอ่อนบางคนแก้ได้ บางคนแก้ไม่ได้

          มนุษย์ไม่มีใครโง่ ทุกคนฉลาดหมด แต่การศึกษาบางอย่างทำให้คนทำได้เรื่องเดียว ทั้ง ๆ ที่ความจริงมนุษย์ทำได้หลายเรื่อง

          2. การจัดการที่กำลังจะเกิดขึ้น เริ่มจาก Common Sense

          - วิเคราะห์อนาคต

          - วางชีวิตให้ตรงกับอนาคต

          - การจัดการอนาคต

          เมื่อเป็นทิศทางองค์กร องค์กรต้องรู้ทุกคน และเมื่อรู้ทิศทางองค์กรแล้ว ก็มาบริหารระยะสั้นคือ 3 ,5, 10 ปี ต้องทำอะไรบ้าง

 

การจัดการเชิงกลยุทธ์องค์กร

1. SWOT

2. วิสัยทัศน์ พันธกิจ – วางทิศทางองค์กร

3. เป้าประสงค์ กลยุทธ์ Action Plan คือตัว Action ต้องมีดัชนีตัววัด KPI

จะดูว่าประเทศนั้นมีคนฉลาดหรือไม่วัดจากการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้มี 3 แบบ

 

ยกตัวอย่าง อ.สมชายบอกว่า หลังเกษียณจะมีรายได้ไม่ต่างจากเกษียณ และต้องดัง ต้องรวยด้วยสมองเพราะมีจุดแข็งคือสมอง และต้องเป็นอาจารย์

เป้าหมายต้องเก่งภาษา และเก่งคำนวณ นั่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก

จุดเริ่มต้นคือการสอนให้คนอ่านหนังสือ คือจุดแห่งความฉลาด เป็นลักษณะแบบ Life time learning

มองอนาคตว่าเป็นอาจารย์เฉย ๆ ไม่รวย ดังนั้นจึงมองว่าจะเป็นที่ปรึกษา จึงเริ่มเรียนอักษรศาสตร์ เรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี เพื่อให้ได้ทุนแล้วไปศึกษาต่อที่รัฐศาสตร์ แล้วไปศึกษาเรื่องหุ้นต่อ  และที่อาจารย์สมชายดัง เพราะมองก่อนคนอื่น เป็นคนแรกที่มองเรื่องหุ้น เป็นคนแรกที่สอนเรื่องกลยุทธ์ ไม่ได้อยากเล่นการเมืองเพราะอยากเป็นอาจารย์สอนที่ดี แต่ไม่ได้เลือกที่จะรู้ทุกเรื่อง

Action Plan ต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจ เช่นวิสัยทัศน์อยากเป็นนักการเมือง ต้องตีกอล์ฟเพื่อสร้าง Connection

ถ้าไม่อยากเล่นการเมือง แต่ทุกคนต้องมีชีวิตรอด มีสุขภาพดี ถ้าเอาเวลาไปตีกอล์ฟ จึงเลือกที่จะอ่านหนังสือ ซึ่งเปรียบเทียบเวลาแล้วจะมากกว่าตีกอล์ฟ

แผนกลยุทธ์ใครทำได้ แต่การศึกษาทำให้เราใช้ศักยภาพสมองได้น้อยกว่าที่เป็น

แผนกลยุทธ์ 4.0 คือยุทธศาสตร์ของประเทศที่พัฒนาให้ประเทศจากวันนี้ไปถึง 20 ปี ข้างหน้าหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งหน้าที่นี้ควรเป็นของสภาพัฒน์ ฯ เพราะวางแผนด้านกลยุทธ์ กำเนิด 4.0 มาจากหนังสือ Marketing 4.0 ของ Philips Cotler

 

Smart City

โลกกำลังเข้าสู่ Smart City และ Smart Home

สรุปคือ แผนกลยุทธ์ที่เชิญมาคือสอน SWOT วิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ แต่แท้จริงเป็นเรื่อง Common Sense ถ้าวางองค์กรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตเราจะประสบความสำเร็จมาก

แต่ทำไมใคร ๆ ก็เรียน ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีแผนมานานแล้ว แต่ไม่ใช่แผนกลยุทธ์ ทั้งที่สภาพัฒน์ฯ ต้องเป็นผู้ทำตรงนั้น

Vision

เส้นทางที่จะไปในอนาคต Vision การทำได้ ต้องมีการวิเคราะห์การวางแผนในช่วง 4-5 ปี ฯลฯ เป้าประสงค์จะสำเร็จได้ต้องอาศัยกลยุทธ์ กลยุทธ์จะสำเร็จด้วย Action Plan

Action Plan คือแนวทางที่ทำให้กลยุทธ์ประสบความสำเร็จ กลยุทธ์คือแนวทางที่ทำให้เป้าประสงค์ประสบความสำเร็จ เป้าประสงค์คือแนวทางที่ทำให้ยุทธศาสตร์ประสบความสำเร็จ

การจะวางแผนได้คือ ใน 5 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร เรียกว่าเป้าประสงค์

คุณไม่ได้เก่งเรื่องเดียว จุดอ่อนมี 2 เรื่อง จุดอ่อนบางเรื่องแก้ได้ บางเรื่องแก้ไม่ได้ เช่นอาจารย์สมชายมองตัวเองเป็นนักวิเคราะห์อนาคตได้เก่ง จึงพัฒนาตัวเองจากการเรียนภาษาเพิ่มเติมอีกหลายภาษา สามารถสอนการละคร เรียนรัฐศาสตร์ และสอนละครได้ แต่จุดอ่อนบางเรื่องเช่นหน้าตาแก้ไม่ได้ อาจไม่ได้เป็นพระเอกเป็นต้น

สรุป การจัดการเชิงกลยุทธ์ที่โคตรยาก เพราะหัวใจข้อแรกสู่ความสำเร็จ ตรงที่ยากที่สุดคือ คุณภาพของ SWOT คือต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์อนาคตได้เจ๋ง ทั้งสั้น กลาง ยาว เพราะคุณภาพในการวิเคราะห์สมัยนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยก่อน เพราะสมัยนี้โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว คุณสมบัติสมัยก่อนคือ เอาอดีต ปัจจุบัน มาวิเคราะห์อนาคต แต่ใน 20-30 ปีมานี้ เริ่มประมาณปี ค.ศ. 1980 โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล สภาพแวดล้อมไม่ได้เป็นเหมือนเก่า โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก เข้าสู่ยุคโลกแบน สิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนเดิม แต่คนคิดยังเหมือนเดิม

สิ่งที่ยากที่สุดคือความสามารถในการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เจ๋งคือการมอง SWOT เป็น

Strategic Gap คือช่องว่างเชิงกลยุทธ์ คือช่องว่างระหว่างทิศทางไม่ตรงกับการเปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญที่เป็นปัญหาที่ทำให้การบริหารยากมาก ระบบคิดของคนปรับไม่ทัน

 

Key Success Factor ในการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จที่สำคัญคือ

1. การพัฒนาระบบคิด Mindset คือ Rethinking the future  Paradigm Shilft ในการสามารถวิเคราะห์ SWOT ได้เจ๋ง ต้องฝึกให้มองบางสิ่งที่คาดไม่ถึง สอนให้มองข้ามช้อต มองอนาคตได้เจ๋ง และวิเคราะห์ได้แม่นยำ มองเห็นสั้น กลาง ยาว  

2. ต้องรู้ตัวเอง  ระวังกับดักที่คุณเชื่อในสิ่งที่ตัวได้ยิน ได้เห็น เชื่อตามสิ่งที่รัก เพราะสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรคคือ Obstacle อย่างโกดักเจ๊งเพราะการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของ SWOT คิดว่าจะสามารถยืดเวลาได้ แต่ไม่ทัน  ระวังอย่าเชื่อคนง่าย ๆ

กับดักได้แก่ กับดักจากมองจากตัวเอง กับดักความเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ และกับดักจากประสบการณ์ในอดีตและปัจจุบันคิดว่าจะสามารถมาใช้ได้ในอนาคต ณ ตอนนี้ต้องศึกษาอนาคตเพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ถ้าคิดจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนตั้งแต่วินาทีนี้

3. อย่าเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ แล้วไปว่าคนอื่น เราต้องรู้ว่าตัวเองและทุกคนไม่ได้โง่ แต่มีหลายคนชอบมองคนอื่นที่คิดไม่เหมือนตัวเองว่าโง่ ทั้ง ๆ ที่เป็นอัจฉริยะ  เช่น คนมองกาลิเลโอโง่ เพราะบอกว่าโลกกลม พูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับเขา หรือเจ้ไฝช่วยประเทศไทย  จากผัดไทยจากละ 30 ขายได้ 300 บาท แต่คนไทยไม่รู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะมัวไม่ว่าเขา  Jiffy จับมือกับปั๊มน้ำมันที่มีห้องน้ำสะอาด และได้มีการวัด KPI

 

สรุป

1. วิเคราะห์ SWOT ได้เจ๋ง

2. วางทิศทาง เช่นการเข้าสู่ดิจิทัลจะทำอย่างไร โลกจะเข้าสู่ 5 Gแล้วจะกระทบอะไรกับเราบ้าง อย่างประเทศไทยแก้เกมส์โดยวางยุทธศาสตร์ 4.0

3. การวางกลยุทธ์ แต่อย่างไรก็ต้องวิเคราะห์ SWOT

          สิ่งที่เราควรทำคือการพัฒนาคนในองค์กรให้เป็น Strategic Thinker เพราะโลกวันนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเยอะมากและเราหนีไม่พ้น

 

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1.การเปลี่ยนแปลงของตัวเองในภาพที่เรามอง ทำอย่างไร

ตอบ    ต้องไม่มองจากตัวเองเพราะตัวเองคือมนุษย์มีความผิดพลาด มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ เพราะเรามาจากลิง  

          ไม่มองจากมุมตัวเองเพราะมนุษย์มีความชั่วอยู่ในนั้น ทฤษฎีกรีก กล่าวว่ามนุษย์มีจุดด่างพร้อย และบางครั้งไม่รู้ตัว และการมองจุดด่างพร้อยต้องมองจากสีหน้าของคนอื่น แล้วมาวิเคราะห์ว่าเรามีจุดด่างพร้อยตรงไหนบ้าง

          เช่น ลูก ต้องเข้าใจลูกว่าเขาชอบอะไร อยากเรียนอะไร ทำงานอะไร ไม่ใช่บอกให้ลูกทำตามเรา

          ไม่เชื่อคนอื่น เช่นบอกว่าคนรวยไม่โกง วิธีการพิสูจน์และกลั่นกรองใช้สัญชาตญาณในการสร้างสัมพันธ์ นาย ก.รวยไม่โกง นาย ข.รวย โกง นาย ค.รวย ไม่โกง นาย ง.รวยโกง  แสดงว่าคนนี้พูดผิด เราต้องมองเหรียญสองด้าน

          การมองอนาคต วิธีการฝึกมองอนาคตคือ เช่นมีเมล็ดพันธุ์อะไรจะมองเห็นอนาคตตรงนั้น

          การเคยชินสิ่งไหนทำสิ่งนั้น ต้องมีการปรับตัว เช่น MK มีการปรับการสั่งอาหารให้เร็วมากขึ้นโดยใช้ปาล์ม หรือร้านอาหารสมัยนี้สามารถสั่งอาหารได้จากเมนูดิจิทัลในโต๊ะอาหารเลย

การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง

1. คนฉลาดทำ 5% จะรู้ได้ว่าในโลกนี้มีบางเรื่องไม่สำคัญ คนฉลาดจะตัดออกจากสมองโดยเด็ดขาด ทำเฉพาะเรื่องสำคัญและเน้นเฉพาะเรื่องที่โคตรสำคัญ

          ข้อมูลความรู้  

          ในโลกนี้มีข้อมูลไม่สำคัญ ให้ทำเฉพาะ Strategic Information สิ่งที่พบคือคนที่เก่งทำกลยุทธ์เพียงไม่กี่เรื่อง เช่น ร้านอาหารทำรสชาติอาหารให้ตรงตามลูกค้าเป้าหมาย อร่อยมาก  และเน้นตรงเวลา  หรือเรื่องโรงพยาบาล เน้นคุณภาพรักษาเยี่ยม  และไม่เสียเวลา

 

5% แห่งการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกับเรา

          1. ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วง Strategic System Change ทุกวันนี้โลกมีการเชื่อมโยง  เช่น ข่าวบอกว่า นาย ก.เอาถังมาใส่ขี้ ถ้า นาย ก.ไม่บ๊อง มี 3 อาชีพที่เป็นไปได้คือใส่ปุ๋ย ทำชีวภาพ และ กทม.

          มนุษย์เราที่แท้คือสัตว์ประเสริฐ ที่เราประเสริฐขึ้นมาได้มาจาก Change คือ เมื่อมอง Change ได้จะสามารถวิเคราะห์คนได้

          เมื่อ 20,000 ปีที่แล้ว  มีบ้านเอาพืชผลมาปลูก และเอาสัตว์มาเลี้ยง สิ่งที่ตามมา คือมีคนทำตาม เกิดสังคมเกษตร มนุษย์จะหยุดเร่ร่อน มีสังคม ต้องการที่ดิน มีการบุกรุกเอาที่ดิน เกิดสงคราม ฆ่ากัน กรีกสร้างปิรามิด

          หลังจากนั้น 200 ปีที่ผ่านมา สังคมเกษตรอยู่ไม่ไหวเนื่องจากคนอยู่มาก คนคิดอะไรใหม่ ๆ ถูกเผาทั้งเป็น คนเหล่านี้จึงกลับไปที่กรีกเนื่องจากเป็นต้นกำเนิดปรัชญา คณิตศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม เชื่อว่ามนุษย์ฉลาดให้มนุษย์ออกความเห็น เกิดเป็นโสเครติสให้ออกเป็น Thesis Anti-Thesis และ Synthesis แต่ปัญหาคือโสเครติสโดนมองว่าโง่เนื่องจากไปต่อกรกับเสียงข้างมาก ทำให้โสเครติสโดนประหาร นักปราชญ์ที่ฆ่าเป็นพวกที่พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นสิ่งที่ไม่จากสิ่งที่เป็นจริงแท้

          สิ่งที่แน่นอนคือแล้วแต่มุมมอง คนเหล่านี้ถูกสอนให้พูดจาต่อยหอย  เกิดการโต้วาที

          ในทุกนี้ทุกอย่างมีกรอบ มีฟอร์ม โสเครติส ลูกศิษย์คืออริสโตเติล ที่มาท้าทายว่าห้ามมองจากตนเอง ต้องมองกับคนอื่นด้วย จงทำกับคนอื่นในสิ่งที่อยากให้คนอื่นทำกับเรา คุณภาพความดี ความถูกต้องคือในสิ่งที่เป็นของคุณ ที่กระทบกับคนอื่นด้วย ดังนั้นต้องมองมุมมองคนอื่นด้วย

          มนุษย์ที่เก่ง มนุษย์จึงควรมีเสรีภาพในการมองความแตกต่าง เสรีภาพที่อย่าไปเชื่อคนได้ง่าย  ไม่จำเป็นต้องเชื่อโป๊ป สามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้ เกิดคริสตัง คริสเตียน เกิดนักทฤษฎีต่าง ๆ มากมาย และทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม

          และเมื่อมนุษย์ฉลาด สอนให้เกิดความเชื่อมโยง ทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงกันได้ ในการเชื่อมโยงเหล่านี้ มาจากกรีก คนโง่มองแยกส่วน คนฉลาดมองเชื่อมโยง ทุกคนมีเหมือนกันหมด แล้วแต่มุมมอง

          เกิดการวิเคราะห์เชื่อมโยง เช่นแอปเปิ้ลทำไมถึงตก เซอร์ไอแซก นิวตัน ต่อยอดเป็นนวัตกรรม และเกิดสิ่งต่าง ๆ มากมาย เป็นต้น

ยุคที่ 1 การเปลี่ยนแปลงเกษตร 10,000 กว่าปี  ตามมาด้วยยุคที่ 2 ยุคอุตสาหกรรม ที่กำเนิดโดยแนวคิดเซอร์ไอแซกนิวตันกำเนิดยุคอุตสาหกรรม

ยุคที่ 3 ดิจิทัล โลกมีแรงดึงดูด  ถ้าโลกไม่มีแรงดึงดูดกับพระอาทิตย์ทำไมไม่ชนกัน ที่ไม่ชนเพราะมีสนามแม่เหล็ก  กำเนิดแนวคิดด้านนี้โดย ไอน์สไตล์นำกำเนิดยุคดิจิทัล

โดยมียุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ปัจจุบัน กำลังเอาเรื่องดิจิทัล ไปพบกับไบโอเทค เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี เปลี่ยนแปลงที่เร็วและรุนแรงมากขึ้น  การซื้อของผ่านทางอินเทอร์เน็ต เช่น Amazon อ่านข่าวต่างประเทศต่าง ๆ ทำให้ร้านหนังสือที่มีอยู่เจ๊งได้ อาชีพนักข่าวกำลังมีปัญหา เพราะทุกคนสามารถเป็นนักข่าวตัวเองได้

เทเลคอมนำสู่การเชื่อมโยง Intranet Internet เกิดการเชื่อมโยงอย่าง โลกาภิวัตน์ทำให้ประเทศฉลาดขึ้น

          แต่ในไทยสิ่งที่พบคือหลังดิจิทัล อัตราการเติบโตของไทยน้อยลง

          โลกเปลี่ยนจากสนามรบเป็นสนามการค้า มีการรวมตัวเกิดการตั้งเขตการค้าเสรี

 

ใน 4.0

1. Economic Corridor ถ้าประเทศไหนมีการจัดตั้งเขตการค้าเสรี หมายถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะต้องร่วมมือกัน ประเทศต่าง ๆ ต้องมีการปรับปรุงถนนหนทาง เช่น IMT-GT และ GMS

ทั้งหมดมี 3 ระเบียงคือ ตะวันออก-ตะวันตก  เหนือ-ใต้ 

2. โครงการการเชื่อมโยงกับประเทศจีน

3. RCEP การเชื่อมโยงกับอาเซียน+3 +6 คือ 16 ประเทศรวมตัวเป็นเขตการค้าเสรี จะเหมือนกำแพงเดียวกันภาษีเหลือ 0  ประเทศไทยเกิดการขยายตัว เนื้อที่ในการแข่งขันมากขึ้น แต่ละประเทศกำลังพัฒนาถนนหนทาง หนึ่งในนั้นคือการขยายการค้าชายแดน ซึ่งจะพุ่งอีกหลายร้อยเปอร์เซ็น  แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก กาญจนบุรี น้ำพุร้อน –นราธิวาส หนองคาย นครพนม

          การเชื่อมโยงกับระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทราเชื่อมโยง Eastern Seaboard และเข้าสู่ดิจิทัล เกิดผลกระทบต่อการเมือง ชุมชน ซึ่งการเคหะฯ ต้องเกี่ยวข้องมาก Smart City เป็น Antropotism ไม่ใช่แค่เครื่องจักร แต่เป็นการเชื่อมทั้งหมด ต้อง Smart Environment , Smart Neighborhood ฯลฯ การเคหะฯ ต้องเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดี  ยกตัวอย่างรายได้แสนสิริลูกค้ามาจากต่างประเทศ รายได้ของเจ้ไฝ ลูกค้ามาจากต่างประเทศ

          ปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 เกิด Internet of Things รถไม่มีคนขับ เรือไม่มีคนขับ เกิดลักษณะการ Sharing Economy บ้านให้เช่า Robot นำไปสู่การตกงานของแต่ละแห่งมากมาย ในขณะเดียวกันมีการสร้างงานใหม่เกิดขึ้น มี Big Data สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้ด้วย รู้เส้นทางของลูกค้าที่เดินและไม่จบ และคนที่ฉลาดกว่านั้นจะสามารถสร้างลูกค้าได้เลยเกิด Blue Ocean และมีคนคิดสายการบินราคาถูก คนที่เป็นต้นกำเนิดคือ South East Airline

          โลกเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตลอด อยากรู้อะไรติดต่อ Google ได้หมด วันนี้โลกกำลังเปลี่ยน

Internet of things สามารถอยู่อีกที่แต่สามารถกดรีโมทไปอีกที่ได้

          Material Science ถ้าปรับไม่ดี จะไม่สามารถทราบว่ามีสินค้าทดแทน อาจปรับไม่ทัน เช่น บ้านอาจเกิดการเช่าเป็นสำนักงานอยู่แค่วันเดียว

          ใช้ Genome เปลี่ยนคน สังคมโลกเปลี่ยน โลกเกิดการแข่งขันทุก 2,000 ปี ดังนั้นการวางแผนการเคหะฯ ไม่ใช่แค่ Aging หรือไม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล ลักษณะของบ้านก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไป  การเคหะฯ ต้องปรับให้ทัน

 

From digital to 4th  Industrial revolution : Financial Transformation

          1. E-Commerce นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ตัวอย่างคู่แข่งของ E-commerce คือ Zara ที่ราคาถูก ดังนั้น E-Commerce คือตัวช่วย แต่ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าด้วย

          2. E-Banking

          3. Fintech

          4. Blockchain คือสมุดบัญชีบันทึกรหัส หลายธุรกรรมเรียกว่า Blockchain

ยกตัวอย่าง Starbucks 1. สร้าง Platform ให้คงเส้นคงวาตามกลุ่มเป้าหมาย แต่ละวันจะมีการทำให้คงเส้นคงวา  และ 2. บ้านที่มีความสุขด้วยกลยุทธ์คือ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความสุขเหมือนอยู่บ้าน อย่าเรียกลุง ป้า น้า อา แต่เรียกคุณลูกค้า และต้องรู้ใจลูกค้า จำลูกค้าได้ทำอย่างเดียวแบบโอเรียลเตล คือการขายสิ่งที่จับต้องไม่ได้  3. กำลังเข้าสู่ Fintech สามารถให้ลูกค้าฝากเงิน และให้กู้เงินซื้อสินค้าได้ด้วย

โลกกำลังน่ากลัวมาก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราต้องการหลักประกัน ที่ทุกอย่างอยู่ใน Blockchain มีระบบ Cloud funding คือการระดมเงินลงทุนมาสามารถแข่งกับแบงค์ต่าง ๆ


หัวข้อ การบริหารในยุค AEC

โดย คุณพูลสวัสดิ์ เผ่าประพัฒน์

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561

 

องค์กรไหนที่ไม่ทำนวัตกรรมอาจจะอยู่ยากขึ้นเพราะในวันนี้ทุกประเทศคุยแต่เรื่องนี้ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเฉพาะสินค้าแต่มีวิวัฒนาการใหม่ ๆ ตลอดเวลา

พฤกษา เรียลเอสเตทเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่สมัยต้มยำกุ้ง ปัจจุบันเป็นอันดับ 1 ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชน 60,000 ล้านบาท

แม้แต่บริษัทชั้นนำในอเมริกา อายุสั้นลง ในอดีตเฉลี่ยอายุในองค์กร 67 ปี ปัจจุบันเหลือแค่ 1.5 ปี ที่เป็นเหตุนี้เกิดอะไรขึ้น อย่างในบ้านเราอายุบริษั่ทสั้นลงเป็นเพราะอะไร

 

Sustainable Organization

ถาม    อะไรคือปัจจัยที่ทำให้องค์กรอายุยืน

ตอบ    1. พัฒนาบุคลากร

2. พัฒนาสินค้า

3.พัฒนาเทคโนโลยี

4. ผลกระกอบการดี

อ.พูลสวัสดิ์ กล่าวว่าทุกคำตอบถูกหมดเลย แต่ว่าอะไรคือเรื่องแรกที่ต้องทำ ในธุรกิจ Input Process Output หมายถึง ยอดขายหรือกำไรขึ้นลง สาเหตุที่เปลี่ยนไปเพราะอะไร

          1. Input เปลี่ยน ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยน

          ตลาดที่เคยเป็นของเราเป็นตลอดหรือไม่ เพราะมีคู่แข่งรายใหม่เกิด

          เทคโนโลยีเปลี่ยน กระทบหรือไม่ หลายอย่างสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาจะเกิดผลทันที ดังนั้นสิ่งที่เราสามารถบริหารจัดการได้คือ Process

          การมอง Input และ Output การบริหารจัดการที่เป็น Process จะทำอย่างไร สิ่งสำคัญคือคนของเราพร้อมที่จะปรับ พร้อมที่จะเปลี่ยน ถ้าเราไม่เปลี่ยนไม่ปรับแสดงว่าทุกอย่างเป็นตามยถากรรม

องค์กรมี 2 แบบคือ องค์กรที่เรียนรู้ และไม่เรียนรู้

          A : องค์กรที่ไม่เรียนรู้จะมีของเสียมาก เหมือนปลาตู้ เบื่องาน ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ต่างคนต่างทำ

          B : องค์กรที่เรียนรู้คือองค์กรที่ปรับตัวเร็ว ทำงานเป็นทีม ประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น การถ่ายทอด

          ปัจจุบันเอาความรู้เดิมมาถ่ายทอดไม่ทันเพราะความรู้เปลี่ยนแปลงเร็ว และความสามารถในการแข่งขัน

องค์กรที่เรียนรู้คือจะรู้ที่มาและรู้ Process สามารถตอบคำถามได้ ทำงานอย่างรู้เหตุ รู้ผล แล้วคนจะ Smart คือจะเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ ทำให้องค์กรเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

องค์กรที่ไม่เรียนรู้ คือไม่รู้ว่ามาอย่างไร รู้แค่ผลลัพธ์ที่เกิดแล้ว ไม่สามารถตอบได้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร รู้เฉพาะที่งานที่รับผิดชอบ

ถามคำถาม : ถ้าการเคหะฯ บอกนโยบายลดค่าพลังงาน 10% นักเรียนประเภทเรียนรู้จะทำอย่างไร

ผู้อบรมตอบ :ปิดไฟบางส่วน เปลี่ยนหลอด กำหนดเวลาใช้  รณรงค์

อ.พูลสวัสดิ์ ให้ข้อมูลเพิ่ม ถ้ามีส่วนที่เป็นตัวใช้ไฟ 90% และมีส่วนที่ใช้ไฟเยอะสุดเช่นร้าน 7-eleven ตู้เย็น ตู้แช่ แอร์ กินไฟมากสุด ส่วนอย่างอื่นตามลงมา

ดังนั้นเมื่อรู้เป้าหมายแล้วเราจะรู้ว่าจะจัดการสิ่งใดก่อน  สิ่งเหล่านี้หมายถึงถ้าเราเป็นนักเรียนประเทศเรียนรู้ เราจะต้องมีข้อมูล และต้องคุ้มค่า ทำให้เราเห็นการจัดการที่ง่ายขึ้น ไม่ใช่หลับตาเดิน  ดังนั้นสิ่งที่เราขาดคือองค์กรที่เรียนรู้กับไม่เรียนรู้ ต่างกันที่ว่า รู้หรือไม่ว่ากระบวนการไหนสำคัญกว่าอันไหน และเราจะเลือกทำเรื่องสำคัญก่อน เราจะได้ทำน้อยได้ผลงานมาก

การชวนให้คนมองภาพรวม เห็นภาพรวม Macro แล้วเจาะภาพย่อยจะทำให้เรา Work smart ไม่ใช่ work hard  ถ้าเราอยากรู้ว่าจะบริการลูกค้าดีขึ้น กระบวนการอะไรสำคัญสำหรับเราที่จะทำให้เรารู้ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าดีขึ้น เช่น ทำ survey  เพื่อรู้ว่าลูกค้าพอใจหรือไม่ อาจเป็นการสังเกตลูกค้า

องค์กรส่วนใหญ่จะรู้ว่ากระบวนการที่นำไปสู่การที่ลูกค้า Happy หรือไม่ มีกระบวนการสำรวจความพึงพอใจ แต่เราจะใช้สำรวจแบบไหน เช่นร้าน 7-eleven ในญี่ปุ่นใช้ผู้จัดการร้านสังเกต ถ้าดูแลลูกค้าดีจะดีทุกหย่อมหญ้า แต่ถ้าใช้วิธีการเทข้อมูล จะใช้เวลานาน  เช่นการจะรู้ว่าบรรยายดี ไปจ้างบริษัทมาทำสำรวจ หรือดูจากแบบประเมินจะเชื่อได้หรือไม่ แต่ที่ใช้คือการสังเกต ยกตัวอย่าง Steve Job กล่าวถึงการออกแบบโทรศัพท์ มองความต้องการลูกค้าว่าอยากได้อะไร

การขายสินค้าราคาแพงสามารถขายได้อย่างไร อยู่ที่กระบวนการที่สามารถขายของได้ในราคาแพง เช่น หลุยส์วิตตอง นาฬิกา

ถ้าอยากให้บ้านการเคหะฯ ขายแพงขึ้นจะทำอย่างไร กระบวนการสร้างแบรนด์ของการเคหะฯ ทำอย่างไร แบรนด์อาจเกิดจาก Value ที่ลูกค้ายอมรับในของดี ราคาถูก เช่น นกแอร์ หรือแอร์เอเชีย  แต่ละคนจะมีจุดยืนของตัวเอง แต่โดยส่วนใหญ่สุดยอดของแบรนด์คือขายแพงแล้วขายได้ และจะทำให้แบรนด์มี Value สูง

แบรนด์เติบโตเร็ว และขายดีทำอย่างไร

- ลดต้นทุน กำไรมากขึ้น

ถ้าอยากให้ยอดขายโต และกระบวนการโต

- สร้างความแตกต่างทางนวัตกรรม

ขณะนี้ การเคหะฯ ยังไม่มีการประกวดนวัตกรรมหมายถึงยังไม่เห็นความสำคัญของนวัตกรรมเท่าที่ควร

ตอบ ที่ผ่านมามีนวัตกรรมบ้านผู้สูงอายุ บ้านลอยน้ำ

ประเด็นอยู่ที่เราไม่โปรโมท ซึ่งถ้าทำดี ๆ จะมีเวทีเกิดขึ้นจำนวนมาก

เอาจุดแข็งของหลายหน่วยงานมารวมกัน

ยกตัวอย่าง บริษัท Impossible Burger คิดนวัตกรรมผลิตเบอร์เกอร์ที่ไม่ทำจากเนื้อสัตว์ ได้พัฒนา รส สี กลิ่น แต่ประเด็นคือจะทำให้คนเชื่อ Convince ได้อย่างไร

ถ้าจะทำแพงต้องขาย Ron Mark

กรณีการสร้างบ้านแบบ Knock down ที่มีความรวดเร็วมากที่ตะวันออกกลาง  เราใช้เวลาสร้างบ้านกี่วันในการทำบ้าน 1 หลัง พฤกษาใช้ 45 วัน คอนโด 30 ชั้นใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี แต่ที่จีนสร้างคอนโด 30 ชั้นได้ประกอบคอนโดได้ภายใน 15 วัน (มีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างเรียบร้อยแล้ว)  ที่มีการออกแบบและ test แผ่นดินไหวแล้ว Innovation ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องของเรา

การนำเสนอสินค้าและบริการ

1. ตอบความต้องการเขา ขายได้

2. ตอบความต้องการเขาไม่ได้จะทำให้ของเหลือ และลูกค้าจะบ่นว่าสิ่งที่อยากได้ทำไมไม่ทำ ที่ทำมาไม่อยากได้

ประเด็นคือเราพร้อมจะเปลี่ยนหรือยัง  ถ้าเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าจะมีนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้า แต่ถ้าไม่ตอบโจทย์ลูกค้าจะเรียกว่านักประดิษฐ์แล้วอาจขายไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนความคิดให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เรากลับไปหาลูกค้าแล้วจะได้ลูกค้า นวัตกรรมคือการเปลี่ยนความคิด

ยกตัวอย่างคอนโดที่จีน ทุกอย่างถูกวางไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว สามารถใช้เวลาได้ภายใน 15วัน

 

Unicorn Start up Company

อาทิ    1. Grab Taxi เป็น Unicorn  หมายถึง Start up ที่มีการระดมทุน 1,000 ล้านเหรียญ หรือ 35,000 ล้านบาท

          เป็นเด็กตัวน้อย ๆ มาเลเซียที่คนสิงคโปร์เห็นศักยภาพให้เขียนโปรแกรม เป็นหนึ่งในศักยภาพที่คนสิงคโปร์ภูมิใจ

          2. เทรเวลโลก้า ก็คือ Unicorn ที่เป็นมูลค่าเช่นเดียวกัน

          3. Uber เป็นลักษณะของผู้โดยสารที่อยากไปไหน เช่นถ้ามีรถจะไปจุดหนึ่ง แล้วเอาผู้โดยสารมาแชร์คอร์สจะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ Uber ไทยคือการเรียกรถว่าจะไปไหน

          กรณี 2 ตัวอย่างนี้บอกว่าเราอยู่เฉย ๆ ไม่ได้

          4. Ant Finance เบื้องหลังคือบริษัทของ Jack Ma ปล่อยเงินกู้ผ่าน Ali Pay ซึ่งจะ Link กับ Bitcoin ต่าง ๆ ในขณะที่ทำเรื่องนี้ เขาได้บอกว่าทำ CSR ให้กับโลกใบนี้ได้เท่าไหร่ด้วย  ล่าสุดฮ่องกง กับเขาจับมือกัน  และได้ข่าวว่าจับมือกับ CP

          สรุปคือ เรามีสิ่งที่เราไม่รู้เยอะมาก และเกี่ยวกับตัวบุคคลด้วย  เอาข้อร้องเรียนของลูกค้ามาทำให้เป็นประโยชน์

          5. DJI เป็นบริษัทของจีน ขาย Drone ไปทั่วโลก สามารถทำให้สิ่งที่เป็นของเล่นกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต

          มีบริษัทหนึ่งทำหนังสือออนไลน์ที่รวบรวมเกี่ยวกับ Start up อยู่ใน Inc. มีเรื่องใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกทุกวัน และถ้าใครต้องการข้อมูลเชิงลึก สมัครเป็นสมาชิก บริษัทจะได้รายได้จากค่าสมาชิก

          6. Airbnb คือการสร้างรายได้จากห้องว่างของคุณ

มีคนนำมาเขียน Platform เป็นหนังสือให้คนไทยสามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้

 

TQA/SEPA

          กระบวนการที่สำคัญมีกระบวนการสำคัญอะไรบ้างที่ทำด้านนี้  

เคยมีการให้ comment ว่าเป็นการประเมินกระบวนการ จะทำให้เป็นการเรียนแบบประเภท B ไม่ใช่แบบ A คือ ไม่รู้เหตุรู้ผล

แต่ละ Checklist มีคำถามที่สำคัญ แล้วมาประเมินแต่ละหัวข้อ แต่ละองค์กรจะไม่เหมือนกัน จะทำให้รู้ว่าปัญหาของเขาที่เป็นอย่างนี้ กระบวนการไหนดีแล้ว กระบวนการไหนที่ยังไม่ได้ทำ มีการจำลององค์กรว่าให้ทุกคนอยู่ในองค์กรเห็นภาพรวมแล้วมาช่วยกันดู ซึ่งการประเมินที่ได้ออกมาจะนำไปสู่คะแนน และจะบอกคะแนน

นักเรียนที่เรียนรู้ได้เร็วจะรู้จากผล

ยกตัวอย่างเช่นสิงคโปร์จะดูที่หมวด 7 ก่อน คือเน้นที่เรื่องคน และจะทำให้เราทำงานให้ง่ายขึ้น

ผลลัพธ์กับกระบวนการจะต้องเชื่อมกัน วิธีการควบคุมให้ได้ผลลัพธ์ไม่ใช่วิธีการให้ได้กระบวนการ

เสนอโปรเจคปรับปรุง SEPA ย้อนศร

 

โอกาสในการปรับปรุงองค์กร

          TQA / SEPA เรื่องที่สำคัญมี 6-7 เรื่องเท่านั้น ทำแต่ละเรื่องให้ชัดเจนให้เป็นสีเขียวและผลลัพธ์จะดีเอง  

          1. การนำองค์กร

          2. แผนกลยุทธ์

          3. ลูกค้าและตลาด

          4. การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้

          5. ทรัพยากรบุคคล

          6. กระบวนการทำงาน

          7. ผลลัพธ์

 

ความสำคัญของวิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร

ตัวอย่าง

          Google วิสัยทัศน์ว่า “จัดระเบียบ ข้อมูลของโลก และทำให้มันเป็นสากล สามารถเข้าถึงได้และมีประโยชน์”

          - มองคนในโลกเป็นลูกค้า

 

          Apple ของ Steve Job วิสัยทัศน์ว่า “นำประสบการณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ดีที่สุดไปสู่นักเรียน นักศึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริโภคทั่วโลก โดยการนำเสนอนวัตกรรม ของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โปรแกรม และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

 

          Apple ของ Steve Job – เอาอุปกรณ์มาหาข้อมูลให้คนใช้มากขึ้น นวัตกรรมคือ Software ที่สามารถทำสิ่งที่คาดไม่ถึง มีอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้นขายให้คนทั้งโลกใช้ ทำน้อยแต่ได้ผลเยอะ นำอุปกรณ์มาประยุกต์ในแต่ละพื้นที่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีการติดตามผลลัพธ์ ถ้าดูจากกราฟเราจะเห็นอะไรเป็นดาวเด่นใน Apple คือ I-Phone สร้างประโยชน์ให้ธุรกิจเกือบ 50% ดังนั้นการดูผลลัพธ์สำคัญ

          I-Pad ประสบความสำเร็จน้อยเพราะว่าเจอ Sumsung

          ความสำเร็จเบื้องหลังคือ Software

 

ตัวอย่าง-วิสัยทัศน์

1. เราคือครัวของโลก

2. เราคือธุรกิจตัวแทนของความรัก

3. เราคือธุรกิจที่ช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดี

4. เราให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน

 

          เราต้องจับให้ได้ว่าธุรกิจเราจะมีแนวร่วมอะไร หมายถึง เราจะมีแนวร่วมเยอะ

ตัวอย่าง CPAll

          วิสัยทัศน์ “เราให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน”

          พันธกิจ “มุ่งสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยสินค้าและบริการที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้งสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับชุมชนและสังคม”

          ปรัชญาองค์กร “เราปรารถนารอยยิ้มจากลูกค้า ด้วยทีมงานที่มีความสุข”

CPAll Innovation Center

วิสัยทัศน์ “เราคือสะพานเชื่อมนวัตกรรมไปสู่ตลาด”

วิสัยทัศน์ “การเคหะแห่งชาติเป็นองค์กรหลักด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชนและเมืองเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย”

การเคหะฯ มีการปรับปรุงวิสัยทัศน์ในทุกปีหรือไม่ ? – ปรับปรุงทุกปี

สิ่งที่เห็นคือ การเอาของดีไปซ่อนไว้ในวิสัยทัศน์ แต่เราต้องปรับปรุงสิ่งใหม่ให้ดีกว่าเดิม เมื่อโยนนวัตกรรมไป คือไม่ทำไม่ได้ ต้องสร้างให้อยู่ที่ DNA และเป็นภาพใหญ่ เพราะจากวิสัยทัศน์นึกไม่ออกว่านวัตกรรมคืออะไร

ถ้าปลายทางไม่ทำ Innovation จะยั่งยืนได้อย่างไร ทุกสิ่งในหลายอาชีพจะถูกแทรกด้วยนวัตกรรม AI มาทำในหลายอาชีพ และคนจะอยู่ได้อย่างไร ยกตัวอย่างหมากล้อม AI ชนะคนแล้ว เพราะ AI แพ้คนเป็นล้าน ๆ ครั้ง แล้วเขาได้เติมเต็มประสบการณ์หมายถึงแพ้จนไม่มีสิ่งที่จะแพ้อีกแล้ว AI เลยชนะคน

คาดว่าในอนาคต คนเหล็กมาแน่นอน

เราสามารถทำให้นวัตกรรมเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ คือเอางานมาปรับปรุงจะเกิดสิ่งใหม่

สิ่งที่พบคือกำไรของการเคหะดีขึ้น

วิสัยทัศน์การเคหะฯ จะเป็น Smart City หรือไม่?-กำลังทบทวนกันอยู่

การเป็น Smart City ต้องมีการบูรณาการกับหลายหน่วยงาน อาทิ Public Transportation, IT Connectivity , Water, Power Supply, Sanitation, Solid Waste Management, Urban Mobility, E-Governance, Citizen Participation

ยกตัวอย่างบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ – การเคหะฯ บอกว่ากำลังเริ่มทำแล้ว

แนวคิดประเทศไทย 4.0

          แต่ก่อนขายวัตถุดิบ กำไรไม่ได้อยู่ที่เรา ต่อมารับจ้างผลิต เน้นต้นทุนต่ำ มาที่ยุคนวัตกรรม เน้นรายได้ ในมีค.ศ. 1960 รายได้คนสิงคโปร์เป็น 4 เท่าของคนไทย ปีค.ศ. 1990 รายได้คนสิงคโปร์ 8 เท่าของคนไทย ปีค.ศ. 2014 รายได้คนสิงคโปร์เป็น 10 เท่าของคนไทย   ความจริงแล้วรายได้ของคนไทยก็เพิ่มขึ้น แต่เราก็ไปทำให้คนประเทศอื่นรวยกว่า

          สิ่งที่อยากเปลี่ยนคือสินค้าของไทยคือที่เน้นต้นทุนต่ำอาจไปไม่รอด ปรับสู่สินค้าที่เน้นมูลค่าเพิ่ม

          ยกตัวอย่าง เราจะทำเสื้ออะไรที่ขายแพงกว่า Nike ได้ เราต้องคิดนวัตกรรมให้กับเสื้อตัวนี้ เราถึงขายได้ดีกว่า Nike แต่ต้องขายให้ถูกกลุ่มลูกค้าได้

          4.0 คือทำอะไรที่แตกต่าง มีมูลค่า และขายให้ได้แพงกว่า ยกตัวอย่างกระดาษชานอ้อยคือ ผู้บริโภคไม่ต้องได้อันตรายจากสารพิษ และสามารถย่อยสลายลงดินได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

 

Solar City :Tesla

เป้าหมายในการติดตั้ง Solar Cells บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าผลิตไม่ทัน ก็ผลิต Solar Cell ฝังโซล่าเซลล์ไปในหลังคากระจก

วิสัยทัศน์เปลี่ยนเป็น Energy Company บ้านทุกบ้านผลิตไฟ

สถานีรถไฟฟ้า ในไทย ปตท. เริ่มทำแล้ว

 

ประเทศไทย 4.0 การเคหะฯ น่าจะมีส่วนร่วมอะไรได้บ้าง

          - พลังงานแสงอาทิตย์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

          - One Size does not fit all

 

แนวทางในการสร้างสรรค์นวัตกรรม

          นวัตกรรม = ความต้องการของตลาดและลูกค้า + ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ + เทคโนโลยี

 

คำถามเชิงนวัตกรรม

Product Innovation   : คิดเรื่องสินค้าที่ลูกค้าต้องการ

          1. สินค้าที่ลูกค้าถามหา แต่เราไม่มีขาย

          2. สินค้าที่เราขาย แต่ลูกค้าไม่รู้

          3. สินค้าที่ขายดีในต่างประเทศ แต่เรายังไม่เคยขาย

          4. สินค้าที่ขายไปแล้ว ลูกค้ายังไม่พอใจ

          5. สินค้าที่เกิดปัญหากับลูกค้าบ่อย ๆ

Service Innovation   : คิดเรื่องความสะดวกของลูกค้า

1. บริการที่ลูกค้าถามหา แต่เราไม่มี

2. บริการที่มี แต่ลูกค้าไม่ค่อยได้ใช้

3. บริการที่ลูกค้าต้องรอนาน

4. บริการที่ทำไปแล้ว แต่ลูกค้ายังไม่พึงพอใจ

5. บริการที่เกิดปัญหากับลูกค้าบ่อย ๆ

Process Innovation   : คิดเรื่องQCD

1. ทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น

2. ทำให้ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายลดลง

3. ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น

4. ทำให้การส่งมอบสินค้าและบริการดีขึ้น

5. ทำให้ประสิทธิผลของการทำงานดีขึ้น

Business Model Innovation   : คิดเรื่องโอกาส กลยุทธ์ขององค์กรและความสามารถในการแข่งขัน

1. การขยายงานแบบแนวนอน

2. การขยายงานแบบแนวตั้ง

3. การร่วมทุน

4. การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

อาทิ True + Counter Service = Online no bill

Business Model Innovation

          - การประปา + Counter Service = ประปาหน้าปากซอย

          - กรมสรรพสามิต + Counter Service = จ่ายภาษีได้ 24 ชั่วโมง

          - โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา +  Counter Service = ???

          - การเคหะแห่งชาติ + CPALL = ???

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

ทำไมเราต้องเรียนรู้ AEC กับการเคหะฯ

          เสาหลักมี 3 ประการทุกประเทศต้องทำร่วมกันหมด

เสาเศรษฐกิจ การเงินการลงทุน

1.เพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 สภาพเศรษฐกิจดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ต้องทำ

          2. โครงการนวัตกรรมที่จะทำอะไรให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ถ้ากฎระเบียบไม่เอื้อในเรื่องพิเศษ จะทำอย่างไรได้หรือไม่ เช่นมีโครงการต่าง ๆ ทำอย่างไรให้เพิ่มรายได้ให้กับคนในองค์กร ถ้าติดเรื่องกฎระเบียบอาจไปมองในเรื่องหารางวัลที่มาเสริมแรงเรา

          3. คนใน AEC หรือ CLMV บริษัทหาคนไปสอนแล้วสามารถไปพัฒนาคนได้หรือไม่ การเพิ่มการฝึกอบรม การเคหะฯ มีดาวเด่นด้านไหน

          4. สร้างรายได้จากที่พักของท่าน ที่พักของคนการเคหะฯ จะสร้างรายได้เสริมได้อย่างไร

 

เสาสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม

          1. บ้านกตัญญู (สังคมผู้สูงอายุ)

          2. บ้านทันสมัย ใช้พื้นที่คุ้มค่า จิ๋วแต่แจ๋ว (Minimall)

          3. บ้านอนุรักษ์พลังงาน

 

เสาการเมืองความมั่นคง

1. การเคหะคือเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในประเทศ

2. เป็นเครื่องมือการทูตระหว่างประเทศได้หรือไม่ อาทิ CLMV (การเคหะมีความเชี่ยวชาญมากกว่าประเทศใน CLMV หรือไม่ อย่างไร

 

วิสัยทัศน์

          ครัวของโลก – พื้นที่ที่ปลูกเราทำอะไรได้บ้าง

          ตัวแทนของความรักและความสัมพันธ์ – พาคนออกไปต่างประเทศได้โดยไม่ควักเงินตัวเอง

          สุขภาพที่ดี (ทั้งกายและใจ) สังคม

          สิ่งแวดล้อม- อยู่ในยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0

          ให้บริการความสะดวกกับทุกองค์กร- มี Application ใหม่ ๆ

 

นวัตกรรม

          1. สิ่งใหม่เอี่ยม คิดใหม่ ทำใหม่ เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

          2. นำของเก่ามาปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ใหม่  แต่จะเป็นนวัตกรรมได้ ต้องได้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ และสังคมหรือทั้งสองอย่าง

 

ตัวอย่างเทมเพลต

          การออกแบบโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนางานของการเคหะแห่งชาติ

 โดยเริ่มจากมองผลลัพธ์ก่อน

1. กลุ่มที่

2. หัวข้อโครงการ

          - ตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 หรือไม่

          - ตอบโจทย์เศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่

          - เทคโนโลยี

          - คน

          - นวัตกรรม

          - ลดความเหลื่อมล้ำ

          - การพัฒนาทั่วถึงหรือไม่

          - สิ่งแวดล้อม

          - ยุทธศาสตร์ของชาติ และยุทธศาสตร์ 10 ปีของการเคหะฯ

          - Innovative Project

          - Value Creation

          - Value Diversity

          - Impact หรือไม่

          - มีประโยชน์เชิงคุณค่าหรือไม่

          - Execution

          - วัดผลได้ อาจไม่ต้องวัดผลได้วันนี้พรุ่งนี้ แต่ระบุว่าวัดผลดได้อย่างไร

3.หลักการและเหตุผลและความจำเป็น

4. วัตถุประสงค์หลัก / ตัวชี้วัด

5. ยุทธศาสตร์และวิธีดำเนินการ

          เช่น Application ที่เมืองนอกมีการทำ Application ที่จอดรถว่าง ทำให้บ้านมีรายได้ด้วย

6. ขั้นตอน / วิธีการดำเนินงาน / Timeframe

7. แหล่งเงินทุนและงบประมาณ เน้นการบริหารจัดการจากทรัพยากรที่มีอยู่

8. วิธีการประเมินผล

9. ผลที่คาดว่าจะได้รับและการสร้างคุณค่าแบบ 3 V มีอะไรบ้าง อย่างไร

10.ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคและเป็นตัวแปรที่สำคัญ

11. เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการนี้อย่างไร เห็นด้วยหรือไม่ มองปัจจัยทีเป็นอุปสรรค และปัจจัยที่จะทำให้โครงการนี้สำเร็จอย่างไร

12. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากได้ร่วมกันคิดและออกแบบโครงการในครั้งนี้ของกลุ่ม


สรุปการบรรยาย

โครงการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาผู้บริหารระดับสูง” ประจำปี 2561 หลักสูตร Classroom

หัวข้อ การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (1)

โดย     ดร.ทายาท ศรีปลั่ง

          ดร.เกริกเกียรติ  ศรีเสริมโภค

วันที่ 5 มีนาคม 2561

 

 

หลักการและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร

แนวคิดที่ 1  Leadership Pipeline

          การเป็นผู้บริหารไม่จำเป็นต้องเรียนมาตั้งแต่ต้น Six-Passage Model ถูกพัฒนาขึ้นโดย Ram Charan, Stephen J.Drotter และ James Noel (Jossey-Bass,2001) แบบจำลองระบุถึงการสร้างการพัฒนาและการรักษาไว้ซึ่งทักษะความสามารถเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้นำภายในองค์กร แบบจำลองนี้ทำให้เข้าใจถึงทักษะภาวะผู้นำ ที่ต้องการในองค์กรในแต่ละเส้นทางของแบบจำลองนี้ จะเป็นการแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในการเติบโต ก้าวหน้าของการเป็นผู้นำ

          - เราอยู่ถนนสายไหน  คนเรามี 6 เส้นทาง เราไม่จำเป็นต้องขึ้นไปสู่ถนนสายที่สูงที่สุด

1. การเริ่มทำงานครั้งแรกจะดูแลงานที่รับผิดชอบที่ได้รับ

          - เรียนรู้งาน ทำงานที่นายสั่ง และเมื่อ 2-3 ปีจะเริ่มคล่องแคล่ว ปีที่ 3 ถ้าหลายคนคล่องแล้วมีแววสอนคนได้ ก็จะขึ้นมาเป็นถนนสายที่ 2 คือ ต้องมีการดูแลคนอื่น บริหารจัดการ Deligate งาน โค้ชงาน

          ถนนสายที่ 1 ปีที่ 1 เรียนรู้งาน

          ถนนสายที่ 2 ปีที่ 2 แสดงผลงาน

          ถนนสายที่ 3 ปีที่ 3 เชี่ยวชาญ ถ่ายทอดงาน

          ถนนสายที่ 4 ปีที่ 4 เปลี่ยนงาน เรียนรู้ใหม่

          ถนนสายที่ 1 ถ้ามีตำแหน่งว่าง อาจเข้าสู่ถนนสายที่ 2 ยังไม่มีลูกน้อง แต่เมื่อโตขึ้นจะเข้าอยู่ถนนสายที่ 3 มีลูกน้อง ต้องบริหารงบประมาณ ทำBudget การใช้เกี่ยวกับเงิน  หลังจากนั้นสู่สายที่ 4 ต้องมองวิสัยทัศน์

          สรุปถนนแต่ละเส้น ถ้าเรามีทักษะ ความรู้ และทัศนคติที่ดีก่อนล่วงหน้า เราจะเตรียมพร้อมได้ดีกับตำแหน่ง ถ้าในบริษัทที่เคี่ยวมาก ๆ จะจัดคอร์สอบรมโดยการฝึกปฏิบัติในงานจนเป็น

          1. Pre คือการอบรม 100 วันก่อนดำรงตำแหน่ง (เรียนรู้งานล่วงหน้าก่อนจะไปตำแหน่งใหม่)

          2. Post คือผลงานที่ทำหลังจากดำรงตำแหน่ง 100 วัน (วางผลงาน 30 วัน 90 วัน 100 วัน)

 

          ถนนสายที่ 6 จะดูทั้งองค์กร อย่างคนที่ Rotate ไปหลายหน่วยงาน เป็นคนที่รู้ทั้งงานและคน เกิดความคุ้นเคยกัน

          การ Rotate แต่เด็กจะช่วยทำให้เรารู้ทั้งงานและคน

          ทางจิตวิทยาเอริสันพูดว่า เมื่ออายุ 45 ปี แล้วยังมีประเด็นกับอาชีพตัวเอง จะไม่มีความสุข คนที่มีความสุขความไม่สำเร็จในงานให้วางได้แล้ว มุ่งสู่การสร้างผลงาน และอภัยคน

          IDP สร้างให้เราเก่ง แต่ IDP แต่ละขั้นมีกิจกรรมไปสร้างองค์กรอย่างไร เพราะการพัฒนาเน้นว่า ยิ่งโตเราต้องไปช่วยคนอื่นในเชิงจิตวิทยาจะได้รู้จักนิสัยคน เป็นการพัฒนาเพื่ออยู่กับคนและช่วยเหลือองค์กร เมื่อเราโตขึ้นเราจะเริ่มพัฒนาตนเอง และพัฒนาคนอื่นด้วย

          ยิ่งโตมากขึ้นจะฟังคนมากขึ้น และฟังอย่างเข้าใจหรือฟังไม่เป็นคือไม่เข้าใจคนอื่น ถ้าพัฒนา IDPแบบ Self Centric จะทำให้เกิด Ego มากขึ้น

          การโตจะทำให้เราเรียนรู้มากขึ้น อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น สรุปคือ1.พัฒนาตนเอง 2. พัฒนาคนอื่น และ 3. พัฒนานอกองค์กร

การพัฒนา IDP

ให้เอางานมาพัฒนาด้วย

          - ผลงานที่ Process ที่ดีขึ้น ก็ฝากไว้สำหรับองค์กรเลย

          - มี Cross Functional Project เกิดปัญหาหรือกรณีที่ติดขัด ต้นเหตุเกิดจากอีกหน่วยงานหนึ่ง เน้นการมีโครงการร่วมกัน ปรับปรุงและขจัดปัญหาเดิมร่วมกัน จะช่วยทำให้รู้จักองค์กรอื่น และรู้ว่าภาคประชาชนต้องการอะไรกันแน่

          - เสร็จจะ IDP จะทำให้องค์กรดีขึ้น และผู้รับบริการดีขึ้นด้วย

 

 

แนวคิดที่ 2 9 Box-เกณฑ์การพิจารณาการเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง

 

 

การพัฒนาพนักงานเพื่อให้เป็นพนักงานที่มีความเก่ง (Talent) เพื่อที่จะให้พนักงานกลุ่มนี้สร้างอนาคตให้กับบริษัทต่อไป มีเครื่องมืออยู่หลายตัวที่จะเป็นตัวช่วยในการประเมินและหาคนเก่งในองค์กร ตัวหนึ่งที่ผมชอบมาก และก็ใช้อยู่ในบริษัทปัจจุบันด้วยก็คือ เครื่องมือที่เรียกกว่า 9 Box

เครื่องมือที่เรียกว่า 9 Box นั้นจะประกอบไปด้วย 9 ช่องของคุณลักษณะพนักงานซึ่งประกอบไปด้วย 2 แกน แกนแรกก็คือเรื่องของผลงาน (Performance) แกนที่สองก็คือ เรื่องของศักยภาพ (Potential) 

วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก เนื่องจากในแต่ละด้านของปัจจัยนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับเท่านั้นก็คือ

ด้านผลงาน จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ยังต้องพัฒนา (Needs Improvement) ถัดไปก็คือ ผลงานได้ตามที่คาดหวัง (Meets Expectation) และดีที่สุดคือ ผลงานได้เกินกว่าที่คาดหวัง (Exceeds Expectation)

ด้านศักยภาพ ก็แบ่งออกเป็น 3 ระดับเช่นกัน คือ ศักยภาพสูง (High) ถัดมาก็คือ เติบโตได้ (Growth) และสุดท้ายก็คือ มีศักยภาพที่จำกัด (Limited)

ในแต่ละละช่องก็จะมีลักษณะของพนักงานว่าถ้าประเมินแล้วตกอยู่ในช่องนี้จะเป็นอย่างไร และจะต้องดำเนินการพัฒนาอย่างไรบ้าง 

 

High Performance, High Potential

ช่องนี้เป็นช่องของพนักงานที่เรียกว่าเป็นดาวเด่นที่สุดขององค์กรก็คือ ศักยภาพในการทำงานสูงมาก อีกทั้งผลงานที่แสดงออก ก็สูงกว่าเป้าหมาย หรือมาตรฐานตลอดเวลา (เน้นนะครับว่าตลอดเวลา ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดี) ใครที่ตกอยู่ในช่องนี้ เรียกได้ว่าเราจะต้องรักษาพนักงานคนนั้นไว้อย่างดี เพราะนี่คือคนที่จะนำพาบริษัทไปสู่อนาคตที่สดใสได้อย่างแน่นอน วิธีที่จะพัฒนาพนักงานในช่องนี้ต่อก็คือ พยายามทำให้เขาเรียนรู้งานหลายๆ ด้านมากขึ้น จากหน่วยงานต่างๆ โดยใช้วิธีการหมุนเวียน โอนย้ายงาน เพื่อให้เขาเรียนรู้งานได้มากขึ้น คนๆ นี้ไม่นานจะสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ขององค์กรได้อย่างไม่ยาก

High Performance, Moderate Potential

พนักงานในช่องนี้ก็เป็นอีกช่องที่ยังคงอยู่ในกลุ่ม Talent เช่นกัน เพียงแต่จะมีศักภาพที่สู้คนกลุ่มแรกไม่ได้ แต่ผลงานนั้นเกินเป้าหมายมาตลอดเช่นกัน การพัฒนาพนักงานใช่ช่องนี้จะคล้ายๆ กับกลุ่มแรกครับ ก็คือ สร้างศักยภาพให้สูงขึ้น โดยเน้นไปที่การทำความเข้าใจงานอื่นๆในองค์กร และเน้นไปที่เรื่องของพัฒนาการมีวิสัยทัศน์ เพื่อที่จะสามารถนำพาองค์กรไปสู่อนาคตได้

Average Performance, High Potential

กลุ่มที่ 3 นี้ก็จะเป็นอีกกลุ่มที่ถือว่าเป็น Talent อีกเช่นกัน เพียงแต่ผลงานอาจจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานมาตลอด แต่ศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดนั้นมีสูงมาก การพัฒนาคนที่อยู่ในช่องนี้มักจะเน้นไปที่การหา Gap ทางด้านพฤติกรรมที่มีผลต่อผลงาน เพื่อที่จะให้เขาสามารถสร้างผลงานที่ดีขึ้นไปอีกนั่นเอง

Average Performance, Average Potential

คนกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่ทำงานได้มาตรฐาน และศักยภาพก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร จริงๆ แล้วคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่เป็นกลุ่มหลักขององค์กรเลยทีเดียวครับ เรียกได้ว่า ถ้าองค์กรมีคนในช่องนี้สัก 60-70% องค์กรก็สามารถไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอนทุกปี เพียงแต่จะพัฒนาไปสู่อนาคตยากสักหน่อย เพราะพนักงานกลุ่มนี้ยังขาดศักยภาพ และขาดพฤติกรรมบางอย่างในการสร้างผลงานในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานได้

4 กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เราถือได้ว่า เป็นพนักงานที่อยู่ในเกณฑ์ผลงานดี ถึง ดีมาก ซึ่งถ้าองค์กรใดมีพนักงานตกอยู่ใน 4 ช่องนี้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ผลงานขององค์กรจะพุ่งอย่างรวดเร็วมาก เพราะองค์กรนั้นมีพนักงานฝีมือดีเยอะ แถมยังมีศักยภาพที่สูงอีกด้วย

ส่วนใน 5 ช่องที่เหลือนั้น ก็ถือว่าเป็นกลุ่มพนักงานที่จะต้องถูกพัฒนาอย่างแรง ซึ่งก็มีดังนี้ครับ

 

High performance, low potential

กลุ่มนี้เป็นพนักงานที่สั่งงานอะไรก็มักจะได้เกินเป้า และทำงานได้ดีกว่าเป้าหมายเสมอ แต่ยังฝากผีฝากไข้ไม่ได้เท่าไหร่ เพราะขาดศักยภาพอย่างแรง (ในทางปฏิบัติอาจจะไม่ค่อยเจอนะครับ เพราะใครที่ทำผลงานได้ดีสุดๆ แต่ศักยภาพต่ำสุดๆ นั้นมันขัดๆ กันอยู่พิกล) ถ้าจะมีก็น่าจะเป็นพนักงานที่ทำงานประจำเข้านานๆ จนรู้วิธีการทำงานอย่างดีมากๆ แต่ไม่สามารถที่จะพัฒนาวิธีการทำงานของตนให้ดีขึ้นได้อีกในอนาคต พนักงานแบบนี้ต้องส่งให้เขาไปดูโลกภายนอกมากขึ้น ให้เห็นถึงความก้าวหน้า และความเป็นไปได้ต่างๆ เพื่อที่จะสร้างศักยภาพของเขาให้สูงขึ้น

Average performance, low potential

กลุ่มนี้น่าจะ make sense หน่อย ก็คือ ผลงานอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย แต่ศักยภาพยังต่ำอยู่มาก แนวทางการพัฒนาก็คือ ต้องคอยให้ Feedback แก่พนักงานอยู่เสมอ และดันเขาในด้านของการคิดอะไรใหม่ๆ และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการทำงานด้วยตนเอง เพื่อเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพที่สูงขึ้น

Low performance, High potential

นี่ก็เป็นอีกช่องที่อาจจะมีในตาราง แต่ในชีวิตจริงอาจจะหายากสักหน่อย ลองคิดดูดีๆ ก็ได้ครับ พนักงานที่ผลงานเข็นไม่ออกเลย ให้ทำอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง แต่กลับมีศักยภาพที่สูงมากมาย แต่ถ้าเจอเข้าจริงๆ แปลว่า เรากำลังให้คนๆ นี้ทำงานที่เขาไม่ถนัดเลยนั่นเอง วิธีพัฒนาก็คือ หาจุดแข็งของเขาให้เจอ และมอบหมายงาน หรือโอนย้ายไปในงานที่เขาถนัดนั่นเองครับ เพื่อเป็นการสร้างผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมนั่นเองครับ

Low performance, Moderate potential

คนกลุ่มนี้อาจจะมีมากขึ้นกว่ากลุ่มที่แล้ว แนวทางในการพัฒนาก็คล้ายๆ กับกลุ่มที่แล้วครับ ก็คือ เราอาจจะวางเขาผิดที่ก็เป็นได้ ดังนั้นมองหาจุดแข็ง และความถนัดของเขา แล้วมอบหมายงานให้ตรงกับความถนัด

Low performance, Low potential

กลุ่มสุดท้าย ก็คือ ต่ำทั้งผลงาน ต่ำทั้งศักยภาพ ถ้าพนักงานคนไหนตกในช่องนี้จริงๆ ใน Model ก็เขียนไว้ชัดเจนนะครับว่า ให้ Replace ก็แปลง่ายๆ ว่า ให้เขาไปโตที่อื่น และหาคนที่เหมาะสมกว่าเข้ามาทดแทนนั่นเองครับ เพราะถ้าใครตกในช่องนี้จริงๆ เราจะพัฒนาเขายากมากเลยครับ ไม่ใช่พัฒนาไม่ได้นะครับ พัฒนาได้แต่ยากมาก การให้เขาไปโตที่องค์กรอื่นอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ

 

แนวคิดที่ 3 Mentoring

          คนที่เป็น Mentor ต้องมี Authority ที่สูง แต่อย่าให้เป็นแนวตั้งมากเกินไป ต้องมีการสลับด้วย

แนวคิดที่ 4 Coaching

          โค้ชชิ่งมี 2 แบบ โค้ชชิ่งทั่วไปคือการสนทนาให้เราคลายเครียดและเกิดความไว้วางใจมีสติของตัวเอง ให้ตัวเองไม่มีความหวาดกลัว

          ภาวะที่เขามาหาเราเกิดจากภาวะติดขัดต้องสร้างให้เกิดความมั่นใจ  

คนทำงานได้ดีจะอยู่ในโลก Hope หรือ Fear  ?

          โค้ชชิ่งจะเป็นแนว Hope

          1. Process Coach  คือการทวนให้รู้ปัญหาและ และหาคำตอบด้วยตัวเอง

          2. Expert Coach จะมีความรู้ และเมื่อมีปัญหาจะบอกได้ หมายถึงต้องรู้ในสิ่งที่คุยกับเขาดี

          โค้ชต้องมองโค้ชชี่เป็นหลักแล้วให้เขาพัฒนาไปเรื่อย ๆ

การคิด

1. ผุดความคิดด้วยตัวเอง อาทิ Unconscious พวกระลึกได้เอง

3. การคุยกันจนเกิดความน่าเชื่อถือ แล้วจะทำให้สารความคิดผุดได้

 

แนวคิดที่ 5 Trust

          เป็นเรื่องความเชื่อมั่น  ปกติเราจะเชื่อมั่นใน 6 เรื่องคือ

1. Competence เก่ง  คือ จะเรียนรู้ในงานก่อน รู้งาน และรู้คนด้วย

2. Communicate openly ต้องพูดจาดี  มีปิยวาจา คือ 1.พูดจริง ไม่พูดเท็จ 2. ไม่พูดเพ้อเจ้อ ส่อเสียด (พูดอะไรต้องมีเหตุมีผล มีหลักการ) 3.พูดมีกาลเทศะ  4.พูดต้องก่อประโยชน์ (พูดเรื่องนี้พูดไปทำไมมีประโยชน์อะไร หรือสะใจ)

3. Consistency สม่ำเสมอ

          - ต่อหน้าลับหลังให้ชมคน ติงาน  อย่าด่าคนเด็ดขาด

          - ต่อหน้าลับหลังต้องชมคนอย่างเดียว เพราะคำพูดลับหลังจะกลับมาได้ดังกว่าเสมอ

4. Concern about others (Caring)

- คือการแคร์จิตใจคน ถามสารทุกข์สุขดิบ แคร์เรื่องงาน และชีวิตความเป็นอยู่ด้วย

5. Do what you say

          พูดอะไรต้องทำแบบนั้น รักษาคำพูดของตนเอง ทำที่ตนพูด

6. Credit

          ให้เครดิตลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน เพราะผลงานออกจากทีม  เราต้องสังเกตว่าคนทำอะไรเก่งไม่เก่งอะไร

 

การบริหารเจ้านายและลูกน้อง

          ให้เครดิตเจ้านาย และลูกน้องบ้าง

 

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1. Trust ของไทย การชื่นชมเป็นเรื่องดี ของไทยคือการไม่นินทา และให้ร้าย ถ้าเอาศาสนามาช่วยเสริมในการพัฒนาคนจะเกิดประโยชน์อย่างไร

          ตอบ ช่วยด้านจิตใจ องค์กรทำงานเป็นทีม สมาชิกในทีมต้อง Trust กัน มีโอกาสก็ส่งเสริมกัน ต้องรู้จิตใจเขาเป็นอย่างไร

2. การพัฒนา IDP เมื่อมีการเรียนรู้ควรนำมาวิเคราะห์หรือต่อยอดในงาน ในขณะเดียวกันการเชื่อมโยงในหน่วยงาน วิธีการหรือกระบวนการไปสู่ความสำเร็จจะเป็นอย่างไร

          ตอบ บางเรื่องอาจให้หัวหน้าของหัวหน้าอยู่ด้วยและสนับสนุนด้วย และ IDP จะมีประโยชน์ต่อคนอื่น ได้ที่ไม่จำกัดเฉพาะกับทีมเราด้วย ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ หัวหน้าของหัวหน้าต้องช่วยดูในการพัฒนาตนเองและพัมนาองค์กรอื่นอะไรได้บ้าง

3. การบริหารนาย กรณีนายที่ชอบใช้อำนาจ และเลือกบริหารลูกน้องด้วยอำนาจจะบริหารลักษณะนายนี้อย่างไร

          ตอบ คนใช้อำนาจเพราะอะไร คือ

- ถ้าเกิดจากความใจร้อน เพราะใจร้อนหรือ ทางที่ดีคือส่งงานก่อนนิดนึงและอธิบายให้เข้าใจ

- เกิดจากความไม่มั่นใจในตนเอง ต้องเข้าใจเยอะ

- เป็นนิสัยที่ใช้อำนาจแล้วคนไม่ตาม

ดร.จีระเดช  มองว่าสังคมไทยกับตำราต่างชาติคนละเรื่อง เราเอาตำรามาใช้โดยไม่มองไปถึงรากของมัน  ผู้ใหญ่เมื่อทำงานไปถึงจุดหนึ่งเข้าไปอยู่ในช่วงสบายติด Comfort Zone ปัญหาคอรัปชั่นส่วนใหญ่เกิดตอนใกล้เกษียณคือจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน แต่ฝรั่งไม่ใช่ เพราะไม่ได้มองเรื่องมรดก  

ปรัชญาในการนำมาใช้ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ การบริหารคนรุ่นเก่ายากเพราะติด Comfort Zone และใช้อารมณ์ในการตัดสิน

 

คุณค่าที่ท่านให้ในงานและชีวิตของท่าน

  • คุณค่าที่ท่านให้ในงานและชีวิตของท่านคืออะไรครับ ตอบ 5 คุณค่า
  • กรุณาเรียงลำดับความสำคัญ
  • กรุณายกตัวอย่างจริง เป็นพฤติกรรม ที่ท่านใช้ในคุณค่าเรื่อง ……..
  • เมื่อท่านลาออก/โยกย้าย จากงานเดิม ท่านให้คุณค่ากับ เรื่องใด มากที่สุด
  • ท่านเคยต้องผ่อนปรน คุณค่าที่ท่านให้กับ ครอบครัวหรือชีวิตส่วนตัวกับการทำงานหรือไม่ อย่างไร
  • ความสำเร็จในชีวิตของท่าน วัดจากอะไร – อาทิ ผลงานจารึก เขาพอใจทุกครั้งแม้ไม่มีคนชมเลย ที่ผ่านมาชีวิตเราประสบความสำเร็จวัดจากอะไรกันแน่  เราพอใจกับชีวิตเราวัดจากอะไร
  • คุณค่าใดที่ท่านเชื่อมั่นในตัวเองว่าท่านดีแล้ว
  • คุณค่าใดที่ท่านไม่ได้แล้วท่านขาดความสุข –ความสุขใดที่ไม่ต้องอิงกับคนอื่น การทำงานมีความสุข 2 ประเภทคือ การยอมรับคำชม การได้โอกาส หรืออีกท่านมีความสุขกับการได้ทำ สุขระยะแรกอ่านให้คนชมก่อน แต่พอถึงจุดหนึ่งจะสุขด้วยตัวเอง  
  • ท่านบอบบาง/สะเทือนใจที่สุดเมื่อคนตำหนิท่านเรื่องอะไร – เราบอบบางเรื่องอะไรเราจะสู้กับเรื่องนั้น หมายถึงสิ่งที่เราให้ค่ากับมัน
  • ท่านเคยต้องลำบากใจกับ คุณค่า ไหนบ้างครับ กรุณาเล่ารายละเอียดให้ฟัง
  • คาดหวังกับคนอื่นให้เป็นแบบเขาไหม – เราหงุดหงิดกับคนอื่นเพราะอะไร เพราะเราหวังให้เราทำแบบนั้น  เราจะทุกข์จะสุขเพราะความคาดหวัง

      ตอนเริ่มรับงานต้องสร้างความเข้าใจด้วยว่าตรงกันหรือไม่

 

สรุปคือ การตอบคำถาม ว่าสิ่งที่ทำให้เราสุขนั้นอิงกับคนอื่นหรือไม่  คาดหวังหรือไม่ กระทบกับความอ่อนไหวเราอย่างไร อยากให้รู้ตัวตนของเรา


ดร.เกริกเกียรติ  ศรีเสริมโภค

 

Management in the Digital Age

         

6. วิถีชีวิตคนเปลี่ยน

    - Digital Native

    - Digital Immigrant

    Digital Native เป็นกลุ่มตั้งแต่เกิด – 29 ปี เป็นกลุ่มที่เกิดมากับเทคโนโลยีใช้ได้อย่างคล่องตัว

นำเทคโนโลยีมาปรับให้เกิดประโยชน์กับ Life Style คนรุ่นใหม่

คิดอย่างไร ?

          คนทำงานที่บริษัทชั้นนำอย่าง Google ไม่ต้องการใบปริญญา แต่ใช้อะไรบ้าง

ถามความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมอบรม

          - ความสามารถ

          - ความรู้ไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย

          - ไม่รับประกันความรู้ความสามารถว่าใบปริญญาจะรับรองว่าทำงานเก่ง

1. จบในมหาวิทยาลัยดี มหาวิทยาลัยดัง จะมี Ego สูง มองตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

2. มีประสบการณ์ในการทำงานอย่างไรบ้างก่อนมาทำงานกับเรา

          การพัฒนาคนรุ่นใหม่เปลี่ยนวิธีคิดไปเยอะมาก ให้สังเกตว่าทำไมธุรกิจทีวีถึงเจ๊ง แนะนำในปัจจุบันมี Digital อยู่แล้ว

          การพัฒนาคนจุดใหญ่เราหนีคุณค่าไม่พ้นคือ

          1. Diversity  2. Value Creation  3.Value Added

          ความหลากหลายในการทำงานมากขึ้น  อย่างการเคหะฯ มีแบรนด์ตัวเอง ยุคหน้าจะมีแนวทางการสร้างที่อยู่อาศัยแบบใหม่ เช่นใช้เทคโนโลยี 3 D สร้างบ้านโดยไม่ต้องใช้คนจำนวนมาก ผลิตห้องชุดสำหรับที่อยู่อาศัย

          คุณค่าหมายถึงสร้างให้คนเข้าใจมากน้อยแค่ไหน

*** สิ่งสำคัญคือการออกแบบกระบวนการคิด

Business and HR Grid

1. กลับบ้านเก่า = คนไม่มีศักยภาพ เศรษฐกิจไม่ดี

2. กินบุญเก่า = คนมีศักยภาพไม่สูง เศรษฐกิจดี

3. ความยั่งยืน = คนมีศักยภาพสูง เศรษฐกิจโต

4. ??? = คนมีศักยภาพสูง แต่เศรษฐกิจไม่โต

 

 

การพัฒนาเพื่อสร้างให้องค์กรขับเคลื่อนแบบนวัตกรรมและเกิดความยั่งยืน

1. ความรู้

2. ความคิด

3. จินตนาการ

กรณีศึกษา OEM : การรับจ้างผลิต

          วันหนึ่งเราต้องผันตัวเองเป็นการรับจ้างผลิตที่เติบโตมากกว่า เราจะ Transform อย่างไร

The Stan Shift Smile Curve

คุณค่าและมูลค่าจะสร้างได้อย่างไร

OEM – ODM- OBM

          การวิ่งไปข้างหน้า ต้องมี Design , Brand , R&D  ดังนั้นกลยุทธ์การพัฒนาคนต้องเริ่มเปลี่ยน เช่นคิดสูตรอะไรที่สามารถพัฒนาได้ แค่นี้ไม่พอ ต้องสร้างแบรนด์ด้วย

หลักคิดของการบริหารคนในธุรกิจ

1. ถ้าธุรกิจขยายตัวจะใช้คนเท่าเดิมหรือไม่ ลดคนหรือเพิ่มคน

          เช่นใช้คนเท่าเดิมแต่ใช้หลักการ 3 : 4 : 5 คือใช้คน 3 คน จ่ายเท่ากับ 4 คน แล้วให้ทำงานได้เท่ากับ 5 จะทำให้ทุกส่วน Win หมด แล้วมี Productivity เพิ่มขึ้น

2. ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าอะไรคือคุณค่าและมูลค่า

          วิธีคิดในการบริหารและพัฒนาคน Business Value จึงเป็นตัวตั้งที่สำคัญ

3. มูลค่าของสินทรัพย์ที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้

          สินทรัพย์ที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้คืออะไร ในวันนี้องค์กรต้องอยู่บนพื้นฐานสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้

          ยกตัวอย่างองค์กรที่บริหารเรื่องคนได้ดีมากคือ ปตท. และ Apple

          ปตท.มีสินทรัพย์ 1.1ล้านล้านบาท Apple มีสินทรัพย์ 9แสนล้านบาท

          ROA ของ ปตท. ประมาณ 9%

          ROA ของ Apple  ประมาณ 172%

    สิ่งที่น่าสนใจคือหลักคิดของการบริหารคนเป็นสำคัญ

          1. ทำอย่างไรก็ตามต้องดีกว่าคู่แข่งเสมอ

          2. ลืมสิ่งที่สำเร็จทั้งหมดและคิดสิ่งใหม่ ๆขึ้น

          3. อย่าละเลยสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ

          สังเกตได้ว่าสินทรัพย์ทางปัญญาของ Apple เยอะมาก และเร็ว ๆ นี้จะสามารถเขียนแท็บเล็ตบนอากาศได้ วิธีคิดของการบริหารคนอยู่ที่ Intangible เป็นสำคัญ

          หลักคิดไม่ใช่แค่รู้ เข้าใจ ประยุกต์ใช้ พัฒนา แต่สุดท้ายเราต้องการ Innovation แต่เราจะบริหารทุนมนุษย์อย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เราต้องสร้างให้เกิดใน DNA ในการพัฒนางานมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้าใจเรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ มากขึ้น

 

Less is More Business Model

          เป็นเรื่องต้นทุนกับ Benefit

          ถ้าเราต้องการให้องค์กรเราเป็น Less is More ต้องใช้ต้นทุนไม่สูงแต่ Business สูง ดังนั้น ธุรกิจเราจะขายอะไร ขาย Knowledge , Service , Information เป็นหลัก ดังนั้นถ้าอยากให้การเคหะฯ เติบโต การเคหะฯจะทำอย่างไร อาทิ ย้ายไปที่ Knowledge & Service & Information มากขึ้น

          จากกระบวนการคิด ธุรกิจที่มีปัญหาในบ้านเรา กระบวนการบริหารธุรกิจแบบใหม่ต้องให้สอดรับกับ Mega Trend ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในอนาคตด้วย

          เราจะปรับตัวหรือมีความพร้อมอย่างไรในการบริหารทุนมนุษย์  อย่างธุรกิจการเคหะฯ กับการบริหาร คนสามารถตอบโจทย์ได้หรือไม่

 

Intensive Knowledge Management

          องค์กรทุกองค์กรต้องเปลี่ยนแปลง มีผลกระทบต่อ 1. Process และกระบวนการ 2. ลูกค้า มีความเชื่อมั่นหรือไม่ โปร่งใสหรือไม่ สร้าง Trust อย่างไร 3. ทุนที่จับต้องไม่ได้ อย่างทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา เราเตรียมพร้อมรองรับการแข่งขันหรือไม่ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น คือสิ่งที่ต้องสร้างให้คนเรามีความพร้อมต่อการแข่งขัน เพื่อสร้างให้เกิดคุณค่าต่อธุรกิจ ปรับตัวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ หมายถึงการปรับตัวขึ้นอยู่กับวิธีคิดและ Mindset ของคนที่ทำให้คนมองเชิงรุกมากขึ้น สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร คนมีความพร้อมยืดหยุ่นอยู่เสมอ

 

 

HR Transformation Process

          เป้าหมายองค์กร Roadmap IDP KPI การบริหารคนในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างไร สู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเป็นเครื่องมือ Transform  เช่นการลาออนไลน์จะทำอย่างไรให้เป็นดิจิทัลจริง ๆ

          สร้างวัฒนธรรมที่สร้างให้พนักงานสามารถบริหารตัวเองได้ อะไรคือเป้าหมายที่เติบโตในอนาคต

มิติการบริหารคน

          การบริหารคนจึงมีเรื่องการบริหารด้านศักยภาพเข้ามาด้วย

          ในเชิงการพัฒนาคน ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่อง Put the right man in the right job  แต่ถ้าต้องการดูศักยภาพคน อาจลอง Put the wrong man in the wrong job แล้วอาจเห็น Potential ที่หัวหน้าเห็นหรือไม่ แล้วใช้คนถูกหรือไม่

          การประเมินต้องให้ลูกค้าประเมิน ไม่ใช่คนในองค์กรประเมิน

คน-องค์กร-มูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ

          คนเน้นเรื่องทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเราทำให้เกิด Positive Attitude จะเกิดผลดีต่อองค์กร

          กระบวนการหาคนใหม่ ๆ ไม่ใช่ Skill หรือ Knowledge แต่เป็นการแคร์ที่วิธีคิดอย่างไร

ปรับบทบาทหน้าที่การบริหารคน

          คลื่นลูกที่ 1 ดั้งเดิม การบริหารคนจะเป็นส่วนที่ HR ทำเป็นหลัก

          คลื่นลูกที่ 2 หัวหน้างานต้องเกี่ยวข้องในการวางแผน สร้างแรงบันดาลใจ

          คลื่นลูกที่ 3 ยุคดิจิทัล ตัวพนักงานเป็นกลไกสำคัญ เพราะไม่ใช่หน้าที่ HR หรือ Line แต่ตัวพนักงานจะต้องวางแผนพัฒนาตนเองในการเรียนรู้และพัฒนา  เนื่องจากในยุคปัจจุบัน คนมีลักษณะวิธีคิดและวัฒนธรรมเปลี่ยน

          - ความเป็นปัจเจกสูง

          - การตั้งคำถามในการมีส่วนร่วมในการทำงาน

          นำสู่การพัฒนาคนที่มีความแตกต่างกัน มีทั้งแบบ Classroom และ Non-Classroom ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือการเรียนรู้ด้วยตนเอง Self-Learning

          ยกตัวอย่าง คนในอเมริกา Search เรื่องความรู้ 70% ญี่ปุ่น 60% คนไทย 6% สิ่งที่คนไทย Search มากสุดคือเรื่องบันเทิง เรื่อง erotic 40%

          ความสำเร็จ สำเร็จเพราะธุรกิจการเคหะฯ ถูกขับเคลื่อน เพราะเราอยากเห็นองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน พัฒนาตนเองตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1. กรณีการพัฒนานวัตกรรมน้อยอยู่ คุมด้วยนโยบายของรัฐ ทุนเยอะทำอย่างไรให้ได้กำไรเยอะ แต่ด้วยสภาพหน่วยงานเราทำกำไรเยอะไม่ได้ เพราะจะมีภาพไม่ดี

          ตอบ การเปลี่ยนรูปแบบจากผู้สร้างหรือ Developer  และเรามีคู่แข่งเต็มไปหมด แต่ถ้าการเคหะฯ เปลี่ยนรูปแบบเป็นกลุ่มที่ทำด้าน Regulator หรือทำในเชิงนโยบาย จะสร้างสร้าง value โดยใช้ทุนน้อย

          ถ้าเราเป็นคณะกรรมการกิจการด้านการเคหะฯ และที่อยู่อาศัย เราจะทำงานในภาพใหญ่ในเชิงนโยบายที่กำกับดูแล เพราะเราแข่งขันกับธุรกิจยาก  เราจะทำอย่างไรให้ต้นทุนน้อยแต่มี Benefit ที่รัฐบาลยอมรับได้ ต้องใช้ Innovation มากขึ้น คือการนำ Innovation มาทดแทนได้หรือไม่เพื่อให้ต้นทุนทางด้านนี้ถูกลง หรือใช้แนวคิด Less is More

2. เห็นด้วยกับอาจารย์ที่ทำให้การเคหะฯเป็น Regulator เพราะต่อไปถ้าเคหะฯจะพัฒนาสู้กับเอกชนด้านเทคโนโลยีน่าจะสู้ได้ยาก หรือกว่าจะอนุมัติหรือของบประมาณต้องใช้เวลานาน

          ตอบ ถ้าสิ่งนี้อยู่ในมือของการเคหะฯ และก่อสร้างเป็นผู้ประกอบการ Developer จะดีมาก การต่ออายุใบอนุญาตมีค่าธรรมเนียม จะทำให้มีรายได้เข้ามาในองค์กรที่มีความเสี่ยงน้อยมาก ถ้าเปลี่ยนบทบาทเป็น Regulator หรือคนที่ควบคุมทางกฎหมาย เช่นการให้ผู้ประกอบการมาขอใบอนุญาตที่การเคหะฯ ในด้านต่าง ๆ ที่เดียว แต่ใบอนุญาตมีอายุแค่ 5 ปี ต้องมาต่อเรื่อย ๆ แต่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ

3. ดร.ทายาทเสนอว่า มีวิธีการทางจิตวิทยาที่คนคิดสร้างสรรค์ไม่เป็นสามารถสร้างสรรค์งานได้ด้วย คิดในเชิง Episode Future Thinking คือเริ่มต้น กลาง และสิ้นสุดได้ ในระยะหนึ่งสมองจะถูกพัฒนาให้มีวิสัยทัศน์ คิดริเริ่มได้ หรือ Mental Rehearsal คือการทวนสิ่งที่เราทำบ่อย ๆ จะทำให้เราบริหารและคาดการณ์ล่วงหน้าได้มากขึ้น เหตุการณ์ต้องเกิดแต่เราจะบริหารเหตุการณ์ให้ดีขึ้นอย่างไร เป็นการคิดแบบ Future Thinking ต้องเชื่อว่าศักยภาพคนสามารถพัฒนาได้ด้วย แต่เราอย่าคาดหวังมาก เพราะสิ่งที่ไม่ดีไม่เป็นตามคาดหวัง คนในปัจจุบันต้องเป็น Multiple Skill รุ่นเราหรือรุ่นน้องต้องคิดแบบนั้น เรื่องความรู้เป็นสิ่งสำคัญ ไอน์สไตล์พูดถึงการพัฒนาจินตนาการสู่ New Knowledge ปัญหาในสังคมมากเราต้องปรับตัว มี Value อยู่ได้ด้วยความสุข ต้องเชื่อว่าทุกอย่างพัฒนาได้ สมองก็จะงอกออกมาใหม่ด้วย

 

4. ดร.จีระเดช  คิดเหมือนที่อาจารย์แนะนำการเคหะฯ เรื่องการปรับเปลี่ยนไปสู่การกำกับฯ การเคหะฯ เป็นเสมือนเด็กอ้วน ที่กำลังจะหาทางพัฒนา อาจมีการทำวิจัย มาประกอบการพัฒนาเพราะมีสิ่งที่สามารถทำได้มากมายหลายอย่าง  การเคหะฯ มีบทบาทพอสมควรที่ช่วยดูแลทางด้านการก่อสร้าง ถ้าจะมีการ Research จริง ๆ ทำได้หมด  ปัจจุบันเห็นตึกขึ้นมามากมาย แทบไม่เห็นฟ้า เพราะตึกขาดการควบคุมสูงมาก จึงอยากให้กลับมาคิดเรื่อง Regulator ตรวจสอบ และคิดให้เป็น Research เต็มรูปแบบ บ้านกำลังถึงจุดเปลี่ยนอย่างน่ากลัว มองเห็นรูปแบบการก่อสร้างไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด ซึ่งการเคหะฯ ไม่ทัน อาจดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยให้พัฒนามากขึ้น

 

 

การบรรยายพิเศษ

การเคหะแห่งชาติ กับการบริหารธุรกิจ

โดย คุณกษิต ภิรมย์

 

ประสบการณ์ทำงาน : สิ่งที่สำคัญในการเป็นข้าราชการรัฐกระทรวงต่างประเทศ

1. ความเป็นเลิศในหน้าที่การงาน ต้องตั้งใจทำงานและมุ่งมั่นในความเก่งของการทำงาน  ต้องการไปพูดในเวทีสหประชาชาติของโลก

มีความมุ่งมั่น ขยันหมั่นเพียรที่ต้องทำให้ดีที่สุด และสุดฝีมือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องทำให้ดีที่สุด

2. ความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นทำอะไรที่ดีงาม ต่อตัวเองและประเทศชาติแล้วจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยอุ้มชูเรา และไม่เคยคิดว่ามีประเด็นที่เราต้องฟันฝ่า ไม่เคยโกรธแค้นใครใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรที่เก็บไว้ในใจข้ามคืน อะไรที่แล้วไปแล้วก็แล้วไปแล้ว เลยไม่ตัดสินใจลงการเมือง คิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่ในวันนี้ จะสร้างพลเมืองไทย   เลยอาสามูลนิธิควง อภัยวงศ์เป็นโรงเรียนการเมือง สร้างธรรมาภิบาล สร้างวัฒนธรรมการเมือง เพื่อสร้างคน โดยเริ่มที่สมาชิกพรรคก่อน แล้วขยายไปสู่สาธารณชน ต้องสร้างพลเมืองไทยที่เป็นพลเมืองมีความเข้มแข็งทางองค์ความรู้และทักษะ งานการทำได้ตามทุกช่วงอายุเหล่านี้ ต้องมีความมุ่งมั่น ทำอะไรเพื่อส่วนรวม แล้วผลพลอยได้จะตามมา

3. ความคิดความอ่านที่ดีเป็นบ่อน้ำทิพย์ ทำอะไรที่ดีจะต่อไปได้เรื่อย ๆ เราสามารถทำอะไรอย่างสร้างสรรค์ได้

          อยากให้พี่น้องชาวไทยทุกคนมีหลังคาคุมหัว ทำไม ไทยทำไม่ได้ แต่คนอื่นทำได้ ถือเป็นวาระแห่งชาติที่คนไทยทุกคนต้องมีหลังคา เมื่อรัฐมีหน้าที่สร้างบ้านให้คนอยู่ ต้องหาทุกวิถีทางที่ทำให้บ้าน

คนมีบ้านสอดคล้องกับรายได้  งานการเคหะฯ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปัญหาของที่อยู่อาศัยที่กำลังพัฒนาอยู่ นอกจากนั้นยังมีแรงงานต่างชาติ 6-8 ล้านคนก็ต้องมีที่อยู่อาศัยเพราะมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย

          งานที่การเคหะฯนี้บทบาทสำคัญต่อประเทศไทย ถ้าขาย

การเชื่อมโยงกับอาเซียน

1. การขยายไปใน 30 จังหวัดชายแดน

2. ความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนไปในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างมาเลเซียก็มีกลุ่มผู้ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ แต่ไม่ทราบถึงกฎเกณฑ์ของการเคหะฯ เชิงลึกว่าเป็นอย่างไร

          สิ่งที่จะฝากไว้กับคนในการเคหะฯ คือ Mindset จะมองว่าเป็นพนักงานในประเทศไทยไม่ได้แล้ว ต้องคิดว่าเป็นพนักงานของอาเซียนด้วย คือการคิดไปถึง 9 ประเทศในอาเซียน และเพราะเหตุใดถึงไม่ร่วมลงทุน

3. อุตสาหกรรมก่อสร้าง แหล่งผลิตที่สำคัญที่สุดคือประเทศไทย มีโรงงาน มี Supply Chain ที่ก้าวข้ามเขตแดน ไปเป็นกลุ่ม  เราต้องเริ่มคิดว่าจะไปหรือไม่ และถ้าไปโดด ๆ ไม่น่าได้

          - ไร้พรมแดน

          - ตลาดเดียว ครอบครัวเดียว

          - มีการรับรองคุณวุฒิ วิชาชีพ

          แรงงานยังไม่มีฐานแม่บทติดต่อกันในระดับ ขั้นตอนกระทรวงแรงงานควรให้มีกฎเกณฑ์อาเซียนกฎเกณฑ์เดียวเป็นอาเซียนพลัส ไม่ต้องใช้ Passport สามารถให้แรงงานทำงานได้อย่างเสรี และคาดว่าอาเซียนจะมีมาตรฐานกลาง

          โลกร้อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจพอเพียง การสร้างบ้านในอนาคตต้องประหยัดไฟ ลดอุณหภูมิของโลก ทุกอย่างต้อง Cycle ได้ และ Recycle ได้ ต้องไม่มีสารพิษตกค้าง พนักงานต้องรู้เรื่องเงื่อนไขของโลก  อาทิ มีหลอดประหยัดไฟ มี Solar Roof ทุกอย่างต้องเริ่มที่การเคหะฯ เพื่อ Set the trend

ทำไมต้องมีอาเซียน

          ประเทศไทยตัดสินใจตั้งแต่สมัยจอมพลป.พิบูลสงครามว่าจะเป็นสมาชิกในโลกเสรี จึงไปเป็นสมาชิกองค์กรซีโต ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ได้รับการช่วยเหลือจากอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป ในการช่วยเหลือพัฒนาประเทศ แต่ไปโดด ๆ ไม่เพียงพอ จึงร่วมมือกับพันธมิตรคือมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และเกิดการร่วมมือกันต่อต้านโลกตะวันตก

          ด้านการเมืองร่วมมือกับสหรัฐ ด้านซีโต้ มีในกลุ่ม 5 ประเทศดังกล่าวข้างต้น

          ลดภาษีศุลกากร การพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ลดการเจรจาทางการค้า สร้างให้มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ

          การต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ สร้างความมั่นคงทางทหาร

          สงครามเย็น สหภาพโซเวียตล่มสลาย เมื่อปี ค.ศ. 1991 เห็นการชักธงเอาอาณาจักรรัสเซียขึ้นไป เมื่อโลกเกิดการไม่แบ่งค่าย จะเป็นการชนะเสรีเช่นเดียวกัน

          เทคโนโลยีทางอากาศ นำสู่การใช้อินเทอร์เน็ต ไม่มีการกีดกันทางการเมือง โลกมีการเชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน “โลกาภิวัตน์” การเสริมสร้างความมั่นคง และก้าวหน้า มีการเชิญลาว กัมพูชา เวียดนามมาช่วยด้านการทหาร

          การอยู่รวมกันต่อต้านองค์กรลัทธิคอมมิวนิสต์ ก็จะหมดยุคสมัยแล้ว เลยเริ่มการเปลี่ยนจากสมาคม เป็นประชาคมอาเซียน มีกฎบัตรอาเซียนเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญของ 10 ประเทศที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ถ้าขัดแย้งต้องไปที่อนุญาโตเพื่อตัดสิน

          10 ปีที่ผ่านมานี้ ไทยเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีการผู้มัดสมาชิกระหว่าง 10 ประเทศ หัวใจคือการส่งเสริมความผาสุกประชาชน Human Center ไม่ใช่องค์กรของท่านผู้นำ องค์กรทหาร องค์กรราชการ แต่เป็นองค์กรของประชาคมอาเซียน 600 ล้านคน ที่ต้องคำนึงถึงความเป็นสังคมประชาธิปไตย ที่ส่งเสริมเสรีภาพ ตามกฎบัตรอาเซียนต้องเป็นสังคมเปิด

          1. ร่วมมือกันทางการเมืองระหว่างความมั่นคง

          2. ปัญหาการคุกคามต่าง ๆ อาทิ  ปัญหาทางเศรษฐกิจ และภัยพิบัติต่าง ๆ

          3. สังคม และวัฒนธรรม การชำระประวัติศาสตร์เพื่อสร้างความร่วมมือ

          การคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ และความอึด ทำให้สิงคโปร์ก้าวล้ำมา

          การประดิษฐ์คิดค้นอยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย ที่ต่างประเทศ แต่ไม่ได้มีอยู่ในประเทศไทย หมายถึงนิ้วมือเก่ง แต่สมองเรายังพึ่งพาเขาอยู่

          อย่างการสร้างบ้านต้องไปกับสิ่งแวดล้อม ใช้ไฟฟ้าให้น้อยลง ให้ปลอดภัยร่มเย็น ชิ้นส่วนทนทาน น้อยชิ้น ไม่มีสารพิษ  ต้องมีฝ่ายวิจัยของการเคหะฯ หรือร่วมกับมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าลาดกระบัง  ไม่ใช่ส่งไปแค่ Supplier หรือ ซีเมนต์เท่านั้น ต้องรู้หลัก SDG ต้องรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต้องรู้หลักในการย้อนไปดูว่าชิ้นส่วนมาจากไหนอย่างไร ต้องรู้เรื่อง Supply Chain ว่ามาจากโรงงาน มีการบริหารจัดการที่ Transparency หรือไม่ ทุกอย่างต้องตรวจสอบได้และโปร่งใส ในอนาคตอาจไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ สามารถ Rest fund ได้ และต่อไปนี้ไม่ใช่ขาดทุนหรือกำไร แต่เป็นรายงานแห่งความยั่งยืน ต้องเขียนด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างบอร์ดและเจ้าหน้าที่ ความสัมพันธ์ระหว่างเคหะฯ และ Supplier เป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าหลายประเภทเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนเป็นอย่างไร สิ่งนี้จึงเป็น Trend ของโลกและเป็น Trend ของอาเซียน ดังนั้นงานการเคหะฯ ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย ต้องใส่จิตวิญญาณ ความรักไปด้วย และต้องอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส และจะเอารัดเอาเปรียบ Supplier ไม่ได้ ต้องมีมาตรฐานกลาง

          การ Rest fund ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีจะทำให้มีความน่าเชื่อถือเกิดขึ้น ซึ่งเกิดจากฝีมือฝีไม้ของการเคหะฯ เอง

การพัฒนาประเทศในอาเซียน

          1. อาเซียนทั้ง 10 ต้องให้ความสนใจต่อบทบาทมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย แล็ป เพื่อมีสิ่งคิดค้นของตัวเอง โดยไม่ต้องซื้อ franchise

          ต้องช่วยกันเองของแต่ละประเทศ  และเมือมีพลเมือง  600 ล้านคน ส่วนใหญ่เราต้องคิดอ่านในการพึ่งตนเอง สิ่งอำนวยความสะดวก สถาบันการศึกษาต้องคิดที่จะพึ่งตนเองให้มากที่สุด และในโลกกว้าง ทุกประเทศหลัก ๆ มีปัญหาภายใน ไม่ว่า ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป ไม่มีเวลาที่มาคุ้มกันเหมือนยุคสงครามเย็น ดังนั้นไทยต้องพึ่งตนเอง ต้องมี Innovation โดยทำงานร่วมกันระหว่างรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ต่อไปนี้การเคหะฯ จะ Position ตนเองอย่างไร ต้องคิดวิธีการที่ทำงานใหม่ ๆ หลุดพ้นการทำงานแบบเดิมที่เป็นข้าราชการ ต้องมีความเป็นสากล ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม ให้สิ่งแวดล้อมอยู่อย่างยั่งยืนและก้าวหน้า

          ที่กระทรวงต่างประเทศ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเตรียมเป็นประธานประชุมอาเซียนในปี พ.ศ. 2562 ภายใต้กฎบัตรอาเซียน ได้ทำแผนแม่บทการเชื่อมโยง Master Plan Connectivity  เพื่อการเชื่อมโยงทั้ง 10 ประเทศ เพราะถ้าไม่เชื่อมทั้ง 10 ประเทศ ความเป็นอาเซียนจะไม่ส่งผล ยกตัวอย่างยุโรป มีมาตรฐานสากลด้าน Facility ที่สะดวกและมีความปลอดภัย โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวทั่วยุโรปจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม  แต่แม้ไทยเองป้ายยังสีไม่ตรงกัน ถ้าเชื่อมโยงกันในอาเซียนต้องมี Common Sign , Common Standard

          2. การหาความเหมือนทางวัฒนธรรม เช่น Bamboo Culture, Rice Culture , แข่งเรือยาว สร้างส่วนรวมที่เหมือนกัน เพื่อให้ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นยากพี่น้อง และลดความเลวในการสร้างความเกลียดชังทางความแตกต่าง ซึ่งเป็นการทำลายทางมนุษยชาติโดยไร้มนุษยธรรม

          3. ภัยพิบัติธรรมชาติ เสนอให้ใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นที่สู้รบภัยพิบัติต่าง ๆ เหล่านี้ มีการปรึกษาหารือในรัฐมนตรีกลาโหม กิจการพลเรือนฝ่ายกองทัพ 10 ประเทศ การลาดตระเวนเพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจในทหารตำรวจทั้งหลาย

          4. ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง อาวุธ ยุโธปกรณ์ เอาเงินส่วนนี้มาสร้างบ้านการเคหะฯ ให้มากยิ่งขึ้น เคยเสนอให้มีกองกำลังอาเซียนภายใต้ธงสีฟ้าเพื่อไปทำงานสหประชาชาติ อะไรที่ทำร่วมมือกันได้ก็ควรทำเพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวในการร่วมกันของอาเซียน

          5. ปัญหาของประชาคมอาเซียน

          - วันนี้ประเทศสมาชิกทั้งสิงคโปร์ และอินโดนีเซียมีปัญหามากมาย หรือมาเลเซียก็มีปัญหาเรื่องการไม่มีเสถียรภาพ เวียดนาม ลาว พรรคคอมมิวนิสต์ ก็มีการกดขี่ประชาชน เมียนมา อองซานซูจีก็ไม่กล้าเผชิญกับทางทหาร อาจถูกถอดจาก Nobel Prize ผู้นำแต่ละประเทศต้องสาละวนกับการเมืองภายใน และเมื่อเป็นอย่างนี้อาเซียนในเวทีโลกจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะต้องแข่งกับจีนและอินเดีย ถ้าอาเซียน 600 ประเทศไม่พัฒนา ก็จะไม่ทำให้อาเซียนเป็นจุดดึงดูดอีกต่อไป ได้อย่างเดียวคือการท่องเที่ยว

          - ความอ่อนแอของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการให้ความรู้ต่อประชาชน

          ต้องให้เวลากับอาเซียนอย่างน้อยวันละครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง และมีหน่วยงานเฉพาะที่จะต้องป้อนข้อมูลเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนและประเทศอาเซียน ที่รากเหง้าของเราคล้ายกันมากไม่ว่าจะเป็นศาสนา พุทธ มุสลิม ฮินดู ขงจื้อ ลดช่องทางการขัดแย้งโดยการนำเอาความต่างเป็นตัวตั้งให้เกิดความเกลียดชัง

          ดังนั้นอาเซียนขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของท่านผู้นำด้วย ถ้าไม่มีก็เป็นผู้นำไม่ครบคือเป็นผู้นำไทยและอาเซียนร่วมด้วย ต้องมีวิสัยทัศน์ให้อาเซียนโดดเด่น จะเป็นมือสองรองจากอินเดียและจีนไม่ได้

          การใส่ใจต้องทำอะไรที่เป็นสาระไม่ใช่ไม่มีสาระ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นพิธีกรรมและไม่เป็นสาระ

การนำไปปรับใช้กับการเคหะฯ

1. Repositioning ถ้าไม่คิดด้านนี้ถ้าสิงคโปร์มาทำ Low Cost ด้านอสังหาริมทรัพย์จะทำอย่างไร

2. ป้องกันตัวเอง พัฒนาอย่างไร มีที่อยู่ให้กับคนไทย การการันตีให้คนมีที่อยู่อาศัย เริ่มต้นชีวิตทุกคนต้องมีที่อยู่ของตัวเอง เพื่อให้ทุกคนมีหลังคาคลุมหัว แล้วการเริ่มต้นชีวิตจะไปต่อได้

3. การขยายงานในต่างประเทศสร้างบ้านในต่างประเทศ

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1. เห็นด้วยเรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยให้คนมีบ้านของตัวเอง ถ้าผู้บริหารตกผลึกในเรื่องนี้ เชื่อว่าเคหะฯ จะถึง 100 ปี ในการกำหนดนโยบายอาเซียน ขึ้นอยู่กับผู้นำด้วย  ดังนั้นถ้าผู้นำทั้ง 10 ประเทศเอาจริงในด้านนี้ สิ่งที่ท่านอาจารย์เสนอน่าจะเป็นไปได้

          ตอบ จะรอทั้ง 10 ประเทศไม่ได้ ประเทศที่คิดมีเพียง 2-3 ประเทศที่ทำคือไทย อินโดฯ สิงคโปร์ มาเลเซีย ต้องมี 2-3 ผู้นำที่คนหนึ่งคนใดริเริ่มแล้วนำไปขายกับต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาใน 7-8 ปี หาผู้นำอาเซียนที่เป็นผู้ริเริ่มไม่ได้ บางครั้งไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นปัญหาเรื่องใจมีหรือไม่ แต่ถ้าใจยังอยู่กับปัญหาในประเทศตัวเอง การพัฒนาความร่วมมือให้เกิดขึ้นจะไม่เกิด ต้องเป็น Believer ในการร่วมมือกับต่างประเทศ

          การร่วมมือเป็นสิ่งที่ดี คนต้องเป็นตัวตั้ง ในกฎบัตรอาเซียนจะใช้อาเซียนเป็นฐานการผลิตของโลกเป็น Production Base โลกใช้  10 ประเทศเป็นโรงงานขายสินค้าทั่วโลก  ผู้นำเป็นกำลังสำคัญ ขอให้การเคหะฯ คิดงาน

          อาทิ ในอนาคตการทำงานต้องเป็น paperless economy

          รถยนต์ที่จะวิ่งในอาเซียนก็ต้องคิดต่อ ระบบควรจะเป็นอย่างไร การเชื่อมโยงกัน

          การจัดซื้อจัดจ้างควรจะทำด้วยระบบกลาง ไม่ควรให้กระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ จัดซื้อจัดจ้างกันเอง และเรื่องระบบ IT ควรจะเป็นวาระแห่งอาเซียน ของประชาคมอาเซียน

2. การรวมอาเซียนเข้ามาอาจใช้เวลา อาจรอไม่ได้ส่วนเรื่องการคุมราคายากขึ้นทุกวัน ถ้าเป็นการเคหะฯ จะสามารถปรับสู่เป็นหน่วยงานที่ดูเรื่องการกำกับและดูแลโดยเชื่อมโยงกับบางเรื่องกับที่ท่านพูดมาด้วยจะเป็นไปได้มั้ย อีกเรื่องคือ เรื่อง Aging Society เป็นทิศทางของโลก และน่าจะเป็นไปได้ในการสร้างที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด

 ตอบ    1. ในฐานะประเทศกำลังพัฒนา รัฐต้องมีหน้าที่ด้าน Housing อยู่ และต้องมี Master Plan Longterm ทำกี่เปอร์เซ็นต์ จะ Joint  Venture กี่เปอร์เซ็นต์ เป้าหมายกลุ่มลูกค้ามีใครบ้าง คนที่ทำงานแล้ว คนเช่าอาศัย และคนชรา

          2.  1) เรื่องราคา รัฐบาลจะ Subsidize มากน้อยแค่ไหน ถ้าบอกว่าการสนับสนุนที่อยู่อาศัยเป็นหน้าที่ของรัฐ รัฐบาลหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบไม่ได้ เป็นหน้าที่ของรัฐ 2) Citizen Salary เริ่มต้นฐานชีวิตเท่ากันคือ 15,000 บาททุกคน 3) เรื่องคนชราไม่เห็นด้วยเอาคนชราอยู่รวมกันและแข่งกันตาย อยากอยู่กับคนรุ่นใหม่ ๆ แต่ถ้าอยู่คนเดียวกับภรรยา จะมีคนมาช่วยอย่างฉุกเฉินหรือไม่ ทุกอย่างยังอยู่ใน Website ทั้งหมด อยากให้เป็นระบบแบบนี้มากกว่าเป็นเมืองลับแลแห่งความชราซึ่งไม่ Healthy ส่วนในกลุ่มที่ไม่มีบ้าน ไม่มีพี่น้อง สิ่งนั้นเป็น Priority ของรัฐ ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องช่วยกัน สร้างระบบ

          เราต้องคิดเรื่องการทบทวนระบบมากกว่า และเรื่องที่อยู่อาศัยมีความสำคัญเท่ากับการศึกษาจะเป็นวาระแห่งชาติ สิงคโปร์ในลีกวนยูเน้น 3 เรื่องคือ การศึกษา ที่อยู่อาศัย และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่ทำได้


การบรรยายพิเศษ การเคหะแห่งชาติ กับ การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (2/2)

โดย     คุณชาย สังขะเวส

          ผู้อำนวยการ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้ากรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

 

วัตถุประสงค์การรวมตัวกันของอาเซียน

1. การรวมตัวเพื่อให้มีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบมาทำการผลิต ผลิตสินค้า และส่งต่อใน 10 ประเทศ โดยเสรี และการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยไม่มีภาษี

2. การสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งเพื่อเป็นตัว Support วัตถุประสงค์แรก มีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบสินค้าและบริการ

3. มีวัตถุดิบอย่างเสมอภาค บางประเทศมีความถนัดด้านหนึ่งอีกประเทศไม่มีความถนัดอาจมีการร่วมทุนสร้างเสรีมากขึ้น

4. การรวมตัวกันเพื่อให้แข่งขันกับเศรษฐกิจโลก ความสำคัญตรงนี้อยู่ที่ประชากรของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ  ประชากรมากคิดว่า Degree ของ Consumption มีมาก ด้านการค้าจะดูที่ประชากรเป็นหลัก จะต้องมีการรวมตัวกับตลาดใหญ่ ๆ ที่มีประชากรมาก

ความเป็นเสรี มี 3 เรื่องหลัก ๆ

1. Agreement เรื่องการค้า เรื่อง Asean Trade in Goods เป็นการพูดเรื่องการค้าอย่างเดียว ไม่มีภาษี ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีมาตรการใด ๆ เป็นเรื่องเสรี ซึ่งโดยความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ แต่ละประเทศมีกลุ่มการค้าเสรีที่ต้องปกป้องสินค้าภายในตัวเอง ทุกคนพยายามปกป้องอุตสาหกรรมภายในของตัวเอง อาทิ ไทยมีสินค้า 13 รายการที่ภาษีไม่เป็นศูนย์  และมีราคาที่ต้องเสียภาษีในการนำเข้าอีก โดยต้องดูมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อป้องกันการนำเข้าให้น้อยที่สุดเช่นเรื่องสุขอนามัย เรื่องความปลอดภัยผู้บริโภคในประเทศ เช่น มะพร้าว ประเทศไทยสร้าง Value Added ได้มากเพราะมะพร้าวในไทยคุณภาพดี แต่ผลผลิตต่อปีที่จะเสริม Production ไม่พอ แม้มีมะพร้าวเมียนมาดีเช่นเดียวกัน แต่มีการป้องกันทางด้านภาษี เพื่อป้องกัน  การนำเข้ามะพร้าวที่นำเข้าส่วนใหญ่นำเข้าจากอินโดนีเซียโดยต้องปอกเปลือกก่อน ซึ่งปอกเปลือกแล้ว 3- 5 วัน เน่าแล้ว 1 ล็อตของเสียหาย 30-40 %

2. AFAS (ASEAN Framework Agreement on Service) เป็นเรื่องการบริการล้วน ๆ อาทิ ธุรกิจประกันภัย โรงแรม การก่อสร้าง ทุกวันนี้จะมีการเปิด 7 สาขาให้ต่างชาติมาลงทุนได้ มีเงื่อนไขมากมาย อาทิ ในเรื่องของสัญญา มีกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างเข้ามาคุย เปิดในเรื่องการคุย การรับงานเหมาได้ ในเรื่องสัญญาจะเข้าไม่ถึงเขา  Technical Term ด้านกฎหาย และสัญญาต้องได้รับการส่งเสริมจาก ก.พาณิชย์สร้างสมรรถภาพผู้ประกอบการไทยไม่ให้เสียเปรียบ นำโดยสมาคมก่อสร้างไทย

3. ACIS เป็นเรื่องการลงทุนเปิดใน 5 สาขา คือป่าไม้ อุตสาหกรรมการผลิต การทำเหมืองแร่ เป้าหมายเพื่อการสร้างการลงทุนข้ามแดนทุกอย่างเป็นเสรีหมด รัฐบาลประเทศนั้นต้องส่งเสริมต่างชาติให้ลงทุน  ปฏิบัติกับคนต่างชาติเหมือนปฏิบัติให้กับคนไทยเอง เป็นการลงทุนแบบ Foreign direct investment และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แต่มี บางประเภทไม่ให้ต่างชาติลงทุน เช่น การทำสวน การทำนา การทำเหมืองแร่

 

การค้า

          จะมีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบระหว่างภูมิภาค เคลื่อนย้ายแรงงานได้ แต่อาจไม่มี Knowhow ทางการผลิต ผลิตเสร็จแล้วส่งขายอาเซียน ไม่มีภาษี มีการส่งออกทางการผลิต ส่งขายสินค้าไปต่างประเทศ มีกฎแหล่งกำเนิดสินค้าเป็นตัวควบคุม การเคลื่อนย้ายผลิต ไม่ได้มีแหล่งกำเนิดในอาเซียน จะเข้าในเรื่องของการเสียภาษี

          กฎแหล่งกำเนิดสินค้ามี 2 ตัวคือ Wholly Obtained คือสินค้าทางการเกษตรที่เพาะปลูกในประเทศที่ส่งออกเช่น มะพร้าวต้องปลูกจากสวนในประเทศไทยถึงเป็น Wholly Obtained ในประเทศไทย หรือ  Substantial Transformation มะพร้าวปลูกที่อื่นเช่นจีน และไทยเป็นคนกลางแล้วส่งไปขายในสิงคโปร์ มะพร้าวแบบนี้ต้องเสียที่ภาษีที่สิงคโปร์ตามราคานำเข้าปกติ

          Regional Value Content คือมูลค่าเพิ่มการผลิตสินค้าในอาเซียน เช่นประเทศไทยผลิตสินค้าตัวหนึ่ง Production Base ส่งขายสิงคโปร์ ถ้าวัตถุดิบนำเข้ามาจากที่อื่น วัตถุดิบตัวนี้สามารถนำรวมกับวัตถุดิบในไทยได้ใช้แบบ Accumulation เช่นการนำการผลิตได้

          Direct Consignment เป็นการขนส่งโดยตรง สินค้าต้องอยู่ในความดูแลของศุลกากร

AFTA

          การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเสมือนเป็น Passport ถ้าไม่มีแหล่งกำเนิดสินค้าจะเก็บตามปกติ

          Competent Authority

          ในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด หน้าที่คือออกหนังสือรับรองสินค้าเหล่านี้ แต่ถ้าตรวจสอบว่าเป็นสินค้าปลอม Competent ต้องเข้าไปตรวจสอบ

          Form Back to back

          เป็น Trading Firm ไทยเป็นตัวกลางในสิงคโปร์ เราเป็นคนกลางที่ออกหนังสือจากเวียดนามได้ เป็นคนกลางที่ส่งจากสิงคโปร์ เป็นคนกลาง

 

การอำนวยความสะดวกทางการค้า

          เปิด Option การอำนวยความสะดวกทางการค้า  ถ้าไม่ขอรับรอง ผู้ส่งออกที่ประสงค์จะค้า ต้องมีการรับรองว่ามีการรับรองในประเทศไทยตามที่อาเซียนกำหนด

 

การขยายออกนอกภูมิภาคอาเซียน

          ปัจจุบันไปทำ Free Trade Agreement  อาเซียนเข้าไปทำกับ 5 ประเทศในการขยายพันธมิตรออกนอกภูมิภาค มีอินเดีย เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มีการขยายเศรษฐกิจออกไปนอกประเทศ  ได้รับสิทธิลดหย่อนประเทศเหลือศูนย์ เช่นไทยให้จีนเท่านี้ จีนก็ไทยเท่านี้ ในระดับที่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ขึ้นกับภาคเอกชนและความต้องการตลาดของจีนเอง

          FTA ยกเว้นภาษี Import Beauty ในเรื่องต้นทุนก็สู้จีนไม่ได้ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ แล้วแต่ข้อตกลงแต่ละรายการ

 

มูลค่าเพิ่มที่อยู่ในประเทศไทย

          การคำนวณว่าสินค้าได้ RVC หรือไม่ ดูได้จากต้นทุนการผลิต และวัตถุดิบการผลิต เช่นวัสดุก่อสร้างไทยเป็น Base ทางด้านนี้ ใช้วัตถุดิบที่เป็น Originate ที่เป็นของไทย และไม่ใช้วัตถุดิบที่เป็นของไทย ถ้านำเข้าจากต่างประเทศใช้กฎ Accumulate ของอาเซียนได้

          ต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในโรงงานที่เป็น Overhead ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต มีราคาในการผลิตสินค้าต่อหน่วย เป็นราคาสินค้าหน้าโรงงาน เป็นสินค้าที่เป็นวัตถุดิบที่เป็นมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย

          ราคาสินค้าโรงงาน + Transportation มีรถรับส่งที่งาน  ต้องผลิตสินค้าเสร็จแล้วมีรถมา ไปท่าเรือแหลมฉบัง ไปสนามบิน

          ฐาน RVC คิดจากราคา FOB

 

ธุรกิจบริการ

          ถ้าอ้างเรื่องความมั่นคงจะจบ เพราะมีส่วนร่วม ประเทศไทยค่อนข้างเสียเปรียบ

 

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1. กรณีการเคหะฯ ปัญหาเรื่องวัสดุก่อสร้างน่าสนใจ อย่างการตั้งบริษัทลูก ถ้าการเคหะฯ Focus ตรงนี้อุปสรรคยังมีอยู่

          ตอบ ภาคธุรกิจก่อสร้างอยู่ในส่วนของภาคการบริการคือ AFAS สามารถให้ต่างชาติลงทุนได้ รูปแบบมี 4 ลักษณะ

          1. Cross-border supply เช่น โทรศัพท์ โทรคมนาคม

          2. Consumption Abroad ลูกค้าเข้ามาหาเอง เราอยู่เฉย ๆ เช่น ผู้ให้บริการโรงแรม

          3. Commercial Present คือการเป็นธุรกิจไปตั้งบริษัทลูกเช่นการเคหะฯ ไปตั้งบริษัทลูกที่อินโดนีเซีย มาเลเซียเป็นต้น

          4. Present of Regional Person คือการตั้งตัวแทนต่างชาติ

          ในทางปฏิบัติสามารถทำได้แต่อาจติดในเรื่องกฎระเบียบของแต่ละประเทศ มีเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่สามารถรับได้

          คนกลุ่ม CLMV บางอย่างคนอื่นทำไม่ได้ แต่พวกเขาทำได้ เช่นหลักสูตรเรียนดี จะมีการคัดเฉพาะลูกเสี่ย คือเสี่ยไทย ลาว เมียนมา มาคุยกันเป็นต้น

Workshop โครงการฯ ต่อยอด

1. กลุ่มทำหมู่บ้านที่นครพนม

          วิเคราะห์คำว่า “Boundary” กับการเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านของเรา กคช.มีโอกาสอย่างไรบ้าง เสนอโครงการที่ กคช.ควรทำ (ควรต่อยอดจากโครงการเดิม)

2. กลุ่มขยายธุรกิจไป สปป.ลาว

          วิเคราะห์ SWOT การขยายธุรกิจของการเคหะฯ ไปยัง สปป.ลาว หรือ CLMV โดยต่อยอดจากโครงการที่ออกแบบไว้

3. กลุ่มพัฒนาโครงการเดิม

          ท่านมองเห็นจุดแข็งของการเคหะฯ และโอกาสในการเชื่อมต่อกับ ASEAN อย่างไรบ้าง? โดยใช้งานออกแบบโครงการฯ ของกลุ่มท่านเป็นฐานคิด

4. กลุ่มเรื่องความเสี่ยงและจุดอ่อนของคน เป็นเรื่อง Project Base ของไทย

          วิเคราะห์จุดอ่อน / ช่องว่างและความเสี่ยงในการเชื่อมต่อกับ ASEAN เสนอโครงการที่ กคช. ควรทำเพื่อลดปัญหาและพัฒนาให้ดีขึ้น

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          อาเซียนเป็น Reality แต่ต้องวิเคราะห์นิดนึง การพูดอะไรต้องเน้น 2R’s คือความจริง และตรงประเด็น

          1. Boundary เกิดจากการทำ Workshop หรือ วิสัยทัศน์ที่ต้องขยายพรมแดน พรมแดนคือเซียน แต่อาเซียนมีปัญหาคือ Agreement in service คุยกันอยู่ เรื่องการก่อสร้างเป็นเรื่องที่เราต้องเดินต่อไป

          2. ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่า การมีพรมแดนของการเคหะฯ จะขยายพรมแดนอย่างไร ถ้าจับว่า Boundary จะเข้าใจว่าพรมแดนไม่มี Limited จะขยายเพิ่มขึ้น

          3. งานการเคหะฯ ยุคอนาคต ทั้ง 22 คนจะเห็นศักยภาพของเราที่ซ่อนไว้

          อาจารย์พิชญ์ภูรีเสริมว่านี่คือโครงการนวัตกรรม มีข้อที่เราเขยิบไปได้ทั้งหมด คิดแบบอิสระ ไม่ต้องยึดติดแล้วจะเห็นจุดอ่อนและความเสี่ยงและจะรู้ว่าอะไรได้หรือไม่ได้

          Keyword คือ 2R’s คือของเดิม และเรื่องที่เราจะเดินไป  Set the trend การไปอาเซียนจะไปด้วยวิธีการใด Circle การทำครบวงจร  Recycle เช่นบ้านประหยัดพลังงาน การส่งเสริมการท่องเที่ยว มีเรื่อง Production Based เช่น อู่ตะเภา  เราต้องไปในเชิงเพิ่มมูลค่าให้ได้

 

Workshop โครงการฯ ต่อยอด

1. กลุ่มทำหมู่บ้านที่นครพนม

          วิเคราะห์คำว่า “Boundary” กับการเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านของเรา กคช.มีโอกาสอย่างไรบ้าง เสนอโครงการที่ กคช.ควรทำ (ควรต่อยอดจากโครงการเดิม)

          เริ่มจากการผลิตวัสดุที่ใช้ในบ้านเพื่อนำไปสร้างบ้านจากเขา โดยใช้เทคโนโลยีจากใคร ตั้งแต่ฐานรากยังหลังคา สร้างโรงงาน

          แต่เดิมมุ่งไปที่ นครพนม ที่สปป.ลาวมีแขวงคำม้วนที่เป็นสะพานข้ามอยู่ แล้วมีส่วนของทางเลยที่จะตรงไป มีทางใต้ เป็นตะเข็บคู่ของแม่น้ำโขง วัตถุประสงค์การเคหะฯ การต่อยอดคือการก่อสร้าง และการเทียบเคียงวัสดุก่อสร้าง ต่อยอดเรื่องวัสดุก่อสร้างในการสร้างภาพลักษณ์อัตลักษณ์ท้องถิ่น ผลิตวัสดุมาจากวัสดุพื้นบ้าน โดยมีพื้นที่ตามลำน้ำ 6 จุด ถ้าทำได้จะเป็นสิ่งใหม่ในการขยายพรมแดนตอบโจทย์ได้ด้วย

          อาจารย์พิชญ์ภูรี เสริมว่ากลุ่มนี้จะเพิ่มเรื่องวัสดุก่อสร้างด้วย

          ดร.จีระ เสริมว่า งานของวัสดุก่อสร้างของการเคหะฯ ยังไม่มี แต่ในอนาคต ก.พาณิชย์ บอกว่ายังมีปัญหาเรื่องการค้าการบริการ คิดว่าการเคหะฯ น่าจะมีหน่วยงานที่จะทำด้านวัสดุก่อสร้าง มีทุนทางวัฒนธรรมด้วย

2. กลุ่มขยายธุรกิจไป สปป.ลาว

          วิเคราะห์ SWOT การขยายธุรกิจของการเคหะฯ ไปยัง สปป.ลาว หรือ CLMV โดยต่อยอดจากโครงการที่ออกแบบไว้

          S- พ.ร.บ. มีองค์ความรู้ด้านการก่อสร้างชุมชนเข้มแข็ง บุคลากรหลากหลายครบทุกด้าน แบรนด์เข้มแข็ง

          W- ขาดความรู้ความเข้าใจในต่างประเทศ ต้องการสนับสนุนด้านการลงทุน

          T- อุปสรรคทางการสัญญา ต้นทุนวัตถุดิบที่ สปป.ลาวสูง

          O – ต้นทุนวัตถุดิบสูงแต่จะเป็นโอกาสในการร่วมลงทุนในการส่งออกสินค้าเพื่อสร้างบ้าน

 แต่เป็นโอกาสเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ แอร์ต่าง ๆ เพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นได้

          ดร.จีระ เสริมว่า เราต้องเดินแบบพลาง ในการเชิญตัวแทนของการเคหะฯ ลาวมาเยี่ยมมาดูงานที่เรา อาจยังไม่ต้องพูดถึงโปรเจคอะไร  Step แรกในการเดินคือการทูตยุคใหม่ และเชื่อว่าทั้งเมียนมา และกัมพูชาเขายินดีต้อนรับ คิดว่าสิ่งนี้สำคัญมาก และคิดว่าในรุ่นนี้ถ้ามีโครงการเกี่ยวกับ เมียนมา ลาว กัมพูชา หรือเวียดนามจะเป็นประโยชน์ เชื่อว่าเวียดนามมีคุณค่ามหาศาล ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่เอาเปรียบเขา สิ่งที่ฝากคือ Respect และ Dignity ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องสำคัญ  การเคหะฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รู้จักชุมชน ช่วยซึ่งกันและกัน การเคหะฯ น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกโครงการฯ

          อาจารย์พิชญ์ภูรี ทุกโครงการต้องมียุทธศาสตร์ในการปรับเอาไปใช้ได้อย่างไร

3. กลุ่มพัฒนาโครงการเดิม

          ท่านมองเห็นจุดแข็งของการเคหะฯ และโอกาสในการเชื่อมต่อกับ ASEAN อย่างไรบ้าง? โดยใช้งานออกแบบโครงการฯ ของกลุ่มท่านเป็นฐานคิด

          การเคหะฯ มีวัตถุประสงค์หลักเรื่องที่อยู่อาศัย และการพัฒนาเมืองที่รวมทั้งสังคม และสิ่งแวดล้อม เช่นที่เมืองใหม่บางพลี การจัดที่ดินที่เพชรบูรณ์ การปรับปรุงชุมชน ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้สามารถนำไปเชื่อมต่อกับอาเซียนได้เช่นการ Consult , Regulator การออกแบบโครงการทุ่งสองห้อง การมองทำเลและคุณภาพของเขา เช่นทุ่งสองห้องอาจทำเป็น Smart City การพัฒนาเป็นกรณีศึกษา เช่นพัฒนาเป็นอาคารเช่น ลดพื้นที่ความหนาแน่น สามารถนำกรณีศึกษาหลายที่เป็นตัวอย่างไร

          ดร.จีระ เสริมว่า ประสบการณ์ในการทำ Workshop มีมาก การเคหะฯ ครั้งนี้ด้วยการทำงานมานานก็ได้ปรับปรุงใน Story มีการปะทะกันทางปัญญาและ Turn idea into action และถ้ารู้ว่าอาเซียนทั่วไป แต่ไม่เชื่อมกับการเคหะฯ อาจไม่เกิดผล ในกลุ่มนี้เห็นว่ากิจกรรมการเคหะฯ ไม่ใช่แค่สร้างบ้าน มีเรื่อง Consult ชุมชน และหลายสิ่งที่ CLMV ต้องการ และกลุ่มนี้เป็นการ Realistic ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย มีการพัฒนา Low income มาเป็น Medium income ได้เล็งเห็นถึงความต่อยอดไม่ใช่ทำเฉย ๆ เป็นรูปแบบที่เราทำต่อ ต้องนำความรู้มาสู่ Reality ถึงจะอยู่รอด

          การเคหะฯ ไปอาเซียนมีอุปสรรคอะไร อุปสรรคอย่างหนึ่งคือยังไม่ได้มีการตกลงทาง Service เช่นคน Consulting Community Development คนต้องมองให้ชัดขึ้น ไม่ใช่มองเฉพาะ Low Income Housing

4. กลุ่มเรื่องความเสี่ยงและจุดอ่อนของคน เป็นเรื่อง Project Base ของไทย

          วิเคราะห์จุดอ่อน / ช่องว่างและความเสี่ยงในการเชื่อมต่อกับ ASEAN เสนอโครงการที่ กคช. ควรทำเพื่อลดปัญหาและพัฒนาให้ดีขึ้น

          ความเสี่ยงที่จะเจอมีอะไรบ้าง มองเรื่องการสื่อสาร ศิลปะ วัฒนธรรม แรงงาน การสรุป ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยกระแสการลดโลกร้อน สิ่งแวดล้อม Reduce Reuse Recycle โครงการที่การเคหะฯ ทำอยู่แล้วและร่วมกับ กฟผ.คือการทำบ้านเขียวเป็นการคุยเรื่องสิ่งแวดล้อม มีเรื่องการใช้วัสดุก่อสร้าง เรื่องการลดการใช้พลังงาน การลดการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น ขั้นตอนการก่อสร้าง ลดการใช้ไม้จากธรรมชาติ การลดช่องว่างของคนอาจ Train เด็กรุ่นใหม่ให้เข้าใจเรื่องการรักโลก รักสิ่งแวดล้อมก่อน ในการทำโครงการฯ พัฒนาเมืองและสิ่งแวดล้อม ในเรื่องคน และเรื่องสิ่งก่อสร้าง มีการ Train คนและเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมา ภูมิประเทศกับภูมิอากาศอาจไม่เหมือนบ้านเรา 100%

          ดร.จีระ เสริมว่า Workshop อันนี้เหมือนกับ ก.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้ทำยุทธศาสตร์เพื่อรองรับอาเซียน และมีโครงการทำ Tourism ร่วมกับอาเซียนหลายครั้ง ในที่สุดการเคหะฯ ต้องทำ Research โดยมีข้อมูลการก่อสร้างสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มีอะไรบ้าง มีโอกาสในการสร้าง Data Based ขึ้นมา ถ้ามี Workshop ที่ดีและได้ร่วมกันทำจะเป็นประโยชน์ นวัตกรรมไม่ใช่แค่ฝัน  หนังสือเล่มที่สองจะได้เห็นว่าเมื่อมี Idea เกิดขึ้นต้อง Turn idea into action ต้องเห็นทุกขั้นตอนในการทำ เราต้องต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง ที่เหลือคือลงลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากการร่วมพลังกันที่ทำแล้วมีความหมาย ถ้าทำ Workshop แล้วตรงประเด็น สร้างมูลค่าเพิ่มและมีการนำความหลากหลายมารวมกัน เรียกว่า Value Diversity และความหลากหลายของคนในห้องนี้คือการข้าม Silo โดยไม่รู้ตัว

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี เสริมว่า

          ให้ทุกกลุ่มไปทำ 4 ข้อทุกกลุ่ม ใครจะทำอะไรให้ทำอยู่ เรื่องคนขอให้ยังคงไว้โดยเฉพาะคนที่จะทำงานร่วมกัน อะไรที่คิดแล้วดี ปรับแล้วมาใส่ในโครงการฯ ได้เลย ในวันพุธบ่ายต้องนำ 4 ข้อนี้มาตอบและใส่ในโครงการ ฯ มีอะไรที่ทำต่อ แล้วจะได้งานที่ Impact ดี ๆ

สรุปการบรรยาย

โครงการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาผู้บริหารระดับสูง” ประจำปี 2561 หลักสูตร Classroom

หัวข้อ การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์ (1)

โดย     ดร.ดวงตา  ตันโซ

          คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์

          ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์

ดำเนินรายการโดย อาจารย์ทำนอง ดาศรี

วันที่ 6 มีนาคม 2561

 

ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์

หัวข้อบรรยาย

  • การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
  • การจัดทำแผนงบประมาณเชิงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิผล

2.      ระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ SEPA (จาก website ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สคร.) เกณฑ์หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

3.      แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (พ.ศ.2559-2568) การเคหะแห่งชาติ

การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

วัตถุประสงค์

1.เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นนำไปใช้ประกอบ ในการพิจารณาจัดทำ งบประมาณ โดยทบทวนเป้าหมายแนวทางและตัวชี้วัดให้เชื่อมโยงสอดคล้องกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (2560 – 2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ ที่ 12 (2560 – 2564) นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (2558-2564)  นโยบายรัฐบาล และแผนแม่บทกระทรวง/หน่วยงานรวมถึงแผนแม่บทด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวเริ่มต้นในการคิดแผนงบประมาณ

2. แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ ประชาชน และประเทศชาติจะได้รับทั้งในระยะสั้นและระยะยาวรวมทั้งสามารถประเมินผลสัมฤทธิ์ของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน  อันเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง ของระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์และเอื้อต่อการจัดการงบประมาณและการตัดสินใจเชิงนโยบายต่อไป

 http://www.bb.go.th

 

การดำเนินงาน

1. พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วัตถุประสงค์ ขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ตัวชี้วัด หน่วยงานเจ้าภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์

2. ให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนแม่บทระยะปานกลางและระยะยาว แผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ การดำเนินงานโครงการ กิจกรรมที่มีการบูรณาการใน 3 มิติ ได้แก่ มิติงานตามยุทธศาสตร์พื้นที่ (Area) มิติงานตามยุทธศาสตร์กระทรวง/ หน่วยงาน (Function) และมิติยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล(Agenda)

3. จัดทำแผนแม่บทระยะปานกลางและระยะยาว แผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณส่งสำนักงบประมาณ

4. กำกับดูแลติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนงานบูรณาการรวมทั้งบูรณาการการทำงานในทุกมิติ 

แนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

  • กำหนดขอบเขต หลักการ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ตัวชี้วัด หน่วยงานดำเนินการ
  • กำหนดโครงการ กิจกรรมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบประมาณในลักษณะ บูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ให้ชัดเจนพร้อมรายละเอียดประกอบ
  • กำหนดแนวทางในการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนงานบูรณาการ
  • ให้สามารถแสดงผลการบูรณาการภารกิจและงบประมาณได้อย่างครบถ้วน และนำไปสู่เป้าหมายของแผนงานบูรณาการได้อย่างชัดเจน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
  • โครงการ - กิจกรรม ในแผนงานบูรณาการต้องเป็นไปตามภารกิจและหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงาน และสอดคล้องกับพันธกิจของรัฐวิสาหกิจ สะท้อนและส่งผลต่อการ บรรลุเป้าหมายของแผนงานบูรณาการ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2561 และนโยบายสำคัญของรัฐบาล 

แนวคิดการเชื่อมโยงและการประสานแผนงานในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์

1. การจัดการงบประมาณในเชิงบูรณาการนั้น เป็นการบูรณาการโดยใช้กระบวนการงบประมาณเป็นเครื่องมือ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยให้การดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเป็นไปอย่างสมดุล และมีการรวบรวมรายจ่ายในลักษณะองค์รวมก่อให้เกิดสัมฤทธิ์ผลสูงขึ้นกว่าการดำเนินภารกิจอย่างเป็นอิสระจากกัน เช่น มีโครงการอยู่โครงการหนึ่งแต่ละฝ่ายต้องมาระดมความคิดเห็นร่วมกัน

2. หลักการในการดำเนินการคือ หน่วยงานเจ้าภาพมีหน้าที่ในการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ขอบเขตงาน ระยะเวลา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และงบประมาณเชิงบูรณาการโดย เน้นการจัดทำเป็น Project Base มีความเป็นไปได้ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อน

Matrix Organization แต่ละคนมีหน้าที่เดิมอยู่ แต่มีงานใหม่เข้ามาใน Project แล้วท่านมีหน้าที่อะไรใน Project นี้ เป็นการทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังต้องทำหน้าที่ในงานประจำอยู่

แนวคิดการกำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จ

         งบประมาณ บูรณาการ ยุทธศาสตร์ สำเร็จคืออะไร ต้องมีการระบุในส่วนที่เกี่ยวข้อง

  • สามารถวัดผลได้เป็นรูปธรรม มีความชัดเจน โดยมีการระบุเป็นค่าของตัวเลขที่ชัดเจน
  • เป็นที่เข้าใจตรงกันและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
  • ความครอบคลุมภารกิจตามแผนงานบูรณาการอย่างครบถ้วน

เพื่อให้วัดได้ง่ายไม่ให้เกิดการตีความที่แตกต่างกัน

แผนงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 (28 แผนบูรณาการ)

             1.การสร้างความปรองดองและสมานฉันท์

             2. การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

             3. การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์

             4. การป้องกัน ปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด

             5. การพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ

             6. การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

             7. การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ

             8. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์

             9. การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

             10. การวิจัยและนวัตกรรม

             11. การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการ

             12. การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

             13. การพัฒนาฝีมือแรงงานไปสู่ไทยแลนด์ 4.0

             14. การพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตร

             15. การพัฒนาศักยภาพคนตามช่วงวัย

             16. การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

             17. การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง

             18. การจัดการปัญหาที่ดินทำกิน

             19. การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ

             20. การสร้างความเสมอภาคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ

             21. การบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม

             22. การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

             23. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

             24. การป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ

             25. การปฏิรูปกฎหมายและพัฒนากระบวนการยุติธรรม

             26. การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ

             27. การส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

             28. การส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ

 

 

            

 

 

 

 

 

 

 

 

 

             1. ดูว่าแผนบูรณาการ 28 แผนแผนใดเกี่ยวข้องกับเรา

             2. งบประมาณแต่ละปีที่ได้รับกี่บาท

             3. เป้าหมายของแผนที่เกี่ยวข้องกับเราคืออะไร ตัวชี้วัดคืออะไร แนวทางในการทำงานคืออะไร และมีตัวชี้วัดของแต่ละแนวทางด้วย

             4. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพคือใคร

             5. งบประมาณที่จัดทำและนำเสนอ

             6. ระบุชัดเจนว่าแต่ละกระทรวงไหน หน่วยไหนมีงบดำเนินการเท่าไหร่ และรวมแล้วเท่าไหร่

             7. มีการจัดทำงบประมาณผูกพันข้ามปี

             8. เป้าหมายคืออะไร ตัวชี้วัดคืออะไร แนวทางการดำเนินงานแต่ละตัวชี้วัดคืออะไร และตัวชี้วัดเกี่ยวข้องกับกระทรวงอะไร หน่วยงานไหน โครงการอะไร

             การเคหะฯ คนทำงบประมาณกลางคือฝ่ายนโยบายและแผน

 

ระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ SEPA (จาก website ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สคร.) เกณฑ์หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

 

             ในการทำงบประมาณการบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ จึงอยากให้ทุกท่านช่วยดูด้วย ยกตัวอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ที่เน้น Digital Banking มากจนมีการปรับลดสาขาจำนวนมาก

             การเคหะฯ มีเงินเยอะมากมาย มีคนมีสิ่งที่ดีมาก แต่ความเสี่ยงเกิดจากอะไรต้องฝากทุกท่านช่วยดู

บริบทของรัฐวิสาหกิจ

             1. การนำองค์กร

             2. การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

             3. การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด

             4. การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้

             5. การมุ่งเน้นบุคลากร

             6. การมุ่งเน้นการปฏิบัติการ

             7. ผลลัพธ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์และบริการ การมุ่งเน้นลูกค้า การเงิน และการตลาด การมุ่งเน้นบุคลากร ประสิทธิผลกระบวนการ การนำองค์กร

การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

 

 

การถ่ายทอดยุทธศาสตร์ต้องคาดการณ์ได้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์อย่างไร

             การเคหะฯ มีเทคโนโลยีดิจิทัลไปหรือยัง อย่างแสนสิริ มีระบบ Automate มีระบบ IT ในห้อง แต่ละที่ใช้อะไรเป็นแม่แบบในการบริหารความเสี่ยง

 

การวัดผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ –Financial

ตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial)

1. EVA – วัดความสามารถในการทำกำไร และ/หรือการบริหารสินทรัพย์

2. ROA – วัดการบริหารสินทรัพย์

3. Profitability : EBITDA, Profit margin,etc – วัดความสามารถในการทำกำไร

**4. Human Productitivity : Net Profit/personnel – วัดความสามารถในการทำกำไร

5. Cost : Cost / Personnel,Cost/ Unit product ,or serviced, etc. – วัดความสามารถในการทำกำไร (โดยการควบคุมต้นทุน)

6. Debt Service Coverage Ratio (DSCR) – วัดความสามารถในการชำระคืนหนี้

ดร.ดวงตา  ตันโซ

ระบบงบประมาณของประเทศไทย

             การขยับจาก B ไป A เป็นส่วนสำคัญที่การเคหะฯ ไปทำ

สำนักงบประมาณจะอยู่ช่วงการปฏิบัติแล้ว แผนฯ 12 มี 117 ตัวชี้วัด

งบประมาณ ที่ ดร.มงคลพูดเป็นแบบมุ่งเน้นผลงานที่ต้องการวัดผลสัมฤทธิ์ ถ้า พ.ร.บ. ออกเมื่อไหร่ต้องวัดผลสัมฤทธิ์ เน้นที่ผลงาน เราต้องเอาผลงานมาแรกกับเงิน

             ปี 61 นี้ การเคหะฯ ได้เงินงบประมาณได้ 874 ล้านบาท + เงินกู้และงบประมาณ จะบริหารความเสี่ยงอย่างไร             

             ปี 62

             แนวทางการเคหะฯ มีส่วนสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้สูงอายุเหมือนกัน ต้องใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือ เช่นการฝึกอาชีพในผู้สูงอายุ และมีรายได้น้อย

             รัฐบาลสั่งแบบ Top-Down ตอนนี้ใช้ยุทธศาสตร์ของแผน 12 ต้องดูว่าตัวชี้วัดใดที่ไปสู่ตรงนั้นได้ พวกเราคือผู้เขียนโครงการฯ ให้สอดคล้อง เพียงแค่ ปี 62 ได้รับงบประมาณเท่าไหร่ เงินกู้เท่าไหร่ และจะทำให้สำเร็จเพื่อรับงบประมาณปี 63

             สิ่งสำคัญในระบบงบประมาณคือ ต้องทำแบบ LTF- Long Term Equity Fund ต้องวางแผนงบประมาณไปถึงปี 2579 ให้ได้

             กระบวนการงบประมาณ มี 5 ขั้นตอน

             1. วางแผน

             2. การจัดทำงบประมาณ

             3. การอนุมัติงบประมาณ

             4. การบริหารงบประมาณ

             5. การประเมินผล

             การวางแผนต้องสอดคล้องกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถ้าตัวเลขได้แล้ว แต่พอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติประมาณมิถุนายน ต้องรีบวางแผนงบประมาณอย่างไร เพื่อให้ทำสัญญาได้ทัน ลูกหนี้ที่เกิดขึ้นจะบริหารความเสี่ยงอย่างไร เมื่อรู้ตัวว่าได้รับงบประมาณให้ลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้เลย และให้เข้าสู่กระบวนการวางแผนจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด

             สำนักงบประมาณจะรายงานการดำเนินงานรายจ่ายกับสำนักนายกรัฐมนตรีทุกอาทิตย์

การทำข้อเสนองบประมาณ

รอบแรกประมาณเดือนธันวาคม

รอบที่สอง เสนอประมาณเดือนมกราคม – เมษายน

แบ่งเป็น 5 กล่อง

1.  Function – แผนบุคลากร แผนพื้นฐาน

2.  Agenda เสนอโดยรัฐมนตรีว่าการ เข้าสภาพัฒน์ และเข้า ค.ร.ม.

3.  Areaงบประมาณเสนอให้จังหวัดเป็นแผนภาคมีเป้าหมายว่าแต่ละภาคเป็นอย่างไร 

             - งบประมาณตามยุทธศาสตร์หรือแผนบูรณาการ

4. งบกลางฉุกเฉิน จำเป็น / ภัยพิบัติ / เร่งด่วน

5. ชดใช้เงินกู้ / คงคลัง

แนวทางการวิเคราะห์และจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ.2561

             การวิเคราะห์และจัดสรรงบประมาณ ต้องมีการประเมินและการจัดลำดับความสำคัญของผลผลิต/โครงการ ที่คำนึงถึงความสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาล รวมทั้งความพร้อมและความสามารถในการดำเนินงานของหน่วยงาน โดยมีแนวทางการพิจารณา ดังนี้

             1. มีความสอดคล้องเชิงยุทธศาสตร์ มีลำดับความสำคัญสูงในเชิงนโยบาย ส่งผลสำเร็จต่อยุทธศาสตร์การจัดสรร และจุดเน้นของยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561

             2. มีการกำหนดเป้าหมาย ค่าเป้าหมาย และตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ/กิจกรรมอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม และแนวทางการดำเนินงานมีความเป็นไปได้ ตามระยะเวลาที่กำหนด และนำไปสู่ความสำเร็จของเป้าหมาย

             3. ผลประโยชน์หรือผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับ/เกิดขึ้นจากการดำเนินการมีความเหมาะสมและคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ สังคม หรือความมั่นคง

             4. มีการตรวจสอบและยืนยันอย่างชัดเจนว่าสามารถตอบสนองต่อความต้องการหรือสภาพปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย โดยขอบเขตงานที่ทำมีความเหมาะสม

5. เป็นพันธกิจหลักตามกฎหมายจัดตั้งหน่วยงาน หรือมีมติ ครม.รองรับ/มอบหมายให้ดำเนินการ โดยมีแผนของหน่วยงานรองรับชัดเจน รวมทั้งมีความเชื่อมโยงในลักษณะเครือข่ายทั้งภายนอกและภายในไม่ซ้ำซ้อน

             6. หน่วยงานและบุคลากรมีศักยภาพและจำนวนที่สอดคล้องกับภารกิจที่ต้องดำเนินงานโครงการหรือกิจกรรมมีความพร้อมและความเหมาะสมทางเทคนิค/กายภาพ พื้นที่ดำเนินการ เครื่องมือและอุปกรณ์

             7. การดำเนินงานไม่ก่อให้เกิดภาระของภาครัฐมากเกินสมควร ทั้งในมิติของวิธีการดำเนินการ ระยะเวลา และค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะภาระงบประจำ เช่น การเพิ่มบุคลากร การบำรุงรักษา เป็นต้น

             8. กรณีเป็นโครงการหรือกิจกรรมเดิม ให้ทบทวน/ตรวจสอบสถานภาพ ผลการดำเนินงาน ผลการเบิกจ่าย ปัญหาและอุปสรรค เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมต่อเนื่อง

 

คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์

             ที่ชั้น 1 ของตึกการเคหะฯ มีการทำห้องสำหรับติดวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม ทุกท่านได้เคยเข้าไปดูหรือไม่ว่าทำไว้เพื่ออะไร ทำเพราะอยากให้มี หรือนำไปใช้ได้หรือไม่

1. สิ่งที่เสียไปเกิดประโยชน์หรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่

             เงินที่เสียไปได้อะไรกลับคืนมา ใน 1 เดือนเราใช้เงินอย่างไร งบประมาณอย่างไร บริหารเงินอย่างไร

             เราต้องการของดีราคาถูกใช้งานคุ้ม หรือมีเงินและอยากได้

             รัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างให้เกิดกำไร และช่วยเหลือประชาชน

2. การเคหะฯ ที่สร้างขึ้นมา ได้ทำบ้านให้ประชาชนดีขึ้นหรือยัง มีการดูแลอย่างไรบ้าง  สิ่งที่อยากฝากไว้คือการสร้างบ้านแล้วเป็นอย่างไร ทำเลที่ตั้งเป็นอย่างไร สาธารณูปโภคเป็นอย่างไร

             เราเสียเงินสร้างทุกอย่างแต่ไม่คิดถึงผลลัพธ์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือผลลัพธ์ที่เกิด เราไม่ได้คิดตลอดว่า ถ้าอยากมีบ้าน 1 หลังคือ บ้านสบาย บ้านดี ไม่มีปัญหา บ้านคนจนที่สร้างขึ้นมามีเสียงคนตำหนิบ้างหรือไม่

 

สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องมีคือ ธรรมาภิบาล

             1. สุจริต  2.โปร่งใส 3.ถูกกฎหมาย

             เรามีธรรมาภิบาลหรือไม่ ถ้ามีคนมาว่ารับได้หรือไม่ องค์กรการใช้เงินก็เหมือนกับคน คนที่อยากได้ อยากได้อะไร ได้บ้านที่ดี มีคุณภาพ ต้องกำกับการก่อสร้างให้ดีมีคุณภาพ

             ถ้าของราคาเปลี่ยนแปลง ขอปรับได้หรือไม่

             ราคาทุกอย่างเปลี่ยนตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เงินส่วนนี้ต้องไม่หายไปไหน

             ยกตัวอย่างการใช้เงินให้มีประสิทธิภาพ

             การทำงบประมาณทุกอย่างให้มองผลลัพธ์ที่เกิด แล้วไล่กลับมาหาการดำเนินการ ไม่ว่าเราจะตั้งอะไรก็ตาม แต่กลับมาต้องนำมาใช้ได้จริง

             อย่ายอมกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

             วิธีการตรวจสอบเยอะมาก เนื่องจากมีการใช้เงินทุจริตเยอะมาก  ทำไปเพื่ออะไร แล้วการใช้เงินรัฐวิสาหกิจดีขึ้นหรือไม่ วัดจากกระดาษไม่ได้วัดจากผลลัพธ์ที่เกิดจากงานจริง ๆ

             การเคหะฯ เข้าใจมั้ยว่าทำอะไร การให้รางวัลเป็นเหมือนการหลอกลวงทางตัวเลข เวลาทำอะไรส่วนใหญ่มองภาพรวมแต่ไม่ค่อยเข้าไปดู เรากำลังติด Pattern แต่อยากให้คิดใหม่

             มูลเหตุคือทุจริต ประพฤติมิชอบ ไม่รู้ว่าผลคืออะไร การทำงานต้องคิดว่าเกิดผลประโยชน์ได้จริงหรือไม่  ระบบ IT เหมาะหรือไม่

             เราต้องกลับไปคิดว่าเงินทุกอย่างมีค่า เราจะบริหารอย่างไรให้อยู่ได้ ดังนั้นอนาคตในองค์กรต้องมองความเป็นไปได้ในอนาคต

             การจัดซื้อจัดจ้างให้อ่าน พ.ร.บ. และประกาศกระทรวงการคลังให้ดี การจัดซื้อจัดจ้างถ้าผิดราคากลาง อาจติดคุก

             ปัญหาคือการใช้เงินของรัฐมีข้อบกพร่องมากเนื่องจากความโลภ โกรธ หลงของผู้นำทำให้เกิดความลำบากใจในการทำงาน ดังนั้นขอให้คิดถึงข้างหน้า ใครเป็นผู้บงการเรื่อง E-auction อยากให้ทุกท่านทำตามแผนยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องอย่าละเลย แล้วทุกอย่างจะมีประสิทธิภาพที่ดูแล

             งบประมาณประจำตำแหน่ง มีการสิ้นเปลืองงบเยอะมาก ต้องดูให้ดี

             วิธีการเป็นผู้นำ ต้องคิดเป็น ใช้เงินเป็น คนทำดีต้องสนับสนุนต้องส่งเสริม ผู้นำบางครั้งอาจต้องไม่เปิดเผยตัว เพื่อที่จะรู้จักคนมากขึ้น แล้วจะให้ความเป็นธรรม ความถูกต้อง ปกป้องลูกน้อง

             ทำอะไรต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย  เรื่องจัดซื้อจัดจ้างระวังเรื่องเวลาไม่ทัน

             ยกตัวอย่างการก่อสร้างที่จีน  เวลาสร้างตึกใหญ่ จะดูว่ามีพื้นที่เท่าไหร่ มีระบบสาธารณูปโภคราคาถูกให้คนทำงานได้ จีนถึงเจริญเร็ว

             ความเป็นอยู่ของคนในการทำมาหากินเป็นเรื่องสำคัญ

 

ดร.ดวงตา  ตันโซ

             ตัวงบประมาณจะแปลงแผน แปลงหลักการไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไร กว่าจะได้มาดูแผนของประเทศไทยเป็นอย่างไร  อย่างภาคกลางมีเป้าหมายตัวชี้วัดอย่างไร GDP ภาคเป็นอย่างไร รายได้เศรษฐกิจสังคมเป็นอย่างไร และมีแนวทางและตัวชี้วัดอย่างไร

             เรื่อง Project Base เป็นกลุ่มโครงการ แต่ละภาคต้องเหมือนกัน และแต่ละประเภทต้องเหมือนกัน

             ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทำกิจกรรมที่แตกต่างกันแต่สุดท้ายOutput ต้องเกิดให้ได้

             แผนผู้สูงอายุ สภาพแวดล้อมต้องดี

             กรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นภาพของแผนใหญ่ที่หลายกองต้องดู

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

             งบประมาณที่ค่อนข้างสูงคือ 10,000 ล้านบาท มีเงินนอกงบประมาณ เงินกู้อีก แต่สิ่งที่จะทำในการบริหารเป็นอย่างไร วิสัยทัศน์ขององค์กรจะไปทางไหน

             อย่างการเคหะฯ ต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์คือเป้าหมายองค์กรคืออะไร อยากให้มองวิสัยทัศน์ไปปี 79 และทำอะไรก็ตามอย่าลืมหน้าที่หลักของท่านคือ ช่วยเรื่องรายได้น้อยและปานกลาง ดังนั้นการทำโครงการต่าง ๆ ให้ดูเรื่องการบริหารความเสี่ยง และวิเคราะห์ของโครงการขนส่ง

             ทำได้แล้วต้องดูการบริหารความเสี่ยงว่าเป็นอย่างไร

การเคหะแห่งชาติ

1. ตั้งเมื่อ : 13 ธันวาคม 2515      สังกัด   : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

2. ลักษณะของกิจการ

             การเคหะแห่งชาติยังคงดำเนินการในเชิงสังคมตามอำนาจหน้าที่ ตาม พ.ร.บ. การเคหะแห่งชาติ พ.ศ.2550 โดยการจัดหาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย  ซึ่งภาคเอกชนไม่มีการลงทุน รวมทั้งสนับสนุนหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในการจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมและส่งเสริมให้ความรู้แก่หน่วยงานท้องถิ่นเพื่อรองรับการถ่ายโอนสาธารณูปโภค สาธารณูปการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและสารสนเทศที่อยู่อาศัย การวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและมาตรฐานการอยู่อาศัย การบริหารและเผยแพร่ข้อมูลที่อยู่อาศัย พัฒนาเมืองและฟื้นฟูเมือง เพื่อปรับปรุงพื้นที่เสื่อมโทรมใจกลางเมือง ให้มีสภาพที่ทันสมัยและสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินที่มีศักยภาพอย่างคุ้มค่า

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560            497,707,000 บาท

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561             867,795,900 บาท

วิสัยทัศน์

             เป็นองค์กรหลักด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมืองเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย

พันธกิจ

             1. พัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

             2. พัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้

             3. พัฒนาเมืองให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี

             4. บริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่าเพิ่มและนำไปใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ

             5. นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ บริการ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร

             6. พัฒนาบุคลากรและองค์กรเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

 

 

 

หลักเกณฑ์งบประมาณ

             เชื่อมโยง วัดได้ และเสนอต่อสำนักนายกรัฐมนตรีก่อนอนุมัติงบประมาณ

 

 

การติดตาม และการประเมินผล

             การติดตาม (Monitoring) หมายถึง กระบวนการเก็บข้อมูลของตัวชี้วัดสำคัญของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเครื่องบ่งชี้ความคืบหน้าและระดับความสำเร็จของการดำเนินงานให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบ พร้อมความคืบหน้าของการใช้จ่ายงบประมาณ

การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง กระบวนการประเมิน/ตัดสินคุณค่าของโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ โครงการที่แล้วเสร็จ แผนงาน หรือนโยบาย อย่างมีหลักเกณฑ์และเป็นระบบ ซึ่งการประเมินผลมีจุดมุ่งหมายคือการประเมินความสอดคล้อง (Relevance) และการบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ แผนงาน หรือนโยบายนั้นๆ ตลอดจนประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบ และความยั่งยืน ผลการประเมินจะต้องมีความน่าเชื่อถือและมีประโยชน์ สามารถช่วยให้เกิดการเรียนรู้และนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นในอนาคต

 

 

             เมื่อให้ทันงบประมาณต้องให้ทัน ธันวาคม แต่อนุโลมถึงมีนาคม แต่ถ้าไม่ทันมีนาคมจะขอเงินคืน

แนวทางการดำเนินงานตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

1. ให้จัดทำแผนฯ ส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 15 กันยายน 2560

 

สำนักงบประมาณ อยู่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำได้คือการประเมินรายจ่าย

2. ให้ส่วนราชการฯ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ในกรณีที่เป็นงบประมาณรายจ่ายบูรณาการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. 2559 รวมทั้งบริหาร กำกับติดตามให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายไตรมาส

3. ให้ส่วนราชการฯ เร่งโอนจัดสรรงบประมาณไปยังสำนักเบิกส่วนภูมิภาคอย่างช้า ไม่เกินวันที่ 6 ตุลาคม 2560

4.ให้ส่วนราชการฯ รายงานผลสัมฤทธิ์และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นรายเดือนและรายไตรมาส และบันทึกในระบบ BB EvMis

5. ให้หัวหน้าส่วนราชการฯ ติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยเคร่งครัด

6. ให้เร่งรัดก่อหนี้และเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


หัวข้อ วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ (บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ) 1) กรณีศึกษาของบริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด

โดย     ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา

          รองกรรมการผู้จัดการใหญ่

วันที่ 6 มีนาคม 2561

 

ผู้บริหารทุกคนจะมีจุดแข็งทั้งสิ้น

          งานวิจัยของ สตาร์บูร์กมนุษย์เราเกิดมาจะมีจุดแข็ง 5 เรื่องอะไรคือจุดแข็งของท่าน ที่ไม่ง่ายเพราะระบบการเรียนการสอนบ้านเราเป็น Memory School เช่นอาจารย์บวรนันท์มีความไวต่อเสียงตามช่วงอายุคนในการแยกแยะ Sound check เยอะมาก

          1. กฎ กติกาข้อแรกให้ทำอะไรต้องทำตาม

          2. วันนี้เป็น Action Learning ถามแล้วตอบ สร้างให้เกิดการเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนกัน

          วิธีการ

          1. แบ่งกลุ่มเป็น 3 ทีม

          2. นับเลขวนเรียงตามเข็มนาฬิกาห้ามเกิน 2 ครั้ง

          เช่น คนแรกนับ 1 หรือ 1,2 คนต่อไปต้อง นับ 3 หรือ 3, 4

          3. ใครถูกเพื่อนในกลุ่มบีบบังคับให้นับเลขโชคดีจะเป็นหัวหน้าประจำกลุ่ม (ตัวอย่างเลขโชคดีของฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ที่ชอบมากคือ 168)เลขที่ออกคือ 86

คำถาม เวลานึกถึงคนเอเชียที่ดังที่สุดคือใคร ตอบคือ แจ๊ค หม่า

          แจ็ค หม่า เป็นนักปรัชญาตัวยง พูดมา 3 ประโยคที่คิดว่าเป็นเรื่องจริง

          1. ธุรกิจขนาดเล็ก ความสำเร็จอยู่ที่ ความฉลาดของคนที่เป็นเถ้าแก่

          2. ธุรกิจขนาดกลาง ความสำเร็จอยู่ที่ระบบบริหารจัดการ

          3. ธุรกิจขนาดใหญ่ ความสำเร็จอยู่ที่คน

หัวใจของ Organization Transform

          หัวใจของการบริหารการเปลี่ยนแปลงขององค์กรมี 2 ตัวคือ

          1. T – Technology / Technical / Tool การบริหารจัดการต่าง ๆ ที่เป็น Half Side

          2. A – Acceptance

          แก่นของการบริหารองค์กรอยู่ที่คนเอาหรือไม่เอา ถ้าคนไม่เอาคนจะแย้งทุกเรื่อง Hard Side จะตายที่ Soft Side ทั้งสิ้น 

          กลไกของมนุษย์ถ้าอยากจะแย้ง ๆ ได้ทุกเรื่อง ดังนั้นหัวใจสำคัญ อย่างการทำงานในมิตรผลเริ่มจากอะไร

          หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การบริหารองค์กรคิดว่าผู้ที่อยู่ภาคเอกชน คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน การทำงานในภาคธุรกิจคือจับต้องได้หรือไม่ อะไรคือ Result อะไรคือ Hi-light Performance  แม้ว่า how to สำคัญ แต่ไม่เท่ากับ result เป็นอย่างไร

กิจกรรม โชว์ภาพโลโก้บริษัทต่าง ๆ อะไรคือข้อสังเกตของโลโก้ที่นำมาแสดง

          1. บริษัท 100 ปีทั้งสิ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะอายุขัยขององค์กรสั้นลง โดยมาตรฐานที่งานวิจัยออกมาอายุขัยขององค์กร 17 ปี

          เป้าหมายขององค์กรต้องการเป็นองค์กรที่ยั่งยืนโดยนาน เวลาพูดถึงองค์กรที่อยู่นานอะไรคือ Key Success

          1. ผู้นำองค์กร แก่นของ Leader คือ ภาวะผู้นำดูจากแนวคิด เมื่ออยากรู้แก่นอะไรบางอย่างให้ดูที่รากศัพท์

          Leader มาจากคำว่า Leith หมายถึงการก้าวข้ามธรณีประตู คือเมื่อไหร่เราหรือนายเป็นผู้นำ ต้องนำองค์กรก้าวข้ามจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ทำในสิ่งที่ถูกแต่ต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างที่นำองค์กรก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ

          - กล้าเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย

          - แนวคิดแบบเม่นคือ เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ อะไรก็ทำร้ายไม่ได้ มีเกราะป้องกัน อะไรคือ Core Competence ขององค์กรที่ทำให้เป็นองค์กร 100 ปี ได้แก่ Culture แต่สิ่งที่มีอยู่เป็น Healthy หรือ Unhealthy

          กรณีของมิตรผล Change Program คือ World Class Organization

          บริบทของการเปลี่ยนแปลงน่ากลัวหรือไม่ VUCA คือเราอยู่ในบริบทที่ Eco System เป็นแบบนี้ อะไรคือ Force of change

The VUCA Report

          Volatility (V), Uncertainty (U), Complexity (C), Ambiguity (A)

ช่วง 45 ปีกำลังอยู่ในช่วง Peak จาก 45 ปีไปเป็น 100 ปี ยากแค่ไหน

          คนที่ Sense of Urgency สูง ๆ รู้ว่าธุรกิจตอนนี้เผชิญกับอะไรจะรอด

          หัวใจสำคัญอยู่ที่คนมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต future competency ดังนั้นจะเตรียมความพร้อมของคนในอนาคตอย่างไรบ้าง

          มิตรผล Margin ใหญ่มาจากไฟฟ้า และพลังงานมากกว่าผลิตน้ำตาล สิ่งนี้เป็นตัวอย่างของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

          LPN บอกว่าถ้าไม่ “ปรับ” ก็ไม่รอด ?

          - LPN เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ทำคอนโดฯขนาดเล็ก ในตลาดจะอยู่ในเกรดที่ต่ำสุด จับ Pricing ระดับ B และ C ลงมา ที่ไม่ปรับไม่รอดเพราะยอดกู้ไม่ผ่านเยอะมาก เป็นส่วนหนึ่งของ Force of change

          ปิดตำนาน คู่สร้างคู่สม

          - ถ้าเจอแนวโน้มแบบนี้ เป็นลักษณะปิดตอนขาลง เป็นกลยุทธ์การถอย แพ้ตอนมีกำไรดีกว่าขาดทุน 

          - ที่น่าสนใจคือการสะท้อนการบริหารองค์กร

          สถานการณ์ในหลายองค์กรเหมือนธุรกิจที่กำลังเจอไฟไหม้อยู่ แบบไหม้นอกบ้าน เวลาไฟไหม้มีคนอยู่ 3 ประเภท 1. ตื่นตูม Panics  2. ไม่รู้ร้อนรู้หนาว  3.รู้ว่าไฟไหม้ แล้วต้องการจัดการกับตัวเองและเพื่อนบ้านอย่างไร

          มิติของคนจะใช้ความรู้ ความสามารถ Competence มุ่งมั่น ทุ่มเททำอย่างไรให้องค์กรอยู่ได้

          ดร.บวรนันท์เริ่มต้นงานแรกทำ Corporate Cultivate Culture เพราะว่าถ้า Culture ดี แม้ว่า Tool จะไม่ดี การยอมรับของคนจะเป็น Multiple Effect

กิจกรรม ให้ 3 กลุ่ม เขียนว่า คาดหวังจะรู้อะไรกับ ดร.บวรนันท์

1. จะรับมือการเปลี่ยนแปลงอย่างไรดี

          - คนที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้เปรียบหรือไม่ ถ้าใครรู้เทรนด์ก่อนได้เปรียบ รู้แนวโน้มได้เปรียบ ทำ Scenario ได้แม่นยำ ได้เปรียบแน่ หน้าที่ของผู้บริหารต้องเห็นอนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต อะไรเป็นบริบทที่เปลี่ยนแปลงที่มีผลในธุรกิจของท่าน

          - AI สามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้แบบไหน

          - ใคร Preparing for change ก่อนได้เปรียบแน่ เช่นรู้ว่ายานยนต์เป็นไฟฟ้า กลุ่มชิ้นส่วนเริ่มหันไปแบตเตอรี่ทำ Solar Cells เห็นถึงโอกาสในอนาคต

          - ความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลง ต้องเป็น Learning ที่ดี ต้องมี Sense of Urgency และน่ากลัวว่าต่อไปในมหาวิทยาลัยไทยจะไม่มีที่ยืน กระทบหมดทุกวงการ ใครไวก่อนจะได้เปรียบ

          - ถ้าเมื่อไหร่ใครพร้อมได้เปรียบ ถ้าพร้อม ทุกปัญหาจะเป็นโอกาส

สูตรสำเร็จแห่งการเปลี่ยนแปลง

          การบริหารการเปลี่ยนแปลงมี 6 ปัจจัยหลัก ที่คนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงโดยไม่กลัว

          1. Vision – ต้องมีการพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ที่ชัด

          หน้าที่ของคนเป็นนายคือการสร้างวิสัยทัศน์ให้ผู้คน Where we want to be? ต้องรู้ว่าไปตรงจุดไหน วิสัยทัศน์คือการบอกทิศทาง

          2. Communication – การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะถ้าไม่สื่อสาร หรือสื่อไม่ดีคนมีแนวโน้มปฏิเสธ

          3. Incentive – แรงจูงใจในการเปลี่ยน ถ้าเมื่อไหร่ไม่มี Incentive จะ Slow Change

          4. Skill – เมื่อไหร่คนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะสูงจะไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง โลกอนาคตจะต้องเป็นคนที่ทำงานที่มีความรู้ 

          5. Action Plan – การทำ Change ต้องมีแผนงาน ไม่เช่นนั้นจะทำมั่วไปหมด

          6. Tool – คนเป็นนายต้องสนับสนุนทรัพยากรด้วย

          ต้องทำให้ Soft Side แข็งแรงมีความรู้ ความสามารถ สิ่งแรกที่ทำคือ SCG Academy ให้คนไม่กลัว

          สรุปคือ ต้องทำให้เป็น Knowledge Worker ให้ได้

Engagement

          มีงานวิจัยบอกว่า Gen Y จะออกง่ายใน 3 ปีแรก โดยเฉพาะปีแรก

1. การพัฒนาอะไรให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยน้อยที่สุด

- Keyword มีสิ่งเดียวคือ Understanding เพราะที่ผ่านมาผู้บริหารจะเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง

- ตัวที่ Impact ที่มีผลทำให้คนรักไม่รักที่สุดเพราะนาย  คนเข้าเพราะองค์กรออกเพราะนาย คำถามที่ถามว่าอะไรคือ

- มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นคนที่มีความหมายในองค์กร คือเอาเด็ก ๆมาทำ Start up ในองค์กร

การเป็นตัวอย่างคือตัวที่เป็น Cultivate Corporate ได้ดีที่สุด หมายถึงการแสดงออกด้วย หัวใจสำคัญที่สุดคือ การปลูกฝัง Role Model ที่สร้างประสบการณ์

Group Assignment Presentation

2) นำเสนอบทเรียนจากหนังสือดี ๆ เกี่ยวกับกรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจและการปรับใช้กับการเคหะแห่งชาติ

ร่วมวิเคราะห์และให้ความคิดเห็นโดย

          ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา

          อาจารย์พิชญ์ภูรี  จันทรกมล

 

กลุ่มที่ 1 ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ และ Apply ให้กับการเคหะฯ

             สิ่งที่แจ๊ค หม่าคิดคือการเกิด เถาเป่า เพื่อมาสกัดกั้น e-bay และการคิดระบบจ่ายเงิน Alipay ที่ได้รับการยอมรับคือมี เถาเป่า เปิดบัญชีเพียงแค่ทำธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น มีผู้ผลิตส่งสินค้าให้ผู้ซื้อก่อน และโอนเงินให้ผู้ผลิตเพื่อชำระเงินกับ Alipay

             ตัวเถาเป่าวิลเลจ สร้างขึ้นมาเพื่อขจัดความยากจนในจีน เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในโลกออนไลน์ หมายถึงมีหมู่บ้านในจีนทำธุรกิจกันเป็นธุรกิจ Start up ที่แท้จริง ประชาชนจะซื้อขายทุกอย่างบนเว็บไซด์ ช่วยให้หนุ่มสาวที่ออกไปกลับมาทำธุรกิจเดิมของตัวเอง มีธุรกิจชุมชนที่เข้าร่วม 121 ทำรายได้หลายล้านเหรียญสหรัฐ สามารถช่วยหมู่บ้านและประเทศพัฒนาเทคโนโลยีจนสำเร็จ เชื่อว่าไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ช่วยให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้จีนเปลี่ยนเศรษฐกิจจากการไปตั้งอุตสาหกรรม เป็นซื้อของจากจีน และเอาของจีนไปขาย เขามอง e-bay เป็นฉลามในมหาสมุทรแต่ Alibaba จะเป็นจระเข้ ในแม่น้ำแยงซีเกียง

             2. สร้างบริษัท ใหญ่ด้วยความเล็ก โดยมองว่าตัวผู้ประกอบการสำคัญมาก เป็นนวัตกรรมระดับรากหญ้า เปลี่ยนจากความยากเป็นง่าย หว่านล้อมให้ผู้ประกอบการมาร่วมกลุ่ม สร้าง Platform ได้ดีที่สุด สินค้ามีการเจาะจง สร้างให้เกิดการเคลื่อนไหว ให้เกิดพลังและเข้มแข็ง สร้างบริษัทจากทำเล็กให้ใหญ่ ให้คนคิดตั้งบริษัทตัวเองเรียกว่า Start up

             3. นวัตกรรมทางการเงิน Ali lone เปลี่ยนเป็น Ant Micro loan มีการให้สินเชื่อให้โอกาสในการตัดสินใจเอง การตัดสินใจในการบริโภค ออมที่โปร่งใสที่สุด เปลี่ยนชื่อเป็น Ali Finance Group ได้เติมเต็มเศรษฐกิจในจุลภาคระดับโลก

             4. ระบบการรักษาความมั่นคง ได้รับการตอบแทนจากภายนอก ไม่มีคลังสินค้าของตัวเอง Alibaba ลงทุนกับบริษัทบรรจุภัณฑ์ เรียกว่า China Smart ที่ธุรกิจแต่ละแขนงเป็น Platform ตัวเองเชื่อมกับรากหญ้า สินทรัพย์ที่มีคุณค่ามากคือเครื่องมือชำระออนไลน์ที่เรียกว่า Alipay เติบโตโดยการปลดปล่อยธุรกิจรากหญ้า ทำให้พวกเขาเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้ ทำให้ Alibaba และบริษัทนับล้านสร้างความเกื้อกูลกันได้ ลูกค้ามาก่อน ลูกจ้างมาที่สอง ยึดแนวคิดทำให้สร้างรายได้ได้ทุกที่ สามารถพัฒนาฐานลูกค้าขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ มีDigital Platform มีงานวิจัยที่เกิดนวัตกรรมต่อเนื่อง

             จุดที่ประสบความสำเร็จ ทำให้คนตกปลาเป็นมากว่าให้ปลา สอนให้คนทำงานจากธุรกิจขนาดเล็กสู่ขนาดใหญ่ได้ใช้ได้จริง แก้ปัญหาการทำยาก และให้เจ้าของลองใช้สินค้า ถ้าลูกค้าไม่ได้ประโยชน์จะไม่ออกจำหน่าย

             แนวคิดการใช้งานวิจัย เปิด Platform Alibaba ให้เข้าถึงได้ง่าย สามารถแบ่งข้อมูลให้กับบุคคลทางการแพทย์เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาคนเจ็บป่วย หรือเปิดให้มหาวิทยาลัยจะทำให้เงินทุนไหลสู่ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้โดยตรง ผู้มีทุนสามารถทำให้ตนเองเป็นทรัพยากรที่หายากที่ได้รับการจัดสรรได้ด้วย

การนำไปใช้กับการเคหะฯ

             ปัจจุบันการเคหะฯ มีผู้ซื้อผู้ขายมาก สิ่งที่อยากทำ คือ

             1. Platform ตลาดประชารัฐ ซึ่งมีชุมชนในมือ 600 ชุมชน ถ้าดึงตรงนี้มาทำให้เกิดเป็น Platform Online จะเกิดประโยชน์กับผู้ผลิตและผู้ซื้อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนได้ด้วย มีผู้เกี่ยวข้องคือคนในชุมชนต้องใช้สินค้า  สนับสนุนให้เกิด Start up

             2. สร้าง Platform ให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องและผู้อื่นเจอกันจะไปได้

             2. เปิด Platform เพื่อสังคมด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับบ้านและการจัดการชุมชน ให้องค์ความรู้ชุมชน จะทำให้คนมาเจอกันเพื่อหาความรู้ตรงนี้ได้

ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา

             Text นี้เป็นตัวสะท้อนว่าธุรกิจเริ่มต้นด้วยตัวคนจริง ๆ เริ่มต้นปี 1999 มีแนวคิดว่าจะอยู่ให้ได้ 102 ปี สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้ของกลุ่มคือ ชี้ประเด็น 3 ประเด็น ธุรกิจขนาดเล็กมีความได้เปรียบด้วย บางครั้งการเป็นองค์กรใหญ่ เราจะทำอย่างไรให้เป็นองค์กรเล็ก ๆ มีสไตล์ในการทำงานคือใหญ่แต่ทำตัวให้เล็ก เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการแบบ แจ๊ค หม่า สิ่งที่เรียนรู้คือ คุณจะใหญ่ขนาดไหนเป็น ฉลามในมหาสมุทร สู้จริงก็สู้ จระเข้ในแม่น้ำแยงซีเกียงไม่ได้ ดังนั้นต้องหาว่าอะไรคือ Core Competency ของการเคหะฯ

             การตั้งธุรกิจเพื่อตั้งให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนดีขึ้นทำอย่างไรให้คนจีนมี Wealth ที่ดี ถ้าธุรกิจใดต้องการช่วยมนุษยชาติจะเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่

             Design Based on Human Center ถ้าเข้าใจอะไรลึก ๆ ในความเจ็บปวด เข้าใจจะทำให้เราเข้าไปอยู่ในใจคนมากยิ่งขึ้น จุดเจ็บปวดจะทำให้เกิดธุรกิจ ถ้าเมื่อไหร่หาจุดเจ็บปวดแล้วทำให้ชีวิตคนดีขึ้น ธุรกิจเกิดแน่ ๆ เป็นการ Based on คือทำเพื่อมนุษย์และผู้อื่น

             Alibaba เป็น Game Changer ได้ แต่ทำไปเราไม่เป็น Game Changer สำหรับการอยู่อาศัยคนในประเทศนี้และคนในอาเซียนได้บ้าง

ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

             การวิจารณ์หนังสือของ ดร.จีระ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการทำงานของคนแรก ๆ มาประสบความสำเร็จวิจารณ์หนังสือจริง ๆที่ ม.อ. การนำเสนอวันนี้ต้องถือว่าสรุปได้ดี และการไป Apply กับองค์กรของการเคหะฯ สำคัญมาก ที่จะเสริมมีไม่มาก โจทย์อันหนึ่งคือความพยายามของ E-Commerce มีมากคนที่ทำมอง Reality and Relevance

             1. Learning from University คือความล้มเหลว คนเรียนเก่งมาก ๆ ให้ระวังเรื่องการตกคุณธรรม จริยธรรม คนที่เป็น Founder รู้ความล้มเหลวความเจ็บปวด เขาค้นหาตัวเอง

             2. C.K. Pahalad เขียนหนังสือว่า How to make money from the poor คนที่มีรายได้น้อยแต่ฐานใหญ่ อย่างการเคหะฯ ถึงคนอยู่มีรายได้ไม่มากแต่ไม่ได้หมายความว่าเขามีฐานที่ไม่ดี แจ๊ค หม่า ลงไปที่ Glass root Entrepreneur ยกตัวอย่างที่แสตนฟอร์ด เน้นผู้ประกอบการมี Imagination , Creativity, Innovation ตรงนี้การเคหะฯ อาจมีปัญหา โอกาสที่จะ Take Advantage กับ Take risk เป็นอย่างไร

             สิ่งสำคัญที่อยากฝากไว้คือการยิงไปที่สมองว่าจะสร้างให้เกิดประโยชน์อย่างไร เป็นการปรับ Mindset แบบสร้างพื้นฐานที่อาจไม่สามารถเกิดภายใน 9 วันได้

             พรมแดนหรือ Boundary อยู่อย่างเดิมไม่ได้ ในมุมมอง Business

             ทำไม แจ๊คหม่าถึงเกิดขึ้นมาได้ อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงหรืออะไรเป็นปัจจัยที่ประสบความสำเร็จ

             การทำสำเร็จไม่ง่าย เพราะธุรกิจออนไลน์ในโลกมีมหาศาล คนที่เขาทำจะรู้ตัวเขาเองว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน สิ่งที่น่าสนใจคือ แจ๊คหม่าไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่มีทีมเวิร์ก สิ่งที่เลือกเรื่องนี้มาเพราะอยากให้คนในห้องมี Business Mindset เพื่อปรับทัศนคติให้ดีขึ้น

             ที่เป็น Keyword การเคหะฯ ใน 3 ข้อคือ การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ + Entrepreneurship เพียงแค่กล้าที่จะลงทุนในเรื่องเหล่านี้หรือไม่

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

             หนังสือเล่มนี้มี Way อย่างหนึ่งที่การเคหะฯกลับไปคิดอย่าง Alibaba เป็นธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องผ่านทั้งความสำเร็จและล้มเหลว แต่ถ้าทิ้งไปจะไม่เกิดทักษะ แต่ผ่านมาได้จะเป็นทักษะเพื่อให้คนนำไปประยุกต์ใช้ได้

             ชอบที่การนำเสนอเรื่อง Platform  โดยเอาของที่เรามีมาประยุกต์ใช้ได้ทันที สิ่งที่ให้เรื่อง Alibaba way เป็นการขยายความคิด Boundary

             หนังสือที่ให้ไปอ่านคือการขยายพรมแดนทางความคิดที่เร็วอย่างหนึ่ง เป็นกรณีศึกษาที่ทำให้เห็น Platform บน Online

 

กลุ่มที่ 2 ประสิทธิภาพและระบบนิเวศของ Alibaba

             แจ๊คหม่า ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเจริญเติบโต สามารถให้บริษัทขนาดเล็กเติบโตระดับโลก เปิดให้เข้าสู่โลกออนไลน์ สร้างระบบนิเวศของ E-commerce ที่ใหญ่และมีประสิทธิภาพมาก

             บริการ E-commerce มีเว็บเถาเป่า ตัวชี้วัดคือการให้บริการธุรกิจ E-commerce ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อน Platform สร้างระบบนิเวศโดยผสมความหลากหลาย จัดหาร้านค้า ที่เต็มด้วยข้อมูล ความรู้ และความหลากหลาย Platform การซื้อขายทำให้เกิดการเกื้อหนุนกันจนเกิดการขยายกลุ่มต่าง ๆ สร้างคุณค่าให้กับเครือข่ายทั้งหมด

             นวัตกรรมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สร้างให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เร็วและคล่องตัว

             การพัฒนา ครอบคลุมการวิจัยในวงกว้างทางเศรษฐกิจ และโลกเพื่อวางแผนเศรษฐกิจยุคใหม่

             - การทำงานบนพื้นฐานผู้ใช้บริการ

             - ระบบนิเวศ E-commerce

             - ระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจและสังคม

             ตั้งชุมชนนิเวศ มี Alibaba ,E-pay ,Search Engine

             เว็บเถาเปา

             การปรับปรุงบริการเพื่อรองรับการขยายตัวที่เติบโต  

             ประสิทธิภาพทางนวัตกรรมของ Alibaba

             เริ่มต้นจากสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้าน E-Commerce ความแข็งแกร่งอยู่ที่ประเทศจีน มีความต่อเนื่องในการพัฒนา และผู้นำส่วนใหญ่อยู่ที่จีน ธุรกิจอยู่ที่จีนและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวมเร็ว

ด้านนวัตกรรม

ด้านธุรกิจ B2B ที่เป็นของคนจีน, เว็บไซต์เถาเป่า , AliPay

             ให้ SMEs ขยายการค้าในต่างประเทศด้วยภาษาอังกฤษ

             Alibaba มีการเรียกเก็บค่าบริการจากสมาชิก วิธีที่ AliPay ให้บริการให้ผู้ซื้อขายมีความไว้วางใจ สามารถให้ผู้ซื้อผู้ขายต่อรองราคาได้โดยตรง ทำให้การซื้อขายเป็นอิสระทำให้เถาเป่าครอบครองตลาด 90.3% เชื่อมโยงกับตลาดภูมิภาคและท้องถิ่น

             ปี 2008 Alibaba ได้รวมเถาเป่าและ Alibaba ด้วยกัน ด้วยการพัฒนาเว็บไซด์สู่ระดับโลกตั้งแนวคิดในการขยายการค้าให้มากกว่า Wallmart ให้เถาเป่าเติบโตอย่างรวดเร็ว

             การยอมรับการเปลี่ยนแปลงเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุก ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจหลักยังคงดำเนินการอยู่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกันและกัน

             Alipay เป็นเครื่องมือการซื้อขายของเถาเป่าและกลายเป็นเครื่องมือในชีวิตประจำวันของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ

             1. ระบบการซื้อขายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จุดมุ่งหมายแรกคือการสร้างฐานลูกค้า สร้างบริษัท E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้การขายสินค้าแบบ C2C เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก และออนไลน์มีรายได้ไม่ได้จากการเก็บค่าธรรมเนียม แต่ได้จากค่าโฆษณา การตกแต่งเว็บ  สร้างกลไกการสร้างความเชื่อใจคือให้ผู้ซื้อกับผู้ขายได้คุยกันผ่านเว็บ สร้างความเป็นชุมชนให้คนไว้ใจกันก่อนชำระสินค้า

             2. ระบบชำระเงิน ผ่านตัวแทนบุคคลที่ 3

             3. การร่วมทุนกับเอกชนตั้ง China Smart Logistics

             4. การบริโภคเชิงคุณภาพของคนชั้นกลาง

             สรุปคือการสร้าง Eco System ให้ร้านค้า การบริการต่าง ๆ มีระบบการจ่ายเงิน AliPay ให้การทำธุรกรรมราบรื่น

 

สิ่งที่ทำให้แจ๊คหม่าประสบความสำเร็จ

1. ตอบรับการเปลี่ยนแปลง

2. เดินหน้าการวิจัยตลอดเวลา

3. Think Different ส่งเสริมคนรากหญ้า

4. ไม่เก็บค่าธรรมเนียม

5. สร้าง Platform ที่เป็นระบบนิเวศต่าง ๆ

6. ปรับเปลี่ยนตัวเองตามขนาดองค์กรที่โตขึ้น

7. มีพลังผู้ประกอบการ

8. ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรอย่างมาก

 

การนำไปปรับใช้กับการเคหะฯ

1.ช่วงเริ่มต้นมีการปรับปรุงในการให้คนมีที่อยู่อาศัย

2. พัฒนาที่อยู่อาศัย สร้างชุมชนและเมืองให้ยั่งยืน

3. พัฒนาให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาพัฒนาการเคหะก้าวสู่ 4.0 ด้วย โปร่งใส ทันสมัย ใส่ใจประชาชน

             - ปรับปรุงช่องทางการบริการที่เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

             - เพิ่มความคล่องตัวการทำงาน

             - สร้างความเชื่อมั่น เน้นรูปแบบสินค้าทันสมัย สร้างผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่นผู้สูงอายุ ประหยัดพลังงาน คนรุ่นใหม่แนวรถไฟฟ้า

             - นวัตกรรม

             - ช่องทางการตอบคำถามมาปรับปรุงการพัฒนาสินค้า

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

             กลุ่มนี้ดีในการเพิ่มเติมความสำเร็จและภาวะผู้นำ แต่ยังไม่ได้นำ Alibaba Way มาใช้เท่ากับระบบแรก

             ที่น่าสนใจคือนิเวศวิทยา ถ้าแปลเป็นภาษาวิทยาศาสตร์คือการอยู่ร่วมกันของคน สัตว์ พืช E-Commerce ,Eco System คือการใช้ทุกอย่างประสานกัน ของแจ๊คหม่า คือทุกอย่างที่เป็นระบบ Eco System มาปรับปรุงให้ดีขึ้น ถ้านำมาเป็นแบบอย่างน่าจะเป็น Issue ตรงนี้ Boundary ต้อง Involve กับข้างนอกมากขึ้น  

             Eco System เป็นเรื่องธรรมชาติของโลกที่ต้องเน้นการอยู่ร่วมกันมากขึ้น อย่างการเรียนคือการเรียนรู้ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ห้อง เรียนอย่างเดียว ทำ Workshop ซึ่งกันและกัน เสนอให้เอาระบบออนไลน์กับ Glass root Entrepreneur เข้ามาแล้วไปเชื่อมกับ Eco Systemของการเคหะฯว่าคืออะไร ใช้ Core Competency ของ Alibaba

             สิ่งที่ทำอยู่ถ้ามี Impact ต่อสังคม คนจะจำได้

             เราจะปะทะในโลกความจริงอย่างไร มีโอกาสให้นำความรู้ใส่ในห้องสมุด

             เรื่อง Boundary การพูดถึงอาเซียนต้องพูดในบริบทที่สัมพันธ์ร่วมกัน

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

             สิ่งที่อยากฝากไว้คือ เสียบเข้าในโครงการคือการอ่านและดึงประโยชน์ไปใช้ ทำไมอาจารย์จีระสอนให้ดูทั้ง Micro และ Macro อย่าง EcoSystem ของ Alibaba เริ่มในจีนก่อน แล้วค่อยขยาย อย่างที่การเคหะฯ ต้องหาให้ได้คืออะไร อย่าง Boundary เริ่มแรกคือการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรา ชุมชน องค์กรต่าง ๆ แล้วเริ่มเหมือนจากสิ่งที่แจ๊คหม่าทำอย่างการเลือกเป็นจระเข้ในแม่น้ำแยงซีเกียง

             การเลือกสิ่งที่จับต้องได้แล้วขยายพรมแดนไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่านั้น


Panel Discussion การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ

โดย ดร.สุรพงษ์ มาลี สำนักงาน ก.พ.

คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์ รองกรรมผู้จัดการ บริษัท ทรีสคอร์ปอเรชั่น จำกัด

ดำเนินการอภิปรายโดย อาจารย์ทำนอง ดาศรี

วันที่ 7 มีนาคม 2561

 

คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์

การบริหารความเสี่ยงและวัฒนธรรมความเสี่ยง

หลายองค์กรกล่าวถึงการบริหารความเสี่ยง แต่ไม่กล่าวถึงวัฒนธรรมความเสี่ยง แม้แต่ปตท.ก็ไม่กล่าวถึงวัฒนธรรมความเสี่ยง แต่วัฒนธรรมความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ

ในรายงานประจำปีของการเคหะ ก็มีการดำเนินการวัฒนธรรมความเสี่ยงมาเป็นระยะแล้ว

เหตุการณ์ที่ผ่านมามีผลกระทบในภาพใหญ่ของโลก ทำให้อุณหภูมิความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ต้องมีการตรวจอย่างเข้มงวดเวลาไปต่างประเทศ

ผลกระทบเหตุการณ์ 11 กันยายน มีผลกระทบต่อทั่วโลก

ในเรื่องเศรษฐกิจ มีวิกฤติต้มยำกุ้ง มาจาก BIBF กระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เศรษฐกิจเป็นฟองสบู่

ปีค.ศ. 2008 เกิดวิกฤติจากการออกหุ้นกู้ที่มีหลักประกันหลายชั้น เกิดเป็นฟองสบู่แตก นำไปสู่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ทำให้หลายประเทศต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน

และบริษัทหลักทรัพย์ระดับโลกต้องล้มไป ทำให้เกิดมาตรการ QE แล้วดอกเบี้ยลดลง เมื่อเปลี่ยนระบบนิเวศการเงิน ดอกเบี้ยขึ้นก็กระทบไปทั่วโลก

ในแง่องค์กร เช่น เมื่อเกิด Disruptive Technology แต่โกดักยังเน้นธุรกิจเดิมแต่คู่แข่งทำธุรกิจกล้องดิจิตอล

ระบบบริหารความเสี่ยง การตัดสินใจกลยุทธ์ก็มีผลต่ออนาคตของโกดักในปัจจุบัน แล้วธุรกิจกล้องฟิล์มก็ตายไป

ธุรกิจน้ำดำต้องปรับตัวเพราะคนกังวลเรื่องสุขภาพ ทำให้เสียส่วนแบ่งการตลาดไปให้เครื่องดื่มสุขภาพ

แต่ก่อน โนเกียยิ่งใหญ่ ตอนนี้ส่วนแบ่งการตลาดลดลง แต่ก็ยังมีการออกสินค้ามา บริษัทก็มีความผิดพลาดทางกลยุทธ์ แม้จะทำวิจัยและพัฒนาแต่ก็อยู่ที่แล็บ บางคนก็จะพยายาม rebuild ตอนนี้มีคู่แข่งมาก ที่น่ากลัวคือโทรศัพท์จีน มีการปรับปรุงคุณภาพมากขึ้น Huawei มีงบวิจัยมาก

การไม่ทำตามธรรมาภิบาล ผู้บริหารทำการปลอมแปลงทำให้ล้มละลาย เช่น Enron มีผู้ตรวจสอบภายในพบการแต่งงบการเงิน ทำให้ทราบว่า CEO and CFO แต่งบัญชีให้งบดูดี เพื่อให้ราคาหุ้นดี และโบนัสผู้บริหารก็ดี ทำให้เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย เงินลงทุนบำนาญก็ได้รับผลกระทบด้วย

ปัจจุบัน ในหลายองค์กร การเคหะอาจดูเรื่องการแข่งขัน สังคมสูงอายุ รายได้ ที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย ตอนนี้หนี้สินครัวเรือนมาก

Disruptive Technology เกิดในหลายธุรกิจ หลายธนาคารยุบสาขา ลดพนักงานลง ธุรกิจพลังงานได้รับผลกระทบมาก คนสามารถขายพลังงานได้ กฟผ. ต้องทบทวนยุทธศาสตร์ ต้องรองรับรถยนต์ไฟฟ้า smart grid คนสามารถเอาไฟฟ้าจาก solar roof top ไปขายในระบบด้วย

ตอนนี้ทริสประเมินการเคหะ นอกจากนี้การเคหะยังประเมินด้วย SEPA ด้วย

ความเสี่ยง หมายถึง เหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งหากเกิดขึ้นจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร ดังนั้น องค์กรจึงควรดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่สามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่เป็นโอกาสในการเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร

การบริหารความเสี่ยง หมายถึง การกำหนดนโยบาย โครงสร้าง และกระบวนการ เพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และบุคลากรของบริษัทฯ นำไปปฏิบัติในการกำหนดกลยุทธ์และปฏิบัติงานทั่วทั้งองค์กร โดยกระบวนการบริหารความเสี่ยงจะสัมฤทธิ์ผลได้ องค์กรจะต้องสามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ประเมินผลกระทบต่อองค์กร และกำหนดวิธีการจัดการที่เหมาะสมให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่าผลการดำเนินงานตามภารกิจต่างๆ จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้

การบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร หรือการบริหารความเสี่ยงองค์กร ERM (Enterprise-wide Risk Management) หมายถึง การบริหารความเสี่ยงโดยประสานโครงสร้างองค์กร กระบวนการ/กิจกรรมตามภารกิจ และวัฒนธรรมองค์กร เข้าด้วยกัน โดยมีลักษณะที่สำคัญ ได้แก่ การผสมผสานและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร การพิจารณาความเสี่ยงทั้งหมด ครอบคลุมความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร การมีความคิดแบบมองไปข้างหน้า และการได้รับการสนับสนุนและมีส่วนร่วม

COSO ออกเอกสาร Internal Control-Integrated Framework เพื่อให้องค์กรธุรกิจและหน่วยงานอื่นใช้ในการประเมินปละปรับปรุงระบบการควบคุมภายใน และมีการผสมผสานแนวคิดการจัดการความเสี่ยงเข้าไป จนพัฒนาขึ้นเป็นแนวคิด Enterprise Risk Managment ซึ่งมี 8 ขั้นตอน

1.สภาพแวดล้อมภายในองค์กร

2.การกำหนดเป้าหมาย

3.การระบุเหตุการณ์

4.การประเมินความเสี่ยง

5.การตอบสนองความเสี่ยง

6.กิจกรรมควบคุม

7.ระบบสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร

8.การติดตามและประเมินผล

การจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในหลัก good governance หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี

ในเชิงประเมินผล ความเสี่ยงสำคัญอย่างยิ่ง ต้องมีระบบดูแลให้ได้มาตรฐาน

เวลาทำยุทธศาสตร์ มีเป้าประสงค์ ก็ต้องขจัดความเสี่ยงต่างๆ ถ้ามีระบบ ก็บรรลุยุทธศาสตร์ เป้าหมายดี เกิดกระบวนการสื่อสาร ทำให้ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า ปรับปรุงการทำงานต่อเนื่อง ช่วยการตรวจสอบภายในเน้นแค่เรื่องสำคัญไม่ต้องตรวจทุกเรื่องเพราะมีวัฒนธรรมความเสี่ยงแล้ว ลดผลกระทบ ความตื่นตระหนกเพราะมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น สคร. สำนักงบประมาณ กระทรวง รัฐบาล ผู้เกี่ยวข้อง ลูกค้า ทำให้พบโอกาสใหม่ๆด้วย

ความเสี่ยงมาจากสิ่งที่ไม่แน่นอน เกิดจากสิ่งที่อันตรายและบางครั้งก็เป็นโอกาส

ERM COSO มาดูแลระบบริหารความเสี่ยง

ก่อนมี COSO เกิดวิกฤติการเงินในสภาบันการเงินสหรัฐอเมริกา สมาคมที่ไปตรวจบัญชีจึงหาระบบป้องกัน PricewaterhouseCoopers เสนอ COSO

หลัก COSO ERM มีการบริหารความเสี่ยงตามขั้นตอน มีความครอบคลุม กลยุทธ์ การปฏิบัติงาน การรายงาน(การเงิน) กฎหมาย และต้องทำทุกระดับ

COSO ไม่เน้น strategic risk แต่ ERM COSO เน้น strategic risk

มีหลายองค์กรพยายามปรับตัว เช่น เดิมนำยุทธศาสตร์เข้าบอร์ดแล้วมาทำเรื่องความเสี่ยง

ขั้นตอนบริหารความเสี่ยง

1.วิเคราะห์สภาพแวดล้อม

2.กำหนดวัตถุประสงค์บริหารความเสี่ยง

3.ระบุความเสี่ยง ตัวตั้งความเสี่ยงมาจากยุทธศาสตร์

4.ประเมินความเสี่ยง ใช้หลักโอกาสและผลกระทบ ให้คะแนนไป มีระบบข้อมูลสื่อสาร มีการติดตามประเมินผล

เป้าหมายบริหารความเสี่ยง smart (ต้องมีการกำหนดวิธีการ และตัวชี้วัดเชิงปริมาณและกำหนดระยะเวลา)

1.Specific ( เฉพาะเจาะจง ) มีความชัดเจนและกำหนดผลตอบแทนหรือผลลัพธ์ที่ต้องการที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน

2.Measurable (สามารถวัดได้) สามารถวัดผลการบรรลุวัตถุประสงค์ได้

3.Achievable (สามารถบรรลุผลได้) มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้เงื่อนไขการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน

4.Relevant (มีความเกี่ยวข้อง) มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายในการดำเนินงานขององค์กร

5.Timeliness (มีกำหนดเวลา) สามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องการบรรลุผล

การระบุปัจจัยเสี่ยง

ระบุปัจจัยที่มีผลกระทบในเชิงลบต่อเป้าหมายขององค์กรหรือการปฏิบัติงานทั้งในระดับองค์กรและกิจกรรม

  - ปัจจัยความเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอก

  - เหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

  - การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งจากภายในและภายนอก

 ประเภทความเสี่ยง

  - ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk)

  - ความเสี่ยงด้านปฏิบัติงาน (Operational Risk)

  - ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk)

  - ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฏระเบียบ (Compliance/Hazard  Risk)

องค์กรไม่มี succession plan ทำให้มีความเสี่ยง

กลยุทธ์บริหารความเสี่ยง

1.Accept

2.Reduce

3.Avoid

4.Share

ต้องลดโอกาสการเกิดหรือผลกระทบ มีการนำ Project Management มาใช้จะลดความเสี่ยงในโครงการ ในการทำสัญญาต้องมีความรอบคอบ การประชาสัมพันธ์ช่วยแก้ปัญหาได้ ต้องรีบสร้างความเข้าใจทันที แต่ก่อนโรงงานผลิตแล้วคัด ตอนนี้มีการตรวจสอบทุกขั้น มีเทคโนโลยี pre-censor

มีแนวโน้มที่ผู้ประเมินจะประเมินความเสี่ยงให้ต่ำ ผู้บริหารจึงต้องดูแล

7 ประเด็นที่ต้องทำ ERM

1.ทำเป็นกระบวนการ

2.ร่วมกันทำ

3.กำหนดกลยุทธ์ก่อน

4.เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมและทั่วทั้งองค์กร

5.จัดการความเสี่ยงอยู่ระดับที่เหมาะสม

6.เพิ่มโอกาสบรรลุเป้า และลดการพลาด

7.สร้างมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์

การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน Risk owner มีหน้าที่บริหารความเสี่ยง

ต้องทำแผนความเสี่ยงพร้อมแผนธุรกิจ มีการติดตามต่อเนื่องตลอดเวลา แผนบริหารความเสี่ยงสามารถปรับได้ การบริหารความเสี่ยงไม่ใช่ขจัดแต่ควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การบริหารความเสี่ยงทำให้มูลค่าองค์กรสูงขึ้น จึงดีกับทุกคน

ดร.สุรพงษ์ มาลี

การบริหารความเสี่ยงมีหลักคิดเป็นเรื่องเดียวกัน ที่อาจารย์สมชายพูดก็ครบถ้วนแล้ว

คนเข้าใจผิด 3 เรื่อง

1.เข้าใจว่าความเสี่ยงไม่ดีเสมอไป ในมุมบริหารความเสี่ยงปัจจุบัน ไม่มองว่าบวกหรือลบ high risk high return บางโครงการเสี่ยงสูง ก็มีผลตอบแทนสูงเหมือนกันถ้าประสบความสำเร็จ

2.ในโลกนี้ไม่มี risk free world เป้าหมายบริหารความเสี่ยงไม่ใช่ทำให้มันหมดไปจากโลก แต่ควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

3.ทุกคนจะพูดว่า play safe ขัดกับหลักบริหารจัดการยุคใหม่ จิตวิญญาณผู้ประกอบการ ระดับความเสี่ยงสำคัญ วัฒนธรรมความเสี่ยงในองค์กรสำคัญ บางองค์กรไม่ชอบเสี่ยง บางองค์กรชอบแสวงหาโอกาสใหม่ จะสะท้อนในโครงสร้างองค์กรและรางวัล องค์กรที่มีโครงสร้างชัดจะไม่มี risk culture ส่วน reward ไม่แตกต่างกันทำให้คนคิดอะไรเหมือนๆกัน องค์กรบางรูปแบบสนับสนุนให้คนลองผิดลองถูก คิดสิ่งแตกต่างเพราะถือเป็นชีวิตใหม่ขององค์กร เป็น The most innovative organization เช่น 3M

ในบริบทไทย จะใช้ความคิดสร้างสรรค์มาจาก risk culture วัฒนธรรมความเสี่ยงอยู่กับบริบทองค์กร กำหนดพฤติกรรมคนในองค์กร

การจัดการความเสี่ยงมีตัวอย่าง เช่น เหตุการณ์ภัยพิบัติ ก็มีความวุ่นวาย แต่ญี่ปุ่น คนเข้าแถวรับความช่วยเหลือ มาจากสิ่งแวดล้อมที่สั่งสมมา มีการสอนคนตั้งแต่เด็ก โดยนำหนังสือสอนเด็กให้รู้เรื่องความเสี่ยง เช่น เรื่องสึนามิ สอนให้รู้จัก sense of community สังเกตเหตุการณ์และเตือนภัยเพื่อให้ชุมชนรอด

Risk identification ในองค์กรมี 2 กลุ่ม strategic risk ยุคหลังเน้นชนิดนี้มากกว่า operational risk (เช่น การตรวจสอบเรื่องต่างๆ) กฎหมายให้ใช้ internal control

Risk must be identified with strategic objectives.

Risk assessment ค้นหา critical risk and risk appetite ดูโอกาส ผลกระทบ ระบบควบคุมปัจจุบันมีประสิทธิภาพหรือไม่ แก้ได้ทันทีหรือไม่ ผลคูณ 3 กลุ่มนี้ออกมาเป็น risk priority ทำ risk map จะมีระดับที่ยอมรับได้ คือ risk appetite ระดับที่ยอมรับไม่ได้คือ critical risk

Risk response (5T)

1.Tolerate อยู่ร่วมกับบางความเสี่ยงได้ ในกรณีต้นทุนในการจัดการความเสี่ยงไม่คุ้ม

2.Treat บริหารจัดการเพื่อควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ คือ ลดโอกาสการเกิดและลดผลกระทบ

3.Transfer มีพันธมิตร ประกัน

4.Terminate อาจจะต้องเลิกบางงาน หรือบางหน่วย ภาครัฐอาจจะทำได้ยาก

5.Take opportunity ความเสี่ยงอาจนำมาซึ่งโอกาส เช่น ครัวเรือนไทยมีสมาชิก 2.3 คน สังคมเป็นสังคมเมืองมากขึ้น จะทำให้เป็น smart city มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะตอบสนองยุทธศาสตร์ 20 ปีอย่างไร

Internal Control เหมือน 5Ts

1.Pre-event control

2.Post-event control

3.Emerging Opportunity

Risk evaluation and review ติดตามตรวจสอบว่าได้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง แผนที่ดีต้องลดโอกาสความเสี่ยงหรือลดผลกระทบ

สิ่งสำคัญคือการสื่อสาร อะไรเป็น critical risk ใครเป็น risk owner สำคัญกว่า risk committee

Risk ยุคนี้

disruptive technology การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่ผันผวน เราอยู่ใน VUCA world

Volatility

Uncertain

Complex

Ambiguity ความคลุมเครือ แก้ยากที่สุด จะสร้างสมดุลระยะยาวกับระยะสั้นอย่างไร

การจัดการความเสี่ยงช่วยแก้ uncertainty เท่านั้นเพราะการจัดการความเสี่ยงทำสิ่งไม่แน่นอนให้แน่นอนได้

Technological risks การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมส่งผลต่อการทำงานของการเคหะ บริษัทพฤกษาจะนำเทคโนโลยีมาใช้เกี่ยวกับบ้าน เช่น smart home บางอาชีพจะถูกทดแทนด้วย automation

Information risks เช่น Big data ถ้าฐานข้อมูลไม่ทันสมัย อยู่ก็ยาก

การตัดสินใจ ถ้าเป็น critical risk จริง มีโอกาสเกิดและผลกระทบสูง ก็ตัดสินใจง่าย แต่โอกาสเกิดเป็น 0 แต่ถ้าเกิด จะมีผลกระทบรุนแรง ก็ตัดสินใจยาก

ช่วงถาม-ตอบ

กลุ่ม 1

จากหลายข่าว การเคหะก็มีปัญหาด้านการบริหารจัดการความทุจริต

ดร.สุรพงษ์ มาลี

มีโอกาสช่องว่างในการทุจริตอย่างไร ก็ต้องบริหารจัดการเพื่อลดโอกาส ในเชิงองค์กรภาครัฐ ในการลดโอกาสที่ง่ายที่สุดคือ ต้องมีกลไกบังคับใช้กฎหมาย หรือองค์กรตรวจสอบ ก็เป็นกลไกแบบเดิมแต่อาจจะไม่สัมฤทธิ์ผลพอสมควร แม้มีกฎหมายก็มีช่องว่างและการบังคับใช้ อีกกลไกคือ Whistle blower ใช้กลไกคนสังคมในองค์กรให้เบาะแส ต้องมีกลไกคุ้มครองคนให้เบาะแส

มาตรการระยะยาว คือ ต้องปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้กล้าเปิดโปงพฤติกรรมทุจริต การส่งเสริมคนเป็น Whistle blower ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กร

ส่วนใหญ่ที่จะได้ผลที่สุดคือการลงโทษทางกฎหมาย ถ้าระบุว่าโอกาสจะเกิดความเสี่ยงมาจากอะไร แล้วหามาตรการมาลดโอกาสนั้น ก็จะทำได้

คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์

ตอนนี้มีเวทีที่จะให้องค์กรหรือคนในองค์กรแสดงเจตจำนงต่อต้านทุจริตและคอรัปชั่นอย่างเป็นรูปธรรม มีการประกาศออกสื่อ คนที่จะทำการทุจริตก็จะละอาย กรณีโรลสรอย ผู้บริหารต้องออก campaign ออก no gift policy บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ประกาศห้ามผู้บริหารซื้อขายหุ้นบริษัทตัวเองและบริษัทอื่น

ดร.สุรพงษ์ มาลี

ถ้าบริหารจัดการการทุจริตเป็น area รายเรื่อง จะทำได้ง่าย เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง มีพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ถ้ามีความไม่เป็นธรรมในกระบวนการแต่งตั้งโยกย้าย ก็ต้องมีกลไกแก้ แต่ในภาพรวม ก็ยังคงมีการลงโทษในสังคม

อาจารย์ทำนอง ดาศรี

เด็กเกาหลีเรียนศีลแต่ละข้อในระดับอนุบาลแต่ละชั้น เมื่อเรียนระดับมหาวิทยาลัย ก็จะเรียนสิทธิส่วนบุคคล แต่เด็กไทยเรียนเพื่อสอบได้

กลุ่ม 2

ขอชื่นชมอาจารย์ทั้งสองท่าน อาจารย์ให้ความรู้มากโดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรม ผู้นำต้องเป็นต้นแบบวัฒนธรรมองค์กร เรื่องบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องของพนักงานทุกคน สิ่งที่เห็นเป็นจุดอ่อนคือ พนักงานมีส่วนร่วมน้อยในการประเมินความเสี่ยงหรือคิดว่าไม่มีความเสี่ยง หรือคิดว่าไม่ควรจะมีเพราะอาจจะเป็นภาระ ควรจะมีวิธีอย่างไรในการส่งเสริม

เรื่องยุทธศาสตร์ ก็เห็นด้วยกับกระบวนการขั้นตอนอาจมีรายละเอียดมากจนเป็นอุปสรรคไปทั้งหมด ราชการมีระเบียบรัดกุมแต่ความผิดพลาดในระหว่างกระบวนการ แสดงว่า ระบบการตรวจสอบของหน่วยงานตรวจสอบรู้หลังจากคนนอกรู้

คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์

จากการอยู่ในระบบประเมิน ตอนหลังพบปัญหา จึงมีการปรับเกณฑ์ประเมินให้เข้มข้นขึ้น ควรเน้น strategic risk ตอนหลังคนมองว่า ความเสี่ยงเป็นเรื่องยาก ต้องทำให้ง่ายกว่านี้ ทำให้คนเห็นประโยชน์จากการบริหารความเสี่ยง ต้องมีรางวัลให้คนทำด้วย

ดร.สุรพงษ์ มาลี

บางคนมองว่าไม่ทำแล้วไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายองค์กร จากมุมมองการบริหารการเปลี่ยนแปลง ต้องมองว่าทำแล้วมีประโยชน์อย่างไร ถ้าทุกคนประเมินว่าไม่มีความเสี่ยง อาจจะใช้ผู้ประเมินภายนอกมาประเมินเปรียบเทียบกับคนใน เกณฑ์จะต้องมีความชัดเจนมากขึ้น ประเมินแล้วสะท้อนความเป็นจริง

แม้มีหน่วยงานตรวจสอบ แต่สตง.เป็น post audit บางหน่วยงานลงมา 2 ปีครั้งเพราะไม่มีกำลัง จึงจับได้เมื่อมีปัญหาแล้ว

ประเด็นคือการกำกับดูแล day-to-day management ผู้บังคับบัญชาต้องเอาใจใส่ตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบจะตรวจผลงานมากกว่าการทำตามกฎระเบียบ แต่ในความเป็นจริงก็ถามถึงเอกสารต่างๆ  เป็นปัญหาการเปลี่ยนแนวคิดการทำงานของหน่วยงานตรวจสอบ อาจเป็นการปล่อยปละละเลยเชิงสถาบัน มุมมองข้างนอกอาจจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงบ้าง

กลุ่ม 3

การควบคุมคุณภาพความเสี่ยง เนื่องจากความเสี่ยงเป็นกระบวนการ การทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ ต้องกลับไปดูที่ส่วนไหน ผู้ร่วมกระบวนการความเสี่ยงต้องควบคุมอย่างไร ในเรื่องการควบคุมคุณภาพ ทั้งสามปัจจัยจะแยกจากกันหรืออยู่ในกระบวนการควบคุมคุณภาพ หรือกระบวนการเพื่อให้องค์กรได้รับผลลัพธ์

คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์

คุณภาพการบริหารความเสี่ยงที่ดีหรือไม่ต้องดูที่ผลลัพธ์ ทำตามยุทธศาสตร์ วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในเป้าหมาย ถ้าได้บรรลุตามประสิทธิภาพและประสิทธิผลในกรอบเป้าหมายและเวลาที่กำหนด รวมถึงค่าใช้จ่าย ก็ถือเป็นการจัดการความเสี่ยงที่ดี ถ้าไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็ต้องกลับไปทบทวน

ระบบควบคุมภายในก็เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารความเสี่ยง COSO เดิมเป็นระบบ Internal Audit  แต่ ERM COSO เน้น Strategic Risk ระบบ Internal Audit เน้น Operational Risk เป็นส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่หน่วยงานต่างๆดูเรื่อง Operational Risk ควรจะดูเรื่อง Strategic Risk มากขึ้น

ดร.สุรพงษ์ มาลี

คุณภาพอยู่ที่ risk identification ถ้านำจุดนั้นมาแก้ นำมาสู่ผลลัพธ์ ขั้นตอน risk identification อาจไม่ลงถึงรายละเอียด ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน เทคนิควิธีก็ใช้ร่วมกัน

กลุ่ม 4

ยังเข้าใจไม่ชัดเจนเรื่องความเสี่ยงด้านวัฒนธรรม

วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นความเสี่ยงมีอะไรบ้าง มีอะไรเป็นตัวชี้วัด และในการเคหะ วัฒนธรรมตัวไหนเป็นความเสี่ยง

ดร.สุรพงษ์ มาลี

Risk culture หมายถึง คนยอมรับความเสี่ยงได้ไหมหรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยง จะส่งผลต่อพฤติกรรมการทำงานและการบรรลุเป้าหมาย

ความเสี่ยงด้านวัฒนธรรม วัฒนธรรมไม่มีดีหรือเลว แต่วัฒนธรรมเหมาะสมกับ business strategy หรือไม่ ถ้าต้องการสร้างนวัตกรรม แต่วัฒนธรรมกำหนดให้ตามกติกา แสดงว่า ทิศทางไม่ได้ไปด้วยกันจะต้องปรับวัฒนธรรม

มีผลวิจัยว่า องค์กร bureaucracy คนไม่ค่อยชอบเสี่ยง

คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์

กรณีเรือสร้างให้เดินทางไปเป้าหมาย แต่ก่อนไปถึงเป้าหมายต้องฝ่าอุปสรรคก่อน จะสร้างวัฒนธรรมอย่างไรเพื่อไปสู่เป้าหมาย

Risk culture เป็นความเข้าใจความเสี่ยงของคนในองค์กรแล้วสะท้อนมาเป็นวัฒนธรรมองค์กร

Culture เกิดจาก ABC Model

1.Attitude ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับความเสี่ยงทำให้บรรลุเป้าหมาย

2.Behavior ถ่ายทอดเป็นพฤติกรรม

3.Culture ออกมาเป็นวัฒนธรรมองค์กร

ความเสี่ยงมีมากมาย แต่วัฒนธรรมความเสี่ยงมีหนึ่งเดียว ต้องเสี่ยงจึงจะบรรลุเป้าหมาย วัฒนธรรมองค์กรสร้างและทำลายการบริหารความเสี่ยง

Drucker กล่าวว่า culture is strategy หมายถึง มียุทธศาสตร์ดี แต่ วัฒนธรรมไม่ไปด้วยกัน วัฒนธรรมก็จะไม่ช่วยให้บรรลุตามยุทธศาสตร์ องค์กรยั่งยืนถ้ามี risk culture ที่เหมาะสมแล้วสอดคล้องกับยุทธศาสตร์


Learning Forum –การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (2)

นำเสนอบทเรียนจากหนังสือดีๆ เกี่ยวกับการบริหารเชิงกลยุทธ์และการปรับใช้กับการเคหะแห่งชาติ

โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

(นำเสนอหนังสือ The Alibaba Way)

วันที่ 7 มีนาคม 2561

กลุ่ม 4

Chapter Five: Integrity Capital - Based Microfinance

จากการที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญต่อการขยายตัวของธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจรายย่อย และธนาคารต่างๆ มองเห็นอนาคตทางการเงิน  จะย้ายไปอยู่ที่ธุรกิจขนาดย่อมและในยุคที่ Internet มีบทบาทอย่างมากต่อธุรกิจ โลกการบริหารการเปลี่ยนแปลงจึงต้องเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และทำให้เกิดแนวคิดและมุมมองใหม่ๆ (Mindset)

ในปี 2542  Alibaba ได้เริ่มเปิดดำเนินการขึ้นเพื่อช่วยผู้ส่งออกรายเล็กที่มีส่วนร่าวมในการผลิตและการค้า  ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีนให้เข้าถึงผู้ซื้อทั่วโลก ก่อตั้งโดย แจ็ค หม่า โดย E-commerce รายใหญ่ สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อความเป็นอยู่ของคน สร้างความเข้าใจทางด้านการเงินและเงินทุน การบริหารเงินทุน

ในปี  2546 Alibaba ได้สร้างเว็บไซต์ขายปลีกที่ใหม่ที่สุด   ในประเทศจีน ชื่อ Taobao.com เป็นเว็บไซต์ในการซื้อขายสินค้าที่สามารถ   ตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศจีนได้อย่างเต็มรูปแบบ  แต่ก็ยังมีในด้านความไม่มั่นใจในการซื้อ-ขายสินค้าของผู้ซื้อและผู้ขาย Customer to Customer

Alibaba ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย เสมือนเป็นผู้ค้ำประกันให้กับทั้ง 2 ฝ่าย โดยสร้างระบบ Alipay มาใช้กับ Taobao เมื่อ 15 ต.ค. 2546 ซึ่งเมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินผ่าน Alipay ระบบจะเตือนให้ผู้ขายส่งของ และเมื่อได้รับการยืนยันว่าส่งของแล้ว และระบบมีเงินเข้าแล้ว ระบบก็จะจ่ายเงินให้กับผู้ขาย สร้างความเชื่อมั่นให้ทั้ง 2 ฝ่ายและยังทำให้จ่ายเร็ว สะดวก และง่ายขึ้น

Alibaba มีการพัฒนาต่อยอด Alipay   ในการร่วมมือกับธนาคารทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงบัตรเครดิตต่างๆ ในการชำระสินค้าค่าบริการ เพิ่มความปลอดภัยโดยสร้าง Ping An Insurance

Alipay จึงได้ชื่อว่าเป็นระบบเสริมที่มีประสิทธิภาพ จากระบบการเงินที่มีอยู่ในประเทศจีน (Third Party Payment)

ในการทำธุรกิจ E-commerce ผู้ประกอบการขนาดเล็กไม่มีความยั่งยืนในเรื่องแหล่งเงินทุนเกิดความเสี่ยงในการพัฒนาประเทศ Alibaba จึงมีแนวคิดสร้าง Ali Small Loans (เงินกู้ขนาดเล็กของ Ali)    และออกแบบระบบการเงินให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือส่วนบุคคล ภายใต้ชื่อ Yuebao   ต่อมาพัฒนาเป็นกองทุนรวมตลาดเงินใหญ่อันดับ 4 ของโลก และสอนให้ประชาชนรู้จักใช้เทคโนโลยีเพื่อวางแผนการลงทุนและดูแลทรัพย์สิน

Alibaba “เปลี่ยนความเชื่อมั่น เป็นความร่ำรวย และทำให้การยืมเงินเป็นเรื่องง่าย”

การประยุกต์ใช้

ตอนนี้การเคหะมี smart device ที่ผ่านมาระบบจ่ายเงินการเคหะยังไม่ทันสมัย อาจจะประยุกต์ Alipay เหมือนมีกระเป๋าสำรองพัฒนาต่อยอด

การเคหะพัฒนาคุณภาพชีวิตและตลาด มีผู้ซื้อขาย ผลิตในพื้นที่ อาจจะนำมาปรับเข้า digital transfer สู่ AEC และ CLMV

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เล่มนี้เป็น e-commerce จีน และให้ apply การเคหะ ควรให้คนการเคหะได้รับทราบผลงานที่นำเสนอด้วย การเคหะกำลังปรับ mindset เป็นธุรกิจ เคยให้คนวิจารณ์หนังสือเล่มนี้แล้วก็ออกมาดี

แต่การเคหะทำแล้วเห็นชัด

เรื่องการเงินสำคัญมากสำหรับคนจน มีหลายคนมองว่า คนจนรวมตัวกัน จำนวนมากก็กลายเป็นธุรกิจใหญ่ได้ รัชกาลที่ 9 ทรงมองฐานปิระมิด การเคหะมีฐานเป็นคนยากจน

อยากให้คิดเรื่องวินัยการเงินของคนไทย อ่อนแอมาก บางคนคิดแต่จะกู้ จึงมีหนี้เสีย คนจนเกิดมามีหนี้ทันที

Alibaba อยากให้คนมีความรู้ทางการเงิน การเคหะควรสอนเรื่องนี้ให้คนรากหญ้า

จีนเคยเป็นสังคมนิยม แต่ Jack Ma ทำให้คนรากหญ้าหาความรู้ได้

หลักสูตรนี้ วิจารณ์แล้วกระเด้งไป turn idea เป็นรูปธรรม

ขอบคุณที่มีแรงบันดาลใจให้

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

ที่การเคหะวิจารณ์หนังสือละเอียด แบ่งปันข้อมูลที่มีให้กับบางคนที่เข้าใจช้า แต่นำไปคิดแล้วไม่ทิ้งประเด็น  ถือเป็นหนังสือประจำกลุ่ม

การวิเคราะห์หนังสือดียิ่งกว่า สามารถนำเรื่องการเคหะเข้าไปเกี่ยว กล่าวถึงกระเป๋าสำรอง ทำให้ทราบปัญหา ผู้บริหารอาจจะปลื้มใจที่ได้รับทราบ จุดเด่นของการเคหะคือความเชื่อมั่นของสังคม ถ้าทำเรื่องนี้ จะเป็นนวัตกรรม จะวางระบบหรือนำทุนมาจากที่ไหน จะนำส่วนต่างดอกเบี้ยมาอย่างไร

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

การเรียน 9 วันและอ่านหนังสือต้องส่งผลสูงต่อการเคหะ เป็นความสำคัญข้างต้น

การเคหะมีโอกาสมากในการทำสิ่งยิ่งใหญ่ แต่ต้องปรับตัวเป็นผู้นำ บางเรื่องต้องตัดสินใจทำ ถ้ามีโอกาสแล้วต้องฉกฉวยมัน ควร turn idea into action

ผู้ว่าการก็อยากให้นำเด็กรุ่นใหม่และสหภาพแรงงานมาฟัง

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

ถ้าการเคหะทำกระเป๋าฝากได้ ก็เป็นการแก้ปัญหาให้ลูกค้า ไม่ต้องติดหนี้นอกระบบ

ตลาดเคหะประชารัฐควรเกิดขึ้นจริง

Jack Ma ยังเน้นชุมชนการเรียนรู้ การเคหะควรเน้นทำ smart device ใช้ให้เกิดได้จริง

ประทับใจมาก ได้ความรู้จาก 3 กลุ่ม

กลุ่ม 3

Chapter 7 The Routinization of ALiBABA’s Corporate Culture Innovation

องค์กร ALiBABA เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ มีวัฒนธรรมองค์กร คือ การส่งเสริมนวัตกรรม

และมีการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างโครงสร้างองค์กรที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรรม ตรวจสอบPlatformสามารถรองรับนวัตกรรมได้ พัฒนารูปแบบการจัดการทรัพยากรบุคคลที่ให้ผลตอบแทนแก่ นวัตกรรม (เช่น การมุ่งเน้นไปที่บุคคล,การพัฒนาบุคคลที่ยั่งยืนและขยายไปไกลกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า)

วิสัยทัศน์ของ  Alibaba

ปี 2542 วิสัยทัศน์ เมื่อก่อตั้งบริษัท คือ  “การเป็น1ใน10เว็ปไซด์อันดับต้นๆของโลก”

ปี 2551 เมื่อแผนกลยุทธ์ของบริษัทเปลี่ยนไป วิสัยทัศน์  “การเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ชรายใหญ่ที่สุดของโลก”

ในปี 2556 วิสัยทัศน์ “การเป็นแพลตฟอร์มการแชร์ข้อมูลหมายเลขหนึ่ง”

การเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ ของบริษัทสะท้อนให้เห็นถึงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปและตำแหน่งทิศทางที่จะอยู่ในระบบนิเวศของตลาด  และมองรากฐานที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

วัฒนธรรมองค์กรนวัตกรรม   จะต้องเป็นอันดับแรก อย่างชัดเจนที่กำหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ และค่านิยมขององค์กร

วิสัยทัศน์ของอาลีบาบา  “เป็นแพลตฟอร์มการแบ่งปันข้อมูลอันดับหนึ่งในฐานะองค์กรที่มีชีวิตอยู่ 102 ปี”

พันธกิจของอาลีบาบา : “เพื่อให้ง่ายต่อการทำธุรกิจได้ทุกที่ (หรือ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำธุรกิจทั่วโลก)”

ค่านิยมของอาลีบาบา "ลูกค้าเป็นหนึ่ง การทำงานเป็นทีม ยอมรับการเปลี่ยนแปลงความผูกพันความมุ่งมั่น"

วัฒนธรรมอาลีบาบาต้องการให้พนักงานทุกคน “ทำงานให้มีความสุข และใช้ชีวิตอย่างจริงจัง” แจ็ค หม่า เล่าว่าเขาไม่ชอบคนไร้อุดมการณ์ และขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ชอบพวกทำแต่งานแล้วไม่สนใจชีวิต เขากล่าวว่า “คนไม่ขยันไม่น่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คนไม่เข้าใจความหมายแห่งชีวิตก็ทำงานได้ไม่ดีเช่นกัน”

“ลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง พนักงานอันดับสอง และผู้ถือหุ้นอันดับสาม”   ถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรของอาลีบาบา และเป็นหัวใจสำคัญของหลักการทำธุรกิจแบบแจ็ค หม่า โดยให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอับดับแรกทุกสินค้าและบริการต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด พนักงานทั่วไปของบริษัทซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนงานของบริษัททั้งหมดจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี เห็นได้จากการจ่ายโบนัสประจำปี จะคำนึงถึงพนักงานทั่วไปก่อนผู้บริหารระดับสูงซึ่งมักจะไม่ได้รับโบนัส

เหตุผลที่ Taobao สามารถเอาชนะอีเบย์ได้เกือบทั้งหมด เนื่องมาจาก อีเบย์ มีจุดบอดเมื่อต้องทำความเข้าใจธุรกิจของจีน

ประการที่สองก็จัดการกับปัญหาของ การชำระเงินในเวลานั้นคนจีนไม่ค่อยใช้บัตรเครดิต อาลีบาบาพบแนวทางแก้ไขปัญหา  โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้เรียกว่า Alipay

สร้างแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเป็นเส้นทางเดียวที่ สามารถต่อรองราคาได้

เรื่องราวของผลิตภัณฑ์ของอาลีบาบา "Zhao Cai Jin Bao" ซึ่งหมายถึงการนำความมั่งคั่งและสมบัติ “ ช่วยให้มุมมองใหม่เกี่ยวกับวิธีการที่ ลูกค้า มีอิทธิพลต่อนวัตกรรมครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2003 ผลิตภัณฑ์ที่ Taobao ใช้เวลาสามเดือนในการทุ่มเทความพยายามในการวิจัยและพัฒนาเป็น สรุปได้ว่าออฟไลน์หลังจากเพิ่งผ่านไปเพียง 1 เดือนโดยการโหวตสาธารณะ  ให้ประชาชนพิจารณาว่าจะเก็บหรือทิ้งผลิตภัณฑ์ เขาตัดสินใจที่จะขอให้ผู้ใช้ลงคะแนนเสียงเอง หลังจาก 20 วันคะแนนเสียงของผู้คัดค้านสูงกว่าผู้สนับสนุน ในท้ายที่สุดผลิตภัณฑ์ถูกนำออฟไลน์

ตัวอย่างที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงนี้คือการปฏิบัติของอาลีบาบาในการทำให้ผู้คนยืนหยัดอยู่ด้วยอยู่ในศีรษะของตน อาลีบาบาอยากให้พนักงานมองโลกในแง่มุมใหม่ ๆ เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลง

ให้พนักงานใหม่ทุกคนอายุน้อยหรือหนุ่มสาวอ้วนหรือผอมเรียนรู้ที่จะยืนอยู่บนศีรษะของเขากับผนัง ผู้ชายต้องมีกลับหัวอย่างน้อย 30 วินาที ผู้หญิงต้องให้ไว้ 10 วินาที  ถ้าทำไม่ได้ผู้สมัครใหม่ก็ต้องกลับบ้านไป  สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือการบังคับให้คนคิดจากมุมมองที่แตกต่างออกไป แจ็คบอกว่า “ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะยืนอยู่บนศีรษะเพราะเมื่อคุณคว่ำหัวลงเลือดไหลเข้า สมองของคุณและคุณเห็นสิ่งต่างไปจากที่คุณต้องการ นอกจากนี้คุณยังสามารถนึกถึงประเด็นต่างๆ ในแบบที่คุณจะได้พบก่อนหน้านี้”

อีกวิธีหนึ่งที่ระบบของอาลีบาบาทำคือ การหมุนตำแหน่ง  คือจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อาลีบาบามีโปรแกรมที่หมุนเวียนอยู่เสมอ ทุกปีมีการกำหนดตำแหน่งระดับผู้บริหารอีกครั้ง หากผู้จัดการมีความปรารถนาที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งใด ๆ พวกเขาต้องปฏิบัติตามข้อควรพิจารณา 2 ข้อ ประการแรกพวกเขาต้องมีแผนการที่ดีในใจสำหรับผู้ที่จะประสบความสำเร็จพวกเขาในตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา ประการที่สองพวกเขาต้องมีประสบการณ์ในการหมุนเวียนตำแหน่งพนักงานที่โดดเด่นกว่ามากของอาลีบาบาได้ทำทุกงานเดียวใน บริษัท รองผู้อำนวยการอาวุโสของอาลีบาบากล่าวว่า "ในขณะที่คุณเปลี่ยนตำแหน่งคุณจะขจัดอุปสรรคระหว่างตำแหน่งหนึ่งและตำแหน่งถัดไปเท่านั้นหากคุณทำอย่างนั้นจริงๆแล้วผู้คนสามารถทำสิ่งต่างๆได้จากมุมมองที่ต่างออกไป

ได้สร้าง เครือข่ายการสื่อสารภายในของ Ali เรียกว่า "อาลี Flavor" ชื่อของ forum คือ Say What You Want “ ในเครือข่ายนี้เป็นกระดานข่าว เช่นการแชททางธุรกิจข่าวเกี่ยวกับลูกค้าและเรื่องอื่น ๆ และยังมีกระดานข่าวเกี่ยวกับงานอดิเรกผลประโยชน์ ความเพลิดเพลินอื่น ๆ อีกด้วย

การสื่อสารภายในอาลีบาบา เรียกว่า WCBBS (ย่อมาจาก Water Closet Bulletin Board Service) ฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะวางกระดาษไว้ด้านหลังประตูห้องน้ำ เขียนความคิดเห็นและแนวคิด แผ่นมีหัวข้อที่สามารถระบุได้และมีการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว เมื่อใดก็ตามที่พนักงานรู้สึกกระตุ้นเพื่อที่จะพูดพวกเขาสามารถจดความคิดของพวกเขา วิชาที่แตกต่างกันไปในแต่ละหัวข้อจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นกล่าวว่าถ้าเอดิสันยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันเขาจะทำอย่างไร? "ชนิดของสิ่งนี้มักกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองอย่างกระตือรือร้น ผลิตภัณฑ์ใหม่และการตอบสนองให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงพวกเขาทุกเดือนฝ่ายทรัพยากรบุคคลเก็บรวบรวม WCBBSs และดำเนินการวิเคราะห์ความคิดเห็น ทางสถิติ จากวิธีเหล่านี้ อาลีบาบา  สามารถส่งเสริมกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาจากแนวคิดของพนักงานทุกระดับ

การปรับใช้สำหรับการเคหะ

เรื่องระบบการหมุนเวียนตำแหน่ง เพื่อการเรียนรู้งาน ประสบการณ์ตำแหน่งอื่นๆ มีมุมมองที่แตกต่างไป

การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น วิจัยสำรวจความต้องการลูกค้า สภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ลูกค้าต้องการ การบริการการเคหะต้องให้ความสะดวกแก่ลูกค้ามากที่สุด เป็น platform เปิดรหัสจอง ใช้เทคโนโลยี ถือบัตรประชาชนมายื่นจองบ้านการเคหะได้

แนวคิด“อาลี Flavor”สร้างกระดานข่าวสื่อสารระหว่างหน่วยงาน การแชร์แบ่งปันข้อมูลภายในองค์กร เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหา แนวทางแก้ไข ที่ประสบความสำเร็จ 

จากแนวคิดโครงการ “A-Star” Alibaba Star ให้ทุนนักศึกษามาพัฒนา หรือการคัดเลือกบุคคลTalentเด่นในแต่ละสาขามาพัฒนาศักยภาพเพิ่มเติม เหมือนการสร้างทุนมนุษย์ให้องค์กร อาจใช้ 8K’s 5K’s สร้างแรงบันดาลใจพัฒนาให้เป็นทุนมนุษย์ช่วยงานการเคหะ

เรื่องเทคโนโลยี เผยแพร่การสื่อสารการทำงานการเคหะให้อาเซียนรับทราบการพัฒนาเมือง ก่อสร้าง ต่างชาติก็อาจมาศึกษาเชิงวิชาการ อาจให้ความร่วมมือทางวิชาการรัฐต่อรัฐได้

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

บทนี้เหมือน finale จบลงด้วยการสรุปทั้งหมด

ขอชมเชยว่า มาตรฐานการนำเสนอทุกกลุ่มใกล้เคียงกัน มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอ เรียบเรียงสรุปดี ควรเผยแพร่ให้คนอื่นรับทราบ

ถ้าคนเก่ง และดีแล้ว ต้องมีพลังในการทำงานด้วย      

เรื่องคน ต้องทำให้องค์กรเป็นองค์กรการเรียนรู้ ต้องทำให้ทุกคนใฝ่รู้ โดยสร้างบรรยากาศให้ทุกคนหาความรู้อย่างต่อเนื่อง

การมีนวัตกรรมต้องมี talent management

Chira Way เรื่องคนต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเงิน การตลาดและเทคโนโลยี ต้องดูตัวอย่างธุรกิจที่มองคนเป็นยุทธศาสตร์ไปดูแลความสำเร็จคือลูกค้า

Happiness Capital เป็น Happiness at work การเคหะมี Happiness Capital หรือไม่  ต้องทำให้เด็กรุ่นใหม่มี Happiness at work

Jack Ma เป็นคนที่ Realistic เขาเรียนรู้จากประสบการณ์จากการเอาชนะความล้มเหลว learning from pain

การศึกษาต้องทำให้คนเก่งและมีจริยธรรม การพัฒนาคนต้องรู้ปรัชญาชีวิตและการทำธุรกิจด้วย แต่เมืองไทยลดบทบาททุนมนุษย์ลง คิดว่า คนเป็นปัญหา

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

ทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มนี้มาเน้นเรื่องการทำงานแบบมีความสุข คนการเคหะเข้าใจความหมายชีวิตเพราะทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

Boundary ขยับไปสู่การหารายได้ ไปที่อาเซียน แล้วจะสร้างคนแบบใด

การสื่อสารที่ยอดเยี่ยมเป็นความสำเร็จของ Alibaba ผ่าน platform การเคหะควรทำเรื่องนี้ การซื้อขายต้องทำให้ชุมชนรวยขึ้น ต้องมองไปยังอาเซียนด้วย

การหมุนเวียนตำแหน่ง อาจจะทำยากในการเคหะ ต้องมีความระมัดระวังสูงมาก บางคนไม่อยากสร้างใหม่ บางคนไม่อยากขึ้นสู่ระดับสูง

ข้อมูลที่ได้ไป เช่น ข้อมูลที่ได้จากห้องน้ำ ก็นำไปทำสถิติ ส่วนเรื่อง A Star คือ talent management

การทำ g to g ดีมาก การเคหะทำมาแล้วหลายอย่าง เป็นองค์ความรู้ที่ Jack Ma ไม่มี เป็นการคุ้มที่ได้มาฟังการนำเสนอ เพราะเป็นการวิเคราะห์ที่ตรงกับงาน

ประเด็นที่ได้รับ

กลุ่ม 1

1.จากการฟังการนำเสนอหนังสือ The Alibaba Way ก็ต้องทำให้ก้าวข้ามพรมแดนสู่ยุคดิจิตอลให้ได้

2.การทำงานกับผู้มีรายได้น้อย จะทำอย่างไรให้เขาพึ่งตนเองได้ รัฐคงจะไม่มีงบอุดหนุนให้ได้ตลอดเวลา ก็ได้แนวคิดว่า การเคหะต้องสร้างงานให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อย เหมือน Alibaba ที่สร้างจากคนระดับรากหญ้าให้มีอาชีพขึ้นมา ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ถ้าการเคหะทำได้ จะเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติให้หลุดพ้นจาก Middle Income Trap ได้

กลุ่ม 2

1. Alibaba เน้นฐานข้อมูลลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญ การเคหะมีชุมชนกว่า 600 ชุมชน มีฐานข้อมูลลุกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งควรจะนำมาสร้างประโยชน์ อาจจะศึกษาข้อมูลจากตรงนี้เพิ่มเติมว่า คนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมอย่างไร ความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นอย่างไร อาชีพ รายได้ แล้วนำมาทำร่วมกับวิจัยเรื่องที่อยู่อาศัยที่การเคหะมีมากมาย นำข้อมูล สถิติต่างๆ มาประมวลผลรวมกัน เพื่อดูแนวโน้มที่อยู่อาศัย กลุ่มที่ต้องการเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มของคนที่เรียนจบใหม่ๆ เมื่อทำแล้ว ควรจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวนำไปใช้ประโยชน์ การสร้างที่อยู่อาศัยต้องดูกำลังซื้อของลูกค้าด้วย จะนำไปสู่การทำ package สินเชื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้

2.เรื่องคน Alibaba มองลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง แล้วก็มองพนักงานที่ไปทำงานดูแลลูกค้าด้วย Jack Ma มองว่าความอยู่รอดขององค์กรมาจากคนในองค์กรด้วย จึงมีมุมมองการสื่อสาร การเป็นองค์กรการเรียนรู้ ปัจจุบันการเคหะมีระบบเทคโนโลยีค่อนข้างดี พนักงานมีศักยภาพ แต่ยังไม่ได้ศักยภาพระบบไอทีที่มีอยู่ ฝ่ายบริหารก็ได้ส่งเสริมนโยบายเรื่องนี้มาตลอด การนำมาปรับใช้หรือกระตุ้นให้ใช้ สร้าง Platform ให้พนักงานได้เข้าใช้ ในที่สุดก็จะไปตอบสนองความต้องการของลูกค้า การเคหะสามารถทำเรื่องนี้ได้ทันที

กลุ่ม 3

1.Alibaba สร้างหมู่บ้านที่ชุมชนยากจน ส่วนการเคหะทำงานกับผู้มีรายได้น้อย ทำให้เริ่มมองชุมชน นอกจากสร้างบ้านแล้ว ก็ต้องพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน น่าอยู่ โดยมีแนวคิด เช่น การทำตลาดเคหะประชารัฐเพื่อสร้างเสริมอาชีพให้คนในชุมชนออมก่อนโอนกรรมสิทธิ์ คือเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้กับลูกค้าเพื่อที่จะมีเงินแล้วโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง เพราะระหว่างการผ่อนชำระค่างวดซื้อ การเคหะประสบปัญหาเรื่องลูกค้าไม่มีเงินโอน เขามีเป้าหมายคือการมีบ้านเป็นของตนเองการเคหะจึงส่งเสริมให้ลูกค้าออมโดยส่งเสริมวินัยทางการเงินผ่านการส่งเจ้าหน้าที่ไปให้การฝึกอบรม และมีการส่งเสริมอาชีพ และทำตลาดประชารัฐเพื่อให้มีพื้นที่ค้าขาย การเคหะก็มองไกลถึงการส่งเข้าประกวดด้วย ตอนนี้ ในชุมชนของการเคหะ ได้มีการเปิดตลาดไปแล้ว 4 แห่ง จะทำที่เหลืออีก 90 ชุมชน จาก 600 ชุมชน

2.เทคโนโลยีปัจจุบันและอนาคตก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงเร็วมาก การเคหะควรจะนำมาใช้ประโยชน์ในการขาย ซึ่งได้พัฒนามาแล้วคือ smart device อาจจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ต้องต่อยอดต่อไป และช่องการชำระเงิน ในอนาคต อาจจะทำเหมือนกับ QR code อยู่บ้านก็ชำระเงินได้ ส่งเสริมการเชื่อมต่อ ต้องทำให้ลูกค้าติดต่อการเคหะให้ได้มากที่สุด โดยเปิดเว็บไซต์เพิ่ม แล้วพัฒนาไปเรื่อยๆ

กลุ่ม 4

1.เมื่อดูตัวอย่าง Jack Ma ประมวลผลได้ว่า เป็นคนเล็กล้มยักษ์ใหญ่ได้ คือทำจากระดับรากหญ้าแล้วทำให้คนในโลกเห็นว่า สิ่งที่ทำสามารถจะผงาดในวงการได้ Jack Ma สร้างความเชื่อถือได้ เมื่อมีความเชื่อถือ ก็จะมีผลสำเร็จได้

2.การเคหะควรมี Cloud Funding ซึ่งน่าจะแก้ไขปัญหาของการเคหะได้ดี ปัจจุบันนี้ เวลาที่การเคหะทำเรื่องการเช่าซื้อ ก็ไม่ได้เน้นการเป็นสินเชื่อ การเคหะตั้งขึ้นมาเพื่อเน้นผลิตแล้วจำหน่าย เมื่อลูกค้าประสบปัญหาไม่สามารถไปกู้ธนาคารได้ การเคหะจึงต้องกลับมามองธุรกิจเป็นสินเชื่อเอง ทุกวันนี้ เวลาทำเรื่องสินเชื่อ การเคหะก็ประสบปัญหาการถูกผูกขาดว่าต้องทำกับธนาคารออมสินหรือธนาคารอาคารสงเคราะห์เท่านั้น เวลาทำเช่าซื้อกับธนาคาร ธนาคารก็ให้การเคหะค้ำประกัน 5 ปี ถ้าลูกค้าไม่ดี การเคหะก็จะต้องไปซื้อคืนกลับมา ควรจะมีการเปิดกว้างมากขึ้นให้การเคหะมี Cloud Funding ระดมทุนจากผู้มีทุนที่เป็นบุคคลหรือบริษัท การเคหะเป็นส่วนกลางผสมผสานระหว่างผู้มีทุน และลูกค้าที่มีไม่ต่ำกว่าล้านคน การเคหะก็นำ 2 กลุ่มนี้มาพบกันบนเว็บไซต์ ทำให้ลูกค้าที่จะมากู้เงินเสนอการกู้ โดยมีนายทุน อาจจะเป็น soft loan ให้ลูกค้าที่จะได้รับดอกเบี้ยต่ำเป็นการลดภาระการผ่อนเช่าซื้อ เวลาผ่อนสินค้าปัจจุบัน  ควรเพิ่มช่องทางให้ลูกค้า เช่น การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เราขอภาษี 40% เป็นทุนประเดิม ให้ลูกค้ากู้เป็น soft loan เมื่อโครงการเกิด จะมีชุมชน ลูกบ้าน ถ้าจะสร้างธุรกิจให้ที่อยู่อาศัย ก็สามารถมี soft loan ปล่อยให้กู้ ใช้บริเวณชุมชนสร้างเป็นร้านค้า ให้กระจายการทำมาหากินออกไป เงินทุนลูกค้าก็สามารถโตเองได้ การผ่อนชำระอาจใช้แบบ Alipay  การเคหะมีความน่าเชื่อถือเป็นตัวกลางในการปล่อยสินเชื่อ สินเชื่อถูกจำกัดโดยเงื่อนไขมากมาย ถ้าเป็นคนมีเงินแต่ไม่มีเอกสารตามที่ต้องการ ก็จะถูกปฏิเสธ การเคหะต้องการให้ลูกบ้านมีที่อยู่อาศัย เมื่อลูกบ้านไม่มีเงิน ก็ไปกู้ จะเกิดปัญหาหนี้สินในครัวเรือนตามมา

Jack Ma เจอปัญหา ก็จะก้าวผ่านไปให้ได้ เดินหน้าแล้วฝ่าฟันอุปสรรค

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

การนำเสนอวันนี้เป็นประโยชน์และน่าสนใจมาก ไม่ควรหยุดแค่การนำเสนอ แต่ละคนต้องกลับไปคิดที่จะทำงานร่วมกันให้เป็นประโยชน์ เน้นชนะเล็กๆ ทำสิ่งที่ทำได้ก่อน แล้วงานเหล่านี้จะเสริมสร้างความมั่นใจก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ อยากให้มุ่งมั่น เอาชนะอุปสรรค ขอแสดงความยินดีด้วย

 

 

หัวข้อ การพัฒนาที่อยู่อาศัย...กับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 กรณีศึกษา

โดย     ดร.โสภณ พรโชคชัย

          นายสิทธิชัย เนี๋ยมเจริญ

ดำเนินการอภิปรายโดย  ดร.จีระเดช ดิสกะประกาย

วันที่ 14 มีนาคม 2561

(สรุปบรรยายโดย เขมิกา ถึงแก้วธนกุล ทีมงานวิชาการ Chira Academy)

 

ดร.โสภณ  พรโชคชัย

          การเจริญเติบโตของอสังหาริมทรัพย์

ในระดับล่างส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนทำ  แต่ข้อดีคือสลัมลดลง  ตรงไหนมีโครงการเยอะ ตรงนั้นจะมีจุดตั้งโครงการ และมีการขายโครงการเยอะ  ปี 2017 มีโครงการประมาณ 410 โครงการ  ปีนี้โครงการลดลง เช่น ที่สนามหลวง ราชดำเนิน ถนนข้าวสาร วัดอรุณฯ แต่มีการเสนอขายยังเยอะอยู่

          ในรอบ 20 ปี จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นมาตลอด แต่แนวโน้มการลดลงจะมีมากขึ้นเช่นกัน แต่กลุ่มที่มีอำนาจซื้อก็ยังอยู่ เช่น บ้านราคา 15 ล้านบาท

          ในปีหนึ่งคอนโดเกิดขึ้นมาส่วนใหญ่มีน้อยลง

แนวโน้มที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ

ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา Trend บ้านแฝดกำลังมากำลังมาแรง (เงื่อนไขต้อง 35 ตารางวาขึ้นไป) ที่ดินมีความสำคัญมาก ถ้าลดราคาที่ดินลงมาหน่อยก็จะขายได้มากขึ้น

          อย่างการเคหะฯ ถ้าทำขึ้นมาแบบญี่ปุ่นก็จะสามารถขายได้

ในช่วงวิกฤติปี 40 การไป Survey ปี 41-43 ไม่ได้ย่ำแย่มากเท่าไหร่ ซึ่งถ้าศึกษาให้ดีปัญหาต่าง ๆอาจไม่เกิดขึ้น

ข้อดีของการเคหะฯ คือ

1. สร้างเสร็จหรือเกือบเสร็จก่อนขาย

สัดส่วนการเคหะฯ ที่เหลือขายประมาณ 190,000 หน่วย เทียบสัดส่วนกับสมัยก่อนถือว่าไม่มากเท่าไหร่

การแบ่งกลุ่มที่ทำเลขายได้ดี ถ้าตั้งอยู่ที่ที่ตั้งแถวนี้น่าจะขายได้แน่ ยกเว้นว่า มีเหตุที่ทำให้บ้านไม่น่าซื้อ ได้แก่ รัชโยธิน บางบัวทอง ปทุมวัน นวมินทร์ บางนาตราด พหลโยธิน ศรีนครินทร์ ลาดกระบัง ยานนาวา-สีลม คลองสาน  ป้อมพระจุล พหลโยธิน  วงแหวนรอบนอกเพชรเกษม พิบูลสงคราม สายใหม่ สุขุมวิท-พระราม 4

ส่วนทำเลที่ขายไม่ดีได้แก่  บางขัน-คลองหลวง ถ.รามา 2 กม. 1-10  ถ.บางนาตราด กม.10-30  มหาชัย-เศรษฐกิจ  บางนาตราด กม. มากกว่า 30 และ 10-30  ตลิ่งชัย บางนาตราด กม.>30 นิมิตใหม่ รังสิตคลอง 7-คลอง 16 บางบัวทอง ลาดหลุมแก้ว รามา 5 – บางกรวย

การก่อสร้างต้องมีระบบในการคุ้มครองคนซื้อ

ถ้ามีท่าทีว่าไม่ค่อยดี ให้เลิก

การสำรวจพบว่า บ้านราคาส่วนใหญ่ 3-5 ล้านบาท เป็นหลัก มี 111,000 หน่วย

บ้านราคา 5-10 ล้านบาท มี 105,000 ล้านหน่วย

 

ลำดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บริษัทมหาชน  10 อันดับแรก

          ได้แก่ พฤกษา เรียลเอสเตท  ,เอพี (ไทยแลนด์),  แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์  , อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ , ออริจิ้น พร้อมเพอร์, ศุภาลัย ,เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ,พร้อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค  แผ่นดินทอง พร๊อบเพอร์ตี้ ดีเวลล้อปเม้นท์ , เอเวอร์แลนด์

บริษัทที่ไปต่างจังหวัดมากที่สุดได้แก่    บริษัทแสนสิริ  แต่ขายไม่ค่อยดี เลยเลิก

 

Innovation แบบอย่างต่างประเทศ

ยกตัวอย่าง

1. ที่ตั้ง World Expo เซี่ยงไฮ้ ก็เป็นโรงงานเก่าอายุร่วมร้อยปี เทียบคลองเตย

2. สนามบินไคตัก (ในอดีต) ที่ฮ่องกง ขณะนี้แปลงเป็นเขตที่อยู่อาศัยราคาแพง สำนักงาน หน่วยราชการ โดยเว้นพื้นที่บางส่วนเป็นสวนสาธารณะ

3. KL Sentral ของกัวลาลัมเปอร์ก็พัฒนาเป็นศูนย์คมนาคมรวมทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า

4. พื้นที่รถไฟใจกลางมหานครของญี่ปุ่นที่เดี๋ยวนี้ลงใต้ดินไปแล้วกำลังจะพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ไม่มีใครเอาไปทำสวน

5. ท่าเรือเก่าใจกลางกรุงลอนดอน บริเวณ Canary Whraf เอามาทำศูนย์ธุรกิจ

6. กรุงลอนดอนในวันนี้ แสดงศูนย์การเงิน Lendenhall

 

นวัตกรรมการปรับปรุงชุมชนแออัด

          พ.ร.บ.การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2537

          มาตรา 6 ให้จัดตั้งการเคหะขึ้น เรียกว่า “การเคหะแห่งชาติ” เรียกโดยย่อว่า “กคช.” และให้เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

          1. จัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัย

          2. ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประชาชนผู้ประสงค์จะมีเคหะของตนเอง หรือแก่บุคคลผู้ประสงค์จะร่วมดำเนินกิจการกับ กคช. ในการจัดให้มีเคหะขึ้นเพื่อให้ประชาชนเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ

          3. ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารหรือจัดหาที่ดิน

          4. ปรับปรุง รื้อ หรือย้ายแหล่งเสื่อมโทรมเพื่อให้มีสภาพการอยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมดีขึ้น

          5. ประกอบกิจการอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว

 

ดร.จีระเดช ดิสกะประกาย

          บ้านเราเริ่มเอาคอนโดเก่า ๆ ไปซื้อแล้ว Renovate  เคยทำงานที่กระทรวงต่างประเทศที่นิวซีแลนด์ ได้เข้าไปดูในคอนโดเก่า  ๆ แล้วไป Design ใหม่ เป็นสังคมของผู้สูงอายุ คิดว่าในอนาคตไทยก็อาจจะเป็นแบบนั้น

 

การแสดงความคิดเห็น

1. หน่วยที่เยอะ จะมีตัวดัชนีชี้อะไรบ้างที่ดีขึ้น 

          ปีหนึ่งมี 109,000 หน่วย ถ้าเศรษฐกิจดีจะมีการดูดซับมากขึ้น ตลาดคล่องตัวมากขึ้น อีกเรื่องคือการบริหารทรัพย์สิน มีสมาคมบริหารทรัพย์สินประเทศไทยที่ดูแลตึกต่าง ๆ  รับจ้างบริหารเป็นหลัง ๆ ดูแลเป็นยูนิตเลย จะทำให้มีบริษัทลูกของการเคหะฯ แห่งชาติทำอะไรได้มากขึ้น

 

นายสิทธิชัย เนี๋ยมเจริญ

          ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ Thailand 4.0 ประเทศไทยกำลังปรับตัวเองไปด้านนวัตกรรม  สิ่งที่ดูคือ Envision for solution จะตรงมาที่หน่วยงานก่อนว่าทำอะไรกัน

Envision คือการ Imagine Something Possible

          SCG จึงเน้น Platform 4 อย่างคือ

          - Construction Platform

          - Elder Care Solution Platform

          - ECO Solution Platform

          - Smart Solution Platform

          ในปี พ.ศ. 2561 SCG เกิดมา 105 ปี เต็ม ผ่านวิกฤติมากมายอย่างในปี 1997 วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก จนต้อง Restructure  มีบริษัท 205 บริษัท หลังจากที่เรามีบริษัทมาก หลังจากนั้นเข้ามายุคที่เริ่มตั้งหลักได้ ปี 2004 คือยุคที่เริ่มเปลี่ยนแปลง เป็นยุคการทำ Innovation เพราะไม่เช่นนั้นธุรกิจไม่รอด และในวันนี้ปี ค.ศ. 2017 เรากำลังเจอวิกฤติตัวใหม่คือ

การ Disrupt ทาง Business สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การ Disrupt ในยุค Digital Transformation ยกตัวอย่างที่เมืองจีนไม่ใช้ Currency ปกติแล้ว เขาใช้มือถือยิง QR code อย่างเดียว

          ประเทศไทยตั้งหลักได้ กำลังก้าวสู่การใช้นวัตกรรม กำลังทำประเทศไทยให้เป็น 4.0

          New S-Curve การก่อสร้างบ้านคืออะไร 

          - การ Disrupt ทำให้ธุรกิจเกิดและตายได้ตลอดเวลา

 

นวัตกรรม คืออะไร

          Innovation ต่างกับ Invention

Invention คือการประดิษฐ์ สิ่งไหนที่เกิด Invention หมายถึงเกิดขึ้นครั้งแรกของโลก แต่ Invention ทั้ง 100 % ไม่เป็นนวัตกรรม

          ยกตัวอย่าง Micro shift สร้างเป็นครั้งโลก มีวงจรหลายร้อยพันวงจรที่เล็กมากอยู่ในนั้น  Microshift เป็นเรื่องของ Invention แต่ Smart Phone เป็นเรื่อง Innovation หมายถึงต่างกันที่ Impact

          หมายถึง Innovation จะไม่เกิดประโยชน์ถ้าไม่สร้าง Value สู่ Customer

          1. New to us สิ่งนั้นใหม่สำหรับเรา

          2. New to market ในตลาดยังไม่มีใครทำแต่เราไป Import มาขายได้

          3. New to the world ในโลกยังไม่มีใครทำ แล้วเราทำแล้วขายได้ สิ่งนี้ถือเป็นสุดยอดมาก

          โลกเสมือนจะเกิดขึ้นจริงในเร็วนี้

ความสัมพันธ์ระหว่าง Creativity , Invention and Innovation

          Invention ตัวไหนที่มีการกระแทกใจอย่างดีแล้วลูกค้าได้รับประสบการณ์แล้วชอบ สิ่งนั้นคือ Innovation

          ยกตัวอย่าง โทรทัศน์เจ้าแรกที่มีรีโมทคือ Toshiba ได้สร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจกับผู้บริโภค จนเป็นจุดริเริ่มของการผลิตรีโมทควบคู่กับโทรทัศน์ต่อมา

What SCG believe in Innovation

          แนวคิดของ SCG  คือ ถ้าไม่มี Innovation จะไม่สามารถสร้าง Sustain Growth

How to Build an Innovation Organization?

          - Vision

          - Innovation Culture

          - Innovation Process

          - Customer Centric

ใครเป็นคนมี Vision

          คือ Leader  มองปลายทางคือลูกค้า หมายถึงสิ่งที่ทำต้องขายได้ ต้อง Build Process  

โครงสร้าง SCG มียึดมั่นในอุดมการณ์ 4  SCG Innovation Organization สร้าง Innovation for life

1. Customer Centric

2. Visionary Leadership & People Competency

3. Inno- Culture Practice

4. New Idea System

Where a potential idea come from?

          1. Technology Scanning

          2. Competitor Landscape

          3. Mega Trend

          4. Customer Insight

มอง Mega Trend ว่าอะไรคือ Key Driver

          จะลงทุนตัวไหน รู้ก่อนได้เปรียบ 

1.STEEP  to Driver

2. S-Curve to Landscape

3. Technology Roadmap

 

Global Mega Trend

          ยกตัวอย่างเช่น ความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับบ้านมีเรื่องอะไรบ้าง สิ่งที่พบคือคนส่วนใหญ่เริ่มสนใจสิ่งที่เป็น Life Style ความเป็น Smart Goal มากขึ้น แต่ตัวเปลือกเริ่มสนใจลดลง

การคาดเดา   เราต้องรู้ว่าจะดูว่าอันไหนอยู่ตรงไหน

Create our Own strategic opportunity Areas (SOA)

1. Construction Platform

งาน Construction ต้องลด Skill Labor งานก่อสร้างกำลังจะเจ๊ง เพราะทุกอย่างว่าด้วย Standard อยู่ที่โรงงาน Platform จึงเป็นสิ่งสำคัญ

- More efficiency

- Reduce skill labor need

- Reduce waste

- Off-site Construction

2. ECO Solution Platform

มีเรื่อง Energy generation, Energy saving , Thermal Comfort, Air Quality

ยกตัวอย่าง- Renewable Energy

          - Solar Cells

          - Energy Efficiency / Saving

3. Elder Care Solution Platform

          สังคมประเทศไทย เริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว สิ่งที่คนสูงวัยต้องมีคือเรื่อง Safety ,Wellness, Convenience, และ Multi-Generation คือการ Mix กันระหว่าง Generation  ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

          ดังนั้นการ Design ในปัจจุบัน เริ่มคิดเรื่อง Universal Design แล้ว

4. Smart Solution Platform

          ประกอบด้วย Better living solution, One connectivity Platform, Reliability สิ่งที่พบโดยมากจะพบว่า Smart City นำร่องโดยภาคเอกชน

S-Curve of  Technology

          ในฐานะที่เป็นเจ้าของ Business จะลงทุนในธุรกิจตัวไหน  ในช่วงDilemma Zone  ถ้าเรารู้ก่อนจะปรับตัวได้  แต่รู้ที่หลังจะปรับตัวยากพอสมควร

ยกตัวอย่าง Toyota เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำ  Hybrid Engine ที่ออกมาตัวแรกคือ Prius ซึ่งต่อมาก็มี Honda ผลิตรถที่เป็น Sola Engine ขึ้นมาเป็นต้น  แสดงว่า Future is Now อย่าชะล่าใจเด็ดขาด

สำรวจ  Customer

          ใช้วิธี Design Thinking Process

          - อยากรู้อะไรถามลูกค้า และถามให้เป็น  เช่นถ้าจะติดรูปที่บ้านต้องการอะไร เช่น ต้องการตัวเจาะในการติดรูปที่แขวน  เราอาจเสนอสว่านเจาะ แต่ลูกค้าอาจไม่อยากได้ เช่นอยากได้ กาวสองหน้า เทปสองหน้า ดังนั้นสิ่งที่ต้องหาให้เจอคือ Customer Inside

          - ในทุกกระบวนการเราจะถามลูกค้าเสมอ ลูกค้าจะมีส่วนร่วมตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่หลงทาง

การพัฒนาสินค้าอย่างหนึ่ง

          เช่น Apple ทำ MPV เพื่อทดลองตลาด หมายถึงเราอย่าเสียเวลาในตอน Final Pro เพราะลูกค้าจะสามารถบอกตอน Early Stage ได้ว่าเอาหรือไม่

Open Innovation

- Connecting  the door คือการหา Collaboration จากคนที่เป็น Networking จากข้างนอก เป็น Open Innovation ที่ได้ Network ด้วย

 

ยกตัวอย่าง Sustainable Home  สิ่งที่ทำมาคือ The Next Eco-Sustainable Technology  for Home บ้านรังนก หมายถึงบ้านที่สามารถ Stand Alone ได้ เป็นบ้านที่ผลิตไฟได้เอง อยู่ที่ สวทช. รังสิต มีพื้นที่ 154 ตารางเมตร สิ่งที่คิดทำเรื่องนี้เพราะว่า  SCG ทำบ้านของจริง มีการบูรณาการเทคโนโลยีและดำเนินการไปถึงสุดของของเทคโนโลยีอย่างไร

          การก่อสร้างก็ใช้เทคโนโลยีใหม่  เริ่มมาจากการใช้บ้าน 100 ปี เพื่อเฉลิมฉลอง และคิดเป็น Business Model มีเทคโนโลยีใหม่ในบ้าน 80% เป็นส่วนที่คิดมาเอง จด IP Innovation

          ลูกค้าสนใจเรื่องการระบายอากาศ

          คนที่กล้าลองใช้เป็น Innovator เป็นคนแรก ที่จะผลักดันสู่การตลาด จะเป็นใคร แต่ที่ผ่านมาถ้าไม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้  Innovation ตรงนั้นจะตาย

          ระบบระบายอากาศ เป็น Flow House

          ตอนนี้กำลังจะสร้างสะพานข้าม ถ้าข้ามได้จะกลายเป็นช่วง Growth ของผลิตภัณฑ์

 

ดร.จีระเดช ดิสกะประกาย

Smart Home , Smart World , Start Up แต่เรายังไม่ Smart  Mindset เช่นการมีขยะจำนวนมาก

          สิ่งเหล่านี้เราทำด้วยความบันเทิง คือเมื่อเกิดปัญหาแล้วแก้แต่ตัวสุดท้ายคือจะทำอย่างไรให้มั่นคงและยั่งยืน

          การต่อยอดจากสิ่งที่รัฐบาลเสนอให้ ไม่ใช่รองบเท่านั้น ถ้าการเคหะฯ มี R&D ที่แข็งแรง สามารถดึง ความร่วมมือจาก SCG หรือ อ.โสภณ เข้ามา จะทำให้เราสามารถก้าวออกไปข้างนอก เสริมคุณภาพให้แข็งแรงขึ้น

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1. บ้านที่ทดลองเสร็จเมื่อไหร่ และประเมินผลอย่างไร

          ตอบ เสร็จปี ค.ศ. 2014 แล้วประเมินผลในปี 2014-2515 สิ่งที่โดนท้าคือการนำคนไปอยู่จริง 6 คนใน 3 Generation ใน 3 รอบ  ปัจจุบันบ้านตรงนี้เป็นเหมือน Show Case คือใครสนใจในเรื่องนี้ก็สามารถไปดูที่บ้านนี้ได้

2. ช่างที่ไปก่อสร้าง มีความรู้จากไหนถึงรู้วิธีการนี้

          ตอบ วิธีการก่อสร้าง คำถามนี้สำคัญมาก สินค้าที่คิดออกมาถ้าช่างไม่เอาก็จะจบ หมายถึง ต้องมีการติดตั้งง่าย  ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เพียงแค่ทาง SCG ทำตัวเป็นคนแนะนำก็สามารถทำได้  อุปกรณ์ส่วนใหญ่มาจากโรงงาน  ช่างจะประกอบ

3. วัสดุที่ใช้เป็นในประเทศหรือต่างประเทศ และราคาเป็นอย่างไร

          ตอบ วัสดุมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ในระบบบางอย่างที่เป็นเทคโนโลยีจากเมืองนอก

ราคาตัวบ้านสู้กับข้างนอกได้สบายมาก ส่วน System ระบบบ้านเรื่องราคาแพงมาก ขึ้นอยู่กับ Objective เพื่ออะไร เช่นต้องการเป็น Talk of the town หรือ Commercialize 

เรื่องระบบระบายอากาศแพงมาก

4. SCG จะถามลูกค้าเสมอ  เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก อยากรู้เทคนิคด้านนี้

          ตอบ การทำตาม Design Thinking Process คือ  Empathize, Define, Ideate ,Prototype, Test   เช่น เรื่องลูกค้ามีความต้องการจะแขวนรูป ก่อนอื่นต้องเข้าใจตัวลูกค้า  ก่อนว่าปัญหาของการแขวนรูปปัจจุบันที่ลูกค้าพบคืออะไร เช่น กาวแห้งช้า ตอกตะปูแตก สว่านราคาแพง การสัมภาษณ์ลูกค้าทักษะที่จำเป็นมากอย่างหนึ่งคือการฟัง สิ่งที่ต้องถามต่อก็คือถามไป แต่ไม่ใช่เสนอ Solution โดยไม่ได้เรียนรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร คือทำอุปกรณ์ที่เป็นตัวแขวนที่สามารถติดรูปได้เป็นต้น  หลังจากนั้นก็มาสร้าง idea  และทำ MPV  ให้ลูกค้าลองใช้ดู โดยสิ่งสำคัญต้อง Sell Fast , Sell Early และพึงระลึกเสมือว่าทุกสิ่งผิดได้ไม่ใช่ดันทุรังให้ถูก อย่าดองไว้ เรียนรู้อะไร มีบทเรียนอะไรผิดตรงไหนแก้ทันทีจะทำให้กระบวนการสะสมองค์ความรู้เกิดขึ้น

 

 

หัวข้อ การบริหารกลยุทธ์องค์กร (2)

โดย     ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ

          อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์  

ดำเนินการอภิปรายโดย  ดร.จีระเดช ดิสกะประกาย

วันที่ 14 มีนาคม 2561

 

กรณีศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย

ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ

          ปัจจุบันแผนกลยุทธ์จะเป็น 3 ปี เน้นเชิงคุณภาพมากขึ้น มีการประเมินผล ในช่วงหลังการทำแผนกลยุทธ์ มีบอร์ดในหลายภารกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี

          การเริ่มทำแผนกลยุทธ์ต้องดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

The World is changing

          - Fewer boundaries โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เรามีความสามารถแข่งขันอย่างไรก็ได้

- Free flow information การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภค เช่น Wallmart สามารถทราบได้ว่าใช้สบู่ขนาดไหนแล้ว จะซื้ออีกเมื่อไหร่ สังเกตได้จากการ Flow ข้อมูล

          - Rapid tech advancements, enablers and distractors เทคโนโลยีมีทั้งด้านบวกและด้านลบ เป็นหนึ่งในสมการการคิดแผนกลยุทธ์องค์กร

          - Smarter mobiles

          - Virtual Reality is reality จะเป็นลักษณะ Work from home มากขึ้น

          - More Connected

 

Navigating the next industrial revolution

          เปลี่ยนแปลงเร็วมาก สังเกตได้ว่าจะเห็นเครื่องมือใหม่ ๆ มี AI และมีระบบ Face recognition คือระบบจดจำภายหน้าเป็นระบบ Machine Learning และถึงขั้น Deep Learning สามารถสั่งการขับรถโดยพิมพ์ได้โดยไม่ต้องใช้มือพิมพ์

          เราอยู่ในยุคดิจิทัล ทุกสิ่งขับเคลื่อนเร็วมาก  เราสามารถใช้การผสมผสานของดิจิทัลเทคโนโลยี มีการแก้ระบบระเบียบเป็นมาตรฐานสากล

 

Technology is everywhere &

          ทุกอย่าง Customization เรื่องที่เกิดขึ้นเป็น มีเดียต่าง ๆ เป็นลักษณะ Streaming มีการupload ข้อมูลได้เร็วขึ้นจาก Big Data

          - Social ,Mobile ,Analytics & Cloud

          - Artificial Intelligence, Cognitive &Robotics

          - Big Data and Automation

The Quest for Customer Focus

ใครมีข้อมูลทางการตลาดจะวิเคราะห์ได้เร็วขึ้น โลกในปัจจุบันเป็นโลกของผู้ซื้อไม่ใช่ผู้ขาย ผู้ซื้อได้ประโยชน์เนื่องจากสามารถเทียบราคาได้ แต่ในวันนี้พลิกกับเป็นโลกของผู้ผลิต คือคนที่ขายของได้ต้องสร้างความรู้สึกในการที่คนต้องใช้สิ่งของนั้นเสมือนเป็นการบังคับให้ผู้ซื้อใช้ของที่เป็น Experience

ในองค์กรเอง ถ้าผลิตจนถึงการสร้างให้เกิดความเป็นส่วนหนึ่ง เหมือน Challenge มีความสุข ทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ คนได้เรียนรู้ทุกวัน

สรุปคือ Experience จะทำให้คนซื้อของ และอยู่ในองค์กร

VUCA

          โลกยุค VUCA คือ ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน ไม่ชัดเจน

          ในยุคนี้เป็นยุคของ disruptive

องค์กรและการเปลี่ยนแปลง

          1. องค์กรที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น – ยังมีการจ้างคนเหมือนเดิม และมีการรั่วไหล ยังไม่อยากเปลี่ยนแปลง ไม่ลงทุน

          2. องค์กรที่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงและรอจนกว่าจะกระทบตัวเอง

          3. องค์กรที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรู้ว่าทำอย่างไรแต่ไม่ลงมือทำ

          4. องค์กรที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง เป็นองค์กรที่จะอยู่รอดได้ในอนาคต ทุกสายงานบอกได้ว่าต้องการคนกี่คน ลักษณะแบบไหน

          ธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทันอาจเกิดปัญหาได้  เราต้องสร้างค่านิยมร่วม

          ยกตัวอย่าง Amazon เป็น Website อ่านหนังสือได้มา Disrupt Book Sell อีกทางหนึ่ง หรือ การออก Product ใหม่กลืนกินบริษัทเขาเอง

          ไม่มีองค์กรไหนที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ปรับเทคโนโลยี เพราะโลกเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ในอดีตจะเห็นว่าเราไม่สามารถป้องกันอะไรได้  ปัญหาคือ HR ไม่ได้มองการ Retain คนเป็นเรื่องใหญ่ เรามองดูว่าเราจะใช้ศักยภาพให้เต็มที่ได้อย่างไร แล้วต้อง Deliver ไห้ได้

อนาคตเป็นสิ่งที่ต้องดูในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน มีการกำหนดเรื่องโครงสร้างทางสังคมในการเลือกปฏิบัติ มีการปรับกฎระเบียบต่าง ๆ

Some Fundamental Questions ?

Key Questions in Strategic Management

             1. Where are we now?  

             2. Where do we want to go?

             3. How will we go there?

          เช่นบางคนมีที่จอดรถอยู่ที่บ้านอยู่ใน Prime Area จะทำให้รู้ที่มาที่ไปว่าอยู่ตรงไหน

ดังนั้นการสร้างอะไร เราต้องรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะไปที่ไหน ไปอย่างไร

          Where are we now?  - Strategic Analysisการทำ SWOT ,PEST,Five forces, 7S,etc.

          Where do we want to go? เราต้องตั้งวิสัยทัศน์ที่ท้าทาย มี SMART GOAL

          How will we go there? พูดถึงกลยุทธ์ที่จะไปจะทำอย่างไร

Factors Shaping the Choice of Strategy

          มีปัจจัย Internal Factors และ External Factors และมีการ Mix of considerations that determines a company’s strategic situation

ตัวอย่างของแบงค์ชาติ

          1.กำหนดวิสัยทัศน์ คิดแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี เน้นเรื่องการพัฒนา และสร้างความเข้มแข็งภายใน

          การอยากรู้ว่าองค์กรสำคัญเรื่องคนมากน้อยแค่ไหนจะดูที่มีเรื่องคนอยู่ในแผนยุทธศาสตร์หรือไม่

          ข้อมูลจากข้างนอกเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ

          2. การให้โจทย์คิดจากระดับล่างขึ้นข้างบน แล้วหัวหน้าส่วนกรอง ข้อดีคือการมีส่วนร่วม และสามารถเก็บประเด็นได้

          คำถามคือ

1. ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง

- การดูปัจจัยภายนอก และภายในเป็นอย่างไร มีข้อมูลที่เป็น Insight full สิ่งสำคัญคืออย่ามากแต่ให้เน้นประเด็นสำคัญ เน้น Priority จะพบว่า Fact Base ไม่เหมือนกัน

2. ทิศทางการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

3. ทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ วัดได้อย่างไร 

แต่ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย ต้องคุยในรายละเอียด

การปรับโครงสร้างองค์กรต่าง  ๆ ต้องมีการปรับมีการเอาระบบ Automation มาใช้ เช่น การบริหาร HR จะบริหาร Talent อย่างไร

- HR ต้องปรับตัวจาก Function เป็น Service

อย่างการเคหะฯ ต้องมีข้อมูลต่าง ๆ ในการวางแผนกลยุทธ์ มีการทำงานเลี้ยงคนอายุเยอะน้อยลง เป็นต้น

ทิศทางการเปลี่ยนแปลง อาทิ

  • ด้านสิ่งแวดล้อม โลกปัจจุบันมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมสูงมาก
  • เทคโนโลยี การปริ้นในระบบ 3D
  • คนทำงาน คนทำงานที่บ้านมากขึ้น
  • สถานที่ทำงาน เปลี่ยนเป็นนั่งตรงไหนก็ได้ และคนในทุกวันนี้ไม่ได้สนใจว่าบริษัทอยู่ที่ไหน

-  การทำงานเปลี่ยนไปรวดเร็วขึ้น ต้องทำตามใจผู้ซื้อ อยู่ใน Economy of Space ไม่ใช่ Economy of Scale

- วิถีชีวิตการทำงานเปลี่ยนไป ถ้าเราเข้าใจบริบทของแต่ละประเภท การผลิตของขายจะเข้าใจได้มากขึ้น ในอนาคตอะไรที่ดิจิทัลได้จะดิจิทัลได้ทั้งหมด อะไรที่ไม่ดิจิทัลจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ

- การทำงานในอนาคตรูปแบบเปลี่ยนไป

- Red Ocean / Blue Ocean Strategy   ตัวอย่าง Blue Ocean ของ Amazon มีการลงทะเบียนหนังสือที่หายาก การกำหนดแผนกลยุทธ์ขึ้นอยู่กับว่าเราจะ Cover Sector ไหน

- การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเช่นลูกบิดประตู สามารถสแกน QR Code และเปิดได้เลย มีการส่ง Password ให้โดยไม่ต้องให้กุญแจเขาเป็นต้น

- 4 System types in each home ได้แก่ Electricity, Climate, Security, Multi-Media

โดยสรุป โลกในวันนี้ ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นปลาเร็วกินปลาช้าและกินปลาใหญ่ด้วย

 

อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์  

การพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรสร้างสรรค์

1. COD – Creative Organization Development

2. Strength Based Organization

 

COD – Creative Organization Development

ยกตัวอย่าง

             ตัวอย่างบริษัทขายเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ลูกค้าคืนสินค้าเมื่อนำไปส่ง...

             จึงเกิดแนวคิดใหม่ ๆ ว่าทำอย่างไรที่ให้ลดการคืนสินค้าของลูกค้า อาทิ

             พบปัญหาเรื่องการยกเฟอร์นิเจอร์ไปวางลูกค้า แล้วลูกค้ารู้สึกไม่สวนเหมือนที่อยู่ในรูป ทำให้คืน จึงขอให้เจ้าของจัดหลักสูตรสอนตกแต่งภายในให้กับคนขับรถที่นำสินค้าไปส่ง เมื่อคราวหลัง คนขับรถนำสินค้าไปส่งที่บ้านลูกค้าได้เลือกวางในมุมที่เหมาะสม สวยงามทำให้ลดการคือของลูกค้า ได้ประเด็นอะไรจากแนวคิดนี้

การแสดงความเห็น

             1. การตอบโจทย์ลูกค้าได้ถูกต้อง และเพิ่มมูลค่าสินค้าบริการ

             2. คนขับรถมีคุณภาพสามารถวางในจุดที่ดีกว่า

             3. ความคิดสร้างสรรค์เกิดได้กับทุกคนในองค์กรไม่จำเป็นต้องเป็นแผนกบริหารหรือแผนกใด ๆ

             4. ไอเดียต่าง ๆ จะอยู่ที่ผู้ปฏิบัติจริง

             สรุปโดยอาจารย์ศรัณย์ แนวคิดด้านบนคือความรู้องค์รวม ส่วนข้างล่างเป็น Specific Knowledge แนวคิดสร้างสรรค์อยู่ตรงไหน

วิธีที่ 1 ผู้บริหารใช้ความรู้แบบ Aggregrate Knowledge และเฉพาะเจาะจง

วิธีที่ 2 เปิดโอกาสให้พนักงานคิดหาไอเดียใหม่ ๆ อาจได้ลด

             - ผู้ปฏิบัติเห็นปัญหามากกว่า

             - ผู้ปฏิบัติคิดมาแล้วว่าสิ่งนี้ทำได้

             การที่ไอเดียมาจากตัวเขาเอง เขาจะทำตามแนวคิดเขาเองเต็มที่ ถ้าเจออุปสรรค เขาจะทะลุทะลวงแบบไหนมากกว่ากัน หมายถึงคิดเองทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ดีกว่า

คำถามคือ COD ดีอย่างไร

ให้ผู้บริหารเลือกได้ 2 อย่างจากทั้งหมด 8 อย่าง จะเลือกอะไร

ตอบ        1. ทำงานง่ายขึ้น

             2. ประหยัดค่าใช้จ่าย

             3. ประหยัดเวลา

             4. ปรับปรุงบริการลูกค้า

             5. พนักงานมีส่วนร่วม

             6. ปรับปรุงพัฒนาองค์กร

             7. ปรับปรุงผลพัฒนาองค์กร

             8. เพิ่มประสิทธิภาพพนักงาน

             ผลจากการสำรวจพบว่าในห้องประชุมการเคหะฯเลือก พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น

หากไม่ COD คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ตอบ        1. เสียค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง

             2. ลูกค้าไม่พอใจ

             3. เสียลูกค้า

             4. พลาดโอกาสดี

             5. ผลการดำเนินงานองค์กรตกต่ำ

             6. พนักงานขาดความเคารพและเชื่อมั่นในตัวผู้บริหาร

             7. พนักงานไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพราะไม่มีส่วนร่วม

             ผลจากการสำรวจพบว่าในห้องประชุมการเคหะฯเลือก พนักงานไม่ทุ่มเทเพราะไม่มีส่วนร่วม

ผลดีของการทำ COD (เลือก 2 ข้อ จาก 9ข้อ )

ตอบ        1. หัวหน้ามีความเคารพพนักงานอย่างจริงใจ

             2. พนักงานช่วยให้ผลงานดีขึ้น

             3. พนักงานได้รับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น

             4. เกิดไอเดียต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

             5. สร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ

             6. พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น

             7. พนักงานใส่ใจมากขึ้น

             8. พนักงานรู้สึกมีคุณค่าต่อองค์กร

 

ตัวอย่างที่ 2   มีบ้านพักคนชรา มีบริเวณที่มีอันตราย บอกว่าอย่าเดินไปในบริเวณนั้นอันตราย แต่พบว่าคนชราเหล่านั้นก็เดินไป ผู้บริหารเลยให้พนักงานหาไอเดียใหม่ ๆ ไม่ให้คนชราไม่เดินในที่อันตราย

คำตอบ เขียนป้ายบอก ทำเซ็นเซอร์ ทำแถบสี

             มีพนักงานคนหนึ่งสังเกตว่าคนชราไม่เดินไปในบริเวณพื้นสีดำ จึงเปลี่ยนกระเบื้องยางในพื้นที่อันตรายเป็นสีดำและเฝ้าสังเกต ผู้ชราเจอสีดำก็เดินเลี่ยงหลบมา ปรากฏว่าไอเดียนี้ใช้ได้ เป็นตัวอย่างหนึ่งของการสร้างสรรค์ ไอเดียมาจากทุกคนในองค์กร

คำถามคือ เป็นจริงได้หรือไม่ที่ให้พนักงานคิดไอเดียมาก ๆ

ตอบ ตัวอย่างบริษัทใน U.S.พนักงานมีไอเดีย 104 ไอเดียต่อคนต่อปี โดยเฉลี่ย 1 คน 3 ไอเดียต่อวัน ทำให้ยอดขายสูงกว่าพนักงาน 7 เท่า ส่งผลให้ต้นทุนต่ำกว่าที่อื่นในโลก แสดงถึงความเป็นจริงที่สามารถทำได้ และส่งผลต่อการพัฒนาองค์กร

หลักความคิดสร้างสรรค์ 4 M

             1. Mindset – ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ

             2. Mood – อารมณ์ ความรู้สึกที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์

             3. Mechanic – ขั้นตอนการคิด

             4. Momentum – ทำอย่างไรให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยั่งยืนไม่เป็นไฟไหม้ฟาง

             สิ่งที่ทำคือให้พนักงานทุกระดับมี Creative Process ,Creative Leadership, Creative Thinking เพื่อจูงใจให้พนักงานคิดไอเดียใหม่ ๆ  ให้สอดรับกับความคิดสร้างสรรค์ในองค์กร  และจะพบว่าเมื่อเชื่อม Creative จะมี 4 M คือมี Content ทั้งหมดที่คิดคือ 12 Module คือ Creative Thinking

Mindsetที่ 1   รู้หรือไม่ว่า 86% ของคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานขึ้นกับ 2 อย่างคืออะไรกับอะไร คำตอบคือ มนุษย์สัมพันธ์  และความคิดสร้างสรรค์

             ทำไมทั้ง 2 อย่างนี้จึงทำให้ 2 คนประสบความสำเร็จในการทำงาน

             ความคิดสร้างสรรค์คือการคิดต่างจากเดิม เพราะคิดเหมือนเดิม ทำแบบเดิม ย่ำอยู่ที่เดิม ความคิดสร้างสรรค์คือการพัฒนาและปรับปรุงจึงทำให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน แต่ถ้าขาดมนุษย์สัมพันธ์จะไม่สามารถเอาไอเดียไปปฏิบัติและได้รับความร่วมมือ การมีมนุษย์สัมพันธ์จะช่วยให้เกิดความร่วมมือ สามารถนำไปสู่ Innovation คือการนำความคิดสร้างสรรค์ไปปฏิบัติแล้วเกิดคุณค่าเพิ่มกับคนในองค์กร สังคม ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์กับตัวเองด้วย

Mindset ที่ 2   ความคิดสร้างสรรค์และความฉลาด IQ นั้นสัมพันธ์กันหรือไม่

คำตอบคือ เป็นอิสระต่อกัน

Mindset ที่ 3 บรรยากาศในองค์กรเอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์

คำตอบ ถ้าเปรียบเทียบองค์กรเหมือนร่างกาย จะทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ อาทิ  Open Disruptive

             - Divergent Thinking  คือการคิดเยอะ ๆ คิดไม่ยั้ง

             - Convergent Thinking คือการกรองสิ่งไม่ดีออกไป

             Idea Finding อาจเป็น Idea ที่ใช้ไม่ได้แต่สามารถปรับให้เป็น Solution

การคิดสร้างสรรค์

             มีกรอบอยู่ 3 กรอบ มีกรอบของความคิด กรอบองค์กร และกรอบสังคม

             1. ครึ่งแรกของการคิดสร้างสรรค์ต้องคิดนอกกรอบ 3 กรอบนี้ แต่ยังเอาไปใช้ไม่ได้ เป็นช่วงที่เป็นไอเดียดิบ ๆ ที่ยังไม่ได้กรอง

             2. ครึ่งหลัง การบ่มความคิดดิบ ๆ ให้เข้ามาในกรอบขององค์กรและสังคม ให้เข้ามาอยู่ระหว่างกรอบความคิดเดิมของเรา เป็นการคิดคร่อมกรอบ

 

Strength Based Organization

             องค์กรทั่วไปจัดวางพนักงานองค์กรอย่างไร สิ่งที่ทำอย่างนี้ทำให้พนักงานไม่ใช้ความสามารถเต็มร้อย อาจทำให้ไม่สำเร็จหรือใช้ทรัพยากรไม่เต็มที่  เพราะสิ่งที่ขาดหายไปคือพรสวรรค์และ Talent ถ้าเอา Talent มาพิจารณาด้วยจะเกิดจุดแข็งที่แท้จริง

             Talent = Skill + Knowledge

ดังนั้นการ Recruit คนต้องดู Talent + Skill + Knowledge

             จากการสำรวจพบว่า Talent ทุกคนมีพรสวรรค์ของตัวเอง ที่พบคือ 34 Talent ที่ทำให้เกิดรูปแบบความคิดพฤติกรรม ที่ทำซ้ำ ๆ ให้เกิดการทำงานได้ การมี Talent จะทำให้เกิด High Performance มีทั้งหมด 34 Theme แบ่งเป็น 4 กลุ่ม มีการประเมินแบบ Strength Finder

             เราสามารถรู้ได้ว่าเรามีพรสวรรค์แบบใด พนักงานมีพรสวรรค์แบบใด

             ท้ายที่สุด ไม่ว่าเราอยากให้องค์กรเป็นแบบใดก็แล้วแต่ต้องมีการออกแบบด้วย

แนวคิดของ Design Thinking คือ Creative ที่มีหัวและมีหาง

             Design Thinkingหมายถึง Creative ที่มีการลงมือทำ

             1. โมเดลคิดในใจคือ What is?  What if?  What wow?  What work?

             2. โมเดลของ Stanford d.School

             - ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเชิงลึก รับรู้ความรู้สึก ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ

             - ออกแบบ Design

             - หาไอเดียใหม่

             - ทำ Prototype ต้นแบบ

             - Test

             3. โมเดลจาก Designer คือ

             - Be Construction แยกร่าง

             - Point of view

             - รวมร่าง

             - Expression

             4. โมเดล Leadership

 

สรุปคือ องค์กร COD และ Strength Based Organization น่าจะมีการประยุกต์เอา Design Organization ในการออกแบบองค์กร

 

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1. สิ่งที่นำเสนอนี้ดูง่าย ๆ คล่องแคล่วแล้วทำให้อาจารย์มีความสุขได้ ถ้าให้การเคหะฯ นำไปใช้ กระบวนการที่อาจารย์ให้ ทาง HR จะนำมาประยุกต์อย่างไร

             ตอบ คือต้องบนลงล่าง และล่างขึ้นบน คือผู้บริหารระดับสูงเห็นว่าอยากเป็นองค์กรสร้างสรรค์จริงหรือไม่ เอาจริงไหม และดูที่กระบวนการว่ามีอะไรเป็นอุปสรรค จะเสริมหรือเพิ่มอะไร เช่น 1.เพิ่ม KPI วัดปริมาณความคิดใหม่ของพนักงานแต่ละคน เพราะเรื่องความคิดสร้างสรรค์อย่าโฟกัสที่คุณภาพให้โฟกัสที่ปริมาณ   2. Push กับ Pull Idea ในการผลักดันความคิดและสร้างการไหลเวียนความคิดใหม่ทุกองค์กร 3. พัฒนา Creative Leadership เริ่มจากหัวหน้า และพนักงาน และกดปุ่มเริ่ม Start ในการเริ่มคิดไอเดียใหม่ ๆ

             เริ่มจากข้างบน ลงกลาง ลงล่าง แล้วกดไฟเขียวเริ่มจากข้างล่างขึ้นข้างบนอุ้มชู

 

ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ

การสร้าง Innovation ในองค์กรมี Case ที่ใช้กันและประสบความสำเร็จ

1. Empower  ตัวอย่าง Honda Robotic ต้องพัฒนาหุ่นยนต์ วิธีการคือ Empower มอบหมายความอิสระให้กับทีมงาน ซึ่งไม่อยู่ในกฎระเบียบองค์กร และสามารถเลือกวิธีการที่ดีที่สุด 

2. IKEA เป็นบริษัทที่ขายของพื้น ๆ ที่สามารถสร้างนวัตกรรมได้ หมายถึงทุกอย่างต้องน้อยชิ้นเข้าไว้ ทำอย่างไรให้ของมี Innovation ใช้วิธีการคือ ไม่มี Hierarchy หัวหน้าและลูกน้องไม่มีระดับ มีความอิสระ ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ได้

             Innovation มีทั้งแบบ Open – Closed Innovation มีตั้งแต่ Platform ที่อยากได้ idea ก็เสนอไปใน Website ที่ทำอะไรต่าง ๆ ได้

             Empowerment การให้ Resource เต็มที่

3. บริษัทที่ดัง ๆคือ Dupont ทำเป็น Process อย่าง Post-it ถูกคิดโดยคนที่ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเรื่องนั้น โดย Culture คือใครคิดอะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ ภายใต้ No Blame Culture หมายถึงคิดอะไรก็ตามที่นอกกรอบ จะเข้าสู่กระบวนการ Pier System / Pier Review และถ้าไปไม่ได้ก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากทุกคนมีส่วนร่วมแล้ว

             การมี Innovation ได้ นอกจากเปิดแล้ว Knowledge จะ Flow ในการให้คนมาใช้เป็น Data Based  ช่วยให้การดำเนินการต่อยอดได้โดยไม่เริ่มจากศูนย์ใหม่

             ยกตัวอย่างที่ อย่างแบงค์ชาติจะแก้ปัญหาต้องมีการ Turn Point ต่าง ๆ เป็นแนวทางในการแก้ปัญหา เป็นระบบ วิธีการที่ไม่ใช่แค่ COP หรือ Brain Storming แต่มีวิธีการใหม่ ๆ ที่นำไปสู่สิ่งที่มองไม่ถึง

 

การร่วมแสดงความคิดเห็น

1. การ Rotate คน และปรับ HR ให้มีความยืดหยุ่น

             ดร.ณัฐวุฒิ ตอบ ตัวอย่างมีปัญหาเรื่อง Silo การเลื่อนไปตำแหน่งสูงจะเป็นทักษะการบริหารมากกว่าเทคนิค 1.ต้องแก้โจทย์ตั้งแต่ตอนต้น ต้องให้รู้มากกว่าเรื่องเดียว ต้องมี External Move เพื่อให้ได้เห็นในสิ่งที่แตกต่าง เป็นการเรียนรู้นอกกรอบ 2. พัฒนาระบบขึ้นมาคือ หัวหน้าไม่ยอมให้คนเก่งไป และไม่ยอมรับคนอื่น จะเป็นการเลี้ยงไว้โดยไม่โต แล้วมีปัญหาที่หมุนไปแล้วหมุนกลับได้หรือไม่อาจไม่ได้รับการโปรโมทต่อ อย่างหนึ่งต้องถามความต้องการจากพนักงานด้วยว่าต้องการอะไร อย่างแบงค์ชาติมีการทำ Web Base  เปิดว่าใครสนใจจะไปไหน ในทุกเดือนแต่ละสายงานจะดูว่าใครสนใจมาดูบ้าง ให้เวลา 3 เดือนในการส่งต่อและเปลี่ยนผ่าน มีการกำหนดว่าจากนี้ไปสองปี ถ้าจะเลื่อน 1 ขั้นต้องผ่านมา 2 หน่วยงานเป็นการประกอบในเรื่องอื่น  เช่นการอยู่ที่อื่นก่อนแบงค์ชาติก็นับได้ 1 Mobility เป็นต้น ดังนั้นเรื่อง Mobility สามารถช่วยแก้ปัญหาได้มาก แต่ปัญหาบางอย่างก็เกิดปัญหาคนออกไม่มีใครเข้า  เลยแก้ปัญหาให้รับคนใหม่ได้ โดยไม่รอคนออกเพื่อเรียนรู้ได้ทันในการส่งต่อ

             ดร.จีระเดช มีมุมที่ว่าเด็กมีการแยกสังคมโดยปริยาย ต้องคอยแนะนำไม่ใช่ไปสั่งเขา ถ้าเป็นผู้ใหญ่สั่งเด็ก องค์กรไหนก็ไปไม่รอด


แนะนำการนำเสนอโครงการฯ

โดย อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

1) การนำเสนอโครงการ
      โครงการ คือเอกสารหรืองานเขียนที่เรียบเรียงขึ้น        1.1 เพื่อแสดงแผนปฏิบัติงานที่กำหนดขึ้นอย่างเป็นระบบ        1.2 เพื่อการนำไปปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
2) ความสำคัญของโครงการ
      "โครงการ" มีความสำคัญต่อการวางแผนและการดำเนินงาน ดังนี้       2.1 ช่วยให้การดำเนินงาน"สอดคล้อง"กับนโยบาย หรือความต้องการของหน่วยงาน       2.2 เพื่อทำให้การดำเนินงาน "มีทิศทางที่ชัดเจน"

3) ลักษณะของโครงการที่ดี      3.1 โครงการกำหนดขึ้นจากข้อมูลจริงที่ได้ศึกษาวิเคระห์แล้ว     3.2 มองเห็นและวิเคราะห์ "ปัญหา" หรือ"โอกาส" ได้อย่างชัดเจน
    3.3 มีรายละเอียดของวัตถุประสงค์ และเป้าหมายต่างๆอย่างชัดเจน มีความเป็นไปได้ และสามารถดำเนินงานได้จริง     3.4 รายละเอียดของโครงการต่อเนื่อง สอดคล้อ3.9 และสัมพันธ์กัน
    3.5 สามารถตอบสนองความต้องการของหน่วยงาน องค์กร กลุ่มคน(ชุมชน) สังคม และประเทศชาติได้
    3.6 เมื่อนำไปปฏิบัติ สามารถ"สร้างประโยชน์สุข" และ "สอดคล้องกับแผนงานหลัก"ขององค์กร     3.7 เมื่อนำเสนอ สามารถสร้างการยอมรับ และสนับสนุนจากผู้บริหารทุกๆด้าน บุคลากรในหน่วยงาน เพื่อการสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น     3.8 มีระยะเวลาการดำเนินงานที่แน่นอน โดยระบุวันเริ่มต้น และวันสิ้นสุดโครงการ
    3.9 สามารถติดตามและประเมินผลได้

4) วิธีเขียนโครงการ ☆☆☆☆☆
(4.1) ชื่อโครงการ       ที่สื่อถึงใจความหลักของโครงการ ที่ชัดเจน ตรงประเด็น ไม่กว้างเกินไป
   
(4.2) ชื่อผู้เสนอโครงการ หรือผู้รับผิดชอบโครงการ
   
(4.3) ความเป็นมา และความสำคัญของโครงการ หรือ "หลักการและเหตุผล"
    -  เพื่ออธิบายความเป็นมา ภูมิหลัง และแนวคิดของโครงการ ความสำคัญของโครงการ และรายละเอียดอื่นๆ
   
(4.4) วัตถุประสงค์    - เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์โครงการ ถือเป็นการกำหนดทิศทางของการดำเนินงาน และแนวทางปฏิบัติ    
(4.5) ผู้เข้าร่วมโครงการ/หน่วยงานที่จะบูรณาการร่วมกัน   (4.6) ระยะเวลาการดำเนินงาน    
(4.7) สถานที่ดำเนินโครงการ ควรระบุให้ชัดเจน ถ้าเป็นสถานที่เกี่ยวโยงกัน อาจเขียนเป็นแผนภูมิ เพื่อความเข้าใจง่ายๆ
   
(4.8) วิธีการดำเนินงาน โดยปกติจะมี 3 ขั้นตอน      8.1 ขั้นเตรียมงาน เช่นการประชุมคณะกรรมการ/คณะทำงาน (เพื่อการนำเสนอขออนุมัติ)
     8.2 ขั้นดำเนินงาน เช่นการประสานติดต่อหน่วยงาน และบุคคลากรที่จะเข้าร่วม (ถ้าระบุผู้ที่จะช่วยประสานให้เกิดความสำเร็จจะดีมาก) การจัดสถานที่ การจัดเตรียมงานฯลฯ     8.3 ขั้นตอนการสรุป และประมวลผล
(4.9) การประเมินผลโครงการ      เป็นการประเมินผลโครงการ เป็นการระบุวิธีประเมินผลโครงการ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์

สรุปการบรรยาย

โครงการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาผู้บริหารระดับสูง” ประจำปี 2561 หลักสูตร Classroom

หัวข้อ วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะฯ

โดย     ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

          ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

ดำเนินการอภิปรายโดย  ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

วันที่ 15 มีนาคม 2561

 

ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

          เราจะจัดการการท้าทายอย่างไร เราจะเปลี่ยนเป็น Opportunity ได้อย่างไร สิ่งสำคัญในวันนี้คือเราต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานของเรา เราต้อง Turn Challenge into Action และ Turn Action into Success

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

วันนี้อยากให้คิดแบบคนนอกมองมาที่การเคหะฯ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนโลกทัศน์หรือจุดยืนของว่าที่ผู้นำแบบนักการตลาดที่เรียกว่า Demand Focus

        เดิมสิ่งแรกที่จะเกิดคือ ผู้นำหรือผู้ตามในอดีต เวลาเราจะทำธุรกิจอะไรเราจะเริ่มจากฉันทำอะไรเก่ง แต่เราไม่ได้ถามว่าทำไมคนมาร้านเรา

        ประเทศไทย การเคหะฯ ต้องดูนโยบายระดับชาติแบบราชการ  ต่างกันมากก็ไม่เยอะ  เรามี Mindset ว่าเราสามารถทำได้ก่อนโดยไม่มีคู่แข่ง

        ยกตัวอย่างสิงคโปร์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ที่แยกมาเพราะนายกฯ มาเลเซียคนแรกกลัว คู่แข่งชื่อ ลี กวน ยู เชื้อสายจีน เนื่องจากคิดว่าถ้าขึ้นเป็นนายกฯ มาเลเซียจะกลายเป็นจีน จึงยกมาเกาะนึงไปตั้งประเทศ พร้อมให้เลือกทีมเอง โดยมีเงื่อนไขว่าให้เวลา 3 ปี ถ้าอยากกลับมารวมกับมาเลเซียก็ห้ามเล่นการเมือง ให้ไปเป็นประธานเอกชนได้ แต่ถ้าไปดีก็ยกสิงคโปร์ให้ไปบริหารประเทศนี้เลย

50 ปีผ่านไปลีกวนยู บันทึกไว้ในหนังสือ   How to built the nation (from third world to first world)  เอาเงินที่ตวนกูให้มาตั้งประเทศ มาสร้างการเคหะฯ เพื่อสร้างให้คนมีความรู้สึกรักชาติ รักบ้านตัวเอง โดยมีนโยบายแห่งชาติว่าให้คนสิงคโปร์มีบ้านของตนเอง นี้คือตัวอย่างรัฐบาลที่มีกลยุทธ์ด้านเคหะฯ ผ่านลงมาที่รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ BOD กับ CEO ครึ่งหนึ่งคานอำนาจกัน และอีกครึ่งหนึ่งเสริมกัน

ส่วนที่จะเสริมกัน คือ ทำอย่างไรจะให้ทีมของผู้ว่าฯ มีความสำเร็จ รับผิดชอบร่วม องค์กรจึงจะไปได้

ดังนั้นองค์กรที่ดีต้องมี 2 แรง BOD กับ CEO เพื่อการ Balanced กันให้เกิดความสมดุล และทำอย่างไร บอร์ดกับผู้ว่าฯ ถึงเสริมกันได้ ถ้าบอร์ดกับผู้ว่าฯ เลือกทางเดียวกันคือไม่คานอำนาจ ไม่เสริมแรง ทำอะไรก็ไม่เจริญ

การเคหะฯ จะอยู่ในสถานะลูกคนกลางในหมู่รัฐวิสาหกิจ จะมีความรู้สึกคือสมดุลแต่ไม่เสริมแรง

ก. การทำ SWOT (เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์)

อนาคตคือถ้าไม่ทำก็ไม่มียุทธศาสตร์

งบประมาณที่รัฐให้ได้คืองบเงินเดือนกับงบซ่อมแซมได้แค่นั้น  ไม่มีงบพัฒนา

SW = พลังภายใน เป็นพลังความแข็ง (Strength) และอ่อนข้างใน (Weakness)

OT = พลังภายนอก  คือโอกาส (Opportunities) และการคุกคาม (Threats)

2. PEST คือพลังจากสิ่งแวดล้อมสากลภายนอก (สิ่งแวดล้อมภายนอกที่ใหญ่กว่ารัฐบาล)

P = Politic   E = Economic   S = Social T=Technology

ตัวอย่าง P คือ อำนาจรัฐฯ

ตัวอย่าง E คือ เศรษฐกิจ การเงินภายนอกเช่นเงินยูเอสดอลล่าร์อยู่นอกประเทศ หลาย% มี Petro dollar , Euro Dollar, และ Grey Dollar พอมี FinTech รูปแบบธุรกิจธนาคารในปัจจุบันเปลี่ยนไปเลย

ตัวอย่าง S คือ ธุรกิจปัจจุบันการทำอะไรก็ต้องเกรงใจชาวบ้าน  เพราะเราสามารถดึง Social มาเป็นพวกด้วยได้ เช่นการมีส่วนร่วม การมีจิตอาสา

อย่าลืมสังคมปัจจุบันมี Social Media ที่แรงไม่น้อยกว่าสื่อหลัก

        ตัวอย่าง T คือ เทคโนโลยี

        ในยุคนี้เลือกแทบไม่ได้ ทำให้เกิดช่องว่างคือคนรู้และไม่รู้จะเสียเปรียบ มือถือกลายเป็น Black Box = ใช้ได้มากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น ทำธุรกรรมการเงิน

        ตัวอย่าง E คือสิ่งแวดล้อม

        สรุปคือ เดิมเรารู้เรา แต่ปัจจุบันเราต้องรู้เขาเป็นพลัง สิ่งแวดล้อมดังกล่าวใหญ่กว่าเก่า ทำให้ประเทศไทยเสียดุลหรือได้ดุลการ EXIM หลายอย่าง

        การเคหะฯ ต้องมีความคิดแยบคายไม่ใช่เอาทุกเรื่องไปสู้กับคู่แข่ง ต้องดู PEST+E ก่อน

ข. Mega Trends

        แนวโน้มระดับโลกมีหลายอย่างที่เกี่ยวกับ กคช.

        1. Aging Society สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น

        2. Urbanization การเป็นสังคมเมือง

        3.  Disruptive Technology เทคโนโลยีที่ไม่อาศัยความคิดเก่า เช่น Prefab ตัวบ้านสำเร็จรูป ระยะแรกแพงกว่าบ้านปกติ 20%  แต่ถ้าปริมาณสินค้ามากพออาจได้บ้านทั้งราคาถูกและคุณภาพดี

        การเคหะฯ จะลุยหรือจะหนีถ้าต้องไปด้วยกัน ทั้ง Cost และ Quality ?

        ที่คนของการเคหะฯ ต้องรู้เขา Demand ของ Environment เพราะปัจจุบันเปลี่ยนเร็วและทำนายไม่ได้ การเคหะฯ ต้องเปลี่ยน  Corporate Culture เป็น Learning Organization เป็นการทำ PDCA อย่างกว้างขวางทุกงาน ทำ KM เปลี่ยน ความรู้ฝังใน Tacit Knowledge เป็นความรู้แบ่งปัน Explicit Knowledge การนำความรู้ฝังในตนรับมาถ่ายทอดแบ่งปันเป็นความรู้ขององค์กร ประเทศญี่ปุ่นทำแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่ในโรงเรียน 

ทำไมต้องปฏิวัติวิธีคิดการเคหะฯ

        เพราะการเคหะฯ มีทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับประสาบการณ์ด้านการเคหะฯ แต่ฝังในตน และควรมีระยะเวลาที่คุยกันบนโต๊ะกันเองบ่อยครั้ง (Appreciative Inquiry) แล้วการเคหะฯ จะเปลี่ยนโฉมเป็นองค์กรที่พึ่งได้ของรัฐบาลมากขึ้น และจะทำให้การเคหะฯ มีอำนาจในการพัฒนา และอำนาจในการต่อรองกับทุก Boundary และ Platform

        

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ต้องปรับวิธีการทำงาน และการรวมตัวกันต้อง Overcome Difficulty ต้องสร้าง Process การเรียนรู้ จุดเล็ก ๆ จะทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการเอาชนะอุปสรรค

 

ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

          ค่านิยมองค์กรการเคหะฯ น่าประทับใจมาก Social and Responsibility

เราต้องอยู่ให้ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน

          Urbanization กับ Downtown  สิ่งที่บอกคือการเคหะฯ เป็นที่พึ่งของพนักงาน และคนระดับล่างที่เงินเดือนน้อย หมายถึง การเคหะฯมีหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องดูด้านนี้

 

1. ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีผลต่อโลกอนาคต

          สิ่งที่คำนึงถึงคือ โลกเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่ควรดูได้แก่   Science ,Technology, Engineer, Mathematic แล้วจะเปลี่ยนตามโลกหรือไม่

          ยกตัวอย่าง คนญี่ปุ่นทุกคนมี Logic มาก  หมายถึงต้องมีวิธีการที่หลากหลาย

          คนที่เลียนแบบเก่งจะมี Logic มาก

 

ความท้าทายเชิงธุรกิจและกลยุทธ์การแข่งขัน

1. ความท้าทายเชิงธุรกิจ

1. ภาพประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย มาเลเซีย  สิ่งที่เห็นในภาพคือ ถ้าเมืองเจริญ  ตรงไหนคือเมืองจริงที่เป็น Center เมืองเจริญ มี Mass Transportation ดี แล้วคนจะซื้อรถอะไร ยกตัวอย่างญี่ปุ่นลงทุนทั่วโลก  เราจะทำอย่างไรกันดี

ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่นมีแบรนด์ มอเตอร์ไซด์ รถยนต์  ความท้าทายคือ ญี่ปุ่นจับมือร่วมกันแล้วไปแข่งกับยุโรป

ในฟิลิปปินส์ มีคนที่จนกว่าเราเยอะมาก ปัจจุบันคนฟิลิปปินส์พูดภาษาอังกฤษดีกว่าไทยมาก

ประเทศไทยดีกว่ายุโรปเยอะมาก เงินไปไหน เราเหลือหน้าที่ทำงาน

ความท้าทายที่เกิดในภาคอุตสาหกรรม อยากเห็นการมีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง

2. โลกเปลี่ยน เราต้องการทำให้เป็น Smart Mobility

          ยกตัวอย่าง Social Enterprise ทำอย่างไรให้เกิด การสร้าง Social Network มี Cloud  สิ่งที่พบคือระบบ ดิจิทัลที่เปลี่ยน และ Big Data 

          ระบบดิจิทัลที่เอา Big Data มาประมวลผลทั้งหมด เป็น Drone

          ยกตัวอย่าง Amazon.co ใช้โทรศัพท์อันเดียวเชื่อมโยง Digital ,Fintec, QR Code ทั้งหมดเลย

3. ค่านิยมผู้บริโภคมีความหลากหลายมากขึ้น

- ชีวิตผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเยอะมาก

          - เด็กรุ่นใหม่ พ่อแม่ดูแลอย่างดี  คนแต่ละระดับเป็นอย่างไร สังคมก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุในเมืองใหญ่

          - Smart Mobility จะเดินอย่างไร การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุจะทำอย่างไร อย่างการสร้างอุปกรณ์ นวัตกรรมตัวใหม่ให้ผู้สูงอายุมากขึ้น เราจะทำอย่างไรในฐานะที่เป็นผู้บริหาร

4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านอุตสาหกรรมจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี

5. ปัญหาทางสังคมที่มีความรุนแรงมากขึ้น

          - Environment & Technology

          - Energy

          - Robotics ยกตัวอย่างในเยอรมัน BMW เป็นเครื่องจักรหมดเลย

          - Human เราต้อง Control Robots  ต้องเป็น Human & Machine

ความคาดหวัง

          เช่นด้าน Smart Power เป็นสิ่งที่ไทยอยากได้มากในอนาคต ถ้าเป็นผู้บริหารในอนาคตจะคิดอย่างไร 

          ความท้าทายเชิงธุรกิจ มีการแข่งขันในเชิงธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมยานยนต์ มีการเปลี่ยนแปลงมากในอนาคต  อาจจะลองไปศึกษา Electrical ในยุโรป ในสหรัฐฯ

2. กลยุทธ์การแข่งขัน

กลยุทธ์การแข่งขัน ในเวียดนามในด้านที่อยู่อาศัยมีเพิ่มขึ้นมาก สร้างความเหมือนให้เหมือนกันหมดในอาเซียน เช่น ใบขับขี่ และการขับรถ ที่ขับในด้านเดียวกัน

เราต้องมีการทำความร่วมมือ Networking  มีการทำกระบวนการทั้งระบบ เพื่อมีการแข่งขันในธุรกิจได้

ต้องมีการเก็บข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์ และมาปรับใช้ในงานที่ทำอยู่ ต้องมีการวิเคราะห์คนก็เป็นส่วนสำคัญในการปรับระบบ

- Action Learning

- Learning by doing

ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่นต้องการเข้า UN มีการ Search  แนวทาง พบว่าจะมีเรื่อง Safety and Environment ต้องมีเรื่อง Regulation สถานประกอบการในต่างประเทศ พยายามผลักดันกำหนดให้เป็น Regulator เพื่อเข้าไปสู่การกำหนดกฎหมาย เพื่อนำไปใช้ในการบริหารธุรกิจ

3. มาตรการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ในปี พ.ศ. 2565 มีแนวทางว่า การเคหะฯ จะต้อง

นอกจากคุณภาพราคาต้องทำเพื่อสังคมด้วย  การเคหะฯ ต้องบอก Brand Image จากการเคหะฯ ให้ได้ คือการสร้างความตระหนักให้เกิดกับบุคลากรในองค์กรของท่าน

          สิ่งที่อยากฝากคือ เราไม่สามารถหยุดนิ่งได้  เพราะเราจะไม่สามารถเดินได้

          ในฐานะที่เป็นผู้บริหารจะมีแนวทางการปรับตัวอย่างไรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และจะต่อยอดความสำเร็จขององค์กรในอนาคตได้อย่างไร

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ในมหาวิทยาลัย เราต้อง Transform จาก Quantity เป็น Quality เวลาเราทำอะไรเราต้องมี High Standard หรือ World Standard

เมื่อเจออุปสรรคแล้วเราจะข้ามได้หรือไม่  การตั้งสถาบันทำให้เราไปลุยข้างนอกได้ สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเจออุปสรรคต่าง ๆ ต้องเข้าใจว่า Success ความสำเร็จที่จะเดินต่อไปเป็นความสำเร็จที่ต่อเนื่อง ๆ และเราต้องชนะเล็ก ๆ ก่อน

 

ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

การเจออุปสรรคมี 3 กลุ่มคือ

1. เดินไปให้ได้ เอาชนะให้ได้

2.  50%

3. ไม่เดิน

แต่ทั้ง 3 ส่วนมีส่วนที่คล้ายกันอยู่ คือ Social Skill มีวิธีการบริหารความยากลำบากอย่างไร ต้องมีวิธีการความรู้ทางเทคนิค การบริหารคนใต้บังคับบัญชาอย่างไร บริหารคนที่เป็นหัวหน้าอย่างไร

2. คำว่า ความกดดันจะมีการบริหารอย่างไร  มี 5 ส. ต้องสะสาง  สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย ต้องมีหลักการและเหตุผล พูดชัด พูดตรง และพูดให้เข้าใจ

 

ดร.ไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์สรุป 3 ข้อเป็นข้อแนะนำผู้นำรุ่นใหม่ของการเคหะฯ

1. คิดแบบ Demand side  ทิ้งความคุ้นชินที่เริ่มจากการมองจากข้างในคือ Supply side ต้องเปลี่ยนเป็นการมองจากข้างนอก Demand side  การเคหะฯ มีคู่แข่งมาก ขอเสนอว่า อะไรที่เราทำได้เก่งที่สุดเก็บไว้เป็น Routine 50% ส่วนอีก 50% ขอให้ดู Demand ด้วย ต้องตอบสนองในฐานะที่คนนอกมองเข้ามาด้วยเป็นแหล่งเงินและลูกค้า ต้องมองปัจจัยภายนอกแล้วตอบสนองได้อย่างดีและยั่งยืน

2. อย่าไปกังวลกับกรรมเก่าอย่างเดียว เพราะลูกค้าเก่าก็สามารถเป็นลูกค้าในอนาคตได้  จากลูกหลานเขา เน้นการเตรียมตัวและพร้อมทำงานใหม่ ๆ ในลักษณะโครงการและนวัตกรรม

ก็ต้องมีหน่วยงานที่ต้องดู กรรมเก่าจะจัดการอย่างไรเช่นทวงหนี้ ต้องสร้างกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์ เช่น ใช้ Assets ให้ได้ประโยชน์เพิ่มคุณค่า พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะ

- ต้องเตรียมพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง

- ต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่นการมีสุนทรียสนทนา (Dialogue)  ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ทำงานคิดและร่วมมือข้ามสายงานได้ เช่นเป็น Engineer อยู่หน้างานอาจต้องมาคุยกับฝ่ายการเงินและฝ่าย Back up บ่อยที่สุดแบบมีความสุข

- มองแบบระยะยาวบ้าง ทำความเข้าใจ  ปัญหาใหม่ ๆ ร่วมกัน จะเก็บผลไปอวดคนที่วัดเราอย่างสง่างาม (KPIs)

3. พัฒนาวัฒนธรรมองค์กร เช่นอาจต้องดู  5 อย่าง ดังนี้

        1) Hero ในองค์กรเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร ลองสังเกตว่า กคช. Idol คือใคร ถามตนเองว่าทำไมถึงนับถือคนนี้  นิยมคนนี้ สิ่งนี้คือวัฒนธรรมใหม่ คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ให้ความนับถือคนแบบไหน เหมือนกันหรือไม่ จะได้สร้างต้นแบบใหม่ได้ทันโลก

        2) พิธีกรรมที่ยังสำคัญสำหรับ กคช. หมั่นสังเกตเคหะฯ ว่ากิจกรรมการเคหะฯ ไม่ใช่ Routine มีการเปลี่ยนมากหรือไม่ คนสนใจอะไรในงานพิธีสำคัญภายใน

        3) ก๊วนคนเป็นอย่างไร เช่น ดูคนในการเคหะฯ ต่าง ๆ  ปัจจุบันคุยกันเรื่องอะไร จะเห็นคำพูดไม่เหมือนเก่าระหว่าง Gen X กับ Gen Y

        4) ข่าวสำคัญกระจายอย่างไร ข่าวลือกระจายเร็วที่สุดได้เพราะใคร  ปชส. เช็คให้ได้เพื่อการสื่อสารภายในที่ดีกว่า

        5) สิ่งริเริ่มต่าง ๆ เหล่านี้เป็นต้นน้ำของ Actions ใหม่ ๆ เป็น Soul Leadership มีผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือนำกันเองโดยไม่มีผู้นำ (Emergence)

        สุดท้ายได้ฝากคือ KM ไปใช้ในการบันทึกข้อมูล และเป็นการแชร์ประสบการณ์ สร้างบรรยากาศในการสนทนาแบบสุนทรีย์ ในการพัฒนาองค์กรและการแก้ปัญหา

ถามแบบเมตตา กรุณาสงสัยใคร่รู้ และมีการใคร่ครวญ Reflection  การทำ KM บ่อยพออย่างรู้จริงจะทำให้เกิดการคุยที่เกิดแรงในการพัฒนาคล้ายทำ Coaching 

        จริงอยู่การวางแผนยุทธศาสตร์ดีกว่าการไม่ได้วางแผนเชิงยุทธศาสตร์ แต่ที่สำคัญคือการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ (Execution) ในวันนี้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามศาสตร์เกิดเป็นการยกระดับวัฒนธรรมองค์กร กคช.ให้แข่งขันได้ (Positive Spiral)

วัฒนธรรมองค์กรเปลี่ยนได้ จะต้องปรับตามแผนยุทธศาสตร์ปกติ 20 ปี ของสภาพัฒน์ฯ ด้วย จึงจะช่วยชาติได้แบบไม่หลงยุค


ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

การเคหะฯ ยุคต่อไปต้องลงไปดูรายละเอียด ต้อง Turn Idea into Action และ Turn Action into Success เรียนแล้วต้อง Create your own idea ด้วย

 

  

หัวข้อ วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะฯ

(Group Assignment Presentation)

โดย     ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

          ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

ดำเนินการอภิปรายโดย  อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

วันที่ 15 มีนาคม 2561

 

Workshop

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ และเสนอแนะวิธีการจัดการ ดังนี้

( 1 ) ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 2)

    1.1 การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ (ประเทศไทย 4.0)  และภาคีเครือข่าย

    1.2 บทบาทของ กคช. กับ การพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

    1.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

( 2 ) ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 4)

    2.1 การเพิ่มขีดความสามารถในด้านการตลาด

    2.2 ความสามารถในการมอบคุณค่าและสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร ให้ลูกค้าภาคภูมิใจที่อยู่อาศัยในบ้านของการเคหะแห่งชาติ

    2.3 การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย

    2.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

( 3 ) ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 1)

    3.1 การควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง การบริหารจัดการโครงการ และการส่งมอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย

    3.2 การจัดการหนี้ค้างชำระ

    3.3 การจัดการทรัพย์สินให้มีมูลค่าเพิ่ม

    3.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

( 4 ) ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 3)

    4.1 วิเคราะห์จุดอ่อน/ช่องว่าง (Gap) หรือสิ่งที่ กคช. ควรพัฒนาในด้านการปฏิบัติการ เสนอ 3 เรื่อง

    4.2 การร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการรับภารกิจการดูแลชุมชน

         และการพัฒนาชุมชนของผู้อยู่อาศัย

    4.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

 

Workshop

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ และเสนอแนะวิธีการจัดการ ดังนี้

( 1 ) ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 2)

    1.1 การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ (ประเทศไทย 4.0)  และภาคีเครือข่าย

          - ใช้ทฤษฎี 3 V คือ Value Added, Value Creation, Value Diversity จะนำไปสู่การตอบโจทย์ มีด้าน Knowledge Technology และเศรษฐกิจพอเพียงส่งขึ้น Platform

          - เรื่องคนใน 3 ช่วงวัยตาม Generation ต้องมีการบูรณาการเพื่อนำไปสู่นวัตกรรม

          - เน้นการผสมผสานสู่การทำงานที่รวดเร็วภายใต้ 4.0

    1.2 บทบาทของ กคช. กับ การพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

- ชุมชน 600 ชุมชน ระบบดิจิทัลของการเคหะฯ มีความทันสมัย การเชื่อมต่อกับชุมชนสามารถทำได้เลยโดยการเชื่อมสู่ Platform เชื่อม Online ขยายสู่ชุมชน

    1.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

          - ปัจจัยที่มองไม่เห็นถ้าเราจัดการโดยบริหารจะทำให้เกิดความสำเร็จ  จากที่เป็นอุปสรรคสู่การจัดทำยุทธศาสตร์ HR เป็นพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกองค์กร เป็นเรื่องการปลูก เก็บเกี่ยวและ Execution

          - ถ้าเราจัดการในเรื่องการเรียนการสอนให้เป็นศูนย์ Learning Organization จะเป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องคือ 3 ต. ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง

การร่วมแสดงความคิดเห็น

กลุ่ม 1 ถาม เรื่องแผนพัฒนาบุคลากร ถ้าเป็นการสอนให้รู้ตามระดับ เช่น หลักสูตร C1-C5 หลักสูตร C6-C7 หลักสูตร C8-C9 ผู้บริหารเป็นต้น เหมือนการเรียนรู้ที่ก่อนขึ้นตำแหน่งอยากให้เรียนแบบจบคอร์สเรียนก่อน

          ตอบ ตรงนี้ได้ทำแล้ว ได้ขอความเห็นชอบบอร์ดเรียบร้อยแล้ว คือ C3-C6 ทำอะไร C6-C7 เรียนอะไรเพื่อนำสู่การทำเป็น Career Path

          ปัญหาคือพนักงานอบรมมาก แต่สิ่งที่รับกลับมาไม่ได้ใช้ ให้สิ่งที่เรียนมาอยู่ในระบบ E-learning สามารถใส่ในระบบได้เลย

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          การพัฒนาคนในการเคหะฯ ต้องทำ 3 เรื่องคือ ปลูก โดยสร้างให้คนมีคุณสมบัติต่าง ๆ แล้วมาเก็บเกี่ยวคือกระตุ้นให้คนอยากทำงานให้เรา และ Execution คือเอาชนะอุปสรรค การจัดโดยมี Process เพื่อกระตุ้นความเป็นเลิศ  บางครั้งการใส่คนใส่1 แล้วได้ 8 จะดีมาก แต่ถ้าใส่ 1 แล้วได้ 0.5 อาจไม่เกิดผล อย่างที่เราเรียนเป็น Process แล้วยิงไปที่การเรียนรู้ของเรา  เราต้องกลับไปถามว่าเราได้อะไร  มีความรู้ที่จะสงเคราะห์และปะทะกับความจริงอย่างไร เรื่องคนต้องอยู่ใน Sector ต่าง ๆ ด้วย ฝึกให้คนคิดเป็น วิเคราะห์เป็น รวมเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้จะช่วยให้แก้ปัญหาสิ่งนั้นได้ ดังนั้นการเรียนรู้ 9 วันจะปลูกฝังไปใน DNA ของแต่ละคน  

แต่ละประเด็นต้องมีการยกประเด็นมาว่าคืออะไร แล้วเรามาสรุป เน้นการปะทะกันทางปัญญาในการหาความรู้ร่วมกัน

1. มนุษย์เราถ้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้เกียรติ ให้ศักดิ์ศรี บริหารเขา เขาจะมีคุณค่า แต่สินทรัพย์อื่นใช้ไป อายุการใช้งานก็หมด ฝ่าย HR ต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายยุทธศาสตร์  HR อย่าทำงานอย่าง Isolation ต้องทำแบบ Strategic Partner ให้ส่วนอื่นเข้าใจเขา แล้วนำชุมชนมีส่วนร่วมถึงประสบความสำเร็จ

2. การจัดการยุคต่อไปเกี่ยวกับเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ เน้นการทำงานมีความสุข เคารพ ซึ่งกันและกันและอยู่อย่างยั่งยืน

เรื่องการเงิน และเรื่องคนเป็นเรื่องเดียวกัน หมายถึงคนที่อยู่ใน Finance มีลูกน้องก็ต้องทำ HR อยู่แล้ว ดังนั้นฝ่าย HR และฝ่ายการเงินต้องมีการ Communicate กัน ท่าทีต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ และอย่ารู้สึกเสียหน้า ทำไมถึงมี Concept เรื่อง Balance Scorecard ดังนั้น HR ยุคต่อไปต้องฉลาดในการ Deal กับ Strategy อื่น  คน HR ต้องสร้างศรัทธาในองค์กร เพราะสร้างค่านิยมหรือศรัทธาให้เขาเห็น  ต้องสามารถเข้าใจส่วนอื่น ๆ ได้

ตอนหลัง Trend ล่าสุดมนุษย์ยุคใหม่ไม่ได้เน้นวัตถุ แต่เน้น Happiness เน้นการยอมรับ Respect & Dignity สิ่งที่เป็นมูลค่าคือ Value creation และ Value Diversity จะมีคุณค่ามหาศาล ถ้าเราไม่สร้าง Creativity จากคน และไม่เป็น Strategic Partner มูลค่าที่เกิดขึ้นในองค์กรจะมีไม่มาก

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ

          เรื่องการบุคคล การ Save เงินจะสามารถ Contribute ได้ การประชุมเรื่องการเงิน และบุคคล เป็นเรื่องน่าสนใจมาก

          คน ๆ หนึ่งทำงานคนเดียวมากกว่า 1 อย่างได้หรือไม่ เช่นอยากให้ข้อมูลอยู่ Big Data และเตือนในตรงเวลา ยิ่งเตือนเร็วเท่าไหร่จะได้คืนมา ดังนั้นคนรุ่นใหม่อาจมี Career ที่รู้ได้หลายอย่าง

          หลายคนทำเรื่องเดียวได้หรือไม่ เช่นงานโปรเจคเป็น Cross Functional นำมาร่วมทำโปรเจค ได้เลย

          สรุปคือ จะทำให้คนได้ประสบการณ์ตั้งแต่แรกคือ การทำงานกลุ่มเล็กรู้ทุกอย่างคือจะมี Experience  Curve ในลักษณะ Cross Functional คนเรามี Diversity ในหัวหลายอย่าง ต้องดึง Tacit Knowledge มาให้ได้ 

          มนุษย์ต้องเก่งหลายอย่างไม่ใช่อย่างเดียว คนการเคหะฯ ต้องเป็นเช่นนั้น Talent ไม่ได้ถูกจำกัดที่ใดที่หนึ่ง

 

( 2 ) ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 4)

    2.1 การเพิ่มขีดความสามารถในด้านการตลาด

          การสร้างคุณค่าและสร้างภาพลักษณ์องค์กรเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าสู่สินเชื่อของผู้มี่รายได้น้อย

ที่ผ่านมามีกลุ่มสินค้าเป็นสองกลุ่ม มี 600 ชุมชน  700,000 กว่าหน่วย มีสินค้าเดิม การบริหารแบบเดิม ติดปัญหาแบบเดิมคือแหล่งทุน การเข้าถึงแหล่งดอกเบี้ยต่ำอยู่ยากในการมีสถาบันการเงินรองรับต่าง ๆ และเรื่องชุมชนที่ขาดระเบียบในการสร้างปัญหากับเรา คุณภาพการดูแลซ่อมแซม การบริการ การประชาสัมพันธ์ เป็นปัญหาตลอด มีการขายได้บ้าง และซื้อคืนมาบ้าง

          กคช.ได้รับผลิตบ้านที่อยู่อาศัยเพื่อคนจน แต่ไม่สามารถส่งต่อบ้านให้คนจนได้เนื่องจากไม่ได้ดูเรื่องการเงินโดยตรง ภารกิจหลักคือเป็นแหล่งที่มาการเงิน ถ้ากคช. สามารถเป็นแหล่งสินเชื่อเองได้ ทุกอย่างอาจจบครบวงจร แต่ปัจจุบัน ทำไม่ได้เพราะไม่ใช่สถาบันการเงินไม่สามารถระดมทุนได้  ดังนั้นอัตราส่วนชุมชนผู้มีรายได้น้อยผ่อนกับเราดอกเบี้ยสูง ดังนั้นการถึงรากหญ้าหรือไม่ ต้องปรับ

          ตัวอย่าง การเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดมีการส่งเสริมการขาย ติดตั้งเหล็กดัดมุ่งลวด ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน  เพิ่มการเข้าอยู่อาศัยได้ทันที และล่าสุดมีการเริ่มคิดตั้งแต่บ้านเริ่มก่อสร้าง มีการแถมปั๊มน้ำ และถังน้ำ อย่าง 20 แรกจะมีการแถม มีการบูรณาการตั้งแต่การพิจารณาโครงการ คุยกันก่อนจบโปรเจคทำให้บ้านขายได้ มีการปรับปรุงรูปแบบพัฒนามากขึ้น

   2.2 ความสามารถในการมอบคุณค่าและสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร ให้ลูกค้าภาคภูมิใจที่อยู่อาศัยในบ้านของการเคหะแห่งชาติ

ตลาดใหม่ การพิจารณาโครงการต่าง ๆ สามารถต่อยอดในโครงการ การเคหะฯ เริ่มหาผู้ร่วมทุน ปรับเป็น NHA + การบริหารจัดการต่าง ๆ ต้องปรับเป็นมิติใหม่ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ต้องปรับเป็นอีกมิติหนึ่ง โด่ยมุ่งเน้นให้เกิดในตัวของตลาดใหม่

สิ่งที่ได้คือแข่งขันกับเอกชนได้ สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า และต่อยอดการเข้าสู่ AEC

    2.3 การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย

          ที่ผ่านมามีข้อจำกัดคือทำไม่ครบวงจร ดังนั้นการแก้ไขอย่างบ้านเอื้ออาทร ก็ควรปรับเรื่องการเข้าถึง  การต่อเติม การดูแลที่อยู่อาศัย ชุมชน กระบวนการที่มาไม่ครบองค์ประกอบสมบูรณ์ ถ้ามีกระบวนการใหม่จะสามารถแก้ปัญหาได้ ถ้าปรับเรื่องสินเชื่อได้จะปรับด้านช่วยเหลือลูกค้าได้

          มีการนำ Cloud Funding มาใช้ อย่างการซื้อคืนลูกหนี่ต้องมีการนำคืนสินค้าเป็นทรัพย์สินของเรา  ปัจจุบันมีการวิเคราะห์คือนำกลับมาขายใหม่ ราคาต่ำ และถ้าทำ Cloud หาแหล่งเงินทุน รายได้ ผู้ลงทุน โดยมีการเคหะฯ ค้ำประกัน ซื้อบ้านได้บ้าน ปล่อยสินเชื่อได้เงิน จะเป็นส่วนที่ทำให้ขายสินค้าจะส่วนที่สต๊อกอยู่ ในเมื่อลูกค้าขาดหลักฐานเอกสารต่าง ๆ อาจต้องนำสิ่งนี้เข้ามาเพื่อให้ลูกค้ามีแหล่งสินเชื่อ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยที่อาจไม่มีเอกสารประกอบการทำที่อยู่อาศัย เพิ่มช่องทางการขายสำหรับผู้มีรายได้น้อย

          เราจะรักษากลุ่มลูกค้าเดิมได้อย่างไร

    2.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

นโยบายที่ผ่านมา เมื่อก่อนได้รับนโยบายสร้างและขาย ตัวสินค้าต้องขายไปตามระยะเวลา หลายปีผ่านไปตัวสินค้าจะเสื่อมโทรม มองถึงความจริงทีเกิดขึ้น ในด้านตัวผลิตภัณฑ์สินค้าค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากเวลา การปรับสภาพคนที่เข้าไปอยู่ชุมชนขาดความเป็นระเบียบ ระบบสาธารณูปโภค เริ่มมีปัญหา

ในเรื่องสถาบันการเงินผูกติดอย่างเรื่องเอื้ออาทรติดเรื่องข้อตกลง

ปัญหาต่าง ๆ เป็นการแก้ปัญหาซึ่งหน่วยงานแก้ปัญหาเฉพาะแต่ละหน่วยงาน ไม่ได้มองเรื่องการบูรณาการ ซึ่งในส่วนนี้แนวทางใหม่ ๆ จะเริ่มมีการบูรณาการ การทำโครงการจะมีการคุยกันหลายส่วนงาน ด้านก่อสร้าง ชุมชนเป็นหลักเพื่อตอบสนองต่อลูกค้า

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ

          การนำเสนอกลุ่มนี้สร้างความมั่นใจได้ดีมาก ฝากให้คิดต่างคือ ต้องสร้างชุมชน ไม่สามารถสร้างได้แค่กลุ่มบ้านแค่นั้น มีอะไรเป็นป่าเยอะ ชุมชนไม่ได้รวมกันเป็นชุมชน เท่านั้น ที่เหล่านั้นจะรู้สึกมีความสุขมาก

          เราสร้างมนุษย์ที่อยู่รวมกันแล้วมีความสุข การเคหะฯ กำลังสร้าง Sustainable Development Community

          ที่หายไปคือ Public Private Partnership ชุมชนต้องมีส่วนร่วม เพราะถ้าชุมชนไม่มีส่วนร่วมจะมีปัญหา ชุมชนต้องเข้ามา Involve แต่เป็นการเข้ามาแบบร่วมทุกข์ร่วมสุข คือดูกันเอง สิ่งเหล่านี้ที่สร้างอยู่และเป็นอยู่แล้ว คือเคหะชุมชนดูแลบ้านการเคหะฯ ชุมชนอยู่ได้ด้วยตัวเอง  สิ่งที่ท่านทำอยู่ปัจจุบันคือ สร้าง Sustainable เป็น Happiness Community เป็นความสุขที่บรรยายไม่ได้

          อยากให้คนในห้องนี้คิด Upside Down , Inside Out  อย่างในวันนี้ใช้ Balance Score Card เป็นกระบวนการเป็นตัวขับเคลื่อน

สิ่งที่ได้จากโครงการ

1. Cross Functional

2. Multi Function คนเดียวทำได้หลายอย่าง

3. Team Learning และ Team Action

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          1. ความจนวัดจากรายได้ไม่ได้เกี่ยวกับการวัดความสุขของชีวิต ยกตัวอย่างงานวิจัยของคนจบ MBA ที่ Harvard 5 ปีแรกมีความสุขเพราะมีรายได้ดี แต่ต่อไปมีปัญหาเรื่องหย่าร้าง เรื่องการติดยา หนังสือ Alibaba พูดว่าคนที่เป็นรากหญ้าสามารถทำธุรกิจได้  สิ่งที่อยากแนะนำการเคหะฯ อย่างหนึ่งคือถึงแม้มีรายได้ยากจน แต่เขาก็มีเกียรติ ศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้  อย่างเรื่องการออกแบบบ้าน ออกแบบสวนก็มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมเรื่องนี้

          ยกตัวอย่าง C.K. Prahalad กล่าวถึงสามารถทำธุรกิจกับคนยากจนได้

          2. การพูดทั้ง 4 กลุ่มตอบโจทย์การเคหะฯ โดยใช้ Transactional ไม่ใช่การพูดถึงอนาคตหรือ Transformational ต้องนำเรื่องของการเคหะฯ ที่ทำอยู่ แต่เป็นการมองสิ่งที่มีอยู่แล้วทำให้ดีขึ้นจะช่วยเราได้อย่าง 50-60%

          โดยสรุปทั่วไป การเคหะฯ ต้องมองที่ Boundary ใหม่ ที่มีการทำงานเชิงรุก และการไปทำงานต่างประเทศ

          Execution แปลว่าถ้ามี Opportunity มีอุปสรรค เราต้องทำให้สำเร็จ เหมือน กรีฑา เราต้องวิ่งข้ามรั้ว และเข้าที่หนึ่งให้ได้ อุปสรรคในการข้าม Boundary ใหม่ ๆ เรียกว่า Transformation ถ้าเราเป็นรัฐวิสาหกิจและทำหน้าที่แบบเดิม คนในอนาคตจะมองว่าเราไม่สามารถปรับตัวได้ จึงอยากให้มองไปในอนาคตด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงในอนาคตคือเร็ว รุนแรง และไม่แน่นอน และ อยากให้คนในห้องนี้มีความทะเยอทะยาน มอง Boundary ใหม่ ๆ

          เราจะเห็นการปะทะกันทางปัญญาเกิดขึ้น เลยได้สร้างมูลค่าทางความคิด

Learning Community มี Learning Culture ซ่อนไว้ สังเกตได้ว่าทำไมคนรวยมีการสะสมปืน และมีห้องสมุดอยู่ที่บ้าน

ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

          ภารกิจของการเคหะฯ เป็นภารกิจสำคัญของประเทศ ต้องก้าวหน้าต่อไป

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          ทุกทีมที่เข้าไปเป็นความคิดของทุกท่านที่มีอยู่แล้ว  ในวันพรุ่งนี้มีการนำเสนอ 2 เรื่องคือ วิจารณ์หนังสือ และโครงการด้วย  สิ่งสำคัญต้องตีโจทย์ให้แตกคือโจทย์คืออะไร และตอบสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราเข้าใจ พรุ่งนี้เตรียมให้ดี คือคมและตรงประเด็น  สิ่งที่ดีไม่ใช่สิ่งที่เยอะ เลือกที่ตรงประเด็น และตรงใจที่สุด

 

( 3 ) ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 1)

    3.1 การควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง การบริหารจัดการโครงการ และการส่งมอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย

          - การก่อสร้าง มีแผนจะลดต้นทุนการก่อสร้างให้มีค่าใช้จ่ายน้อยและให้ทันเวลาเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย เน้นการควบคุมการก่อสร้างตามแผนตามเวลา

          - เรื่องการจ่ายเงิน และดอกเบี้ย ถ้ามีแหล่งดอกเบี้ยถูก แหล่งเงินถูกจะลดต้นทุน

          - นวัตกรรม จะมีวัสดุที่ราคาถูก มีระบบทันสมัยรวดเร็วอย่างไร

          - การควบคุมคุณภาพและวัตถุดิบด้วยี

    3.2 การจัดการหนี้ค้างชำระ

          - การบริหารโครงการฯ จัดเก็บเงิน ทำอย่างไรให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หาทางป้องกันโดยมีนวัตกรรมหรือเครื่องมือในการป้องกันอย่างไร เช่น ระบบ SMS แจ้งเตือน มีระบบ IT ในการแจ้งเตือน เป็นต้น  ควรพัฒนาให้ทันสมัยและเข้าถึงลูกค้า

          - คัดเลือกลูกหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่มีความสามารถในการชำระ ทำอย่างไร คือต้องวิเคราะห์ลูกค้าให้ละเอียดมากขึ้น

          - เพิ่มทางเลือกการชำระเงิน ในเรื่องระยะเวลา อาจซอยเป็นสัปดาห์ หรือ 15 วัน ฃ

          - ยืดหยุ่นการชำระเงิน คืออาจจ่าย 100 –  500 ได้หรือไม่ เพราะถ้ารองวดเดียวอาจมีปัญหาเนื่องจากใช้เงินหมดแล้ว

          - อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน มีเรื่องความยืดหยุ่น และเอาระบบ IT เข้ามาใช้ด้วย เช่นการจ่ายด้วย QR Code

    3.3 การจัดการทรัพย์สินให้มีมูลค่าเพิ่ม

          - การจัดการที่ดินให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ไม่ให้เป็นที่รกร้าง นำที่รกร้างมาหาประโยชน์ อาคารศูนย์การค้าชุมชน ก็จัดให้มีกิจกรรมในศูนย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้คนมาเช่าเพื่อไม่ให้เป็นที่เงียบเหงาในชุมชน

          - บริหารอาคารคงเหลือมีระบบอย่างไรให้เก็บค่าเช่าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทำให้ได้ห้องเช่าไม่ว่าง

          - การนำทรัพย์สินที่มีอยู่มาทำให้มีมูลค่ามากขึ้น

    3.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

          - เชิญบุคลากรมาอบรมทำงานมากกว่าหนึ่งอย่าง

          - สร้างทีมเฉพาะกิจ มอบหมายภารกิจให้เวลา 1 ปีสร้างโครงการให้เกิดรายได้

          - นำคนที่มีประสบการณ์สูง ๆ มาสอนรุ่นน้อง เหมือนโค้ชชิ่ง

          - คัดสรรพนักงานที่มีความสามารถพิเศษ ทำข้อมูล Big Data ให้องค์กร

          - อบรมคนให้ในอนาคตการเปลี่ยนแปลง

ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

          ขอชมเชย คิดว่าสิ่งนี้เป็นปรากฎการณ์ใหม่  ที่เสนอมาเหล่านี้ทำให้การเงินมีประโยชน์อย่างไร

ตอบ    ที่ผ่านมาที่ดูเรื่องต้นทุนการเคหะฯ ค่อนข้างแพง ถ้าเราไม่ต้องเสียดอกแพงได้หรือไม่

ต้นทุนการเงินมีแฝงเรื่องดูแลชุมชนไปทำให้ต้นทุนสูงขึ้น  เป็นลักษณะเหมารวมไปเลย เช่นการเช่าและการดูแล ในอนาคตจะพยายามดึงออกมาแต่ยังทำไม่เสร็จกำลังวิเคราะห์อยู่

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

เสริมว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องการเงินจริง ยกตัวอย่างที่ ญี่ปุ่น จะทำอะไรที่เป็นแบบ Actionable การทำจริงคืออะไรต้อง Specific หมายถึงทำได้ทันที จะเป็น Organization Learning ไม่ใช่ Individual Learning

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

ที่ฟังคนกลุ่มนี้ ไม่มีคำถามคาใจ ถ้าทำสำเร็จจะทำให้การเคหะฯ เคลื่อน การที่ทำงานที่ต้องเขย่ง แต่ไม่ใช่กระโดดขาลอย สิ่งที่ชอบคือการมองจากความเป็นจริง ที่ชอบมาก ๆ คือเรื่องคลังสมอง แม้ว่าพูดเรื่องการเงิน แต่พูดเรื่องทุนมนุษย์รู้สึกว่าใช่ และกลับมาที่ HRDS ที่อาจารย์จีระ สอน จะใช้ได้เลย ทำสำเร็จลูกค้าจะรักมาก สิ่งที่ต้องทำต่อคือต้องทำเป็นระบบ ต้องทำให้ได้ คือการนำเงินมาใส่ทีละย่อย ๆ การใช้ IT QR Code มีความทันสมัย

( 4 ) ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 3)

    4.1 วิเคราะห์จุดอ่อน/ช่องว่าง (Gap) หรือสิ่งที่ กคช. ควรพัฒนาในด้านการปฏิบัติการ เสนอ 3 เรื่อง

          - เรื่องการบริหารสินเชื่อ จุดอ่อนที่พบคือ เราทำงานกับลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีปัญหาค่อนข้างมาก ลูกค้าบางรายไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อจากทางการเงิน และกคช.ไม่มีแบงค์ดอกเบี้ยต่ำให้ลูกค้าเลือกมากนัก ทางแก้คือมีแนวคิดให้ กคช.ตั้งกองทุนสินเชื่อ ตั้งสถาบันการเงินเอง แต่ปัญหาคือไม่ใช่ภารกิจโดยตรงของการเคหะฯ กลุ่มลูกค้าจะหาแบงค์ยากนิดนึง

          - การสนับสนุนกันก็จะจัดประโยชน์เพื่อยกระดับรายได้ เช่นตลาดเคหะประชารัฐ หรือการจัดการที่ดินว่าง ลูกบ้านจะมีแหล่งประกอบอาชีพ สิ่งที่พบคือถ้ามีแหล่งค้าขาย เขาจะประกอบอาชีพได้และมีเงินมาผ่อนบ้านเรา ลูกค้ากลุ่มนี้จะได้เงินบางส่วนในการอุดหนุนมาให้เขา และเมื่อมีรายได้ มีความมั่นคงของอาชีพจะลดช่องว่าง และต่อยอดธนาคารออมสินในการให้สินเชื่อเนื่องจากลูกค้ามีความมั่นคงมากขึ้น พอได้เงินกู้มาก็จะขยายโครงการเพิ่ม ลดภาระผ่อนลง มีบ้านเร็วขึ้น โอนกรรมสิทธิ์ได้เร็วขึ้น แต่เรื่องการจัดประโยชน์ติดระเบียบข้อบังคับ และมีการอนุมัติขั้นตอนค่อนข้างมาก ใช้เวลามากเป็นปี ทำให้ธุรกิจที่ต้องการทำไม่ทัน จึงมีแนวคิดในการปรับปรุงกระบวนการใช้ KM ช่วยว่าติดปัญหาที่ใด มีขั้นตอนการปรับปรุงกระบวนงาน

          - การพัฒนาชุมชน ให้ชุมชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จุดอ่อนคือมีเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปอยู่ในชุมชน ดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึง ไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถรับรู้อย่างรวดเร็ว สม่ำเสมอ เทศบาล ชุมชน อบต.ต่าง ๆจะมีหน่วยงานซ้ำซ้อนกัน การทำแบบบูรณาการจะลดปัญหาเรื่องคน และแก้ปัญหาซ้ำซ้อนได้

    4.2 การร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการรับภารกิจการดูแลชุมชน

         และการพัฒนาชุมชนของผู้อยู่อาศัย

          มีหน่วยงานท้องถิ่นที่ไม่สามารถรับมอบได้เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพอ เช่นตามกฎหมายคนมีส่วนรับผิดชอบคือ องค์การบริหารส่วนปกครองท้องถิ่น แต่มีปัญหาคือ ท้องถิ่นตั้งงบประมาณไม่ทันจึงปฏิเสธการรับมอบ การเคหะฯ ก็ไม่ได้ทำ แต่อาคารทรุดโทรม ร้องเรียนก็ไม่ได้เพราะรัฐบอกว่าต้องมอบให้ อปท. ต้องมีการคุยระดับนโยบายที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานท้องถิ่นต้องวางแผนร่วมกัน การรู้ล่วงหน้าจะมีการตั้งงบประมาณรองรับ เช่นโครงการแพทย์กาสา ต้องดูการรองรับ เช่น โรงเรียน ไฟฟ้า ประปา การตั้งงบประมาณล่วงหน้าต้องตั้งล่วงหน้า 2 ปี ถ้ารู้ก่อนจะได้ไม่มีเหตุผลเรื่องการไม่มีงบประมาณ

    4.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

          ทุกคนต้องมีความรู้ความเข้าใจตรงกัน ไม่ใช่เฉพาะ กคช. ผู้บริหารต้องมีใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของระดับล่าง ระดับล่างต้องเข้าใจนโยบาย รวมถึงหน่วยงานภายนอก เราต้องรู้ว่าจะทำงานที่โครงการไหนรับรู้ความเข้าใจตรงกัน  ถ้าประสานดีกว่านี้จะทำงานได้ราบรื่นกว่านี้

          การปรับเปลี่ยน Mindset ด้วยวิธีการอะไร การเปลี่ยน Mindset ต้องเรียนรู้ และปรับด้านนี้ ทรัพยากรบุคคลต้องหาวิธีการปรับตรงนี้ เช่นการทลาย Silo , Cross Function เป็นต้น

          เช่นการทลาย Silo เพราะที่ผ่านมาทำงานเป็น Section เมื่อได้มีการ Shared Vision จะได้รู้ร่วมกันเพื่อประสานงานในกลุ่มร่วมกัน  มีการทำ Cross Function เวลาเคลื่อนจะเคลื่อนทั้งองค์กร ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งหมดเป็นฐานความรู้องค์กร เก็บเข้าฐานให้ค้นหาได้ง่าย ไม่ใช่เกิดเรื่องใหม่และเรียนรู้ใหม่ ปัญหาด้านนี้จะรับฟังร่วมกันหมด

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          แผ่นนี้ดีมาก การทลาย Silo อาจเป็นเรื่องยากเพราะทุกคนอยู่ในพื้นที่ตัวเอง ต้องสร้างความสัมพันธ์แบบ Informal เพราะ Informal จะไปสู่ Formal ในยุคต่อไปจะพูดเรื่ององค์กรแห่งการเรียนรู้มากขึ้น มี Learn-Share-Care เราต้องมีนิสัยในการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือบางครั้งอาจไม่ตรงแต่ต้องประกอบการเรียนรู้ แบบ Futuristic

ศาสตรภิชานไกรฤทฺธิ์ บุณยเกียรติ

          ชื่นชมกลุ่มนี้ เพราะเนื้อหาธรรมดา แต่ถ่ายทอดดีมาก ถ้าไม่รู้อะไรอีกคนช่วยพูด ถือว่าเป็นการทลาย Silo และมีการทำงานเป็นทีมอย่างหนึ่ง  เพราะถ้า Total Team ออกมาดีจะประทับใจ  เมื่อเป็น Advantage ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ชอบกลุ่มนี้มากเพราะ Present ได้ดีทั้งคู่และทำงานเป็นทีม

          เรื่อง Back up อย่าเป็นกองหลังอย่างเดียว เป็นกองหน้าก็ได้ ส่วนในมหาวิทยาลัยกองหลังสามารถออกมาได้เช่นกัน

Panel Discussion วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ (บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ)

โดย    ดร.พยัต วุฒิรงค์

        ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนานวัตกรรมแห่งเอเชีย

        ว่าที่ร้อยตรีจีรวัฒน์ เยาวนิช วิทยากรชั้นนำ  Mind Dojo Co., Ltd.

วันที่ 16 มีนาคม 2561

 

ดร.พยัต วุฒิรงค์

แนวโน้มโลกในปัจจุบันและอนาคต

วิธีคิดเปลี่ยนจากตะวันตกเป็นตะวันออก อดีตอเมริกาเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ปัจจุบันอเมริกาเสื่อมถอยลง ตอนหลัง จีนเป็นเบอร์หนึ่ง และได้รับเสียงสนับสนุนว่า ประธานาธิบดีจะอยู่ได้ตลอดชีพ สีจิ้นผิงจะเป็นจักรพรรดิของโลก ในโลกตะวันออกนอกจากจีนแล้วจะมี Chindia = China+India มีประชากรรวมกันเกือบ 1 ใน 4 ของโลก อีกส่วนหนึ่งคือ อาเซียนมีประชากร 600-700 ล้านคน เป็นแหล่งทรัพยากรโลก ประเทศอื่นมีไม่มาก ยังมีญี่ปุ่น เกาหลี ในอนาคต จะมีการรวมพลังกันระหว่างจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และอาเซียนแต่ไม่นับสิงคโปร์ซึ่งซื้อมาขายไป

จีนพยายามลดบทบาทดอลล่าร์ ตั้งธนาคารสนับสนุนประเทศยากจน เงินจะมาอิงเงินเอเชียมากขึ้น

ตอนนี้ดอลลาร์ราคาตก เดิมมีอัตราแลกเปลี่ยน 60 บาทต่อดอลล่าร์ สมัยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้เหลือ 30 บาทต้นๆต่อดอลล่าร์

ตะวันตกกำลังพยายามกลับมายิ่งใหญ่ ยุโรปมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสหรัฐ วิธีการครองโลก ได้แก่ ทำสงคราม สหรัฐพยายามกฎหมายของโลก ห้ามปล่อยของเสีย หนังสือเรียนมาจากสหรัฐ แล้วเผยแพร่มาเอเชีย สหรัฐเวลาผลิตเงินไม่ต้องมีเงินสำรอง ประเทศไทยมีทองคำสำรองอันดับต้นของโลก

ไทย คนกำหนดมาตรฐาน ได้แก่ Bangkok Airways= Asia’s Boutique Airline นี่เป็นสิ่งที่องค์กรในอนาคตจะทำ

การเคหะอยู่ตรงไหนของโลกอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริมีอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุด คอนโดมีเนียมที่ถนนวิทยุราคา 700 ล้านบาทต่อห้อง พฤกษามีอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาถูกที่สุด

การเคหะสร้างบ้านใช้เวลา 1 ปีครึ่ง การเคหะมีกำไรพันล้าน แต่พฤกษาใช้เวลา 15 วันสร้างเสร็จ พฤกษามีอายุ 25 ปี สร้างโดยคุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ซึ่งเรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่มีมรดก เป็นลูกจ้างโดยเริ่มจากรับเหมา แล้วเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ตอนนี้พฤกษามีรายได้ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี อีก 10 ปีข้างหน้าจะมีรายได้ 1 แสนล้านบาทต่อปี

พฤกษามีตลาดใกล้เคียงกับการเคหะมาก เกิดมาเพื่อถล่มการเคหะ มองว่า มีช่องว่างตลาดระหว่างคนจน พฤกษาเป็นบ้านคนจน ดูว่า คนจนต้องการอะไร พบว่า ไม่มีกำลังซื้อ นอกจากนี้ บ้านรัฐสร้างไม่ทันต่อความต้องการ

พฤกษาไม่สู้ land and house มั่นคงเคหะการ กฤษดานคร พวกนี้เข้าแผนฟื้นฟูแล้ว

พฤกษาซื้อที่ดินรอบนอก ราคาถูกมาก รายใหญ่ไม่สนใจพฤกษา พฤกษาจึงทำบ้านราคาหลักแสนขึ้นมา แล้วสักพักได้รับเสียงตอบรับที่ดี  พฤกษาจึงไปสร้างบ้านในพื้นที่รอบนอก ต้นทุนต่ำ เป็นรายแรกของไทยนำ Precast (ผนังสำเร็จรูป) เข้ามา ไม่ต้องไปทำที่หน้างาน พฤกษาให้ supplier มาเสนอพร้อมกัน แล้วเลือกราคาถูกที่สุด แต่ปัญหาคือระยะแรก บ้านพฤกษาคุณภาพไม่ดี  พฤกษาสร้างโรงงาน Precast (ผนังสำเร็จรูป) ใหญ่ที่สุดโดยนำเข้าเทคโนโลยีต่างประเทศ ทำผังที่โรงงาน แล้วนำไปแปะหน้างานไม่ต้องไปก่ออิฐ ทำให้เร็ว ต้นทุนต่ำสุด

โจทย์พฤกษาคือลดเวลาสร้างบ้านลดลง คุณทองมาสั่งลูกน้องให้สร้างบ้านเสร็จใน 1 ปี พฤกษามีโบนัสมากแต่เงินเดือนไม่มาก เพื่อให้คนทำงาน ปัจจุบันพฤกษาแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มใดทำกำไรได้ดี ก็จะได้โบนัสดี ทำให้แต่ละกลุ่มแข่งขันกัน เป็น KPI ที่แท้จริง

สิ่งที่คุณทองมาทำในอดีต คุณทองมาต้องตัดสินใจทุกอย่างทั้งหมด ปัจจุบันไม่ได้ทำแบบนั้น แต่ตั้ง CEO กลุ่มขึ้นมาเป็นพฤกษาโฮลดิ้ง มองตนเป็นผู้ลงทุนในกลุ่มต่างๆ เช่น โรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด บ้านเดี่ยว มี CEO กลุ่มพรีเมี่ยม มองว่า ตลาดล่างกำไรน้อย ถ้าจะได้กำไรมากขึ้น ต้องไปกลุ่มพรีเมี่ยม

แสนสิริมีช่องว่างราคาระหว่างราคาขายกับต้นทุน มีกลุ่มลูกค้าคนรวยซึ่งซื้อโดยอารมณ์ ความรู้สึก

รัฐวิสาหกิจถูกบังคับให้ทำ 2 เรื่องคือ รณรงค์ลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำ และต้องเพิ่มรายได้ให้ได้ ทำได้โดยต้องหา segment มีกลุ่มที่ต้องการน้ำที่มีคุณภาพ เช่น โรงงาน โรงพยาบาล อาจจะคิดราคาเพิ่มได้ เพราะตอนนี้พวกนี้เขาลงทุนเองเป็นร้อยๆล้าน ถ้ารัฐวิสาหกิจคิดเพิ่มก็ไม่เท่ากับที่เขาลงทุนเอง

การเคหะต้องหาช่องว่าง คือ คนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการบ้านพรีเมี่ยม การเคหะอาจเสนอบอร์ดว่าจะจับลูกค้าพรี่เมี่ยม 5% ทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น ทำบ้านได้หลากรูปแบบขึ้น แล้วจะพัฒนาขึ้น

สคร.ส่งเสริมให้สร้างนวัตกรรมแต่ต้องก่อให้เกิดรายได้ด้วย ถ้าทำบ้านแบบเดิม ก็ไม่มีทางขึ้นไประดับสูง

ปัจจุบัน พฤกษาจะดูจุดที่รายได้สมดุลกับต้นทุน ต่างจากในอดีตที่ให้ผู้ประมูลเข้ามาพร้อมกันหลายๆราย ทำให้ SCG ขายของให้พฤกษา

เดิมพฤกษาไม่มีเอเย่นต์ เพราะไม่กล้าขายบ้านของตนเอง แต่ LBN และ Land and house ทำเรื่องคุณภาพมาตลอด

ตอนนี้พฤกษาเน้นจุดสมดุลที่สุด เน้นตลาดกลาง แต่มีกลุ่มพรีเมี่ยมและรีเซล มีเด็กเสนอทำรีเซล ทองมาไม่เห็นด้วย เด็กทีมนั้นบอกว่า เมืองจีนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเยอะมาก เพื่อพักในไทยและเก็งกำไร คุณทองมาจึงยอมยกให้กรณีนี้เป็นนวัตกรรม จึงไปตั้งสำนักงานรีเซลที่จีน ตกแต่งสวยงามตั้งในเมือง ทำให้ยอดรีเซล 1 พันล้านบาท ปัจจัยความสำเร็จ คือ เข้าใจความต้องการคนจีนและบริการครบวงจร คนจีนเข้ามาทุกวัน

อีกกรณีได้รางวัลชนะเลิศ ทีมเอเย่นต์ เขามองข้อเสียคือบ้านพฤกษาอยู่ไกล คนไปพักกลัวอดตายเพราะไม่มีร้านอะไร ถ้าไม่มีรถก็ลำบาก ทีมนี้จึงติดต่อร้านสะดวกซื้อมาตั้งในโครงการ มีข้อตกลงว่า เซเว่น อีเลฟเว่นต้องมาตั้งในโครงการที่มีตั้งแต่ 30 ยูนิตขึ้นไป จะกำหนดว่า มีอาคารเพื่อการพาณิชย์เพื่อให้เซเว่น อีเลฟเว่นมาอยู่ได้ เซเว่น อีเลฟเว่นต้องจ่ายผลตอบแทน 10 % ต่อปีและค่าเช่าให้พฤกษา พฤกษาจะโปรโมทว่าทุกโครงการจะมีเซเว่น อีเลฟเว่น พฤกษาให้รางวัลคนชนะ 1.5 ล้านบาท

ในการพัฒนานวัตกรรมต่อไป เราจะถามคนประกวดอย่างไร

คำถามผู้เข้าร่วม

ปัจจัยความสำเร็จคืออะไร

คำตอบจากวิทยากร

เขาเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร ลูกค้าไม่เน้นทำเลมาก แต่กังวลเรื่องอาหารการกิน โรงพยาบาล ตลาด ทีมจึงเริ่มแก้จุดนี้ ใครๆก็ไปขอให้เซเว่น อีเลฟเว่นเปิดได้ แต่พฤกษาทำเป็นรายได้ แต่ไม่พอ แม้เซเว่น อีเลฟเว่นจับมือกับรายอื่น แต่ห้ามประกาศภายใน 2 ปี

ทำไมจึงนำเซเว่น อีเลฟเว่นเข้ามา จึงถามว่า ปีหนึ่งจะมีทาวน์เฮ้าส์กี่โครงการ เขาบอกว่า ไม่ต่ำกว่า 20 โครงการต่อปี จึงเสนอให้ทำแบรนด์ร้านสะดวกซื้อของตนเองขึ้นมา แทนที่จะจับแค่เซเว่น อีเลฟเว่นถ้าลูกค้าไปอยู่ชนบท อาจจะต้องการยา ซักรีด อาหาร ตั้งเป็น business model เป็นวิธีคิดแบบเดียวกับปตท.

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ปตท.มีปัญหาคือ ประมาณการว่า รายได้จากน้ำมันจะลดเพราะมีคู่แข่งมาก ที่โหดสุดคือ เจ็ท เป็นต่างประเทศมาต้นทุนแพงกว่า ขนาดใกล้เคียงกัน จึงหนีการแข่งขันเรื่องน้ำมัน เพราะซื้อน้ำมันมาจากที่อื่น ต้นทุนก็แข่งไม่ได้ เจ็ทเป็นรายแรกที่ทำห้องน้ำสะอาด มีร้านจิฟฟี่เป็นร้านสะดวกซื้อ เป็นปั๊มที่สร้างแบรนด์ร้านสะดวกซื้อ มีการปล่อยให้ค้าปลีกให้มาเช่าพื้นที่ในปั๊ม คนอื่นในปตท.มองว่า วิธีนี้ปัญญาอ่อน ปรากฏว่า ปั๊มเจ็ทเริ่มขยายรอบนอก ไม่เกิน 200 กม.จากกรุงเทพ แม้ปั๊มปตท.ตั้งติดกับเจ็ท แต่คนเข้าปั๊มเจ็ทเต็ม แต่ไม่เข้าปตท. ผู้บริหารปตท.สงสัยว่า คนไม่เข้าปตท. จึงยอมเชื่อว่า ธุรกิจน้ำมันไม่ได้ขายที่น้ำมัน เวลาลูกค้าเดินทางอาจอยากเข้าห้องน้ำ คนไทยมีน้ำใจ คนเข้าห้องน้ำเจ็ทก็เติมน้ำมันและซื้อของที่นั่น

ถ้าจะสร้างนวัตกรรม ต้องทราบปัญหาที่มีในตลาด และความต้องการคืออะไร วันนั้นไม่มีใครพูดว่า ต้องการปั๊มน้ำมันมีห้องน้ำสะอาด มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร

การเคหะต้องลองทำตัวเป็นผู้ใช้บริการบ้านเคหะเพื่อได้ทราบความต้องการลูกค้า แล้วจะทำนวัตกรรมได้ ทุกองค์กรทำนวัตกรรมได้ แต่ปัญหาการทำนวัตกรรมคือ คนในองค์กรไม่ได้อยากทำ ไม่มีความเข้าใจนวัตกรรม แต่นวัตกรรมคือสิ่งใหม่ ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคมและชุมชน (แก้ปัญหาของลูกค้าได้)

พฤกษาสร้างบ้านเร็ว เสร็จภายใน 6 เดือน พฤกษาขอสินเชื่อจากบริษัทวัสดุก่อสร้าง 3-6 เดือน ถ้าสร้างบ้านเสร็จภายใน 1 เดือน แล้วธนาคารโอนเงินให้พฤกษา ก็จะได้เงินก้อนมาแล้ว แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินให้บริษัทวัสดุก่อสร้าง ถ้าได้ Deal มา 6 เดือนหมายความว่า พฤกษามีเงินหมุน 3 เดือนต่อโครงการ แล้วนำเงินนี้ไปสร้างโครงการต่อได้ วิธีนี้เป็นวิธีหมุนเงินของผู้บริหารที่เก่ง

พฤกษามีกำไรจากบ้านคนจน 10-15% แต่การเคหะแทบจะไม่เหลืออะไร

การสร้างบ้านปัจจุบันจะเล็กลงเรื่อยๆ พฤกษาสร้างคอนโดเล็กที่สุด 22 ตรม. ซึ่งอยู่ได้จริง ลูกค้ามาบอกพฤกษาว่า บ้านทาวน์เฮ้าส์เล็ก จึงขอให้สร้างเป็นบ้านเดี่ยว 36 ตารางวา มีกลุ่มเสนอนำบ้านเดี่ยว 36 ตารางวา โดยออกแบบใหม่ทั้งหลังให้มีสนามหญ้าวิ่งเล่น จอดรถได้ 2 คัน มีครัวไทยและครัวฝรั่ง มีการวัดผลโครงการ เมื่อเอาบ้านแบบนี้เข้าไป ทำให้ปิดการขายโครงการนั้นได้

ในอนาคต โลกจะทำสิ่งต่างๆให้เล็กลง เพราะมีข้อจำกัด เงิน ทรัพยากร พื้นที่ ปัจจุบันธนาคารปิดสาขาให้เหลือน้อยลง เพราะแข่งที่จำนวนลูกค้าใช้บริการผ่านแอพ

ไม่ควรคิดว่าธุรกิจตนทำอะไร แต่ต้องทำตัวให้เหมือนลูกค้าว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร แล้วปรับกระบวนการให้เข้ากับลูกค้า

พฤกษามี Niche กลุ่มต่างๆ มี CEO ประจำกลุ่มช่วยดูแล

ควรเน้นว่า ได้คุณค่าหรือกำไรมากขึ้น ไม่ใช่ขายได้ปริมาณมาก

 

คำถามจากวิทยากร

เรื่องใดปรับใช้กับการเคหะได้

กลุ่ม 2

ต้องเน้นที่กระบวนการทำให้ดีที่สุด และตอบโจทย์การเคหะได้

กลุ่ม 3

ถ้าทำตัวเป็นลูกค้า ก็เข้าใจความต้องการแล้วนำมาทำเป็นนวัตกรรม

กลุ่ม 4

ลดเอกสารให้น้อย ทำเป็น one-stop service

วิทยากร

ตึกพฤกษา ที่อารีย์ ชั้น 3 มีธนาคารทุกโครงการเพื่อขอสินเชื่อ ใช้ self-service computer ใส่แค่บัตรประชาชนได้เครดิตบูโรออกมา

กลุ่ม 1

อาจเน้นกลุ่มลูกค้าให้มีความสุขในการอยู่บ้านการเคหะ

คำถามจากผู้เข้าร่วมโครงการ

คนที่ 1 เมื่อพฤกษาจับมือกับเซเว่น อีเลฟเว่น เซเว่น อีเลฟเว่น คุ้มทุนหรือไม่

ตอบ จุดคุ้มทุนของเซเว่น อีเลฟเว่นคือ 30 ยูนิต ถ้าต่ำกว่านี้ มีทางเลือกที่สองคือ ถ้าลูกค้าน้อย พฤกษาจะลดค่าดำเนินการของเซเว่น อีเลฟเว่นลง

คนที่ 2 ในเรื่องการทำทาวน์เฮ้าส์แบบเป็นบ้านเดี่ยว น่าจะเป็นบ้านแฝดมากกว่า บางส่วนที่ติดกันจึงดูเหมือนเป็นบ้านเดี่ยว

ตอบ อาจจะเป็น marketing ไม่ใช่เชิงกฎหมาย

คนที่ 3 เวลาทำโครงการ ค่าที่ดินก็สามารถแบ่งจ่ายได้ จากเงินทำโครงการ 100% ใช้เงินสดจริงเท่าไร

ตอบ คุณทองมาบอกจ่ายไม่เกิน 35% ต่อโครงการ ที่เหลือคนขายของจ่าย พฤกษาทำโรงงาน Precast ค่าซิเมนต์จ่ายโดยบริษัทซิเมนต์ หมายถึงไม่จ่ายเงินก่อน แต่ถ้าปิดโครงการไม่ได้ภายใน 6 เดือน พฤกษาก็ต้องจ่าย เปอร์เซ็นต์ที่ต้องจ่ายเงินจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปิดได้ ก็จ่ายแค่ 15% พฤกษาได้สิ่งต่างๆจาก Supplier  ทั้งนั้น

 

ว่าที่ร้อยตรีจีรวัฒน์ เยาวนิช

คนมักเข้าใจว่า นวัตกรรมคือสินค้าใหม่ กระบวนการใหม่ แต่ในความเป็นจริงมีมากกว่านั้น

เครื่องมือในการสร้างนวัตกรรม

1. Design Thinking Process

2. 10 Types of Innovation รูปแบบต่างๆของนวัตกรรม

Design Thinking Process

เป็นกระบวนการ Human-Centered Design มีที่มาคือ การเริ่มสร้างนวัตกรรมมาจาก R&D เมื่อสร้างแล้วก็ส่งต่อให้นักออกแบบให้ออกแบบเพื่อถูกใจลูกค้ามากขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เมื่อนักออกแบบมาออกแบบในช่วงท้าย ลูกค้ามักจะไม่ชอบงานนั้นเพราะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้ามาตั้งแต่แรก จึงกลับกระบวนการในการคิดโดยนำแนวคิดนักออกแบบมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นนวัตกรรมเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างองค์กรในด้านนี้คือ Stanford University ตั้งอยู่ที่ Silicon Valley แหล่งรวมองค์กรชั้นนำ

รัชกาลที่ 9 ทรงใช้แนวคิดนี้สร้างโครงการต่างๆ

ขั้นตอน

1.เข้าใจกลุ่มลูกค้า โดยวิธี

1.1 เข้าหา โดย ถาม บางครั้งไม่ได้ความจริง คำถามล็อคคำตอบไว้ บางครั้งลูกค้าเกรงใจไม่กล้าบอกความจริง ถ้า Steve Jobs ถามลูกค้าว่าต้องการโทรศัพท์แบบใดเมื่อ 12 ปีที่แล้ว อาจจะไม่ได้สร้าง iPhone เพราะไม่มีใครบอกว่า ต้องการโทรศัพท์ไม่มีปุ่ม เขาจึงบอกว่า ลูกค้าไม่รู้ว่าตนต้องการอะไร อาจจะต้องสร้างและโชว์ให้เข้าเห็น จึงจะรู้ตัวเอง

1.2 สังเกตลูกค้า

เฮมเน็ตซึ่งเป็นบริษัทอสังหาแห่งหนึ่งของสวีเดน สังเกตการณ์จากยอดคลิกชมเว็บไซต์ซื้อขายบ้านของเขา เพื่อออกแบบและสร้างบ้านที่เหมาะสมกับลูกค้า

1.3 การคลุกคลี ควรทำมากที่สุด เวลาที่นักมานุษยวิทยาใช้ชีวิตกับเผ่าพันธุ์ที่ศึกษาเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรม เมื่อทราบความต้องการ ก็จะสร้างนวัตกรรมได้จริง

คนอังกฤษเป็นโรคอ้วน พยาบาลอังกฤษไม่ค่อยเป็นโรคอ้อน จะเข้าใจผู้ป่วยได้อย่างไร จึงให้พยาบาลสวมชุดเป็นคนอ้วน ทำให้ทราบความลำบาก และเพื่อนพยาบาลจะได้บริการได้เหมาะสม

Prima Donna บริษัทยกทรง มี Designer ชาย จึงให้ผู้ชายมาสวมลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักไว้ที่หน้าอกเพื่อเข้าใจผู้หญิงหน้าอกใหญ่แล้วผลิตสินค้าได้เหมาะสม

2.Define ตีโจทย์ว่า อะไรคือปัญหาของลูกค้า และประโยชน์ที่ต้องการ ทำโดย

2.1 สอดคล้องเป้าหมายองค์กร

2.2 กลยุทธ์

2.3 จุดแข็งองค์

2.4 ปัญหาองค์กร

2.5 ปัญหาลูกค้า

3.ระดมความคิด

3.1 เน้นจำนวนความคิด

3.2 อย่าเพิ่งตัดสินความคิด

3.3 พูดทีละเรื่อง

3.4 สั้นและกระชับ

3.5 ต่อยอด

ปลุกความคิดนอกกรอบ

ให้เห็นภาพ

4.สร้างต้นแบบ

เป็นการทดสอบว่า ความนั้นดีจริงหรือไม่ ไม่ควรเป็นต้นแบบที่ซับซ้อน เช่น การเคหะต้องการจะทำแอพชำระ ก็อาจจะเริ่มคุยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อวาดต้นแบบก่อน

ถ้าเป็นบริการก็อาจจะแสดงบทบาทสมมุติให้เห็นภาพก่อนได้  อาจจะติดกล้องเพื่อสังเกตการณ์

5.ทดสอบ โดยถาม

ทำได้จริงหรือไม่ ทำให้ทราบต้นทุน

ลูกค้าอยากได้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องทำก่อน จะได้ไม่เสียเวลาไปทำขั้นอื่น เป็นการตอบโจทย์ข้ออื่นด้วย

สร้างกำไรได้หรือไม่

ปัญหาคนไทยไม่ค่อยทำความเข้าใจลูกค้า ต้องเข้าใจลูกค้าก่อน

กระบวนการนี้เป็นวงจร loop

10 Types of Innovation จาก Doblin เป็นลูกดีลอย

แบ่งเป็น 3 หมวด

1.Configuration

2.Offering

3.Experience

แบ่งเป็น 3 หมวดเพราะ

Configuration เกิดในองค์กร

Offering เกิดในองค์กรแต่สร้างให้ลูกค้า

Experience สร้างให้ลูกค้าโดยตรง

แสดงว่า ทุกจุดในองค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้

 

Configuration

1. Profit Model เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ทำให้เกิดกำไร เช่น B2S สร้างกำไรจากขายหนังสือ กาแฟ มีต้นทุน

คือสถานที่ สินค้า พนักงาน โฆษณา ส่วน Amazon.com ไม่ต้องมีสถานที่ ลดต้นทุนพนักงาน ทำเป็นหนังสือ E-book ขายออนไลน์

Volta สร้างเครื่องชาร์จไฟฟ้า ให้คนชาร์จรถที่ใช้ไฟฟ้า ให้ชาร์จฟรี แต่เรียกเก็บเงินจากบริษัทที่จะมาโฆษณาที่แท่นชาร์จ

โรงละครสเปนถูกรัฐบาลขึ้นภาษีมาก ทำให้อยู่ไม่ได้ คนหันไปดูหนังฮอลลีวู้ดมากขึ้น จึงเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ ให้คนเข้าชมฟรี แต่คนจะต้องจ่ายเมื่อหัวเราะหรือยิ้มครั้งละ 30 เซ็น (Pay per laugh) ทำกำไรได้มาก

การเคหะมีการขายสินค้า เช่า เช่าเหมา เก็บค่าใช้ประโยชน์แบบชุมชน

2.Network จับมือกับพันธมิตรสร้างจุดแข็งใหม่ขึ้นมาแล้วได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

Audi และ NVDIA สร้างรถขับเองได้

Microsoft และ Shisedo ที่ญี่ปุ่น ผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ทำงานที่บ้านประชุมกับที่ทำงาน ช่วยเปลี่ยนหน้าผู้หญิงที่อยู่ที่บ้านให้สวยเพื่อประชุมผ่านจอ  Microsoft ได้ลูกค้ามากขึ้น Shisedo ได้ลูกค้าลองใช้สินค้าแล้วไปซื้อสินค้านั้น

AP และ MUJI โดย AP ให้ MUJI ตกแต่งบ้านให้

3.Structure ทำให้องค์กร Flat และคล่องตัวมากขึ้น เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม เพราะทุกคนมีอำนาจตัดสินใจ แต่ความรับผิดชอบไม่ชัดเจน แต่บางองค์กรอาจจะไม่เหมาะกับโครงสร้างนี้

VALVE ทำเกมส์ เป็นองค์กร flat

ยุคปัจจุบันมีพนักงาน Gen M มีพฤติกรรมเป็นตัวของตัวเอง สนใจมือถือตลอด เชื่อมั่นใจตัวเองสูง ต้องการ work from home, work anywhere ทำให้เกิด The Gig Economy คนหนึ่งอาจทำหลายอาชีพ ไม่ได้ทำงานประจำอย่างเดียว ต้องจ้างเป็นรายโครงการ เกิดธุรกิจ Platform เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายมา

4. Process ร้านหนังสือให้ชั้นหนังสือวิ่งมาหาพนักงาน

หุ่น Sandee ส่งจดหมาย พัสดุให้ถึงที่

ใช้เทคโนโลยีใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น โตโยต้ามีไคเซ็น six sigma นำมาปรับกระบวนการให้ดีขึ้น ก็จะทำงานดีขึ้น

 

Offering

1.Product Performance สินค้าดีขึ้นเรื่อยๆ เช่น บ้านต้องทำให้ลูกค้ามีชีวิตดีขึ้น

LEGO ทำตัวต่อ สร้าง Duplo ชิ้นใหญ่กว่า LEGO กลืนไม่ได้ เด็กโตขึ้นก็ต่อกับตัวเล็กได้ อาจจะเล่นหุ่นยนต์ เกมคอม ซึ่ง LEGO ก็มี มี LEGO Fusion นำ LEGO มาผสมผสานกับเกม ต่อแล้วถ่ายรูปเข้าไปอยู่ในเกม โดยต้องใช้ LEGO ชนิดพิเศษ นอกจากนี้มี architecture studio, lego serious play สำหรับอาจารย์ มีการขยายเป็นสวนสนุก หนัง มีรองเท้าแตะ LEGO เวลาเหยียบก็ไม่เจ็บ

2.Product system

ปั๊มปตท.สร้างระบบอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร

 

Experience

1.Service

มีคุณค่าเพิ่มขึ้น มีกระบวนการทำให้ชีวิตลูกค้าง่ายขึ้น เช่น การซื้อ Amazon Go ดาวน์โหลด ลงโทรศัพท์ มี sensor ตรวจจับการซื้อสินค้า เวลาออกจากร้าน ก็ตัดเงินจากมือถือหรือบัตรเครดิต โดยไม่ต้องต่อแถวจ่ายเงินที่แคชเชียร์

 

2.Chanel ตอนนี้ซื้อ Uniglo ผ่านตู้ได้

CIMB มีสาขาในเซเว่น

Property Perfect ทำช่องทางให้ลูกค้าดูวิวคอนโดที่หัวหินได้

ญี่ปุ่นมีงานศพ Drive through เคารพศพ บริจาคเงินแล้วออกจากงานได้ทันที

 

3. Brand

สร้างภาพลักษณ์

พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นสื่อสารแบรนด์แบบการ์ตูนเพราะคนญี่ปุ่นเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งแต่ละตัวสื่อถึงนโยบายการเมือง ทำให้ได้ส.ส.เพิ่มขึ้น

Burger King ทำแบรนด์ให้ความสำคัญเพศที่สาม ออกเบอร์เกอร์เกย์ (The Proud Whopper) ส่วนผสมเหมือนเบอร์เกอร์ทั่วไป สื่อสารว่า ภายนอกจะเป็นอย่างไร แต่เราก็เป็นคนเหมือนกัน

 

4.Customer Engagement

สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าให้อยู่กับองค์กรนานๆ

AP สร้างสนามฟุตบอลจากพื้นที่ชุมชนแออัดให้เด็กในชุมชน แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการพื้นที่และสามารถช่วยเหลือสังคมได้

 

คำถามจากผู้เข้าร่วมโครงการ

กลุ่ม 2

การเคหะเป็นหน่วยงานวิชาการที่อยู่อาศัย เราอยากส่งความรู้นี้ขึ้น Platform เป็นไปได้หรืไม่

ตอบ การส่งขึ้น Platform เป็นไปได้สูง Internet ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น อาจทำเป็น Big Data ใส่ Cloud คนจะชอบมากขึ้นเพราะคนไม่ชอบเรียนในห้องเรียนแล้ว  ทำอย่างไรให้คนอยากมาใช้ Platform อย่างต่อเนื่อง อาจจะมีของตอบแทนให้เข้ามาใช้บริการ เช่น มีส่วนลด

 

กลุ่ม 2

พื้นที่การเคหะถ้ามีการพัฒนาก็สามารถนำไปทำประโยชน์ได้มาก ถ้าการเคหะจะพัฒนาชุมชน ก็สามารถทำได้อีกมาก แต่กระบวนการคิดนวัตกรรมก็เป็นประโยชน์

ตอบ อาจจะใช้ Network Innovation พัฒนาชุมชน แล้ว Network ก็จะได้แบรนด์ด้าน CSR ด้วย

 

โปรดคลิกลิ้งค์นี้เพื่อติดตามข่าวหลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ ประจำปี 2561

NHA Executive Development Program for Top Team

 

http://www.naewna.com/politic/columnist/34110

ที่มา: คอลัมน์บทเรียนจากความจริง. แนวหน้า. วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 หน้า 5

 

http://www.gotoknow.org/posts/645206

Source: Learning from Reality with Dr. Chira Column. Naewna.

            Saturday 17 February 2018, p.5

 

http://www.gotoknow.org/posts/645320

ที่มา: บทความจากรายการวิทยุ Human Talk ประจำวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561


https://youtu.be/Ieghou8L2G8

ที่มา: รายการคิดเป็นก้าวเป็นกับ ดร.จีระ. ตอน: การสร้างผู้นำของการเคหะแห่งชาติ

ออกอากาศวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2561 เวลา 21.00 – 21.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์: TGN Global Networks

หมายเลขบันทึก: 644710เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2018 21:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม 2018 23:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (126)

ขอบคุณ ศ. ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ และคณาจารย์และทีมงาน ทีให้เกียรติ กคช.และมุ่งมั่นเพื่อการพัฒนาบุคลากร กคช.

นางสาวพวงทิพย์ อ่อนชุม

การอบรมหลักสูตรนี้ จะสามารถปลุกพลัง จิตวิญญาน ความคิดสร้างสรรค์

ที่มีอยู่ทั้ง22คนให้พัฒนานำไปสู่การทำงานที่บูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อประโยชน์สูงสุดกับการเคหะฯ


นางจงรัก เฉลิมเกียรติ

จากการที่อาจารย์ให้ทำ work shop  เห็นถึงการทำงานของกลุ่ม เป็นการสร้างโอกาสในการแบ่งปันความรู้ทำให้ได้แนวทางที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดความสำเร็จของงานตามเป้าหมาย ดังนั้นผู้นำที่ดีต้องสร้างจิตวิญญาณในการทำงานเป็นทีม

                            จงรัก เฉลิมเกียรติ

ช่วงเช้าในการอบรมรู้สึกกดดันมากคะ แต่ท่านอ.และทีมงานน่ารักคะ  ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ไม่มีผิด ให้เกียรติผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านเสมือนครูที่ให้ลูกศิษย์เก็บเกี่ยวความมรู้ไปให้ได้มากที่สุด ขอบคุณที่ทำให้ผ่อนคลายอบรมอย่างสนุกคะ

ช่วงเช้าในการอบรมรู้สึกกดดันมากคะ แต่ท่านอ.และทีมงานน่ารักคะ  ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ไม่มีผิด ให้เกียรติผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านเสมือนครูที่ให้ลูกศิษย์เก็บเกี่ยวความมรู้ไปให้ได้มากที่สุด ขอบคุณที่ทำให้ผ่อนคลายอบรมอย่างสนุกคะ

ความคิดเห็นที่หลากหลายไม่ตรงกัน ทำให้เกิดการปะทะทางปัญญา เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน นำไปสู่การพัฒนาการทำงานเป็นทีม เพื่อผลสำเร็จตามเป้าหมาย

สรุุปการที่อาจารย์ได้ให้ศึกษาประวัติผู้นำคนสำคัญของโลกทั้งต่างประเทศและของชาติไทย ทำให้เห็นถึงภาวะและวิสัยทัศน์ของผู้้นำแต่ละท่าน รวมทังคุณสมบัติที่โดดเด่น หลักคิดการเป็นผู้นำโดยกำหนดให้มี การทำWorkshop ร่วมกันกรณีศึกษาเปรียบเทียบผู้นำ การวิเคราะห์ภาวะผู้นำและบทบาท การวิเคราะห์วิธีการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของ กคช. และอาจารย์ได้กำหนดให้การเรียนรู้เรื่องการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมขององค์กรและยุทธวิธี และการทำWorkshopร่วมกัน ทั้งสองประด็นดังกล่าว ทำให้เกิดความรู้และเข้าใจสามารถที่จะนำมาปรับใช้ได้ครับ

ว่าที่ร้อยตรีพรชัย อภิพัฒน์ธนากรณ์ cp

การอบรมในวันนี้ไม่ใช่การอบรมที่เรียนตามตำราหรือทฤษฎีเท่านั้นแต่เป็นการกระตุ้นให้ผู้อบรมได้แสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่มเสมือนการระดมความคิดที่มีอยู่แต่ระคนที่มีความหลากหลายสรุปเป็นคำตอบของกลุ่มทำใหเกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ(Learning   how  to    Lear:Chira's  Way)

ว่าที่ร้อยตรีพรชัย อภิพัฒน์ธนากรณ์ cp

การอบรมในวันนี้ไม่ใช่การอบรมที่เรียนตามตำราหรือทฤษฎีเท่านั้นแต่เป็นการกระตุ้นให้ผู้อบรมได้แสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่มเสมือนการระดมความคิดที่มีอยู่แต่ระคนที่มีความหลากหลายสรุปเป็นคำตอบของกลุ่มทำใหเกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ(Learning   how  to    Lear:Chira's  Way)

นางวิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง

จากแนวคิดของผู้นำที่หลากหลายทั้งในยุคเก่าและยุคสมัยใหม่ทั้งที่เหมือนและที่แตกต่างกันเราสามารถเลือกแนวคิดที่เหมาะสมเป็นแนวทางในพัฒนาองค์กร การทำงานเป็นทีมทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นจะนำไปสู่การสำเร็จตามเป้าหมาย

ในการอบรม สร้างความกดดัน กระตุ้นให้ผู้ร่วมอบรมใฝ่ในการที่จะแสดงแนวคิด ปะทะทางปัญญา เพื่อตอบโจทย์อาจารย์ อย่างเห็นภาพและมีทิศทาง ซึ่งไม่เหมือนการอบรมทั่วๆไป ทำให้เราสามารถนำแนวคิดใหม่ๆมาปรับใช้ในองค์กรการเคหะฯ และได้รับคำแนะนำในส่วนหารเคหะฯต้องขยายพรมแดนเพิ่มกิจกรรม เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์และเป็นผู้นำด้านองค์กร ในอนาคต 

ได้รับความรูมากมายจากการอบรม ที่ไม่ใช่การนั่งเรียนในตำรา ความรู้ใหม่ที่ได้รับคือ รู้ความแตกต่างของผู้นำกับผู้บริหาร ได้กระตุ้นความคิดที่จะหาแนวทางการสร้างผู้นำในความหลายของอายุและแนวคิด ต้องเปลี่ยนมิตรให้เป็นศัตรู ต้องเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงในยุคนักการเมือง รวมถึงการจยายขอบเขตกาดำเนินงานของ กคช.ไปสู่อาเซียนด้วย

ในการอบรม สร้างความกดดัน กระตุ้นให้ผู้ร่วมอบรมใฝ่ในการที่จะแสดงแนวคิด ปะทะทางปัญญา เพื่อตอบโจทย์อาจารย์ อย่างเห็นภาพและมีทิศทาง ซึ่งไม่เหมือนการอบรมทั่วๆไป ทำให้เราสามารถนำแนวคิดใหม่ๆมาปรับใช้ในองค์กรการเคหะฯ และได้รับคำแนะนำในส่วนการเคหะฯต้องขยายพรมแดนเพิ่มกิจกรรม เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์และเป็นผู้นำด้านองค์กร ในอนาคต 

นางวิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง

จากแนวคิดของผู้นำที่หลากหลายทั้งยุคเก่าและยุคสมัยใหม่ ทั้งในแนวคิดที่เหมือนกันและแตกต่างกัน เราสามารถเลือกแนวคิดที่เหมาะสมนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาองค์กร รวมทั้งการทำงานเป็นทีมทุกคนมีส่วนร่วมในการระดมความคิดเห็นร่วมกันจะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 “ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์”

การเป็นผู้นำที่ดีจะต้องเป็น Leadershipและเป็น Teacher มีวิสัยทัศน์ที่ดี มองภาพใหญ่ วิเคราะห์สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นำทีมงานที่มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีทุนแห่งการสร้างสรรค์ ทุนทางความรู้ ทุนทางนวัตกรรม ทุนทางอารมณ์ ทุนทางวัฒนธรรม มีธรรมาภิบาลและศรัทธา ส่งผลให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กร โดยทั้งนี้ ตนเองและผู้ปฏิบัติงานจะต้องทำงานอย่างมีความสุข

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 “ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์”

การเป็นผู้นำที่ดีจะต้องเป็น Leadershipและเป็น Teacher มีวิสัยทัศน์ที่ดี มองภาพใหญ่ วิเคราะห์สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นำทีมงานที่มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีทุนแห่งการสร้างสรรค์ ทุนทางความรู้ ทุนทางนวัตกรรม ทุนทางอารมณ์ ทุนทางวัฒนธรรม มีธรรมาภิบาลและศรัทธา ส่งผลให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กร โดยทั้งนี้ ตนเองและผู้ปฏิบัติงานจะต้องทำงานอย่างมีความสุข

ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (1)  ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์

สิ่งที่เรียนรู้คือ ผู้นำที่ดีต้องมองภาพใหญ่  โลกมีการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคต่างๆ จนถึงปัจจุบัน ผู้นำต้องเน้นการพัฒนาสู่ความยั่งยืน  เน้นคน มองอนาคตและมีนวัตถกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ ผู้น้ำต้องมีจริยธรรมสูง เป็นตัวอย่างที่ดี ทำตัวตนให้เป็นคนมีเสน่ห์ผู้คนอยากทำงานด้วย และมองกาลไกล

ได้เรียนรู้คุณลักษณะของผู้นำแต่ละท่าน มีลักษณะแนวคิดของการเป็นผู้นำอย่างไร เช่น เนลสัน แมนเดล่า มีความกล้าหาญ ให้อภัยให้เกียรติศัตรู ฮิลลาลี่ กลินตัน มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนุกกับการคิดนอกกรอบ คิดข้ามศาสตร์เป็นต้น

ทฤษฎีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ศ.ดร.จิระ  หงส์ลดารมภ์ ใช้หลัก 8K’s + 5K’s + ศาสตร์พระราชา ร.9 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมองถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยในการพัฒนา 4 ประเภทคือ รัฐบาล ประชาชน เอกชน และวิชาการ งานวิจัยฯต่างๆที่จะเป็นองค์ความรู้ที่จะมาสนับสนุน

สิ่งที่จะนำไปใช้ในการทำงานคือการมองถึงอนาคต และการจัดการกับการเปลี่ยนแปลง และการแก้วิกฤตต่างๆที่จะเกิดขึ้น การพัฒนาต่างๆโดยยึดหลัก 2 R อยู่กับความเป็นจริง วิเคราะห์ให้ได้ เตรียมความพร้อมป้องกันความเสี่ยง การทำงานก็จะเกิดประสิทธิภาพและเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นประโชยน์สำหรับองค์กรและประชนผู้รับบริการ

                ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (2)

                วิสัยทัศน์คือ  ทิศทางที่จะไป และต้องกำหนดมาตรฐานให้เราไปอย่างเป็นเลิศ 

                วิสัยทัศน์ที่ดี  ต้องให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีการกำหนด Vision without action จะถูกมองว่าไม่ได้ประโยชน์นัก และอาจถูกมองว่าเป็นความฝัน  Mission คือพันธกิจหรือภารกิจที่เราจะทำเพื่อตอบสนองเป้าหมายของ Vision เหล่านั้น การกำหนด Vision Mission ไม่พอ ต้องมีการกำหนด Core Value ด้วย องค์กรอาจารย์จีระ เน้น สร้างสรรค์ มูลค่าเพิ่ม และความสุขในการทำงาน ผู้นำให้ความสนใจต่อ Vision การระดมความคิด  โดยรับฟังความคิดแปลกใหม่ มีคณะผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเหลือ ผสมผสานระหว่างความคิดคนในกับคนนอก วิธีการระดมความคิด จะต้องเน้นการแสดงความคิด 2 ทางคือโต้ตอบและตรงไปตรงมา

                สิ่งที่จะนำไปปรับใช้คือการสร้างวิสัยทัศน์ของผู้นำต้องกล้างคิดนอกกรอบ ให้ครอบคุมทั้งอาเชี่ยน ซึ่งจริงๆแล้ว การเคหะแห่งชาติมีประสบการณ์และองค์ความรู้อย่างมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาเป็นเวลา 45 ปีแล้ว โดยสถานะการณ์พัฒนาในกลุ่มประเทศอาเชี่ยนเราก็สามารถที่จะเข้าร่วมพัฒนาและเป็นพี่เลี้ยงให้ได้กับประเทศรอบบ้านเราทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ลาว เขมร เวียตนามและพม่า เป็นต้น ซึ่งจะสร้างมูลค่าให้กับองค์กรและเป็นการพัฒนาบุคลากรให้ออกไปสู่โลกที่กว้างขึ้น  ประสงค์ ดวงแก้ว กลุ่ม 1

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 “ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์”

การเรียนรู้วันแรก เรื่องภาวะผู้นำ เชิงวิสัยทัศน์  ได้ศึกษาจากผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในโลกหลายๆ แบบ มาวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย  นำมาเป็น ตัวอย่างในการเป็นผู้นำที่ดี คุณลักษณะที่ดีของผู้นำควรเป็นอย่างไร  นำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองและการนำในหน่วยงานหรือองค์กร ต่อไป โดยให้ลองมีวิสัยทัศน์ ที่อยู่นอกกรอบ   มีจริยธรรม  ธรรมมาภิบาล 

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 “ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์”

การเรียนรู้วันแรก เรื่องภาวะผู้นำ เชิงวิสัยทัศน์  ได้ศึกษาจากผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในโลกหลายๆ แบบ มาวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย  นำมาเป็น ตัวอย่างในการเป็นผู้นำที่ดี คุณลักษณะที่ดีของผู้นำควรเป็นอย่างไร  นำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองและการนำในหน่วยงานหรือองค์กร ต่อไป โดยให้ลองมีวิสัยทัศน์ ที่อยู่นอกกรอบ   มีจริยธรรม  ธรรมมาภิบาล 

สรุปการเรียนวันพุธที่ 14 กพ.61 สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการเป็นผู้นำที่ดีได้ ต้องมีทุมมองในหลายๆ ด้าน ได้ทราบภาวะการเป็นผู้นำจากบุคคลที่อาจารย์ยกตัวอย่างมาแต่ละท่าน ซึ่งมีทั้งเหมือนและแตกต่างกันในแต่ละประเด็น มีข้อดี ข้อเสีย ที่เราสามารถเลือกมาใช้ในการทำงาน อะไรดีก็จะนำไปปฏิบัติ

ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (1)  ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์

สิ่งที่เรียนรู้คือ ผู้นำที่ดีต้องมองภาพใหญ่  โลกมีการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคต่างๆ จนถึงปัจจุบัน ผู้นำต้องเน้นการพัฒนาสู่ความยั่งยืน  เน้นคน มองอนาคตและมีนวัตถกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ ผู้น้ำต้องมีจริยธรรมสูง เป็นตัวอย่างที่ดี ทำตัวตนให้เป็นคนมีเสน่ห์ผู้คนอยากทำงานด้วย และมองกาลไกล

ได้เรียนรู้คุณลักษณะของผู้นำแต่ละท่าน มีลักษณะแนวคิดของการเป็นผู้นำอย่างไร เช่น เนลสัน แมนเดล่า มีความกล้าหาญ ให้อภัยให้เกียรติศัตรู ฮิลลาลี่ กลินตัน มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนุกกับการคิดนอกกรอบ คิดข้ามศาสตร์เป็นต้น

ทฤษฎีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ศ.ดร.จิระ  หงส์ลดารมภ์ ใช้หลัก 8K’s + 5K’s + ศาสตร์พระราชา ร.9 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมองถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยในการพัฒนา 4 ประเภทคือ รัฐบาล ประชาชน เอกชน และวิชาการ งานวิจัยฯต่างๆที่จะเป็นองค์ความรู้ที่จะมาสนับสนุน

สิ่งที่จะนำไปใช้ในการทำงานคือการมองถึงอนาคต และการจัดการกับการเปลี่ยนแปลง และการแก้วิกฤตต่างๆที่จะเกิดขึ้น การพัฒนาต่างๆโดยยึดหลัก 2 R อยู่กับความเป็นจริง วิเคราะห์ให้ได้ เตรียมความพร้อมป้องกันความเสี่ยง การทำงานก็จะเกิดประสิทธิภาพและเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นประโชยน์สำหรับองค์กรและประชนผู้รับบริการ

                ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (2)

                วิสัยทัศน์คือ  ทิศทางที่จะไป และต้องกำหนดมาตรฐานให้เราไปอย่างเป็นเลิศ 

                วิสัยทัศน์ที่ดี  ต้องให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีการกำหนด Vision without action จะถูกมองว่าไม่ได้ประโยชน์นัก และอาจถูกมองว่าเป็นความฝัน  Mission คือพันธกิจหรือภารกิจที่เราจะทำเพื่อตอบสนองเป้าหมายของ Vision เหล่านั้น การกำหนด Vision Mission ไม่พอ ต้องมีการกำหนด Core Value ด้วย องค์กรอาจารย์จีระ เน้น สร้างสรรค์ มูลค่าเพิ่ม และความสุขในการทำงาน ผู้นำให้ความสนใจต่อ Vision การระดมความคิด  โดยรับฟังความคิดแปลกใหม่ มีคณะผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเหลือ ผสมผสานระหว่างความคิดคนในกับคนนอก วิธีการระดมความคิด จะต้องเน้นการแสดงความคิด 2 ทางคือโต้ตอบและตรงไปตรงมา

                สิ่งที่จะนำไปปรับใช้คือการสร้างวิสัยทัศน์ของผู้นำต้องกล้างคิดนอกกรอบ ให้ครอบคุมทั้งอาเชี่ยน ซึ่งจริงๆแล้ว การเคหะแห่งชาติมีประสบการณ์และองค์ความรู้อย่างมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาเป็นเวลา 45 ปีแล้ว โดยสถานะการณ์พัฒนาในกลุ่มประเทศอาเชี่ยนเราก็สามารถที่จะเข้าร่วมพัฒนาและเป็นพี่เลี้ยงให้ได้กับประเทศรอบบ้านเราทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ลาว เขมร เวียตนามและพม่า เป็นต้น ซึ่งจะสร้างมูลค่าให้กับองค์กรและเป็นการพัฒนาบุคลากรให้ออกไปสู่โลกที่กว้างขึ้น  ประสงค์ ดวงแก้ว กลุ่ม 1

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2516

ได้แนวคิด การบริหารการเปลี่ยนแปลง ได้ทราบกรณีศึกษาของ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง  การเปลี่ยนแปลงยากที่สุดคือ Internal และเน้นการสื่อสารให้มาก กรณีศึกษาของ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นการบริหารความเสี่ยง ต้องมีความชัดเจน ผู้นำต้องเปลี่ยนแปลงก่อน เมื่อเปลี่ยนแล้วต้องดีขึ้น และทุกคนมีความสุข   

การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN  เป็นการจุดประกาย CLMV  มีข้อกำหนด 10 ทำ 10 ไม่

การทำ Workshop  เสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ  3 โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย  และ 1 โครงการพัฒนาทุนมนุษย์ NHA 4.0 

การบริหารการเปลี่ยนแปลง  15 กพ.61 ภาคเช้า  อ.จันทนา สุขุมานนท์, อ.ชูชาติ มั่นครองธรรม, อ.ทำนอง  ดาศรี

                ได้แนวคิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งสำคัญที่สุดคือข้างในของตัวเราเองส่วนการเปลี่ยนแปลงในองค์กรก็เหมือนกันมีประเด็นที่ยากคือภายในส่วนภายนอกก็อยากให้เปลี่ยน การที่จะเปลี่ยนให้เกิดความสำเร็จก็มีหลายขึ้นตอนต้องมีวิสัยทัศน์ เปลี่ยนแล้วได้อะไรขึ้นมา ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนมีการวางแผนร่วมกันทั้งหมดทุกฝ่ายต้องเข้าใจตรงกันที่ชัดเจนทั้งผู้เห็นด้วยและเห็นต่าง สร้างเครื่องมือระบบ นโยบายที่ชัดเจน มีการฝึกอบรม และมีเครื่องมือในการวัดความก้าวหน้าได้

                จึงสรุปได้ว่าถ้าต้องการจะบริหารการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จต้องเริ่มที่ตัวเราระเบิดจากข้างในตัวเรา ในองค์กรของเราด้วยความชัดเจน มีเครื่องมือมีระบบมีการศึกษา และสามารถวัดความก้าวหน้าได้ และเป็นการเปลี่ยนในแนวทางที่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ภาคบ่าย

การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN EconomicCommunity (AEC)  รศ.ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช , ดร.จิระหงศ์ลดารมภ์

                การที่จะทำธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเชี่ยนมีทั้งสมาชิเก่า และใหม่ เช่น ประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งจะต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้านอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ ต้องลงไปดูด้วยตัวเอง หรือไปดับภาครัฐ และในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยก็ยังมีโอกาส เรานำประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วไปพัฒนา อาจจะเป็นความร่วมมือหรือเป็นการช่วยเหลือ การทำธุระกิจก็จะเน้นเรื่องการผลิตแล้วส่งออกมีแรงงานราคาถูก และได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษี เพราะเป็นกลุ่มประเทศด้อยพัฒนา

                การแบ่งกลุ่มการนำเสนอการพัฒนาโครงการกลุ่ม 1 ได้นำเสนอการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศ สปป.ลาวซึ่งเป็นการคิดนอกกรอบที่อาจารย์อยากให้คิดข้ามพรมแดนและได้วิเคราะห์แนวทางที่จะศึกษาความเป็นไปได้ และกฎหมาย กฎระเบียบ ภาคีและหน่วยงานที่จะมีความร่วมมือ เราจะไปได้อย่างไร เป็นการร่วมทุน หรือลักษณะการช่วยเหลือซึ่งจะต้องศึกษาต่อไป

ประสงค์  ดวงแก้ว กลุ่ม 1

การบริหารการเปลี่ยนแปลง  15 กพ.61 ภาคเช้า  อ.จันทนา สุขุมานนท์, อ.ชูชาติ มั่นครองธรรม, อ.ทำนอง  ดาศรี

                ได้แนวคิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งสำคัญที่สุดคือข้างในของตัวเราเองส่วนการเปลี่ยนแปลงในองค์กรก็เหมือนกันมีประเด็นที่ยากคือภายในส่วนภายนอกก็อยากให้เปลี่ยน การที่จะเปลี่ยนให้เกิดความสำเร็จก็มีหลายขึ้นตอนต้องมีวิสัยทัศน์ เปลี่ยนแล้วได้อะไรขึ้นมา ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนมีการวางแผนร่วมกันทั้งหมดทุกฝ่ายต้องเข้าใจตรงกันที่ชัดเจนทั้งผู้เห็นด้วยและเห็นต่าง สร้างเครื่องมือระบบ นโยบายที่ชัดเจน มีการฝึกอบรม และมีเครื่องมือในการวัดความก้าวหน้าได้

                จึงสรุปได้ว่าถ้าต้องการจะบริหารการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จต้องเริ่มที่ตัวเราระเบิดจากข้างในตัวเรา ในองค์กรของเราด้วยความชัดเจน มีเครื่องมือมีระบบมีการศึกษา และสามารถวัดความก้าวหน้าได้ และเป็นการเปลี่ยนในแนวทางที่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ภาคบ่าย

การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN EconomicCommunity (AEC)  รศ.ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช , ดร.จิระหงศ์ลดารมภ์

                การที่จะทำธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเชี่ยนมีทั้งสมาชิเก่า และใหม่ เช่น ประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งจะต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้านอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ ต้องลงไปดูด้วยตัวเอง หรือไปดับภาครัฐ และในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยก็ยังมีโอกาส เรานำประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วไปพัฒนา อาจจะเป็นความร่วมมือหรือเป็นการช่วยเหลือ การทำธุระกิจก็จะเน้นเรื่องการผลิตแล้วส่งออกมีแรงงานราคาถูก และได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษี เพราะเป็นกลุ่มประเทศด้อยพัฒนา

                การแบ่งกลุ่มการนำเสนอการพัฒนาโครงการกลุ่ม 1 ได้นำเสนอการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศ สปป.ลาวซึ่งเป็นการคิดนอกกรอบที่อาจารย์อยากให้คิดข้ามพรมแดนและได้วิเคราะห์แนวทางที่จะศึกษาความเป็นไปได้ และกฎหมาย กฎระเบียบ ภาคีและหน่วยงานที่จะมีความร่วมมือ เราจะไปได้อย่างไร เป็นการร่วมทุน หรือลักษณะการช่วยเหลือซึ่งจะต้องศึกษาต่อไป

ประสงค์  ดวงแก้ว กลุ่ม 1

การเปลี่ยนแปลง ต้องเริ่มจากการสำรวจตัวเองว่า มีพฤติกรรมใดบ้างที่ต้องเปลี่ยน โดยสอบถามจากคนรอบข้าง แล้วปรับปรุงตนเองให้ได้ โดยมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ 7 ข้อ คือ

1. Be proactive

2. Put the end in mind

3. Pioritise

4. Listenning more

5. Energize peple

6. Think win win

7. Sharpen your soul

โดยมีปัจจัยที่จะบริหารการเปลี่ยนแปลงได้ คือ ต้องมี Competencies ,Vision ,As a role model,Energize people

เราต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการเอาชนะเล็ก ๆ  

ได้รับความรู้เกี่ยวกับ AEC เพิ่มเติม คือ ประเทศใน  CLMV  มีความต้องการให้พัฒนาที่อยู่อาศัยอยู่มาก

การเปลี่ยนแปลงตนเองในจุดที่เห็นว่ายังเป็นจุดด้อยให้ดีขึ้น โดยนำหลักแนวคิดของอาจารย์มาใช้เพื่อสร้างแรงบรรดาลใจในการเปลี่ยนแปลงพัฒนาองค์กรให้ไปสู่การเป็นองค์กรชั้นนำในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศ

15.กพ.61

ช่วงเช้า หัวข้อ ^ การบริหารการเปลี่ยนแปลง^

ประเด็นที่น่าสนใจ

อ.จันทนา

   - ปัจจุยันการเปลี่ยนแปลงจะใช้คำว่า  transformer มากกว่า change เพราะกาเปลี่ยนแปลงจะต้องเปลี่ยนแล้วดีขึ้นไม่กลับมาเหมือนเดิมอีก

   - การเปลี่ยนแปลงในองค์กรค่อนข้างที่จะทำยากหากไม่มีปัจจัยภายนอกมากดดัน

   - การจะเป็นผู้นำ (CEO) ที่ยิ่งใหญ่ได้ต้องมีการสื่อสาร ( Communication) ที่ดี

   - การเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงจากข้างในของเราให้ดีขึ้น แล้วจะส่งผลให้องค์กรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน

อ.ชูชาติ

   - การเปลี่ยนแปลง "ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง" ต้องมีการจัดการและวางแผน

   - การเปลี่ยนแปลงมีทั้งเชิงรุกเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และเชิงรับอาจมีแรงกดดัน

ช่วงบ่าย หัวข้อ " การบริหารธุรกิจในยุคอาเซียน (ASEAN) "

อ.อัทธ์

   - CLMVT ในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา, สปป.ลาว ,เมียนมา, เวียดนาม, และไทย

   - ข้อคิดและประเด็นที่ควรทำ และไม่ควรทำในการพัฒนาในเขตอาเซียน และ CLMV ในด้านต่างๆ

   - การพัฒนาที่อยู่อาศัยต้องได้รับความสนับสนุนและความร่วมมือระหว่างรัฐบาล

ต่อด้วยการเลือกหัวข้อการทำ  workshop

กลุ่ม 2 เลือกการพัฒนาทุนมนุษย์ ภายในการเคหะ  NHA 4.0

เพื่อปิดช่องว่างของ Genneration gaps

15 กพ.61 ได้เรียนรู้การบริหารการเปลี่ยนแปลง ว่าควรเริ่มที่ผู้บริหารเป็นแบบอย่าง เพราะหากผู้บริหารไม่เริ่มก็ยากที่จะมีผู้ทำตาม ฉะนั้นก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง และเราต้องหัดเรียนรู้ธุรกิจในยุคAEC ว่าควรไปในทิศทางใด เช่นเข้าไปพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งยังขาดแคลนที่อยู่อาศัยอยู่มาก ซึ่ง กคช.ก็น่าที่มีโอกาสต่อยอดผลิตภัณฑ์ของเราให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

สรุปการเรียนวันที่15กพ.61

ภาคเช้า การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)

อ.จันทนา สุขุมานนท์

การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มที่ตัวเรา เปลี่ยนยากแต่ทำได้ และปัจจัยภายนอกจะเป็นตัวผลักดันให้เราต้องเปลี่ยน 

ส่วนผู้นำการเปลี่ยนแปลงต้องเข้าใจและสื่อสารให้ตรงแต่ละคน

อ.ชูชาติ มั่นครองธรรม

กรณีศึกษาการย้ายกองสลากจากราชดำเนินไปยังสนามบินน้ำ เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลง

อ.ทำนอง ดาศรี 

สรุปขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง

ไว้7ขั้นตอน

ภาคบ่าย

การบริหารธุรกิจในยุคAsean Economic community(AEC)

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช

การลงทุนธุรกิจในอาเซียน CLMV ควรจะต้องศึกษาอะไรอย่างไรในแต่ละประเทศเช่นนโยบายเศรษฐกิจ กฎหมายศักยภาพของประเทศและสิ่งทีต้องมีเช่นconnection/Patnerทางธุรกิจ

การทำworkshop3

Change&Project

1).โครงการที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

1.คิดโครงการเพื่ออนาคต ทีตอบโจทย์ กคช.4.0 พร้อมเหตุผล

2)วิเคราะห์ตัวละคร4กลุ่ม

ซึ่งทั้ง4กลุ่มได้นำเสนอไว้4เรื่อง

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 “การบริหารการเปลี่ยนแปลง”และ “การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) ”

การเรียนรู้ในวันที่สอง  เรื่องการบริหารการเปลี่ยนแปลง  ได้รู้ถึงวิธีคิดการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเองก่อนในทางที่ดีขึ้น จึงจะสามารถเปลี่ยนองค์กรได้ การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ในเรื่องควรให้มีFeedBack กลับมาจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนำมาปรับตัวเอง การตั้งคำถามตัวเองในประเด็นจะพูดตามหัวข้ออะไร   กระบวนการเปลี่ยนแปลงมีทั้งเชิงรุก และเชิงรับ

มุมมองการลงทุนในด้านต่างๆของประเทศในกลุ่มASEAN  วิธีการลงทุนในลักษณะสอนงาน จะประสบความสำเร็จ

ขอชื่นชมทีมงานอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ สรุปการบรรยายของวิทยากร แต่ละวิชาและประเด็นต่างๆ ได้ครอบคลุม ชัดเจน รวดเร็วครับ

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 16 กุมภาพันธ์  2561

แนวคิดการบริหารกลยุทธ์องค์กร เมื่อกำหนดทิศทางองค์กรแล้ว การบริหารกลยุทธ์องค์กรเป็นเรื่องสำคัญต้องให้สอดคล้องตามแผนที่วางไว้และต้องวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องจึงประสพความสำเร็จ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแต่ในการเปลี่ยนแปลงมีความเชื่อมโยงกันเช่นการพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ  สำหรับการเคหะแห่งชาติ ในอนาคตจะต้องพัฒนาเมืองเป็นแบบ Smart City

แนวคิดบริหารธุรกิจในยุค AEC ต้องให้ยั่งยืนโดยคิด แบบ Macro ทำแบบ Micro ให้ดูผลลัพท์ที่ต้องการแล้วมาปรับกระบวนการนำเทคโนโลยีมาใช้ การจะมีนวัตกรรมต้องยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และควรมีคำว่านวัตกรรมอยู่ในวิสัยทัศน์  นวัตกรรม จะเป็นสิ่งใหม่หรือสิ่งเดิมมาปรับปรุงใหม่ก็ได้

นายบัณฑูรย์ มนธาตุผลิน

จากความรู้ที่ได้รับทั้ง3. วันนั้น สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาตนเองและองค์กรได้ ทั้งในเรื่องของภาวะผู้นำ การบริหารการเปลี่ยนแปลง และกลยุทธในการบริหารงานองค์กร. ซึ่งการที่องค์กรจะได้รับการพัฒนานั้น ผู้นำและผู้ร่วมองค์กรมีความสำคัญ จึงควรมรการวิเคราะห์ด้วยการนำหลักการและทฤษฎีการบริหารต่างๆเข้ามาช่วยในการพัฒนาองค์กรในยุคไทยแลนด์4.0

นายบัณฑูรย์ มนธาตุผลิน

จากความรู้ที่ได้รับทั้ง3. วันนั้น สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาตนเองและองค์กรได้ ทั้งในเรื่องของภาวะผู้นำ การบริหารการเปลี่ยนแปลง และกลยุทธในการบริหารงานองค์กร. ซึ่งการที่องค์กรจะได้รับการพัฒนานั้น ผู้นำและผู้ร่วมองค์กรมีความสำคัญ จึงควรมรการวิเคราะห์ด้วยการนำหลักการและทฤษฎีการบริหารต่างๆเข้ามาช่วยในการพัฒนาองค์กรในยุคไทยแลนด์4.0

การบริหารกลยุทธ์องค์กร  รศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์  16 กพ.61

                ได้ข้อคิดในการบริหารแผนกลยุทธ์อยากให้องค์กรสำเร็จ ประเทศชาติเจริญ ต้องวางแผนให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงการวิเคราะห์ SWOT ต้องให้มีคุณภาพ หรือลองวิเคราะห์เริ่มต้นจาก TOWSจุดอ่อน มี 2 ประเภท จุดอ่อนที่แก้ไขได้ กับจุดอ่อนที่แก้ไขไม่ได้ทิศทางองค์กรต้องวางจากสั้นไปหายาว วันนี้ทำอะไร พรุ่งนี ปีนี้ 3 ปี 5 ปี ทำอะไร  ปรับแนวคิดให้เจ็ง วางทิศทางให้ตรงโลกจะเข้าสู่ยุค 5 G แล้ว เป็นยุค Computer + telecom เป็นโลกของโลกาภิวัฒน์ช้าไม่ได้แล้ว

                ส่วนภาคบ่ายเป็นการบริหารธุรกิจในAECอ.พูลสวัสดิ์  เผ่าประพัธน์ พูดถึงการทำธุรกิจในปัจจุบันนี้โลกไม่เคยหยุดนิ่ง ต้องมีนวัตกรรม การทำธุรกิจต้องยึกลูกค้าเป็นศูนย์กลางมองความต้องการของลูกค้าและสังคมหรือสร้างนวัตกรรมจากข้อร้องเรียนว่าอยากให้เราทำอะไรให้ ทำสิ่งใหม่เอี่ยมไม่เคยมีมาก่อน หรือปรับปรุงของเดิมให้เกิดประโยชน์และเพิ่มมูลค่าและต้องได้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคมเช่นการคิดทำสมอบกกั้นรถชนร้านของ CP All เป็นต้นการเคหะแห่งชาติก็ต้องมีนวัตกรรมของตนเองมาตอบสนองความต้องการหรือการบริการของงลูกค้าให้ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในทุกวันนี้ให้ได้และได้คำแนะนำว่า วิสัยทัศน์ของการเคหะฯก็ควรจะปรับเปลี่ยนให้ชี้ชัดและเชื่อมโยงกันและบอกถึงมีนวัตกรรมอะไรในวิสัยทัศน์ด้วย

<hr><p>วันที่ 15 กพ.61</p><p>ภาคเช้าของ อ.จันทิมาฯ ในการบริหารการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดจากภายใน (inner) และตั้งใจ โดยวิเคราะห์จากปัจจัยภายนอกของอดีตมาถึงปัจจุบัน และตั้งเป้าหมายกำหนดทิศทางของอนาคตอย่างตั้งใจ เราจะเปลี่ยนอย่างไร Why, How, What, When เพื่อให้มีการพัฒนาขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าประสงค์ โดยมีกรณีศึกษาคือ การย้ายสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งจะต้องมีผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมีทั้งเชิงรุกเชิงรับ และมีทั้งผู้ได้ผู้เสีย เพราะฉะนั้นในการเปลี่ยนแปลงต้องมี vision ว่าเปลี่ยนแล้วได้อะไร ผู้นำผู้บริหารต้องเกี่ยวข้องทุกขั้นตอน มีการวางแผนงานร่วมกัน เข้าใจตรงกัน มีการสื่อสารทุกขั้นตอน มีการให้ความรู้และตัววัดความก้าวหน้า</p><p>ภาคบ่าย (อาจารย์อัท) </p><p>เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน หรือ AEC ได้ข้อคิดในเรื่อง CLMV ที่อยู่ใกล้เคียงข้างกับประเทศเรา ในการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบกับประเทศและองค์กร มีตัวอย่างเช่น ซีพีและ ปตท. ที่มีการบริหารการเปลี่ยนแผลงที่ดี ส่งผลให้ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายและเติบโตต่อไปได้ และการบริหารการเปลี่ยนแปลงในอาเซียนต้องมี 10ทำ 10ไม่ การเคหะฯเอง มีทรัพย์สินที่ดินมากมายจะพัฒนาและเพิ่มมูลค่าหรือคุณค่า ต้องรู้จักเชื่อมโยงและพิจารณา CLMV ในการขยายพื้นที่และต่อยอดสร้างเพิ่มมูลค่า หนือสร้างนวัตกรรม</p>

<hr><p>วันที่ 15 กพ.61</p><p>ภาคเช้าของ อ.จันทิมาฯ ในการบริหารการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดจากภายใน (inner) และตั้งใจ โดยวิเคราะห์จากปัจจัยภายนอกของอดีตมาถึงปัจจุบัน และตั้งเป้าหมายกำหนดทิศทางของอนาคตอย่างตั้งใจ เราจะเปลี่ยนอย่างไร Why, How, What, When เพื่อให้มีการพัฒนาขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าประสงค์ โดยมีกรณีศึกษาคือ การย้ายสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งจะต้องมีผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมีทั้งเชิงรุกเชิงรับ และมีทั้งผู้ได้ผู้เสีย เพราะฉะนั้นในการเปลี่ยนแปลงต้องมี vision ว่าเปลี่ยนแล้วได้อะไร ผู้นำผู้บริหารต้องเกี่ยวข้องทุกขั้นตอน มีการวางแผนงานร่วมกัน เข้าใจตรงกัน มีการสื่อสารทุกขั้นตอน มีการให้ความรู้และตัววัดความก้าวหน้า</p><p>ภาคบ่าย (อาจารย์อัท) </p><p>เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียน หรือ AEC ได้ข้อคิดในเรื่อง CLMV ที่อยู่ใกล้เคียงข้างกับประเทศเรา ในการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบกับประเทศและองค์กร มีตัวอย่างเช่น ซีพีและ ปตท. ที่มีการบริหารการเปลี่ยนแผลงที่ดี ส่งผลให้ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายและเติบโตต่อไปได้ และการบริหารการเปลี่ยนแปลงในอาเซียนต้องมี 10ทำ 10ไม่ การเคหะฯเอง มีทรัพย์สินที่ดินมากมายจะพัฒนาและเพิ่มมูลค่าหรือคุณค่า ต้องรู้จักเชื่อมโยงและพิจารณา CLMV ในการขยายพื้นที่และต่อยอดสร้างเพิ่มมูลค่า หรือสร้างนวัตกรรม</p>

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561   การบริหารกลยุทธ์องค์กร โดย “รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์.”

การวิเคราะห์อนาคตให้ถูกต้อง  คือหัวใจในการบริหารเนื่องจากโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว  วิเคราะห์โดยมีข้อมูล ต้องวางแผนทิศทาง ระยะสั้น  กลาง ยาว

Key Success Factor การบริหารสู่ความสำเร็จ                                                                                      

  • พัฒนาระบบคิด วิเคราะห์ก่อน ไม่ติดกับเชื่ออะไรง่ายๆ
  • ต้องรู้ตัวเอง  แต่ไม่ติดกับมองแต่มุมตัวเอง
  • อย่าเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่
  • ไม่ติดกับดักประสบการณ์  คิดใหม่ๆไปสู่อนาคต

การวางแผนกลยุทธ์ เน้นเฉพาะ เรื่องสำคัญ ต้องรู้จักเชื่อมโยง อดีต ปัจจุบัน  อนาคต คิดวิเคราะห์  เปรียบเทียบ ความเป็นไปได้

การบริหารธุรกิจในยุค  ASEAN Economic Community (AEC) โดย “คุณพูลสวัสดิ์  เผ่าประพัธน์”

เปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า  ต้องมีนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้า ต้องเปลี่ยนความคิดให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นวัตกรรมคือการเปลี่ยนความคิด   

การประเมินผล ต้องดูที่ผลลัพธ์เป็นสำคัญ  การปรับปรุงกระบวนการ ก็ต้องมุ่งเน้นที่ผล

ประทับใจแนวคิด กระบวนหานวัตกรรมใหม่  ด้วยการจัดประกวดแข่งขัน  การต่อยอดจากภูมิปัญญาเดิม แก้ไขปัญหาเดิม ให้ง่าย และสะดวกขึ้นตอบโจทย์บริบทในปัจจุบัน  


 16 ก.พ 61 

การกำหนด Vision ขององค์กร ต้องย่อให้สั้น ๆ เข้สใจง่าย

หัวใจของความสำเร็จ คือคุณภาพของการทำ SWOT ซึ้งต้องมีความสามารถวิเคราะห์อนคต ได้เจ๋ง โดยต้องปรับระบบความคิด ฝึกให้มองอนาคตให้เก่ง

หัวใจของการวิเคราะห์ให้สำเร็จ

1.  MIND SET RETHINKING คือแทนที่จะมองว่าอดีต เกิดอะไรขึ้น ต้องฝึกมองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอาคต

2.ต้องมีความรู้เกี่ยวกับตัวเอง ต้องล้มกับดักให้ได้ คือ

2.1 อย่ามองจากมุมตัวเอง

2.2 อย่าเชื่อคนง่าย ๆ

2.3 อย่าเชื่อตามความเคยชิน

2.4 กับดักประสบการณ์ เพราะปัจจุบันสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาจจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต

ยุคDIGITAL จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 4 เรื่องหลัก ๆ คือ

1. E-COMMERCE

2. E-BANKING

3. FINTECH

4. BLOCKCHAIN

แนวคิดในการบริหารองค์กรสู่ความยั่งยืน ต้องมีกระบวนการที่ดีที่สำคัญกับผลลัพธ์ที่สำคัญ โดยต้องมองที่ผลลัพธ์ก่อนว่าต้องการอะไร แล้วทำกระบวนการให้เกิด เอาผลลัพธ์มาดูว่าเราประสบความสำเร็จในเรื่องอะไร

เรื่อง Smart City   ต้องทำร่วมกันหลายหน่วยงานไม่สามารถ ทำเพียงหน่วยงานเดียวได้ เพราะมีหลายเรื่อง ที่จะประกอบเป็น Smart City  คือ

- Public Transportation

- IT Connectivity

- Water

-Power Supply

- Sanitation

- Sold Waste Management

-Urban Mobility

- E- Governance

- Citizen Participation

สรุปการเรียน 16กพ.2561

การบริหารกลยุทธ์องค์กร (1)

โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์

องค์กรหรือคน

1. ต้องมีความสามรถวางแผนได้สอดคล้องกับโลกแห่งการเปลียนแปลง ต้องทันโลก ทันเหตุการณ์  และรู้จักตนเอง รวมๆคือการทำSWOT

2.การวิเคราะห์SWOTต้องมีคุณภาพและเป็นเลิศ ต้องมีความสามารถมาก ไม่ง่ายเหมือนในอดีต

3.การจัดการกับอนาคต โดยการวิเคราะห์ วาง และจัดการแต่ละช่วงแผน( สั้น กลาง ยาว)

3/5/10เป็นต้น

โดยสรุปการจัดการเชิงกลยุทธ์ขององค์กรต้องเริ่มที่การวิเคราะห์SWOTที่มีคุณภาพซึ่งต้องอาศัยความสามารถ(ใคร)และเป็นหัวใจสู่ความสำเร็จ และนำมากำหนดหรือวางทิศทางขององค์กรคือVision Mission เป้าประสงค์ กลยุทธ์ Action planแลเต้องมีKpi หรือดัชนีตัวชี้วัดกำกับ เช่นการวางทิศทางการเข้าสู่โลกdigital จะต้องทำอย่างไร เมื่อโลกสู่5Gกระทบใครบ้าง และต้องดูหรือให้ความสำคัญStrategic gapช่องว่างเชิงกลยุทธ์คือช่องว่างระหว่างการวางทิศทางไม่ตรงกับความเปลี่ยนแปลง(Change)ซึ่งหัวใจสำคัญที่เป็นปัญหาที่ทำให้บริหารยากมากคือระบบคิดของคนปรับไม่ทัน ดังนั้น Key success factor ในการบริหารสู่ความสำเร็จคือ ต้องพัฒนาระบบคิด mind set คน ในการสามารถวิเคราะห์Swot ที่เป็นเลิศ และมีความสามารถในการมองโดยต้องรู้จักตนเองระวังกับดักความเชื่อและอย่าเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ และสิ่งที่ควรทำคือการพัฒนาคนในองค์กรให้เป็นStrategic Thinker เพราะทุกวันนี้ โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มากมาย และเราหนีไม่พ้น..

สรุปการเรียนรู้จากอาจารย์ ศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์ช่วงสั้นๆจากการฟังบรรยายแนวคิด ทฤษฏี และประสบการณ์ที่ถ่ายทอด ถือว่าเป็นความรู้ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งครับ..สมบูรณ์ แพรงาม หลักสูตรพัฒนาผู้บริหารฯ กคช.

16 กพ.61 การบริหารกลยุทธ์องค์กร ต้องวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ภายนอกให้ถูกต้อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งกคช.ต้องพัฒนาให้ก้าวไกล ส่วนกรณีศึกษาของบริษัทซีพีฯ มีการนำเสนอนวัตกรรมของหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้ทราบการพัฒนางานเพื่อความรวดเร็วทันสมัย เราต้องทำงานเป็นทีม หมั่นเรียนรู้ให้ทันโลก

สรุป การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Communitiy (AEC): กรณีศึกษาของบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)

โดย คุณพูลสวัสดิ์ เผ่าประพัธน์

ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรม

บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)

วันที่ 16กุมภาพันธ์ 2561

แนวคิดในการบริหารองค์กรสู่ความยั่งยืน

ต้องมองที่Business Processes และเริ่มทีChange :Innovation ปัจจัยทีทำให้องค์กรยั่งยืน  คือการพัฒนา คน สินค้า บริการ  เทคโนโลยี่ สิ่งแรกต้องทำ input process output  process คือกระบวนการ การมอง input output สิ่งสำคัญคือคนต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและองค์กรต้องเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ถ้าเป็นองค์กรไม่เรียน  รู้ก็จบ คนSmart ควรมองภาพMacro และเจาะภาพย่อยMicro จะทำให้work smart องค์กรส่วนใหญ่รู้Process

กคช.ควรทำโปรโมท นวัตกรรม tranvation ใกล้ตัว ให้ลูกค้าเป็นcenter มองที่ลูกค้า นวัตกรรมคือเปลี่ยนความคิด 

TQA/SEPA

โอกาสในการปรับปรุงองค์กรตามเกณฑ์ดังกล่าว มี6-7เรื่อง ทำให้ชัดเจนเป็นสีเขียวและผลลัพภ์จะดีเอง

ความสำคัญของVision และพันธกิจองค์กร ต้องเน้นที่Innovation 

โมเดลประเทศไทย4.0จะขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม 

การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม 

แนวทางสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่

สรุปการบรรยายที่วิทยากรและตัวอย่างโครงการนวัตกรรมใหม่ๆที่CP ALL ได้ดำเนินการและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน เป็นสิ่งทีน่าสนใจและมีประโยชน์อย่างยิ่ง ..สมบูรณ์ แพรงาม

 หลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารฯ กคช.

สรุปวันที่ 16 กพ. 61

ภาคเช้า อ.สมชาย

การบริหารกลยุทธ์องค์กร เป็นการวิเคราะห์ SWOT ความสามารถในการวางแผนให้สอดคล้องกับโลกความเปลี่ยนแปลง และสอดคล้องกับตัวเอง ซึ่งปัจจุบันควรเริ่มที่ตัว O และ T คือโอกาสจังหวะและภยันตรายที่จะกระทบ โดยใช้ common senst ในการวิเคราะห์หัวใจสู่ความสำเร็จอยู่ที่คุณภาพของ SWOT หรือ TOWS matrix ปรับระบบความคิด (mindset) มองการไกลให้เก่ง สร้าง mission กำหนดทิศทาง วางกลยุทธ์ (actionplan) ให้สอดคล้องเชื่อมโยง เน้นในเรื่องที่สำคัญเพื่อให้บรรลุ vission และในการที่จะไปให้ถึง vission ต้องมีการวิเคราะห์ Action Plan เป็นช่วง สั้น-กลาง-ยาว ซึ่งระหว่างทางอาจเจอช่องว่างเชิงกลยุทธ์ Strategic Gap คือช่องว่างระหว่างทิศทางไม่ตรงกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมาจากระบบคิดที่ปรับไม่ทัน ซึ่งต้องมีการพัฒนาระบบความคิด Mindset ให้มาก พัฒนาคนในองค์กรให้เป็น Strategic Thinker

ภาคบ่าย อ.พูลสวัสดิ์

การบริหารในยุค AEC ในภาวะโลกมีการเปลี่ยนแปลงมีวิวัฒนาการใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้ทุกองค์กรต้องมีนวัตกรรม และวิเคราะห์ input procreas output คือ output เปลี่ยนไป มาจากสาเหตุไหนและเพราะอะไร ต้องมอง input และ output  และบริหารจัดการส่วนProcess และทำงานอย่างรู้เหตุรู้ผล เรียกว่า smart เลือกทำในสิ่งที่ควรทำให้องค์กรเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา มองภาพรวมเป็น macro แล้วทำ micro จะทำให้เกิด work smart ไม่ใช่ work hard การสร้างแบรนด์และการทำให้แบรนด์มี value สูง การเคหะฯ ต้องพิจารณาและปรับ mindset ในความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น Grap taxi, traveloka, uber และอื่นๆ ซึ่งอาจจะดูผลลัพธ์ output เพื่อย้อนปรับกระบวนการ process และมองภาพ macro ให้ออก สร้างนวัตกรรมและนำเสนอให้เป็นรูปธรรม เกิดจุดเด่นสร้างความชัดเจนของแบรนด์  และใน AEC หรือ CLMV ควรเป็นเป้าหมายการขยายพรมแดนของการเคหะฯ

วันที่ 3 ของการอบรม 16 กพ.61

ช่วงเช้า การบริหารกลยุทธ์องค์กร

อ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

  1. หัวใจที่จะประสบความสำเร็จในการบริหารกลยุทธ์องค์กร คือ คุณภาพของ SWOT  โดยเริ่มจากและ T
  2. การจัดการเชิงกลยุทธ์องค์กร เริ่มจาก swot เพื่อปรับปรุง วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ action plan และวัดผลด้วย kpi
  3. โลกก้าวสู่  SMART CITY & SMART HOME 
  4. การเปลี่ยนแปลงแต่ละยุคเริ่มจาก   ยุคเกษตรกรรม ->ยุคอุตสาหกรรม-> ยุค digital -> ยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4
  5. GMS แบ่งออกเป็น 3 แนว ได้แก่            1. East - west ( EWEC)                      2. North - South (NSEC)                    3. เศรษฐกิจตอนใต้ (SEC)

    การปฎิวัติอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางการเงิน มีดังนี้              1. E_Commerce                                  2. E_Banking                                        3. Fintech                                            4. Blockchain                                  ช่วงบ่าย การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC)                                                    อ.พลูสวัสดิ์ เผ่าประพัธน์                    

กระบวนการที่สำคัญ มี 5 กระบวนการ

  1. กระบวนการสร้างกำไร เมื่อinput ทางลูกค้า ตลาด เทคโนโลยี่ สภาพแวดล้อม มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเราต้องมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานต่างๆ ให้ดีขึ้น 
  2. กระบวนการสร้างความพึงพอใจ ต้องรู้ว่าลูกค้ามีความพึงพอใจหรือไม่พอใจ โดยการสำรวจ ตามช่วงเวลา เมื่อทราบผลสำรวจนำมาปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น
  3. กระบวนการสร้างแบรนด์ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กร ทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดการยอมรับ ผูกพันกับองค์กร ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือตั้งแต่ผู้บริหารถึงผู้ปฎิบัติงานทุกคน
  4. กระบวนการสร้างแบรนด์ ต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง นำนวัตกรรมใหม่ๆที่จะตอบสนองความต้องการทีาหลากหลายของลูกค้าภายในงบประมาณ เวลาที่มีอยู่ ลดต้นทุน สร้างผลกำไรมากขึ้น
  5. กระบวนการประเมินผลต้องมีตัวชี้วัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

ความสำคัญของวิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร

        - การปรับปรุง วิสัยทัศน์ ก็โดยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้เกิดงานใหม่ๆ การที่เคหะๆจะเป็น Smart city ได้ต้องมีการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน

แนวคิดเรื่องประเทศไทย 4.0

         - เน้นต้นทุนต่ำ - เน้นการสร้างมูลค่า โดยใช้นวัตกรรม เป็นสิ่งที่การเคหะย้งขาดอยู่

การสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม

         - ต้องคิดเรื่องสินค้าที่ลูกค้าต้องการ -> ความสะดวกสบานของลูกค้า -> การทำงานที่มีประสิทธิภาพ => ใช้นวัตกรรม



วิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง

    การบริหารกลยุทธ์องค์กร ได้มีการเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายจากความชาญฉลาดของมนุษย์ที่อาจารย์ได้ยกตัวอย่างเชื่อมเชื่อมโยงกับภากิจขององค์ และความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมองไปในอนาคต มีการวิเคราะห์ วางแผน และการบริหารจัดการที่ดีให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กรโดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นภารกิจของการเคหะแห่งชาติ

    สำหรับการบริหารในยุค AEC มีการแข่งขันกันมากขึ้น เราต้องพร้อมตลอดเวลาที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ปรับตัวให้ทัน มีเป้าหมายที่ชัดเจนและสร้างสรรค์นวัตกรรมรวมเพื่อจะได้ก้าวทัันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันที่ 16กพ.2561

คือกระบวนการในการทำแผนกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรโดยการวางแผนระยะสั้น ระยะยาว เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง

ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (1)

การเรียนรู้ในวันแรก เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ โดยเอาความรู้ที่มีอยู่คือ 2 R’s (Reality + Relevance ) มาปลดล๊อคพลังที่ซ่อนไว้อยู่ข้างในให้เกิดพลังความคิดเพื่อให้เกิดการทำงานที่มีคุณค่า  ที่สำคัญพลังเรียนรู้เป็นทีม Value Diversity สร้างคุณค่าจากความหลากหลายเนื่องจากทุกคนมีคุณค่าที่ไม่เหมือนกัน จึงเป็นการมาบูรณาการความรู้ และได้เรียนรู้พื้นฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทฤษฎี 8K’s การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์ ทฤษฎี 5K’s  ซึ่งเมื่อนำหลัก ทฤษฎี 8K’s + ทฤษฎี 5K’s  คือ ปลูก คือการพัฒนา เก็บเกี่ยว การใส่คำถามให้ตอบ และการลงมือทำให้สำเร็จ

ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (2)

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ 3 ประการ ประกอบด้วย คน – องค์กร – ผลประกอบการ / ความเป็นเลิศ และการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องมีองค์ประกอบคือ องค์กรน่าอยู่ ทันสมัย คล่องตัว มีการพัฒนาบุคคลากรให้มีความรู้ ทักษะ ความสามารถในด้านต่างๆ และสุดท้ายต้องมีแรงจูงใจให้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ และในการทำงานเราต้องมี Happy at work และ Happy workplace บางครั้งต้องมี Flexible work  และการฝึกอบรมคนอยู่ที่ Process คือสอนโดยให้เบ็ดไปตกปลาไม่ได้ให้ปลา

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบริหารการเปลี่ยนแปลง (1) กรณีศึกษาของ...บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวงโดย คุณจันทนา สุขุมานนท์

 Change Management การเปลี่ยนแปลงในองค์กร มี Internal Factor สิ่งที่พบคือเปลี่ยนข้างในยากแต่ External Factor บังคับให้เราเปลี่ยน  ถ้าเราทำเหมือนเดิมผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิมสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือข้างในของเราต้องมีความตั้งใจต้องเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ให้เป็นน้ำครึ่งแก้ว จะเติมวิตามินอะไรต้องรู้ว่าเราขาดอะไรจะเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น การทำงานที่ดีมี 4 ส่วน คือ 1. Think the business 2. Deliver Results 3. Act as a role model 4. Energize People และสิ่งที่ควรต้องระวัง คือ การทำงานไปเรื่อย ๆ จะติดอยู่ใน Comfort Zone ไม่ Proactive แล้วจะทำให้แย่มากกว่าดี และ7 Habits ที่เกี่ยวกับตัวเราเอง คือ 1. ต้องทำมากกว่าที่เขาคาดหวัง 2. ต้องตั้งเป้าหมาย ต้องมี Target 3. ต้องรู้ว่าอะไรทำก่อนทำหลัง 4. ฟังมากขึ้น 5. ทำงานเป็นทีม 6. ต้องคิด win-win 7. ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา

กรณีศึกษาของ… สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คุณชูชาติ มั่นครองธรรม

การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ศาสตร์เดียวในการทำงานแต่ใช้หลายศาสตร์ผสมกัน คือ Change Management ,Risk Management, Business Continuing Plan การเปลี่ยนแปลงมีทั้งเชิงรุก และเชิงรับ การบริหารการเปลี่ยนแปลง ใช้หลักทฤษฎี 1. ผู้นำต้องนำก่อน 2. มีการประชาสัมพันธ์ 3. สร้างพันธมิตร  4. พวกมากลากไป 5. กำหนดเวลา

 การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (1/1) โดย รศ.ดร. อัทธ์ พิศาลวานิช

วัตถุประสงค์ของ AEC คือการเป็นฐานการผลิตเดียวกัน เป็นตลาดเดียวกัน หมายถึง 1. ไม่มีกำแพงภาษี 2. เป็นฐานการผลิตเดียวกัน และควรมีการ Upgrade สินค้าเป็นพรีเมียม การปรับกฎระเบียบ มีการอบรมหรือสอนคน และหา Partner ที่รัฐรับรอง

 การบริหารกลยุทธ์องค์กร (1)โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

การจัดการเชิงกลยุทธ์ หัวใจข้อแรกสู่ความสำเร็จคือการมอง SWOT เป็น คุณภาพของ SWOT คือต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์อนาคตได้ทั้งสั้น กลาง ยาว ต้องมีความสัมพันธ์เป็นองค์รวม เชื่อมโยงเป็นระบบในเชิงสาระและเวลา  ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่ม และมีความท้าทาย และKey Success Factor ในการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จที่สำคัญคือ 1. การพัฒนาระบบคิด Mindset คือ Rethinking the future  Paradigm Shilft ใน ต้องฝึกให้มองบางสิ่งที่คาดไม่ถึง มองข้ามช้อต มองอนาคตและวิเคราะห์ได้แม่นยำ 2. ต้องรู้ตัวเอง  ระวังกับดัก ได้แก่ กับดักจากมองจากตัวเอง ความเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ และจากประสบการณ์ในอดีตและปัจจุบันคิดว่าจะสามารถมาใช้ได้ในอนาคต ต้องศึกษาอนาคตเพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ถ้าคิดจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนตั้งแต่วินาทีนี้ เพราะสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรค 3. อย่าเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ ต้องรู้ว่าตัวเองและทุกคนไม่ได้โง่

 การบริหารในยุค AEC โดย คุณพูลสวัสดิ์ เผ่าประพัฒน์

องค์กรที่เรียนรู้คือจะรู้ที่มาและรู้ Process สามารถตอบคำถามได้ ทำงานอย่างรู้เหตุ รู้ผล เลือกทำในสิ่งที่ควรทำ ทำให้องค์กรเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา องค์กรที่เรียนรู้กับไม่เรียนรู้ ต่างกันที่ว่า รู้หรือไม่ว่ากระบวนการไหนสำคัญกว่าอันไหน และต้องจะเลือกทำเรื่องสำคัญก่อนจะได้ทำน้อยได้ผลงานมาก การมองภาพรวม เห็นภาพรวม Macro แล้วเจาะภาพย่อยจะทำให้เรา Work smart ไม่ใช่ work hard 

การสร้างสรรค์นวัตกรรม นวัตกรรม = ความต้องการของตลาดและลูกค้า + ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ + เทคโนโลยี

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบริหารการเปลี่ยนแปลง (1) กรณีศึกษาของ...บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวงโดย คุณจันทนา สุขุมานนท์

 Change Management การเปลี่ยนแปลงในองค์กร มี Internal Factor สิ่งที่พบคือเปลี่ยนข้างในยากแต่ External Factor บังคับให้เราเปลี่ยน  ถ้าเราทำเหมือนเดิมผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิมสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือข้างในของเราต้องมีความตั้งใจต้องเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ให้เป็นน้ำครึ่งแก้ว จะเติมวิตามินอะไรต้องรู้ว่าเราขาดอะไรจะเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น การทำงานที่ดีมี 4 ส่วน คือ 1. Think the business 2. Deliver Results 3. Act as a role model 4. Energize People และสิ่งที่ควรต้องระวัง คือ การทำงานไปเรื่อย ๆ จะติดอยู่ใน Comfort Zone ไม่ Proactive แล้วจะทำให้แย่มากกว่าดี และ7 Habits ที่เกี่ยวกับตัวเราเอง คือ 1. ต้องทำมากกว่าที่เขาคาดหวัง 2. ต้องตั้งเป้าหมาย ต้องมี Target 3. ต้องรู้ว่าอะไรทำก่อนทำหลัง 4. ฟังมากขึ้น 5. ทำงานเป็นทีม 6. ต้องคิด win-win 7. ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา


มัณฑนา สุวรรณเกสร์

กรณีศึกษาของ… สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คุณชูชาติ มั่นครองธรรม

การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ศาสตร์เดียวในการทำงานแต่ใช้หลายศาสตร์ผสมกัน คือ Change Management ,Risk Management, Business Continuing Plan การเปลี่ยนแปลงมีทั้งเชิงรุก และเชิงรับ การบริหารการเปลี่ยนแปลง ใช้หลักทฤษฎี 1. ผู้นำต้องนำก่อน 2. มีการประชาสัมพันธ์ 3. สร้างพันธมิตร  4. พวกมากลากไป 5. กำหนดเวลา

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (1/1) โดย รศ.ดร. อัทธ์ พิศาลวานิช

วัตถุประสงค์ของ AEC คือการเป็นฐานการผลิตเดียวกัน เป็นตลาดเดียวกัน หมายถึง 1. ไม่มีกำแพงภาษี 2. เป็นฐานการผลิตเดียวกัน และควรมีการ Upgrade สินค้าเป็นพรีเมียม การปรับกฎระเบียบ มีการอบรมหรือสอนคน และหา Partner ที่รัฐรับรอง 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบริหารกลยุทธ์องค์กร (1)โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

การจัดการเชิงกลยุทธ์ หัวใจข้อแรกสู่ความสำเร็จคือการมอง SWOT เป็น คุณภาพของ SWOT คือต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์อนาคตได้ทั้งสั้น กลาง ยาว ต้องมีความสัมพันธ์เป็นองค์รวม เชื่อมโยงเป็นระบบในเชิงสาระและเวลา  ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่ม และมีความท้าทาย และKey Success Factor ในการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จที่สำคัญคือ 1. การพัฒนาระบบคิด Mindset คือ Rethinking the future  Paradigm Shilft ใน ต้องฝึกให้มองบางสิ่งที่คาดไม่ถึง มองข้ามช้อต มองอนาคตและวิเคราะห์ได้แม่นยำ 2. ต้องรู้ตัวเอง  ระวังกับดัก ได้แก่ กับดักจากมองจากตัวเอง ความเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ และจากประสบการณ์ในอดีตและปัจจุบันคิดว่าจะสามารถมาใช้ได้ในอนาคต ต้องศึกษาอนาคตเพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ถ้าคิดจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนตั้งแต่วินาทีนี้ เพราะสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรค 3. อย่าเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ ต้องรู้ว่าตัวเองและทุกคนไม่ได้โง่ 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบริหารในยุค AEC โดย คุณพูลสวัสดิ์ เผ่าประพัฒน์

องค์กรที่เรียนรู้คือจะรู้ที่มาและรู้ Process สามารถตอบคำถามได้ ทำงานอย่างรู้เหตุ รู้ผล เลือกทำในสิ่งที่ควรทำ ทำให้องค์กรเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา องค์กรที่เรียนรู้กับไม่เรียนรู้ ต่างกันที่ว่า รู้หรือไม่ว่ากระบวนการไหนสำคัญกว่าอันไหน และต้องจะเลือกทำเรื่องสำคัญก่อนจะได้ทำน้อยได้ผลงานมาก การมองภาพรวม เห็นภาพรวม Macro แล้วเจาะภาพย่อยจะทำให้เรา Work smart ไม่ใช่ work hard 

การสร้างสรรค์นวัตกรรม นวัตกรรม = ความต้องการของตลาดและลูกค้า + ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ + เทคโนโลยี

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 5 มีนาคม 2561 ช่วงเช้า เรื่องการบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์

Learning Forum& Workshop 

ดร.ทายาท  ศรีปลั่ง  จะบรรยาย  5  แนวคิด

แนวคิดที่ 1  เส้นทางการเติบโต ทางเดินที่ 1 ถึงทางเดินที่ 6

แนวคิดที่ 2  9 BoX

แนวคิดที่ 3  Mentoring

แนวคิดที่ 4 Coaching

แนวคิดที่ 5 Trust

 

ดร.เกริกเกียรติ  ศรีเสริมโภค

เป็นการบรรยายถึง Digital  Age

แนวคิดที่ว่าคนรุ่นใหม่เริ่มทำงานพร้อมการศึกษาทำให้มีประสบการณ์

กลยุทธ์การพัฒนาคนในยุคดิจิตอล คือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กร

คน      องค์กร     มูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ   

โดยการพัฒนาคนสำคัญที่สุดเนื่องจากคนจะต้องมีส่วนร่วมทุกกระบวนการ

ช่วงบ่าย เรื่องการเคหะแห่งชาติกับการบริหารธุรกิจในยุค AEC

โดย คุณกษิต  ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระการต่างประเทศ

เรื่อง แรกคือตัวเราต้องมีความมุ่งมั่น มีความซื่อสัตย์สุจริต การพัฒนาคนในองค์กรก่อนสู่ภายนอก  ต่อมามีการพัฒนางานของเรา เช่น การพัฒนาการก่อสร้าง บนพื้นฐานความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ AEC   และต้องศึกษาและเข้าใจและปฏิบัติตามกฎบัตรร่วมกัน บนเสาหลัก  3 ด้าน

ด้านการเมือง, ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม   และขับเคลื่อนพร้อมยึดหลัก  Innovation, SDG, เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง  คู่ค้า/ชุมชนใกล้เคียง ธรรมาโปร่งใส มีความน่าเชื่อถือ พึ่งพากลุ่มตนเองก่อน  ปัญหาของ AEC  คือ แต่ละประเทศยังต้องแก้ไขปัญหาภายในประเทศตนเอง ยังไม่ให้ความสำคัญ AECอย่างจริงจัง

และช่วงสุดท้าย คุณชาย  สังขะเวช

ได้มาบรรยายถึง ofjective  ของ AEC  และข้อมูลด้านการค้า  การบริการ และการลงทุน

สุดท้ายของวันนี้  เป็นการทำ  Workshop  โดยเป้าหมาย ของการเคหะแห่งชาติ ถือธงไปปักสู่ AEC พร้อมให้แต่ละกลุ่มนำเสนอหัวข้อเพื่อต่อยอดงานกลุ่มที่รับผิดชอบด้วยเวลาจำกัดแต่ละกลุ่มได้นำเสนออย่างดีเยี่ยมค่ะ

 

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ หลักการและวิธีการพัฒนาขีดคว่มสามารถบุคลากร มี 5 แนวคิด 

แนวคิดที่ 1 leadership Pipeline

แนวคิดที่ 2 9 Box 

แนวคิดที่ 3  Mentoring

แนวคิดที่ 4 Coaching

แนวคิดที่ 5 Trust

Human Capital Management Strategy

กลยุทธ์การพัฒนาคนในยุค Digital 

-Value  Diversity

- Value Creation

- Value Added

การปรับองค์กรไม่ได้เป็นการปรับที่โครงสร้างอย่างเดียว แต่ต้องปรับที่ ความคิดของคนด้วย

กคช.กับการบริหารธุรกิจในยุค ASEAN ECONOMIC  

1.ต้องเป็นเลิศในหน้าที่การงาน ต้องเก่งในวิชาชีพ

2. ความซื่อสัตย์ สุจริต

3. ความคิดอ่านที่ดีจะเป็นสิ่งที่จะทำให้ทำงานต่อได้

4.  กคช.ต้องคิดเรื่องที่ต้องเป็นประชากรอาเซียนด้วย

บัณฑูรย์ มนธาตุผลิน

องค์กรต้องมีการศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลา  เรียนรู้การทำงานแบบ work smart  แทนการทำงานแบบ work hard เรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา  นำความสำเร็จจากองค์กรอื่นที่ประสบผลสำเร็จในแต่ละด้าน  และนำมาปรับใข้กับองค์กรของตน มีความสามารถในการวิเคราะห์อนาคตได้ทั้ง สั้น  กลาง ยาว และต้องฝึกให้มองอนาคตและวิเคราะห์ได้แม่นยำ ฝึกมองบางสิ่งที่คาดไม่ถึง  มองข้ามช็อด ต้องรู้จุดเด่น จุดด้อยของตนเอง  ต้องศึกษาองค์กรใน AEC  เพื่อประสานความร่วมมือและประสานประโยชน์จากการร่วมมือ  บนฐานเสาหลัก3 ด้านคือ ด้านการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม

บัณฑูรย์ มนธาตุผลิน

องค์กรต้องมีการศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลา  เรียนรู้การทำงานแบบ work smart  แทนการทำงานแบบ work hard เรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา  นำความสำเร็จจากองค์กรอื่นที่ประสบผลสำเร็จในแต่ละด้าน  และนำมาปรับใข้กับองค์กรของตน มีความสามารถในการวิเคราะห์อนาคตได้ทั้ง สั้น  กลาง ยาว และต้องฝึกให้มองอนาคตและวิเคราะห์ได้แม่นยำ ฝึกมองบางสิ่งที่คาดไม่ถึง  มองข้ามช็อด ต้องรู้จุดเด่น จุดด้อยของตนเอง  ต้องศึกษาองค์กรใน AEC  เพื่อประสานความร่วมมือและประสานประโยชน์จากการร่วมมือ  บนฐานเสาหลัก3 ด้านคือ ด้านการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม

นายสมบูรณ์ แพรงามม

สรุปการเรียนวันที่5มีนาคม2561

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์(1)

โดยดร.ทายาท ศรีปลั่ง ดร.เกริกเกียรติ ศรีเสริมโภค ดำนกาอภิปรายโดย ดร.จีระเดช ดิสกะประกาย

ดร.ทายาท ศรีปลั่ง

Key contents

หลักการและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร

กิจกรรมสรุปสิ่งที่สามารถนำไปใช้ได้ต่อไป

แนวคิดที่1:Leadership Pipeline

Six-passage modelหรือที่เรียกว่า The Leadership Pipeline ถูกพัฒนาขึ้นโดย Ram Charan, stephen J. Drotter และ James Noel (Jossey-Bass,2001)แบบจำลองนี้ระบุถึงการสร้าง การพัฒนา และการรักษาไว้ซึ่งทักษะความสามารถ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้นำภายในองค์กร ซึ่งการใช้แบบจำลองนี้จะทำให้เข้าใจทักษะภาวะผู้นำ(Leadership)ที่ต้องการในองค์กรแต่ละเส้นทาง(Passage)ของแบบจำลองนี้ จะเป็นการแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในการเติบโตก้าวหน้าของการเป็นผู้นำ

โดยกำหนดเส้นทางการเติบโต6เส้นทาง  โดยเริ่มจากทางเดินที่1ทำงานตามหน้าที่/บริหารตนเองต่อไป2 3 4 5ถึงเส้นทางที่6 ซึ่งบริหารหลายหน่วยงานที่ประกอบพันธกิจต่างกัน ซึ่งปัญหาที่พบในแต่ละเส้นทาง(Passage)ต่างกัน

การพัฒนาบุคลากรรายบุคคล

ยังต้องทำอยู่

IDP พัฒนาตนเอง ต้องบรรจุหัวข้อการพัฒนาทีมงานและองค์กรด้วย โดยมีสัดส่วนร้อยละตามอายุพนักงาน

ปัญหาการพัฒนาDevelopment Plan

แนวคิดที่2:9Box-เกณท์การพิจารณาการเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง

แนวคิดที่3:Mentoring

แนวคิดที่4:Coaching

แนวคิดที่5:Trust

5 มีค.61 ช่วงเช้าเป็นการบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ ให้แนวคิด การพูดต้องพูดให้อ่อนหวาน พูดความจริง อย่าพูดเพ้อเจ้อ ต้องรู้จักชมคนให้รู้สึกห่วงใย ให็เครดิต ลูกน้องและบริหารเจ้านายที่ดีที่สุดคืดทำงานให้ได้ผลงานออกมาดี  ทราบหลักการของกูลเกิ้ลที่ว่า EQ สำคัญกว่า IQ เราต้องรู้จักปรับความคิด

ช่วงบ่าย การบริหารธุรกืจในยุคAEC เราต้องมีความเป็นเลิศในหน้าที่การงาน มีความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานอย่างสร้างสรรค์คิดให้เป็น

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ มี  5 แนวคิด

1. Leadership Pipeline

2. 9 Box

3. Mentoring

4. Coaching

5. Trust

Human Capital Management Strategy

 กลยุทธ์การพัฒนาคนในยุคดิจิตัล

1. Value Diversity

2. Value Creation

3. Value Added

กคช.กับการบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Ecinomic Community 

สิ่งที่ กคช.ต้องทำ

1. ความเป็นเลิศในหน้ที่การงาน ต้องเก่งในวิชาชีพ

2. ความซื่อสัตย์สุจริต

3. ความคิดอ่านที่ดีสามารถทำให้ทำงานต่อไปได้

4. กคช.ต้องคำนึงถึงการเป็นพลเมืองของอาเซียนด้วย

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 6  มีนาคม 2561  ช่วงเช้า เรื่อง การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์

โดย ดร.ดวงตา  ตันโซ    ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์ และคุณสาธิต

อนันตสมบูรณ์ ดำเนินการอภิปรายโดย อาจารย์ทำนอง ดาศรี

ได้เน้น  3 เรื่อง  งบประมาณ  การบูรณาการ และยุทธศาสตร์ บริหารให้มีประสิทธิผล เน้นผลงาน  มีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม มีตัวเลขที่ชัดเจน เป็นที่ยอมรับ มีเจ้าภาพในการดำเนินการ ภายในกรอบแผนระยะสั้น และแผนระยะยาว โดยแผนต้องเป็นภารกิจขององค์กรเรา  เป็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (พ.ศ 2559-2568) ในการดำเนินการตามแผนจะต้องมีการติดตามผลงาน  และควรมี Project Base  รวมทั้งการดำเนินงานวัดด้วยตัวชี้วัด ประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (SEPA) 

ระบบงบประมาณ มุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์กำหนดแผนถึง พ.ศ 2579  ต้องสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในแต่ละปีงบประมาณ จะต้องวางแผนการใช้งบประมาณในแต่ละเดือน วางแผนการจัดซื้อ จัดจ้าง และให้มีสัญญาเกิดภายในกำหนด  และจะต้องมีการวิเคราะห์งบประมาณและการบริหารความเสี่ยงควบคู่กันเพื่อการใช้งบประมาณตามเป้าหมายและคุ้มค่าที่สุด

ช่วงบ่าย  วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ กรณีศึกษาของ บริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด

โดย ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา

ได้สรุปความสำเร็จประเภทธุรกิจ ของ Jack Ma

ธุรกิจ ขนาดเล็ก เป็นความสำเร็จของเจ้าของ

ธุรกิจ ขนาดกลาง เป็นความสำเร็จของระบบบริหารจัดการ

ธุรกิจ ขนาดใหญ่ เป็นความสำเร็จของทุกคนในองค์กร

และขับเคลื่อนด้วย เทคโนโลยี  และการยอมรับ    

หัวใจของการเปลี่ยนแปลง  คือผู้นำจะต้องรับมือและก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้  โดยจะต้องรอบรู้สิ่งแวดล้อมแนวโน้มแต่ละเรื่องเพื่อให้ได้เปรียบกับคู่แข่งขันและสถานการณ์ขององค์กรตนเอง ได้แก่  Vision, Communicetion,  Incentive,  Skill, Action Plan  และ Tool

สุดท้ายของวันนี้เป็นการนำเสนอสรุปกรณีศึกษาAlibaba

 ของกลุ่ม 1 นำ PlatForm ระหว่าผู้ซื้อและผู้ขาย  

และกลุ่ม 2  ธุรกิจ e-commerce   มาปรับใช้กับภารกิจ

การเคหะแห่งชาติแบบทันสมัยและทันกับการเปลี่ยนแปลง

ประสงค์ ดวงแก้ว รอง ผอ.สน.

5 มีนาคม 2561

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (1)

โดย ดร.ทายาท ศรีปลั่ง  ดร.เกริกเกียรติ  ศรีเสริมโภค

          ได้หลักแนวคิดและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร

1.       Leadership Pipeline  ด้วยหลักถนน 6 เส้นทางว่าจะเริ่มพัฒนาอย่างไร เริ่มจากเป็นพนักงานจนไปถึงผู้บริหาร

2.       แนวคิด 9 Box – เกณฑ์การเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง

3.       Mentoring

4.       Coaching

5.       Trust  เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น

Management in the difital Age

การบริหารงานในยุค digital จะต้องทำอย่างไรให้อยู่ได้และอยู่รอดการพัฒนาคนยุคใหม่เราเน้นคุณค่าคือ

1.       Diversity  2.ValueCreation  3.Value  Added

และได้สอบถามบทบาทของการเคหะแห่งชาติ กับการพัฒนาในยุคนี้เราควรจะวางตำแหน่งว่าจะเป็น Deverloper หรือ Regulator ซึ่งจะต้องมาร่วมกันคิดและพลักดันแนวคิดและหาวิธีการให้ไปถึงจุดนั้น

 

การบริหารธุรกิจในยุค AEC(asean  economic community)โดยคุณกษิต  ภิรมย์  อดีต รมต. กระทรวงการต่างประเทศ

         ได้ทรายประวัติและแนวคิดการทำงานของท่านประสบการณ์ในการทำงานขณะดำรงตำแหน่งทูตหลายประเทศ และได้พลักดันแนวนโยบายต่างๆโดยเฉพาะประชาคมอาเชี่ยนในช่วงเริ่มต้นมีแผนงานและกฎบัตรอาเชี่ยนที่ทุกประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติ

         การเป็นข้าราชการขอให้คำนึงถึงคุณสมบัติ 3 ประการคือ

1.        ความเป็นเลิศในหน้าที่การงาน  ตั้งใจ มุ่งมั่น ขยันมั่นเพียรต้องทำให้ดีที่สุด และสุดฝีมือ

2.       ความซื่อสัตย์ สุจริต มุ่งมั่นทำอะไรที่ดีงามต่อตัวเองและประเทศชาติ

3.       ความคิดความอ่านที่ดี สร้างสรร และมีนโยบายอยากให้พี่น้องคนไทยทุกคนมีหลังคาคุมหัวคือมีบ้านมีที่อยู่อาศัย ซึ่ง กคช. ก็มีบทบาทต่องานนี้และมีบทบาทในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศ และในกลุ่มอาเชี่ยนนี้ด้วย

         การพัฒนาของกลุ่มอาเชี่ยนมีหลายอย่างหลายประเด็นที่ยังไม่ก้าวหน้า  ซึ่งแตละประเทศก็ยังมีปัญหาภายในอยู่  บางประเทศเป็นประชาธิปไตยบางประเทศยังเป็นเผด็จการ และช่วงหลังๆมานี่ ผู้นำของสมาชิกทั้ง 10ประเทศก็ยังไม่ใส่ใจที่จะพัฒนาให้ก้าวหน้าอย่างจริงจังเหมือนประชาคมยุโรปทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน สังคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ซึ่งบางประเทศก็ยังมีข้อจำกัดยังไม่สามารถเป็นเสรีได้ทุกประเภทตามที่ได้ตกลงกันไว้ในกฎบัตรอาเชี่ยนซึ่งจะต้องมีการพัฒนาและพลักดันกันต่อไปอีกยาวนาน

6 มี.ค. 61

เช้า การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์ ทำให้ทราบแนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์โดยต้องกำหนด

- วัตถุประสงค์ ให้เห็นประโยชน์ที่จะได้รับ รวมทั้งประเมินผลได้อย่างชัดเจน

- การดำเนินงาน กำหนดหลักเกณฑ์ วัตถุประสงค์ขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน การบูรณาการใน 3 มิติ

บ่าย

วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุกิจ

ธุรกิจขนาดเล็ก ความสำเร็จอยู่ที่ เจ้าของ

ธุรกิจขนาดกลาง ความสำเร็จอยู่ที่ระบบการบริหารจัดการ

ธุรกิจขนาดใหญ่ ความสำเร็จอยู่ที่พวกเราทุกคน

LEITH คือการก้าวข้ามธรณีประตู เราต้องนำองค์กรก้าวข้ามสถานะที่เป็นอยู่ เราจะเตรียมความพร้อมของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอย่างไร ถ้าเราคาดการณ์ได้เราก็จะได้เปรียบผู้อื่น

ประสงค์ ดวงแก้ว รอง ผอ.สน.

หัวข้อ การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์ (1)  6 มี.ค. 61

โดย     ดร.ดวงตา  ตันโซ  คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์  ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์

      การจัดทำงบประมาณต้องพิจารณาจากข้อกำหนดหลักการ วัตถุประสงค์  ขอบเขตภารกิจ  เป้าหมาย  แนวทางการดำเนินการ  ตัวชี้วัด  หน่วยงานเจ้าภาพที่เป็นผู้ดำเนินการ

         ต้องให้ความสำคัญกับแผนงานระยะปานกลาง  ระยะยาว ดำเนินกิจกรรมที่บูรณาการทั้ง 3 มิติ คือ มิติตามยุทธศาสตร์พื้นที่ (Area) มิติตามยุทธศาสตร์กระทรวง/หน่วยงาน (Function)  มิติตามยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล (Agenda) และกำกับดูแลติตามประเมินผลสัมฤทธิ์ ตรวจสอบผลการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนบูรณาการทุกมิติ

          สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องคำนึงถึง หรือต้องมี คือ ธรรมาภิบาล  1. สุจริต 2. โปร่งใส 3. ถูกกฎหมาย

การทำงบประมาณทุกอย่างให้มองผลลัพธ์ที่เกิด ต้องนำมาใช้ได้จริง อย่ายอมกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

และจัดทำงบประมาณตามกรอบปฏิทินที่กำหนด และต้องเบิกจ่ายให้ได้ตามเปอร์เซ็นต์ที่รัฐบาลกำหนดด้วยในแต่ละปี

 

หัวข้อ กรณีศึกษาของบริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด  โดย ดร.บวรนันท์  ทองกัลยา  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ 6 มี.ค. 61

          แก่นของการบริหารธุรกิจอยู่ที่คน  กรณีของ แจ็ค หม่า เป็นนักปรัชญาพูดไว้ 3 คำที่คิดว่าเป็นเรื่องจริง

1.        ธุรกิจขนาดเล็ก  ความสำเร็จอยู่ที่ความฉลาดของเถ้าแก่

2.        ธุรกิจขนาดกลาง  ความสำเร็จอยู่ที่ ระบบการบริหารจัดการ

3.        ธุรกิจขนาดใหญ่  ความสำเร็จอยู่ที่คน

หัวใจของการบริหารการเปลี่ยนแปลงขององค์กรมี 2 ตัวคือ

1.        T – Technology/tecnicial/tool การบริหารจัดการต่างๆ

2.        A – Acceptance  ความยอมรับ

การวิเคราะห์ตอบคำถามของกลุ่ม

1.        จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไรดี  คนที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รู้เทรนด์ก่อนได้เปรียบ ผู้บริหารต้องเห็นอนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น เตรียมความพร้อมของการรับมือ

2.        สูตรสำเร็จของการบริหารการเปลี่ยนแปลงมี 6 ปัจจัย

2.1     Vision  -  วิสัยทัศน์ต้องชัดเจน

2.2     Communication -  การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

2.3     Incentive -  แรงจูงใจในการเปลี่ยน ถ้าไม่มีจะทำให้ Slow change

2.4     Skill  -  เมื่อไหร่คนมีความรู้ มีทักษะสูงจะไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง

2.5     Action Plan  -  ต้องมีแผนงาน

2.6     Tool  -  ต้องมีเครื่องมือ งบประมาณ ทรัพยากร คนเป็นนายต้องสนับสนุนทรัพยากรด้วย

สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 5 มีนาคม 2561

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์

แนวคิดที่ 1 Leadership Pipeline

-          เส้นทางการเติบโต มี 6 เส้นทาง บริหารตนเอง, บริหารคนอื่น, บริหารหัวหน้างาน, บริหารหน่วยงาน, บริหารหลายหน่วยงาน, บริหารหน่วยที่พันธกิจต่างกัน

-          ปัญหาที่พบในแต่ละเส้นทาง

-          การพัฒนาบุคลากรรายบุคคล

-          ปัญหาของการพัฒนา Development Plan จุดอ่อนของการพัฒนาพนักงานระดับต้น, จุดอ่อนของการพัฒนาหัวหน้างาน, จุดอ่อนของการพัฒนาผู้บริหาร 

แนวคิดที่ 2 เกณฑ์การพิจารณาเวียนงาน หรือการเลื่อนตำแหน่ง เป็นการพัฒนาในสิ่งที่ขาด

1C   ผลงานไม่ดี – ผู้นำดี 

3A   ผลงานดี – ผู้นำน้อย

** 2 กลุ่มนี้สามารถนำมาพัฒนาในสิ่งที่ขาดได้

3C   ผลงานไม่ดี – ลูกน้องไม่พัฒนา         

** กลุ่มนี้ไม่สามารถพัฒนาได้ –  สิ้นหวัง

*** วิธีการพัฒนาได้ต้องใช้วิธีให้กลุ่มสิ้นหวังอยู่กับกลุ่มที่เก่ง

          การพัฒนาบุคลากรเพื่อให้เป็นคนที่มีความเก่ง เพื่อให้สร้างอนาคตกับหน่วยงานนั้น มีเครื่องมือที่จะเป็นตัวช่วยในการประเมิน ได้แก่ 9 Box มี 2 แกน คือ ผลงาน และศักยภาพ

แนวคิดที่ 3 Mentoring หมายถึง การพัฒนาบุคลากรโดยการส่งเสริม และช่วยเหลือผู้ที่บรรจุใหม่ เป็นการพัฒนาบุคลากรที่เน้นความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง หรือเป็นกลุ่มย่อย

รูปแบบของระบบพี่เลี้ยงมี 2 รูปแบบ

-         ระบบพี่เลี้ยงตามธรรมชาติ เป็นการสอนให้คำชี้แนะ คำปรึกษา

-         ระบบพี่เลี้ยงที่มีการวางแผน เป็นกระบวนการอย่างเป็นทางการ

แนวคิดที่ 4 การ Coaching หมายถึง การที่หัวหน้างานใช้เพื่อการเสริมสร้าง และพัฒนาลูกน้องให้มีความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และคุณลักษณะเฉพาะตัว (Personal Attributes) ในงานเพื่อให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย

แนวคิดที่ 5 Trust

-         การชมคน

-         การไม่ด่า / พูดดีมีชัย

-         ชมทั้งต่อหน้า และลับหลัง

-         มีความห่วงใยทั้งคำพูด และการกระทำ

-         รักษาคำพูด

-         ชื่นชมผู้ร่วมงาน ต้องสร้าง Competency บริหารเจ้านายให้เข้าใจงานของเราโดยการสร้างผลงาน และให้เครดิตนาย

                                                                        นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม

                                                                        พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9

                                                                        ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2                                                                         กลุ่มที่ 1

สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 6 มีนาคม 2561

            การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์ จะต้องทบทวนเป้าหมายแนวทาง และตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (2560 - 2579), แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560 – 2564), นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (2558 - 2564), นโยบายรัฐบาลและแผนแม่บทของกระทรวง และด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

-         สามารถวัดผลได้เป็นรูปธรรม มีความชัดเจน

-         เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

-         ครอบคลุมตามแผนบูรณาการอย่างครบถ้วน

ต้องเป็นองค์รวม ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ต้องสามารถเชื่อมโยงคนกับงาน และทำประโยชน์อย่างคุ้มค่า

กรณีศึกษาของการบริหารธุรกิจ

เป็นการบริหารงานตามหลักปรัชญา “เชื่อในคุณค่าของคน”

ความสำเร็จของธุรกิจอยู่ที่ “ระบบการบริหารจัดการ”

ผู้นำองค์กรจะต้องก้าวข้ามความท้าทายกับทุกสถานการณ์ กล้าเผชิญกับความโหดร้าย การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง มี 6 Factor ดังนี้

1 V – Vision                   มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน สร้างความหวังให้กับผู้คน

2 C – Communication    การสื่อสารที่ดี

3 I – Incentive              สามารถจับต้องได้

4 S – Skill                     มีทักษะองค์ความรู้

5 A – Action Plan          มีแผนที่ดี

6 T – Tool                     มีเครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นส่วนช่วยในการทำงานให้ได้ตามแผน

 

                                                                        นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม

                                                                        พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9

                                                                        ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2

                                                                        กลุ่มที่ 1

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 7 มีนาคม 2561  ช่วงเช้าเรื่อวัง การบริหารควาเสี่ยง

คุณสมชาย  ไตรรัตนภิรมย์ และ ดร.สุรพงษ์ มาลี 

ได้บรรยาย เรื่อง การบริหารความเสี่ยงและวัฒนธรรมความเสี่ยง

ทุกสถานการณ์จะมีความเสี่ยงแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จะมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจ, สังคม  จำเป็นจะต้องวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์นั้น

ในส่วนของการเคหะแห่งชาติ  จะต้องติดตามและวิเคราะห์หลายด้าน ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น ความเสี่ยงด้านคู่แข่งขัน, เรื่องหนี้ของลูกค้า  และมีการวางกลยุทธ์  โดยจะต้องบริหารจัดการความไม่แน่นอนและความผันผวนได้อย่างเป็นระบบเพื่อมีโอกาศด้านบริหารองค์กรให้เป็นไปตามแผนงาน ยุทธศาสตร์ การบริหารทรัพยากรให้คุ้มค่าเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด  ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการสื่อสาร  และมีการทบทวน และการกำกับดูแลที่ดีควบคู่กัน

การดำเนินการต้องเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นงานขององค์กร ทุกฝ่าย และเป็นของผู้ปฏิบัติทุกแผนก  เพื่อให้เป็นวัฒนธรรมความเสี่ยงขององค์กร มีการกำหนดวัตถุประสงค์ และระบุปัจจัยความเสี่ยง  มีการวิเคราะห์ในเชิงปริมาณ  เพื่อลด โอกาส และผลกระทบ ที่จะเกิดความเสี่ยง และดูระดับความเสี่ยงว่าอยู่ระดับ ต่ำ กลาง สูง หรือสูงมาก แล้วบริหารจัดการว่าอยู่เกณฑ์ยอมรับได้หรือยอมรับไม่ได้อย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม

 การบรรยายของ ดร.สุรพงษ์ มาลี     ได้บรรยายเพิ่มเติมการบริหารความเสี่ยง จะต้อง ลดโอกาส  ผลกระทบ  และมีการควบคุมภายในด้วย และสรุปว่า หัวใจของการบริหารความเสี่ยง คือ เรื่องของการตัดสินใจ ในช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงและผันผวนตลอดเวลา

ช่วงบ่าย เรื่อง การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์

เป็นการนำเสนอของกลุ่ม 4 Alibaba เป็นกรณีศึกษา เรื่อง แหล่งเงินทุนของธุรกิจขนาดเล็ก ของคนรากหญ้า การใช้ online  และนำมาปรับใช้ กับการเคหะแห่งชาติ ด้านวินัยการเงินของลูกค้า

การนำเสนอของกลุ่ม 3 Alibaba เป็นกรณีศึกษา Innovation

การส่งเสริมนวัตกรรม โดยพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมทุกกระบวนการ

 

และช่วงท้ายของวันนี้ เป็นการทำงานกลุ่ม 2 เพื่อได้แนวคิด และตรงประเด็นที่นำเสนอในวันที่ 16 มีนาคม 2561 โดยมี

อ.พิชญ์ภูรี จันทรกลม เป็นที่ปรึกษา ค่ะ

7 มี.ค.61 

การบริหารความเสี่ยง ได้เรียนรู้ว่าความเสี่ยงคือความไม่แน่นอน อาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่ถ้าเกิดมันจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร ซึ่งการจัดการภูมิคุ้มกันที่ดีก็คือเราต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีเพื่อจะสามารถลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น  มีข้อสังเกตคือผู้ประเมินมักจะประเมินความเสี่ยงไว้ต่ำ เพื่อจะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมซึ่งไม่ถูกต้อง

RISK CULTURE วัฒนธรรมความเสี่ยง หมายถึง คนในองค์กรนั้นรู้สึกถึงความเสี่ยงมั้ย ซึ่งเราต้องสร้างจิตสำนึก

7 มี.ค.61 

การบริหารความเสี่ยง ได้เรียนรู้ว่าความเสี่ยงคือความไม่แน่นอน อาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่ถ้าเกิดมันจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร ซึ่งการจัดการภูมิคุ้มกันที่ดีก็คือเราต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีเพื่อจะสามารถลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น  มีข้อสังเกตคือผู้ประเมินมักจะประเมินความเสี่ยงไว้ต่ำ เพื่อจะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมซึ่งไม่ถูกต้อง

RISK CULTURE วัฒนธรรมความเสี่ยง หมายถึง คนในองค์กรนั้นรู้สึกถึงความเสี่ยงมั้ย ซึ่งเราต้องสร้างจิตสำนึก

นายสมบูรณ์ แพรงาม

สรุปการเรียนวันที่ 5 มีนาคม 2561

ดร.เกริกเกียรติ ศรีเสริมโภค

การบริหารจัดการในยุคดิจิตอล

การพัฒนาคนจุดใหญ่หนีคุณค่าไม่พ้นคือ 1.Diversity 2.Value Creation 3.Value Added

การพัฒนาเพื่อสร้างให้องค์กรขับเคลื่อนแบบนวัตกรรมและเกิดความยั่งยืนต้องอาศัยความรู้ความคิดและ่จินตนาการ ยกกรณีศึกษา OEM การรับจ้างผลิต 

HR Transformation Process ใช้เทคโนโลยี่ดิจิตอลเป็นเครื่องมือ Transform

 การปรับบทบาทหน้าที่การบริหารคน ยุคดิจิตอล ตัวพนักงานเป็นกลไกสำคัญ เพราะไม่ใช่หน้าที่ HR หรือ Line แต่ตัวพนักงานต้องวางแผนพัฒนาตนเองในการเรียนรู้พัฒนา เนื่องจากยุคปัจจุบันคนมีลักษณะวิธีคิดและวัฒนธรรมเปลี่ยนคนมีความปัจเจกสูง การตั้งคำถามการทำงานแบบมีส่วนร่วม นำสู่การพัฒนาที่มีความแตกต่างกันทัังClassroomและNon- classroom สิ่งที่น่าสนใจคือการเรียนรู้ด้วยตนเอง

การบรรยายภาคพิเศษ

การเคหะแห่งชาติกับการบริหารธุรกิจ

โดยคุณกษิต ภิรมย์

เล่าประสบการณ์ทำงานกระทรวงการต่างประเทศ การนำมาเชื่อมโยงกับอาเซียน โดยการขยายไปใน 30 จังหวัดชายแดน  ทำไมถึงต้องมีอาเซียน  การพัฒนาในประเทศอาเซียน และการนำไปปรับใช้กับการเคหะแห่งชาติ

การบรรยายภาคพิเศษ การเคหะแห่งชาติกับการบริหารธุรกิจในยุคASEAN Economic Community (AEC)โดยคุณชายสังขะเวศ ผู้อำนวยการกองสิทธิประโยขน์ทางการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

วัตถุประสงค์การรวมตัวกันของอาเซียน

ความเป็นเสรีมีเรื่องหลักๆ3เรื่องคือAgreementด้านการค้า เรื่องAFASการบริการ และACIS เป็นเรื่องการลงทุนเปิด5สาขา

การอำนวยความสะดวกทางการค้า การขยายออกนอกภูมิภาคอาเซียน และอื่นๆที่น่าสนใจ



ปรสงค์ ดวงแก้ว รอง ผอ.สน.

7 มี.ค. 2561

การบริหารความเสี่ยงของธุรกิจ

โดย คุณสมชาย  ไตรรัตนภิรมย์

         ดร.สุรพงษ์  มาลี

                โลกทุกวันนี้มีความเสี่ยงสูงทุกภูมิภาค  ทั้งระบบสังคม เศรษฐกิจ การเมือง องค์กรธุรกิจมีการล้มละลายสูง มีการ Disruption ของธุรกิจ  จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงกันอยู่ตลอดเวลา

  • การสร้างวัฒนธรรมความเสี่ยงให้เกิดขึ้นในองค์กร ซึ่งปัจจุบันยังมีน้อยมาก การไม่มีธรรมมาภิบาล เกิดจากการฉ่อฉลในองค์กร ทำให้องค์กรล้มสลาย  การกำกับดูแลกิจการที่ดี การปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย ระมัดระวังความเสี่ยงที่มาจากความไม่แน่นอน

หลักการบริหารความเสี่ยงตามหลักของ COSO’s

  • การจัดการให้ครอบคลุม
  • ดำเนินการตามขั้นตอน
  • ดำเนินการทุกระดับ

แนวทางการบริหารต้องมี วิสัยทัศน์  นโยบาย  ภารกิจ  กลยุทธ์การตัดสินใจ การสร้างวัฒนความเสี่ยง Risk  Cuture  ความเสี่ยงมีหลายความเสี่ยง  แต่วัฒนะธรรมความเสี่ยงในองค์กรต้องมีอย่างเดี่ยวกัน ปฏิบัติให้จนเป็นวัฒนะธรรม

  • สร้างความเข้าใจ คนเข้าใจว่าความเสี่ยงไม่ดี
  • ไม่เสี่ยงจะดีกว่า Play Save ไม่ถูกต้อง เป็นการหยุดนิ่งไม่พัฒนานา ต้องกล้าเสี่ยง และควบคุมมัน จึงจะเกิดความยั่งยืน
  • ความเสียงมีอยู่ทุกที่ ทุกคน ทุกระดับ
  • การให้รางวัลเพื่อเป็นแรงจูงใจ

การเคหะแห่งชาติ จะต้องสร้าง Risk Cuture  เป็นของตนเองขององค์กร การสื่อสารในองค์กรเป็นเรื่องสำคัญ Risk Communication  กคช. กับยุทธศาสตร์ 20 ปี มีความเสี่ยง มันจะเกิดอะไรขึ้น มันเกี่ยวข้องกับ VUCA มันมีความไม่แน่นอน ผันผวนมาก ต้องวางแผนที่จะป้องกันและควบคุมให้ได้เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นกับ กคช.แน่นอน ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย บ้าน ครอบครับ และคน  ต้องมีข้อมูลสนับสนุน Big Data 

RISK = เป็นเรื่องของการตัดสินใจ

ข้อซักถาม  ประเด็นความเสี่ยงของการทุจริตในองค์การจะป้องกันอย่างไร

การควบคุมแม้จะมีระบบ มีกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ  ก็คงยังไม่พอ ถ้าคนยังไม่มีจิตสำนึก การป้องกันคนในองค์กรต้องช่วยกันร่วมมือกัน สร้างกระแสการป้องกัน มีเวที แสดงเจตนาออกสื่อ สร้างกลุ่มทางทาง Social เพื่อสื่อสารและแจ้งเบาะแส ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะลดการทุจริตต่างๆ ลงได้บ้าง

สรุปการบ้าน วันที่ 5 มีนาคม 2561
การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์

          ได้เรียนรู้การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธิ์ 5 แนวคิด คือ
แนวคิดที่ 1  Leadership Pipeline  เส้นทางการเติบโต การเป็นผู้นำ
แนวคิดที่ 2  9 Box-เกณฑ์การพิจารณาการเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง 
แนวคิดที่ 3  Mentoring ระบบพี่เลี้ยง
แนวคิดที่ 4  Coaching  ระบบการชี้แนะให้คำปรึกษา
แนวคิดที่ 5  Trust ความเชื่อมั่น ไว้วางใจ
Trust เป็นเรื่องความเชื่อมั่น เชื่อใจ ตามทฤษฎี 6C’s of TRUST คือ 
Competence เก่ง  คือ จะเรียนรู้ในงานก่อน รู้งาน และรู้คนด้วย
2.  Communicate openly ต้องพูดจาดี  มีปิยวาจา คือ พูดจริง ไม่พูดเท็จ ไม่พูดจาเพ้อเจ้อ ส่อเสียด (พูดอะไรต้องมีเหตุมีผล มีหลักการ) พูดมีกาลเทศะ  มีประโยชน์ 
3.  Consistency สม่ำเสมอ 
4.  Concern about others (Caring)  สนใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน
5. Counted on (do what you say) รักษาคำพูดของตนเอง 
6. Credit  ให้เครดิตลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย
ที่สำคัญต้องบริหารเจ้านาย พร้อมกับการบริหารลูกน้อง

สรุปการบ้าน วันที่ 6 มีนาคม 2561
การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์
ได้เรียนรู้การจัดทำงบประมาณของรัฐ ซึ่ง กระบวนการงบประมาณ มี 5 ขั้นตอน 

             1. วางแผน 
             2. การจัดทำงบประมาณ 
             3. การอนุมัติงบประมาณ 
             4. การบริหารงบประมาณ 
             5. การประเมินผล
ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (SEPA) มี 7 หมวด คือ 
             1. การนำองค์กร 
             2. การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ 
             3. การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด 
             4. การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 
             5. การมุ่งเน้นบุคลากร 
             6. การมุ่งเน้นการปฏิบัติการ 
             7. ผลลัพธ์ 
สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องมีคือ ธรรมาภิบาล สุจริต  โปร่งใส  และถูกกฎหมาย

สรุปการบ้าน วันที่ 7 มีนาคม 2561
การบริหารความเสี่ยงและวัฒนธรรมความเสี่ยง
ได้เรียนรู้การบริหารความเสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงขององค์กรไม่ให้มีผลกับธุรกิจของ กคช. ตั้งแต่การจัดการความเสี่ยง คัดเลือกกลยุทธิ์ในการจัดการความเสี่ยง มีทั้ง การหลีกเลี่ยง การลด การร่วมจัดการ และการยอมรับความเสี่ยง ซึ่งจะต้องกำหนดแนวทาง มีการประเมินและผลกระทบความเสี่ยง และคัดเลือกแผนการจัดการ และควบคุมไม่ให้ความเสี่ยงมีผลกระทบต่อการจัดทำโครงการของ กคช.

วิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง

15 มีค.61

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (1)

ดร.ทายาท ศรีปลั่ง ดร.เกริกเกียรติ ศรีสมโภชน์

แนวคิด หลักการและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคคล

 1.Leadership pipeline  เส้นทางการเติบโตสายงาน มี 6 เส้นทาง  เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตและก้าวหน้างในอาชีพ แต่ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องขึ้นไปเส้นทางที่สูงที่สุด

2. 9 box  เกณฑ์การพิจารณาการเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง

 3. Mentoring

 4. Coahing   

 5.Trush   เป็นเรื่องของความเชื่อมัน ใน   6 เรื่อง  1)competence  เก่ง เรียนรู้งานเรียนรู้คน2)communicate openly  พูดจาดีมีปิยวาจา 3.) consistency   สม่ำเสมอ 4.) concern about others  (caring) แคร์จิตใจคน 5.)do what you say  พูดอะไรต้องทำตามที่พูด 6.)credit ให้เครติดลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน

     - หลักการของการบริหารคนที่สำคัญ 1.ทำอย่างไรก็ตามต้องดีกว่าคู่แข่งเสมอ 2.ลืมสิ่งเคยทำสำเร็จทั้งหมดและคิดสิ่งใหม่ๆขึ้น 3.อย่าละเลยสิ่งเล็กๆๆน้อย

    - การพัฒนาเพื่อสร้างให้องค์กรขับคลื่อนแบบนวัตกรรมและเกิดความยั่งยืน  ต้องมีความรู้ มีความคิด และมีจินตนาการ

การแคหะแห่งชาติกับการบริหารธุรกิจในยุค ASEAN  

คุณกษิต ภิรมย์

    เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า เริ่มต้นทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แล้วทุกคนก็จะสามารถเริ่มต้นชีวิตไปต่อได้

คุณชาย  สังขะเวส

     บรรยายให้ความรู้วัตถุประสงค์การรวมตัวของอาเซี่ยน

      ความเป็นเสรี มี 3 เรื่อง

      1. Agreement       2.AFAS  เป็นเรื่องของการบริการ       3.ACIS

      การค้าเสรีในกลุ่มอาเซี่ยน ไม่มีภาษี ไม่มีเงื่อน  ไม่มีมาตรการใดๆ แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ แต่ละประเทศจะปกป้องสิ้นค้าภายในของตนเอง ซึ่งภาษีสินค้าบางรายการภาษีจะไม่เป็นศูนย์ ดังนั้นการค้าร่วมกับอาเซี่ยนต้องศึกษาข้อมูลให้แน่ชัด       

     สาระสำคัญของข้อตกลงการค้าในอาเซี่ยน

     1.หลักเกณฑ์ว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า      2.การใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า

วิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง

วันที่ 6 มีนาคม 2561

    การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์

    ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์  ดร.ดวงตาม ตันโซ  อาจารทำนอง ดาศรี 

   การจัดทำงบประมาณและโครงการจะต้องดำเนินการในลักษณะเชิงบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ มีวัตถุประสงค์ ขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย แนวทาง ตัวชี้วัดที่ชัดเขน มีแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว แผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ  กิจกรรมที่ดำเนินการต้องมีการบูรณาการใน 3 มิติ ได้แก่ มิติยุทธศาสตร์ พื้นที่ (ARE  )   มิติตามยุทธศาสตร์กระทรวง/หน่วยงาน (FUNCTION ) และมิติยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล และมีความคุ้มค่ามองถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มีหลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส ถูกกฎหมาย   อย่ายอมกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

    วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ

     ดร.บวรนันท์    ทองกัลยา

  เราต้องเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 

  สิ่งสำคัญในการบริหารความเปลี่ยนแปลงขององค์กรมี 2 ตัว

     1.T-Technology/Technical/Tool      เทคโนโลยี

      2.A-Acceptance     การบริหารคน

 อยากเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ผู้นำองค์กรต้องก้าวผ่านอุปสรรค กล้าเผชิญกับความเป็นจริง

 การบริหารความเปลี่ยนแปลงที่คนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 6 ปัจจัยหลัก

   1.Vsion  วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน

   2.Communication  การสื่อสาร

   3.Incentive แรงจูงใจ

   4.Skill  ทักษะความรู้ความสามารถ

   5.Action Plan  มีแผนงาน

   6.Tool  มีทรัพยากร

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม 2561

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์

โดย ดร.ทายาท ศรีปลั่ง

ได้รับความรู้ในหลักการและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรโดยมีแนวคิดทั้งหมด 5 แนวคิด ได้แก่ Leadership Pipeline การสร้าง พัฒนา และรักษาไว้ซึ่งทักษะความสามารถ 2) 9 Box – เกณฑ์การพิจารณาการเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง 3) Mentoring พี่เลี้ยงที่ช่วยสอน ชี้แนะ และให้คำปรึกษา เพื่อช่วยพัฒนาบุคลากรในองค์กร4) Coaching การพัฒนาลูกน้องให้มีความรู้ทักษะ และคุณลักษณะเฉพาะตัวในการงาน 5) Trust มีความเชื่อว่าบุคคลนั้นมีความสามารถซึ่งเหมาะกับการทำงานเป็นทีม

ดร.เกริกเกียรติ ศรีเสริมโภค

ได้รับความรู้ด้านกลยุทธ์การพัฒนาคนในยุคDigitalซึ่งนอกจากคนจะมีประสบการณ์การทำงานแล้ว ควรจะมี EQ มากกว่า IQ และได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของ Appleที่มาจากขีดความสามารถของคน ที่ต้องพัฒนางานให้ดีกว่าคู่แข่งการทำสิ่งใหม่ ๆ และอย่าละเลยสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยได้แนวคิดหลักการในการบริหารคนคือ ต้องรู้ เข้าใจ ประยุกต์ใช้ พัฒนางานไปสู่นวัตกรรมอีกทั้งองค์กรยังต้องมุ่งเน้นกลยุทธ์การจัดการความรู้อย่างเข้มข้น เนื่องจาก Changeเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ คุณภาพ และมีความพร้อมในการแข่งขัน โดยเน้นHR Transformation Process

วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561

การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์

ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดร.ดวงตาตันโช ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์ กรรมการบริหารความเสี่ยงบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ที่ปรึกษาอิสระอาวุโส

การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ต้องกำหนดเป้าหมายแนวทางและตัวชี้วัดให้เชื่อมโยงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 และนโยบายรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง  โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนแม่บทแผนปฏิบัติการ แผนการใช้จ่ายงบประมาณ การดำเนินโครงการ กิจกรรมที่มีการบูรณาการใน3 มิติ ได้แก่ ยุทธศาสตร์พื้นที่ ยุทธศาสตร์กระทรวง/หน่วยงาน และยุทธศาสตร์รัฐบาล

แนวทางการวิเคราะห์และจัดสรรงบประมาณต้องมีการประเมินและการจัดลำดับความสำคัญของผลผลิต/โครงการที่คำนึงถึงความสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาลรวมทั้งความพร้อมและความสามารถในการดำเนินงานของหน่วยงาน การใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าการติดตามประเมินผลของสำนักงบประมาณ และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

วันที่ 5 มีนาคม 2561

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (1) โดย ดร.ทายาท ศรีปลั่ง ดร.เกริกเกียรติ  ศรีเสริมโภค

หลักการและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร

          แนวคิดที่ 1  Leadership Pipeline แนวคิดที่ 2 9 Box –เกณฑ์การพิจารณาการเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง แนวคิดที่ 3 Mentoring แนวคิดที่ 4 Coaching แนวคิดที่ 5 Trust

          ความเชื่อมั่น 6 เรื่องคือ Competence เก่ง คือ จะเรียนรู้ในงานก่อน รู้งาน และรู้คนด้วย Communicate openly ต้องพูดจาดี  มีปิยวาจา คือ พูดจริง ไม่พูดเท็จ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ส่อเสียด (พูดมีเหตุมีผล มีหลักการ) พูดมีกาลเทศะ พูดก่อประโยชน์ (มีประโยชน์ หรือสะใจ) Consistency สม่ำเสมอ ต่อหน้าลับหลังให้ชมคน ติงาน  อย่าด่าคน Concern about others (Caring) การแคร์จิตใจคน ถามสารทุกข์สุขดิบ แคร์เรื่องงาน และชีวิตความเป็นอยู่ Do what you say พูดอะไรต้องทำแบบนั้น รักษาคำพูดของตนเอง ทำที่ตนพูด Credit ให้เครดิตลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน เพราะผลงานออกจากทีม 

          การพัฒนาเพื่อสร้างให้องค์กรขับเคลื่อนแบบนวัตกรรมและเกิดความยั่งยืน ต้องประกอบด้วยความรู้  ความคิด และจินตนาการ  หลักคิดไม่ใช่แค่รู้ เข้าใจ ประยุกต์ใช้ พัฒนา แต่สุดท้ายเราต้องการ Innovation  และในมิติการบริหารคน จะมีเรื่องการบริหารด้านศักยภาพ  Put the right man in the right job  ถ้าต้องการดูศักยภาพคนอาจลอง Put the wrong man in the wrong job แล้วอาจเห็น Potential

          คนในปัจจุบันต้องเป็น Multiple Skill ความรู้เป็นสิ่งสำคัญ New Knowledge ต้องปรับตัว มี Value อยู่ได้ด้วยความสุข ต้องเชื่อว่าทุกอย่างพัฒนาได้

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบรรยายพิเศษ การเคหะแห่งชาติ กับการบริหารธุรกิจ โดย คุณกษิต ภิรมย์

          ความเป็นเลิศในหน้าที่การงาน ต้องตั้งใจทำงานและมุ่งมั่นในความเก่งของการทำงานมีความมุ่งมั่น ขยันหมั่นเพียรที่ต้องทำให้ดีที่สุด และสุดฝีมือ มีความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นทำอะไรที่ดีงาม ต่อตัวเองและประเทศชาติ ความคิดความอ่านที่ดีเป็นบ่อน้ำทิพย์ ทำอะไรที่ดี ทำอย่างสร้างสรรค์

          มีการบริหารจัดการที่ Transparency ทุกอย่างต้องตรวจสอบได้และโปร่งใส และรายงานความยั่งยืน เป็น Trend ของโลกและเป็นTrend ของอาเซียน

 

การบรรยายพิเศษ การเคหะแห่งชาติ กับ การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (2/2) โดย คุณชาย สังขะเวส  ผู้อำนวยการ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้ากรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

          วัตถุประสงค์การรวมตัวกันของอาเซียนเพื่อให้มีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบมาทำการผลิตสินค้า และส่งต่อใน 10 ประเทศ โดยเสรี และการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยไม่มีภาษี การสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งเพื่อเป็นตัว Support การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบสินค้าและบริการ

มีวัตถุดิบอย่างเสมอภาค บางประเทศมีความถนัดด้านหนึ่งอีกประเทศไม่มีความถนัดอาจมีการร่วมทุนสร้างเสรีมากขึ้น เป็นการรวมตัวกันเพื่อให้แข่งขันกับเศรษฐกิจโลก     

          ความเป็นเสรี มี 3 เรื่องหลัก ๆ 1. Agreement 2. AFAS (ASEAN Framework Agreement on Service 3. ACIS เป็นเรื่องการลงทุนเปิดใน 5 สาขา คือป่าไม้ อุตสาหกรรมการผลิต การทำเหมืองแร่

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบรรยายพิเศษ การเคหะแห่งชาติ กับการบริหารธุรกิจ โดย คุณกษิต ภิรมย์

          ความเป็นเลิศในหน้าที่การงาน ต้องตั้งใจทำงานและมุ่งมั่นในความเก่งของการทำงานมีความมุ่งมั่น ขยันหมั่นเพียรที่ต้องทำให้ดีที่สุด และสุดฝีมือ มีความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นทำอะไรที่ดีงาม ต่อตัวเองและประเทศชาติ ความคิดความอ่านที่ดีเป็นบ่อน้ำทิพย์ ทำอะไรที่ดี ทำอย่างสร้างสรรค์

          การบริหารจัดการที่ Transparency ทุกอย่างต้องตรวจสอบได้และโปร่งใส และรายงานความยั่งยืน เป็น Trend ของโลกและเป็นTrend ของอาเซียน

 

การบรรยายพิเศษ การเคหะแห่งชาติ กับ การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (2/2) โดย คุณชาย สังขะเวส  ผู้อำนวยการ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้ากรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

          วัตถุประสงค์การรวมตัวกันของอาเซียนเพื่อให้มีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบมาทำการผลิตสินค้า และส่งต่อใน 10 ประเทศ โดยเสรี และการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยไม่มีภาษี การสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งเพื่อเป็นตัว Support การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบสินค้าและบริการ

มีวัตถุดิบอย่างเสมอภาค บางประเทศมีความถนัดด้านหนึ่งอีกประเทศไม่มีความถนัดอาจมีการร่วมทุนสร้างเสรีมากขึ้น เป็นการรวมตัวกันเพื่อให้แข่งขันกับเศรษฐกิจโลก     

          ความเป็นเสรี มี 3 เรื่องหลัก ๆ 1. Agreement 2. AFAS (ASEAN Framework Agreement on Service 3. ACIS เป็นเรื่องการลงทุนเปิดใน 5 สาขา คือป่าไม้ อุตสาหกรรมการผลิต การทำเหมืองแร่

 

วิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง

วันที่ 7 มีนาคม 2561          การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยคุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์ ดร.สุรพงษ์ มาลี

Risk เป็นเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งหากเกิดขึ้นจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร ซึ่งเราต้องบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือยอมรับได้เพื่อลดความเสียหายจากความเสี่ยงมากที่สุด 

  

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันที่ 7 มีนาคม 2561

การบริหาความเสี่ยงธุรกิจ

การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ สามารถมีเครื่องมือที่วัดความสำเร็จขององค์กรได้ สืบเนื่องจากภาวะสงคราม เหตุการณ์ระเบิดตึกเวิล์ดเทรด ส่งผลกระทบให้เกิดความเสี่ยงทั่วโลก ทั้งด้านความปลอดภัย ด้านเศรษฐกิจ ทำให้เกิดภาวะวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ความน่าเชื่อถือต่างๆ ในหลักทรัพย์         เกิดการผันผวน ส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงจำเป็นที่จะต้องมีการบริหารความเสี่ยง

ความเสี่ยง หมายถึง เหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน แต่สามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่เป็นโอกาสในการ   เพิ่มคุณค่ากับองค์กร
การบริหารความเสี่ยง หมายถึง การกำหนดนโยบาย โครงสร้าง และกระบวรการเพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และบุคลากร นำไปปฏิบัติในการกำหนดกลยุทธ์ และปฏิบัติงานทั้งองค์กร
• การฉ้อฉลในองค์กรทำให้เสียหาย เช่น การตกแต่งตัวเลขผลการดำเนินงาน จะส่งผลกระทบต่อกิจการอย่างมหาศาล

ภาพรวมกลไกการกำกับดูแลที่ดี

-Good Governance

-Risk Management

-Internal Control

การสนับสนุนการทำงานตามแผนที่วางไว้ โดยการสื่อสารที่ดี มีทรัพยากร มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสิทธิภาพการตรวจสอบภายใน ลดการตื่นตระหนก สร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อพบโอกาสใหม่ๆ โดยใช้มาตรฐาน CoSo คือ สิ่งที่กำหนดมาเพื่อให้องค์กร และหน่วยงานใช้ในการประเมิน และปรับปรุงการควบคุมภายใน ดำเนินการตามขั้นตอนทุกระดับ

เครื่องมือที่มีให้เลือกใช้ ได้แก่ Event Inventories, การทำ Work Shop, การทำแบบสอบถาม,         การวิเคราะห์, การประเมิน, การประมวลผล ทั้งหมดนี้จะได้ Risk Profile ขององค์กร

วิธีการจัดการความเสี่ยง

1. หลีกเลี่ยงความเสี่ยง
2. ลดความเสี่ยง
3. ร่วมจัดการความเสี่ยง
4. ยอมรับและแก้ไข
• บทหน่วยงานสนับสนุนให้เกิดความคิดต่าง โดยมีนวัตกรรม (ลองผิดลองถูก – ไม่มีมาตรการลงโทษ)

ระบบการควบคุมภายในให้ตอบโจทย์เป้าประสงค์โดยใช้หลัก 5T เป็นการควบคุมก่อนเกิดความเสี่ยง ได้แก่ ความเสี่ยงบางอย่างยอมรับได้, การบริหารจัดการเพื่อให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้, ความเสี่ยงอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้, ความเสี่ยงบางอย่างอาจนำมาซึ่งโอกาส

การกำหนดความวัตถุประสงค์ที่ Smart เพื่อการบริหารความเสี่ยง

1. มีความชัดเจน และกำหนดผลตอบแทน/ผลลัพธ์ที่ทุกคนเข้าใจ
2. สามารถวัดผลกระทบการบรรลุวัตถุประสงค์ได้
3. มีความเป็นไปได้ ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่
4. มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์, เป้าหมายในการดำเนินงาน
5. สามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องการบรรลุผล

 

 

นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม

พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9

ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2

กลุ่มที่ 1

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันที่ 7 มีนาคม 2561

การบริหาความเสี่ยงธุรกิจ

การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ สามารถมีเครื่องมือที่วัดความสำเร็จขององค์กรได้ สืบเนื่องจากภาวะสงคราม เหตุการณ์ระเบิดตึกเวิล์ดเทรด ส่งผลกระทบให้เกิดความเสี่ยงทั่วโลก ทั้งด้านความปลอดภัย ด้านเศรษฐกิจ ทำให้เกิดภาวะวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ความน่าเชื่อถือต่างๆ ในหลักทรัพย์         เกิดการผันผวน ส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงจำเป็นที่จะต้องมีการบริหารความเสี่ยง

ความเสี่ยง หมายถึง เหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน แต่สามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่เป็นโอกาสในการ   เพิ่มคุณค่ากับองค์กร
การบริหารความเสี่ยง หมายถึง การกำหนดนโยบาย โครงสร้าง และกระบวรการเพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และบุคลากร นำไปปฏิบัติในการกำหนดกลยุทธ์ และปฏิบัติงานทั้งองค์กร
• การฉ้อฉลในองค์กรทำให้เสียหาย เช่น การตกแต่งตัวเลขผลการดำเนินงาน จะส่งผลกระทบต่อกิจการอย่างมหาศาล

ภาพรวมกลไกการกำกับดูแลที่ดี

-Good Governance

-Risk Management

-Internal Control

การสนับสนุนการทำงานตามแผนที่วางไว้ โดยการสื่อสารที่ดี มีทรัพยากร มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสิทธิภาพการตรวจสอบภายใน ลดการตื่นตระหนก สร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อพบโอกาสใหม่ๆ โดยใช้มาตรฐาน CoSo คือ สิ่งที่กำหนดมาเพื่อให้องค์กร และหน่วยงานใช้ในการประเมิน และปรับปรุงการควบคุมภายใน ดำเนินการตามขั้นตอนทุกระดับ

เครื่องมือที่มีให้เลือกใช้ ได้แก่ Event Inventories, การทำ Work Shop, การทำแบบสอบถาม,         การวิเคราะห์, การประเมิน, การประมวลผล ทั้งหมดนี้จะได้ Risk Profile ขององค์กร

วิธีการจัดการความเสี่ยง

1. หลีกเลี่ยงความเสี่ยง
2. ลดความเสี่ยง
3. ร่วมจัดการความเสี่ยง
4. ยอมรับและแก้ไข
• บทหน่วยงานสนับสนุนให้เกิดความคิดต่าง โดยมีนวัตกรรม (ลองผิดลองถูก – ไม่มีมาตรการลงโทษ)

ระบบการควบคุมภายในให้ตอบโจทย์เป้าประสงค์โดยใช้หลัก 5T เป็นการควบคุมก่อนเกิดความเสี่ยง ได้แก่ ความเสี่ยงบางอย่างยอมรับได้, การบริหารจัดการเพื่อให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้, ความเสี่ยงอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้, ความเสี่ยงบางอย่างอาจนำมาซึ่งโอกาส

การกำหนดความวัตถุประสงค์ที่ Smart เพื่อการบริหารความเสี่ยง

1. มีความชัดเจน และกำหนดผลตอบแทน/ผลลัพธ์ที่ทุกคนเข้าใจ
2. สามารถวัดผลกระทบการบรรลุวัตถุประสงค์ได้
3. มีความเป็นไปได้ ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่
4. มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์, เป้าหมายในการดำเนินงาน
5. สามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องการบรรลุผล

 

 

นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม

พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9

ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2

กลุ่มที่ 1

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

วันที่ 6 มีนาคม 2561

การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์ (1) โดย ดร.ดวงตา  ตันโซ  คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์  ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์

          การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นนำไปใช้ประกอบในการพิจารณาจัดทำ งบประมาณ โดยทบทวนเป้าหมายแนวทางและตัวชี้วัดให้เชื่อมโยงสอดคล้องกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (2560–2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560 – 2564) นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (2558-2564) นโยบายรัฐบาล และแผนแม่บทกระทรวง/หน่วยงานรวมถึงแผนแม่บทด้านต่าง ๆ     ที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวเริ่มต้นในการคิดแผนงบประมาณแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ ประชาชน และประเทศชาติจะได้รับทั้งในระยะสั้นและระยะยาวรวมทั้งสามารถประเมินผลสัมฤทธิ์ของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน 

          แนวคิดการเชื่อมโยงและการประสานแผนงานในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เป็นการบูรณาการโดยใช้กระบวนการงบประมาณเป็นเครื่องมือ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยให้การดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเป็นไปอย่างสมดุล และมีการรวบรวมรายจ่ายในลักษณะองค์รวมก่อให้เกิดสัมฤทธิ์ผลสูงขึ้นกว่าการดำเนินภารกิจอย่างเป็นอิสระจากกัน เช่น มีโครงการอยู่โครงการหนึ่งแต่ละฝ่ายต้องมาระดมความคิดเห็นร่วมกัน หน่วยงานเจ้าภาพมีหน้าที่ในการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ขอบเขตงาน ระยะเวลา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และงบประมาณเชิงบูรณาการโดย เน้นการจัดทำเป็น Project Base มีความเป็นไปได้ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อน

          การวัดผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ –Financial

          ตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial)

                   1. EVA – วัดความสามารถในการทำกำไร และ/หรือการบริหารสินทรัพย์

                   2. ROA – วัดการบริหารสินทรัพย์

                   3. Profitability : EBITDA, Profit margin,etc – วัดความสามารถในการทำกำไร

                 **4. Human Productitivity : Net Profit/personnel – วัดความสามารถในการทำกำไร

                   5. Cost : Cost/Personnel,Cost/ Unit product ,or serviced, etc. วัดความสามารถ   ในการทำกำไร (โดยการควบคุมต้นทุน)

                   6. Debt Service Coverage Ratio (DSCR) วัดความสามารถในการชำระคืนหนี้

          กระบวนการงบประมาณ มี 5 ขั้นตอน

             1. วางแผน

             2. การจัดทำงบประมาณ

             3. การอนุมัติงบประมาณ

             4. การบริหารงบประมาณ

             5. การประเมินผล

สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องมีคือ ธรรมาภิบาล   1. สุจริต   2.โปร่งใส   3.ถูกกฎหมาย

วิธีการเป็นผู้นำ ต้องคิดเป็น ใช้เงินเป็น คนทำดีต้องสนับสนุนต้องส่งเสริม ผู้นำบางครั้งอาจต้องไม่เปิดเผยตัว เพื่อที่จะรู้จักคนมากขึ้น แล้วจะให้ความเป็นธรรม ความถูกต้อง ปกป้องลูกน้อง    อะไรต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย 

 

กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ (บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ) 1) กรณีศึกษาของบริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด โดย ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่

     

          หัวใจของ Organization Transform หัวใจของการบริหารการเปลี่ยนแปลงขององค์กรมี 2 ตัวคือ

          1. T – Technology / Technical / Tool การบริหารจัดการต่าง ๆ ที่เป็น Half Side

          2. A – Acceptance

          หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การบริหารองค์กร อะไรคือ Result อะไรคือ Hi-light Performance  แม้ว่า how to สำคัญ แต่ไม่เท่ากับ result เป็นอย่างไร

          . ผู้นำองค์กร ภาวะผู้นำดูจากแนวคิด ต้องนำองค์กรก้าวข้ามจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ใช่ทำในสิ่งที่ถูกแต่ต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างที่นำองค์กรก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ กล้าเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย  เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ Core Competence ขององค์กรที่ทำให้เป็นองค์กร 100 ปี ได้แก่ Culture แต่สิ่งที่มีอยู่เป็น Healthy หรือ Unhealthy

          The VUCA Report  Volatility (V), Uncertainty (U), Complexity (C), Ambiguity (A)

          6 ปัจจัยหลัก การบริหารการเปลี่ยนแปลง

          1. Vision – ต้องมีการพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ที่ชัด Where we want to be? ต้องรู้ว่าไปตรงจุดไหน วิสัยทัศน์คือการบอกทิศทาง

          2. Communication – การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะถ้าไม่สื่อสาร หรือสื่อไม่ดีคนมีแนวโน้มปฏิเสธ

          3. Incentive – แรงจูงใจในการเปลี่ยน ถ้าเมื่อไหร่ไม่มี Incentive จะ Slow Change

          4. Skill – เมื่อไหร่คนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะสูงจะไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง โลกอนาคตจะต้องเป็นคนที่ทำงานที่มีความรู้

          5. Action Plan – การทำ Change ต้องมีแผนงาน ไม่เช่นนั้นจะทำมั่วไปหมด

          6. Tool – คนเป็นนายต้องสนับสนุนทรัพยากรด้วย

          ต้องทำให้ Soft Side แข็งแรงมีความรู้ ความสามารถ ให้คนไม่กลัว ต้องทำให้เป็น Knowledge Worker ให้ได้

          การพัฒนาอะไรให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยน้อยที่สุด

                   - Keyword มีสิ่งเดียวคือ Understanding เพราะที่ผ่านมาผู้บริหารจะเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง

                   - ตัวที่ Impact ที่มีผลทำให้คนรักไม่รักที่สุดเพราะนาย  คนเข้าเพราะองค์กรออกเพราะนาย                - มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นคนที่มีความหมายในองค์กร

          การเป็นตัวอย่างคือตัวที่เป็น Cultivate Corporate ได้ดีที่สุด หมายถึงการแสดงออกด้วยหัวใจสำคัญที่สุดคือ การปลูกฝัง Role Model ที่สร้างประสบการณ์

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

วันที่ 7 มีนาคม 2561

การบรรยายเรื่องการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจโดย คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์

          การบริหารความเสี่ยง คือความจำเป็นที่ต้องบริหารความเสี่ยงมีระบบที่ดีช่วยทำให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ เป้าประสงค์ตามแผนยุทธศาสตร์ ก่อให้เกิดการสื่อสาร มี Owner , Center การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องของบุคลากรทุกคน การสื่อสารจึงมีความจำเป็นมากในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย ช่วยให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ก่อให้เกิดการปรับปรุงต่อเนื่อง ช่วยเรื่อง Internal Audit Program มีการ Focus มากขึ้น Internal Audit /Control ต้องไป Focus ในเรื่องความเสี่ยงที่สำคัญ ๆ กับองค์กร ความเสี่ยง คือการจัดการความไม่แน่นอน

          หลักการบริหารความเสี่ยงใช้แนว SOFC

          S ความเสี่ยงอันเกิดจากการที่กำหนดนโยบายและแผนกลยุทธ์ แผนดำเนินงาน และการนำไปปฏิบัติไม่เหมาะสม หรือไม่สอดคล้องกับปัจจัยภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก

          Oความเสี่ยงอันเกิดจากการดำเนินงานภายในองค์กร ซึ่งเป็นผลมาจากบุคลากร กระบวนการทำงาน โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการทุจริตภายในองค์กร

          F  ความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านการเงินต่อองค์กร

          C  ความเสี่ยงอันเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังค้บ โดยครอบคลุมถึงกฎ ระเบียบของทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกที่กำกับดูแลองค์กร

          หลักการเขียนวัตถุประสงค์ของความเสี่ยง SMART

                   Specific ( เฉพาะเจาะจง ) มีความชัดเจนและกำหนดผลตอบแทนหรือผลลัพธ์ที่ต้องการที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน

                   Measurable (สามารถวัดได้) สามารถวัดผลการบรรลุวัตถุประสงค์ได้

                   Achievable (สามารถบรรลุผลได้) มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้เงื่อนไขการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน

                   Relevant (มีความเกี่ยวข้อง) มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายในการดำเนินงานขององค์กร

                   Timeliness (มีกำหนดเวลา) สามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องการบรรลุผล

                   สรุป คือ เราต้องเน้นการลดความเสี่ยง และบริหารความเสี่ยงให้ตรงตามเป้าหมายขององค์กร การบริหารความเสี่ยง ต้องเน้นการลดโอกาสและลดผลกระทบ การบริหารความเสี่ยงเป็นการดูทั้งองค์กร องค์รวม

 

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

วันที่ 6 มีนาคม 2561

การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์ (1) โดย ดร.ดวงตา  ตันโซ  คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์

 ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์

          การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นนำไปใช้ประกอบในการพิจารณาจัดทำ งบประมาณ โดยทบทวนเป้าหมายแนวทางและตัวชี้วัดให้เชื่อมโยงสอดคล้องกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (2560–2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560 – 2564) นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (2558-2564) นโยบายรัฐบาล และแผนแม่บทกระทรวง/หน่วยงานรวมถึงแผนแม่บทด้านต่าง ๆ     ที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวเริ่มต้นในการคิดแผนงบประมาณแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ ประชาชน และประเทศชาติจะได้รับทั้งในระยะสั้นและระยะยาวรวมทั้งสามารถประเมินผลสัมฤทธิ์ของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน 

          แนวคิดการเชื่อมโยงและการประสานแผนงานในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เป็นการบูรณาการโดยใช้กระบวนการงบประมาณเป็นเครื่องมือ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยให้การดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเป็นไปอย่างสมดุล และมีการรวบรวมรายจ่ายในลักษณะองค์รวมก่อให้เกิดสัมฤทธิ์ผลสูงขึ้นกว่าการดำเนินภารกิจอย่างเป็นอิสระจากกัน เช่น มีโครงการอยู่โครงการหนึ่งแต่ละฝ่ายต้องมาระดมความคิดเห็นร่วมกัน หน่วยงานเจ้าภาพมีหน้าที่ในการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ขอบเขตงาน ระยะเวลา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และงบประมาณเชิงบูรณาการโดย เน้นการจัดทำเป็น Project Base มีความเป็นไปได้ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อน

          การวัดผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ –Financial

          ตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial)

                   1. EVA – วัดความสามารถในการทำกำไร และ/หรือการบริหารสินทรัพย์

                   2. ROA – วัดการบริหารสินทรัพย์

                   3. Profitability : EBITDA, Profit margin,etc – วัดความสามารถในการทำกำไร

                 **4. Human Productitivity : Net Profit/personnel – วัดความสามารถในการทำกำไร

                   5. Cost : Cost/Personnel,Cost/ Unit product ,or serviced, etc. วัดความสามารถ   ในการทำกำไร (โดยการควบคุมต้นทุน)

                   6. Debt Service Coverage Ratio (DSCR) วัดความสามารถในการชำระคืนหนี้

        กระบวนการงบประมาณ มี 5 ขั้นตอน           

        1. วางแผน  2. การจัดทำงบประมาณ  3. การอนุมัติงบประมาณ  4. การบริหารงบประมาณ   5. การประเมินผล

        สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องมีคือ ธรรมาภิบาล   1. สุจริต   2.โปร่งใส   3.ถูกกฎหมาย

       วิธีการเป็นผู้นำ ต้องคิดเป็น ใช้เงินเป็น คนทำดีต้องสนับสนุนต้องส่งเสริม ผู้นำบางครั้งอาจต้องไม่เปิดเผยตัว เพื่อที่จะรู้จักคนมากขึ้น แล้วจะให้ความเป็นธรรม ความถูกต้อง ปกป้องลูกน้อง    อะไรต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย 

 

5 มื.ค.61

ช่วงเช้า

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (1)

อ.ทายาท ศรีปลั่ง

อ.เกริกเกรียรติ ศรีเสริมโภค

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 14  มีนาคม 2561  ช่วงเช้า เรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัย กับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0

ดร.โสภณ  พรโชคชัย   ได้บรรยายถึงสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ในปัจจุบัน ภาคเอกชน หลังปีวิกฤติเศรฐกิจ ปี 2540 จะมีกลุ่มอสังหาที่เป็นมหาชน กลุ่มเป้าหมายและสถานที่จะพัฒนาที่ในกรุงเทพฯ ไม่กระจายไปภูมิภาคและลูกค้าระดับกลางถึงสูง   สำหรับการเคหะแห่งชาติ จะเป็นลูกค้าระดับล่าง และดูแลชุมชนรักษ์สิ่งแวดล้อม  จึงสามารถพัฒนาในต่างจังหวัดได้ดีกว่า   ส่วนทำเลที่ตั้งและราคาบ้านแนวราบอยู่ประมาณ 3-5 ล้าน อยู่ปริมลฑณบางแห่ง ส่วนแนวสูงจะพัฒนามาแนวรถไฟฟ้า   

การพัฒนาชุมชน  เปรียบเทียบต่างประเทศด้วยพื้นที่ใจกลางเมืองที่แพงจะปรับเป็นพื้นที่ก่อสร้างที่อยู่อาศัย  แต่ของไทย จะเน้นสัดส่วนเป็นสวนสาธารณะ

อ.สิทธิชัย  เนี๋ยมเจริญ   บริษัท SCG

Thailand 4.0 ชูประเด็น  Innovation 

รับการเปลี่ยนแปลงสู่โลก Digital  ได้บรรยายถึง Invention คือสิ่งประดิษฐ์  แต่ Innovation  คือสิ่งที่ตอบโจทย์ที่ลูกค้าชอบและต้องการ ถ้าสิ่งใหม่ยิ่งดี   แต่ในความเป็นจริงนวัตกรรมเป็นการพัฒนามาก่อนอย่างต่อเนื่องหลายปีจึงจะนำมาใช้ได้จริง  รวมทั้งเป็นการOpen Innovation  หรือการเชื่อมโยงเทคโนโลยี    สู่การพัฒนาเป็น PatFrom ในเรื่องระบบการก่อสร้าง เน้นการประกอบ โรงงานจะผลิตชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐาน ใช้โซล่าเซล ออบแบบบ้านที่ Smart คนทุกวัยอยู่รวมกันได้

 

ช่วงบ่าย เรื่องการบริหารกลยุทธ์องค์กร

ดร.ณัฐวุฒิ พงศ์สิริ   ได้บรรยายถึง เพื่อให้ธุรกิจ หรือองค์กรมั่นคง จะต้องเน้นลูกค้าเป็นหลัก และการเปลี่ยนแปลงสู่โลก Digital

ต้องมีนวัตกรรมใหม่ เช่นการพัฒนาคน ทำงานนอกสถานที่แต่ทำงานได้ จำเป็นจะต้องปรับคู่มือ หรือศึกษากฎหมายแรงงาน  และต้องศึกษาคู่แข่งขันเป็นใคร  และข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญเพื่อจะได้เปรียบคู่แข่งขัน  การเปลี่ยนแปลงต้องมีเสถียรภาพ ให้คิดนอกกรอบ

อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์   มองการบริหารกลยุทธ์ ให้คิดค่อมกรอบ  COD ทำแล้วจะดีต่อองค์กร โดยผู้นำต้องนำก่อนสู่ระดับปฎิบัติ  และการบริหารจัดการจะต้องมีส่วนร่วม เนื่องจากแต่ละคนมี Talent  แล้วนำมา Design  thinking

และช่วงเย็น อาจารย์ จ้าได้มาแนะนำการทำงานกลุ่มด้วยค่ะ

14 มี.ค. 61

การพัฒนาที่อยู่อาศัย...กับการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0 กรณีศึกษา

โดย  ดร.โสภณ  พรโชคชัย  และ นายสิทธิชัย  เนี๋ยมเจริญ

                ได้ทราบแนวโน้มและดิชนีของการพัฒนาที่อยู่อาศัยของภาคเอกชนว่ามีการพัฒนาไปแนวทางไหนและแหล่งโครงการอยู่โซนไหนบ้าง แต่โครงการมีขนาดและมูลค่าเป็นอย่างไร แล้วหันกลับมามองตัวเราเอง กคช. จะพัฒนาโครงการไปในกลุ่มไหนที่เอกชนไม่สนใจ โดยฌฉพราะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และต่างจังหวัด ซึ่งยังเป็นตลาดใหญ่อยู่แต่อาจจะมีมูลค่าต่อหน่วยน้อยอยู่ แต่ก็ยังคงเป็นภาระกิจของเราเองที่ยังต้องทำ

                และประเทศไทยในขณะนี้ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0  กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวในก้านการคิดค้น และนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิดให้มากขึ้น ต้องทำให้หลายๆอย่างให้ Smart รวมทั้ง Smart Mindset ต่อยอดจากสิ่งที่รัฐบาลเสนอให้ทำ ไม่ใช่รอแต่งบประมาณเท่านั้น  กคช. จะต้องมี R&D ของตนเองที่แข็งแรง พร้อมทั้งสามารถดึงความร่วมมือจากแหล่งอื่นๆ ที่จะทำให้สามารถก้าวเดินไปข้างหน้างอย่างมีคุณภาพและแข็งแรงขึ้น

นายบัณฑูรย์ มนธาตุผลิน

นายบัณฑูรย์ มนธาตุผลิน ผู้ตรวจการระดับ 9 ขอสรุปความรู้ที่ได้รับจากการอบรมในวันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ดังนี้ช่วงเช้าอาจารย์ดรโสภณได้ให้ความรู้และข้อมูลทางสถิติและแนวโน้มการก่อสร้างที่อยู่อาศัยรวมถึงข้อมูลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัย รวมทั้งการพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดซึ่งเป็นข้อมูลและความรู้ที่สำคัญมากในการนำมาใช้เป็นข้อมูลในการเคหะแห่งชาติอย่างมีทิศทางและแนวทางต่อไปสำหรับอาจารย์สิทธิชัยได้ให้ความรู้ในเรื่องของนวัตกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของ SCG รวมทั้งให้ความรู้ในหลักการบริหารงาน ที่ต้องยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าให้ได้ เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการสำหรับในช่วงบ่ายอาจารย์ดอกเตอร์ณัฐวุฒิได้ให้ความรู้เรื่ององค์กรและการเปลี่ยนแปลงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงโดยได้จำแนกองค์กรไว้ 4 ประเภทคือ 1 องค์กรที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง 2  องค์กรที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรู้ว่าทำอย่างไรแต่ไม่เคยลงมือทำ 3 องค์กรที่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงและรอจนกว่าจะกระทบตัวเอง  4 องค์กรที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น การที่ได้เรียนรู้จากองค์กรทั้ง 4 ประเภท ทำให้เข้าใจว่าองค์การประเภทไหนที่จะสามารถอยู่รอดได้ในอนาคต เพราะเหตุใดท่านอาจารย์ยังให้ความรู้ในเรื่องของทิศทางการเปลี่ยนแปลงและจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้บรรลุผลตามที่ต้องการรวมทั้งได้ให้ความรู้ภาพรวมฮิตทางยุทธศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งแต่ปีพศ 2560-2562 อีกด้วยโดยมีหลักการมุ่งเสริมสร้างเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของไทยสำหรับอาจารย์ศรัณย์จากบริษัทกบเหลาดินสอ จำกัดได้ให้ความรู้ถึงการบริหารองค์กรยุคใหม่ ซึ่งต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์โดยมีหลักการ 4 b และ 4m โดยเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งจะทำให้องค์กรก้าวหน้าพัฒนาขึ้นมีกำไรและประสบผลสำเร็จ

นายบัณฑูรย์ มนธาตุผลิน

นายบัณฑูรย์ มนธาตุผลิน ผู้ตรวจการระดับ 9 ขอสรุปความรู้ที่ได้รับจากการอบรมในวันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ดังนี้ช่วงเช้าอาจารย์ดรโสภณได้ให้ความรู้และข้อมูลทางสถิติและแนวโน้มการก่อสร้างที่อยู่อาศัยรวมถึงข้อมูลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัย รวมทั้งการพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดซึ่งเป็นข้อมูลและความรู้ที่สำคัญมากในการนำมาใช้เป็นข้อมูลในการเคหะแห่งชาติอย่างมีทิศทางและแนวทางต่อไปสำหรับอาจารย์สิทธิชัยได้ให้ความรู้ในเรื่องของนวัตกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของ SCG รวมทั้งให้ความรู้ในหลักการบริหารงาน ที่ต้องยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าให้ได้ เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการสำหรับในช่วงบ่ายอาจารย์ดอกเตอร์ณัฐวุฒิได้ให้ความรู้เรื่ององค์กรและการเปลี่ยนแปลงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงโดยได้จำแนกองค์กรไว้ 4 ประเภทคือ 1 องค์กรที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง 2  องค์กรที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรู้ว่าทำอย่างไรแต่ไม่เคยลงมือทำ 3 องค์กรที่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงและรอจนกว่าจะกระทบตัวเอง  4 องค์กรที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น การที่ได้เรียนรู้จากองค์กรทั้ง 4 ประเภท ทำให้เข้าใจว่าองค์การประเภทไหนที่จะสามารถอยู่รอดได้ในอนาคต เพราะเหตุใดท่านอาจารย์ยังให้ความรู้ในเรื่องของทิศทางการเปลี่ยนแปลงและจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้บรรลุผลตามที่ต้องการรวมทั้งได้ให้ความรู้ภาพรวมฮิตทางยุทธศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งแต่ปีพศ 2560-2562 อีกด้วยโดยมีหลักการมุ่งเสริมสร้างเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของไทยสำหรับอาจารย์ศรัณย์จากบริษัทกบเหลาดินสอ จำกัดได้ให้ความรู้ถึงการบริหารองค์กรยุคใหม่ ซึ่งต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์โดยมีหลักการ 4 b และ 4m โดยเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งจะทำให้องค์กรก้าวหน้าพัฒนาขึ้นมีกำไรและประสบผลสำเร็จ

สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 14 มีนาคม 2561

กรณีศึกษา : การพัฒนาที่อยู่อาศัยกับการขับเคลื่อนไปสู่ Thailand 4.0 การวิเคราะห์จากข้อมูลในประเภทการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย มีสาเหตุที่ทำให้หยุดขายโครงการ ดังนี้

  • 1. ไม่ผ่าน EIA
  • 2. สถาบันไม่ปล่อยสินเชื่อ
  • 3. รูปแบบสินค้าไม่เหมาะสม / ไม่มีคนซื้อ
  • 4. ทำเลที่ตั้ง (ห่างไกลสิ่งอำนวยความสะดวก)
  • 5. การเปลี่ยนรูปแบบโครงการ
  • 6. รอปรับราคาขาย
  • 7. ยกเลิกการขาย / นำไปปล่อยเช่า
  • 8. กรรมสิทธิ์ที่ดิน และทางเข้า – ออกถูกเวนคืน
  • 9. ผู้ประกอบการถูกอายัดทรัพย์
  • 10.ขาดผู้รับเหมา และแรงงาน

แนวโน้มแบบบ้านที่มีความต้องการของตลาด ได้แก่ “บ้านแฝด” ขนาด 35 ตร.วา และบ้านสำหรับผู้สูงอายุ

  • 1. เป็นสถานที่ซึ่งไม่ต้องปีนป่าย
  • 2. มีอุปกรณ์เสริมเพื่อการเคลื่อนไหวเคลื่อนย้ายผู้สูงวัย
  • 3. มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาสนับสนุน
  • 4. มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการดูแล
  • 5. มีหน่วยฉุกเฉินประจำการให้ในหมู่บ้าน

สิ่งเหล่านี้จะทำให้การขายบ้านประเภททาวน์เฮ้าส์ สามารถดึงดูดผู้ซื้อที่เป็นครอบครัวขยาย ทำให้ชีวิตการทำงาน และการอยู่อาศัยร่วมกับผู้สูงวัยง่ายขึ้น

เทคโนโลยีมีการพัฒนาตั้งแต่ 20 ปีก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงจะต้องนำมาใช้ให้เกิดนวัตกรรมเกินประโยชน์ในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงโดย Digital

วิธีการพัฒนาสินค้า

  • - มีสินค้าที่เป็นแบบใหม่ๆ
  • - มีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ
  • - มี Produce ที่ชัดเจน

การนำระบบ Digital มาใช้กับทุกวงการเพื่อให้มีการทำน้อยแต่ได้ผลจำนวนมาก (Value – Based Economy)

Innovation คือ สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ ที่ขายได้ ลูกค้าชอบ

Invention คือ สิ่งประดิษฐ์ครั้งแรกของโลก

สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ มี 3 ประเภท ได้แก่ ใหม่สำหรับเรา, ใหม่สำหรับตลาด, ใหม่สำหรับโลก

ดังนั้นการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยในปัจจุบันจะต้องคำนึงถึง สิ่งดังต่อไปนี้

  • 1. Smart
  • 2. Eco
  • 3. Care

หน่วยงาน / องค์กรต่างๆ จะต้องมุ่งที่จะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบให้คล้องจองกับเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมา องค์กรที่อยู่ได้คือ องค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงและอยู่รอดได้ โดยผู้บริหารจะจ้องมีความมุ่งมั่นที่จะให้มีการพัฒนา (Urgency)ในการเปลี่ยนแปลง การทำแผนและกลยุทธ์จะต้องรวบรวมข้อมูลภายในและข้อมูลจากภายนอกองค์กร

องค์ความรู้

  • 1. ความรู้เชิงนโยบาย (Aggregate Knowledge)
  • 2. ความรู้เฉพาะเจาะจง (ตามสถานการณ์ สถานที่ และเวลา)

การบริหารงานที่ดีต้องให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วม (Creative Organization Development) – COD ซึ่งถ้าไม่เน้นการมีส่วนร่วมแล้ว พนักงานก็จะไม่ทุ่มเทกับงานนั้นๆ และเมื่อ COD แล้วก็จะเกิดไอเดียใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีหลัก 4M ได้แก่

  • 1. ทัศนคติที่ดี Mind – Set
  • 2. ขั้นตอนกระบวนการคิด Mood
  • 3. กระบวนการทำให้เป็นรูปธรรม Mechanics
  • 4. มีความต่อเนื่องยั่งยืน Momentum

*******************************************************************************************************                

นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม

พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9

ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2

กลุ่มที่ 1

 

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 15 มีนาคม 2561 ช่วงเช้า เรื่องวิเคราะห์ประเด็นท้าทายการเคหะแห่งชาติ ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ  ได้ชูประเด็น รู้เรา รู้เขา

โดยให้มองจากภายนอกสู่ภายใน  พร้อมยกกรณีศึกษาการเคหะที่ประเทศสิงคโปร์  สู่ภายในประเทศระดับรัฐบาล  มาสู่ภายในการเคหะแห่งชาติ รวมทั้งคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ และผู้ว่า กคช.ต้องไปในทิศทางเดียวกัน  หรือ วิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน

และให้มองนอก ไม่ว่าจะนอกประเทศ และในประเทศการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม Social หรือคู่แข่งขัน  หรือวิเคราะห์โอกาส ผลกระทบ   Trend  แนวโน้มที่มีผลกระทบไทย และ การเคหะมีอะไรบ้าง  สุดท้าย ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา  Leaning Organization พร้อมสรุปท้าย เรื่องกรรมเก่า กรรมใหม่ และวัฒนธรรมองค์กร บริหารให้ดีที่สุด

 

ดร.ทรงวุฒิ  ชนะภัย   ได้บรรยายความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อโลกอนาคต  มอง AGENDA 

  • ความท้าทายเชิงกลยุทธ์  ให้วิเคราะห์เรื่อง คน ลูกค้า และความท้าทายขององค์กร สำหรับเรื่องคนบริหารระหว่าง Generation โดย Talent
  • กลยุทธ์การแข่งขัน   เน้นเรื่องการเก็บข้อมูล หรือสถิติ ของลูกค้า
  • ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล
  • ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรบุคคล
  • ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล
  • ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล

โดยทั้ง 2 เรื่องนำเครื่องเมืองเทคโนโลยีมาใช้

สุดท้ายได้ข้อคิดและจำเป็นในเรื่องความท้าทาย “ท่านมีแนวทางปรับตัวอย่างไรให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงและต่อยอดความสำเร็จขององค์กรในยุค  Digital”

ศ.ดร.จีระ  หงส์ละดารมภ์  สรุป ส่งท้าย ถึงแม้จะจบหลักสูตรนี้แล้วให้นำความรู้ปรับใช้ให้ทุกด้าน และอย่าหยุดการเรียนรู้

ช่วงบ่าย เป็นการวิเคราะห์ประเด็นท้าทายเชิงยุทธศาสตร์และเสนอแนะวิธีการจัดการ พร้อมนำเสนอ 4 กลุ่ม ๆ ละด้านดังนี้

  • ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล
  • ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรบุคคล
  • ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล
  • ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล

ในการแนะนำของอาจารย์ครั้งนี้เห็นภาพการทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็งของทุกกลุ่มค่ะ


นายประสงค์ ดวงแก้ว รอง ผอ.สน.

หัวข้อ วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะแห่งชาติ 15 มี.ค. 61

โดย  ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุญยเกียรติ

        ดร.ทรงวุฒิ  ชนะภัย

ดำเนินการโดย  ดร.จิระ  หงส์ลดารมภ์

                บทเรียนรู้จากการรับฟังการบรรยายและ เสวนาในวันนี้ได้รับความรู้และแนวคิดจากวิทยากรเป็นอย่างมาก แบบให้คิดนอกกรอบ มองแบบคนข้างนอกมองเราอย่างไร และเราจะทำธุรกิจแบบไหนที่เราเก่ง องค์กรที่ดีต้องมี 2 เรื่องคือการ Balanced กันให้เกิดความสมดูล เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่คานอำนาจกัน เสริมแรงกัน ทำอะไรก็เจริญ โดยใช้หลัก PEST + E คือพลังจากภายนอก

P = Politic

E = Economic

S = Social  อาธิ การทำอะไรต้องเข้าใจชาวบ้าน เพราะเราสามารถดึง Social มาเป็นพวกได้เดี๋ยวนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปปัจจุบันมี Social digital , Social Enterprise , Social media

T = Technology

การเคหะฯ ต้องรู้เขารู้เรา เพราะปัจจุบัน Trend มาเร็วมาแรง และทำนายไม่ได้ ต้องเปลี่ยน culture เป็นสน Learning organization เปลี่ยน tacit knowledge เป็น Expicit knowledge การมีความรู้ฝังอยู่ในตน จนถึงถ่ายทอดเป็นความรู้องค์กร

 

ดร.ทรงวุฒิ  ชนะภัย

                ได้พูดถึงความท้าทายของเทคโนโลยี่ที่มีผลต่อโลกอนาคต ปัจจัยที่ควรดูคือ Seience , Techmology , Engineer , Mathematic แล้วจะเปลี่ยนตามโลกได้หรือไม่

                ความท้าทายเชิงธุรกิจและกลยุทธ์การแข่งขัน ความท้าทายที่เกิดในภาคอุตสาหกรรม อยากเห็นการมีนวัตกรรมเป็นของตนเอง โลกเปลี่ยนเราต้องทำให้เป็น Smart Mobility

                กลยุทธ์การแข่งขัน เราต้องมีความร่วมมือ Networking ต้องมีการเก็บข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์มาปรับใช้กับงานที่ทำอยู่

ต้องมีการทำ CSR  การเคหะต้องบอก  Brand Image  ให้ได้คือการสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นกับบุคลากรในองค์กร ให้มีจิตสำนึกในด้าน CSR

        กลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  เราไม่สามารถหยุดนิ่งได้ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารจะพัฒนาการปรับตัวอย่างไร ให้ก้าวหน้าทันกับการเปลี่ยนแปลงและต่อยอดความสำเร็จขององค์กรในยุค Digital ต้องสร้างสิ่งใหม่ และมีนวัตกรรม

ช่วงบ่าย เป็นการวิเคราะห์ประเด็นท้าทายเชิงยุทธศาสตร์และเสนอแนะวิธีการจัดการ พร้อมนำเสนอ 4 กลุ่ม ๆ ละด้านดังนี้

·         ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล

·         ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรบุคคล

·         ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล

·         ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล

ได้นำเสนอแนวคิดซึ่งสามารถที่จะนำไปปฎิบัติต่อยอดได้จริง นอกจากเรียนรู้ในห้องเรียนแล้ว จะต้องนำไปลงมือทำ และทำอย่างต่อเนื่องและต่อเนื่องจึงจะเกิดความยั่งยืน และทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

วันที่ 14/3/2561

การพัฒนาที่อยู่อาศัยกับการขับเคลื่อนไปสู่ไทยแลนด์ 4.0

รัฐควรมีมาตรการสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยดังนี้

1. ไม่ทำแข่งกับเอกชน

2.เป็นสถาบันการเงินเต็มตัวแบบ HDB

3. เป็นศูนย์รวมระดมความเห็นของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

4. ศูนย์ข้อมูลให้ประชาชนที่สนใจซื้อบ้าน

5. นำการใช้ Escrow Account สร้างระบบที่ดี

6. มาตรการผ่องถ่ายบ้านมือสอง

7. ส่งเสริมนักวิชาการคล้าย HDB และนายหน้า

15/3/61 

MEGA TRAEND ที่เกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับ กคช.

1. AGEING Sociaty

2. Urbanization

3. Prefablication

กลยุทธ์การแข่งขัน

- การสร้างมาตรการเชื่อมโยงกับองค์กรโลก

- การสร้างมาตรการในการเป็นผู้นำด้านกฎมาย

- การสร้างมาตรการในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์

- มาตรการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

16/3/61

การวิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ

แนวคิดของตะวัน

- BIG

- BUSINESS

- MASS

- VOLUME

แนวคิดตะวันออก

- SMALL

- CONSUMER

- NICHE

- VALUE

หนึ่งปริญญา อินทร์วิเศษ

วันที่ 16 มีนาคม 2561 เป็นวันสุดท้ายของการอบรม

ช่วงเช้า เรื่องการวิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ

(บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ)

โดย ดร.พยัค วุฒิรงค์  ได้บรรยายแนวโน้มธุรกิจจะจากตะวันตกสู่ตะวันออก เนื่องทวีปทางตะวันออก ASEAN เป็นแหล่งทรัพยากรของโลก  และมีประเทศจีน และอินเดียมีประชากรจำนวนมาก

เปรียบเทียบธรุกิจอสังหาริมทรัพย์ ภาคเอกชนคือ พฤกษา และการเคหะแห่งชาติ   แนวคิดพฤกษา คือ สร้างกำไร ไม่เน้นคุณภาพ ขายถูก และมีการร้องเรียนมาก  จะไม่ขายสินค้าคงเหลือ เพราะต้องซ่อมมาก

วิธีการ มุ่งกลุ่มเป้าหมายที่อยู่รอบนอกเมืองไกล เพื่อลดต้น    และนวัตกรรมปัจจุบันในการสร้างกำไร  คือได้ไปตั้งบริษัทฯ ที่ประเทศจีน เพื่อขายบ้านในไทยให้คนจีน เพราะเข้าถึงลูกค้าคนจีนซื้อเพื่อเก็งกำไร

และนำเสนอ สถานีบริการน้ำมันนอกจากขายผลิตภัณฑ์ยังขายบริการต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า

ว่าที่ร้อยตรีจีระวัฒน์  เยาวนิช  ได้บรรยายแนวคิดเครื่องมือในการเข้าถึงลูกค้า Design  Thinking  และนวัตกรรม 10 ประการ

โดย ทั้งหมด การเคหะแห่งชาติ สารมารถนำมาพัฒนาได้ต่อไป

ภาคบ่าย เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยกับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 ยุทธศาสตร์ของการเคหะแห่งชาติการออกแบบโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนางานของการเคหะแห่งชาติ

ทั้ง 4 กลุ่ม วิเคราะห์โดย ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ ดำเนินรายการโดยอาจารย์ พิชญ์ภูรี จันทรกมล  และ ผู้ช่วยผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ (นายสัญญา  หวะสุวรรณ) มาให้ข้อเสนอแนะพร้อมมอบวุฒิบัติ  และหมวกสามารถ CHIRA  academy และดอกกุหลาบ ปิดการอบรม พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน บรรยากาศมีความประทับใจภูมิใจ

ขอขอบคุณคณะอาจารย์ทุกท่านนะคะ

 

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

วันที่ 14 มีนาคม 2561

การพัฒนาที่อยู่อาศัย...กับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 กรณีศึกษา

โดย  ดร.โสภณ พรโชคชัย  นายสิทธิชัย เนี๋ยมเจริญ

           Innovation ต่างกับ Invention Invention คือการประดิษฐ์ สิ่งไหนที่เกิด Invention หมายถึงเกิดขึ้นครั้งแรกของโลก แต่ Invention ทั้ง 100 % ไม่เป็นนวัตกรรม ต่างกันที่ Impact  Innovation จะไม่เกิดประโยชน์ถ้าไม่สร้าง Value สู่ Customer 1. New to us สิ่งนั้นใหม่สำหรับเรา  2. New to market ในตลาดยังไม่มีใครทำแต่เราไป Import มาขายได้  3. New to the world

          ต้องรู้ Mega Trend ว่าอะไรคือ Key Driver จะลงทุนตัวไหน รู้ก่อนได้เปรียบ  1.STEEP  to Driver 2. S-Curve to Landscape 3. Technology Roadmap

          การสำรวจ  Customer ใช้วิธี Design Thinking Process อยากรู้อะไรถามลูกค้า และถามให้เป็น  สิ่งที่ต้องหาให้เจอคือ Customer Inside

         

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

การบริหารกลยุทธ์องค์กร (2)  โดย ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ  อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์ 

กรณีศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ

          ไม่มีองค์กรไหนที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ปรับเทคโนโลยี เพราะโลกเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร HR ต้องปรับตัวจาก Function เป็น Service

          Key Questions in Strategic Management

          1. Where are we now?  2. Where do we want to go?  3. How will we go there?

          ” โลกในวันนี้ ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นปลาเร็วกินปลาช้าและกินปลาใหญ่ ”

 การพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรสร้างสรรค์ อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์ 

           หลักความคิดสร้างสรรค์ 4 M  1. Mindset – ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ  2. Mood – อารมณ์ ความรู้สึกที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์  3. Mechanic – ขั้นตอนการคิด 4. Momentum – ทำอย่างไรให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยั่งยืนไม่เป็นไฟไหม้ฟาง การคิดสร้างสรรค์  มีกรอบอยู่ 3 กรอบ มีกรอบของความคิด กรอบองค์กร และกรอบสังคม

          สิ่งที่ขาดหายไปขององค์กรคือพรสวรรค์ และ Talent ถ้าเอา Talent มาพิจารณาด้วยจะเกิดจุดแข็ง ที่แท้จริง  Talent = Skill + Knowledge การ Recruit คนต้องดู Talent + Skill + Knowledge

          องค์กร COD และ Strength Based Organization น่าจะมีการประยุกต์เอา Design Organization ในการออกแบบองค์กร           Silo การเลื่อนไปตำแหน่งสูงจะเป็นทักษะการบริหารมากกว่าเทคนิคต้องแก้โจทย์ต้องให้รู้มากกว่าเรื่องเดียว ต้องมี External Move เพื่อให้ได้เห็นในสิ่งที่แตกต่างเป็นการเรียนรู้นอกกรอบ 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

วันที่ 15 มีนาคม 2561

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะฯ โดยศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ  ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

 การทำ SWOT   SW = พลังภายใน เป็นพลังความแข็ง (Strength) และอ่อนข้างใน (Weakness)

                       OT = พลังภายนอก  คือโอกาส (Opportunities) และการคุกคาม (Threats)

                      PEST +E คือพลังจากภายนอก (สิ่งแวดล้อมภายนอกที่ใหญ่กว่ารัฐบาล)

                      P = Politic  E = Economic S = Social T = Technology + E = Environment

                    สรุปคือ เดิมเรารู้เราปัจจุบันเราต้องรู้เขา         

  Mega Trend 1. Aging Society  2. Urbanization  3. Prefab

          Networking  การทำกระบวนการทั้งระบบต้องมีการเก็บข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์ และมาปรับใช้   ในงานที่ทำอยู่ ต้องมีการวิเคราะห์คนเป็นส่วนสำคัญในการปรับระบบ - Action Learning -Learning by doing

                    สรุป 1. คิดแบบ Demand side - ความคุ้นชิน เริ่มจากข้างในคือ Supply side ต้องเปลี่ยนเป็น Demand side  2. เตรียมตัวและพร้อมทำงานใหม่ ๆ เตรียมพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรื่องที่ต้องเรียนรู้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ต้องทำงานคิดและร่วมมือข้ามสายงาน มองแบบระยะยาว ทำความเข้าใจ หรือหา lobbyist 3. วัฒนธรรมองค์กร ต้องดู  5 อย่าง - Hero ในองค์กร Idol คือใคร นับถือใคร  และถามว่าทำไมถึงนับถือคนนี้ - พิธีกรรมอย่างไร อย่ามาหลังกลับก่อน ต้องมาก่อน กลับที่หลัง  - ก๊วนคนเป็นอย่างไร - ข่าวสำคัญในการกระจาย ข่าวลือกระจายเร็วที่สุดได้อย่างไร - Action คือใคร เป็น Soul Leadership คือผู้นำทางจิตวิญญาณ

                   การแชร์ประสบการณ์ สร้างบรรยากาศในการสนทนาแบบสุนทรีย์ และถามแบบเมตตา    เพื่อสงสัยใคร่รู้ และ Reflection การทำ KM จะทำให้เกิดการคุยที่เกิดแรงในการพัฒนา และ Kiosk Common คือทุกท่านรู้เรื่องเดียวกัน

          การพัฒนาคนต้องทำ 3 เรื่องคือ ปลูก โดยสร้างให้คนมีคุณสมบัติต่าง ๆ แล้วมาเก็บเกี่ยวคือกระตุ้นให้คนอยากทำงานให้เรา และ Execution คือเอาชนะอุปสรรค โดยมี Process เพื่อกระตุ้นความเป็นเลิศ

          Trend ล่าสุดมนุษย์ยุคใหม่ไม่ได้เน้นวัตถุ แต่เน้น Happiness เน้นการยอมรับ Respect & Dignity สิ่งที่เป็นมูลค่าคือ Value creation และ Value Diversity

          การจะทำให้คนได้ประสบการณ์ตั้งแต่แรกคือ การทำงานกลุ่มเล็กรู้ทุกอย่างคือจะมี Experience  Curve ในลักษณะ Cross Functional คนเรามี Diversity ในหัวหลายอย่าง ต้องดึง Tacit Knowledge มาให้ได้ มนุษย์ต้องเก่งหลายอย่างไม่ใช่อย่างเดียว Talent ไม่ได้ถูกจำกัดที่ใดที่หนึ่ง

 

 

มัณฑนา สุวรรณเกสร์

วันที่ 16 มีนาคม 2561  

วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ(บทเรียนเพื่อพัฒนาการเคหะแห่งชาติ)  

 โดย ดร.พยัต  วุฒิรงค์  ว่าที่ร้อยตรี จีรวัฒน์  เยาวนิช  

 

                                       TREND

               WEST                                             EAST

                - BIG                                             - SMALL

                - BUSINESS                                    - CONSUMER

                - MASS                                           - NICHE

                - VOLUME                                      - VALUE

INNOVATION – ให้ลองทำตัวเป็นลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรก

การเข้าใจลูกค้า – เครื่องมือ design think process + นวัตกรรม 10 แบบ

design think process ต้องเข้าใจลูกค้า  define ideation prototyping test

นวัตกรรม 10 รูปแบบ

CONFIGURATION

1.  รูปแบบธุรกิจ

2.  เครือข่าย

3.  โครงสร้าง

4.  กระบวนการ

OFFERING

5.  ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

6.  ระบบผลิตภัณฑ์

EXPERIENCE

7.  การให้บริการ

8.  ช่องทาง

9.  แบรนด์

10. การสร้างความผูกพันลูกค้า

 


 

5 มีค.61

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (1)

ภาคเช้า อ.ทายาท ศรีปลั่ง และ อ.เกริกเกรียติ ศรีเสริมโภค

เรื่่อง หลักการและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร

        แบ่งเป็น 5 แนวคิด ดังนี้

       แนวคิดที่ 1 Leadership Pipeline มีเส้นทางในการเติบโต ก้าวหน้าของการเป็นผู้นำอยู่ 6 เส้นทาง (Six-Passage Model) ดังนี้

                     เส้นทางที่ 1 : เรียนรู้งาน

                     เส้นทางที่ 2 : แสดงผลงาน

                     เส้นทางที่ 3 : เชี่ยวชาญ ถ่ายทอด

                     เส้นทางที่ 4 : เปลี่ยนงาน เรียนรู้ใหม่

                     เส้นทางที่ 5 : ดูหลายหน่วยงาน

                     เส้นทางที่ 6 : ดูทั้งองค์กร

IDP : จะต้องพัฒนาตนเอง ,พัฒนาคนอื่น,พัฒนานอกองค์กร

      แนวคิดที่ 2 การพัฒนา/การเวียนงาน/การเลื่อนตำแหน่ง

           # การพัฒนาพนักงานเพื่อให้พนักงานมีความเก่ง (Talent) สร้างองค์กร

          # 9 BOX ประกอบด้วย 9 ช่อง 2 แกน ดังนี้

                       แกนที่ 1 : ผลงาน (Performance) แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

                                   - ยังต้องพัฒนา 

                                   - ผลงานได้ตามที่คาดหวัง

                                   - ผลงานเกินคาดหวัง

                      แกนที่ 2 : ศักยภาพ (Potential)  แบ่งเป็น 3 ระดับ

                                  - ศักยภาพสูง (High)

                                  - เติบโตได้ (Growth)

                                  - จำกัด (Limited) 

Ex. Talent  - ผลงานสูง+ศักยภาพสูง = รักษาไว้และพัฒนาให้เรียนรู้งานหลายๆด้าน

                  - ผลงานสูง+ศักยภาพปานกลาง = พัฒนางานด้านอื่นๆ

                  - ผลงานมาตราฐาน+ศักยภาพสูง = หาช่องว่างทางด้านพฤติกรรมเพื่อสร้างผลงาน

     กลุ่มใหญ่ - ผลงาน+ศักยภาพ (มาตราฐาน) = องค์อยู่ได้แต่จะพัฒนาไปสู่อนาคตยาก

     ที่เหลื่ออีก 5 กลุ่ม - ต้องพัฒนาส่งดูงานภายนอก ผลักดันด้านความคิด มอบหมายงานให้ตรงตามความถนัด 

                                และหาทดแทน

          แนวคิดที่ 3 Mentoring

                ระบบพี่เลี้ยง ต้องมีความสามารถและอำนาจมากค่อยชี้แนะให้คำปรึกษา

          แนวคิดที่ 4 Coaching

                ต้องทำให้การสนทนาเกิดความคลายเครียด ไว้วางใจ มีสติในตนเอง

                Coaching มี 2 แบบ

                     1.Process Coach ทบทวนและหาคำตอบด้วยตนเอง

                     2. Expert Coach ต้องรู้ในสิ่งที่จะโค้ช

          แนวคิดที่ 5  Trust 

                 เป็นการสร้างความเชื่อมั่น มี 6 เงื่อนไข ดังนี้

                      1.มีความรู้ (รู้งาน,รู้คน)

                      2.พูดจาดี (มีเหตุมีผล)

                      3.สม่ำเสมอ (ชมคน ติงาน)

                      4.ดูแล และห่่วงใย

                      5.รักษาคำพูด และทำตามที่พูด

                      6.ให้เครดิตลูกน้อง และเพื่่อนร่วมงาน

จบการบรรยายร่วมแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ระหว่างผู้อบรมและอาจารย์

การพัฒนาคน ใช้ 3 V

         1.Value Diversity

         2.Value Creation

         3.Value Added

สิ่งสำคัญ คือ การออกแบบกระบวนการคิด

การขับเคลื่อนขององค์กรแบบนวัตกรรม และเกิดความยั่งยืนมี 3 อย่าง ดังนี้

          1.ความรู้ (Knowledge)

          2.ความคิด (Think)

          3.จินตนาการ (Imagination)

 หลักการคิดของการบริหารคน

          1.ดีกว่าคู่แข่ง

          2.คิดสิ่งใหม่ๆ

          3.อย่าละเลยสิ่งเล็กๆน้อยๆ

ถ้าต้องการให้กคช.เติบโตต้องทำอย่างไร Less is more Business Model เน้นเรื่องต้นทุนกับผลตอบแทน

Knowledge & Service & Information มากขึ้น

Intensive Knowledge Management องค์กรทุกองค์กร ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อ

           1.กระบวนการ

           2.ความเชื่อมั่น

           3.การสร้างคนที่มีความพร้อมต่อการแข่งขันเพื่อสร้างคุณค่าต่อธุรกิจ

HR Transformation Process

            เป้าหมายองค์กร,การบริหารคนในด้านต่างๆ,การใช้เทคโนโลยี เป็นเครื่องมือ Tramsform

# Put the right man in the right job หรือ Put the wrong in the wrong job (เพื่อดูศักยภาพ)

การบริหารคน

       เดิม ---> HR เป็นหลัก

       ใหม่ ----> หัวหน้า---->วางแผน---->สร้างแรงบันดาลใจ

       ดิจิทัล ---> พนักงาน --->วางแผน---->เรียนรู้/พัฒนาตนเอง (Self-learning)

การแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เช่น การนำ Innovation มาทดแทน เพื่อลดต้นทุน การเปลี่ยนบทบาทเป็น Regulation ได้หรือไม่

 

วันที่ 5 มีค.61 

ภาคบ่าย การบรรยายพิเศษโดย อ.กษิต ภิรมย์ (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ)

ท่านได้ให้ข้อคิดในการทำงานดังนี้

          1.ความเป็นเลิศในหน้าที่การงาน ตั้งใจ/มุ่งมั่น

          2.ความซื่อสัตย์ สุจริต ต้องการให้พลเมืองไทยมีความเข้มแข็ง ทางองค์ความรู้และทักษะ

          3.ความคิดความอ่านที่ดี จะสร้างสรรค์แต่สิ่งดีๆ

# การเคหะฯมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศถ้าขยายการชื่อมโยงกับ อาเซียน มี 3 ช่องทาง

          1.การขยายไปใน 30 จังหวัดชายแดน

          2.การขยายการลงทุนไปในกลุ่มอาเซียน

          3.การก้าวข้ามพรมแดนไปเป็นกลุ่ม

# Mindset ของพนักงานไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่ต้องเป็นพนักงานของอาเซียนด้วย

# 10 ปีที่ผ่านมาไทยเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีความผูกมัดสมาชิกระหว่าง 10 ประเทศ หัวใจ คือ การส่งเสริมความผาสุกประชาชน Human Center

# ตามกฏบัตรอาเซียนต้องเป็นสังคมเปิดที่มีความร่วมมือ 3 ด้าน

           1.ด้านการเมือง

           2.ด้านเศรษฐกิจ

           3.ด้านสังคมและวัฒนธรรม

การบริหารจัดการที่ Transparency ต้องตรวจสอบได้ และโปร่งใส

# ความสัมพันธ์ เคหะฯ ---> supplier

                               ----> ลูกค้า

                               -----> ชุมชน

การพัฒนาประเทศในอาเซียน

           1.ต้องให้ความสนใจบทบาทของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยให้คิดค้นด้วยตัวเอง

           2.การหาความเหมือนทางวัฒนธรรม

           3.ภัยพิบัติธรรมชาติ

           4.ความโปร่งใสในการจัดซื้อ จัดจ้าง

           5.ปัญหาของการประชาคมอาเซียน (การเมืองภายใน)

ประเทศไทยจะเป็นประธานประชุมอาเซียน ครั้งที่ 2 ปี 2562 ภายใต้กฏบัตรอาเซียน ได้ทำแผนแม่บทการเชื่อมโยง Master Plan Connectivity

คุณชาย สังขะเวส ผู้อำนวยการ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

   วัตถุประสงค์การรวมต้วกันของอาเซียน

         1.การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน

         2.การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ 

         3.การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค

         4.การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก

  ASEAN Agreement

          1.การค้า (ATIGS)

          2.การบริการ (AFAS)

          3.การลงทุน (ACIS)

# Wholly obtained คือ สินค้าทางการเกษตรที่เพาะปลูกในประเทศที่ส่งออก

# Regional Value Content คือ มูลค่าเพิ่มการผลิตสินค้าในอาเซียน

# Free Trade Agreement อาเซียนได้ขยายออกนอกภูมิภาคอาเซืยนไปแล้ว 5 ประเทศ

# การคำนวณว่าสินค้าได้ RVC หรือไม่ ดูได้จากต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบการผลิต

# ฐาน RVC คิดจากราคา FOB  

  AFAS มี 4 ลักษณะ

          1.Cross-border supply เช่น โทรคมนาคม

          2.Consumption Abroad ลูกค้าเข้ามาหาเอง เช่น โรงแรม

          3.Commercial Present การตั้งบริษัทลูก

          4.Present of Regional Person การตั้งตัวแทนข้ามชาติ

ต่อด้วย workshop กลุ่มที่ 2 เรื่องจุดแข็งของการเคหะฯ และประโยชน์ในการเชื่อมต่อกับ ASEAN อย่างไรบ้าง โดยใช้งานออกแบบโครงการฯเป็นฐานการคิด

วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ (บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ)

1) กรณีศึกษาของบริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัดโดย ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและบริการบริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด

          หัวใจของ Organization Transform คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรคุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน การทำงานในภาคธุรกิจคือจับต้องได้หรือไม่ อะไรคือ Resultอะไรคือ Hi-light Performance  แม้ว่า howto สำคัญ แต่ไม่เท่ากับ result เป็นอย่างไร เป้าหมายขององค์กรต้องการเป็นองค์กรที่ยั่งยืนอะไรคือ Key Success ผู้นำองค์กร แก่นของ Leader คือ ภาวะผู้นำดูจากแนวคิด กล้าเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย และมีแนวคิดแบบเม่นคือเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์

         บริบทของการเปลี่ยนแปลงน่ากลัวหรือไม่ VUCA - Volatility(V), Uncertainty (U), Complexity (C), Ambiguity (A) หัวใจสำคัญอยู่ที่คนมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตfuture competency ดังนั้นจะเตรียมความพร้อมของคนในอนาคตอย่างไรบ้าง

          การบริหารการเปลี่ยนแปลงมี 6ปัจจัยหลัก คือ Vision, Communication,  Incentive,  Skill, Action Plan และ Tool

ประสงค์ ดวงแก้ว กลุ่ม 1

สรุปบทเรียน 16 มีนาคม 2561

วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ(บทเรียนเพื่อการเคหะแห่งชาติ)

โดย  ดร.พยัต  วุฒิรงค์ และ ว่าที่ร้อยตรีจีรวัฒน์  เยาวนิช

                สรุปความรู้จากบทเรียนในวันนี้ในเรื่อง Trend ของโลก วิเคราะห์ลูกค้าว่าลูกค้าต้องการอะไร อาจจะทดลองลงไปทำเป็นลูกค้าเองแล้วลองทำตามขั้นตอนต่างๆที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แล้วจะรู้ว่ามีความรู้สึกอย่างไร จะได้รู้ว่าลูกค้าคิดอย่างไร  แล้วนำมาปรับปรุงหรือปรับใช้อย่างไรให้ตรงใจลูกค้า

                นวัตกรรม – เป็นสิ่งที่ใหม่ หรือเก่าก็ได้  สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง  สิ่งที่ทำได้จริงต้องมีประโยชน์  เช่น บริษัทพฤกษา สามารถนำนวัตกรรมใหม่มาใช้ในการก่อสร้างได้จริง ลดเวลาเหลือในการก่อสร้างบ้านหนึ่งหลังไม่เกิน 15 วัน เป็นต้น

                Ideatrian – การระดมความคิด วิธีแก้ปัญหา

                Prototyping – การสร้างต้นแบบไม่ยุ่งยากราคาไม่แพงเป็นโมเดล

                Test   -  เป็นเรื่องของการทดสอบ

การคิดเชิงออกแบบ เข้าใจลูกค้า ตีโจทย์แตก สนองความคิด สร้างต้นแบบ สร้างพันธมิตร

สร้างภาพลักษณ์ Brand

สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า Customer  Engadement

ภาคบ่าย

การนำเสนอการแปลงหนังสือและโครงพัฒนาที่อยู่อาศัยข้ามพรมแดนมิตรภาพ ไทย – ลาว

                ได้รับแนวคิดจากหนังสือเรื่อง disrupting และ Revese innovation มาปรับใช้กับการเคหะแห่งชาติ คือเราอาจจะปรับรูปแบบโครงการให้เข้ากับวัฒนธรรมพื้นถิ่น ให้ตรงใจตรงความต้องการของลูกค้า

                ส่วนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยข้ามพรมแดนในกลุ่มอาเชี่ยน โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ซึ่งเราได้เลือกประเทศลาวเป็นโครงการนำร่องนั้น จากการศึกษาข้อมูล ลาวก็ยังมีความต้องการให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนและยังต้องการความช่วยเหลือทางด้านวิชาการอีกมาก และได้รับข้อคิดเห็นจากผู้บริหารจะติดให้เรื่องนโยบายปัจจุบันและกฎหมายต่างๆที่ยังไม่เอื้ออำนวย แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ในด้านความคิดเราก็ได้ก้าวข้างพรมแดนแห่งความคิดไปแล้ว ซึ่งก็ยังคงเหลือเฉพาะเวลาและโอกาสเท่านั่นที่เราจะก้าวข้าวไปสู่อาเชี่ยนให้ได้ในอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารจะตัดสินใจ

สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 15 มีนาคม 2561
            การเคหะแห่งชาติ เป็นองค์กรที่เพียบพร้อมในองค์ความรู้ เพียงแต่ขาดแรงบันดาลใจเพื่อให้บรรลุไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นจะต้องคิดอย่างคนภายนอกเพื่อจะต้องเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ (Demand Focus)
            คนภายในองค์กรทุกระดับจะต้องเป็นผู้ที่ร่วมบริหาร นำพาองค์กรเพื่อไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย  ที่วางไว้ โดยมีอิทธิพลข้างเคียง ได้แก่ รัฐบาล บอร์ด ผว.กคช. (จะต้องคานอำนาจกันในการบริหาร), นานาอารยประเทศ คือจะต้องทำ SWOT เพื่อให้ได้งบประมาณ – เงินอุดหนุน

S    -  พลังภายใน
W   -

O    - พลังภายนอก – สิ่งแวดล้อมที่เป็นภาวะคุกคาม

T    -

พลังทั้ง 5 ภายนอก (BEST) ได้แก่
1. POLITICS การบริหารแบบผู้นำสหรัฐ (หลักการเสรีประชาธิปไตย)
2. ECONOMIC
3. SOCIAL ใช้ให้ประโยชน์จาก ENTERPRITE, MEDIA
4. TECHNOLOGY
5. EIA

       การเคหะแห่งชาติต้องมียุทธศาสตร์ ที่มีความคิดแยกข่ายเพื่อจะนำพาผลิตภัณฑ์ออกสู่ชุมชน ที่มีประสิทธิภาพ ทุกคนในองค์กรมีความรู้ และประสบการณ์ฝังอยู่ในตนจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องร่วมหารือกันอย่างเป็นกันเอง อย่างเข้าใจ เพื่อให้กลายเป็นองค์ความรู้ขององค์กร 

       ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีมีผลต่อโลกในอนาคต องค์กรจึงจะต้องมี AGENDA

       1. ความท้าทายเชิงธุรกิจ ความเคลื่อนไหวในการบริการ โดยมี SMART MOBILITY, SOCIAL NETWORK, CLOUD COMPUTING, BIG DATA ขึ้นอยู่กับ KNOWLEDGE MANAGEMENT (การจัดการองค์ความรู้)

ค่านิยมของผู้บริโภคมีความหลากหลายมากขึ้น

- การใช้ผลิตภัณฑ์มากกว่าการเป็นเจ้าของ

- ความหลากหลายของตัวเลือกในการดำรงชีวิต

- การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ

- สภาวะโลกร้อน

2. กลยุทธ์ทางการแข่งขัน มีการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งระบบอย่างสร้างสรรค์             

3. กลยุทธ์ด้านทรัพยากรมนุษย์ ต้องไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตนเอง

  ******************************************************************************                                                                                                 นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม                                                                                                 พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9                                                                                                 ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2                                                                                                 กลุ่มที่ 1

สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 15 มีนาคม 2561
            การเคหะแห่งชาติ เป็นองค์กรที่เพียบพร้อมในองค์ความรู้ เพียงแต่ขาดแรงบันดาลใจเพื่อให้บรรลุไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นจะต้องคิดอย่างคนภายนอกเพื่อจะต้องเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ (Demand Focus)
            คนภายในองค์กรทุกระดับจะต้องเป็นผู้ที่ร่วมบริหาร นำพาองค์กรเพื่อไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย  ที่วางไว้ โดยมีอิทธิพลข้างเคียง ได้แก่ รัฐบาล บอร์ด ผว.กคช. (จะต้องคานอำนาจกันในการบริหาร), นานาอารยประเทศ คือจะต้องทำ SWOT เพื่อให้ได้งบประมาณ – เงินอุดหนุน

S    -  พลังภายใน
W   -

O    - พลังภายนอก – สิ่งแวดล้อมที่เป็นภาวะคุกคาม

T    -

พลังทั้ง 5 ภายนอก (BEST) ได้แก่
1. POLITICS การบริหารแบบผู้นำสหรัฐ (หลักการเสรีประชาธิปไตย)
2. ECONOMIC
3. SOCIAL ใช้ให้ประโยชน์จาก ENTERPRITE, MEDIA
4. TECHNOLOGY
5. EIA

       การเคหะแห่งชาติต้องมียุทธศาสตร์ ที่มีความคิดแยกข่ายเพื่อจะนำพาผลิตภัณฑ์ออกสู่ชุมชน ที่มีประสิทธิภาพ ทุกคนในองค์กรมีความรู้ และประสบการณ์ฝังอยู่ในตนจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องร่วมหารือกันอย่างเป็นกันเอง อย่างเข้าใจ เพื่อให้กลายเป็นองค์ความรู้ขององค์กร 

       ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีมีผลต่อโลกในอนาคต องค์กรจึงจะต้องมี AGENDA

       1. ความท้าทายเชิงธุรกิจ ความเคลื่อนไหวในการบริการ โดยมี SMART MOBILITY, SOCIAL NETWORK, CLOUD COMPUTING, BIG DATA ขึ้นอยู่กับ KNOWLEDGE MANAGEMENT (การจัดการองค์ความรู้)

ค่านิยมของผู้บริโภคมีความหลากหลายมากขึ้น

- การใช้ผลิตภัณฑ์มากกว่าการเป็นเจ้าของ

- ความหลากหลายของตัวเลือกในการดำรงชีวิต

- การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ

- สภาวะโลกร้อน

2. กลยุทธ์ทางการแข่งขัน มีการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งระบบอย่างสร้างสรรค์             

3. กลยุทธ์ด้านทรัพยากรมนุษย์ ต้องไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตนเอง

  ******************************************************************************                                                                                                 นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม                                                                                                 พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9                                                                                                 ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2                                                                                                 กลุ่มที่ 1

สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 16 มีนาคม 2561 

 บทวิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ

            ปัจจุบันอเมริกากำลังเสื่อมถอยในขณะที่จีนกำลังแซง ประธานาธิบดีสีจินผิงกำลังจะเป็นจักรพรรดิของโลก จีนอาศัยการบริหารแบบดังต่อไปนี้

WES – EAST

BIG – SMALL 

 BUSINESS - CONSUMER 

 MASS - NICHE 

 VALUE – VALUE

            ของไทยต้องบริหารแบบบูทิคแอร์ไลน์ – เอเชียบูทิคแอร์ไลน์ ในด้านอสังหาริมทรัพย์ มีผู้นำในทางด้านนี้คือ เจ้าของหมู่บ้านพฤกษา เจ้าของธุรกิจเป็นบุคคลที่ไม่มีมรดก แต่อาศัยการบริหารที่มีการพัฒนาจากเดิมๆ ที่ทุกอย่างต้องผ่านเจ้าของทุกเรื่อง เปลี่ยนแปลงโดยการบริหารกลุ่ม CEO ของแบบบ้านที่ก่อสร้างขึ้น ได้แก่ 

  - บ้านแฝด 

 - บ้านเดี่ยว 

 - คอนโด 

 - บ้านแบบพรีเมี่ยม

            ปัจจัยแห่งความสำเร็จคือ มีความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร หากซื้อบ้านแล้วจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือไม่ เช่น การประชาสัมพันธ์โดยพ่วงร้านสะดวกซื้อ, การให้รางวัลแก่กลุ่ม CEO ที่ทำผลตอบแทนสูงสุด

* การบริหารในกลุ่มพลังงาน เช่น JETT กับ ปตท.

            JETT มีต้นทุนแพงกว่าเจ้าอื่น โปรโมทแบบที่เจ้าอื่นไม่ทำ เช่น ห้องน้ำสะอาด และมีร้านสะดวกซื้อ JIFFY มีการให้เช่าพื้นที่ในปั๊มเพื่อขายของที่ลูกค้าจำเป็นต้องซื้อ และตั้งปั๊มให้ใกล้กับปั๊ม ปตท. โดยใช้พื้นที่บริเวณรอบเมือง

            ปตท. ลืมไปว่าลูกค้าต้องการอ ลืมคิดว่าไปคนไทยมีน้ำใจการที่คนเข้าปั๊มเพื่อเข้าห้องน้ำที่สะอาดแล้วจะต้องเติมน้ำมัน และซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นต่อการเดินทาง ดังนั้น ปตท.จึงต้องกล้าที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง องค์กรในการบริหารให้ทันกับความต้องการของลูกค้า             

            การเคหะแห่งชาติ ก็ต้องคำนึงถึงลูกค้าว่าต้องการอะไรจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ตอบรับกับสิ่งนั้นๆ ให้ได้โดยใช้นวัตกรรมการแก้ปัญหา คือ ให้ทำตนเป็นลูกค้าอยู่ในกระบวนการนั้นๆ แล้วจะเข้าใจ “โดยที่ไม่ต้องถามลูกค้า” โดยนำข้อคิดดังต่อไปนี้

  • - ทำไมหมู่บ้านพฤกษาจึงก่อสร้างบ้านได้รวดเร็ว
  • - ความต้องการส่วนใหญ่ของลูกค้า คือ การดีไซน์แบบบ้านให้ตอบรับกับสิ่งเหล่านั้น
  • - เปลี่ยนวิธีบริหาร
  • - เน้นคุณค่า (กำไร) จำนวนมาก มากกว่า เน้นจำนวนหน่วย โดยใช้หลักการ ‘‘สังเกตพฤติกรรมลูกค้า – คลุกคลี’’ ให้เกิดการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) เข้าใจลูกค้า – ตีโจทย์ – ระดมความคิด – สร้างต้นแบบ – ทดสอบ
  • ทำอย่างไรให้คนหันมาใช้รูปแบบ (Platform) ทางเราให้มากขึ้น

  • ******************************************************************************************************************                                                                                                             นางสาวพวงทิพย์  อ่อนชุม                                                                                                             พนักงานจัดการทรัพย์สิน 9                                                                                                             ฝ่ายบริหารงานชุมชน 2                                                                                                             กลุ่มที่ 1

วันที่ 7 มีนาคม2561

การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ

โดย ดร.สุรพงษ์มาลี สำนักงาน ก.พ.

คุณสมชายไตรรัตนภิรมย์  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรีสคอร์ปอเรชั่นจำกัด

การบริหารความเสี่ยงและวัฒนธรรมความเสี่ยง

หลายองค์กรกล่าวถึงการบริหารความเสี่ยงแต่ไม่กล่าวถึงวัฒนธรรมความเสี่ยง แต่วัฒนธรรมความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ

Disruptive Technology เกิดในหลายธุรกิจ

ความเสี่ยง หมายถึงเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอนซึ่งหากเกิดขึ้นจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กรดังนั้นองค์กรจึงควรดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแต่สามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่เป็นโอกาสในการเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร

การบริหารความเสี่ยงหมายถึง การกำหนดนโยบาย โครงสร้าง และกระบวนการ เพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหารและบุคลากรของบริษัทฯ นำไปปฏิบัติในการกำหนดกลยุทธ์และปฏิบัติงานทั่วทั้งองค์กรโดยกระบวนการบริหารความเสี่ยงจะสัมฤทธิ์ผลได้ องค์กรจะต้องสามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นประเมินผลกระทบต่อองค์กรและกำหนดวิธีการจัดการที่เหมาะสมให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่าผลการดำเนินงานตามภารกิจต่างๆจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ 

14 มีนาคม 2561

การพัฒนาที่อยู่อาศัย...กับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 (1) กรณีศึกษา โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย

นายสิทธิชัย เนี๋ยมเจริญ

Envisioned Solution Development Director

บริษัท SCG Building Materials จำกัด

การเจริญเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ ในรอบ 20 ปี จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นมาตลอด แต่แนวโน้มการลดลงจะมีมากขึ้นเช่นกัน แต่กลุ่มที่มีอำนาจซื้อก็ยังอยู่ เช่น บ้านราคา 15 ล้านบาท

          ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ Thailand 4.0 ประเทศไทยกำลังปรับตัวเองไปด้านนวัตกรรม  สิ่งที่ดูคือ Envision for solution

Envision คือการ Imagine Something Possible

          SCG เน้น Platform 4 อย่างคือ Construction Platform, Elder Care Solution Platform, ECO Solution Platform and Smart Solution Platform

การ Disrupt ทาง Business สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การ Disrupt ในยุค Digital Transformation การ Disrupt ทำให้ธุรกิจเกิดและตายได้ตลอดเวลา

          นวัตกรรม Innovation ต่างกับ Invention Invention คือการประดิษฐ์ สิ่งไหนที่เกิด Invention หมายถึงเกิดขึ้นครั้งแรกของโลก แต่ Invention ทั้ง 100 % ไม่เป็นนวัตกรรม Innovation จะไม่เกิดประโยชน์ถ้าไม่สร้าง Value สู่ Customer

14 มีนาคม 2561

การบริหารกลยุทธ์องค์กร กรณีศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย

โดย ดร. ณัฐวุฒิ พงศ์สิริ

ผู้ช่วยผู้ว่าการสายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย

อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์

บริษัท กบเหลาดินสอ จำกัด

          โลกยุค VUCA คือ ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน ไม่ชัดเจน ในยุคนี้เป็นยุคของ disruptive

องค์กรและการเปลี่ยนแปลง

          ไม่มีองค์กรไหนที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ปรับเทคโนโลยี เพราะโลกเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ในอดีตจะเห็นว่าเราไม่สามารถป้องกันอะไรได้ อนาคตเป็นสิ่งที่ต้องดูในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน มีการกำหนดเรื่องโครงสร้างทางสังคมในการเลือกปฏิบัติ มีการปรับกฎระเบียบต่าง ๆ

Key Questions in Strategic Management 1. Where are we now?  2. Where do we want to go? 3. How will we go there?

ทิศทางการเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี สถานที่ทำงาน

การพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรสร้างสรรค์

1. COD – Creative Organization Development

2. Strength Based Organization

หลักความคิดสร้างสรรค์ 4 M

             1. Mindset – ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ

             2. Mood – อารมณ์ ความรู้สึกที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์

             3. Mechanic – ขั้นตอนการคิด

             4. Momentum – ทำอย่างไรให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยั่งยืนไม่เป็นไฟไหม้ฟาง

             สิ่งที่ทำคือให้พนักงานทุกระดับมี Creative Process ,Creative Leadership, Creative Thinking เพื่อจูงใจให้พนักงานคิดไอเดียใหม่ ๆ  ให้สอดรับกับความคิดสร้างสรรค์ในองค์กร  และจะพบว่าเมื่อเชื่อม Creative จะมี 4 M คือมี Content ทั้งหมดที่คิดคือ 12 Module คือ Creative Thinking

การคิดสร้างสรรค์ มีกรอบอยู่ 3 กรอบ มีกรอบของความคิด กรอบองค์กร และกรอบสังคม

 

วิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง กลุ่ม 1

วันที่ 14 มีนาคม 2561


การพัฒนาที่อยู่อาศัย...กับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 กรณีศึกษา 

Innovation ต่างกับ Invention

           Invention คือการประดิษฐ์ สิ่งไหนที่เกิด Invention หมายถึงเกิดขึ้นครั้งแรกของโลก แต่ Invention ทั้ง 100 % ไม่เป็นนวัตกรรม

     หลักความคิดสร้างสรรค์ 4 M

             1. Mindset – ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ

             2. Mood – อารมณ์ ความรู้สึกที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์

             3. Mechanic – ขั้นตอนการคิด

             4. Momentum – ทำอย่างไรให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยั่งยืนไม่เป็นไฟไหม้ฟาง          การคิดสร้างสรรค์

             มีกรอบอยู่ 3 กรอบ มีกรอบของความคิด กรอบองค์กร และกรอบสังคม

             1. ครึ่งแรกของการคิดสร้างสรรค์ต้องคิดนอกกรอบ 3 กรอบนี้ แต่ยังเอาไปใช้ไม่ได้ เป็นช่วงที่เป็นไอเดียดิบ ๆ ที่ยังไม่ได้กรอง

             2. ครึ่งหลัง การบ่มความคิดดิบ ๆ ให้เข้ามาในกรอบขององค์กรและสังคม ให้เข้ามาอยู่ระหว่างกรอบความคิดเดิมของเรา เป็นการคิดคร่อมกรอบ

 



วิลาวัลย์ โชครุ่งเรือง กลุ่ม 1

15 มีนาคม 2561

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะแห่งชาติ

 การเจออุปสรรคมี 3 กลุ่มคือ

     1. เดินไปให้ได้ เอาชนะให้ได้

     2.  50%

     3. ไม่เดินต่อ

      แต่ทั้ง 3 ส่วนมีส่วนที่คล้ายกันอยู่ คือ Social Skill มีวิธีการบริหารความยากลำบากอย่างไร ต้องมีวิธีการความรู้ทางเทคนิค การบริหารคนใต้บังคับบัญชาอย่างไร บริหารคนที่เป็นหัวหน้าอย่างไร  ความกดดันจะมีการบริหารอย่างไร  มี 5 ส. ต้องสะสาง  สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย ต้องมีหลักการและเหตุผล พูดชัด พูดตรง และพูดให้เข้าใจ

      สรุปแนวคิด 3 ข้อ

     1. คิดแบบ Demand side - ความคุ้นชิน เริ่มจากข้างในคือ Supply side ต้องเปลี่ยนเป็น Demand side  การเคหะฯ มีคู่แข่ง ขอเสนอว่า อะไรที่เราเก่งที่สุดเก็บไว้เป็น Routine 30% ส่วนอีก 70% ขอให้ดู Demand ด้วย ต้องตอบสนองในฐานะที่คนนอกมองเข้ามาด้วย ต้องมองปัจจัยภายนอกด้วย

    2. อย่าไปกังวลกับกรรมเก่า เพราะลูกค้าเก่าก็สามารถเป็นลูกค้าในอนาคตได้  เน้นการเตรียมตัวและพร้อมทำงานใหม่ ๆ มีหน่วยงานที่ต้องดู กรรมเก่าจะจัดการอย่างไร ต้องสร้างกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์

   3. วัฒนธรรมองค์กร อาจต้องดู  5 อย่าง

      - ดูว่า Hero ในองค์กรที่สังกัดใหม่เป็นอย่างไร ถ้าจะต้องทำกับส่วนต่าง ๆ ต้องสังเกตว่าเป็น Idol คือใคร นับถือใคร  และถามว่าทำไมถึงนับถือคนนี้ สิ่งนี้คือวัฒนธรรมใหม่ คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ให้ความนับถือคนแบบไหน เหมือนกันหรือไม่

     - พิธีกรรมอย่างไร อย่ามาหลังกลับก่อน ต้องมาก่อน กลับที่หลัง สังเกตเคหะฯ ว่ากิจกรรมการเคหะฯ ไม่ใช่ Routine มีการเปลี่ยนมาก

    - กลุ่มคนเป็นอย่างไร เช่น ดูคนในการเคหะฯ ต่าง ๆ จะเห็น Dialogue หรือคำพูดไม่เหมือนกัน

    - ข่าวสำคัญในการกระจาย ข่าวลือกระจายเร็วที่สุดได้อย่างไร ให้ไล่ไปเช็คให้ได้

    - สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ใครเป็นผู้นำของ Action คือใครกันแน่ เป็น Soul Leadership คือผู้นำทางจิตวิญญาณ

นายสมบูรณ์ แพรงาม

สรุปการบรรยาย หัวข้อการบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์

โดย ดร.ดวงตา ตันโซ

คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์

ดร.มงคล เหล่าวรพงษศ์

ดำเนินการอภิปรายโดย อาจารย์ ทำนองดาศรี

วันที่ 6 มีนาคม 2561

ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์

หัวข้อบรรยาย

-การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ 2561

-การจัดทำแผนงบประมาณเชิงกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพ

การจัดทำแผนงบประมาณในลักษณะเชิงบูรณาการเชิงกลยุทธ์ ปี2561

วัตถุประสงค์

1.เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหิกจและหน่วยงานอื่นนำใปใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำงบประมาณ โดยมีการทบทวนแนวทาง เป้าหมายและตัวชี้วัดให้เชื่อมโยงสอดคล้องกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติรระยะ 20 ปี (2560-2579)แผนสภาพัฒน์ที่ 12 (2560-2564) นโยบกายความมั่นคงแห่งชาติ (2558-2564) นโยบายรัฐบาลและแผนแม่บทกระทรวงต่างๆ เป็นตัวเริ่มต้น

2.แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน

การดำเนินงาน

1.พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วัตถุประสงค์ ขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ตัวชี้วัด หน่วยงานเจ้าภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยทธศาสตร์

2.ให้ความสำคัญกับการจัดแผนแม่บทระยะปานกลางและยาว แผนปฏิบัติการ  แผนการใช้จ่ายงบประมาณ การดำเนินโครงการ/กิจกรรมบูรณาการแบบ 3 มิติได้แก่ Area Function /Agenda

3.จัดทำแผนแม่บทระยะปานกลางและระยะยาว แผรปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบฯ ส่งสำนักงบประมาณ

4.กำกับและติดตามประเมินผลและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนงานบูรณการ รวมทั้งบูรณการการทำงานในทุกมิติ

แนวทางการตจัดทำงบประมาณปี2561

1.กำหนดขอบเขต หลักการ วัตถุประสงค์ ฯลฯและหน่วยงานดำเนินการ 

2.กำหนดโครงการ กิจกรรมของหน่วยงานที่เกียวข้องกับการจัดทำงบในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนพร้อมรายละเอียดประกอบ

3.กำหนดแนวทางติดตาม

4.ให้สามารถแสดงผลการบูรณาการภารกิจและงบประมาณได้อย่างครบถ้วน และสู่เป้าหมายได้อย่างชัดเจนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

5.โครงการ กิจกรรมในแผนงานบรูณาการต้องเป็นไปตามภารกิจและหน้าที่ตาม กม.ของหน่วยงาน และสอดคล้องกับพันธกิจของรัฐวิสาหกิจ สะท้อนและส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของแผนงานบูรณาการ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายข่ายประจำปีงบประมาณ2561 และนโยบายสำคัญของรัฐบาล

แนวคิดการเชื่อมโยงและการประสานแผนงานในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์

เป็นการบูรณาการโดยใช้กระบวนการงบประมาณเป็นเครื่องมือให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยให้การดำเนินงานแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน สมดุลและมีการรวบรวมรายจ่ายในลักษณะองค์รวมก่อให้เกิดสัมฤทธิ์ผลสูงข้ึ้นกว่าการดำเนินภารกิจอิสระจากกัน เช่นมีโครงการหนึ่งแต่ละฝ่ายต้องมาระดมความคิดร่วมกัน

หลักการในการดำเนินการคือหน่วยงานเจ้าภาพมีหน้าที่ในการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ขอบเขตงาน ระยะเวลา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและงบประมาณเชิงบูรณาการโดยจจัดทำเป็น project Base มีควาามเป็นไปได้ คุ้มค่าและไม่ซ้ำซ้อน

แนวคิดในการกำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จ

งบประมาณ บูรณาการ ยุทธศาสตร์สำเร็จคืออะไร ต้องมีการระบุในส่วนที่เกี่ยวข้อง

-สามารกถวัดผลเป็นรูปธรรม มีค่าตัวเลขชัดเจน

-เข้าใจตรงกันยอมรับทุกฝ่า่ย

-ครอบคลุมภารกิจตามแผนงานบูรณาการครบถ้วน

และสุดท้ายวิทยากรได้นำเสนอระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ SEPA เกณฑ์หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

ดร.ดวงตา ตันโซ

ระบบงบประมาณของไทย

กระบวนการงบประมาณมี 5 ขั้นตอน

1.วางแผน

2.การจัดทำงบประมาณ

3.การอนุมัติงบประมาณ

4.การบริหารงบประมาณ

5.การประเมินผล

การวางแผนต้องสอดคล้องกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

การจัดทำข้อเสนองบประมาณ

รอบแรกเดือนธันวาคม

รอบที่2. เสนองบประมาณเดือนมกราคม-เมษายน

แนวทางการวิเคราะห์และจัดงบประมาณประจำปี 2561

การวิเคราะห์และจัดสรรงบประมาณต้องมีการประเมินและการจัดลำดับความสำคัญของผลผลิต/โครงการ ที่คำนึงถึงความสอดคล้องกับนโยบายและยุทธ์ศาสตร์ของรัฐบาล รวทั้งความพร้อมและความสามารถในการดำเนินงานของหน่วยงาน

คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์

สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องมีคือธรรมภิบาล

1.สุจริต

2.โปร่งใส

3.ถูกกฏหมาย

การทำงบประมาณทุกอย่างให้มองผลลัพภ์ที่จะเกิด และนำมาใช้ได้จริง

การจัดซื้อจัดจ้างให้ศึกษา พรบ.และประกาศกระทรวงการคลังให้ดี ถ้าผิดราคากลางอาจติดคุก ปัญหาคือการใช้เงินรัฐมีข้อบกพร่องมากเนื่องจากหลายสาเหตุ  ขอให้ทำตามแผนยุทธ์ศาสตร์อย่างถูกต้อง

การเป็นผู้นำต้องคิดเป็น ใช้เงินเป็น คนทำดีต้องส่งเสริม


นายสมบูรณ์ แพรงาม

หัวข้อ วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ (บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ)1)กรณีศึกษาของบริษัทน้ำตาลมิตรผล

โดย ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่

วันที่ 6 มีนาคม2561

ผู้บริหารต้องมีจุดแข็งทั่งสิ้น

หัวใจของการบริหารการเปลี่ยนแปลงมี 2 ตัวคือ

1.T คือTechnoiogy/Technical/Tool การบริหารจัดการต่าง ๆที่เป็น Half Side

2.A-Acceptance

แก่นของการบริหารองค์กรอยู่ที่คนเอาหรือไม่เอา ถ้าคนไม่เอาจะแย้งทุกเรื่อง Hard Side จะตายที่ Solt Side ทั้งสิ้น

สูตรสำเร็จแห่งการเปลี่ยนแปลง

การบริหารการเปลี่ยนแปลงมี 6 ปัจจัยหลัก 

1.Vision ที่ชัด และบอกทิศทาง

2.Communication  การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้

3.Incentive แรงจูงใจในการเปลียน

4.Skill

5.Action Plan

6.Tool

เรื่องความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร Engagement

มีงานวิจัยบอกว่า gen Y จะออกง่ายใน 3ปีแรก โดยเฉพาะ ปีแรก

1.พัฒนาอย่างไรให้เกิดช่องว่างน้อยที่สุด  keyword คือ Understandding ตัวที่ Impact คือนาย การเป็นตัวอย่างที่ดีคือต้ัวที่เป็น Cultivate Corporate ได้ดีที่สุด หมายถึงการแสดงออกด้วย หัวใจที่สำคัญคือการปลูกฝัง Role Model ที่สร้างประสบการณ์

Group Assingnment Presentation

นำเสนอบทเรียน จากหนังสือAlibaba เกี่ยวกับกรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจและการนำมาปรับใช้กับ การเคหะแห่งชาติ

ร่วมวิเคราะห์และให้ความคิดเห็นโดย

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา

อาจารย์พิชญ์ภูรี ่จันทรกมล

นายสมบูรณ์ แพรงาม

Panel Discussion การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ โดย ดร.

วันที่ 6 มีนาคม 2561

ช่วงเช้า  อ.มงคล เหล่าวรพงศ์

เรื่อง 1.)การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561

วัตถุประสงค์

   1.ทบทวนเป้าหมายแนวทางและตัวชี้วัดให้เชื่องโยงกับยุทธศาสตร์ แผนงานต่างๆ

   2.ประโยชน์ที่ประชาชน และประเทศชาติจะได้รับทั้งในระยะสั้น/ยาว และประเมินผลสัมฤทธิ์

การดำเนินงาน

   1.กำหนดหลักเกณฑ์ วัตถุประสงค์ ขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ตัวชี้วัด หน่วยงานเจ้าภาพ/   

      เกี่ยวข้อง

   2.ให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนแม่บทระยะปานกลาง และระยะยาว แผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ

       ที่มีการบูรณาการ 3 มิติ ได้แก่ ยุทธศาสตร์พื้นที่ (Area) ยุทธศาสตร์กระทรวง/หน่วยงาน (Function) ยุทธศาสตร์

       รัฐบาล (Agenda)

   3.จัดทำแผนแม่บทระยะปานกลาง/ยาว แผนปฏิบัติงาน และแผนงบประมาณส่งสำนักงบประมาณ

   4.กำกับดูแลติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และตรวจการใช้จ่าย

แนวทางการจัดทำงบประมาณแบบบูรณาการ

   1.กำหนดขอบเขต หลักการ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ตัวชี้วัด หน่วนดำเนินการ

   2.กำหนดโครงการ กิจกรรมของหน่วยงานกับการจัดทำงบประมาณ

   3.กำหนดแนวทางในการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนงาน

   4.แสดงผลการบูรณาการภารกิจและงบประมารได้อย่างครบถ้วน

   5.ต้องเป็นไปตามภารกิจและหน้าที่ กฏหมายของหน่วยงาน และพันธกิจของรัฐวิสาหกิจ บรรลุเป้าหมาย

แนวคิดการเชี่อมโยงและการประสานแผนงาน

   1.ใช้กระบวนการงบประมาณเป็นเครื่องมือ

   2.เน้นการจัดทำเป็น Project Base 

แนวคิดการกำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จ

   1.เป็นรูปธรรม/ชัดเจน 

   2.เข้าใจตรงกัน/ยอมรับ

   3.แผนงานบูรณาการ

2.) ระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ SEPA 

บริบทของรัฐวิสาหกิจ

    1.การนำองค์กร

    2.การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

    3.การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด

    4.การวัด การวิเคราะหฺ์ และการจัดการความรู้

    5.การมุ่งเน้นบุคลากร

    6.การมุ่งเน้นการปฏิบัติการ

    7.ผลลัพธ์

การวัดผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ มี 2 รูปแบบ

    1.ทางด้านการเงิน (Financial)

    2.ที่ไม่ใช่ด้านการเงิน (Non-financial)

เรื่อง  ระบบงบประมาณประเทศไทย

อ.ดวงตา ตันโช

1.ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์

       ปีงบประมาณ 61 กคช.ได้เงินงบประมาณมาแล้วจะบริหารความเสี่ยงอย่างไร

       ปีงบประมาณ 62 กคช.จะสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุ ต้องใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือ เช่น การฝึกอาชีพ 

       รัฐบาลได้สั่งการแบบ Top---->Down ใช้ยุทธ์ศาสตร์ของแผน 12 โดยดูว่าตัวชี้วัดใดที่ไปสู่เป้าหมายนั้น 

2.กระบวนการงบประมาณและโครงสร้างยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่าย

      กระบวนการงบประมาณ มี 5 ขั้นตอน ดังนี้

             1.การวางแผนงบประมาณ

             2.การจัดทำงบประมาณ

             3.การอนุมัติงบประมาณ

             4.การบริหารงบประมาณ

             5.การประเมินผล

               - การวางแผนต้องสอดคล้องกับ พม.

               - เข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติประมาณ เดือนมิถุนายน 

               - วางแผนงบประมาณ

               - ทำสัญญา

               - บริหารความเสี่ยงอย่างไร่

               - ได้รับงบประมาณให้ลงนามจัดซื้อจัดจ้าง

          สำนักงบประมาณจะรายงานผลการดำเนินงานราจจ่ายกับสำนักนายกรัฐมนตรีทุกอาทิตย์

         การทำข้อเสนองบประมาณเบื้องต้น (Pre-Ceiling)

               รอบที่หนึ่ง -----> เดือนธันวาคม

               รอบที่สอง -----> เดือนมกราคม - เมษายน

           ข้อเสนอเบื้องต้น (Pre-Ceiling) มี 5 กล่อง

                1.Function  แผนบุคลากร แผนพื้นฐาน

                2.Agenda  แผนบูรณาการ แผนยุทธศาสตร์

                3.Area จังหวัด อปท.

                4.งบกลางฉุกเฉินจำเป็น/ภัยพิบัติ/เร่งด่วน

                5.ชดให้เงินกุ้/คงคลัง

3.แนวทางการวิเคราะห์และการจัดสรรงบประมาณ มี 8 แนวทาง ดังนี้

      1.สอดคลัองเชิงยุทธศาสตร์ สำคัญเชิงนโยบาย สำเร็จต่อยุทธศาสตร์การจัดสรร

      2.กำหนดเป้าหมาย ค่าเป้าหมาย ตัวชี้วัด ระยะเวลา

      3.ผลประโยชน์หรือผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับ/เกิดขึ้น

      4.ตรวจสอบและยืนยันชัดเจน

      5.เป็นพันธกิจหลักตามกฏหมายของหน่วยงาน หรือมีมติ ครม.รองรับ/มอบหมาย

      6.บุคลากรมีศักยภาพและจำนวนสอดคล้องกับภาระกิจ 

      7.ไม่ก่อให้เกิดภาระของรัฐบาลมากเกิน

      8.ทบทวน/ตรวจสอบสถานภาพ ผลการดำเนินงาน ผลการเบิกจ่าย ปัญหาและอุปสรรค         

อ.สาธิต อนัตสมบูรณ์

    การเคหะฯ มีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม ได้นำไปใช้แล้วหรือยัง

        1.สิ่งที่เสียไปเกิดปรโยชน์หรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่

        2.สิ่งที่ทำได้เกิดประโยชน์กับประชาชนดีขึ้นยัง มีการดูแลอย่างไรบ้าง

   สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องมี คือ ธรรมาภิบาล

        1.สุจริต 

        2.โปร่งใส

        3.ถูกกฏหมาย

   การทำงบประมาณทุกอย่างให้มองผลลัพธ์ที่เกิด แล้วย้อนกลับมาหาการดำเนินการ ซึ่งต้องใช้ได้จริง

   เงินทุกอย่างมีค่า เราจะบริหารอย่างไรให้อยู่ได้ ดังนั้นอนาคตในองค์กรต้องมองความเป็นไปได้ในอนาคต

   การเป็นผู้นำ ต้องคิดเป็น ใช้เงินเป็น คนทำดีต้องสนับสนุนต้่องส่งเสริม ผู้นำบางครั้งต้องไม่เปิดเผยตัว เพื่อที่จะรู้จักคนมากขึ้น แล้วจะให้ความเป็นธรรม ความถูกต้อง ปกป้องลูกน้อง

   ระวังเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ถูกต้องตามกฏหมาย พ.ร.บ. และประกาศกระทรวงการคลัง

         


ช่วงบ่าย อ.บวรนันท์ ทองกัลยา

เรื่อง กรณีศึกษาของบริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด

        ได้ยกตัวอย่างงานวิจัย ว่ามนุษย์เราเกิดมาจะมีจุดแข็ง 5 เรื่่องและอะไรคือจุดแข็งของตัวเอง เล่นเกมส์ สร้างการเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนกัน

          อ.ได้ตั้งคำถามว่าเวลานึกถึงคนเอเซียที่ดังที่สุด นึกถึงใคร คำตอบ คือ Jack Ma

                    Jack Ma เป็นักปรัชญาให้ตอบมา 3 ประโยคที่คิดว่าเป็นเรื่องจริง

                                1.ธุรกิจขนาดเล็ก ความสำเร็จอยู่ที่ ความฉลาดของคนที่เป็นเถ้าแก่

                                2.ธุรกิจขนาดกลาง ความสำเร็จอยู่ที่ ระบบบริหารจัดการ

                                3.ธุรกิจขนาดใหญ่ ความสำเร็จอยู่ที่ คน

         หัวใจของการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Organization Transform)  ขององค์กร มี 2 ตัว คือ

                      1.T -Technology/Technical/Tool 

                      2.A - Acceptance

การขับเคลื่อนขององค์กรภาคเอกชน คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน การทำงานในภาคธุรกิจ จะดูว่าได้ผล อย่างไร

แนวคิดแบบเม่น คือ การเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ มีเกราะป้องกัน 

         The VUCA Report

               Volatility (V), Uncertainty (U),Complexity (C), Ambiguity (A)

 คนที่สามารถรับรู้ได้เร็วจะรู้ว่าธุรกิจนั้นเผชิญกับอะไรถึงจะอยู่รอด

บริษัท มิตรผล ส่วนต่างส่วนใหญ่มาจากไฟฟ้า และพลังงานมากกว่าการผลิตน้ำตาล  สิ่งนี้เป็นตัวอย่างของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

ความพร้อมในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง ต้องเป็น Learning ที่ดี และต้องมี Sense of Urgency 

         สูตรสำเร็จแห่งการเปลี่ยนแปลง

                 การเปลี่ยนแปลงมี 6 ปัจจัยหลัก ดังนี้

                        1.Vision - วิสัยทัศน์ชัดเจน

                        2.Communication - การสื่อสารที่ดี

                        3.Incentive - มีแรงจูงใจ

                        4.Skill - มีความรู้ ความสามารถ ทักษะสูง

                        5.Action Plan - มีแผนงาน

                        6.Tool - มีการสนับสนุนเครื่องมือ

จบการบรรยาย ต่อไปเป็นการนำเสนองาน กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2

 การนำเสนอบทเรียนจากหนังสื่อดีๆ ด้านการบริหารธุรกิจ และการปรับใช้กับการเคหะแห่งชาติ

     กลุ่มที่ 1 ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ และ Apply ให้กับการเคหะแห่งชาติ

               1.Jack Ma ได้สร้าง แว็บไซด์ Taobao  เพื่อผู้ประกอบการรากหญ้า 

                2.สร้างบริษัทใหญ่ด้วยความเล็ก  Platform บนโลก Online ที่เข้าถึงได้ง่าย 

                3.มีนวัตกรรมทางการเงิน Ali lone ให้โอกาสในการตัดสินใจในการบริโภคและออม  เปลี่ยนชื่อเป็น Ali Finance Group ในระดับจุลภาค

                4.ระบบรักษาความมั่นคง 

         # สอนให้คนตกปลาเป็นมากกว่าให้ปลา #

       การปรับใช้กับการเคหะฯ

                1.Platform ตลาดประชารัฐ

                2.Platform  ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์

                3.Platform สังคมด้านองค์ความรู้

      กลุ่มที่ 2 ประสิทธิภาพและระบบนิเวศน์ของ Alibaba

            Jack Ma ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กเจริญเติบโต และเข้าสู่ระบบออนไลน์ สร้างระบบ e-commerce ที่ใหญ่และมีประสิทธิภาพมาก

             มี Taobao , Alipay ระบบการซื้อขายบนน Online ที่่ใหญ่ที่สุด ระบบการชำระเงินผ่านต้วแทนบุคคลที่ 3 การรว่มทุนกับเอกชนตั่ง China Smart Logistics ,มีการบริโภคเชิงคุณภาพของคนชั้นกลาง

         สิ่งที่ทำให้ Jack Ma ประสบความสำเร็จ 

               1.ตอบรับการเปลี่ยนแปลง

               2.มีการทำ R & D

               3.ความคิดที่แตกต่าง ส่งเสริมคนรากหญ้า

               4.สร้าง Platform ที่เป็นระบบนิเวศน์ต่างๆ

               5.ให้ความสนใจในวัฒนธรรมขององค์กร

           การปรับใช้กับการเคหะฯ

                1.ปรับปรุงให้คนมีที่อยู้อาศัย

                2.พัฒนาที่อยู่ สร้างชุมชน และเมือง

                3.พัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดิีชึ้น โดยปรับปรุงช่องทางการบริการด้านต่างๆ,เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน,สร้างความเชื่อมั่น สร้างผลิตภัฑณฑ์ที่หลากหลาย และนำสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมา

                 



วันที่ 14 มีนาคม 2561

ช่วงเช้า การพัฒนาที่อยู่อาศัย กับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 กรณีศึกษา โดย

อ.โสภณ พรโชคชัย

แนวโน้มในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา บ้านแฝดกำลังมาแรง (35 ตารางวาขึ้นไป) และควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับราคาที่ดิน

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบริษัทมหาชน 10 ลำดับแรก ได้แก่ พฤษา   เรียลเอสเตท,เอพี (ไทยแลนด์),LPN,อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์,ออริจิ้น พร็อพเพอร์,ศุภาลัย,เสนา ดีเวลลอปเม้นท์,พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค,แผ่นดินทอง พร็อพเพอรฺ์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์และเอเวอร์แลนด์

Innovation แบบอย่างจากต่างประเทศ ที่มานำที่ดินมาพัฒนา

       1. ที่ต้้ง World Expo เซี้ยงไฮ้ โรงงานเก่ารื้อและสร้างใหม่ เทียบกับคลองเตย

       2.สนามบินไคตัก ที่ฮ่องกง ขณะนี้เป็นเขตที่อยู่อาศัยราคาแพง สำนักงาน หน่วยราชการ พื้นที่บางส่วนเป็นสวนสาธารณะ

       3.ท่าเรื่อเก่าใจกลางกรุงลอนดอน บริเวณ Canary Whraf เอามาทำศูนย์ธุรกิจ

       4.KL Sentral ของกัวลาลัมเปอร์ พัฒนาเป็นศูนย์คมนาคมรวมทั้ง โรงแรม ศูนย์การค้า

นวัตกรรมการปรับปรุงชุมชนแออัด

       พรบ.การเคหะแห่งชาติ พ.ศ.2537

               มาตรา 6 ให้จัดตั้งกาเคหะขึ้น เรียกว่า " การเคหะแห่งชาติ " เรียกโดยย่อว่า " กคช." และให้เป็นนิติบุคคล

มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

              1. จัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัย

              2.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประชาชนผู้ประสงค์จะมีเคหะของตนเองหรือแก่บุคคลผู้ประสงค์จะร่วมดำเนินกิจการกับ กคช.ในการจัดให้มีเคหะขึ้นเพื่อให้ประชาชนเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ

              3.ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกับการก่อสร้างอาคารหรือจัดหาที่ดิน

              4.ปรับปรุง รื้อ หรือย่ายแหล่งเสื่อมโทรม เพื่อให้มีสภาพการอยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมดีขั้น

              5.ประกอบกิจการอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น

อ.สิทธิชัย เนี๋ยมเจริญ

         ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ Thailand 4.0  ปรับต้วเองไปด้านนวัตกรรม 

              SCG จึงเน้น Platform 4 อย่างคือ

                    - Construction Platform

                    - Elder Care Solution Platform

                    - Eco Solution Platform

                    - Smart Solution Platform

         นวัตกรรม คือ อะไร (What is innovation?)

                Invention ต่างกับ Invention อย่างไร Invention คือ การประดิษฐ์ สิ่งไหนที่เกิด  Invention หมายถึง เกิดขึ้นครั้งแรกของโลก แต่  Invention ทั้ง 100% ไม่เป็นนวัตกรรม เช่น ไมคโคชิพ เป็นเรื่องของ  Invention แต่ โทรศัพท์ เป็นเรื่องของ  Innovation

                Innovation  จะไม่เกิดประโยชน์ ถ้าไม่สร้าง Value สู่ Customer

                       1. New to us  ใหม่สำหรับเรา

                       2. New to Market ในตลาดยังไม่มีใครขาย

                       3. New to the world ในโลกยังไม่มีใครทำ

                How to Build an Innovative Organization ?

                       - Vision

                       - Innovation Culture

                       - Innovation Process

                       - Customer Centric

                Where a potential idea come from? มี 4 ทาง

                        1.Technology Scanning

                        2. Competitor Landscape

                        3. Mega Trend

                        4. Customer Insight

                สิ่งที่ SCG มอง SOA

                         1.Construction Platform ลด skill labor ลง

                         2.ECO Solution Platform มีเรื่องของพลังงาน

                         3.Elder Care Solution Platform การเน้น Universal Design

                         4.Smart Solution Platform

  

14 มีนาคม 2561

ช่วงบ่าย อ.ณฐัวุฒิ พงศ์สิริ

เรื่อง กรณีศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย

The world is changing 

       -Fewer boundaries โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เราจะสามารถแข่งขันอย่างไร

       -Free flow information การสร้างผลิตภัณฑ์ตรงใจผู้บริโภค

       -Rapid tech advancements,enablers and distractors  เทคโนโลยี่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ

       -Smarter mobiles

       -Virtual Reality is reality

       -More Connected

Technology is everywhere & ....

       -Social,Mobile,Analytics & Cloud

       -Artificial Intelligence,Cognitive & Robotics

       -Big Data and Automation

 VUCA

       -Volatility (V) ผันผวน

       -Uncertainty (U) ไม่แน่นอน

       -Complexity (C) ซับซ้อน

       -Ambiguity (A) ไม่ชัดเจน

องค์กรและการเปลี่ยนแปลง จะมีองค์กรอยู่ 4 ประเภท

      1.องค์กรที่สร้างการเปลี่ยแปลงให้เกิดขึ้นจริง จะอยู่รอดในอนาคต

      2.องค์กรที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรู้ว่าทำอย่างไรแต่ไม่ลงมือทำ

      3.องค์กรที่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงและรอจนกว่าจะกระทบตัวเอง

      4.องค์กรที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง 

  ไม่มีองค์กรไหนที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ปรับเทคโนโลยี เพราะเรามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร  HR ไม่ได้มองการปรับคนเป็นเรื่อที่สำคัญ เราจะใช้ศักยภาพเต็มที่ได้อย่างไร และขับเคลื่อนได้อย่างไร

   Key Question in Strategic Management

       1.where are we now? - strategic Analysis โดยทำ SWOT,Five forces,7S  เป็นต้น

       2.where do we want to go?  วิสัยทัศน์ที่ท้าทาย

       3.How will we go there? กลยุทธ์ที่จะไปจะทำอย่างไร

กรณีตัวอย่างของธนาคารแห่งประเทศไทย

       -แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2560-2562

             กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เน้นด้านเสถียรภาพ ด้านการพัฒนา และด้านความเข้มแข็งภายในองค์กร

        -ปัจจัยสู่ความสำเร็จ มีดังนี้

             1.เปิดรับฟังความเห็น และการรวบรวมข้อมูลจากภานนอกองค์กร

             2.การมีส่วนร่วมของผู้บริหารและพนักงานในระดับต่างๆ

             3.คำถามยุทธศาสตร์ 4 ข้อ

                    3.1 ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง (ปัจจัยภายใน/ภายนอก เป็นอย่างไร)

                    3.2 ทิศทางการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี คน สถานที่ทำงาน)

                    3.3 ทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ วัดได้อย่างไร (ติดตาม ดูแล สนับสนุน เสริมสร้าง)

                    3.4 ดำเนินการอย่างไตให้บรรลุผล

# การปรับโครงสร้างองค์กรต่างๆ ต้องมีการปรับการเอาระบบ Automation มาใช้ เช่น การบริหารของ HR

  ต้องปรับตัวจาก Function เป็น Service #

# 4 System types in each home ได้แก่ Electricity,Climate,Security,Multi-Media #

                   ต่อด้วย การแนะนำการเสนอโครงการ อ.จ้า โดยหลักมี 4 หัวข้อ ดังนี้

                              1.การนำเสนอโครงการ

                              2.ความสำคัญของโครงการ

                              3.ลักษณะของโครงการที่ดี

                              4.วิธีเขียนโครงการ

          

15 มีนาคม 2561

 วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะแห่งชาติ 

 (ด้านการตลาด/การเงิน/วัฒนธรรมองค์กร/การบริการ)

โดย ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ และ อ.ทรงวุฒิ ชนะภัย

 ดำเนินการโดย อ.จีระ หงส์ลดารมภ์

 อ.จีระ เราจะจัดการการท้าทายอย่างไร เราจะเปลี่ยนเป็น Opportunity ได้อย่าง โดยเราต้องเปลี่ยนแปลงการทำงาน

 อ.ไกรฤทธิ์ อยากให้คิดแบบคนนอกมองมาที่การเคหะฯ การที่องค์กรที่ดีต้องมี 2 แรง BOD กับ CEO เพื่อสร้างความสมดุล และทำอย่างไรให้บอร์ดกับผู้ว่าไปในทิศทางเดียวกัน 

 ก.การทำ SWOT (เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์)

     SW = พลังภายใน เป็นพลังความแข็ง(Strength) และอ่อนข้างใน (Weakness)

     OT = พลังภายนอก คือ โอกาส (Opportunities)  และการคุกคาม (Threats) 

และ PEST คือ พลังจากสิ่งแวดล้อมสากลภายนอก +E

      P = Politic (อำนาจรัฐ)

      E = Economic (เศรษฐกิจ)

      S = Social (สังคมภายนอก)

      T = Technology (เทคโนโลยี)

      E = สิ่งแวดล้อม

ข.Mega Trends 

      แนวโน้มระดับโลกมีหลายอย่างที่เกี่ยวกับ กคช.

               1.Aging Society สังคมผู้สูงอายุ

               2.Urbanization สังคมเมือง

               3.Disruptive Technology เทคโนโลยีที่สร้างตลาดและมูลค่า

การเคหะฯต้องเปลี่ยน Corporate Culture --->Learning Organization 

เป็นการทำ PDCA ทำ KM เปลี่ยนความรู้จาก Tacit Knowledge --->Explicit Knowledge 

อ.ทรงวุฒิ ชนะภัย

 ความท้าทายเชิงธุรกิจและกลยุทธ์การแข่งขัน

     1.ความท้าทายเชิงธุรกิจ

        1.1 การเป็นศุนย์กลางของเมืองต้องมีระบบขนส่งทีใหญ่

        1.2 ทำให้เป็น Smart Mobility

        1.3 ค่านิยมผู้บริโภคมีความหลากหลายขึ้น

        1.4 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านอุตสาหกรรมจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี

        1.5 ปัญหาทางสังคมที่มีความรุนแรงมากขึ้น (สิ่งแวดล้อม,พลังงาน,คน)

     2.กลยุทธ์การแข่งขัน

         ต้องสร้างความเหมือนในอาเซียนให้ได้ มีการทำความร่วมมือ Networking ทั้งระบบ เพื่อการแข่งขันในธุรกิจได้ มีการเก็บข้อมูล นำมาวิเคราะห์ และปรับใช้กับงานที่ทำอยู่

อ.ได้ให้ข้อคิดไว้ในฐานะที่เป็นผู้บริหารจะมีแนวทางการปรับตัวอย่างไรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และจะต่อยอดความสำเร็จขององค์กรในอนาคตได้อย่างไร

(Transform --->Quantity --->Quality (มี High Standard หรือ World Standard)

 การเจออุปสรรคมี 3 กลุ่ม คือ

     1.เดินไปให้ได้ เอาชนะให้ได้

     2.เดินเพียง 50%

     3.ไม่ยอมเดิน

จะต้องมีวิธีการบริหารความยากลำบากอย่างไร มีวิธีการความรู้ทางเทคนิค การบริหารคนใต้บังคับบัญชาหรือหัวหน้าอย่างไรได้บ้าง

สรุป 3 ข้อแนะนำผู้นำรุ่นใหม่ของการเคหะแห่งชาติ

       1.คิดแบบ Demand side เนื่องจาก การเคหะฯมีคู่แข่งมาก ต้องมอง demand ให้มากขึ้น

       2.อย่ากังวลกับลูกค้าเก่า เพราะลูกค้าเก่าสามารถเป็นลูกค้าในอนาคตได้ 

       3.พัฒนาวัฒนธรรมองค์กร เช่น

               - Hero เปลี่ยนไปอย่างไร กคช. Idol คือใคร คนรุ่นเก่า/ใหม่ให้ความนับถือคนแบบไหน

               - พิธีกรรมที่สำคัญกับการเคหะฯ กิจกรรมที่ไม่ใช่ Routine มีการเปลี่ยนแปลงมากหรือไม่

               - แนวทางคนรุ่นเก่า และใหม่เป็นอย่างไร

               - การสื่อสาร

               - การริเริ่มต่างๆ ผู้นำที่สำคัญ

ภาคบ่าย Workshop

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ และเสนอแนะวิธืการจัดการ ดังนี้

(1) ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 2)

      1.1 การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยแปลงนโยบายรัฐบาล (ประเทศไทย 4.0) และภาคีเครือข่าย

      1.2 บทบาทของ กคช. กับการกับการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

      1.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

    สรุป การพัฒนาคนในการเคหะฯ ต้องทำ 3 สิ่ง คือ ปลูก ให้คนมีคุณสมบัติด้านต่างๆ เก็บเกี่ยว คือ กระตุ้นให้คนอยากทำงาน และ Execution คือ เอาชนะอุปสรรค โดยมีกระบวนการ (process) คิดเป็น วิเคราะห์เป็น รวมเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ การทำงานในยุคใหม่ไม่เน้นวัตถุ แด่เน้นการทำงานอย่างมีความสุข เน้นการยอมรับ สิ่งที่เป็นมูลค่า คือ Value creation และ Value Diversity

            การทำงานกลุ่มเล็กรู้ทุกอย่างคือจะมี ประสบการณ์ ในลักษณะ Cross Function และคนเราที Diversity หลายอย่าง ต้องดึง Tacit Knowledge มาให้ได้

(2) ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรมุนษย์ (กลุ่ม 4)

      2.1 การเพิ่มขีดความสามารถในด้านการตลาด

      2.2 ความสามารถในการมอบคุณค่าและสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร ให้ลูกค้าภาคภุมิใจที่อยู่อาศัยในบ้านของการเคหะแห่งชาติ

      2.3 การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผุ้มีรายได้น้อย

      2.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

   สรุป การสร้างชุมชนในการเคหะฯ ต้องเป็นการสร้าง Sustainable Development Community และต้องมี Public Private Partnership ชุมชนต้องมีส่วนร่วม 

    สิ่งที่ได้จากโครงการ 

           1. Cross Functional

           2. Multi Function

           3. Team Learning และ Team Action 

  การเคหะฯต้องมองที่ Boundary ใหม่ ที่มีการทำงานเชิงรุก และการไปทำงานต่างประเทศ การมีอุปสรรค เราต้องข้ามไปให้ได้ เพื่อมองอนาคตด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงในอนาคต คือ เร็ว รุนแรง และไม่แน่นอน

  (3) ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 1)

           3.1 การควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง การบริหารจัดการโครงการ และการส่งมอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย 

           3.2 การจัดการหนี้ค้างชำระ

           3.3 การจัดการทรัพย์สินให้มีมูลค่าเพิ่ม

           3.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

      สรุป ลดต้นทุนการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อลดดอกเบี้ย หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยถูก นำนวัตกรรมใหม่มาใช้ มีการควบคุณภาพ บริหารจัดเก็นหนี้ให้มีทางเลือกหลายด้าน เช่น จ่ายเป็นรายสัปดาห์ แทนการ จ่ายรายเดือน ยื่ดหยุ่นในการชำระ การใช้ QR Code ในการชำระเงิน ส่วนสินค้าคงเหลือต้องมีการบริหารให้เกิดมูลค่าเพิ่มให้ได้ ส่วนด้านบุคลากร ให้มีการอบรม สร้างทีมในการทำงาน มีการ Coaching สร้าง Big data

   (4) ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล (กลุ่ม 3)

              4.1 วิเคราะห์จุดอ่อน/ช่องว่าง (Gap) หรือสิ่งที่ กคช. ควรพัฒนาในด้านการปฏิบัติการ เสนอ 3 เรื่อง

              4.2 การร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการรับภารกิจการดูแลชุมชน และการพัฒนาชุมชนของผู้อยู่อาศัย

              4.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

       สรุป มี 3 เรื่อง ดังนีื้ 1.การบริหารสินเชื่อ จุดอ่อน กลุ่มรายได้น้อยไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อ แก้ไข กคช.ตั้งกองทุนสินเชื่อ สถาบันการเงิน (ไม่ใช่ภารกิจ) 2.การสนับสนุนการจัดประโยชน์เพื่อยกระดับรายได้ จุดอ่อน ด้วยระเบียบข้อบังคับ ขั้นตอนการอนุมัติค่อนข้างมาก แก้ไข ปรับปรุงกระบวนการใช้ KM 3.การพัฒนาชุมชน จุดอ่อน เจ้าหน้าที่น้อย แก้ไข ควรบูรณาการจากหลายๆหน่วยงานในการเข้าไปดูแล

        ผุ้บริหารต้องมีใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของระดับล่าง และระดับล่างต้องเข้าใจในนโยบายด้วย การปรับเปลี่ยนมุมมองด้วยการเรียนรู้  เช่น การทลาย silo, Cross Function (การทลาย silo ทำงานเป็น section ควรมีการ Shared Vision จะได้รู้ร่วมกัน)

16 มีนาคม 2561

บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ

อ.พยัต วุฒิรงค์

แนวโน้มโลกในปัจจุบันและอนาคต

      ปัจจุบัน ประเทศจีน กำลังก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง แทนสหรัฐอเมริกา ส่วนในโลกตะวันออกนอกจากจีนแล้วจะมีที่เรียกว่า Chindia (China+India)  และในอนาคตจะมีการรวมพลังกัน ระหว่าง จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และอาเซียน

     การเคหะฯ อยู่ตรงไหนของโลกอสังหาริมทรัพย์ โดยแสนสิริมีอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุด พฤษามีอสังหาริมทรัพย์ทีีมีราคาถูกที่สุด การเคหะฯใช้เวลาในการสร้างบ้านประมาณ 1 ปีครึ่ง ส่วน พฤษา สร้างใช้เวลา 15 วันเสร็จ พฤษามีตลาดใกล้เคียงกับการเคหะฯมาก ดูช่องว่างของตลาด ความต้องการอะไร (คนจนไม่มีกำลังซื้อมาก) ซึ่งพฤษาได้สร้างบ้านราคาหลักแสน ได้รับการตอบรับที่ดี โดยสร้างในพื้นที่รอบนอก ต้นทุนต่ำ และนำระบบ Precast เข้ามาช่วยในการสร้างบ้าน เพื่อลดต้นทุน

      พฤษาต้องการลดระยะเวลาในการสร้างบ้าน คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ (เจ้าของ พฤษา) ได้สั่งให้ลูกน้องสร้างบ้านให้เสร็จภายใน 1 ปี ปัจจุบันพฤษาแบ่งเป็นกลุ่ม และแต่งตั้ง CEO แต่ละกลุ่มลงทุนในกลุ่มต่างๆ เช่น โรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ทาวน์เฮาส์ คอนโด บ้านเดี่ยว และมี CEO กลุ่ม พรีเมี่ยม

       การเคหะฯ ต้องหาช่องว่าง คือ กลุ่มที่ต้องการบ้านพรีเมี่ยม (ประมาณ 5%) เพื่อสร้างาภาพลัากษณ์องค์กร มีหลายรูปแบบ

       พฤษาเน้นจุดสมดุลที่สุด เน้นตลาดกลาง แต่มีกลุ่มพรีเมี่ยมและรีเซล ซึ่งแรกๆ คุณทองมาไม่เห็นด้วย แต่มีจีนเข้ามาในซื่ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น เพื่อพักในไทยและเก็งกำไร จึงยอมให้ทำถือเป็นนวัตกรรม มีผลกำไรที่ดี อีกส่วนหนึ่งที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ทีมเอเย่นต์ มองว่าข้อเสีย คือ บ้านพฤษาอยู่พื้นที่รอบนอก ค่อนข้างไกล คนอยู่อาศัยไม่มีแหล่งอาหาร การคมนาคมไม่สะดวก ทีมนี้จึงติดต่อร้านสะดวกซื้อมาตั้งในโครงการ โดยกำหนด 7-11ต้องมาต้้งร้านในโครงการที่มีตั้งแต่ 30 ยูนิตขึ้นไป จะมีอาคารเพื่อการพาณิชย์ให้ โดย 7-11 จะจ่ายผลตอบแทน 10% ต่อปี และค่าเช่าให้ พฤษา และ พฤษาจะโปรโมทว่าทุกโครงการจะมี 7-11      

         การสร้างนวัตกรรม ต้องทราบปัญหาที่มีในตลาด และความต้องการคืออะไ การเคหะฯ ต้องทราบความต้องการของลูกค้า แล้วจะทำนวัตกรรมได้ แต่คนในองค์กรไม่ได้อยากทำ ไม่มีความเข้าใจนวัตกรรม แต่นวัตกรรมคือสิ่งใหม่ ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิข สังคม และชุมน 

         การหมุนเงินของพฤษา โดยสร้างให้เสร้๗ภายใน 6 เดือน แล้วขอสินเชื่อจากบริษัทวัสดุก่อสร้าง 3-6 เดือน ถ้าสร้างบ้านเสร็จภายใน 1 เดือน แล้วธนาคารโอนเงินให้พฤษา ก็จะได้เงินก้อนมาแล้ว แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินให้กับบริษัทวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากได้ Deal มา 6 เดือน หมายความว่า พฤษาสามารถมีเงินหมุน 3 เดือนต่อโครงการ แล้วนำเงินนี้ไปสร้างโครงการต่อไปได้ เป็นวิธีการหมุนเงินของผู้บริหาร

อ.จีรวัฒน์ เยาวนิช

          เครื่่องมือในการสร้างนวัตกรรม

               1.Design Thinking Process

               2.10 Type of Innovation 

  1.Design Thinking Process

           เป็นขบวนการ Human-Centered Design มีที่มาคือ นวัตกรรม มาจาก R&D--->ออกแบบ แต่การออกแบบอาจไม่ถูกใจลูกค้า เพราะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อลูกค้าตั้งแต่แรก จึงกลับขบวนการในการคิดใหม่ โดยนำนักออกแบบมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นนวัตกรรมเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

            ขั้นตอน

               1.เข้าใจกลุ่มลูกค้า โดย เข้าหา สังเกตลูกค้า การคลุกคลี 

               2.Define อะไรคือปัญหาของลูกค้า และประโยชน์ที่ต้องการ 

               3.ระดมความคิด 

               4.สร้างต้นแบบ

               5.ทดสอบ

  2.10 Type of Innovation แบ่งเป็น 3 หมวด

                1.Configuration ---> เกิดในองค์กร

                2.Offering ---> เกิดในองค์กรแต่สร้างให้ลูกค้า

                3.Experience ---> สร้างให้ลูกค้าโดยตรง

  ทุกจุดสามารถสร้างนวัตกรรมได้

    1.Configuration ---> เกิดในองค์กร

                1. Profit Model เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ทำให้เกิดกำไร

                2.Network จับมือกันพันธมิตรสร้างจุดแข็งใหม่ขึ้นมา แล้วได้ประโยชน์ 2 ฝ่าย

                3.Structure ทำให้องค์กรคงที่ และคล่องตัวมากขึ้น เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม

                4.Process ใช้เทีโนโลยีใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพ

     2.Offering ---> เกิดในองค์กรแต่สร้างให้ลูกค้า

                1.Product Performance สินค้าดีขึ้นเรื่อยๆ

                2.Product system

     3.Experience ---> สร้างให้ลูกค้าโดยตรง

                1.Service มีคุณค่าเพิ่มขึ้น กระบวนการทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

                2.Chanel 

                3.Brand สร้างภาพลักษณ์

                4.Customer Engagement สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าให้อยู่กับองค์กรนานๆ

      

  

วันที่ 7 มีนาคม 2561

ช่วงเช้า  โดย อ.สมชาย ไตรรัตนภิรมย์

เรื่อง การบริหารควาเสี่ยงและวัฒนธรรมความเสี่ยง

ความเสี่ยง หมายถึง เหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งหากเกิดขึ้นจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร 

การบริหารความเสี่ยง หมายถึง การกำหนดนโยบาย โครงสร้าง และกระบวนการ เพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และบุคลากรของบริษัท นำไปปฏิบัติในการกำหนดกลยุทธ์และปฏิบัติงานทั่วท้้งองค์กร

การบริหารความเสี่ยงองค์กร ERM (Enterprise-wide Risk Management) หมายถึง การบริหารความเสี่ยงโดยประสานโครงาสร้างองค์กร กระบวนการ/กิจกรรมตามภารกิจและวัฒนธรรมองค์กร เข้าด้วยกัน โดยมีลักษณะที่สำคัญ ได้แก่ การผสมผสานและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร การพิจารณาความเสี่ยงทั้งหมด ครอบคลุมความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร 

COSO ออกเอกสาร Internal Control-Integrated Framework เพื่อให้องค์กรธุรกิจและหน่วยงานอื่นใช้ในการประเมินปละปรับปรุงระบบการควบคุมภายใน และมีการผสมผสานแนวคิดการจัดการความเสี่ยงเข้าไป จนพัฒนาขึ้นเป็นแนวคิด 

Enterprise Risk Management ซึ่งมี 8 ขั้นตอน

     1.สภาพแวดล้อมภายในองค์กร

     2.การกำหนดเป้าหมาย

     3.การระบุเหตุการณ์

     4.การประเมินความเสี่ยง

     5.การตอบสนองความเสี่ยง

     6.กิจกรรมควบคุม

     7.ระบบสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร

     8.การติดตามและประเมินผล

 ขั้นตอนบริหารความเสี่ยง

     1.วิเคราะห์สภาพแวดล้อม

     2.กำหนดวัตถุประสงค์บริหารความเสี่ยง

      3.ระบุความเสี่ยง ตัวตั้งความเสี่ยงมาจากยุทธศาสตร์

      4.ประเมินความเสี่ยง ใช้หลักโอกาสและผลกระทบ ให้คะแนนไป มีระบบข้อมูลสื่อสาร มีการติดตามประเมินผล

เป้าหมายบริหารความเสี่ยง smart (ต้องมีการกำหนดวิธีการ และตัวชี้วัดเชิงปริมาณและกำหนดระยะเวลา)

       1.Specific ( เฉพาะเจาะจง ) มีความชัดเจนและกำหนดผลตอบแทนหรือผลลัพธ์ที่ต้องการที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน

       2.Measurable (สามารถวัดได้) สามารถวัดผลการบรรลุวัตถุประสงค์ได้

       3.Achievable (สามารถบรรลุผลได้) มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้เงื่อนไขการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน

       4.Relevant (มีความเกี่ยวข้อง) มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายในการดำเนินงานขององค์กร

       5.Timeliness (มีกำหนดเวลา) สามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องการบรรลุผล

การระบุปัจจัยเสี่ยง

ระบุปัจจัยที่มีผลกระทบในเชิงลบต่อเป้าหมายขององค์กรหรือการปฏิบัติงานทั้งในระดับองค์กรและกิจกรรม

  - ปัจจัยความเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอก

  - เหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

  - การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งจากภายในและภายนอก

 ประเภทความเสี่ยง

  - ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk)

  - ความเสี่ยงด้านปฏิบัติงาน (Operational Risk)

  - ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk)

  - ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฏระเบียบ (Compliance/Hazard  Risk)

องค์กรไม่มี succession plan ทำให้มีความเสี่ยง

กลยุทธ์บริหารความเสี่ยง

      1.Accept

       2.Reduce

       3.Avoid

       4.Share

โอกาสหรือผลกระทบมีการนำ Project Management มาใช้จะลดความเสี่ยงในโครงการ การทำสัญญาต้องมีความรอบครอบ 

7 ประเด็นที่ต้องทำ ERM

       1.ทำเป็นกระบวนการ

       2.ร่วมกันทำ 

       3.กำหนดกลยุทธ์ก่อน

       4.เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมและทั่วทั้งองค์กร

       5.จัดการความเสี่ยงอยู่ระดับที่เหมาะสม

       6.เพิ่มโอกาสบรรลุเป้า และลดการพลาด

       7.สร้างมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์

การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ส่วน Risk owner มีหน้าที่บริหารความเสี่ยง

อ.สุรพงษ์ มาลี

  การที่คนเข้าใจผิด 3 เรื่่องเกี่ยวกับความเสี่ยง

        1.เข้าใจว่าความเสี่ยงไม่ดีเสมอไป มุมมองความเสี่ยงมีทั้งด้านบวก และด้านลบ

        2.ไม่มี risk free world เป้าหมายไม่ใช่ทำให้หมด เพียงแต่ควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

        3.Play safe ขัดกับหลักการบริหารยุคใหม่ บางองค์กรชอบแสวงหาโอาสใหม่

  ในบริบทไทย จะใช้ความคิดสร้างสรรค์มาจาก risk culture วัฒนธรรมความเสี่ยงอยู่กับบริบทองค์กรกำหนดพฤติกรรม   คนในองค์กร

   Risk identification ในองค์กรมี 2 กลุ่ม strategic risk และ Operational risk

  Risk response (5T)

          1.Tolerate อยู่ร่วมกับบางความเสี่ยงได้ 

          2.Treat บริหารจัดการเพื่อควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

          3.Transfer มีพันธมิตร ประกัน

          4.Terminate เลิกบางงาน หรือบางหน่วย 

          5.Take opportunity ความเสี่ยงอาจนำมาซึ่งโอกาส 

    Internal Control เหมือน 5Ts

          1.Pre-event control

          2.Post-event control

          3.Emerging Opportunity

     Risk evaluation and review ติดตามตรวจสอบว่าได้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง

นางปานจิตร์ เหลืองเรือง

img_1471489809.jpg

สิ่งที่ได้เรียนรู้สู่การปรับใช้และแผนการพัฒนาส่วนบุคคล

 

 

 

 

 

โดย

นางปานจิตร์  เหลืองเรือง

 

 


วันที่
 14 กุมภาพันธ์ 2561

Learning Forum & Workshop ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (1) และ (2) (Visionary Leadership)

โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และอาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

 

          การเรียนยุคใหม่คือสร้างแรงบันดาลใจ และเอาความรู้ที่มีอยู่คือ 2 R’s

          R ตัวที่ 1 คือ Reality คือความจริงที่พาองค์กรไปสู่จุดที่สูงขึ้น

          R ตัวที่ 2 คือ Relevance คือ องค์กรยุคต่อไปต้องมีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไป

          การปรับปรุงวิธีการทำงาน อย่างน้อยในแต่ละวันที่ผ่านมาต้องถามตัวเองว่าได้อะไร สิ่งที่ได้ไม่ใช่แค่ Knowledge เท่านั้น แต่ได้ Process คือกระบวนการในการแสวงหาความรู้ร่วมกัน แล้วเอาความรู้เหล่านั้นมาค้นหาตัวเอง กระบวนการจะมา Unlock

          การเรียนยุคใหม่ให้เบ็ดตกปลา ไม่ได้ให้ปลากิน ศักยภาพของคนอยู่ที่การมีพลังขึ้นมา            ต้องปลดปล่อยพลังที่ซ่อนไว้อยู่ข้างใน

          เรียนอย่างไรให้ได้ประโยชน์ Learning How to learn นำไปสู่อะไร อยากให้ทุกองค์กรเป็น Learning Organization เป็นการเติมความรู้ลงไปและกระตุ้นจากภายใน

          การโค้ช คือเหมือนหมอที่วิเคราะห์ ต้องวิเคราะห์ออกมาเพื่อให้เกิดวิสัยทัศน์ที่จะมองไปข้างหน้า ผู้นำต้องทำนายอนาคตได้ ผู้นำไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง ผู้นำต้องนำพาทีมไปสู่เป้าหมายให้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และต้องพัฒนาอย่างยั่งยืน และผู้นำจะต้องใฝ่รู้ สิ่งที่เรียนรู้ได้ ผู้นำเป็นส่วนหนึ่งของ Human Capital เมื่อมีปัญหา  มี Crisis จัดการ ต้องรวมตัวกันเอาชนะสิ่งเหล่านี้ ผู้นำต้องแก้ และต้องมี 3 V คือ Value Added, Value Creation และ Value Diversity เราต้องสร้างความหลากหลายให้ได้

          การนำในองค์กรสำคัญมาก มีทั้งผู้นำปกติ และวิกฤติ เราต้องเรียนรู้ในการวางแผนว่าในอนาคตจะมี Crisis หรือโอกาสอะไรเกิดขึ้น  การมองเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมองทั้ง 4 กลุ่ม คือ 1. ภาครัฐ 2. ประชาชน 3.เอกชน และ 4. วิชาการ เช่นการทำวิจัยเพื่อมาเติมเต็ม อาทิ การจับมือกับมหาวิทยาลัย และของบประมาณ

  

สรุปแก่นในเรื่องภาวะผู้นำ

          1. Energy ไม่ได้มาจากพลังร่างกายเท่านั้น แต่มาจากความคิด จิตวิญญาณ และสังคม

          2. เรื่องพลัง เรียนรู้เป็นทีม Value Diversity ซึ่งย้ำว่าสร้างคุณค่าจากความ

          หลักเรื่องปลูก คือการ Development การพัฒนา เก็บเกี่ยว เช่นการใส่คำถามและให้ตอบคำถาม และ Execution  คือการทำให้สำเร็จ

          แต่ละคนมีประเด็นไม่เหมือนกัน เราสามารถใช้ความสามารถในจุดที่เรามีนำองค์กรให้เกิดประโยชน์ ซึ่งสิ่งนี้คือ Rhythm & Speed สำคัญมาก ผู้นำที่ดีต้องมองภาพใหญ่ Think Macro

          โลกและการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคต่าง ๆ ถึงปัจจุบัน

          จากยุคที่ 1 ยุคเกษตรกรรม สู่ยุคอุตสาหกรรม สู่ยุค Information Technology ปัจจุบันเราก้าวสู่ยุคที่ 4 หรือ Fourth Wave ซึ่งในอนาคตต้องเน้น

          - Sustainability    - Wisdom    - Creativity    - Innovation    - Intellectual Capital

 

          ผู้นำกับผู้จัดการ

          ผู้นำ              - เน้นที่คน  - Trust  - ระยะยาว - What,Why - มองอนาคต ขอบฟ้า/ภาพลักษณ์  - Change

          ผู้บริหาร          - เน้นระบบ  - ควบคุม  - ระยะสั้น  - When,How - กำไร/ขาดทุน ทุก 3 เดือน

                              - จัดการให้สำเร็จ มีประสิทธิภาพ   - Static

          ทฤษฎี 3 L’s คือ Learning from Pain , Learning from Experience , Learning from Listening

          ชนิดของผู้นำ    - Trust / Authority Leadership - Charisma Leadership

                              - Situational Leadership        - Authentic Leadership คือผู้นำที่เป็นของแท้

ผู้นำระดับสูงสุดคือผู้นำที่ถ่อมตัวมากที่สุด

          ในต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันตกมีหัวข้อวิจัยมากมายเกี่ยวกับผู้นำสำหรับตะวันออกยังมีน้อยอยู่จึงมักจะใช้ Role Model เป็นหลัก อาทิ

                   พระนเรศวร    ด้านความกล้าหาญ

                   รัชกาลที่ 5      ด้านมองการณ์ไกล (Visionary)

                   รัชกาลที่ 9      ด้านการพัฒนาแบบยั่งยืน (เศรษฐกิจพอเพียง)

                    ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์     ด้านมีความรู้ดีและกล้าหาญ

                   ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์   ด้านความรู้ดี และกล้าหาญ

                    ชวน หลีกภัย   ด้านผู้นำและ Trust

                    พารณ     ด้านผู้นำกับคุณธรรม

                   ทักษิณ    ด้านเร็ว และความคิดใหม่

                    บัณฑูร ล่ำซำ   ด้าน Transformation กับ Leadership

          8 Rules of Leadership (Nelson Mandela)

                   1. กล้าหาญ

                   2. ต้องรุกได้ แต่ต้องตั้งรับและไม่ประมาท

                   3. การนำอยู่ข้างหลังจะต้องแน่ใจว่า คนที่เรายกย่องให้มีบทบาทอยู่ข้างหน้าต้องให้เขามีความรู้สึกว่า เขาได้นำอย่างน่าภูมิใจ และสมศักดิ์ศรี

                   4. ถ้าจะจัดการบริหารศัตรู ต้องรู้จักศัตรูให้ดี

                   5. การจะอยู่อย่างผู้นำควรใกล้ชิดกับเพื่อน แต่กับคู่แข่ง หรือคนที่เราไม่ชอบ ต้องใกล้ชิดมากกว่า

                   6. มีภาพลักษณ์ที่ดี ต้องปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ อย่างมีเกียรติและสง่างามเสมอ

                   7. ไม่เน้นถูกหรือผิดแบบ 100 % หรือขาวหรือดำ 100 % มีการประนีประนอมที่เหมาะสม แต่รักษาหลักการไว้ และหาทางตกลงกันได้แบบ Win-Win

                   8. รู้ว่าจะหวะไหน จะ “พอ”  หรือ จะ “ถอย”

          8 Rules of Leadership (Obama)

          1.  สร้างศรัทธาและความมั่นใจ Trust และ Confidence แก่ผู้ร่วมงานและแนวร่วม

          2.  เป็นผู้นำต้องรู้ว่า จะพาประเทศไปทางไหนโดยสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Communicate your Vision Effectively)

          3.  สร้างให้คนส่วนใหญ่ เข้าถึงประวัติ ความสำเร็จ ความสามารถที่สะสมมาในอดีต สร้างชื่อเสียง (Build Strong Reputation)

          4.  สร้าง Networks ในทุกๆ แห่ง โดยเฉพาะในจุดที่ตัวเองอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมพันธ์มาก่อน (Make Friends in Unusual Places)

          5.  ทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่มีแค่ High performance ของความสำเร็จของบางกลุ่ม แต่ต้อง All hands คือการให้ทุกๆ คนมีส่วนได้ส่วนเสีย ก็คือการสร้างทีมงานที่ทุกคนทำงานร่วมกัน

          6.  สร้างความหลากหลายให้เป็นมูลค่าเพิ่ม (Diversity to value added)

          7.  ใช้ Technology ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน เช่นการสร้าง Social Network ก็ให้คน 2 ล้านคน ช่วยสนับสนุนการเงินในช่วงหาเสียง

          8.  สร้างขวัญกำลังใจให้แก่เพื่อนร่วมงานทุกคน (Motivation and inspiration)

          คุณสมบัติของผู้นำของฮิลลารี คลินตัน

          1.  เรียนรู้ตลอดชีวิต

          2.  อย่าพอใจกับปริญญาเท่านั้น

          3.  อย่าพอใจกับการเรียนในห้อง (Formal Learning)

          4.  สนุกกับการคิดนอกกรอบ

          5.  สนุกกับการคิดข้ามศาสตร์

          6.  ถึงจะเก่งอย่างไร? ก็ต้องรับฟังคนอื่น

          6 of the Dalai Lama's Leadership Principles

                   1.  อย่าสั่งการ ต้องเป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน

                   2. ถ้าต้องการเรียนรู้อะไรบางอย่าง ต้องฟัง และค้นคว้าหาข้อมูล

                   3.  อย่าคิดว่าตัวเราคิดถูกทุกเรื่อง หากมีคนที่คิดไม่เหมือนเราซึ่งคุณคิดว่าไม่ถูกต้อง..ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้

                   4. มีอารมณ์ขัน อย่าโกรธง่าย รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

                   5. สอนให้คนรู้จักคิดหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง อย่าบอกคำตอบหรือหาทางออกให้ทุกเรื่องทุกเรื่อง

                   6. มีความรับผิดชอบ

          คุณสมบัติของผู้นำของท่านผู้ว่าฯ เกษม จาติกวณิช หรือ “Super K”

                   1. ผู้นำต้องมีความรู้

                   2. ผู้นำต้องทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารักและเคารพ

                   3. ผู้นำต้องสร้างจิตวิญญาณในการทำงานเป็นทีม

                   4. ผู้นำต้องรู้จักมอบหมายงาน

                   5. ผู้นำต้องฟังความเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ

                   6. ผู้นำต้องรู้จักให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่โอ้อวดและยกตนข่ม

                   7. ผู้นำต้องมีความเมตตา โอบอ้อมอารีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

          4 E’s Leadership ( Jack Welch )

          1.  Energy มีพลัง

          2.  Energize สามารถกระตุ้นให้คนอื่นมีพลัง

          3.  Edgeเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ

          4.  Execution ลงมือทำให้เกิดความสำเร็จ

          4 Roles of Leadership (Stephen Covey)

                   1. Path finding การค้นหาเส้นทางความก้าวหน้า/การพัฒนา

                   2. Aligning    กำหนดทิศทางไปในแนวทางเดียวกัน

                   3. Empowering    การมอบอำนาจ

                   4. Role Model   การเป็นแบบอย่างที่ดี

          ทฤษฎีล่าสุดของ  Jack Welch  Leader / Teacher

          Leadership Roles (Chira Hongladarom’s style) 

                   1.  Crisis management การจัดการภาวะวิกฤต

                   2. Anticipate change คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงได้

                   3. Motivate others to be excellent  การกระตุ้นผู้คนสู่ความยอดเยี่ยม

                   4. Conflict resolution การแก้ไขความขัดแย้ง

                   5. Explore opportunities การสร้างโอกาสแก่ผู้อื่น

                   6. Rhythm & Speed รู้จักใช้จังหวะและความรวดเร็ว

                   7. Edge ( Decisiveness ) กล้าตัดสินใจ

                   8.Teamwork ทำงานเป็นทีม

                   9. Uncertainty Management การบริหารความไม่แน่นอน

          ภาวะผู้นำของ Peter  Drucker

                   1. Ask what needs to be done   ถามตัวเองว่าเราต้องทำอะไรให้สำเร็จ

                   2. Ask what’s right for enterprise  ถามว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องลงมือทำ

                   3. Develop  action  plans  พัฒนาแผนปฏิบัติการ

                   4. Take  responsibility for decision   รับผิดชอบต่อการตัดสินใจ

                   5. Take  responsibility for  communicating   รับผิดชอบต่อการสื่อสาร

                   6. Focus on opportunities  not problems  มุ่งที่โอกาสไม่ใช่ปัญหา

                   7. Run  productive  meetings จัดให้มีการประชุมที่สร้างให้เกิดผลผลิต

                   8. Think  and say  We not  I  คิดและพูดด้วยคำว่า “เรา” ไม่ใช่ “ฉัน”

          กรณีศึกษาผู้นำจีน 5 รุ่น

          รุ่นที่ 1 (1949 - 1976) เป็นผู้นำรุ่นบุกเบิกมี เมาเซตุง (Mao Tse-tung) หรือ โจว เอ็นไล (Zhou En lai) เป็นหลัก รุ่นนี้ คือ รุ่นเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชนะการปฏิวัติมา เป็นผู้บุกเบิก ต้องบริหารการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างจะมากต้องสร้างระบบให้แน่น เพราะระบบเดิมยกเลิกหมด เช่น ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของรัฐไม่ใช่ของบุคคลเศรษฐกิจ คือ รัฐเป็นคนกำหนด

          รุ่นที่ 2 (1976 - 1992)  คือ เติ้ง เสี่ยว ผิง (Deng Xiaoping) เป็นช่วงที่การเมืองนิ่งแล้ว แต่ระบบเศรษฐกิจแบบรัฐเป็นผู้กำหนด จะไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในชาติได้ เพราะประชากรมาก     – คาดหวังสูง จึงต้องมีเติ้งเสี่ยวผิงมาเป็นผู้นำ เน้นทฤษฎีไปสู่ Practical เป็นผู้ที่พูดว่า “แมวสีอะไรก็ได้ขอให้จับหนูเป็น” คือ เป็น 1 ประเทศ 2 ระบบ นำเอาทุนนิยมเข้ามา – เชิญต่างประเทศเข้ามาลงทุน    ทำให้จีนขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็ว เพราะคนจีนขยันและเคยทำการค้ามาก่อน วันนี้จีนเติบโตมากกลายเป็นมหาอำนาจ

          รุ่นที่ 3 (1992 - 2003)  คือ เจียง ซี มิน (Jiang Zemin) เป็นผู้นำประเทศสู่โลกภายนอก เศรษฐกิจแข็งแรงขึ้น แต่ต้องมีบทบาทในโลก จัดประชุม APEC 2003 ในจีน นำจีนเข้า WTO เปิดประเทศทางเศรษฐกิจมากขึ้นส่งความช่วยเหลือไป Africaและประเทศด้อยพัฒนา

          รุ่นที่ 4 (2003 – 2013) คือ หู จิ่นเทา (Hu Jintao) เห็นความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับ 2 ของโลก จีนมีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้นทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ แต่เริ่มมีปัญหาเสรีภาพในประเทศ และความเหลื่อมล้ำ

          รุ่นที่ 5 (2013 – 2023) คือ สิ จินผิง (Xi Jinping) ผู้นำรุ่น 5 จะต้องเก่งเรื่องประชาธิปไตยเปิดแบบจีนที่โลกยอมรับ มีสิทธิมนุษยชนมากขึ้น และดูแลการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจไปทุกกลุ่มและทุกภูมิภาคของจีนไม่ให้เหลื่อมล้ำ ให้เศรษฐกิจจีนสมดุลกับโลกภายนอก โดยเฉพาะค่าเงินหยวน      Xi jinping พื้นฐานดี เรียนวิศวะ แล้วจึงมาเป็นผู้นำ คือ มีระบบความคิดเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่เหมือนผู้นำไทยส่วนใหญ่คิดไม่เป็นระบบ ชีวิตช่วงวัยรุ่น เจ็บปวด เพราะ มีปัญหาทางการเมืองในจีนจึงถูกส่งไปฝึกงานในชนบท คลุกคลีกับชาวบ้าน คือ ติดดิน เห็นความจริงของสังคม เปรียบเทียบกับอดีตนายกอภิสิทธิ์เป็นคนดี แต่ไม่รอบรู้สังคมและวิถีชีวิตไทยอย่างลึกซึ้ง เป็นคนมีหลักการ มีวิธีการที่ปฏิบัติดีที่ทำให้หลักการไปสู่ความสำเร็จ คือ หลักการไม่เคยเปลี่ยน คือ จีนเป็นสังคมนิยม กระจายรายได้เสมอภาคไม่ใช่รวยอย่างเดียว ต่างกับอุดมการณ์ของระบอบทักษิณ มีวิธีการอย่างเดียวคือรวย แต่ได้มาอย่างไรก็ได้     ยกย่องเติ้งเสี่ยวผิงที่ให้ประเทศจีนมี 2 ระบบการเมืองและดึงทุนนิยมเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก เน้นคุณธรรมจริยธรรมก่อน ความรวย หนังสือของเขาชื่อ The Governance of China แปลว่าเป็นประเทศจีนโปร่งใส ไม่ยอมให้เกิดการโกงขึ้นในประเทศ จึงเป็นผู้นำที่น่ายกย่อง ยุคเขาจัดการผู้นำจีนใหญ่ๆหลายคนเข้าคุก ดำเนินคดีเป็นตัวอย่างโดยไม่กลัวอิทธิพลใดๆ

          ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นตัวอย่างของผู้นำที่มี Charisma คือมีความนุ่มนวล แต่การดูว่าผู้นำแบบไหนเหมาะสม ให้ดูช่วงเวลา และองค์กรด้วย

 

          ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ (2)

          แรงบันดาลใจเกิดจากการที่เราไป Unlock สิ่งที่มีอยู่ข้างในออกมา การศึกษาที่สำคัญที่สุดคือการนำสิ่งที่มีอยู่ออกมาออกมาได้  ทุกคนมีอยู่แล้วแต่ไม่ได้มีโอกาสในการดึงออกมา การนำของแต่ละคนมาหลอมรวมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อองค์กร

 

          Happy at work กับ Happy workplace

          Happy workplace เป็นการทำงานที่มีความสุขในสถานที่นั้นด้วย ส่วน Happy at work       มาจากส่วนบุคคลคือมีความสุขในการทำงานไปด้วย

          Happy workplace เป็นเรื่ององค์กร และ Happy at work เป็นเรื่องการทำงาน เป็นอะไรที่จับต้องได้ เช่นมีแอร์ดี ห้องทำงานใหญ่ สบาย แต่แค่นั้นไม่พอต้องมี Happy at work

          Happy at work ควรมีปัจจัย 4 ปัจจัยด้วยกันคือ     

                    1. สุขภาพกับการออกกำลังกาย

                    2. Passion เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการทำงานคือการหลงใหลในงานของตัวเอง

Passion มี 2 อย่างคือทางดีและทางไม่ดี ยกตัวอย่าง ดร.จีระในช่วงหนุ่ม ๆ ชอบทำงานจะกลับดึกมาก

                    3. Purpose ถามตัวเองว่าทำงานไปเพื่ออะไร ให้ค้นหาตัวเองอีกครั้ง

                    4. Meaning ทำงานแล้วชีวิตมีความหมายหรือไม่ บางคนไม่ทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว  เงินเยอะมากจะไม่ทำ เช่น บริษัทที่ทำโฆษณาอบายมุขเขาจะไม่ทำ  

           สิ่งที่เสริมนอกจากสุขภาพ Work life balance เครื่องมือ IT จะมาช่วยให้เราทำงานที่มีประสิทธิภาพสามารถทำงานให้เกิดการบูรณาการในการทำงานกัน

          เรื่อง Generation Gap ต้องมองรุ่นให้ดีว่าเขาต้องการอะไร ถ้าจะบริหารคนรุ่นใหม่ เราต้องมี Happy at work และ Happy workplace บางครั้งต้องมี Flexible work  ดังนั้น การมี Work life balance เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในราชการและรัฐวิสาหกิจที่ควรเกิดขึ้น

          วิสัยทัศน์ ทิศทางที่จะไป และต้องกำหนดมาตรฐานให้เราไปอย่างเป็นเลิศ

          วิสัยทัศน์ที่ดี

                   1. ต้องมีการปรับวิสัยทัศน์ตลอดเวลา และต้องได้รับการยอมรับจากคนในองค์กร

                   2. Vision without action จะถูกมองว่าไม่ได้ประโยชน์นัก และอาจถูกมองว่าเป็นความฝัน

                   3. Mission คือพันธกิจหรือภารกิจที่เราจะทำเพื่อตอบสนองเป้าหมายของ Vision เหล่านั้น

                   4. การกำหนด Vision Mission ไม่พอ ต้องมีการกำหนด Core Value ด้วย ยกตัวอย่าง Core Value องค์กรเน้น สร้างสรรค์ มูลค่าเพิ่ม และความสุขในการทำงาน

 

          Vision ได้มาอย่างไร

                    1. สนใจความรู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                    2. อ่านหนังสือมากและหลาย ๆชนิด

                    3. รู้จักเรียนรู้งานที่ทำอยู่

                    4. เป็นผู้ที่ช่างสังเกต และนำไปปฏิบัติ

                    5. มีพันธมิตรทางปัญญามากหลาย ๆ ด้าน เช่น เราเป็นนักวิชาการก็รู้จักธุรกิจหรือสาขาอื่น ๆ อย่าทำตัวแคบ ๆ

                    6. เลือกดูรายการโทรทัศน์ที่ให้ประโยชน์ เช่น Cable TV

                    7. ใช้ Internet อย่างสม่ำเสมอ

                    8. มีวัฒนธรรมการเรียนรู้

                    9. เรียนรู้ตลอดชีวิต

          ประสบการณ์ของ ดร.จีระในการทำงานด้านวิสัยทัศน์

                   1. ผู้นำให้ความสนใจต่อ Vision

                   2. การระดมความคิด  โดยรับฟังความคิดแปลกใหม่(ต้อง Learn-Share-Care โดยเฉพาะที่ขัดแย้งกัน แต่ให้ความคิดเห็นไม่ตรงกันเป็น conflict องค์กร ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดการปะทะกันทางปัญญา)

                   3. มีคณะผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเหลือ

                   4. ผสมผสานระหว่างความคิดคนในกับคนนอก

                   5. วิธีการระดมความคิด จะต้องเน้นการแสดงความคิด 2 ทางคือโต้ตอบและตรงไปตรงมา

                   6. ถ้าไม่มีผู้นำในองค์กรที่ต้องการ การเปลี่ยนแปลงก็คงจะทำอะไรลำบาก

 

 

          วิธีคิดเพื่อทบทวน / กำหนดวิสัยทัศน์

                   1. ต้องมองภาพ Macro ก่อน รู้ว่าจุดอ่อนจุดแข็งคืออะไร มองโอกาสและความเสี่ยงคืออะไร แล้วให้ลงเขียนวิสัยทัศน์ดู และมาตอบว่า เก่งอะไร และทำในสิ่งที่เราเก่งหรือไม่  เราต้องใช้จุดแข็งมากกว่าใช้จุดอ่อน

                   2. ศึกษา Internal Environment เช่น ระบบ วัฒนธรรม องค์กร คุณภาพของคน ฯลฯ

                    3. อะไรที่เราทำได้ดีที่สุดและอะไรที่เราทำยังไม่ดี อย่างเช่น การเคหะฯ สิ่งที่เราทำเก่งที่สุดคือ ชุมชน

                    4. ใครคือลูกค้าที่สำคัญของเรา

          บริบทข้างหน้าของการเคหะจะเป็นอย่างไร อย่างเราจะมองวิสัยทัศน์ข้างหน้า ต้องรวย ต้องมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน  การลดความเหลื่อมล้ำแล้วยังมีเรื่องของการพัฒนาคนอย่างถ้วนหน้า เพราะมีเรื่องสังคมดิจิทัลมาตอบโจทย์  องค์กรต้องการอะไร มีเรื่อง Competency อะไรที่ทำดี และอะไรที่ไม่ดี อะไรที่ดีแล้วและเราจะเดินต่อ   ถ้าอะไรทีไม่ดีไปสร้างที่คน  ถ้าเราจะพัฒนาที่อยู่อาศัยเราจะมอง Vision แบบไหนบ้าง

          Boundary ของการเคหะ อยู่ใน Boundary หนึ่ง แต่เรื่องอาเซียนตกควรพูดถึงว่าการเคหะฯ ไม่ได้สร้างบ้านอย่างเดียว แต่สร้างประเทศ สร้างชุมชน ความมั่งคั่ง ลดความเหลื่อมล้ำ

         การเคหะฯ จะขึ้นมาถึงจุดที่ขยายพรมแดนไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ   แม้วันนี้ยังไม่ได้ แต่เราจะต้องสามารถทำได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง Alibaba เป็นธุรกิจที่เล่นกับคนจน คนจนสามารถเป็นหลักได้ สิ่งที่อยากฝากคือ การขยายพรมแดนหรือกิจกรรมของการเคหะฯ เรียกว่า Boundary ที่การเคหะฯ มีภารกิจมาก  อยากให้มีการคุยกับต่างประเทศมากขึ้น ทั้ง 4 กลุ่มได้ความรู้มาก ในเรื่องต่างประเทศเราต้อง Shift Paradigm บางเรื่องเข้าใจ และติดตัวไป

 

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561

การบริหารการเปลี่ยนแปลง (1)

กรณีศึกษาของ...บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง โดย คุณจันทนา สุขุมานนท์

          ในปัจจุบันจะไม่ค่อยพูดเรื่อง Change Management ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นการพูด Transformer

          Change Management พูดถึงการเปลี่ยนแปลงในองค์กร มี Internal Factor สิ่งที่พบคือการเปลี่ยนข้างในยากมาก แต่ External Factor Force ให้เราเปลี่ยน

          External Factor is given หมายถึงเราต้องเปลี่ยน สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือข้างในของเราต้องอยากจะเปลี่ยนเอง เพราะถ้าเราทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม

          คนเราต้องมีความตั้งใจ เช่นตั้งใจว่า

                   1. ต้องไม่จน

                   2. ต้องไม่พึ่งคนอื่น ต้องยืนบนขาตัวเองให้ได้

                   Holcim Mission : Vision , Values, Strategy & Operational Roadmap

          ในการทำงานที่ดีมี 4 ส่วน

                   1. Think the business

                   คิดก่อน ... คิดได้หรือไม่ มีตรรกะ หรือ Critical Skill หรือไม่ มี Strategic Thinking Skill

                   มีวิสัยทัศน์ คือการมองไปข้างหน้าว่าเป็นอย่างไร

                              - Strategic Vision / Alignment     - Analysis and Problem-Solving

                              - Business and Financial Acumen 

                   2. Deliver Results

                               - Manages Execution     - Customer Focus  

                              - Support Action , Change and Innovation  - Leads for Performance

                   3. Act as a role model

                    คุณสมบัติหนึ่งในการเป็นหัวหน้าคือการเป็น Role Model ที่ดี เช่นถ้าเป็นหัวหน้า แล้วมาทำงานสายลูกน้องจะมาทำงานสาย

                              - Adapts and learn        - Establishes Trust and Confidence

                   4. Energize People

                              สังเกตได้ว่ามีคนที่ออกจากองค์กรที่ดีได้นั้นเพราะอะไร ส่วนหนึ่งเพราะได้หัวหน้าไม่ดี

                              - Communication  - Engages and Inspires  - Develops Employees          

                               - Cultivates Relationships and Networks - Fosters Teamwork and Cooperation

          สรุปคือ Life ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าตัดสินหรือมองคนจากภายนอก

          การเปลี่ยนแปลง  External เปลี่ยนไปอย่างไร

          7 Habits ที่เกี่ยวกับตัวเราเอง คือ

                   1. Be Proactive เราต้องทำมากกว่าที่เขาคาดหวัง จะทำให้เขา Recognize เรา เราต้องคิด without the box

                   2. Put with the end in mind เราต้องตั้งเป้าหมาย ต้องมี Target

                   3. Be Prioritize เราต้องรู้ว่าอะไรทำก่อนทำหลัง

                   4. Listen more คือการฟังมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่คนเราฟังน้อย แต่พูดเยอะ

(The more listen the more to understand)

                   5. Energize people คือการทำงานเป็น Teamwork เพราะความสำเร็จไม่ได้มาจากตัวเองอย่างเดียว แต่มาจากคนอื่นด้วย อย่างถ้าขึ้นตำแหน่ง ความสำเร็จส่วนหนึ่งคือลูกน้อง

                   6. Think win-win เวลาที่เราจะทำอะไรเราต้องคิดให้เขา Win และเรา Win ด้วย

                   7. Sharpen your saw คือเราต้องเรียนรู้ตลอดเวลา

                   ให้ลองดูว่าในนิสัย 7 ตัวนี้ นิสัยไหนที่เราไม่ดี 

          Wheel Model สิ่งที่พบในคนส่วนใหญ่ที่ตก และทำไม่ได้ คือ เรื่อง 1. Energize wheel 2. Communication

          Leader มีความจำเป็นต้องเข้าใจและสื่อสารให้กับตรงตามแต่ละคน

          คนที่จะเป็น CEO ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งคือ Communication

          การเป็น Public Speaking

                    1.Objective คืออะไรและเราอยาก ได้อะไร What do you want other know about you?

                     - ถ้าเราอยากพูดอะไรให้เราตั้งคำถามไว้ แล้วพูดตามนั้น

                     - เหตุผลที่เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่ต้องเริ่มจากตัวเองข้างใน

ยกตัวอย่าง บริษัทที่ทำดีที่สุดในการทำ Rule & Regulation คือ OEM อย่างเช่นการเคหะฯ ต้องเปลี่ยนกฎในการอยู่รวมกันของคนหมู่มาก ที่ฮอลแลนด์ การเคหะฯ บ้านที่อยู่เรียบร้อยมากเนื่องจากเขามีกฎ

          สิ่งที่เราควรต้องระวัง คือ การทำงานไปเรื่อย ๆ จะติดอยู่ใน Comfort Zone ไม่ Proactive แล้วจะทำให้แย่มากกว่าดี

          ทำอะไรที่เป็น Productive เช่น การบ่นไม่ Productive แต่จะทำอย่างไร ? เราจะเปลี่ยนอย่างไร : Why? How? What? When?

          ทำไมเราถึงต้องเปลี่ยน?  เราจะเปลี่ยนอย่างไร ?  เราจะเปลี่ยนอะไร?  เราจะเปลี่ยนเมื่อไร?

          สรุป ที่เราเปลี่ยนวันนี้เพราะเราเปลี่ยนจากข้างใน ทุกวันเราต้องเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น เราเป็นน้ำครึ่งแก้ว เราจะเติมวิตามินอะไร เราต้องรู้ว่าเราขาดอะไร  เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้น

ไม่ว่าลูกน้องจะมาปรึกษาอะไร ต้อง Open Question ถามเขามากขึ้น โค้ชไม่เคยให้คำตอบ แต่ให้ถามจนเขาสามารถหาคำตอบด้วยตัวเองได้ โค้ชคือกระจกส่งเราเท่านั้นเอง เราจะรู้จักตัวเองดีที่สุด

 

กรณีศึกษาของ… สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยคุณชูชาติ มั่นครองธรรม

          การเปลี่ยนแปลง

          การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ศาสตร์เดียวในการทำงาน แต่ใช้หลายศาสตร์ผสมกัน คือ Change Management ,Risk Management, Business Continuing Plan เช่น การเปลี่ยนวิถีชีวิต การเดินทางเปลี่ยน การบริหารความเสี่ยง

          1. ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง เมื่อมีการจัดการต้องมีการวางแผน

          2. องค์ประกอบการเปลี่ยนแปลง ต้องมีผู้นำการเปลี่ยนแปลง

          การเปลี่ยนแปลงมี 2 อย่างคือเชิงรุก และเชิงรับ ดูแนวโน้มในอดีตและสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต

          การเปลี่ยนแปลงเชิงรับ  เราจะรู้ว่าเราจัดการแต่ละเรื่องอย่างไร

          สาเหตุที่ทำให้เกิดการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

                   1. ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง

                    2. ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงสั้นไป

                    3. เกิดความตระหนกในการเปลี่ยนแปลง

                    4. แรงกดดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

                    5. ผลประโยชน์

                    6. ความไม่รู้ ไม่เข้าใจ

          กรณีการย้ายที่ทำการแห่งใหม่

          แต่ก่อนสำนักงานสลากกินแบ่ง อยู่ราชดำเนิน อยู่ในแหล่งยุทธศาสตร์ต่อผลจากการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มีปัญหาเรื่องความแออัด ได้มีการวางแผนและปักธงในการย้ายแบ่งเป็น 3 Phase โดยหน่วยที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายกับประชาชนให้อยู่ก่อน และส่วนอื่นย้ายก่อน

          Phase แรกที่โดนย้ายคือ ฝ่าย HR  เริ่มต้นจากการวางแผนห้องที่ทำงานเสร็จ และของค่อยลงให้สัมพันธ์กับงานที่มีการดูถึงผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมภายนอกมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของพนักงานอย่างไร เช่น   การเดินทาง ร้านอาหาร โรงเรียนลูก ฯลฯ สิ่งที่เราควรทำ Survey คือทำให้เห็นว่าวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปไม่ได้กระทบกับวิถีชีวิตเดิมของคนในองค์กรมากนัก

          ปัญหาที่พบ คือ

                   1. แต่ละส่วนยังมีการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันคือ คนสร้าง คนติดกล้อง คนตกแต่งห้อง เช่น มีการติดกล้องวงจรปิดในห้องตรวจภายใน

                   2. ข่าวลือเรื่องผี 3  ตัว วิธีการคือการตรวจสอบข่าวลือ และประชาสัมพันธ์

                   3. การย้ายระบบ IT ให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่ให้สับสน เช่นทำงานถึงวันศุกร์ โดยจะมีการประชาสัมพันธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานที่การจ่ายเงินจริง เพื่อเป็นการทดสอบให้ระบบทำงานได้ และมี Server สำรอง และในที่สุดวัน D-Day ระบบจะทำงานได้

          การบริหารการเปลี่ยนแปลง ใช้หลักทฤษฎี

                   1. แม่ปู ลูกปู – ผู้นำต้องเอาด้วย นำก่อน แล้วคนจะตาม

                   2. ตีฆ้อง ร้องป่าว – การประชาสัมพันธ์

                   3. ตีซี้ – สหภาพแรงงานจะเกาะติดมวลชน ให้เขาเห็นประโยชน์ และเขาจะช่วยเรา

                   4. พวกมากลากไป – เมื่อส่วนใหญ่มาแล้ว ส่วนเล็กจะตามไปโดยปริยาย

                   5. ทุบหม้อข้าวหม้อแกง – ฟันธงว่าจะย้ายเมื่อไร

          ช่วงการเปลี่ยนผ่านใช้วิธีการสร้างตัวแทนแต่ละหน่วยเป็นลักษณะ Change Agent ทำอย่างไรให้รับรู้วิธีการใช้งานต่าง ๆ เพื่อหาข้อดีข้อเสีย ที่จะทำอย่างไรให้ระบบดีขึ้นป้องกันการผิดพลาดได้บ้าง

          การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ขอให้ท่านทำใจให้มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงนั้นก่อน

          สรุปขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง

                   1. มี Vision ว่าเปลี่ยนแล้วได้อะไรขึ้นมา

                   2. ผู้บริหารระดับสูงต้องเกี่ยวข้องทุกขั้นตอน

                   3. การวางแผนร่วมกัน

                   4. Stakeholder ทั้งหมดต้องเข้าใจตรงกันคือผู้เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ผู้เห็นด้วยตั้งเป็น Change Champion

                   5. การสื่อสารกันทุกระดับชั้น

                   6. สร้างระบบการเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจนเป็น Platform และมีการฝึกอบรม

                   7. ต้องมี Milestone คือตัววัดความก้าวหน้า ว่าเสร็จอย่างไร และเมื่อไร

 

          การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (1/1) โดย รศ.ดร. อัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

             การพัฒนาเขตอุตสาหกรรมน่าจะเป็นเรื่องของนิคม

                    1) การพัฒนาอุตสาหกรรมในเขต CLMV คือเขตอุตสาหกรรม และเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างในกัมพูชาจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด ส่วนทางเมียนมา จะเป็นได้ทั้งเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตที่ 1 ที่รัฐยะไข่  เขตที่ 2 ที่ท่าชินวา เขตที่ 3 ที่ท่าเรือทวาย

                    2) การพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งคนในอาเซียนและ CLMV ยังขาดอยู่ การเคหะฯ น่าจะร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศในการทำด้านนี้ และคาดว่าอาจจะได้สิทธิพิเศษในการทำการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยอาจตั้งบริษัทร่วมกับประเทศนั้น ๆ ทำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาทิเช่น สิงคโปร์ไปตั้งบริษัทร่วมกับบริษัทร่วมของเมียนมา เช่นการสร้างเมืองใหม่ที่เนบิดอร์   การเคหะฯ ก็น่าจะไปด้วยเช่นกัน ที่เห็นส่วนมากไม่ค่อยเห็นภาครัฐวิสาหกิจไทยไปต่างประเทศเท่านั้น ส่วนใหญ่เห็นแต่ภาคเอกชนไปเช่น ซี.พี. ปตท. 

                    เสนอว่า ถ้าจะไปให้ตั้งบริษัทลูกร่วมทุกกับบริษัทเมียนมาเนื่องจากมีจำนวนมาก อย่างที่คอนโดขายดีมาก และให้สิทธิ์นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของคอนโดฯได้ตลอดชีวิต แต่ไม่เปิดสิทธิ์ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดิน นอกจากเป็นนอมินี  เช่นเดียวกับเมืองไทย

          การบริหารธุรกิจในอาเซียน (10 ทำ 10 ไม่)

          10 ทำ

                   1. เลือก 9 ประเทศ เพราะเราไม่สามารถทำธุรกิจได้ทั้ง 9 ประเทศ  (อาเซียนเก่า อาเซียนใหม่ เราควรจะไปอินโดนีเซียเพราะตลาดใหญ่มาก แต่มีเกาะและไกลมาก ที่ไทยไปทำธุรกิจในอินโดนีเซียคือจาร์กาตา สิ่งที่พบคือ ไกลมากและกำลังซื้อถดถอยลง  เป็นมุสลิม เราต้องเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมุสลิม เราต้องเข้าใจวัฒนธรรมของเขา เขาจะไม่สามารถให้เวลาได้ตามต้องการ

                    CLMV-T  คนที่มาลงทุนมากสุดในกลุ่มนี้คือ มาเลเซีย และสิงคโปร์  แต่ประเทศไทยกับเหมือนใกล้เกลือกินด่างคือมองไม่ค่อยเห็น

                    ประเทศเวียดนาม มองข้ามประเทศไทยไปแล้วตอนนี้ Benchmark ข้ามไปที่สิงคโปร์แล้ว อย่างเวียดนามมีโมเดลเหมือนกับจีน เนื่องจากเวียดนามเคยเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ 1,000 ปีก่อน ผู้หญิงเวียดนามเป็นกำลังหลักของรายได้  ส่วนใหญ่เป็นแรงงานผู้หญิงหมดเลย

                    ขณะนี้เราทำธุรกิจในกลุ่มนี้มากสุดในเรื่องการค้า วัตถุประสงค์ของ AEC คือ Production Base คือการเป็นฐานการผลิตเดียวกัน เป็นตลาดเดียวกัน หมายถึง 1. ไม่มีกำแพงภาษี 2. เป็นฐานการผลิตเดียวกัน คือตั้งโรงงานผลิตที่ CLMV ได้ เพราะวัตถุดิบที่นำเข้ามาไม่มีกำแพงภาษี

                    เช่นมะม่วงแก้วขมิ้น เป็นหนึ่งในวัตถุดิบจากกัมพูชา มะม่วงที่แปรรูปนี้ส่วนใหญ่เป็นมะม่วงแก้วขมิ้น และเป็นมะม่วงของกัมพูชา หมายถึงเอาวัตถุดิบจากกัมพูชามาแปรรูปที่บ้านเรา กลายเป็นวาระแห่งชาติของกัมพูชาที่ปลูกมะม่วงแก้วขมิ้นนี้จำนวนมาก   ต่อไปน่าจะเป็นมะม่วงเซงตารงของเมียนมาเข้ามา

                    นอกจากส่งของไปขายแล้วให้เอาของเข้ามาขายด้วย  มะม่วงไทยน้ำดอกไม้อร่อยที่สุด แต่อีกทางเลือกหนึ่งคือเซงตารงของเมียนมา  จะเอาเข้ามาในการบริหารธุรกิจได้อย่างไร

                    แตงโมของเมียนมาลูกละ 15 กิโลกรัม เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการขายความแปลกอย่างใน    CLMV ต้องเลือกมาก่อนว่าจะไปลงทุนที่ไหน

                   2. รู้นโยบายเศรษฐกิจ กฎหมายการลงทุน กฎระเบียบกติกาประเทศเหล่านี้ เน้นเรื่องอะไรเป็นหลักอย่างถ้าจะไปตั้งโรงงานเพื่อขายคนเมียนมา หรือตั้งโรงงานเพื่อไปขายต่างประเทศ แล้วเอาเงินเข้ามา

                    นโยบายเศรษฐกิจของเขาคือ

                             1) ต้องไปเอาวัตถุดิบเขาแปรรูปแล้วส่งออกไปต่างประเทศแล้วเอาเงินกลับบ้านเขา เขาจะชอบ

                              2) การตั้งโรงงานแล้วถ้าไม่ใช้แรงงานของประเทศเขาเลยเขาไม่ชอบ ถ้าจะตั้งโรงงานให้ตั้งโรงงานที่บริษัทใช้แรงงานเขา

                              3) ถ้าตั้งโรงงานช่วยฝึกแรงงานเขา เขาจะรู้สึกดีมาก เช่นสอนให้เขาซ่อมแอร์ วิทยุ นวด เป็นเขาจะชอบมาก  จากการไปมาหลายประเทศพบว่าคนที่บริการดีที่สุดคือคนไทย

                    กฎหมายการลงทุนในเขตอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษก็อีกอันหนึ่ง เขตอุตสาหกรรมเมียววดีใช้กฎหมายอีกฉบับหนึ่ง เขตที่ชินวาก็ใช้อีกที่หนึ่ง

                   3. รู้ศักยภาพของประเทศ แรงงาน ทรัพยากร สิทธิประโยชน์ การส่งออก ต้องรู้ศักยภาพเขาว่าเป็นอย่างไร ศักยภาพของประเทศเหล่านี้เราควรทำธุรกิจอะไร ศักยภาพของประเทศเหล่านี้มีอะไรบ้าง

                    - แรงงาน มีศักยภาพหรือไม่ ถ้าอยากลงทุนบ้านเขา ต้องไปฝึกแรงงานเขาด้วย โรงงานที่ตั้งที่เกาะกงหาแรงงานกัมพูชายากมาก จึงได้เปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการอบรมเช่นสอนเรื่องเย็บผ้าฟรี จะพบว่าทางผู้ว่าฯ เกาะกงมีความสุขภาพ เพราะช่วยเขาด้านนี้ ระหว่างการสอนจะเป็นคนไทยสอน ความคุ้นเคยจะมักคุ้น ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย ที่ซึมซับโดยปริยาย

                   4.ต้องมี Connection และ Partner ทางธุรกิจ เช่นกลุ่มสภาอุตสาหกรรมของประเทศนั้น ๆ หอการค้า และอุตสาหกรรมของประเทศนั้น ต้องให้หน่วยงานเขาเซ็นรับทราบด้วยว่าจะทำธุรกิจนี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่สามารถป้องกันการฟ้องร้องได้ สินค้าต้องมีคุณภาพและราคาไม่แพง เพราะราคาเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ

                    ถ้าจะไปเมียนมาได้ปลอดภัย เมืองหลักคือย่างกุ้ง  และเมืองมันดาเลย์ เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับทำธุรกิจ ส่วนเนบิดอร์ไม่เหมาะทำธุรกิจ เนื่องจากมีแต่ข้าราชการ นักท่องเที่ยวไปน้อย เมืองรองคือ หงสาวดี ผาอัน พะโคว์ แม้กำลังซื้อน้อย แต่ได้ต้นทุนทำธุรกิจดีกว่าเมืองหลัก

                   5. ไปเป็นกลุ่มธุรกิจ อย่าไปเดี่ยวเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ

                   6. ทดสอบสินค้าโดยการวางในห้างในกรุงเทพฯ ต้องทดลองก่อนที่จะนำสินค้าไปนอกประเทศว่าเป็นอย่างไรก่อน

                   7. ร่วม Business Trip กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมงานแสดงสินค้าดูว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่น่าไปร่วมด้วย ถ้าแนะนำธุรกิจใน CLMV แนะนำให้ไปเมียนมาเพราะ ธรรมะ ธรรมโม หนุ่มสาวเวลานัดพบกันจะนัดไปไหว้พระ

                   8. ต้องรู้ช่องทางในการจำหน่ายสินค้า การจำหน่ายอะไร ? และเอาสินค้าไปวางจำหน่ายในประเทศนั้น ๆ

                   9. เดินทางไปศึกษาตลาดเอง  เพื่อให้รู้ถึงความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้น ๆ

                   10. ทำเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ  และภาษาของประเทศนั้น ๆ

          10 ไม่

                   1. ไม่มีข้อมูล

                   2. ไม่มีหุ้นส่วน

                   3. ไม่รู้ภาษา

                   4. ไม่รู้นโยบายการค้า การลงทุน

                   5. ไม่ตัดสินใจ

                   6. ไม่ร่วม Business Trip

                   7. ไม่ร่วมงานแสดงสินค้า

                   8. ไม่กล้าลงทุน

                   9. ไม่กล้าจ่ายเงินเดินทาง

                   10. ไม่มีเครือข่ายและรวมกลุ่ม

 

                    ประเด็นที่น่าสนใจมากคือเรื่องการพัฒนาที่ดิน ที่ทำเพื่อให้เพิ่มมูลค่าหรือคุณค่าที่มีอยู่  ที่อยู่อาศัยต้องอยู่ในเขตอุตสาหกรรมและใกล้เคียงด้วย ต้องคิดเชื่อมโยง สิ่งที่รู้จักการเคหะฯ มากขึ้นต้องคิดถึงที่ดิน และในส่วนที่มีในการเคหะฯ

                    สิ่งที่น่าสนใจคือคนในประเทศ CLMV ยังขาดที่อยู่อาศัยอยู่มาก ในฐานะผู้บริหารการเคหะฯ เราจะจับมือกับรัฐบาลอย่างไร ทุกท่านคิดได้ในฐานะคนทำงาน ว่าโครงการฯ นี้จะจับมือกับรัฐบาลเหมือนอย่างสิงคโปร์และมาเลเซียได้หรือไม่ ใช้วัสดุไม่แพง แต่มีคุณภาพ มะม่วงแก้วขมิ้น  มะม่วงดองวรพร เป็นตัวอย่างที่เราศึกษาเรื่องการ Upgrade ตัวเองอย่างไร

                    1. Upgrade สินค้าเป็นพรีเมียม ลูกค้าที่อยู่ในโซนหัวเมืองหรือเขตเศรษฐกิจชายแดนมีอะไรที่การเคหะฯ ไปส่งเสริมได้

                     2. การปรับกฎระเบียบที่ต้องศึกษามากขึ้น การเคหะฯ จะเคลื่อนไปจับมือกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร ถ้าเป็นสิ่งที่ดีโครงการที่ดีจะเสนอได้

                    3. การอบรมหรือสอนคนฝึกคน เช่น พันธมิตร การออกแบบสิ่งแวดล้อม

                    4. การหา Partner ที่รัฐรับรอง เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับท่านคือการพัฒนาที่ดินในอุตสาหกรรม

 

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561

การบริหารกลยุทธ์องค์กร (1) โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

          องค์กรเป็นประเภทหรือคน

                   1. ความสามารถวางแผนชีวิตให้สอดคล้องกับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง และสอดคล้องกับตัวเอง ซึ่งนักวิชาการเอามาเรียก SWOT

                    - จริง ๆ อยากให้ประเทศมีความสุข โลกมีความเจริญ ก็ต้องวัดการเปลี่ยนแปลง

                    - ถ้าไม่รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างไร เปลี่ยนองค์กรจะไม่ตรงเลย

                    - สิ่งที่รู้ แต่คนไม่รู้คือนวัตกรรม นวัตกรรม กับ นวัตกรรมตามนโยบาย 4.0 ต่างกันตรงไหนจริง ๆ นวัตกรรมมีมานานแล้ว

                     - อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้าไม่รู้จักตัวเอง

          การวิเคราะห์ SWOT

          1. ต้องเริ่มที่ O และ T คือการวิเคราะห์ Change ถ้าไม่เริ่มวิเคราะห์ตรงนี้ อาจจะผิดแผนและอนาคตจะมีปัญหา  ดังนั้นการบริหารจัดการไม่ต้องเรียนได้เลยเพราะเป็น Common Sense เราต้องเอาจุดแข็งไปไขว่คว้าโอกาส  ส่วนจุดอ่อนบางคนแก้ได้ บางคนแก้ไม่ได้ มนุษย์ไม่มีใครโง่ ทุกคนฉลาดหมด แต่การศึกษาบางอย่างทำให้คนทำได้เรื่องเดียว ทั้ง ๆ ที่ความจริงมนุษย์ทำได้หลายเรื่อง

          2. การจัดการที่กำลังจะเกิดขึ้น เริ่มจาก Common Sense

          - วิเคราะห์อนาคต  - วางชีวิตให้ตรงกับอนาคต  - การจัดการอนาคต

          เมื่อเป็นทิศทางองค์กร องค์กรต้องรู้ทุกคน และเมื่อรู้ทิศทางองค์กรแล้ว ก็มาบริหารระยะสั้นคือ 3 ,5, 10 ปี ต้องทำอะไรบ้าง

          การจัดการเชิงกลยุทธ์องค์กร

                   1. SWOT

                   2. วิสัยทัศน์ พันธกิจ – วางทิศทางองค์กร

                   3. เป้าประสงค์ กลยุทธ์ Action Plan คือตัว Action ต้องมีดัชนีตัววัด KPI

จะดูว่าประเทศนั้นมีคนฉลาดหรือไม่วัดจากการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้มี 3 แบบ ยกตัวอย่าง อ.สมชายบอกว่าหลังเกษียณจะมีรายได้ไม่ต่างจากเกษียณ และต้องดัง ต้องรวยด้วยสมองเพราะมีจุดแข็งคือสมอง และต้องเป็นอาจารย์

เป้าหมายต้องเก่งภาษา และเก่งคำนวณ นั่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก จุดเริ่มต้นคือการสอนให้คนอ่านหนังสือ คือจุดแห่งความฉลาด เป็นลักษณะแบบ Life time learning มองอนาคตว่าเป็นอาจารย์เฉย ๆ ไม่รวย ดังนั้นจึงมองว่าจะเป็นที่ปรึกษา จึงเริ่มเรียนอักษรศาสตร์ เรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี เพื่อให้ได้ทุนแล้วไปศึกษาต่อที่รัฐศาสตร์ แล้วไปศึกษาเรื่องหุ้นต่อ  และที่อาจารย์สมชายดัง เพราะมองก่อนคนอื่น เป็นคนแรกที่มองเรื่องหุ้น เป็นคนแรกที่สอนเรื่องกลยุทธ์ ไม่ได้อยากเล่นการเมืองเพราะอยากเป็นอาจารย์สอนที่ดี แต่ไม่ได้เลือกที่จะรู้ทุกเรื่อง

          Action Plan ต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจ เช่นวิสัยทัศน์อยากเป็นนักการเมือง ต้องตีกอล์ฟเพื่อสร้าง Connection ถ้าไม่อยากเล่นการเมือง แต่ทุกคนต้องมีชีวิตรอด มีสุขภาพดี ถ้าเอาเวลาไปตีกอล์ฟ จึงเลือกที่จะอ่านหนังสือ ซึ่งเปรียบเทียบเวลาแล้วจะมากกว่าตีกอล์ฟ

          แผนกลยุทธ์ใครทำได้ แต่การศึกษาทำให้เราใช้ศักยภาพสมองได้น้อยกว่าที่เป็น

          แผนกลยุทธ์ 4.0 คือยุทธศาสตร์ของประเทศที่พัฒนาให้ประเทศจากวันนี้ไปถึง 20 ปี ข้างหน้าหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งหน้าที่นี้ควรเป็นของสภาพัฒน์ ฯ เพราะวางแผนด้านกลยุทธ์ กำเนิด 4.0 มาจากหนังสือ Marketing 4.0 ของ Philips Cotler

          Smart City

          โลกกำลังเข้าสู่ Smart City และ Smart Home

          สรุปคือ แผนกลยุทธ์ที่เชิญมาคือสอน SWOT วิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ แต่แท้จริงเป็นเรื่อง Common Sense ถ้าวางองค์กรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตเราจะประสบความสำเร็จมาก แต่ทำไมใคร ๆ ก็เรียน ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีแผนมานานแล้ว แต่ไม่ใช่แผนกลยุทธ์ ทั้งที่สภาพัฒน์ฯ ต้องเป็นผู้ทำตรงนั้น

          Vision

          เส้นทางที่จะไปในอนาคต Vision การทำได้ ต้องมีการวิเคราะห์การวางแผนในช่วง 4-5 ปี ฯลฯ เป้าประสงค์จะสำเร็จได้ต้องอาศัยกลยุทธ์ กลยุทธ์จะสำเร็จด้วย Action Plan

          Action Plan คือแนวทางที่ทำให้กลยุทธ์ประสบความสำเร็จ กลยุทธ์คือแนวทางที่ทำให้เป้าประสงค์ประสบความสำเร็จ เป้าประสงค์คือแนวทางที่ทำให้ยุทธศาสตร์ประสบความสำเร็จ การจะวางแผนได้คือ ใน 5 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร เรียกว่าเป้าประสงค์

          จุดอ่อนมี 2 เรื่อง จุดอ่อนบางเรื่องแก้ได้ บางเรื่องแก้ไม่ได้ เช่นอาจารย์สมชายมองตัวเองเป็นนักวิเคราะห์อนาคตได้เก่ง จึงพัฒนาตัวเองจากการเรียนภาษาเพิ่มเติมอีกหลายภาษา สามารถสอนการละคร เรียนรัฐศาสตร์ และสอนละครได้ แต่จุดอ่อนบางเรื่องเช่นหน้าตาแก้ไม่ได้ อาจไม่ได้เป็นพระเอกเป็นต้น

          สรุป การจัดการเชิงกลยุทธ์ที่โคตรยาก เพราะหัวใจข้อแรกสู่ความสำเร็จ ตรงที่ยากที่สุดคือ คุณภาพของ SWOT คือต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์อนาคตได้เจ๋ง ทั้งสั้น กลาง ยาว เพราะคุณภาพในการวิเคราะห์สมัยนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยก่อน เพราะสมัยนี้โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว คุณสมบัติสมัยก่อนคือ เอาอดีต ปัจจุบัน มาวิเคราะห์อนาคต แต่ใน 20-30 ปีมานี้ เริ่มประมาณปี ค.ศ. 1980 โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล สภาพแวดล้อมไม่ได้เป็นเหมือนเก่า โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก เข้าสู่ยุคโลกแบน สิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนเดิม แต่คนคิดยังเหมือนเดิม

          สิ่งที่ยากที่สุดคือความสามารถในการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เจ๋งคือการมอง SWOT เป็น

          Strategic Gap คือช่องว่างเชิงกลยุทธ์ คือช่องว่างระหว่างทิศทางไม่ตรงกับการเปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญที่เป็นปัญหาที่ทำให้การบริหารยากมาก ระบบคิดของคนปรับไม่ทัน

          Key Success Factor ในการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จที่สำคัญคือ

                   1. การพัฒนาระบบคิด Mindset คือ Rethinking the future  Paradigm Shilft ในการสามารถวิเคราะห์ SWOT ได้เจ๋ง ต้องฝึกให้มองบางสิ่งที่คาดไม่ถึง สอนให้มองข้ามช้อต มองอนาคตได้เจ๋ง และวิเคราะห์ได้แม่นยำ มองเห็นสั้น กลาง ยาว 

                   2. ต้องรู้ตัวเอง  ระวังกับดักที่คุณเชื่อในสิ่งที่ตัวได้ยิน ได้เห็น เชื่อตามสิ่งที่รัก เพราะสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรคคือ Obstacle อย่างโกดักเจ๊งเพราะการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของ SWOT คิดว่าจะสามารถยืดเวลาได้ แต่ไม่ทัน  ระวังอย่าเชื่อคนง่าย ๆ กับดักได้แก่ กับดักจากมองจากตัวเอง กับดักความเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ และกับดักจากประสบการณ์ในอดีตและปัจจุบันคิดว่าจะสามารถมาใช้ได้ในอนาคต ณ ตอนนี้ต้องศึกษาอนาคตเพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ถ้าคิดจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนตั้งแต่วินาทีนี้

                    3. อย่าเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ แล้วไปว่าคนอื่น เราต้องรู้ว่าตัวเองและทุกคนไม่ได้โง่ แต่มีหลายคนชอบมองคนอื่นที่คิดไม่เหมือนตัวเองว่าโง่ ทั้ง ๆ ที่เป็นอัจฉริยะ  เช่น คนมองกาลิเลโอโง่ เพราะบอกว่าโลกกลม พูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับเขา หรือเจ้ไฝช่วยประเทศไทย  จากผัดไทยจากละ 30 ขายได้ 300 บาท แต่คนไทยไม่รู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะมัวไม่ว่าเขา  Jiffy จับมือกับปั๊มน้ำมันที่มีห้องน้ำสะอาด และได้มีการวัด KPI

 

 

 

          สรุป

                   1. วิเคราะห์ SWOT ได้

                   2. วางทิศทาง เช่นการเข้าสู่ดิจิทัลจะทำอย่างไร โลกจะเข้าสู่ 5 Gแล้วจะกระทบอะไรกับเราบ้าง อย่างประเทศไทยแก้เกมส์โดยวางยุทธศาสตร์ 4.0

                   3. การวางกลยุทธ์ แต่อย่างไรก็ต้องวิเคราะห์ SWOT

          สิ่งที่เราควรทำคือการพัฒนาคนในองค์กรให้เป็น Strategic Thinker เพราะโลกวันนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเยอะมากและเราหนีไม่พ้น

 

          การเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

          - ต้องไม่มองจากตัวเองเพราะตัวเองคือมนุษย์มีความผิดพลาด มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ เพราะเรามาจากลิง มนุษย์มีความชั่วอยู่ในนั้น ทฤษฎีกรีก กล่าวว่ามนุษย์มีจุดด่างพร้อย และบางครั้งไม่รู้ตัว และการมองจุดด่างพร้อยต้องมองจากสีหน้าของคนอื่น แล้วมาวิเคราะห์ว่าเรามีจุดด่างพร้อยตรงไหนบ้าง เช่น ลูกต้องเข้าใจ   ลูกว่าเขาชอบอะไร อยากเรียนอะไร ทำงานอะไร ไม่ใช่บอกให้ลูกทำตามเรา

          - ไม่เชื่อคนอื่น เช่นบอกว่าคนรวยไม่โกง วิธีการพิสูจน์และกลั่นกรองใช้สัญชาตญาณในการสร้างสัมพันธ์ นาย ก.รวยไม่โกง นาย ข.รวย โกง นาย ค.รวย ไม่โกง นาย ง.รวยโกง  แสดงว่าคนนี้พูดผิด เราต้องมองเหรียญสองด้าน

          - การมองอนาคต วิธีการฝึกมองอนาคตคือ เช่นมีเมล็ดพันธุ์อะไรจะมองเห็นอนาคตตรงนั้น การเคยชินสิ่งไหนทำสิ่งนั้น ต้องมีการปรับตัว เช่น MK มีการปรับการสั่งอาหารให้เร็วมากขึ้นโดยใช้ปาล์ม หรือร้านอาหารสมัยนี้สามารถสั่งอาหารได้จากเมนูดิจิทัลในโต๊ะอาหารเลย

 

การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง

          คนฉลาดทำ 5% จะรู้ได้ว่าในโลกนี้มีบางเรื่องไม่สำคัญ คนฉลาดจะตัดออกจากสมองโดยเด็ดขาด ทำเฉพาะเรื่องสำคัญและเน้นเฉพาะเรื่องที่โคตรสำคัญ ในโลกนี้มีข้อมูลไม่สำคัญ ให้ทำเฉพาะ Strategic Information สิ่งที่พบคือคนที่เก่งทำกลยุทธ์เพียงไม่กี่เรื่อง เช่น ร้านอาหารทำรสชาติอาหารให้ตรงตามลูกค้าเป้าหมาย อร่อยมาก  และเน้นตรงเวลา หรือเรื่องโรงพยาบาล เน้นคุณภาพรักษาเยี่ยม และไม่เสียเวลา 5% แห่งการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกับเรา

         ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วง Strategic System Change ทุกวันนี้โลกมีการเชื่อมโยง  เช่น ข่าวบอกว่า นาย ก.เอาถังมาใส่ขี้ ถ้า นาย ก.ไม่บ๊อง มี 3 อาชีพที่เป็นไปได้คือใส่ปุ๋ย ทำชีวภาพ และ กทม.

          มนุษย์เราที่แท้คือสัตว์ประเสริฐ ที่เราประเสริฐขึ้นมาได้มาจาก Change คือ เมื่อมอง Change ได้จะสามารถวิเคราะห์คนได้

          เมื่อ 20,000 ปีที่แล้ว  มีบ้านเอาพืชผลมาปลูก และเอาสัตว์มาเลี้ยง สิ่งที่ตามมา คือมีคนทำตาม เกิดสังคมเกษตร มนุษย์จะหยุดเร่ร่อน มีสังคม ต้องการที่ดิน มีการบุกรุกเอาที่ดิน เกิดสงคราม ฆ่ากัน กรีกสร้างปิรามิด

          หลังจากนั้น 200 ปีที่ผ่านมา สังคมเกษตรอยู่ไม่ไหวเนื่องจากคนอยู่มาก คนคิดอะไรใหม่ ๆ       ถูกเผาทั้งเป็น คนเหล่านี้จึงกลับไปที่กรีกเนื่องจากเป็นต้นกำเนิดปรัชญา คณิตศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม เชื่อว่ามนุษย์ฉลาดให้มนุษย์ออกความเห็น เกิดเป็นโสเครติสให้ออกเป็น Thesis Anti-Thesis และ Synthesis แต่ปัญหาคือโสเครติสโดนมองว่าโง่เนื่องจากไปต่อกรกับเสียงข้างมาก ทำให้โสเครติสโดนประหาร นักปราชญ์ที่ฆ่าเป็นพวกที่พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นสิ่งที่ไม่จากสิ่งที่เป็นจริงแท้

          สิ่งที่แน่นอนคือแล้วแต่มุมมอง คนเหล่านี้ถูกสอนให้พูดจาต่อยหอย  เกิดการโต้วาที

          ในทุกนี้ทุกอย่างมีกรอบ มีฟอร์ม โสเครติส ลูกศิษย์คืออริสโตเติล ที่มาท้าทายว่าห้ามมองจากตนเอง ต้องมองกับคนอื่นด้วย จงทำกับคนอื่นในสิ่งที่อยากให้คนอื่นทำกับเรา คุณภาพความดี ความถูกต้องคือในสิ่งที่เป็นของคุณ      ที่กระทบกับคนอื่นด้วย ดังนั้นต้องมองมุมมองคนอื่นด้วย

          มนุษย์ที่เก่ง มนุษย์จึงควรมีเสรีภาพในการมองความแตกต่าง เสรีภาพที่อย่าไปเชื่อคนได้ง่าย      ไม่จำเป็นต้องเชื่อโป๊ป สามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้ เกิดคริสตัง คริสเตียน เกิดนักทฤษฎีต่าง ๆ มากมาย และทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเมื่อมนุษย์ฉลาด สอนให้เกิดความเชื่อมโยง ทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงกันได้ ในการเชื่อมโยงเหล่านี้ มาจากกรีก คนโง่มองแยกส่วน คนฉลาดมองเชื่อมโยง ทุกคน       มีเหมือนกันหมด แล้วแต่มุมมอง เกิดการวิเคราะห์เชื่อมโยง เช่นแอปเปิ้ลทำไมถึงตก เซอร์ไอแซก นิวตัน ต่อยอดเป็นนวัตกรรม และเกิดสิ่งต่าง ๆ มากมาย เป็นต้น

          ยุคที่ 1 การเปลี่ยนแปลงเกษตร 10,000 กว่าปี 

          ยุคที่ 2 ยุคอุตสาหกรรม ที่กำเนิดโดยแนวคิดเซอร์ไอแซกนิวตันกำเนิดยุคอุตสาหกรรม

          ยุคที่ 3 ดิจิทัล โลกมีแรงดึงดูด ถ้าโลกไม่มีแรงดึงดูดกับพระอาทิตย์ทำไมไม่ชนกัน ที่ไม่ชนเพราะมีสนามแม่เหล็ก กำเนิดแนวคิดด้านนี้โดย ไอน์สไตล์นำกำเนิดยุคดิจิทัล

          ยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

          ปัจจุบัน กำลังเอาเรื่องดิจิทัล ไปพบกับไบโอเทค เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี เปลี่ยนแปลงที่เร็วและรุนแรงมากขึ้น  การซื้อของผ่านทางอินเทอร์เน็ต เช่น Amazon อ่านข่าวต่างประเทศต่าง ๆ ทำให้ร้านหนังสือที่มีอยู่เจ๊งได้ อาชีพนักข่าวกำลังมีปัญหา เพราะทุกคนสามารถเป็นนักข่าวตัวเองได้ เทเลคอมนำสู่การเชื่อมโยง Intranet Internet เกิดการเชื่อมโยงอย่าง โลกาภิวัตน์ทำให้ประเทศฉลาดขึ้น แต่ในไทยสิ่งที่พบคือหลังดิจิทัล อัตราการเติบโตของไทยน้อยลง โลกเปลี่ยนจากสนามรบเป็นสนามการค้า มีการรวมตัวเกิดการตั้งเขตการค้าเสรีใน 4.0

          1. Economic Corridor ถ้าประเทศไหนมีการจัดตั้งเขตการค้าเสรี หมายถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะต้องร่วมมือกัน ประเทศต่าง ๆ ต้องมีการปรับปรุงถนนหนทาง เช่น IMT-GT และ GMS ทั้งหมดมี 3 ระเบียงคือ ตะวันออก-ตะวันตก  เหนือ-ใต้

          2. โครงการการเชื่อมโยงกับประเทศจีน

          3. RCEP การเชื่อมโยงกับอาเซียน+3 +6 คือ 16 ประเทศรวมตัวเป็นเขตการค้าเสรี จะเหมือนกำแพงเดียวกันภาษีเหลือ 0  ประเทศไทยเกิดการขยายตัว เนื้อที่ในการแข่งขันมากขึ้น แต่ละประเทศกำลังพัฒนาถนนหนทาง หนึ่งในนั้นคือการขยายการค้าชายแดน ซึ่งจะพุ่งอีกหลายร้อยเปอร์เซ็น  แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก กาญจนบุรี น้ำพุร้อน –นราธิวาส หนองคาย นครพนม  การเชื่อมโยงกับระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทราเชื่อมโยง Eastern Seaboard และเข้าสู่ดิจิทัล เกิดผลกระทบต่อการเมือง ชุมชน ซึ่งการเคหะฯ ต้องเกี่ยวข้องมาก Smart City เป็น Antropotism ไม่ใช่แค่เครื่องจักร แต่เป็นการเชื่อมทั้งหมด ต้อง Smart Environment , Smart Neighborhood ฯลฯ การเคหะฯ ต้องเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดี  ยกตัวอย่างรายได้แสนสิริลูกค้ามาจากต่างประเทศ รายได้ของเจ้ไฝ ลูกค้ามาจากต่างประเทศ

          ปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 เกิด Internet of Things รถไม่มีคนขับ เรือไม่มีคนขับ เกิดลักษณะการ Sharing Economy บ้านให้เช่า Robot นำไปสู่การตกงานของแต่ละแห่งมากมาย ในขณะเดียวกัน  มีการสร้างงานใหม่เกิดขึ้น มี Big Data สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้ด้วย รู้เส้นทางของลูกค้าที่เดินและไม่จบ และคนที่ฉลาดกว่านั้นจะสามารถสร้างลูกค้าได้เลยเกิด Blue Ocean และมีคนคิด     สายการบินราคาถูก คนที่เป็นต้นกำเนิดคือ South East Airline โลกเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตลอด อยากรู้อะไรติดต่อ Google ได้หมด วันนี้โลกกำลังเปลี่ยน Internet of things สามารถอยู่อีกที่แต่สามารถ     กดรีโมทไปอีกที่ได้

          Material Science ถ้าปรับไม่ดี จะไม่สามารถทราบว่ามีสินค้าทดแทน อาจปรับไม่ทัน เช่น บ้านอาจเกิดการเช่าเป็นสำนักงานอยู่แค่วันเดียว

          ใช้ Genome เปลี่ยนคน สังคมโลกเปลี่ยน โลกเกิดการแข่งขันทุก 2,000 ปี ดังนั้นการวางแผนการเคหะฯ ไม่ใช่แค่ Aging หรือไม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล ลักษณะของบ้านก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไป  การเคหะฯ ต้องปรับให้ทัน

          From digital to 4th  Industrial revolution : Financial Transformation

                    1. E-Commerce นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ตัวอย่างคู่แข่งของ E-commerce คือ Zara ที่ราคาถูก ดังนั้น E-Commerce คือตัวช่วย แต่ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าด้วย

                    2. E-Banking

                    3. Fintech

                    4. Blockchain คือสมุดบัญชีบันทึกรหัส หลายธุรกรรมเรียกว่า Blockchain   

ยกตัวอย่าง Starbucks 1. สร้าง Platform ให้คงเส้นคงวาตามกลุ่มเป้าหมาย แต่ละวันจะมีการทำให้คงเส้นคงวา  และ 2. บ้านที่มีความสุขด้วยกลยุทธ์คือ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความสุขเหมือนอยู่บ้าน อย่าเรียกลุง ป้า น้า อา แต่เรียกคุณลูกค้า และต้องรู้ใจลูกค้า จำลูกค้าได้ทำอย่างเดียวแบบโอเรียลเตล คือการขายสิ่งที่จับต้องไม่ได้  3. กำลังเข้าสู่ Fintech สามารถให้ลูกค้าฝากเงิน และให้กู้เงินซื้อสินค้าได้ด้วย

          โลกกำลังน่ากลัวมาก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราต้องการหลักประกัน ที่ทุกอย่างอยู่ใน Blockchain มีระบบ Cloud funding คือการระดมเงินลงทุนมาสามารถแข่งกับแบงค์ต่าง ๆ

 

การบริหารในยุค AEC โดย คุณพูลสวัสดิ์ เผ่าประพัฒน์

          องค์กรไหนที่ไม่ทำนวัตกรรมอาจจะอยู่ยากขึ้นเพราะในวันนี้ทุกประเทศคุยแต่เรื่องนี้ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเฉพาะสินค้าแต่มีวิวัฒนาการใหม่ ๆ ตลอดเวลาพฤกษา เรียลเอสเตทเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่สมัยต้มยำกุ้ง ปัจจุบันเป็นอันดับ 1 ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชน 60,000 ล้านบาท แม้แต่บริษัทชั้นนำในอเมริกา อายุสั้นลง ในอดีตเฉลี่ยอายุในองค์กร 67 ปี ปัจจุบันเหลือแค่ 1.5 ปี ที่เป็นเหตุนี้เกิดอะไรขึ้น อย่างในบ้านเราอายุบริษั่ทสั้นลงเป็นเพราะอะไร

 

          Sustainable Organization  ปัจจัยที่ทำให้องค์กรอายุยืน

                   1. พัฒนาบุคลากร         2. พัฒนาสินค้า

                   3. พัฒนาเทคโนโลยี       4. ผลกระกอบการดี

          เรื่องแรกที่ต้องทำในธุรกิจ Input Process Output หมายถึง ยอดขายหรือกำไรขึ้นลง สาเหตุที่เปลี่ยนไปเพราะอะไร Input เปลี่ยน ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยน ตลาดที่เคยเป็นของเราเป็นตลอดหรือไม่ เพราะมีคู่แข่งรายใหม่เกิด เทคโนโลยีเปลี่ยน กระทบหรือไม่ หลายอย่างสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาจะเกิดผลทันที ดังนั้นสิ่งที่เราสามารถบริหารจัดการได้คือ Process

          การมอง Input และ Output การบริหารจัดการที่เป็น Process จะทำอย่างไร สิ่งสำคัญคือคนของเราพร้อมที่จะปรับ พร้อมที่จะเปลี่ยน ถ้าเราไม่เปลี่ยนไม่ปรับแสดงว่าทุกอย่างเป็นตามยถากรรม

 

          องค์กรมี 2 แบบคือ องค์กรที่เรียนรู้ และไม่เรียนรู้

          A : องค์กรที่ไม่เรียนรู้จะมีของเสียมาก เหมือนปลาตู้ เบื่องาน ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ต่างคนต่างทำ

          B : องค์กรที่เรียนรู้คือองค์กรที่ปรับตัวเร็ว ทำงานเป็นทีม ประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น การถ่ายทอด

          องค์กรที่เรียนรู้คือจะรู้ที่มาและรู้ Process สามารถตอบคำถามได้ ทำงานอย่างรู้เหตุ รู้ผล แล้วคนจะ Smart คือจะเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ ทำให้องค์กรเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

          องค์กรที่ไม่เรียนรู้ คือไม่รู้ว่ามาอย่างไร รู้แค่ผลลัพธ์ที่เกิดแล้ว ไม่สามารถตอบได้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร รู้เฉพาะที่งานที่รับผิดชอบ

          เมื่อรู้เป้าหมายแล้วเราจะรู้ว่าจะจัดการสิ่งใดก่อน  สิ่งเหล่านี้หมายถึงถ้าเราเป็นนักเรียนประเทศเรียนรู้ เราจะต้องมีข้อมูล และต้องคุ้มค่า ทำให้เราเห็นการจัดการที่ง่ายขึ้น ไม่ใช่หลับตาเดิน

          องค์กรส่วนใหญ่จะรู้ว่ากระบวนการที่นำไปสู่การที่ลูกค้า Happy หรือไม่ มีกระบวนการสำรวจความพึงพอใจ แต่เราจะใช้สำรวจแบบไหน เช่นร้าน 7-eleven ในญี่ปุ่นใช้ผู้จัดการร้านสังเกต ถ้าดูแลลูกค้าดีจะดีทุกหย่อมหญ้า แต่ถ้าใช้วิธีการเทข้อมูล จะใช้เวลานาน  เช่นการจะรู้ว่าบรรยายดี ไปจ้างบริษัทมาทำสำรวจ หรือดูจากแบบประเมินจะเชื่อได้หรือไม่ แต่ที่ใช้คือการสังเกต ยกตัวอย่าง Steve Job กล่าวถึงการออกแบบโทรศัพท์ มองความต้องการลูกค้าว่าอยากได้อะไร

          การขายสินค้าราคาแพงสามารถขายได้อย่างไร อยู่ที่กระบวนการที่สามารถขายของได้ในราคาแพง เช่น หลุยส์วิตตอง นาฬิกา

          ถ้าอยากให้บ้านการเคหะฯ ขายแพงขึ้นจะทำอย่างไร กระบวนการสร้างแบรนด์ของการเคหะฯ ทำอย่างไร แบรนด์อาจเกิดจาก Value ที่ลูกค้ายอมรับในของดี ราคาถูก เช่น นกแอร์ หรือแอร์เอเชีย  แต่ละคนจะมีจุดยืนของตัวเอง แต่โดยส่วนใหญ่สุดยอดของแบรนด์คือขายแพงแล้วขายได้ และจะทำให้แบรนด์มี Value สูง แบรนด์เติบโตเร็ว และขายดีทำอย่างไร

          - ลดต้นทุน กำไรมากขึ้น ถ้าอยากให้ยอดขายโต และกระบวนการโต

          - สร้างความแตกต่างทางนวัตกรรม ความสำคัญของนวัตกรรม ประเด็นอยู่ที่เราไม่โปรโมท ซึ่งถ้าทำดี ๆ จะมีเวทีเกิดขึ้นจำนวนมาก เอาจุดแข็งของหลายหน่วยงานมารวมกัน ยกตัวอย่าง บริษัท Impossible Burger คิดนวัตกรรมผลิตเบอร์เกอร์ที่ไม่ทำจากเนื้อสัตว์ ได้พัฒนา รส สี กลิ่น แต่ประเด็นคือจะทำให้คนเชื่อ Convince ได้อย่างไร ถ้าจะทำแพงต้องขาย Ron Mark

          กรณีการสร้างบ้านแบบ Knock down ที่มีความรวดเร็วมากที่ตะวันออกกลาง  เราใช้เวลาสร้างบ้านกี่วันในการทำบ้าน 1 หลัง พฤกษาใช้ 45 วัน คอนโด 30 ชั้นใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี แต่ที่จีนสร้างคอนโด 30 ชั้นได้ประกอบคอนโดได้ภายใน 15 วัน (มีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างเรียบร้อยแล้ว)  ที่มีการออกแบบและ test แผ่นดินไหวแล้ว Innovation ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องของเรา

 

          การนำเสนอสินค้าและบริการ

                   1. ตอบความต้องการเขา ขายได้

                   2. ตอบความต้องการเขาไม่ได้จะทำให้ของเหลือ และลูกค้าจะบ่นว่าสิ่งที่อยากได้ทำไมไม่ทำ ที่ทำมาไม่อยากได้ ประเด็นคือเราพร้อมจะเปลี่ยนหรือยัง  ถ้าเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าจะมีนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้า แต่ถ้าไม่ตอบโจทย์ลูกค้าจะเรียกว่านักประดิษฐ์แล้วอาจขายไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนความคิดให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เรากลับไปหาลูกค้าแล้วจะได้ลูกค้า นวัตกรรมคือการเปลี่ยนความคิด ยกตัวอย่างคอนโดที่จีน ทุกอย่างถูกวางไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว สามารถใช้เวลาได้ภายใน 15วัน

          Unicorn Start up Company อาทิ  

          1. Grab Taxi เป็น Unicorn  หมายถึง Start up ที่มีการระดมทุน 1,000 ล้านเหรียญ หรือ 35,000 ล้านบาท

          2. เทรเวลโลก้า ก็คือ Unicorn ที่เป็นมูลค่าเช่นเดียวกัน

          3. Uber เป็นลักษณะของผู้โดยสารที่อยากไปไหน เช่นถ้ามีรถจะไปจุดหนึ่ง แล้วเอาผู้โดยสารมาแชร์คอร์สจะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ Uber ไทยคือการเรียกรถว่าจะไปไหน

          กรณี 2 ตัวอย่างนี้บอกว่าเราอยู่เฉย ๆ ไม่ได้

          4. Ant Finance เบื้องหลังคือบริษัทของ Jack Ma ปล่อยเงินกู้ผ่าน Ali Pay ซึ่งจะ Link กับ Bitcoin ต่าง ๆ ในขณะที่ทำเรื่องนี้ เขาได้บอกว่าทำ CSR ให้กับโลกใบนี้ได้เท่าไหร่ด้วย  ล่าสุดฮ่องกง กับเขาจับมือกัน  และได้ข่าวว่าจับมือกับ CP

          สรุปคือ เรามีสิ่งที่เราไม่รู้เยอะมาก และเกี่ยวกับตัวบุคคลด้วยเอาข้อร้องเรียนของลูกค้ามาทำให้เป็นประโยชน์

          5. DJI เป็นบริษัทของจีน ขาย Drone ไปทั่วโลก สามารถทำให้สิ่งที่เป็นของเล่นกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต  มีบริษัทหนึ่งทำหนังสือออนไลน์ที่รวบรวมเกี่ยวกับ Start up อยู่ใน Inc. มีเรื่องใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกทุกวัน และถ้าใครต้องการข้อมูลเชิงลึก สมัครเป็นสมาชิก บริษัทจะได้รายได้จากค่าสมาชิก

          6. Airbnb คือการสร้างรายได้จากห้องว่างของคุณ มีคนนำมาเขียน Platform เป็นหนังสือให้คนไทยสามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้

 

          TQA/SEPA

          กระบวนการที่สำคัญมีกระบวนการสำคัญอะไรบ้างที่ทำด้านนี้ เคยมีการให้ comment ว่าเป็นการประเมินกระบวนการ จะทำให้เป็นการเรียนแบบประเภท B ไม่ใช่แบบ A คือ ไม่รู้เหตุรู้ผลแต่ละ Checklist มีคำถามที่สำคัญ แล้วมาประเมินแต่ละหัวข้อ แต่ละองค์กรจะไม่เหมือนกัน จะทำให้รู้ว่าปัญหาของเขาที่เป็นอย่างนี้ กระบวนการไหนดีแล้ว กระบวนการไหนที่ยังไม่ได้ทำ มีการจำลององค์กรว่าให้ทุกคนอยู่ในองค์กรเห็นภาพรวมแล้วมาช่วยกันดู ซึ่งการประเมินที่ได้ออกมาจะนำไปสู่คะแนน และจะบอกคะแนนนักเรียนที่เรียนรู้ได้เร็วจะรู้จากผล ยกตัวอย่างเช่นสิงคโปร์จะดูที่หมวด 7 ก่อน คือเน้นที่เรื่องคน และจะทำให้เราทำงานให้ง่ายขึ้น ผลลัพธ์กับกระบวนการจะต้องเชื่อมกัน วิธีการควบคุมให้ได้ผลลัพธ์ไม่ใช่วิธีการให้ได้กระบวนการ

          โปรเจคปรับปรุง SEPA ย้อนศร โอกาสในการปรับปรุงองค์กร

          TQA / SEPA เรื่องที่สำคัญมี 6-7 เรื่องเท่านั้น ทำแต่ละเรื่องให้ชัดเจนให้เป็นสีเขียวและผลลัพธ์จะดีเอง 

          1. การนำองค์กร                 2. แผนกลยุทธ์          3. ลูกค้าและตลาด              

          4. การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้   5. ทรัพยากรบุคคล    6. กระบวนการทำงาน

          7. ผลลัพธ์

                   ความสำคัญของวิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร ตัวอย่าง Google วิสัยทัศน์ว่า “จัดระเบียบ ข้อมูลของโลก และทำให้มันเป็นสากล สามารถเข้าถึงได้และมีประโยชน์”

                    - มองคนในโลกเป็นลูกค้า

                     Apple ของ Steve Job วิสัยทัศน์ว่า “นำประสบการณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ดีที่สุดไปสู่นักเรียน นักศึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริโภคทั่วโลก โดยการนำเสนอนวัตกรรม ของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โปรแกรม และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

                    Apple ของ Steve Job – เอาอุปกรณ์มาหาข้อมูลให้คนใช้มากขึ้น นวัตกรรมคือ Software ที่สามารถทำสิ่งที่คาดไม่ถึง มีอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้นขายให้คนทั้งโลกใช้ ทำน้อยแต่ได้ผลเยอะ นำอุปกรณ์มาประยุกต์ในแต่ละพื้นที่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีการติดตามผลลัพธ์ ถ้าดูจากกราฟเราจะเห็นอะไรเป็นดาวเด่นใน Apple คือ I-Phone สร้างประโยชน์ให้ธุรกิจเกือบ 50% ดังนั้นการดูผลลัพธ์สำคัญ

                    I-Pad ประสบความสำเร็จน้อยเพราะว่าเจอ Sumsung  ความสำเร็จเบื้องหลังคือ Software

          ตัวอย่าง-วิสัยทัศน์

          1. เราคือครัวของโลก     2. เราคือธุรกิจตัวแทนของความรัก

          3. เราคือธุรกิจที่ช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดี   4. เราให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน

          เราต้องจับให้ได้ว่าธุรกิจเราจะมีแนวร่วมอะไร หมายถึง เราจะมีแนวร่วมเยอะ

ตัวอย่าง CPAll  

          วิสัยทัศน์ “เราให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน”

          พันธกิจ “มุ่งสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยสินค้าและบริการที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้งสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับชุมชนและสังคม”

          ปรัชญาองค์กร “เราปรารถนารอยยิ้มจากลูกค้า ด้วยทีมงานที่มีความสุข”

CPAll Innovation Center

          วิสัยทัศน์ “เราคือสะพานเชื่อมนวัตกรรมไปสู่ตลาด”

          วิสัยทัศน์ “การเคหะแห่งชาติเป็นองค์กรหลักด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชนและเมืองเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย”

เราต้องปรับปรุงสิ่งใหม่ให้ดีกว่าเดิม เมื่อโยนนวัตกรรมไป คือไม่ทำไม่ได้ ต้องสร้างให้อยู่ที่ DNA และเป็นภาพใหญ่ เพราะจากวิสัยทัศน์นึกไม่ออกว่านวัตกรรมคืออะไร ถ้าปลายทางไม่ทำ Innovation จะยั่งยืนได้อย่างไร ทุกสิ่งในหลายอาชีพจะถูกแทรกด้วยนวัตกรรม AI มาทำในหลายอาชีพ และคนจะอยู่ได้อย่างไร ยกตัวอย่างหมากล้อม AI ชนะคนแล้ว เพราะ AI แพ้คนเป็นล้าน ๆ ครั้ง แล้วเขาได้เติมเต็มประสบการณ์หมายถึงแพ้จนไม่มีสิ่งที่จะแพ้อีกแล้ว AI เลยชนะคน คาดว่าในอนาคต คนเหล็กมาแน่นอน เราสามารถทำให้นวัตกรรมเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ คือเอางานมาปรับปรุงจะเกิดสิ่งใหม่

          การเป็น Smart City ต้องมีการบูรณาการกับหลายหน่วยงาน อาทิ Public Transportation, IT Connectivity , Water, Power Supply, Sanitation, Solid Waste Management, Urban Mobility, E-Governance, Citizen Participation ยกตัวอย่างบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ แนวคิดประเทศไทย 4.0

          แต่ก่อนขายวัตถุดิบ กำไรไม่ได้อยู่ที่เรา ต่อมารับจ้างผลิต เน้นต้นทุนต่ำ มาที่ยุคนวัตกรรม เน้นรายได้ ในมีค.ศ. 1960 รายได้คนสิงคโปร์เป็น 4 เท่าของคนไทย ปีค.ศ. 1990 รายได้คนสิงคโปร์ 8 เท่าของคนไทย ปีค.ศ. 2014 รายได้คนสิงคโปร์เป็น 10 เท่าของคนไทย   ความจริงแล้วรายได้ของคนไทยก็เพิ่มขึ้น แต่เราก็ไปทำให้คนประเทศอื่นรวยกว่า สิ่งที่อยากเปลี่ยนคือสินค้าของไทยคือที่เน้นต้นทุนต่ำอาจไปไม่รอด ปรับสู่สินค้าที่เน้นมูลค่าเพิ่ม

          ยกตัวอย่าง เราจะทำเสื้ออะไรที่ขายแพงกว่า Nike ได้ เราต้องคิดนวัตกรรมให้กับเสื้อตัวนี้ เราถึงขายได้ดีกว่า Nike แต่ต้องขายให้ถูกกลุ่มลูกค้าได้

          4.0 คือทำอะไรที่แตกต่าง มีมูลค่า และขายให้ได้แพงกว่า ยกตัวอย่างกระดาษชานอ้อยคือ ผู้บริโภคไม่ต้องได้อันตรายจากสารพิษ และสามารถย่อยสลายลงดินได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

Solar City :Tesla  เป้าหมายในการติดตั้ง Solar Cells บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าผลิตไม่ทัน ก็ผลิต Solar Cell ฝังโซล่าเซลล์ไปในหลังคากระจก

          วิสัยทัศน์เปลี่ยนเป็น Energy Company บ้านทุกบ้านผลิตไฟ สถานีรถไฟฟ้า ในไทย ปตท. เริ่มทำแล้ว

 

          แนวทางในการสร้างสรรค์นวัตกรรม

          นวัตกรรม = ความต้องการของตลาดและลูกค้า + ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ + เทคโนโลยี

Product Innovation   : คิดเรื่องสินค้าที่ลูกค้าต้องการ

          1. สินค้าที่ลูกค้าถามหา แต่เราไม่มีขาย

          2. สินค้าที่เราขาย แต่ลูกค้าไม่รู้

          3. สินค้าที่ขายดีในต่างประเทศ แต่เรายังไม่เคยขาย

          4. สินค้าที่ขายไปแล้ว ลูกค้ายังไม่พอใจ

          5. สินค้าที่เกิดปัญหากับลูกค้าบ่อย ๆ

Service Innovation   : คิดเรื่องความสะดวกของลูกค้า

          1. บริการที่ลูกค้าถามหา แต่เราไม่มี

          2. บริการที่มี แต่ลูกค้าไม่ค่อยได้ใช้

          3. บริการที่ลูกค้าต้องรอนาน

          4. บริการที่ทำไปแล้ว แต่ลูกค้ายังไม่พึงพอใจ

          5. บริการที่เกิดปัญหากับลูกค้าบ่อย ๆ

Process Innovation   : คิดเรื่อง  QCD

          1. ทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น

          2. ทำให้ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายลดลง

          3. ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น

          4. ทำให้การส่งมอบสินค้าและบริการดีขึ้น

          5. ทำให้ประสิทธิผลของการทำงานดีขึ้น

Business Model Innovation   : คิดเรื่องโอกาส กลยุทธ์ขององค์กรและความสามารถในการแข่งขัน

          1. การขยายงานแบบแนวนอน

          2. การขยายงานแบบแนวตั้ง

          3. การร่วมทุน

          4. การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

อาทิ True + Counter Service = Online no bill

Business Model Innovation

          - การประปา + Counter Service = ประปาหน้าปากซอย

          - กรมสรรพสามิต + Counter Service = จ่ายภาษีได้ 24 ชั่วโมง

          - โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา +  Counter Service = ???

          - การเคหะแห่งชาติ + CPALL = ???

 

          AEC กับการเคหะฯ

          เสาหลักมี 3 ประการทุกประเทศต้องทำร่วมกันหมด

          เสาเศรษฐกิจ การเงินการลงทุน

          1.เพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 สภาพเศรษฐกิจดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ต้องทำ

          2. โครงการนวัตกรรมที่จะทำอะไรให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ถ้ากฎระเบียบไม่เอื้อในเรื่องพิเศษ จะทำอย่างไรได้หรือไม่ เช่นมีโครงการต่าง ๆ ทำอย่างไรให้เพิ่มรายได้ให้กับคนในองค์กร ถ้าติดเรื่องกฎระเบียบอาจไปมองในเรื่องหารางวัลที่มาเสริมแรงเรา

          3. คนใน AEC หรือ CLMV บริษัทหาคนไปสอนแล้วสามารถไปพัฒนาคนได้หรือไม่ การเพิ่มการฝึกอบรม การเคหะฯ มีดาวเด่นด้านไหน

          4. สร้างรายได้จากที่พักของท่าน ที่พักของคนการเคหะฯ จะสร้างรายได้เสริมได้อย่างไร

 

          เสาสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม

          1. บ้านกตัญญู (สังคมผู้สูงอายุ)

          2. บ้านทันสมัย ใช้พื้นที่คุ้มค่า จิ๋วแต่แจ๋ว (Minimall)

          3. บ้านอนุรักษ์พลังงาน

          เสาการเมืองความมั่นคง

          1. การเคหะคือเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในประเทศ

          2. เป็นเครื่องมือการทูตระหว่างประเทศได้หรือไม่ อาทิ CLMV (การเคหะมีความเชี่ยวชาญมากกว่าประเทศใน CLMV หรือไม่ อย่างไร

          วิสัยทัศน์

          ครัวของโลก – พื้นที่ที่ปลูกเราทำอะไรได้บ้าง

          ตัวแทนของความรักและความสัมพันธ์ – พาคนออกไปต่างประเทศได้โดยไม่ควักเงินตัวเอง

          สุขภาพที่ดี (ทั้งกายและใจ) สังคม

          สิ่งแวดล้อม- อยู่ในยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0

          ให้บริการความสะดวกกับทุกองค์กร- มี Application ใหม่ ๆ

          นวัตกรรม

          1. สิ่งใหม่เอี่ยม คิดใหม่ ทำใหม่ เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

          2. นำของเก่ามาปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ใหม่  แต่จะเป็นนวัตกรรมได้ ต้องได้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ และสังคมหรือทั้งสองอย่าง

 

วันที่ 5 มีนาคม 2561

การบริหารทุนมนุษย์เชิงกลยุทธ์ (1) โดย ดร.ทายาท ศรีปลั่ง ดร.เกริกเกียรติ  ศรีเสริมโภค

หลักการและวิธีการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร

          แนวคิดที่ 1  Leadership Pipeline

          การเป็นผู้บริหารไม่จำเป็นต้องเรียนมาตั้งแต่ต้น Six-Passage Model ถูกพัฒนาขึ้นโดย Ram Charan, Stephen J.Drotter และ James Noel (Jossey-Bass,2001) แบบจำลองระบุถึงการสร้างการพัฒนาและการรักษาไว้ซึ่งทักษะความสามารถเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้นำภายในองค์กร แบบจำลองนี้ทำให้เข้าใจถึงทักษะภาวะผู้นำ ที่ต้องการในองค์กรในแต่ละเส้นทางของแบบจำลองนี้ จะเป็นการแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในการเติบโต ก้าวหน้าของการเป็นผู้นำ

          - เราอยู่ถนนสายไหน  คนเรามี 6 เส้นทาง เราไม่จำเป็นต้องขึ้นไปสู่ถนนสายที่สูงที่สุด

1. การเริ่มทำงานครั้งแรกจะดูแลงานที่รับผิดชอบที่ได้รับ

          - เรียนรู้งาน ทำงานที่นายสั่ง และเมื่อ 2-3 ปีจะเริ่มคล่องแคล่ว ปีที่ 3 ถ้าหลายคนคล่องแล้วมีแววสอนคนได้ ก็จะขึ้นมาเป็นถนนสายที่ 2 คือ ต้องมีการดูแลคนอื่น บริหารจัดการ Deligate งาน โค้ชงาน

          ถนนสายที่ 1 ปีที่ 1 เรียนรู้งาน

          ถนนสายที่ 2 ปีที่ 2 แสดงผลงาน

          ถนนสายที่ 3 ปีที่ 3 เชี่ยวชาญ ถ่ายทอดงาน

          ถนนสายที่ 4 ปีที่ 4 เปลี่ยนงาน เรียนรู้ใหม่

          ถนนสายที่ 1 ถ้ามีตำแหน่งว่าง อาจเข้าสู่ถนนสายที่ 2 ยังไม่มีลูกน้อง แต่เมื่อโตขึ้นจะเข้าอยู่ถนนสายที่ 3 มีลูกน้อง ต้องบริหารงบประมาณ ทำBudget การใช้เกี่ยวกับเงิน  หลังจากนั้นสู่สายที่ 4 ต้องมองวิสัยทัศน์

          สรุปถนนแต่ละเส้น ถ้าเรามีทักษะ ความรู้ และทัศนคติที่ดีก่อนล่วงหน้า เราจะเตรียมพร้อมได้ดีกับตำแหน่ง ถ้าในบริษัทที่เคี่ยวมาก ๆ จะจัดคอร์สอบรมโดยการฝึกปฏิบัติในงานจนเป็น

                    1. Pre คือการอบรม 100 วันก่อนดำรงตำแหน่ง (เรียนรู้งานล่วงหน้าก่อนจะไปตำแหน่งใหม่)

                    2. Post คือผลงานที่ทำหลังจากดำรงตำแหน่ง 100 วัน (วางผลงาน 30 วัน 90 วัน 100 วัน)

          ถนนสายที่ 6 จะดูทั้งองค์กร อย่างคนที่ Rotate ไปหลายหน่วยงาน เป็นคนที่รู้ทั้งงานและคน เกิดความคุ้นเคยกัน

          การ Rotate แต่เด็กจะช่วยทำให้เรารู้ทั้งงานและคน

          ทางจิตวิทยาเอริสันพูดว่า เมื่ออายุ 45 ปี แล้วยังมีประเด็นกับอาชีพตัวเอง จะไม่มีความสุข คนที่มีความสุขความไม่สำเร็จในงานให้วางได้แล้ว มุ่งสู่การสร้างผลงาน และอภัยคน

          IDP สร้างให้เราเก่ง แต่ IDP แต่ละขั้นมีกิจกรรมไปสร้างองค์กรอย่างไร เพราะการพัฒนาเน้นว่า ยิ่งโตเราต้องไปช่วยคนอื่นในเชิงจิตวิทยาจะได้รู้จักนิสัยคน เป็นการพัฒนาเพื่ออยู่กับคนและช่วยเหลือองค์กร เมื่อเราโตขึ้นเราจะเริ่มพัฒนาตนเอง และพัฒนาคนอื่นด้วย

          ยิ่งโตมากขึ้นจะฟังคนมากขึ้น และฟังอย่างเข้าใจหรือฟังไม่เป็นคือไม่เข้าใจคนอื่น ถ้าพัฒนา IDPแบบ Self Centric จะทำให้เกิด Ego มากขึ้น

          การโตจะทำให้เราเรียนรู้มากขึ้น อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น สรุปคือ1.พัฒนาตนเอง 2. พัฒนาคนอื่น และ 3. พัฒนานอกองค์กร

          การพัฒนา IDP ให้เอางานมาพัฒนาด้วย

          - ผลงานที่ Process ที่ดีขึ้น ก็ฝากไว้สำหรับองค์กรเลย

          - มี Cross Functional Project เกิดปัญหาหรือกรณีที่ติดขัด ต้นเหตุเกิดจากอีกหน่วยงานหนึ่ง เน้นการมีโครงการร่วมกัน ปรับปรุงและขจัดปัญหาเดิมร่วมกัน จะช่วยทำให้รู้จักองค์กรอื่น และรู้ว่าภาคประชาชนต้องการอะไร

          - เสร็จจะ IDP จะทำให้องค์กรดีขึ้น และผู้รับบริการดีขึ้นด้วย

          แนวคิดที่ 2 9 Box -เกณฑ์การพิจารณาการเวียนงานหรือเลื่อนตำแหน่ง

          การพัฒนาพนักงานเพื่อให้เป็นพนักงานที่มีความเก่ง (Talent) เพื่อที่จะให้พนักงานกลุ่มนี้สร้างอนาคตให้กับบริษัทต่อไป มีเครื่องมืออยู่หลายตัวที่จะเป็นตัวช่วยในการประเมินและหาคนเก่งในองค์กร ตัวหนึ่งที่ผมชอบมาก และก็ใช้อยู่ในบริษัทปัจจุบันด้วยก็คือ เครื่องมือที่เรียกกว่า 9 Box

          เครื่องมือที่เรียกว่า 9 Box ประกอบไปด้วย 9 ช่องของคุณลักษณะพนักงานซึ่งประกอบไปด้วย 2 แกน แกนแรกก็คือเรื่องของผลงาน (Performance) แกนที่สองก็คือ เรื่องของศักยภาพ (Potential)

          วิธีการใช้งาน เนื่องจากในแต่ละด้านของปัจจัยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ

                   - ด้านผลงาน จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ยังต้องพัฒนา (Needs Improvement) ถัดไปก็คือ ผลงานได้ตามที่คาดหวัง (Meets Expectation) และดีที่สุดคือ ผลงานได้เกินกว่าที่คาดหวัง (Exceeds Expectation)

                   - ด้านศักยภาพ ก็แบ่งออกเป็น 3 ระดับเช่นกัน คือ ศักยภาพสูง (High) ถัดมาก็คือ เติบโตได้ (Growth) และสุดท้ายก็คือ มีศักยภาพที่จำกัด (Limited)

ในแต่ละละช่องก็จะมีลักษณะของพนักงานว่าถ้าประเมินแล้วตกอยู่ในช่องนี้จะเป็นอย่างไร และจะต้องดำเนินการพัฒนาอย่างไร

          High Performance, High Potential เป็นช่องของพนักงานที่เรียกว่าเป็นดาวเด่นที่สุดขององค์กรก็คือ ศักยภาพในการทำงานสูงมาก อีกทั้งผลงานที่แสดงออก ก็สูงกว่าเป้าหมาย หรือมาตรฐานตลอดเวลา (เน้นนะครับว่าตลอดเวลา ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดี) ใครที่ตกอยู่ในช่องนี้ เรียกได้ว่าเราจะต้องรักษาพนักงานคนนั้นไว้อย่างดี เพราะนี่คือคนที่จะนำพาบริษัทไปสู่อนาคตที่สดใสได้อย่างแน่นอน วิธีที่จะพัฒนาพนักงานในช่องนี้ต่อก็คือ พยายามทำให้เขาเรียนรู้งานหลายๆ ด้านมากขึ้น จากหน่วยงานต่างๆ โดยใช้วิธีการหมุนเวียน โอนย้ายงาน เพื่อให้เขาเรียนรู้งานได้มากขึ้น คนๆ นี้ไม่นานจะสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ขององค์กรได้อย่างไม่ยาก

          High Performance, Moderate Potential ในช่องนี้ก็เป็นอีกช่องที่ยังคงอยู่ในกลุ่ม Talent เช่นกัน เพียงแต่จะมีศักภาพที่สู้คนกลุ่มแรกไม่ได้ แต่ผลงานนั้นเกินเป้าหมายมาตลอดเช่นกัน การพัฒนาพนักงานใช่ช่องนี้จะคล้ายๆ กับกลุ่มแรกครับ ก็คือ สร้างศักยภาพให้สูงขึ้น โดยเน้นไปที่การทำความเข้าใจงานอื่นๆในองค์กร และเน้นไปที่เรื่องของพัฒนาการมีวิสัยทัศน์ เพื่อที่จะสามารถนำพาองค์กรไปสู่อนาคตได้

          Average Performance, High Potential กลุ่มที่ 3 นี้ก็จะเป็นอีกกลุ่มที่ถือว่าเป็น Talent อีกเช่นกัน เพียงแต่ผลงานอาจจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานมาตลอด แต่ศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดนั้นมีสูงมาก การพัฒนาคนที่อยู่ในช่องนี้มักจะเน้นไปที่การหา Gap ทางด้านพฤติกรรมที่มีผลต่อผลงาน เพื่อที่จะให้เขาสามารถสร้างผลงานที่ดีขึ้นไปอีกนั่นเอง

          Average Performance, Average Potential คนกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่ทำงานได้มาตรฐาน และศักยภาพก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร จริงๆ แล้วคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่เป็นกลุ่มหลักขององค์กรเลยทีเดียวครับ เรียกได้ว่า  ถ้าองค์กรมีคนในช่องนี้สัก 60-70% องค์กรก็สามารถไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอนทุกปี เพียงแต่จะพัฒนาไปสู่อนาคตยากสักหน่อย เพราะพนักงานกลุ่มนี้ยังขาดศักยภาพ และขาดพฤติกรรมบางอย่างในการสร้างผลงานในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานได้

          4 กลุ่มข้างต้นนั้นถือได้ว่าเป็นพนักงานที่อยู่ในเกณฑ์ผลงานดี ถึง ดีมาก ซึ่งถ้าองค์กรใดมีพนักงานตกอยู่ใน 4 ช่องนี้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ผลงานขององค์กรจะพุ่งอย่างรวดเร็วมาก เพราะองค์กรนั้นมีพนักงานฝีมือดีเยอะ แถมยังมีศักยภาพที่สูงอีกด้วย ส่วนใน 5 ช่องที่เหลือนั้น ก็ถือว่าเป็นกลุ่มพนักงานที่จะต้องถูกพัฒนาอย่างแรง

          High performance, low potential กลุ่มนี้เป็นพนักงานที่สั่งงานอะไรก็มักจะได้เกินเป้า และทำงานได้ดีกว่าเป้าหมายเสมอ แต่ยังฝากผีฝากไข้ไม่ได้เท่าไหร่ เพราะขาดศักยภาพอย่างแรง (ในทางปฏิบัติอาจจะไม่ค่อยเจอนะครับ เพราะใครที่ทำผลงานได้ดีสุดๆ แต่ศักยภาพต่ำสุดๆ นั้นมันขัดๆ กันอยู่พิกล) ถ้าจะมีก็น่าจะเป็นพนักงานที่ทำงานประจำเข้านานๆ จนรู้วิธีการทำงานอย่างดีมากๆ แต่ไม่สามารถที่จะพัฒนาวิธีการทำงานของตนให้ดีขึ้นได้อีกในอนาคต พนักงานแบบนี้ต้องส่งให้เขาไปดูโลกภายนอกมากขึ้น ให้เห็นถึงความก้าวหน้า และความเป็นไปได้ต่างๆ เพื่อที่จะสร้างศักยภาพของเขาให้สูงขึ้น

          Average performance, low potential กลุ่มนี้น่าจะ make sense หน่อย ก็คือ ผลงานอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย แต่ศักยภาพยังต่ำอยู่มาก แนวทางการพัฒนาก็คือ ต้องคอยให้ Feedback แก่พนักงานอยู่เสมอ และดันเขาในด้านของการคิดอะไรใหม่ๆ และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการทำงานด้วยตนเอง เพื่อเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพที่สูงขึ้น

          Low performance, High potential เป็นอีกช่องที่อาจจะมีในตาราง แต่ในชีวิตจริงอาจจะหายากสักหน่อย พนักงานที่ผลงานเข็นไม่ออก ให้ทำอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง แต่กลับมีศักยภาพที่สูงมากมาย แต่ถ้าเจอเข้าจริงๆ แปลว่า เรากำลังให้คนๆ นี้ทำงานที่เขาไม่ถนัดเลยนั่นเอง วิธีพัฒนาก็คือ หาจุดแข็งของเขาให้เจอ และมอบหมายงาน หรือโอนย้ายไปในงานที่เขาถนัดนั่นเองครับ เพื่อเป็นการสร้างผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม

          Low performance, Moderate potential คนกลุ่มนี้อาจจะมีมากขึ้นกว่ากลุ่มที่แล้ว แนวทางในการพัฒนาก็คล้ายๆ กับกลุ่มที่แล้วคืออาจจะวางเขาผิดที่ก็เป็นได้ ดังนั้นมองหาจุดแข็ง และความถนัดของเขา แล้วมอบหมายงานให้ตรงกับความถนัด

          Low performance, Low potential กลุ่มสุดท้าย ก็คือ ต่ำทั้งผลงาน ต่ำทั้งศักยภาพ ถ้าพนักงานคนไหนตกในช่องนี้จริงๆ ใน Model ให้ Replace ก็แปลง่ายๆ ว่า ให้เขาไปโตที่อื่น และหาคนที่เหมาะสมกว่าเข้ามาทดแทน เพราะถ้าใครตกในช่องนี้จริงๆ เราจะพัฒนาเขายากมาก ไม่ใช่พัฒนาไม่ได้ พัฒนาได้แต่ยากมาก การให้เขาไปโตที่องค์กรอื่นอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

          แนวคิดที่ 3 Mentoring คนที่เป็น Mentor ต้องมี Authority ที่สูง แต่อย่าให้เป็นแนวตั้งมากเกินไป ต้องมีการสลับด้วย

          แนวคิดที่ 4 Coaching มี 2 แบบ โค้ชชิ่งทั่วไปคือการสนทนาให้เราคลายเครียดและเกิดความไว้วางใจมีสติของตัวเอง ให้ตัวเองไม่มีความหวาดกลัว ภาวะที่เขามาหาเราเกิดจากภาวะติดขัดต้องสร้างให้เกิดความมั่นใจ 

          โค้ชชิ่งจะเป็นแนว Hope

                    1. Process Coach  คือการทวนให้รู้ปัญหาและ และหาคำตอบด้วยตัวเอง

                    2. Expert Coach จะมีความรู้ และเมื่อมีปัญหาจะบอกได้ หมายถึงต้องรู้ในสิ่งที่คุยกับเขาดี

          โค้ชต้องมองโค้ชชี่เป็นหลักแล้วให้เขาพัฒนาไปเรื่อย ๆ

          การคิด ผุดความคิดด้วยตัวเอง อาทิ Unconscious พวกระลึกได้เอง การคุยกันจนเกิดความน่าเชื่อถือ แล้วจะทำให้สารความคิดผุดได้

          แนวคิดที่ 5 Trust เป็นเรื่องความเชื่อมั่นปกติเราจะเชื่อมั่นใน 6 เรื่องคือ

                   1. Competence เก่ง  คือ จะเรียนรู้ในงานก่อน รู้งาน และรู้คนด้วย

                   2. Communicate openly ต้องพูดจาดี  มีปิยวาจา คือ 1.พูดจริง ไม่พูดเท็จ 2. ไม่พูดเพ้อเจ้อ ส่อเสียด (พูดอะไรต้องมีเหตุมีผล มีหลักการ) 3.พูดมีกาลเทศะ  4.พูดต้องก่อประโยชน์ (พูดเรื่องนี้พูดไปทำไมมีประโยชน์อะไร หรือสะใจ)

                   3. Consistency สม่ำเสมอ

                     - ต่อหน้าลับหลังให้ชมคน ติงาน  อย่าด่าคนเด็ดขาด

                     - ต่อหน้าลับหลังต้องชมคนอย่างเดียว เพราะคำพูดลับหลังจะกลับมาได้ดังกว่าเสมอ

                   4. Concern about others (Caring)

                   - คือการแคร์จิตใจคน ถามสารทุกข์สุขดิบ แคร์เรื่องงาน และชีวิตความเป็นอยู่ด้วย

                   5. Do what you say พูดอะไรต้องทำแบบนั้น รักษาคำพูดของตนเอง ทำที่ตนพูด

                   6. Credit ให้เครดิตลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน เพราะผลงานออกจากทีม  เราต้องสังเกตว่าคนทำอะไรเก่งไม่เก่งอะไร

 

          การบริหารเจ้านายและลูกน้องให้เครดิตเจ้านาย และลูกน้อง การบริหารคนรุ่นเก่ายากเพราะติด Comfort Zone และใช้อารมณ์ในการตัดสิน ผู้ใหญ่เมื่อทำงานไปถึงจุดหนึ่งเข้าไปอยู่ในช่วงสบายติด Comfort Zone ปัญหาคอรัปชั่นส่วนใหญ่เกิดตอนใกล้เกษียณคือจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน แต่ฝรั่งไม่ใช่ เพราะไม่ได้มองเรื่องมรดก 

 

ดร.เกริกเกียรติ  ศรีเสริมโภค

          Management in the Digital Age

          6. วิถีชีวิตคนเปลี่ยน

                    - Digital Native เป็นกลุ่มตั้งแต่เกิด – 29 ปี เป็นกลุ่มที่เกิดมากับเทคโนโลยีใช้ได้อย่างคล่องตัว

นำเทคโนโลยีมาปรับให้เกิดประโยชน์กับ Life Style คนรุ่นใหม่

                   - Digital Immigrant

 

          การพัฒนาคนจุดใหญ่เราหนีคุณค่าไม่พ้นคือ

          1. Diversity  2. Value Creation  3.Value Added

          *** สิ่งสำคัญคือการออกแบบกระบวนการคิด

          Business and HR Grid

                   1. กลับบ้านเก่า = คนไม่มีศักยภาพ เศรษฐกิจไม่ดี

                   2. กินบุญเก่า = คนมีศักยภาพไม่สูง เศรษฐกิจดี

                   3. ความยั่งยืน = คนมีศักยภาพสูง เศรษฐกิจโต

                   4. ??? = คนมีศักยภาพสูง แต่เศรษฐกิจไม่โต

 

การพัฒนาเพื่อสร้างให้องค์กรขับเคลื่อนแบบนวัตกรรมและเกิดความยั่งยืน

          1. ความรู้  2. ความคิด 3. จินตนาการ

 

กรณีศึกษา OEM : การรับจ้างผลิต วันหนึ่งเราต้องผันตัวเองเป็นการรับจ้างผลิตที่เติบโตมากกว่า เราจะ Transform อย่างไร The Stan Shift Smile Curve คุณค่าและมูลค่าจะสร้างได้อย่างไร OEM – ODM- OBM

          การวิ่งไปข้างหน้า ต้องมี Design , Brand , R&D  กลยุทธ์การพัฒนาคนต้องเริ่มเปลี่ยน เช่นคิดสูตรอะไรที่สามารถพัฒนาได้ และต้องสร้างแบรนด์ด้วย

          หลักคิดของการบริหารคนในธุรกิจ

                   1. ถ้าธุรกิจขยายตัวจะใช้คนเท่าเดิมหรือไม่ ลดคนหรือเพิ่มคน เช่นใช้คนเท่าเดิมแต่ใช้หลักการ       3 : 4 : 5 คือใช้คน 3 คน จ่ายเท่ากับ 4 คน แล้วให้ทำงานได้เท่ากับ 5 จะทำให้ทุกส่วน Win หมด แล้วมี Productivity เพิ่มขึ้น

                   2. ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าอะไรคือคุณค่าและมูลค่า วิธีคิดในการบริหารและพัฒนาคน Business Value จึงเป็นตัวตั้งที่สำคัญ

                   3. มูลค่าของสินทรัพย์ที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ สินทรัพย์ที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้คืออะไร ในวันนี้องค์กรต้องอยู่บนพื้นฐานสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้  ยกตัวอย่างองค์กรที่บริหารเรื่องคนได้ดีมากคือ ปตท. และ Apple ปตท.มีสินทรัพย์ 1.1ล้านล้านบาท Apple มีสินทรัพย์ 9แสนล้านบาท ROA ของ ปตท. ประมาณ 9% ROA ของ Apple  ประมาณ 172% สังเกตได้ว่าสินทรัพย์ทางปัญญาของ Apple เยอะมาก และเร็ว ๆ นี้จะสามารถเขียนแท็บเล็ตบนอากาศได้ วิธีคิดของการบริหารคนอยู่ที่ Intangible เป็นสำคัญ

          หลักคิดของการบริหารคน

                    1. ทำอย่างไรก็ตามต้องดีกว่าคู่แข่งเสมอ

                    2. ลืมสิ่งที่สำเร็จทั้งหมดและคิดสิ่งใหม่ ๆขึ้น

                    3. อย่าละเลยสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ

          หลักคิดไม่ใช่แค่รู้ เข้าใจ ประยุกต์ใช้ พัฒนา แต่สุดท้ายเราต้องการ Innovation แต่เราจะบริหารทุนมนุษย์อย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เราต้องสร้างให้เกิดใน DNA ในการพัฒนางานมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้าใจเรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ มากขึ้น

 

          Less is More Business Model เป็นเรื่องต้นทุนกับ Benefit  ถ้าต้องการให้องค์กรเป็น Less is More ต้องใช้ต้นทุนไม่สูงแต่ Business สูง ดังนั้น ธุรกิจเราจะขายอะไร ขาย Knowledge , Service , Information เป็นหลัก ดังนั้นถ้าอยากให้การเคหะฯ เติบโต การเคหะฯจะทำอย่างไร อาทิ ย้ายไปที่ Knowledge & Service & Information มากขึ้น

          กระบวนการบริหารธุรกิจแบบใหม่ต้องให้สอดรับกับ Mega Trend ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในอนาคตเราจะปรับตัวหรือมีความพร้อมอย่างไรในการบริหารทุนมนุษย์ 

          Intensive Knowledge Management องค์กรทุกองค์กรต้องเปลี่ยนแปลง มีผลกระทบต่อ

          1. Process และกระบวนการ

          2. ลูกค้า มีความเชื่อมั่นหรือไม่ โปร่งใสหรือไม่ สร้าง Trust อย่างไร

          3. ทุนที่จับต้องไม่ได้ อย่างทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา เราเตรียมพร้อมรองรับการแข่งขันหรือไม่ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น คือสิ่งที่ต้องสร้างให้คนเรามีความพร้อมต่อการแข่งขัน เพื่อสร้างให้เกิดคุณค่าต่อธุรกิจ ปรับตัวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ หมายถึงการปรับตัวขึ้นอยู่กับวิธีคิดและ Mindset ของคนที่ทำให้คนมองเชิงรุกมากขึ้น สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร คนมีความพร้อมยืดหยุ่นอยู่เสมอ

 

          HR Transformation Process เป้าหมายองค์กร Roadmap IDP KPI การบริหารคนในด้านต่าง ๆ  เป็นอย่างไรสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเป็นเครื่องมือ Transform  เช่น การลาออนไลน์จะทำอย่างไรให้เป็นดิจิทัลจริง ๆ

 

          มิติการบริหารคน การบริหารคนมีเรื่องการบริหารด้านศักยภาพเข้ามาด้วย  ในเชิงการพัฒนาคน ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่อง Put the right man in the right job  แต่ถ้าต้องการดูศักยภาพคน อาจลอง Put the wrong man in the wrong job แล้วอาจเห็น Potential ที่หัวหน้าเห็นหรือไม่ แล้วใช้คนถูกหรือไม่

          การประเมินต้องให้ลูกค้าประเมิน ไม่ใช่คนในองค์กรประเมิน คน-องค์กร-มูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ คนเน้นเรื่องทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเราทำให้เกิด Positive Attitude จะเกิดผลดีต่อองค์กร กระบวนการหาคนใหม่ ๆ ไม่ใช่ Skill หรือ Knowledge แต่เป็นการแคร์ที่วิธีคิดอย่างไรปรับบทบาทหน้าที่การบริหารคน

 

          คลื่นลูกที่ 1 ดั้งเดิม การบริหารคนจะเป็นส่วนที่ HR ทำเป็นหลัก

          คลื่นลูกที่ 2 หัวหน้างานต้องเกี่ยวข้องในการวางแผน สร้างแรงบันดาลใจ

          คลื่นลูกที่ 3 ยุคดิจิทัล ตัวพนักงานเป็นกลไกสำคัญ เพราะไม่ใช่หน้าที่ HR หรือ Line แต่ตัวพนักงานจะต้องวางแผนพัฒนาตนเองในการเรียนรู้และพัฒนา  เนื่องจากในยุคปัจจุบัน คนมีลักษณะวิธีคิดและวัฒนธรรมเปลี่ยน

          - ความเป็นปัจเจกสูง           

           - การตั้งคำถามในการมีส่วนร่วมในการทำงาน

          นำสู่การพัฒนาคนที่มีความแตกต่างกัน มีทั้งแบบ Classroom และ Non-Classroom ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือการเรียนรู้ด้วยตนเอง Self-Learning

          ยกตัวอย่าง คนในอเมริกา Search เรื่องความรู้ 70% ญี่ปุ่น 60% คนไทย 6% สิ่งที่คนไทย Search มากสุดคือเรื่องบันเทิง เรื่อง erotic 40%

      

          วิธีการทางจิตวิทยาที่คนคิดสร้างสรรค์ไม่เป็นสามารถสร้างสรรค์งานได้ด้วย คิดในเชิง Episode Future Thinking คือเริ่มต้น กลาง และสิ้นสุดได้ ในระยะหนึ่งสมองจะถูกพัฒนาให้มีวิสัยทัศน์ คิดริเริ่มได้ หรือ Mental Rehearsal คือการทวนสิ่งที่เราทำบ่อย ๆ จะทำให้เราบริหารและคาดการณ์ล่วงหน้าได้มากขึ้น เหตุการณ์ต้องเกิดแต่เราจะบริหารเหตุการณ์ให้ดีขึ้นอย่างไร เป็นการคิดแบบ Future Thinking ต้องเชื่อว่าศักยภาพคนสามารถพัฒนาได้ด้วย แต่เราอย่าคาดหวังมาก เพราะสิ่งที่ไม่ดีไม่เป็นตามคาดหวัง คนในปัจจุบันต้องเป็น Multiple Skill รุ่นเราหรือรุ่นน้องต้องคิดแบบนั้น เรื่องความรู้เป็นสิ่งสำคัญ ไอน์สไตล์พูดถึงการพัฒนาจินตนาการสู่ New Knowledge ปัญหาในสังคมมากเราต้องปรับตัว มี Value อยู่ได้ด้วยความสุข ต้องเชื่อว่าทุกอย่างพัฒนาได้ สมองก็จะงอกออกมาใหม่ด้วย

 

การบรรยายพิเศษ การเคหะแห่งชาติ กับการบริหารธุรกิจ โดย คุณกษิต ภิรมย์

          1. ความเป็นเลิศในหน้าที่การงาน ต้องตั้งใจทำงานและมุ่งมั่นในความเก่งของการทำงานมีความมุ่งมั่น ขยันหมั่นเพียรที่ต้องทำให้ดีที่สุด และสุดฝีมือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องทำให้ดีที่สุด

          2. ความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นทำอะไรที่ดีงาม ต่อตัวเองและประเทศชาติแล้วจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์     ที่คอยอุ้มชูเรา และไม่เคยคิดว่ามีประเด็นที่เราต้องฟันฝ่า ไม่เคยโกรธแค้นใครใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรที่เก็บไว้ในใจข้ามคืน อะไรที่แล้วไปแล้วก็แล้วไปแล้ว เลยไม่ตัดสินใจลงการเมือง คิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่ในวันนี้    จะสร้างพลเมืองไทย เลยอาสามูลนิธิควง อภัยวงศ์เป็นโรงเรียนการเมือง สร้างธรรมาภิบาล สร้างวัฒนธรรมการเมือง เพื่อสร้างคน โดยเริ่มที่สมาชิกพรรคก่อน แล้วขยายไปสู่สาธารณชน ต้องสร้างพลเมืองไทยที่เป็นพลเมืองมีความเข้มแข็งทางองค์ความรู้และทักษะ งานการทำได้ตามทุกช่วงอายุเหล่านี้ ต้องมีความมุ่งมั่น ทำอะไรเพื่อส่วนรวม แล้วผลพลอยได้จะตามมา

          3. ความคิดความอ่านที่ดีเป็นบ่อน้ำทิพย์ ทำอะไรที่ดีจะต่อไปได้เรื่อย ๆ เราสามารถทำอะไรอย่างสร้างสรรค์ได้  อยากให้พี่น้องชาวไทยทุกคนมีหลังคาคุมหัว ทำไม ไทยทำไม่ได้ แต่คนอื่นทำได้ ถือเป็นวาระแห่งชาติที่คนไทยทุกคนต้องมีหลังคา เมื่อรัฐมีหน้าที่สร้างบ้านให้คนอยู่ ต้องหาทุกวิถีทางที่ทำให้บ้าน คนมีบ้านสอดคล้องกับรายได้  งานการเคหะฯ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปัญหาของที่อยู่อาศัยที่กำลังพัฒนา     อยู่ นอกจากนั้นยังมีแรงงานต่างชาติ 6-8 ล้านคนก็ต้องมีที่อยู่อาศัยเพราะมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย

 

          การเชื่อมโยงกับอาเซียน

                   1. การขยายไปใน 30 จังหวัดชายแดน

                   2. ความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนไปในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างมาเลเซียก็มีกลุ่มผู้ลี้ภัยไปอาศัยอยู่

                    สิ่งที่จะฝากไว้กับคนในการเคหะฯ คือ Mindset จะมองว่าเป็นพนักงานในประเทศไทยไม่ได้แล้ว ต้องคิดว่าเป็นพนักงานของอาเซียนด้วย คือการคิดไปถึง 9 ประเทศในอาเซียน และเพราะเหตุใดถึงไม่ร่วมลงทุน

                   3. อุตสาหกรรมก่อสร้าง แหล่งผลิตที่สำคัญที่สุดคือประเทศไทย มีโรงงาน มี Supply Chain ที่ก้าวข้ามเขตแดน ไปเป็นกลุ่ม  เราต้องเริ่มคิดว่าจะไปหรือไม่ และถ้าไปโดด ๆ ไม่น่าได้

          - ไร้พรมแดน

          - ตลาดเดียว ครอบครัวเดียว

          - มีการรับรองคุณวุฒิ วิชาชีพ

          แรงงานยังไม่มีฐานแม่บทติดต่อกันในระดับ ขั้นตอนกระทรวงแรงงานควรให้มีกฎเกณฑ์อาเซียนกฎเกณฑ์เดียวเป็นอาเซียนพลัส ไม่ต้องใช้ Passport สามารถให้แรงงานทำงานได้อย่างเสรี และคาดว่าอาเซียนจะมีมาตรฐานกลาง

          โลกร้อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจพอเพียง การสร้างบ้านในอนาคตต้องประหยัดไฟ ลดอุณหภูมิของโลก ทุกอย่างต้อง Cycle ได้ และ Recycle ได้ ต้องไม่มีสารพิษตกค้าง พนักงานต้องรู้เรื่องเงื่อนไขของโลก  อาทิ มีหลอดประหยัดไฟ มี Solar Roof ทุกอย่างต้องเริ่มที่การเคหะฯ เพื่อ Set the trend

          ทำไมต้องมีอาเซียน

          ประเทศไทยตัดสินใจตั้งแต่สมัยจอมพลป.พิบูลสงครามว่าจะเป็นสมาชิกในโลกเสรี จึงไปเป็นสมาชิกองค์กรซีโต ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ได้รับการช่วยเหลือจากอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป ในการช่วยเหลือพัฒนาประเทศ แต่ไปโดด ๆ ไม่เพียงพอ จึงร่วมมือกับพันธมิตรคือมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และเกิดการร่วมมือกันต่อต้านโลกตะวันตก ด้านการเมืองร่วมมือกับสหรัฐ ด้านซีโต้ มีในกลุ่ม 5 ประเทศดังกล่าวข้างต้น

 

          เทคโนโลยีทางอากาศ นำสู่การใช้อินเทอร์เน็ต ไม่มีการกีดกันทางการเมือง โลกมีการเชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน “โลกาภิวัตน์” การเสริมสร้างความมั่นคง และก้าวหน้า มีการเชิญลาว กัมพูชา เวียดนามมาช่วยด้านการทหาร

          การอยู่รวมกันต่อต้านองค์กรลัทธิคอมมิวนิสต์ ก็จะหมดยุคสมัยแล้ว เลยเริ่มการเปลี่ยนจากสมาคม เป็นประชาคมอาเซียน มีกฎบัตรอาเซียนเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญของ 10 ประเทศที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ถ้าขัดแย้งต้องไปที่อนุญาโตเพื่อตัดสิน

          10 ปีที่ผ่านมานี้ ไทยเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีการผู้มัดสมาชิกระหว่าง 10 ประเทศ หัวใจคือการส่งเสริมความผาสุกประชาชน Human Center ไม่ใช่องค์กรของท่านผู้นำ องค์กรทหาร องค์กรราชการ แต่เป็นองค์กรของประชาคมอาเซียน 600 ล้านคน ที่ต้องคำนึงถึงความเป็นสังคมประชาธิปไตย ที่ส่งเสริมเสรีภาพ ตามกฎบัตรอาเซียนต้องเป็นสังคมเปิด

          1. ร่วมมือกันทางการเมืองระหว่างความมั่นคง

          2. ปัญหาการคุกคามต่าง ๆ อาทิ  ปัญหาทางเศรษฐกิจ และภัยพิบัติต่าง ๆ

          3. สังคม และวัฒนธรรม การชำระประวัติศาสตร์เพื่อสร้างความร่วมมือ

          การคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ และความอึด ทำให้สิงคโปร์ก้าวล้ำมา การประดิษฐ์คิดค้นอยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย ที่ต่างประเทศ แต่ไม่ได้มีอยู่ในประเทศไทย หมายถึงนิ้วมือเก่ง แต่สมองเรายังพึ่งพาเขาอยู่

          อย่างการสร้างบ้านต้องไปกับสิ่งแวดล้อม ใช้ไฟฟ้าให้น้อยลง ให้ปลอดภัยร่มเย็น ชิ้นส่วนทนทาน น้อยชิ้น ไม่มีสารพิษ  ต้องมีฝ่ายวิจัยของการเคหะฯ หรือร่วมกับมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าลาดกระบัง  ไม่ใช่ส่งไปแค่ Supplier หรือ ซีเมนต์เท่านั้น ต้องรู้หลัก SDG ต้องรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต้องรู้หลักในการย้อนไปดูว่าชิ้นส่วนมาจากไหนอย่างไร ต้องรู้เรื่อง Supply Chain ว่ามาจากโรงงาน มีการบริหารจัดการที่ Transparency หรือไม่ ทุกอย่างต้องตรวจสอบได้และโปร่งใส ในอนาคตอาจไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ สามารถ Rest fund ได้ และต่อไปนี้ไม่ใช่ขาดทุนหรือกำไร แต่เป็นรายงานแห่งความยั่งยืน ต้องเขียนด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างบอร์ดและเจ้าหน้าที่ ความสัมพันธ์ระหว่างเคหะฯ และ Supplier เป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าหลายประเภทเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนเป็นอย่างไร สิ่งนี้จึงเป็น Trend ของโลกและเป็น Trend ของอาเซียน ดังนั้นงานการเคหะฯ ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย ต้องใส่จิตวิญญาณ ความรักไปด้วย และต้องอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส และจะเอารัดเอาเปรียบ Supplier ไม่ได้ ต้องมีมาตรฐานกลาง

          การ Rest fund ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีจะทำให้มีความน่าเชื่อถือเกิดขึ้น ซึ่งเกิดจากฝีมือฝีไม้ของการเคหะฯ เอง

          การพัฒนาประเทศในอาเซียน

          1. อาเซียนทั้ง 10 ต้องให้ความสนใจต่อบทบาทมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย แล็ป เพื่อมีสิ่งคิดค้นของตัวเอง โดยไม่ต้องซื้อ franchise

          ต้องช่วยกันเองของแต่ละประเทศ  และเมือมีพลเมือง  600 ล้านคน ส่วนใหญ่เราต้องคิดอ่านในการพึ่งตนเอง สิ่งอำนวยความสะดวก สถาบันการศึกษาต้องคิดที่จะพึ่งตนเองให้มากที่สุด และในโลกกว้าง ทุกประเทศหลัก ๆ มีปัญหาภายใน ไม่ว่า ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป ไม่มีเวลาที่มาคุ้มกันเหมือนยุคสงครามเย็น ดังนั้นไทยต้องพึ่งตนเอง ต้องมี Innovationโดยทำงานร่วมกันระหว่างรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ต่อไปนี้การเคหะฯ จะ Position ตนเองอย่างไร ต้องคิดวิธีการที่ทำงานใหม่ ๆ หลุดพ้นการทำงานแบบเดิมที่เป็นข้าราชการ ต้องมีความเป็นสากล ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม ให้สิ่งแวดล้อมอยู่อย่างยั่งยืนและก้าวหน้า

          ที่กระทรวงต่างประเทศ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเตรียมเป็นประธานประชุมอาเซียนในปี พ.ศ. 2562 ภายใต้กฎบัตรอาเซียน ได้ทำแผนแม่บทการเชื่อมโยง Master Plan Connectivity  เพื่อการเชื่อมโยงทั้ง 10 ประเทศ เพราะถ้าไม่เชื่อมทั้ง 10 ประเทศ ความเป็นอาเซียนจะไม่ส่งผล ยกตัวอย่างยุโรป มีมาตรฐานสากลด้าน Facility ที่สะดวกและมีความปลอดภัย โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวทั่วยุโรปจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม  แต่แม้ไทยเองป้ายยังสีไม่ตรงกัน ถ้าเชื่อมโยงกันในอาเซียนต้องมี Common Sign , Common Standard

          2. การหาความเหมือนทางวัฒนธรรม เช่น Bamboo Culture, Rice Culture , แข่งเรือยาว สร้างส่วนรวมที่เหมือนกัน เพื่อให้ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นยากพี่น้อง และลดความเลวในการสร้างความเกลียดชังทางความแตกต่าง ซึ่งเป็นการทำลายทางมนุษยชาติโดยไร้มนุษยธรรม

          3. ภัยพิบัติธรรมชาติ เสนอให้ใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นที่สู้รบภัยพิบัติต่าง ๆ เหล่านี้ มีการปรึกษาหารือในรัฐมนตรีกลาโหม กิจการพลเรือนฝ่ายกองทัพ 10 ประเทศ การลาดตระเวนเพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจในทหารตำรวจทั้งหลาย

          4. ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง อาวุธ ยุโธปกรณ์ เอาเงินส่วนนี้มาสร้างบ้านการเคหะฯ ให้มากยิ่งขึ้น เคยเสนอให้มีกองกำลังอาเซียนภายใต้ธงสีฟ้าเพื่อไปทำงานสหประชาชาติ อะไรที่ทำร่วมมือกันได้ก็ควรทำเพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวในการร่วมกันของอาเซียน

          5. ปัญหาของประชาคมอาเซียน

          - วันนี้ประเทศสมาชิกทั้งสิงคโปร์ และอินโดนีเซียมีปัญหามากมาย หรือมาเลเซียก็มีปัญหาเรื่องการไม่มีเสถียรภาพ เวียดนาม ลาว พรรคคอมมิวนิสต์ ก็มีการกดขี่ประชาชน เมียนมา อองซานซูจีก็ไม่กล้าเผชิญกับทางทหาร อาจถูกถอดจาก Nobel Prize ผู้นำแต่ละประเทศต้องสาละวนกับการเมืองภายใน และเมื่อเป็นอย่างนี้อาเซียนในเวทีโลกจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะต้องแข่งกับจีนและอินเดีย ถ้าอาเซียน 600 ประเทศไม่พัฒนา ก็จะไม่ทำให้อาเซียนเป็นจุดดึงดูดอีกต่อไป ได้อย่างเดียวคือการท่องเที่ยว

          - ความอ่อนแอของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการให้ความรู้ต่อประชาชน

          ต้องให้เวลากับอาเซียนอย่างน้อยวันละครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง และมีหน่วยงานเฉพาะที่จะต้องป้อนข้อมูลเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนและประเทศอาเซียน ที่รากเหง้าของเราคล้ายกันมากไม่ว่าจะเป็นศาสนา พุทธ มุสลิม ฮินดู ขงจื้อ ลดช่องทางการขัดแย้งโดยการนำเอาความต่างเป็นตัวตั้งให้เกิดความเกลียดชัง

          ดังนั้นอาเซียนขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของท่านผู้นำด้วย ถ้าไม่มีก็เป็นผู้นำไม่ครบคือเป็นผู้นำไทยและอาเซียนร่วมด้วย ต้องมีวิสัยทัศน์ให้อาเซียนโดดเด่น จะเป็นมือสองรองจากอินเดียและจีนไม่ได้

          การใส่ใจต้องทำอะไรที่เป็นสาระไม่ใช่ไม่มีสาระ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นพิธีกรรมและไม่เป็นสาระ

          การนำไปปรับใช้กับการเคหะฯ

          1. Repositioning ถ้าไม่คิดด้านนี้ถ้าสิงคโปร์มาทำ Low Cost ด้านอสังหาริมทรัพย์จะทำอย่างไร

          2. ป้องกันตัวเอง พัฒนาอย่างไร มีที่อยู่ให้กับคนไทย การการันตีให้คนมีที่อยู่อาศัย เริ่มต้นชีวิตทุกคนต้องมีที่อยู่ของตัวเอง เพื่อให้ทุกคนมีหลังคาคลุมหัว แล้วการเริ่มต้นชีวิตจะไปต่อได้

          3. การขยายงานในต่างประเทศสร้างบ้านในต่างประเทศ

 

          การร่วมมือเป็นสิ่งที่ดี คนต้องเป็นตัวตั้ง ในกฎบัตรอาเซียนจะใช้อาเซียนเป็นฐานการผลิตของโลกเป็น Production Base โลกใช้  10 ประเทศเป็นโรงงานขายสินค้าทั่วโลก  ผู้นำเป็นกำลังสำคัญ

          การเคหะฯ จะสามารถปรับสู่เป็นหน่วยงานที่ดูเรื่องการกำกับและดูแลจะเป็นไปได้มั้ย อีกเรื่องคือ เรื่อง Aging Society เป็นทิศทางของโลก และน่าจะเป็นไปได้ในการสร้างที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด

          ในฐานะประเทศกำลังพัฒนา รัฐต้องมีหน้าที่ด้าน Housing อยู่ และต้องมี Master Plan Longterm ทำกี่เปอร์เซ็นต์ จะ Joint  Venture กี่เปอร์เซ็นต์ เป้าหมายกลุ่มลูกค้ามีใครบ้าง คนที่ทำงานแล้ว คนเช่าอาศัย และคนชรา

          -  เรื่องราคา รัฐบาลจะ Subsidize มากน้อยแค่ไหน ถ้าบอกว่าการสนับสนุนที่อยู่อาศัยเป็นหน้าที่ของรัฐ รัฐบาลหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบไม่ได้ เป็นหน้าที่ของรัฐ

          - Citizen Salary เริ่มต้นฐานชีวิตเท่ากันคือ 15,000 บาททุกคน

          - เรื่องคนชราไม่เห็นด้วยเอาคนชราอยู่รวมกันและแข่งกันตาย อยากอยู่กับคนรุ่นใหม่ ๆ แต่ถ้าอยู่คนเดียวกับภรรยา จะมีคนมาช่วยอย่างฉุกเฉินหรือไม่ ทุกอย่างยังอยู่ใน Website ทั้งหมด อยากให้เป็นระบบแบบนี้มากกว่าเป็นเมืองลับแลแห่งความชราซึ่งไม่ Healthy ส่วนในกลุ่มที่ไม่มีบ้าน ไม่มีพี่น้อง สิ่งนั้นเป็น Priority ของรัฐ ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องช่วยกัน สร้างระบบ

          เรื่องที่อยู่อาศัยมีความสำคัญเท่ากับการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ สิงคโปร์ในลีกวนยูเน้น 3 เรื่องคือ การศึกษา ที่อยู่อาศัย และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่ทำได้

 

การบรรยายพิเศษ การเคหะแห่งชาติ กับ การบริหารธุรกิจในยุค ASEAN Economic Community (AEC) (2/2) โดย คุณชาย สังขะเวส  ผู้อำนวยการ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้ากรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

          วัตถุประสงค์การรวมตัวกันของอาเซียน

                   1. การรวมตัวเพื่อให้มีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบมาทำการผลิต ผลิตสินค้า และส่งต่อใน 10 ประเทศ โดยเสรี และการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยไม่มีภาษี

                   2. การสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งเพื่อเป็นตัว Support วัตถุประสงค์แรก มีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบสินค้าและบริการ

                   3. มีวัตถุดิบอย่างเสมอภาค บางประเทศมีความถนัดด้านหนึ่งอีกประเทศไม่มีความถนัดอาจมีการร่วมทุนสร้างเสรีมากขึ้น

                   4. การรวมตัวกันเพื่อให้แข่งขันกับเศรษฐกิจโลก ความสำคัญตรงนี้อยู่ที่ประชากรของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ  ประชากรมากคิดว่า Degree ของ Consumption มีมาก ด้านการค้าจะดูที่ประชากรเป็นหลัก จะต้องมีการรวมตัวกับตลาดใหญ่ ๆ ที่มีประชากรมาก

          ความเป็นเสรี มี 3 เรื่องหลัก ๆ

                   1. Agreement เรื่องการค้า เรื่อง Asean Trade in Goods เป็นการพูดเรื่องการค้าอย่างเดียว ไม่มีภาษี ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีมาตรการใด ๆ เป็นเรื่องเสรี ซึ่งโดยความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ แต่ละประเทศมีกลุ่มการค้าเสรีที่ต้องปกป้องสินค้าภายในตัวเอง ทุกคนพยายามปกป้องอุตสาหกรรมภายในของตัวเอง อาทิ ไทยมีสินค้า 13 รายการที่ภาษีไม่เป็นศูนย์  และมีราคาที่ต้องเสียภาษีในการนำเข้าอีก โดยต้องดูมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อป้องกันการนำเข้าให้น้อยที่สุดเช่นเรื่องสุขอนามัย เรื่องความปลอดภัยผู้บริโภคในประเทศ เช่น มะพร้าว ประเทศไทยสร้าง Value Added ได้มากเพราะมะพร้าวในไทยคุณภาพดี แต่ผลผลิตต่อปีที่จะเสริม Production ไม่พอ แม้มีมะพร้าวเมียนมาดีเช่นเดียวกัน แต่มีการป้องกันทางด้านภาษี เพื่อป้องกัน  การนำเข้ามะพร้าวที่นำเข้าส่วนใหญ่นำเข้าจากอินโดนีเซียโดยต้องปอกเปลือกก่อน ซึ่งปอกเปลือกแล้ว 3- 5 วัน เน่าแล้ว 1 ล็อตของเสียหาย 30-40 %

                   2. AFAS (ASEAN Framework Agreement on Service) เป็นเรื่องการบริการล้วน ๆ อาทิ ธุรกิจประกันภัย โรงแรม การก่อสร้าง ทุกวันนี้จะมีการเปิด 7 สาขาให้ต่างชาติมาลงทุนได้ มีเงื่อนไขมากมาย อาทิ ในเรื่องของสัญญา มีกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างเข้ามาคุย เปิดในเรื่องการคุย การรับงานเหมาได้ ในเรื่องสัญญาจะเข้าไม่ถึงเขา  Technical Term ด้านกฎหาย และสัญญาต้องได้รับการส่งเสริมจาก ก.พาณิชย์สร้างสมรรถภาพผู้ประกอบการไทยไม่ให้เสียเปรียบ นำโดยสมาคมก่อสร้างไทย

                   3. ACIS เป็นเรื่องการลงทุนเปิดใน 5 สาขา คือป่าไม้ อุตสาหกรรมการผลิต การทำเหมืองแร่ เป้าหมายเพื่อการสร้างการลงทุนข้ามแดนทุกอย่างเป็นเสรีหมด รัฐบาลประเทศนั้นต้องส่งเสริมต่างชาติให้ลงทุน  ปฏิบัติกับคนต่างชาติเหมือนปฏิบัติให้กับคนไทยเอง เป็นการลงทุนแบบ Foreign direct investment และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แต่มี บางประเภทไม่ให้ต่างชาติลงทุน เช่น การทำสวน การทำนา การทำเหมืองแร่ การค้าจะมีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบระหว่างภูมิภาค เคลื่อนย้ายแรงงานได้ แต่อาจไม่มี Knowhow ทางการผลิต ผลิตเสร็จแล้วส่งขายอาเซียน ไม่มีภาษี มีการส่งออกทางการผลิต ส่งขายสินค้าไปต่างประเทศ มีกฎแหล่งกำเนิดสินค้าเป็นตัวควบคุม การเคลื่อนย้ายผลิต ไม่ได้มีแหล่งกำเนิดในอาเซียน จะเข้าในเรื่องของการเสียภาษี

 

          กฎแหล่งกำเนิดสินค้ามี 2 ตัวคือ

          - Wholly Obtained คือสินค้าทางการเกษตรที่เพาะปลูกในประเทศที่ส่งออกเช่น มะพร้าวต้องปลูกจากสวนในประเทศไทยถึงเป็น Wholly Obtained ในประเทศไทย หรือ  Substantial Transformation มะพร้าวปลูกที่อื่นเช่นจีน และไทยเป็นคนกลางแล้วส่งไปขายในสิงคโปร์ มะพร้าวแบบนี้ต้องเสียที่ภาษีที่สิงคโปร์ตามราคานำเข้าปกติ

          - Regional Value Content คือมูลค่าเพิ่มการผลิตสินค้าในอาเซียน เช่นประเทศไทยผลิตสินค้าตัวหนึ่ง Production Base ส่งขายสิงคโปร์ ถ้าวัตถุดิบนำเข้ามาจากที่อื่น วัตถุดิบตัวนี้สามารถนำรวมกับวัตถุดิบในไทยได้ใช้แบบ Accumulation เช่นการนำการผลิตได้ Direct Consignment เป็นการขนส่งโดยตรง สินค้าต้องอยู่ในความดูแลของศุลกากร

          AFTA

          การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเสมือนเป็น Passport ถ้าไม่มีแหล่งกำเนิดสินค้าจะเก็บตามปกติ

          Competent Authority  ในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด หน้าที่คือออกหนังสือรับรองสินค้าเหล่านี้ แต่ถ้าตรวจสอบว่าเป็นสินค้าปลอม Competent ต้องเข้าไปตรวจสอบ

          Form Back to back  เป็น Trading Firm ไทยเป็นตัวกลางในสิงคโปร์ เราเป็นคนกลางที่ออกหนังสือจากเวียดนามได้ เป็นคนกลางที่ส่งจากสิงคโปร์ เป็นคนกลาง การอำนวยความสะดวกทางการค้า เปิด Option การอำนวยความสะดวกทางการค้า  ถ้าไม่ขอรับรอง ผู้ส่งออกที่ประสงค์จะค้า ต้องมีการรับรองว่ามีการรับรองในประเทศไทยตามที่อาเซียนกำหนด

 

          การขยายออกนอกภูมิภาคอาเซียน

          ปัจจุบันไปทำ Free Trade Agreement  อาเซียนเข้าไปทำกับ 5 ประเทศในการขยายพันธมิตรออกนอกภูมิภาค มีอินเดีย เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มีการขยายเศรษฐกิจออกไปนอกประเทศ  ได้รับสิทธิลดหย่อนประเทศเหลือศูนย์ เช่นไทยให้จีนเท่านี้ จีนก็ไทยเท่านี้ ในระดับที่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ขึ้นกับภาคเอกชนและความต้องการตลาดของจีนเอง

          FTA ยกเว้นภาษี Import Beauty ในเรื่องต้นทุนก็สู้จีนไม่ได้ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ แล้วแต่ข้อตกลงแต่ละรายการ มูลค่าเพิ่มที่อยู่ในประเทศไทย

          การคำนวณว่าสินค้าได้ RVC หรือไม่ ดูได้จากต้นทุนการผลิต และวัตถุดิบการผลิต เช่นวัสดุก่อสร้างไทยเป็น Base ทางด้านนี้ ใช้วัตถุดิบที่เป็น Originate ที่เป็นของไทย และไม่ใช้วัตถุดิบที่เป็นของไทย ถ้านำเข้าจากต่างประเทศใช้กฎ Accumulate ของอาเซียนได้

          ต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในโรงงานที่เป็น Overhead ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต มีราคาในการผลิตสินค้าต่อหน่วย เป็นราคาสินค้าหน้าโรงงาน เป็นสินค้าที่เป็นวัตถุดิบที่เป็นมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย

          ราคาสินค้าโรงงาน + Transportation มีรถรับส่งที่งาน  ต้องผลิตสินค้าเสร็จแล้วมีรถมา ไปท่าเรือแหลมฉบัง ไปสนามบิน

          ฐาน RVC คิดจากราคา FOB

          ธุรกิจบริการถ้าอ้างเรื่องความมั่นคงจะจบ เพราะมีส่วนร่วม ประเทศไทยค่อนข้างเสียเปรียบ

 

วันที่ 6 มีนาคม 2561

การบริหารงบประมาณเชิงกลยุทธ์ (1) โดย ดร.ดวงตา  ตันโซ  คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์             ดร.มงคล เหล่าวรพงศ์

          การจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

          วัตถุประสงค์

          1.เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นนำไปใช้ประกอบ ในการพิจารณาจัดทำ งบประมาณ โดยทบทวนเป้าหมายแนวทางและตัวชี้วัดให้เชื่อมโยงสอดคล้องกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (2560 – 2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ ที่ 12 (2560 – 2564) นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (2558-2564)  นโยบายรัฐบาล และแผนแม่บทกระทรวง/หน่วยงานรวมถึงแผนแม่บทด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวเริ่มต้นในการคิดแผนงบประมาณ

          2. แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ ประชาชน และประเทศชาติจะได้รับทั้งในระยะสั้นและระยะยาวรวมทั้งสามารถประเมินผลสัมฤทธิ์ของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน  อันเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง ของระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์และเอื้อต่อการจัดการงบประมาณและการตัดสินใจเชิงนโยบายต่อไป

 

          การดำเนินงาน

          1. พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วัตถุประสงค์ ขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ตัวชี้วัด หน่วยงานเจ้าภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์

          2. ให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนแม่บทระยะปานกลางและระยะยาว แผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ การดำเนินงานโครงการ กิจกรรมที่มีการบูรณาการใน 3 มิติ ได้แก่ มิติงานตามยุทธศาสตร์พื้นที่ (Area) มิติงานตามยุทธศาสตร์กระทรวง/ หน่วยงาน (Function) และมิติยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล(Agenda)

          3. จัดทำแผนแม่บทระยะปานกลางและระยะยาว แผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณส่งสำนักงบประมาณ

          4. กำกับดูแลติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนงานบูรณาการรวมทั้งบูรณาการการทำงานในทุกมิติ

 

          แนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

          กำหนดขอบเขต หลักการ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทางการดำเนินงาน ตัวชี้วัด หน่วยงานดำเนินการ

          กำหนดโครงการ กิจกรรมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบประมาณในลักษณะ บูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ให้ชัดเจนพร้อมรายละเอียดประกอบ กำหนดแนวทางในการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนงานบูรณาการให้สามารถแสดงผลการบูรณาการภารกิจและงบประมาณได้อย่างครบถ้วน และนำไปสู่เป้าหมายของแผนงานบูรณาการได้อย่างชัดเจน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

          โครงการ - กิจกรรม ในแผนงานบูรณาการต้องเป็นไปตามภารกิจและหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงาน และสอดคล้องกับพันธกิจของรัฐวิสาหกิจ สะท้อนและส่งผลต่อการ บรรลุเป้าหมายของแผนงานบูรณาการ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2561 และนโยบายสำคัญของรัฐบาล

 

          แนวคิดการเชื่อมโยงและการประสานแผนงานในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์

          1. การจัดการงบประมาณในเชิงบูรณาการนั้น เป็นการบูรณาการโดยใช้กระบวนการงบประมาณเป็นเครื่องมือ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยให้การดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเป็นไปอย่างสมดุล และมีการรวบรวมรายจ่ายในลักษณะองค์รวมก่อให้เกิดสัมฤทธิ์ผลสูงขึ้นกว่าการดำเนินภารกิจอย่างเป็นอิสระจากกัน เช่น มีโครงการอยู่โครงการหนึ่งแต่ละฝ่ายต้องมาระดมความคิดเห็นร่วมกัน

          2. หลักการในการดำเนินการคือ หน่วยงานเจ้าภาพมีหน้าที่ในการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ขอบเขตงาน ระยะเวลา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และงบประมาณเชิงบูรณาการโดย เน้นการจัดทำเป็น Project Base มีความเป็นไปได้ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อน

 

Matrix Organization แต่ละคนมีหน้าที่เดิมอยู่ แต่มีงานใหม่เข้ามาใน Project แล้วท่านมีหน้าที่อะไรใน Project นี้ เป็นการทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังต้องทำหน้าที่ในงานประจำอยู่

 

          แนวคิดการกำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จ

         งบประมาณ บูรณาการ ยุทธศาสตร์ สำเร็จคืออะไร ต้องมีการระบุในส่วนที่เกี่ยวข้อง สามารถวัดผลได้เป็นรูปธรรม มีความชัดเจน โดยมีการระบุเป็นค่าของตัวเลขที่ชัดเจน เป็นที่เข้าใจตรงกันและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

ความครอบคลุมภารกิจตามแผนงานบูรณาการอย่างครบถ้วน เพื่อให้วัดได้ง่ายไม่ให้เกิดการตีความที่แตกต่างกัน

 

          แผนงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 (28 แผนบูรณาการ)

                    1.การสร้างความปรองดองและสมานฉันท์

                    2. การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

                    3. การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์

                    4. การป้องกัน ปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด

                    5. การพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ

                    6. การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

                    7. การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ

                    8. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์

                    9. การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

                    10. การวิจัยและนวัตกรรม

                    11. การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการ

                    12. การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

                    13. การพัฒนาฝีมือแรงงานไปสู่ไทยแลนด์ 4.0

                    14. การพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตร

                    15. การพัฒนาศักยภาพคนตามช่วงวัย

                    16. การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

                    17. การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง

                    18. การจัดการปัญหาที่ดินทำกิน

                    19. การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ

                    20. การสร้างความเสมอภาคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ

                    21. การบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม

                    22. การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

                    23. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

                    24. การป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ

                    25. การปฏิรูปกฎหมายและพัฒนากระบวนการยุติธรรม

                    26. การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ

                    27. การส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

                    28. การส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ

1. ดูว่าแผนบูรณาการ 28 แผนแผนใดเกี่ยวข้องกับเรา

2. งบประมาณแต่ละปีที่ได้รับกี่บาท

3. เป้าหมายของแผนที่เกี่ยวข้องกับเราคืออะไร ตัวชี้วัดคืออะไร แนวทางในการทำงานคืออะไร และมีตัวชี้วัดของแต่ละแนวทางด้วย

4. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ

5. งบประมาณที่จัดทำและนำเสนอ

6. ระบุชัดเจนว่าแต่ละกระทรวงไหน หน่วยไหนมีงบดำเนินการเท่าไหร่ และรวมแล้วเท่าไหร่

7. มีการจัดทำงบประมาณผูกพันข้ามปี

8. เป้าหมายคืออะไร ตัวชี้วัดคืออะไร แนวทางการดำเนินงานแต่ละตัวชี้วัดคืออะไร และตัวชี้วัดเกี่ยวข้องกับกระทรวงอะไร หน่วยงานไหน โครงการอะไร

          การทำงบประมาณ การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ  ยกตัวอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ที่เน้น Digital Banking มากจนมีการปรับลดสาขาจำนวนมาก

 

          บริบทของรัฐวิสาหกิจ

                    1. การนำองค์กร

                    2. การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

                    3. การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด

                    4. การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้

                    5. การมุ่งเน้นบุคลากร

                    6. การมุ่งเน้นการปฏิบัติการ

                    7. ผลลัพธ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์และบริการ การมุ่งเน้นลูกค้า การเงิน และการตลาด การมุ่งเน้นบุคลากร ประสิทธิผลกระบวนการ การนำองค์กร

 

          การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์

          การถ่ายทอดยุทธศาสตร์ต้องคาดการณ์ได้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์อย่างไร การเคหะฯ มีเทคโนโลยีดิจิทัลไปหรือยัง อย่างแสนสิริ มีระบบ Automate มีระบบ IT ในห้อง แต่ละที่ใช้อะไรเป็นแม่แบบในการบริหารความเสี่ยง

 

          การวัดผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ –Financial

          ตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial)

                   1. EVA – วัดความสามารถในการทำกำไร และ/หรือการบริหารสินทรัพย์

                   2. ROA – วัดการบริหารสินทรัพย์

                   3. Profitability : EBITDA, Profit margin,etc – วัดความสามารถในการทำกำไร

                 **4. Human Productitivity : Net Profit/personnel – วัดความสามารถในการทำกำไร

                   5. Cost : Cost / Personnel,Cost/ Unit product ,or serviced, etc. – วัดความสามารถในการทำกำไร (โดยการควบคุมต้นทุน)

                   6. Debt Service Coverage Ratio (DSCR) – วัดความสามารถในการชำระคืนหนี้

 

ระบบงบประมาณของประเทศไทย โดยดร.ดวงตา  ตันโซ

 

                    การขยับจาก B ไป A เป็นส่วนสำคัญที่การเคหะฯ ไปทำ สำนักงบประมาณจะอยู่ช่วงการปฏิบัติแล้ว แผนฯ 12 มี 117 ตัวชี้วัด

                   งบประมาณ ที่เป็นแบบมุ่งเน้นผลงานที่ต้องการวัดผลสัมฤทธิ์ ถ้า พ.ร.บ. ออกเมื่อไหร่ต้องวัดผลสัมฤทธิ์ เน้นที่ผลงาน เราต้องเอาผลงานมาแรกกับเงิน

             ปี 61 นี้ การเคหะฯ ได้เงินงบประมาณได้ 874 ล้านบาท + เงินกู้และงบประมาณ จะบริหารความเสี่ยงอย่างไร  ปี 62  แนวทางการเคหะฯ มีส่วนสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้สูงอายุเหมือนกัน ต้องใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือ เช่นการฝึกอาชีพในผู้สูงอายุ และมีรายได้น้อย

 

             รัฐบาลสั่งแบบ Top-Down ตอนนี้ใช้ยุทธศาสตร์ของแผน 12 ต้องดูว่าตัวชี้วัดใดที่ไปสู่ตรงนั้นได้ พวกเราคือผู้เขียนโครงการฯ ให้สอดคล้อง เพียงแค่ ปี 62 ได้รับงบประมาณเท่าไหร่ เงินกู้เท่าไหร่ และจะทำให้สำเร็จเพื่อรับงบประมาณปี 63  สิ่งสำคัญในระบบงบประมาณคือ ต้องทำแบบ LTF- Long Term Equity Fund ต้องวางแผนงบประมาณไปถึงปี 2579 ให้ได้

             กระบวนการงบประมาณ มี 5 ขั้นตอน

             1. วางแผน

             2. การจัดทำงบประมาณ

             3. การอนุมัติงบประมาณ

             4. การบริหารงบประมาณ

             5. การประเมินผล

 

             การวางแผนต้องสอดคล้องกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถ้าตัวเลขได้แล้ว แต่พอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติประมาณมิถุนายน ต้องรีบวางแผนงบประมาณอย่างไร เพื่อให้ทำสัญญาได้ทัน ลูกหนี้ที่เกิดขึ้นจะบริหารความเสี่ยงอย่างไร เมื่อรู้ตัวว่าได้รับงบประมาณให้ลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้เลย และให้เข้าสู่กระบวนการวางแผนจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด

             สำนักงบประมาณจะรายงานการดำเนินงานรายจ่ายกับสำนักนายกรัฐมนตรีทุกอาทิตย์

          การทำข้อเสนองบประมาณ  - รอบแรกประมาณเดือนธันวาคม

                                           - รอบที่สอง เสนอประมาณเดือนมกราคม – เมษายน

          แบ่งเป็น 5 กล่อง

          1.  Function – แผนบุคลากร แผนพื้นฐาน

          2.  Agenda เสนอโดยรัฐมนตรีว่าการ เข้าสภาพัฒน์ และเข้า ค.ร.ม.

          3.  Areaงบประมาณเสนอให้จังหวัดเป็นแผนภาคมีเป้าหมายว่าแต่ละภาคเป็นอย่างไร

             - งบประมาณตามยุทธศาสตร์หรือแผนบูรณาการ

          4. งบกลางฉุกเฉิน จำเป็น / ภัยพิบัติ / เร่งด่วน

          5. ชดใช้เงินกู้ / คงคลัง

 

          แนวทางการวิเคราะห์และจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ.2561

          การวิเคราะห์และจัดสรรงบประมาณ ต้องมีการประเมินและการจัดลำดับความสำคัญของผลผลิต/โครงการ ที่คำนึงถึงความสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาล รวมทั้งความพร้อมและความสามารถในการดำเนินงานของหน่วยงาน โดยมีแนวทางการพิจารณา ดังนี้

                    1. มีความสอดคล้องเชิงยุทธศาสตร์ มีลำดับความสำคัญสูงในเชิงนโยบาย ส่งผลสำเร็จต่อยุทธศาสตร์การจัดสรร และจุดเน้นของยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561

                    2. มีการกำหนดเป้าหมาย ค่าเป้าหมาย และตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ/กิจกรรมอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม และแนวทางการดำเนินงานมีความเป็นไปได้ ตามระยะเวลาที่กำหนด และนำไปสู่ความสำเร็จของเป้าหมาย

                    3. ผลประโยชน์หรือผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับ/เกิดขึ้นจากการดำเนินการมีความเหมาะสมและคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ สังคม หรือความมั่นคง

                    4. มีการตรวจสอบและยืนยันอย่างชัดเจนว่าสามารถตอบสนองต่อความต้องการหรือสภาพปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย โดยขอบเขตงานที่ทำมีความเหมาะสม

                   5. เป็นพันธกิจหลักตามกฎหมายจัดตั้งหน่วยงาน หรือมีมติ ครม.รองรับ/มอบหมายให้ดำเนินการ โดยมีแผนของหน่วยงานรองรับชัดเจน รวมทั้งมีความเชื่อมโยงในลักษณะเครือข่ายทั้งภายนอกและภายในไม่ซ้ำซ้อน

                    6. หน่วยงานและบุคลากรมีศักยภาพและจำนวนที่สอดคล้องกับภารกิจที่ต้องดำเนินงานโครงการหรือกิจกรรมมีความพร้อมและความเหมาะสมทางเทคนิค/กายภาพ พื้นที่ดำเนินการ เครื่องมือและอุปกรณ์

                    7. การดำเนินงานไม่ก่อให้เกิดภาระของภาครัฐมากเกินสมควร ทั้งในมิติของวิธีการดำเนินการ ระยะเวลา และค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะภาระงบประจำ เช่น การเพิ่มบุคลากร การบำรุงรักษา เป็นต้น

                    8. กรณีเป็นโครงการหรือกิจกรรมเดิม ให้ทบทวน/ตรวจสอบสถานภาพ ผลการดำเนินงาน ผลการเบิกจ่าย ปัญหาและอุปสรรค เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมต่อเนื่อง

 

 คุณสาธิต อนันตสมบูรณ์

 

                   1. สิ่งที่เสียไปเกิดประโยชน์หรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่ เงินที่เสียไปได้อะไรกลับคืนมา ใน 1 เดือนเราใช้เงินอย่างไร งบประมาณอย่างไร บริหารเงินอย่างไร เราต้องการของดีราคาถูกใช้งานคุ้ม หรือมีเงินและอยากได้รัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างให้เกิดกำไร และช่วยเหลือประชาชน

                   2. การเคหะฯ ที่สร้างขึ้นมา ได้ทำบ้านให้ประชาชนดีขึ้นหรือยัง มีการดูแลอย่างไรบ้าง  สิ่งที่อยากฝากไว้คือการสร้างบ้านแล้วเป็นอย่างไร ทำเลที่ตั้งเป็นอย่างไร สาธารณูปโภคเป็นอย่างไร

                    เราเสียเงินสร้างทุกอย่างแต่ไม่คิดถึงผลลัพธ์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือผลลัพธ์ที่เกิด เราไม่ได้คิดตลอดว่า ถ้าอยากมีบ้าน 1 หลังคือ บ้านสบาย บ้านดี ไม่มีปัญหา บ้านคนจนที่สร้างขึ้นมามีเสียงคนตำหนิบ้างหรือไม่

 

          สิ่งที่รัฐวิสาหกิจต้องมีคือ ธรรมาภิบาล   1. สุจริต   2. โปร่งใส   3. ถูกกฎหมาย

เรามีธรรมาภิบาลหรือไม่ ถ้ามีคนมาว่ารับได้หรือไม่ องค์กรการใช้เงินก็เหมือนกับคน คนที่อยากได้ อยากได้อะไร ได้บ้านที่ดี มีคุณภาพ ต้องกำกับการก่อสร้างให้ดีมีคุณภาพ  ถ้าของราคาเปลี่ยนแปลง ขอปรับได้หรือไม่ ราคาทุกอย่างเปลี่ยนตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เงินส่วนนี้ต้องไม่หายไปไหน การทำงบประมาณทุกอย่างให้มองผลลัพธ์ที่เกิด แล้วไล่กลับมาหาการดำเนินการ ไม่ว่าเราจะตั้งอะไรก็ตาม แต่กลับมาต้องนำมาใช้ได้จริง อย่ายอมกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

 

          วิธีการตรวจสอบเยอะมาก เนื่องจากมีการใช้เงินทุจริตเยอะมาก ทำไปเพื่ออะไร แล้วการใช้เงินรัฐวิสาหกิจดีขึ้นหรือไม่ วัดจากกระดาษไม่ได้วัดจากผลลัพธ์ที่เกิดจากงานจริง ๆ  มูลเหตุคือทุจริต ประพฤติมิชอบ ไม่รู้ว่าผลคืออะไร การทำงานต้องคิดว่าเกิดผลประโยชน์ได้จริงหรือไม่  ระบบ IT เหมาะหรือไม่ ต้องคิดว่าเงินทุกอย่างมีค่าจะบริหารอย่างไรให้อยู่ได้ ดังนั้นอนาคตในองค์กรต้องมองความเป็นไปได้ในอนาคต

 

          ปัญหาคือการใช้เงินของรัฐมีข้อบกพร่องมากเนื่องจากความโลภ โกรธ หลงของผู้นำทำให้เกิดความลำบากใจในการทำงาน ดังนั้นขอให้คิดถึงข้างหน้า ใครเป็นผู้บงการเรื่อง E-auction อยากให้ทุกท่านทำตามแผนยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องอย่าละเลย แล้วทุกอย่างจะมีประสิทธิภาพที่ดูแล

 

          วิธีการเป็นผู้นำ ต้องคิดเป็น ใช้เงินเป็น คนทำดีต้องสนับสนุนต้องส่งเสริม ผู้นำบางครั้งอาจต้องไม่เปิดเผยตัว เพื่อที่จะรู้จักคนมากขึ้น แล้วจะให้ความเป็นธรรม ความถูกต้อง ปกป้องลูกน้อง    อะไรต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย  เรื่องจัดซื้อจัดจ้างระวังเรื่องเวลาไม่ทัน ยกตัวอย่างการก่อสร้างที่จีน  เวลาสร้างตึกใหญ่ จะดูว่ามีพื้นที่เท่าไหร่ มีระบบสาธารณูปโภคราคาถูกให้คนทำงานได้ จีนถึงเจริญเร็ว  ความเป็นอยู่ของคน การทำมาหากินเป็นเรื่องสำคัญ

 

 ดร.ดวงตา  ตันโซ

             ตัวงบประมาณจะแปลงแผน แปลงหลักการไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไร กว่าจะได้มาดูแผนของประเทศไทยเป็นอย่างไร  อย่างภาคกลางมีเป้าหมายตัวชี้วัดอย่างไร GDP ภาคเป็นอย่างไร รายได้เศรษฐกิจสังคมเป็นอย่างไร และมีแนวทางและตัวชี้วัดอย่างไร

             เรื่อง Project Base เป็นกลุ่มโครงการ แต่ละภาคต้องเหมือนกัน และแต่ละประเภทต้องเหมือนกัน

             ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทำกิจกรรมที่แตกต่างกันแต่สุดท้าย Output ต้องเกิดให้ได้

             แผนผู้สูงอายุ สภาพแวดล้อมต้องดี

             กรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นภาพของแผนใหญ่ที่หลายกองต้องดู

 

สิ่งที่จะทำในการบริหารเป็นอย่างไร วิสัยทัศน์ขององค์กรจะไปทางไหน ต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์คือเป้าหมายองค์กรคืออะไร อยากให้มองวิสัยทัศน์ไปปี 79 และทำอะไรก็ตามอย่าลืมหน้าที่หลักคือ ช่วยเรื่องรายได้น้อยและปานกลาง ดังนั้นการทำโครงการต่าง ๆ ให้ดูเรื่องการบริหารความเสี่ยง และวิเคราะห์ของโครงการขนส่ง

การเคหะแห่งชาติ

1. ตั้งเมื่อ : 13 ธันวาคม 2515      สังกัด   : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

2. ลักษณะของกิจการ

             การเคหะแห่งชาติยังคงดำเนินการในเชิงสังคมตามอำนาจหน้าที่ ตาม พ.ร.บ. การเคหะแห่งชาติ พ.ศ.2550 โดยการจัดหาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย  ซึ่งภาคเอกชนไม่มีการลงทุน รวมทั้งสนับสนุนหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในการจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมและส่งเสริมให้ความรู้แก่หน่วยงานท้องถิ่นเพื่อรองรับการถ่ายโอนสาธารณูปโภค สาธารณูปการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและสารสนเทศที่อยู่อาศัย การวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและมาตรฐานการอยู่อาศัย การบริหารและเผยแพร่ข้อมูลที่อยู่อาศัย พัฒนาเมืองและฟื้นฟูเมือง เพื่อปรับปรุงพื้นที่เสื่อมโทรมใจกลางเมือง ให้มีสภาพที่ทันสมัยและสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินที่มีศักยภาพอย่างคุ้มค่า

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560            497,707,000 บาท

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561             867,795,900 บาท

 

วิสัยทัศน์

             เป็นองค์กรหลักด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมืองเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย

 

พันธกิจ

             1. พัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

             2. พัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้

             3. พัฒนาเมืองให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี

             4. บริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่าเพิ่มและนำไปใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ

             5. นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ บริการ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร

             6. พัฒนาบุคลากรและองค์กรเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

 

 หลักเกณฑ์งบประมาณ

             เชื่อมโยง วัดได้ และเสนอต่อสำนักนายกรัฐมนตรีก่อนอนุมัติงบประมาณ

 

การติดตาม และการประเมินผล

             การติดตาม (Monitoring) หมายถึง กระบวนการเก็บข้อมูลของตัวชี้วัดสำคัญของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเครื่องบ่งชี้ความคืบหน้าและระดับความสำเร็จของการดำเนินงานให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบ พร้อมความคืบหน้าของการใช้จ่ายงบประมาณ

          การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง กระบวนการประเมิน/ตัดสินคุณค่าของโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ โครงการที่แล้วเสร็จ แผนงาน หรือนโยบาย อย่างมีหลักเกณฑ์และเป็นระบบ ซึ่งการประเมินผลมีจุดมุ่งหมายคือการประเมินความสอดคล้อง (Relevance) และการบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ แผนงาน หรือนโยบายนั้นๆ ตลอดจนประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบ และความยั่งยืน ผลการประเมินจะต้องมีความน่าเชื่อถือและมีประโยชน์ สามารถช่วยให้เกิดการเรียนรู้และนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นในอนาคต

 

 

 

แนวทางการดำเนินงานตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

          1. ให้จัดทำแผนฯ ส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 15 กันยายน 2560

          2. ให้ส่วนราชการฯ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ในกรณีที่เป็นงบประมาณรายจ่ายบูรณาการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. 2559 รวมทั้งบริหาร กำกับติดตามให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายไตรมาส

          3. ให้ส่วนราชการฯ เร่งโอนจัดสรรงบประมาณไปยังสำนักเบิกส่วนภูมิภาคอย่างช้า ไม่เกินวันที่ 6 ตุลาคม 2560

          4.ให้ส่วนราชการฯ รายงานผลสัมฤทธิ์และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นรายเดือนและรายไตรมาส และบันทึกในระบบ BB EvMis

          5. ให้หัวหน้าส่วนราชการฯ ติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยเคร่งครัด

          6. ให้เร่งรัดก่อหนี้และเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

 

กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ (บทเรียนเพื่อการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ) 1) กรณีศึกษาของบริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด โดย ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่

     

          หัวใจของ Organization Transform หัวใจของการบริหารการเปลี่ยนแปลงขององค์กรมี 2 ตัวคือ

          1. T – Technology / Technical / Tool การบริหารจัดการต่าง ๆ ที่เป็น Half Side

          2. A – Acceptance

          แก่นของการบริหารองค์กรอยู่ที่คนเอาหรือไม่เอา ถ้าคนไม่เอาคนจะแย้งทุกเรื่อง Hard Side จะตายที่ Soft Side ทั้งสิ้น

          หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การบริหารองค์กรคิดว่าผู้ที่อยู่ภาคเอกชน คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน การทำงานในภาคธุรกิจคือจับต้องได้หรือไม่ อะไรคือ Result อะไรคือ Hi-light Performance  แม้ว่า how to สำคัญ แต่ไม่เท่ากับ result เป็นอย่างไร

 

          เป้าหมายขององค์กรต้องการเป็นองค์กรที่ยั่งยืนโดยนาน เวลาพูดถึงองค์กรที่อยู่นานอะไรคือ Key Success

          1. ผู้นำองค์กร แก่นของ Leader คือ ภาวะผู้นำดูจากแนวคิด เมื่ออยากรู้แก่นอะไรบางอย่างให้ดูที่รากศัพท์ Leader มาจากคำว่า Leith หมายถึงการก้าวข้ามธรณีประตู คือเมื่อไหร่เราหรือนายเป็นผู้นำ ต้องนำองค์กรก้าวข้ามจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ใช่ทำในสิ่งที่ถูกแต่ต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างที่นำองค์กรก้าวข้ามข้อจำกัด     ต่าง ๆ

          - กล้าเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย

          - แนวคิดแบบเม่นคือ เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ อะไรก็ทำร้ายไม่ได้ มีเกราะป้องกัน อะไรคือ Core Competence ขององค์กรที่ทำให้เป็นองค์กร 100 ปี ได้แก่ Culture แต่สิ่งที่มีอยู่เป็น Healthy หรือ Unhealthy

          บริบทของการเปลี่ยนแปลงน่ากลัวหรือไม่ VUCA คือเราอยู่ในบริบทที่ Eco System เป็นแบบนี้ อะไรคือ Force of change

The VUCA Report

          Volatility (V), Uncertainty (U), Complexity (C), Ambiguity (A)

          ช่วง 45 ปีกำลังอยู่ในช่วง Peak จาก 45 ปีไปเป็น 100 ปี ยากแค่ไหน

          คนที่ Sense of Urgency สูง ๆ รู้ว่าธุรกิจตอนนี้เผชิญกับอะไรจะรอด

 

          หัวใจสำคัญอยู่ที่คนมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต future competency ดังนั้นจะเตรียมความพร้อมของคนในอนาคตอย่างไรบ้าง

          มิตรผล Margin ใหญ่มาจากไฟฟ้า และพลังงานมากกว่าผลิตน้ำตาล สิ่งนี้เป็นตัวอย่างของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

          LPN บอกว่าถ้าไม่ “ปรับ” ก็ไม่รอด ?  LPN เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ทำคอนโดฯขนาดเล็ก ในตลาดจะอยู่ในเกรดที่ต่ำสุด จับ Pricing ระดับ B และ C ลงมา ที่ไม่ปรับไม่รอดเพราะยอดกู้ไม่ผ่านเยอะมาก เป็นส่วนหนึ่งของ Force of change

 

          ปิดตำนาน คู่สร้างคู่สม  ถ้าเจอแนวโน้มแบบนี้ เป็นลักษณะปิดตอนขาลง เป็นกลยุทธ์การถอย แพ้ตอนมีกำไรดีกว่าขาดทุน

 

          - ที่น่าสนใจคือการสะท้อนการบริหารองค์กร

          สถานการณ์ในหลายองค์กรเหมือนธุรกิจที่กำลังเจอไฟไหม้อยู่ แบบไหม้นอกบ้าน เวลาไฟไหม้มีคนอยู่ 3 ประเภท 1. ตื่นตูม Panics  2. ไม่รู้ร้อนรู้หนาว  3.รู้ว่าไฟไหม้ แล้วต้องการจัดการกับตัวเองและเพื่อนบ้านอย่างไร

          มิติของคนจะใช้ความรู้ ความสามารถ Competence มุ่งมั่น ทุ่มเททำอย่างไรให้องค์กรอยู่ได้

          -  คนที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้เปรียบหรือไม่ ถ้าใครรู้เทรนด์ก่อนได้เปรียบ รู้แนวโน้มได้เปรียบ ทำ Scenario ได้แม่นยำ ได้เปรียบแน่ หน้าที่ของผู้บริหารต้องเห็นอนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต อะไรเป็นบริบทที่เปลี่ยนแปลงที่มีผลในธุรกิจของท่าน

          -  AI สามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้แบบไหน

          -  ใคร Preparing for change ก่อนได้เปรียบแน่ เช่นรู้ว่ายานยนต์เป็นไฟฟ้า กลุ่มชิ้นส่วนเริ่มหันไปแบตเตอรี่ทำ Solar Cells เห็นถึงโอกาสในอนาคต

          -  ความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลง ต้องเป็น Learning ที่ดี ต้องมี Sense of Urgency และน่ากลัวว่าต่อไปในมหาวิทยาลัยไทยจะไม่มีที่ยืน กระทบหมดทุกวงการ ใครไวก่อนจะได้เปรียบ

          -  ถ้าเมื่อไหร่ใครพร้อมได้เปรียบ ถ้าพร้อม ทุกปัญหาจะเป็นโอกาส

สูตรสำเร็จแห่งการเปลี่ยนแปลง

          การบริหารการเปลี่ยนแปลงมี 6 ปัจจัยหลัก ที่คนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงโดยไม่กลัว

          1. Vision – ต้องมีการพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ที่ชัด

          หน้าที่ของคนเป็นนายคือการสร้างวิสัยทัศน์ให้ผู้คน Where we want to be? ต้องรู้ว่าไปตรงจุดไหน วิสัยทัศน์คือการบอกทิศทาง

          2. Communication – การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะถ้าไม่สื่อสาร หรือสื่อไม่ดีคนมีแนวโน้มปฏิเสธ

          3. Incentive – แรงจูงใจในการเปลี่ยน ถ้าเมื่อไหร่ไม่มี Incentive จะ Slow Change

          4. Skill – เมื่อไหร่คนมีความรู้ ความสามารถ ทักษะสูงจะไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง โลกอนาคตจะต้องเป็นคนที่ทำงานที่มีความรู้

          5. Action Plan – การทำ Change ต้องมีแผนงาน ไม่เช่นนั้นจะทำมั่วไปหมด

          6. Tool – คนเป็นนายต้องสนับสนุนทรัพยากรด้วย

          ต้องทำให้ Soft Side แข็งแรงมีความรู้ ความสามารถ สิ่งแรกที่ทำคือ SCG Academy ให้คนไม่กลัว

          สรุปคือ ต้องทำให้เป็น Knowledge Worker ให้ได้

          Engagement มีงานวิจัยบอกว่า Gen Y จะออกง่ายใน 3 ปีแรก โดยเฉพาะปีแรก

          การพัฒนาอะไรให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยน้อยที่สุด

                             - Keyword มีสิ่งเดียวคือ Understanding เพราะที่ผ่านมาผู้บริหารจะเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง

                             - ตัวที่ Impact ที่มีผลทำให้คนรักไม่รักที่สุดเพราะนาย  คนเข้าเพราะองค์กรออกเพราะนาย คำถามที่ถามว่าอะไรคือ

                             - มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นคนที่มีความหมายในองค์กร คือเอาเด็ก ๆมาทำ Start up ในองค์กร

 

          การเป็นตัวอย่างคือตัวที่เป็น Cultivate Corporate ได้ดีที่สุด หมายถึงการแสดงออกด้วย หัวใจสำคัญที่สุดคือ การปลูกฝัง Role Model ที่สร้างประสบการณ์

 

 

วันที่ 7 มีนาคม 2561

การบรรยายเรื่องการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจโดย คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์

 

ระบบบริหารความเสี่ยง

                   การบริหารความเสี่ยง คือความจำเป็นที่ต้องบริหารความเสี่ยงมีระบบที่ดีช่วยทำให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ เป้าประสงค์ตามแผนยุทธศาสตร์ ก่อให้เกิดการสื่อสาร มี Owner , Center การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องของบุคลากรทุกคน การสื่อสารจึงมีความจำเป็นมากในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย ช่วยให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ก่อให้เกิดการปรับปรุงต่อเนื่อง ช่วยเรื่อง Internal Audit Program มีการ Focus มากขึ้น Internal Audit /Control ต้องไป Focus ในเรื่องความเสี่ยงที่สำคัญ ๆ กับองค์กร ความเสี่ยง คือการจัดการความไม่แน่นอน

                   การบริหารความเสี่ยงที่นำไปใช้คือนำไปเสนอแผนยุทธศาสตร์ อนุมัติงบประมาณโครงการ โครงการนั้น ๆ ควรทำหรือไม่ กระบวนการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ

                   การกำหนดคู่มือ การกำหนดโครงสร้าง มีบทบาทอย่างไร อยู่ในโครงสร้างองค์กรอย่างไร มีการติดตามและประเมินผลอย่างไร Infrastructure ด้าน IT , Data base, ตัวชี้วัดต่าง ๆ ,KRI สิ่งที่ต้องใส่ในค่านิยมองค์กรคือให้ทุกคนมีการตระหนัก รับรู้ในเรื่องความเสี่ยง การสร้างภูมิคุ้มกันในการบริหารความเสี่ยง การบริหารโอกาส สร้าง Risk Awareness Culture มี commitment

                   ระบบบริหารความเสี่ยงในประเทศไทยจะยึด COSO ERM อย่างบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยก็ยึดให้ใช้ระบบนี้ วงการอุตสาหกรรมเริ่ม ISO 31000 ประเด็นที่ Comment COSO ERM  เกิดจากสถาบันการเงิน  ที่มีวิกฤติการสถาบันการเงินล้ม หลังจากที่ได้ปรึกษากับ Price Waterhouse แต่มี Comment ว่าอาจเป็นเครื่องมือไม่ชัดเจนหรือเหมาะกับสถาบันการเงินเท่านั้น เนื่องจากไม่มีเครื่องมือที่นำไปใช้ได้เหมาะสม และการวัดที่แน่นอน ต่างกับ ISO 31000 ที่มีวิธีการวัดที่ชัดเจน

          หลักการบริหารความเสี่ยงหลัก ๆ ใช้แนว SOFC

          S ความเสี่ยงอันเกิดจากการที่กำหนดนโยบายและแผนกลยุทธ์ แผนดำเนินงาน และการนำไปปฏิบัติไม่เหมาะสม หรือไม่สอดคล้องกับปัจจัยภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก

          Oความเสี่ยงอันเกิดจากการดำเนินงานภายในองค์กร ซึ่งเป็นผลมาจากบุคลากร กระบวนการทำงาน โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการทุจริตภายในองค์กร

          F  ความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านการเงินต่อองค์กร

          C  ความเสี่ยงอันเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังค้บ โดยครอบคลุมถึงกฎ ระเบียบของทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกที่กำกับดูแลองค์กร

          Strategic Risk และ External Risk เป็น Uncontrollable คือความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตัวอย่าง คะแนนเต็ม 5 หมายถึงโอกาสน้อยกว่า 1 แต่เกิดแล้วหายนะเป็นต้น  ดังนั้นในระดับองค์กร OFC ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาหลาย 10 ปีแล้ว ค่อนข้างไม่ค่อยมีปัญหา แต่ที่ควร Focus คือ Strategic Risk กับ External Risk

          หลักการเขียนวัตถุประสงค์ของความเสี่ยง ต้องอยู่ในลักษณะ SMART

                   Specific ( เฉพาะเจาะจง ) มีความชัดเจนและกำหนดผลตอบแทนหรือผลลัพธ์ที่ต้องการที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน

                   Measurable (สามารถวัดได้) สามารถวัดผลการบรรลุวัตถุประสงค์ได้

                   Achievable (สามารถบรรลุผลได้) มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้เงื่อนไขการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน

                   Relevant (มีความเกี่ยวข้อง) มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายในการดำเนินงานขององค์กร

                   Timeliness (มีกำหนดเวลา) สามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องการบรรลุผล

                   สรุป คือ เราต้องเน้นการลดความเสี่ยง และบริหารความเสี่ยงให้ตรงตามเป้าหมายขององค์กร การบริหารความเสี่ยง ต้องเน้นการลดโอกาสและลดผลกระทบ การบริหารความเสี่ยงเป็นการดูทั้งองค์กร องค์รวม

ความเสี่ยงจะได้รับการประเมินจากการทำภาพรวม ให้ผู้บริหาร และ Board ทราบ มีมาตรฐานการติดตามและประเมินความเสี่ยง

การเตรียมความพร้อม Risk

Preventable Risk คือตัว O,F,C สามารถควบคุมได้ เราต้องนำสิ่งเหล่านี้ใส่ไปในองค์กรคนที่ใช้ต้องปลอดภัย ต้องให้ความสำคัญ Value กับ Stakeholderปลูกฝังองค์กรตั้งแต่ Vision Statement Strategic Risk ให้ดูตัวอย่าง Sumsung กับ Sony , BB กับ I-phone เป็นตัวอย่าง

          การทำ Strategy Map ต้องมีการกำหนด KRI ด้วย

          External Risk จัดการโอกาสไม่ได้เลย ต้องดูผลกระทบอย่างเดียวเท่านั้น เช่น ปัญหา Hamberger Crisis, หนี้เสียที่ยุโรป  การเคหะมีจุดไหนทีต้องทำ Strength Testing , และการสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เข้ามา

ดู Scenario Planning, whole planning

 

วันที่ 14 มีนาคม 2561

การพัฒนาที่อยู่อาศัย...กับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 กรณีศึกษา

โดย  ดร.โสภณ พรโชคชัย  นายสิทธิชัย เนี๋ยมเจริญ

 

ดร.โสภณ  พรโชคชัย

 การเจริญเติบโตของอสังหาริมทรัพย์

 

อสังหาริมทรัพย์ในระดับล่างส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนทำ  แต่ข้อดีคือสลัมลดลงตรงไหนมีโครงการเยอะ     ตรงนั้นจะมีจุดตั้งโครงการ และมีการขายโครงการเยอะ  ปี 2017 มีโครงการประมาณ 410 โครงการ     ปีนี้โครงการลดลง เช่น ที่สนามหลวง ราชดำเนิน ถนนข้าวสาร วัดอรุณฯ แต่มีการเสนอขายยังเยอะอยู่

ในรอบ 20 ปี จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นมาตลอด แต่แนวโน้มการลดลงจะมีมากขึ้นเช่นกัน แต่กลุ่มที่มีอำนาจซื้อก็ยังอยู่ เช่น บ้านราคา 15 ล้านบาท

แนวโน้มที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา Trend บ้านแฝดกำลังมากำลังมาแรง (เงื่อนไขต้อง 35 ตารางวาขึ้นไป) ที่ดินมีความสำคัญมาก ถ้าลดราคาที่ดินลงมาหน่อยก็จะขายได้มากขึ้น

ในช่วงวิกฤติปี 40 การไป Survey ปี 41-43 ไม่ได้ย่ำแย่มากเท่าไหร่ ซึ่งถ้าศึกษาให้ดีปัญหาต่าง ๆอาจไม่เกิดขึ้น

 

ข้อดีของการเคหะฯ คือ

1. สร้างเสร็จหรือเกือบเสร็จก่อนขาย สัดส่วนการเคหะฯ ที่เหลือขายประมาณ 190,000 หน่วย เทียบสัดส่วนกับสมัยก่อนถือว่าไม่มากเท่าไหร่

การแบ่งกลุ่มที่ทำเลขายได้ดี ถ้าตั้งอยู่ที่ที่ตั้งแถวนี้น่าจะขายได้แน่ ยกเว้นว่า มีเหตุที่ทำให้บ้านไม่น่าซื้อ ได้แก่ รัชโยธิน บางบัวทอง ปทุมวัน นวมินทร์ บางนาตราด พหลโยธิน ศรีนครินทร์ ลาดกระบัง ยานนาวา-สีลม คลองสาน  ป้อมพระจุล พหลโยธิน  วงแหวนรอบนอกเพชรเกษม พิบูลสงคราม สายใหม่ สุขุมวิท-พระราม 4

ส่วนทำเลที่ขายไม่ดีได้แก่  บางขัน-คลองหลวง ถ.รามา 2 กม. 1-10  ถ.บางนาตราด กม.10-30  มหาชัย-เศรษฐกิจ  บางนาตราด กม. มากกว่า 30 และ 10-30  ตลิ่งชัย บางนาตราด กม.>30 นิมิตใหม่ รังสิตคลอง 7-คลอง 16 บางบัวทอง ลาดหลุมแก้ว รามา 5 – บางกรวย

 

การก่อสร้างต้องมีระบบในการคุ้มครองคนซื้อ ถ้ามีท่าทีว่าไม่ค่อยดี ให้เลิก การสำรวจพบว่า บ้านราคาส่วนใหญ่ 3-5 ล้านบาท เป็นหลัก มี 111,000 หน่วย บ้านราคา 5-10 ล้านบาท มี 105,000 ล้านหน่วย

 

ลำดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บริษัทมหาชน  10 อันดับแรก ได้แก่ พฤกษา เรียลเอสเตท  ,เอพี (ไทยแลนด์),  แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์  , อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ , ออริจิ้น พร้อมเพอร์, ศุภาลัย ,เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ,พร้อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค  แผ่นดินทอง พร๊อบเพอร์ตี้ ดีเวลล้อปเม้นท์ , เอเวอร์แลนด์ บริษัทที่ไปต่างจังหวัดมากที่สุดได้แก่  บริษัทแสนสิริ  แต่ขายไม่ค่อยดี เลยเลิก

 

 Innovation แบบอย่างต่างประเทศ ยกตัวอย่าง

 

          1. ที่ตั้ง World Expo เซี่ยงไฮ้ ก็เป็นโรงงานเก่าอายุร่วมร้อยปี เทียบคลองเตย

          2. สนามบินไคตัก (ในอดีต) ที่ฮ่องกง ขณะนี้แปลงเป็นเขตที่อยู่อาศัยราคาแพง สำนักงาน หน่วยราชการ โดยเว้นพื้นที่บางส่วนเป็นสวนสาธารณะ

          3. KL Sentral ของกัวลาลัมเปอร์ก็พัฒนาเป็นศูนย์คมนาคมรวมทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า

          4. พื้นที่รถไฟใจกลางมหานครของญี่ปุ่นที่เดี๋ยวนี้ลงใต้ดินไปแล้วกำลังจะพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ไม่มีใครเอาไปทำสวน

          5. ท่าเรือเก่าใจกลางกรุงลอนดอน บริเวณ Canary Whraf เอามาทำศูนย์ธุรกิจ

          6. กรุงลอนดอนในวันนี้ แสดงศูนย์การเงิน Lendenhall

 

นวัตกรรมการปรับปรุงชุมชนแออัด พ.ร.บ.การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2537  มาตรา 6 ให้จัดตั้งการเคหะขึ้น เรียกว่า “การเคหะแห่งชาติ” เรียกโดยย่อว่า “กคช.” และให้เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

          1. จัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัย

          2. ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประชาชนผู้ประสงค์จะมีเคหะของตนเอง หรือแก่บุคคลผู้ประสงค์จะร่วมดำเนินกิจการกับ กคช. ในการจัดให้มีเคหะขึ้นเพื่อให้ประชาชนเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ

          3. ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารหรือจัดหาที่ดิน

 

          4. ปรับปรุง รื้อ หรือย้ายแหล่งเสื่อมโทรมเพื่อให้มีสภาพการอยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมดีขึ้น

          5. ประกอบกิจการอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว

 

นายสิทธิชัย เนี๋ยมเจริญ

          ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ Thailand 4.0 ประเทศไทยกำลังปรับตัวเองไปด้านนวัตกรรม  สิ่งที่ดูคือ Envision for solution จะตรงมาที่หน่วยงานก่อนว่าทำอะไรกัน

Envision คือการ Imagine Something Possible

          SCG จึงเน้น Platform 4 อย่างคือ

          - Construction Platform

          - Elder Care Solution Platform

          - ECO Solution Platform

          - Smart Solution Platform

 

          ในปี พ.ศ. 2561 SCG เกิดมา 105 ปี เต็ม ผ่านวิกฤติมากมายอย่างในปี 1997 วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก จนต้อง Restructure  มีบริษัท 205 บริษัท หลังจากที่เรามีบริษัทมาก หลังจากนั้นเข้ามายุคที่เริ่มตั้งหลักได้ ปี 2004 คือยุคที่เริ่มเปลี่ยนแปลง เป็นยุคการทำ Innovation เพราะไม่เช่นนั้นธุรกิจไม่รอด และในวันนี้ปี ค.ศ. 2017 เรากำลังเจอวิกฤติตัวใหม่คือ การ Disrupt ทาง Business สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การ Disrupt ในยุค Digital Transformation ยกตัวอย่างที่เมืองจีนไม่ใช้ Currency ปกติแล้ว เขาใช้มือถือยิง QR code อย่างเดียว

 

          ประเทศไทยตั้งหลักได้ กำลังก้าวสู่การใช้นวัตกรรม กำลังทำประเทศไทยให้เป็น 4.0

          New S-Curve การก่อสร้างบ้านคืออะไร

          - การ Disrupt ทำให้ธุรกิจเกิดและตายได้ตลอดเวลา

 

นวัตกรรม คืออะไร  Innovation ต่างกับ Invention

Invention คือการประดิษฐ์ สิ่งไหนที่เกิด Invention หมายถึงเกิดขึ้นครั้งแรกของโลก แต่ Invention ทั้ง 100 % ไม่เป็นนวัตกรรม

          ยกตัวอย่าง Micro shift สร้างเป็นครั้งโลก มีวงจรหลายร้อยพันวงจรที่เล็กมากอยู่ในนั้น  Microshift เป็นเรื่องของ Invention แต่ Smart Phone เป็นเรื่อง Innovation หมายถึงต่างกันที่ Impact

          หมายถึง Innovation จะไม่เกิดประโยชน์ถ้าไม่สร้าง Value สู่ Customer

          1. New to us สิ่งนั้นใหม่สำหรับเรา

          2. New to market ในตลาดยังไม่มีใครทำแต่เราไป Import มาขายได้

          3. New to the world ในโลกยังไม่มีใครทำ แล้วเราทำแล้วขายได้ สิ่งนี้ถือเป็นสุดยอดมาก

 

          โลกเสมือนจะเกิดขึ้นจริงในเร็วนี้

          ความสัมพันธ์ระหว่าง Creativity , Invention and Innovation

          Invention ตัวไหนที่มีการกระแทกใจอย่างดีแล้วลูกค้าได้รับประสบการณ์แล้วชอบ สิ่งนั้นคือ Innovation

          ยกตัวอย่าง โทรทัศน์เจ้าแรกที่มีรีโมทคือ Toshiba ได้สร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจกับผู้บริโภค จนเป็นจุดริเริ่มของการผลิตรีโมทควบคู่กับโทรทัศน์ต่อมา

What SCG believe in Innovation

          แนวคิดของ SCG  คือ ถ้าไม่มี Innovation จะไม่สามารถสร้าง Sustain Growth

How to Build an Innovation Organization?

          - Vision

          - Innovation Culture

          - Innovation Process

          - Customer Centric

 

ใครเป็นคนมี Vision

          คือ Leader  มองปลายทางคือลูกค้า หมายถึงสิ่งที่ทำต้องขายได้ ต้อง Build Process 

โครงสร้าง SCG มียึดมั่นในอุดมการณ์ 4  SCG Innovation Organization สร้าง Innovation for life

          1. Customer Centric

          2. Visionary Leadership & People Competency

          3. Inno- Culture Practice

          4. New Idea System

Where a potential idea come from?

          1. Technology Scanning

          2. Competitor Landscape

          3. Mega Trend

          4. Customer Insight

มอง Mega Trend ว่าอะไรคือ Key Driver จะลงทุนตัวไหน รู้ก่อนได้เปรียบ

          1.STEEP  to Driver

          2. S-Curve to Landscape

          3. Technology Roadmap

 

Global Mega Trend

         ยกตัวอย่างเช่น ความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับบ้านมีเรื่องอะไรบ้าง สิ่งที่พบคือคนส่วนใหญ่เริ่มสนใจสิ่งที่เป็น Life Style ความเป็น Smart Goal มากขึ้น แต่ตัวเปลือกเริ่มสนใจลดลง การคาดเดา   เราต้องรู้ว่าจะดูว่าอันไหนอยู่ตรงไหน

 

Create our Own strategic opportunity Areas (SOA)

          1. Construction Platform

งาน Construction ต้องลด Skill Labor งานก่อสร้างกำลังจะเจ๊ง เพราะทุกอย่างว่าด้วย Standard อยู่ที่โรงงาน Platform จึงเป็นสิ่งสำคัญ

          - More efficiency

          - Reduce skill labor need

          - Reduce waste

          - Off-site Construction

 

          2. ECO Solution Platform มีเรื่อง Energy generation, Energy saving , Thermal Comfort, Air Quality

ยกตัวอย่าง- Renewable Energy

          - Solar Cells

          - Energy Efficiency / Saving

 

          3. Elder Care Solution Platform

          สังคมประเทศไทย เริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว สิ่งที่คนสูงวัยต้องมีคือเรื่อง Safety ,Wellness, Convenience, และ Multi-Generation คือการ Mix กันระหว่าง Generation  ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

          ดังนั้นการ Design ในปัจจุบัน เริ่มคิดเรื่อง Universal Design แล้ว

 

          4. Smart Solution Platform

          ประกอบด้วย Better living solution, One connectivity Platform, Reliability สิ่งที่พบโดยมากจะพบว่า Smart City นำร่องโดยภาคเอกชน

 

S-Curve of  Technology

          ในฐานะที่เป็นเจ้าของ Business จะลงทุนในธุรกิจตัวไหน  ในช่วง Dilemma Zone  ถ้าเรารู้ก่อนจะปรับตัวได้ แต่รู้ที่หลังจะปรับตัวยากพอสมควร

ยกตัวอย่าง Toyota เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำ  Hybrid Engine ที่ออกมาตัวแรกคือ Prius ซึ่งต่อมาก็มี Honda ผลิตรถที่เป็น Sola Engine ขึ้นมาเป็นต้น  แสดงว่า Future is Now อย่าชะล่าใจเด็ดขาด

 

สำรวจ  Customer

          ใช้วิธี Design Thinking Process

          - อยากรู้อะไรถามลูกค้า และถามให้เป็น  เช่นถ้าจะติดรูปที่บ้านต้องการอะไร เช่น ต้องการตัวเจาะในการติดรูปที่แขวน  เราอาจเสนอสว่านเจาะ แต่ลูกค้าอาจไม่อยากได้ เช่นอยากได้ กาวสองหน้า เทปสองหน้า ดังนั้นสิ่งที่ต้องหาให้เจอคือ Customer Inside

          - ในทุกกระบวนการเราจะถามลูกค้าเสมอ ลูกค้าจะมีส่วนร่วมตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่หลงทาง

 

การพัฒนาสินค้าอย่างหนึ่ง

          เช่น Apple ทำ MPV เพื่อทดลองตลาด หมายถึงเราอย่าเสียเวลาในตอน Final Pro เพราะลูกค้าจะสามารถบอกตอน Early Stage ได้ว่าเอาหรือไม่

 

Open Innovation

          - Connecting  the door คือการหา Collaboration จากคนที่เป็น Networking จากข้างนอก เป็น Open Innovation ที่ได้ Network ด้วย

ยกตัวอย่าง Sustainable Home  สิ่งที่ทำมาคือ The Next Eco-Sustainable Technology  for Home บ้านรังนก หมายถึงบ้านที่สามารถ Stand Alone ได้ เป็นบ้านที่ผลิตไฟได้เอง อยู่ที่ สวทช. รังสิต มีพื้นที่ 154 ตารางเมตร สิ่งที่คิดทำเรื่องนี้เพราะว่า  SCG ทำบ้านของจริง มีการบูรณาการเทคโนโลยีและดำเนินการไปถึงสุดของของเทคโนโลยีอย่างไร

 

          การก่อสร้างก็ใช้เทคโนโลยีใหม่เริ่มมาจากการใช้บ้าน 100 ปี เพื่อเฉลิมฉลอง และคิดเป็น Business Model มีเทคโนโลยีใหม่ในบ้าน 80% เป็นส่วนที่คิดมาเอง จด IP Innovation ลูกค้าสนใจเรื่องการระบายอากาศ  คนที่กล้าลองใช้เป็น Innovator เป็นคนแรก ที่จะผลักดันสู่การตลาด จะเป็นใคร แต่ที่ผ่านมาถ้าไม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้  Innovation ตรงนั้นจะตาย

          ระบบระบายอากาศ เป็น Flow House

          ตอนนี้กำลังจะสร้างสะพานข้าม ถ้าข้ามได้จะกลายเป็นช่วง Growth ของผลิตภัณฑ์

 

การบริหารกลยุทธ์องค์กร (2)  โดย ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ  อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์ 

กรณีศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ

 

          ปัจจุบันแผนกลยุทธ์จะเป็น 3 ปี เน้นเชิงคุณภาพมากขึ้น มีการประเมินผล ในช่วงหลังการทำแผนกลยุทธ์ มีบอร์ดในหลายภารกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี

          การเริ่มทำแผนกลยุทธ์ต้องดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

 

The World is changing

          - Fewer boundaries โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เรามีความสามารถแข่งขันอย่างไรก็ได้

          - Free flow information การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภค เช่น Wallmart สามารถทราบได้ว่าใช้สบู่ขนาดไหนแล้ว จะซื้ออีกเมื่อไหร่ สังเกตได้จากการ Flow ข้อมูล

          - Rapid tech advancements, enablers and distractors เทคโนโลยีมีทั้งด้านบวกและด้านลบ เป็นหนึ่งในสมการการคิดแผนกลยุทธ์องค์กร

          - Smarter mobiles

          - Virtual Reality is reality จะเป็นลักษณะ Work from home มากขึ้น

          - More Connected

 

 Navigating the next industrial revolution

          เปลี่ยนแปลงเร็วมาก สังเกตได้ว่าจะเห็นเครื่องมือใหม่ ๆ มี AI และมีระบบ Face recognition คือระบบจดจำภายหน้าเป็นระบบ Machine Learning และถึงขั้น Deep Learning สามารถสั่งการขับรถโดยพิมพ์ได้โดยไม่ต้องใช้มือพิมพ์

          เราอยู่ในยุคดิจิทัล ทุกสิ่งขับเคลื่อนเร็วมาก  เราสามารถใช้การผสมผสานของดิจิทัลเทคโนโลยี มีการแก้ระบบระเบียบเป็นมาตรฐานสากล

 

Technology is everywhere &

          ทุกอย่าง Customization เรื่องที่เกิดขึ้นเป็น มีเดียต่าง ๆ เป็นลักษณะ Streaming มีการupload ข้อมูลได้เร็วขึ้นจาก Big Data

          - Social ,Mobile ,Analytics & Cloud

          - Artificial Intelligence, Cognitive &Robotics

          - Big Data and Automation

 

The Quest for Customer Focus

ใครมีข้อมูลทางการตลาดจะวิเคราะห์ได้เร็วขึ้น โลกในปัจจุบันเป็นโลกของผู้ซื้อไม่ใช่ผู้ขาย ผู้ซื้อได้ประโยชน์เนื่องจากสามารถเทียบราคาได้ แต่ในวันนี้พลิกกับเป็นโลกของผู้ผลิต คือคนที่ขายของได้ต้องสร้างความรู้สึกในการที่คนต้องใช้สิ่งของนั้นเสมือนเป็นการบังคับให้ผู้ซื้อใช้ของที่เป็น Experience ในองค์กรเอง ถ้าผลิตจนถึงการสร้างให้เกิดความเป็นส่วนหนึ่ง เหมือน Challenge มีความสุข ทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ คนได้เรียนรู้ทุกวัน

 

สรุปคือ Experience จะทำให้คนซื้อของ และอยู่ในองค์กร

 

VUCA

          โลกยุค VUCA คือ ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน ไม่ชัดเจนในยุคนี้เป็นยุคของ disruptive

 

องค์กรและการเปลี่ยนแปลง

          1. องค์กรที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น – ยังมีการจ้างคนเหมือนเดิม และมีการรั่วไหล ยังไม่อยากเปลี่ยนแปลง ไม่ลงทุน

          2. องค์กรที่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงและรอจนกว่าจะกระทบตัวเอง

          3. องค์กรที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรู้ว่าทำอย่างไรแต่ไม่ลงมือทำ

          4. องค์กรที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง เป็นองค์กรที่จะอยู่รอดได้ในอนาคต ทุกสายงานบอกได้ว่าต้องการคนกี่คน ลักษณะแบบไหน

 

          ธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทันอาจเกิดปัญหาได้  เราต้องสร้างค่านิยมร่วม

          ยกตัวอย่าง Amazon เป็น Website อ่านหนังสือได้มา Disrupt Book Sell อีกทางหนึ่ง หรือ การออก Product ใหม่กลืนกินบริษัทเขาเอง

          ไม่มีองค์กรไหนที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ปรับเทคโนโลยี เพราะโลกเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ในอดีตจะเห็นว่าเราไม่สามารถป้องกันอะไรได้  ปัญหาคือ HR ไม่ได้มองการ Retain คนเป็นเรื่องใหญ่ เรามองดูว่าเราจะใช้ศักยภาพให้เต็มที่ได้อย่างไร แล้วต้อง Deliver ไห้ได้ อนาคตเป็นสิ่งที่ต้องดูในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน มีการกำหนดเรื่องโครงสร้างทางสังคมในการเลือกปฏิบัติ มีการปรับกฎระเบียบต่าง ๆ

 

Some Fundamental Questions ?

Key Questions in Strategic Management

             1. Where are we now? 

             2. Where do we want to go?

             3. How will we go there?

          เช่นบางคนมีที่จอดรถอยู่ที่บ้านอยู่ใน Prime Area จะทำให้รู้ที่มาที่ไปว่าอยู่ตรงไหน ดังนั้นการสร้างอะไร เราต้องรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะไปที่ไหน ไปอย่างไร

 

          Where are we now?  - Strategic Analysisการทำ SWOT ,PEST,Five forces, 7S,etc.

          Where do we want to go? เราต้องตั้งวิสัยทัศน์ที่ท้าทาย มี SMART GOAL

          How will we go there? พูดถึงกลยุทธ์ที่จะไปจะทำอย่างไร

 

Factors Shaping the Choice of Strategy

          มีปัจจัย Internal Factors และ External Factors และมีการ Mix of considerations that determines a company’s strategic situation

 

ตัวอย่างของแบงค์ชาติ

          1.กำหนดวิสัยทัศน์ คิดแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี เน้นเรื่องการพัฒนา และสร้างความเข้มแข็งภายในการอยากรู้ว่าองค์กรสำคัญเรื่องคนมากน้อยแค่ไหนจะดูที่มีเรื่องคนอยู่ในแผนยุทธศาสตร์หรือไม่           ข้อมูลจากข้างนอกเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ

          2. การให้โจทย์คิดจากระดับล่างขึ้นข้างบน แล้วหัวหน้าส่วนกรอง ข้อดีคือการมีส่วนร่วม และสามารถเก็บประเด็นได้

 

          คำถามคือ

          1. ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง

          - การดูปัจจัยภายนอก และภายในเป็นอย่างไร มีข้อมูลที่เป็น Insight full สิ่งสำคัญคืออย่ามากแต่ให้เน้นประเด็นสำคัญ เน้น Priority จะพบว่า Fact Base ไม่เหมือนกัน

          2. ทิศทางการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

          3. ทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ วัดได้อย่างไร

 

          การปรับโครงสร้างองค์กรต่าง  ๆ ต้องมีการปรับมีการเอาระบบ Automation มาใช้ เช่น การบริหาร HR จะบริหาร Talent อย่างไร

          - HR ต้องปรับตัวจาก Function เป็น Service

          อย่างการเคหะฯ ต้องมีข้อมูลต่าง ๆ ในการวางแผนกลยุทธ์ มีการทำงานเลี้ยงคนอายุเยอะน้อยลง เป็นต้น

 

ทิศทางการเปลี่ยนแปลง อาทิ

          ด้านสิ่งแวดล้อม โลกปัจจุบันมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมสูงมาก เทคโนโลยี การปริ้นในระบบ 3D คนทำงาน คนทำงานที่บ้านมากขึ้น สถานที่ทำงาน เปลี่ยนเป็นนั่งตรงไหนก็ได้ และคนในทุกวันนี้ไม่ได้สนใจว่าบริษัทอยู่ที่ไหน

          -  การทำงานเปลี่ยนไปรวดเร็วขึ้น ต้องทำตามใจผู้ซื้อ อยู่ใน Economy of Space ไม่ใช่ Economy of Scale

 

          - วิถีชีวิตการทำงานเปลี่ยนไป ถ้าเราเข้าใจบริบทของแต่ละประเภท การผลิตของขายจะเข้าใจได้มากขึ้น ในอนาคตอะไรที่ดิจิทัลได้จะดิจิทัลได้ทั้งหมด อะไรที่ไม่ดิจิทัลจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ

          - การทำงานในอนาคตรูปแบบเปลี่ยนไป

          - Red Ocean / Blue Ocean Strategy   ตัวอย่าง Blue Ocean ของ Amazon มีการลงทะเบียนหนังสือที่หายาก การกำหนดแผนกลยุทธ์ขึ้นอยู่กับว่าเราจะ Cover Sector ไหน

          - การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเช่นลูกบิดประตู สามารถสแกน QR Code และเปิดได้เลย มีการส่ง Password ให้โดยไม่ต้องให้กุญแจเขาเป็นต้น

          - 4 System types in each home ได้แก่ Electricity, Climate, Security, Multi-Media

 

          โดยสรุป โลกในวันนี้ ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นปลาเร็วกินปลาช้าและกินปลาใหญ่ด้วย

 

การพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรสร้างสรรค์ อาจารย์ศรัณย์ จันทพลาบูลย์ 

 

          1. COD – Creative Organization Development

          2. Strength Based Organization

 

          COD – Creative Organization Development

          ยกตัวอย่าง บริษัทขายเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ลูกค้าคืนสินค้าเมื่อนำไปส่ง...  จึงเกิดแนวคิดใหม่ ๆ ว่าทำอย่างไรที่ให้ลดการคืนสินค้าของลูกค้า อาทิ พบปัญหาเรื่องการยกเฟอร์นิเจอร์ไปวางลูกค้า แล้วลูกค้ารู้สึกไม่สวนเหมือนที่อยู่ในรูป ทำให้คืน จึงขอให้เจ้าของจัดหลักสูตรสอนตกแต่งภายในให้กับคนขับรถที่นำสินค้าไปส่ง เมื่อคราวหลัง คนขับรถนำสินค้าไปส่งที่บ้านลูกค้าได้เลือกวางในมุมที่เหมาะสม สวยงามทำให้ลดการคือของลูกค้า ได้ประเด็นอะไรจากแนวคิดนี้

          สรุปแนวคิดด้านบนคือความรู้องค์รวม ส่วนข้างล่างเป็น Specific Knowledge แนวคิดสร้างสรรค์อยู่ตรงไหน

 

          วิธีที่ 1 ผู้บริหารใช้ความรู้แบบ Aggregrate Knowledge และเฉพาะเจาะจง

 

          วิธีที่ 2 เปิดโอกาสให้พนักงานคิดหาไอเดียใหม่ ๆ อาจได้ลด

             - ผู้ปฏิบัติเห็นปัญหามากกว่า

             - ผู้ปฏิบัติคิดมาแล้วว่าสิ่งนี้ทำได้

 

             การที่ไอเดียมาจากตัวเขาเอง เขาจะทำตามแนวคิดเขาเองเต็มที่ ถ้าเจออุปสรรค เขาจะทะลุทะลวงแบบไหนมากกว่ากัน หมายถึงคิดเองทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ดีกว่า

 

           COD ดีอย่างไร ให้เลือกได้ 2 อย่างจากทั้งหมด 8 อย่าง จะเลือกอะไร

                    1. ทำงานง่ายขึ้น                     2. ประหยัดค่าใช้จ่าย

                    3. ประหยัดเวลา                     4. ปรับปรุงบริการลูกค้า

                    5. พนักงานมีส่วนร่วม               6. ปรับปรุงพัฒนาองค์กร

                    7. ปรับปรุงผลพัฒนาองค์กร        8. เพิ่มประสิทธิภาพพนักงาน

 

          หากไม่ COD คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

                    1. เสียค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง                     2. ลูกค้าไม่พอใจ

                    3. เสียลูกค้า                                    4. พลาดโอกาสดี

                    5. ผลการดำเนินงานองค์กรตกต่ำ            6. พนักงานขาดความเคารพและเชื่อมั่นในตัวผู้บริหาร

                    7. พนักงานไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพราะไม่มีส่วนร่วม

 

             ผลจากการสำรวจพบว่าในห้องประชุมการเคหะฯเลือก พนักงานไม่ทุ่มเทเพราะไม่มีส่วนร่วม

          ผลดีของการทำ COD (เลือก 2 ข้อ จาก 9ข้อ )

                    1. หัวหน้ามีความเคารพพนักงานอย่างจริงใจ

                    2. พนักงานช่วยให้ผลงานดีขึ้น

                    3. พนักงานได้รับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น

                    4. เกิดไอเดียต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

                    5. สร้างวัฒนธรรมสู่ความเป็นเลิศ

                    6. พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น

                    7. พนักงานใส่ใจมากขึ้น

                    8. พนักงานรู้สึกมีคุณค่าต่อองค์กร

 

          ตัวอย่างที่ 2   มีบ้านพักคนชรา มีบริเวณที่มีอันตราย บอกว่าอย่าเดินไปในบริเวณนั้นอันตราย แต่พบว่าคนชราเหล่านั้นก็เดินไป ผู้บริหารเลยให้พนักงานหาไอเดียใหม่ ๆ ไม่ให้คนชราไม่เดินในที่อันตราย คำตอบ เขียนป้ายบอก ทำเซ็นเซอร์ ทำแถบสี

 

             มีพนักงานคนหนึ่งสังเกตว่าคนชราไม่เดินไปในบริเวณพื้นสีดำ จึงเปลี่ยนกระเบื้องยางในพื้นที่อันตรายเป็นสีดำและเฝ้าสังเกต ผู้ชราเจอสีดำก็เดินเลี่ยงหลบมา ปรากฏว่าไอเดียนี้ใช้ได้ เป็นตัวอย่างหนึ่งของการสร้างสรรค์ ไอเดียมาจากทุกคนในองค์กร

 

คำถามคือ เป็นจริงได้หรือไม่ที่ให้พนักงานคิดไอเดียมาก ๆ

ตอบ ตัวอย่างบริษัทใน U.S.พนักงานมีไอเดีย 104 ไอเดียต่อคนต่อปี โดยเฉลี่ย 1 คน 3 ไอเดียต่อวัน ทำให้ยอดขายสูงกว่าพนักงาน 7 เท่า ส่งผลให้ต้นทุนต่ำกว่าที่อื่นในโลก แสดงถึงความเป็นจริงที่สามารถทำได้ และส่งผลต่อการพัฒนาองค์กร

 

หลักความคิดสร้างสรรค์ 4 M

             1. Mindset – ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ

             2. Mood – อารมณ์ ความรู้สึกที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์

             3. Mechanic – ขั้นตอนการคิด

             4. Momentum – ทำอย่างไรให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยั่งยืนไม่เป็นไฟไหม้ฟาง

 

             สิ่งที่ทำคือให้พนักงานทุกระดับมี Creative Process ,Creative Leadership, Creative Thinking เพื่อจูงใจให้พนักงานคิดไอเดียใหม่ ๆ  ให้สอดรับกับความคิดสร้างสรรค์ในองค์กร  และจะพบว่าเมื่อเชื่อม Creative จะมี 4 M คือมี Content ทั้งหมดที่คิดคือ 12 Module คือ Creative Thinking

 

Mindsetที่ 1   รู้หรือไม่ว่า 86% ของคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานขึ้นกับ 2 อย่างคือ มนุษย์สัมพันธ์  และความคิดสร้างสรรค์

 

             ทำไมทั้ง 2 อย่างนี้จึงทำให้ 2 คนประสบความสำเร็จในการทำงาน  ความคิดสร้างสรรค์คือการคิดต่างจากเดิม เพราะคิดเหมือนเดิม ทำแบบเดิม ย่ำอยู่ที่เดิม ความคิดสร้างสรรค์คือการพัฒนาและปรับปรุงจึงทำให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน แต่ถ้าขาดมนุษย์สัมพันธ์จะไม่สามารถเอาไอเดียไปปฏิบัติและได้รับความร่วมมือ การมีมนุษย์สัมพันธ์จะช่วยให้เกิดความร่วมมือ สามารถนำไปสู่ Innovation คือการนำความคิดสร้างสรรค์ไปปฏิบัติแล้วเกิดคุณค่าเพิ่มกับคนในองค์กร สังคม ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์กับตัวเองด้วย

 

Mindset ที่ 2   ความคิดสร้างสรรค์และความฉลาด IQ นั้น เป็นอิสระต่อกัน

 

Mindset ที่ 3 บรรยากาศในองค์กรเอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเปรียบเทียบองค์กรเหมือนร่างกาย จะทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ อาทิ  Open Disruptive

             - Divergent Thinking  คือการคิดเยอะ ๆ คิดไม่ยั้ง

             - Convergent Thinking คือการกรองสิ่งไม่ดีออกไป

             Idea Finding อาจเป็น Idea ที่ใช้ไม่ได้แต่สามารถปรับให้เป็น Solution

 

 

 

การคิดสร้างสรรค์  มีกรอบอยู่ 3 กรอบ มีกรอบของความคิด กรอบองค์กร และกรอบสังคม

             1. ครึ่งแรกของการคิดสร้างสรรค์ต้องคิดนอกกรอบ 3 กรอบนี้ แต่ยังเอาไปใช้ไม่ได้ เป็นช่วงที่เป็นไอเดียดิบ ๆ ที่ยังไม่ได้กรอง

             2. ครึ่งหลัง การบ่มความคิดดิบ ๆ ให้เข้ามาในกรอบขององค์กรและสังคม ให้เข้ามาอยู่ระหว่างกรอบความคิดเดิมของเรา เป็นการคิดคร่อมกรอบ

 

Strength Based Organization

             องค์กรทั่วไปจัดวางพนักงานองค์กรอย่างไร สิ่งที่ทำอย่างนี้ทำให้พนักงานไม่ใช้ความสามารถเต็มร้อย อาจทำให้ไม่สำเร็จหรือใช้ทรัพยากรไม่เต็มที่  เพราะสิ่งที่ขาดหายไปคือพรสวรรค์และ Talent ถ้าเอา Talent มาพิจารณาด้วยจะเกิดจุดแข็งที่แท้จริง

             Talent = Skill + Knowledge

ดังนั้นการ Recruit คนต้องดู Talent + Skill + Knowledge

             จากการสำรวจพบว่า Talent ทุกคนมีพรสวรรค์ของตัวเอง ที่พบคือ 34 Talent ที่ทำให้เกิดรูปแบบความคิดพฤติกรรม ที่ทำซ้ำ ๆ ให้เกิดการทำงานได้ การมี Talent จะทำให้เกิด High Performance มีทั้งหมด 34 Theme แบ่งเป็น 4 กลุ่ม มีการประเมินแบบ Strength Finder

             เราสามารถรู้ได้ว่าเรามีพรสวรรค์แบบใด พนักงานมีพรสวรรค์แบบใด  ท้ายที่สุด ไม่ว่าเราอยากให้องค์กรเป็นแบบใดก็แล้วแต่ต้องมีการออกแบบด้วย

แนวคิดของ Design Thinking คือ Creative ที่มีหัวและมีหาง

             Design Thinking หมายถึง Creative ที่มีการลงมือทำ

             1. โมเดลคิดในใจคือ What is?  What if?  What wow?  What work?

             2. โมเดลของ Stanford d.School

                     - ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเชิงลึก รับรู้ความรู้สึก ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ

                     - ออกแบบ Design

                     - หาไอเดียใหม่

                     - ทำ Prototype ต้นแบบ

                     - Test

             3. โมเดลจาก Designer คือ

                    - Be Construction แยกร่าง

                     - Point of view

                     - รวมร่าง

                     - Expression

             4. โมเดล Leadership

 

          สรุปคือ องค์กร COD และ Strength Based Organization น่าจะมีการประยุกต์เอา Design Organization ในการออกแบบองค์กร

 

ดร.ณัฐวุฒิ  พงศ์สิริ

การสร้าง Innovation ในองค์กรมี Case ที่ใช้กันและประสบความสำเร็จ

          1. Empower  ตัวอย่าง Honda Robotic ต้องพัฒนาหุ่นยนต์ วิธีการคือ Empower มอบหมายความอิสระให้กับทีมงาน ซึ่งไม่อยู่ในกฎระเบียบองค์กร และสามารถเลือกวิธีการที่ดีที่สุด

          2. IKEA เป็นบริษัทที่ขายของพื้น ๆ ที่สามารถสร้างนวัตกรรมได้ หมายถึงทุกอย่างต้องน้อยชิ้นเข้าไว้ ทำอย่างไรให้ของมี Innovation ใช้วิธีการคือ ไม่มี Hierarchy หัวหน้าและลูกน้องไม่มีระดับ มีความอิสระ ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ได้

 

             Innovation มีทั้งแบบ Open – Closed Innovation มีตั้งแต่ Platform ที่อยากได้ idea ก็เสนอไปใน Website ที่ทำอะไรต่าง ๆ ได้

             Empowerment การให้ Resource เต็มที่

          3. บริษัทที่ดัง ๆคือ Dupont ทำเป็น Process อย่าง Post-it ถูกคิดโดยคนที่ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเรื่องนั้น โดย Culture คือใครคิดอะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ ภายใต้ No Blame Culture หมายถึงคิดอะไรก็ตามที่นอกกรอบ จะเข้าสู่กระบวนการ Pier System / Pier Review และถ้าไปไม่ได้ก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากทุกคนมีส่วนร่วมแล้ว

 

             การมี Innovation ได้ นอกจากเปิดแล้ว Knowledge จะ Flow ในการให้คนมาใช้เป็น Data Based  ช่วยให้การดำเนินการต่อยอดได้โดยไม่เริ่มจากศูนย์ใหม่

             ยกตัวอย่างที่ อย่างแบงค์ชาติจะแก้ปัญหาต้องมีการ Turn Point ต่าง ๆ เป็นแนวทางในการแก้ปัญหา เป็นระบบ วิธีการที่ไม่ใช่แค่ COP หรือ Brain Storming แต่มีวิธีการใหม่ ๆ ที่นำไปสู่สิ่งที่มองไม่ถึง

 

          การ Rotate คน และปรับ HR ให้มีความยืดหยุ่น

          ตัวอย่างมีปัญหาเรื่อง Silo การเลื่อนไปตำแหน่งสูงจะเป็นทักษะการบริหารมากกว่าเทคนิค

          1.ต้องแก้โจทย์ตั้งแต่ตอนต้น ต้องให้รู้มากกว่าเรื่องเดียว ต้องมี External Move เพื่อให้ได้เห็น  ในสิ่งที่แตกต่าง เป็นการเรียนรู้นอกกรอบ

          2. พัฒนาระบบขึ้นมาคือ หัวหน้าไม่ยอมให้คนเก่งไป และไม่ยอมรับคนอื่น จะเป็นการเลี้ยงไว้โดยไม่โต แล้วมีปัญหาที่หมุนไปแล้วหมุนกลับได้หรือไม่อาจไม่ได้รับการโปรโมทต่อ อย่างหนึ่งต้องถามความต้องการจากพนักงานด้วยว่าต้องการอะไร อย่างแบงค์ชาติมีการทำ Web Base  เปิดว่าใครสนใจจะไปไหน ในทุกเดือนแต่ละสายงานจะดูว่าใครสนใจมาดูบ้าง ให้เวลา 3 เดือนในการส่งต่อและเปลี่ยนผ่าน มีการกำหนดว่าจากนี้ไปสองปี ถ้าจะเลื่อน 1 ขั้นต้องผ่านมา 2 หน่วยงานเป็นการประกอบในเรื่องอื่น  เช่นการอยู่ที่อื่นก่อนแบงค์ชาติก็นับได้ 1 Mobility เป็นต้น ดังนั้นเรื่อง Mobility สามารถช่วยแก้ปัญหาได้มาก แต่ปัญหาบางอย่างก็เกิดปัญหาคนออกไม่มีใครเข้าเลยแก้ปัญหาให้รับคนใหม่ได้ โดยไม่รอคนออกเพื่อเรียนรู้ได้ทันในการส่งต่อ เด็กมีการแยกสังคมโดยปริยาย ต้องคอยแนะนำไม่ใช่ไปสั่งเขา ถ้าเป็นผู้ใหญ่สั่งเด็ก องค์กรไหนก็ไปไม่รอด

 

วันที่ 15 มีนาคม 2561

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะฯ โดยศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ  ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

          เราจะจัดการการท้าทายอย่างไร เราจะเปลี่ยนเป็น Opportunity ได้อย่างไร สิ่งสำคัญในวันนี้คือเราต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานของเรา เราต้อง Turn Challenge into Action และ Turn Action into Success

 

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

 

          อยากให้คิดแบบคนนอกมองมาที่การเคหะฯ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนโลกทัศน์หรือจุดยืนของว่าที่ผู้นำ

          สิ่งแรกที่จะเกิดคือ ผู้นำหรือผู้ตามในอนาคต เวลาเราจะทำธุรกิจอะไรเราจะเริ่มจากฉันทำอะไรเก่ง แต่เราไม่ได้ถามว่าทำไมคนมาร้านเรา

          ประเทศไทย การเคหะฯ ติดนโยบายระดับชาติต่างกันมากก็ไม่เยอะเรามี Mindset ว่าเราสามารถทำได้ก่อน

          ยกตัวอย่างสิงคโปร์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ตุง กวน ตู นายกฯ มาเลเซียคนแรกกลัว ลี กวน ยู ซึ่งจบแคมบริดจ์ เนื่องจากคิดว่าถ้าขึ้นเป็นนายกฯ คนแรก  นายกฯ ให้ เกาะทีมาเซ็ก มาเกาะนึงไปตั้งประเทศ พร้อมให้เลือกทีมเอง โดยมีเงื่อนไขว่าให้เวลา ลี กวน ยู 3 ปี ถ้าอยากกลับมาประเทศห้ามเล่นการเมือง แต่จะเป็นประธานเอกชนได้ แต่ถ้าไปดีให้ไปบริหารประเทศเลย

          How to built the nation from third world to first world  เอาเงินทั้งหมดที่ตวนกูให้มาตั้ง การเคหะฯ เพื่อสร้างให้คนมีความรู้สึกรักชาติ รักบ้านตัวเอง ทำให้คนไทยรู้สึกรักบ้านรักเมือง

          รัฐบาลในการเคหะฯ ควรมีอุดมการณ์ว่าเอาอย่างนี้ เดิมหัวคือรัฐบาล  ต้องมีครึ่งหนึ่งคานอำนาจกัน และอีกครึ่งหนึ่งเสริมกัน ส่วนที่จะเสริมกัน คือ Enable ทำอย่างไรในฐานะที่เป็นทีมของผู้ว่าฯ จะเป็นตัวเสริมแรง

          องค์กรที่ดีต้องมี 2 แรงคือการ Balanced กันให้เกิดความสมดุล และทำอย่างไร บอร์ดกับผู้ว่าฯ ถึงคุยกันได้ ถ้าบอร์ดกับผู้ว่าฯ เป็นทางเดียวกันไม่คานอำนาจ เสริมแรง ทำอะไรก็จะเจริญ การเคหะฯ จะอยู่ในสถานะลูกคนกลาง จะมีความรู้สึกคือเข้าใจคือสมดุล นอกจากบอร์ดและผู้ว่าฯ ต้องดูว่านานาประเทศเป็นอย่างไร

 

1. การทำ SWOT

สิ่งที่พบคือมีหลายสถาบันไม่เชื่อรัฐบาล  ถ้าไม่ทำตามประชารัฐ ก็ไม่มีงบประมาณให้คืองบเงินเดือนกับงบซ่อมแซม

                   SW = พลังภายใน เป็นพลังความแข็ง (Strength) และอ่อนข้างใน (Weakness)

                   OT = พลังภายนอก  คือโอกาส (Opportunities) และการคุกคาม (Threats)

 

2. PEST +E คือพลังจากภายนอก (สิ่งแวดล้อมภายนอกที่ใหญ่กว่ารัฐบาล)

                   P = Politic  E = Economic

อาทิ การเงินภายนอกเช่นเงินดอลล่าร์อยู่นอกประเทศ 75% อยู่ในประเทศ 25% State side dollar , Euro Dollar, Black Dollar , Grey Dollar มีเรื่อง FinTech และรูปแบบธุรกิจในปัจจุบันเปลี่ยนไปเช่น Uber, Grab

                   S = Social

อาทิ การทำอะไรก็ต้องเกรงใจชาวบ้าน  เพราะเราสามารถดึง Social มาเป็นพวกด้วยได้

สังคมเปลี่ยนไปปัจจุบันมี Social Digital , Social Enterprise , Social Media

                    T = Technology

ในยุคนี้เลือกไม่ได้ สามารถทำให้เกิด Gap คือคนรู้และไม่รู้จะห่าง  มือถือกลายเป็น Black Box

                    E = Environment

          สรุปคือ เดิมเรารู้เรา ปัจจุบันเราต้องรู้เขา สิ่งแวดล้อมดังกล่าวใหญ่กว่ารัฐบาล ทำให้ประเทศไทยเสียดุลหรือได้ดุล

 

          Mega Trend

          1. Aging Society           2. Urbanization

          3. Prefab ตัวบ้านสำเร็จรูป Hein ของ SCG แพงกว่าการเคหะฯ 20%  อยู่ในหลักแสนไม่ใช่  หลักล้าน ต้องไปด้วยกัน ต้องดูทั้ง Cost และ Quality

          คนของการเคหะฯ ต้องรู้เขา เพราะปัจจุบันเร็วและทำนายไม่ได้ การเคหะฯ ต้องเปลี่ยน Culture เป็น Learning Organization เป็นการทำ PDCA ที่ไม่ใช่แค่พูดแต่เป็น Learning Organization เปลี่ยน Tacit Knowledge เป็น Explicit Knowledge การมีความรู้ฝังในตนจนถ่ายทอดเป็นความรู้ขององค์กร แต่ญี่ปุ่นทำแบบนี้มานานแล้ว

 

ทำไมไฟส่องหน้าการเคหะฯ

          เพราะการเคหะฯ มีทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีในการเคหะฯ แต่ฝังในตน และควรมีวันหนึ่งที่คุยกันบนโต๊ะกันเอง แล้วการเคหะฯ จะเปลี่ยนโฉมเป็นองค์กรที่พึ่งได้ของรัฐบาล และจะทำให้การเคหะฯ มีอำนาจในการเวนคืน และอำนาจในการออกตั๋วเงิน

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          ต้องปรับวิธีการทำงาน และการรวมตัวกันต้อง Overcome Difficulty ต้องสร้าง Process การเรียนรู้ จุดเล็ก ๆ จะทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการเอาชนะอุปสรรค

 

ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

          ค่านิยมองค์กรการเคหะฯ น่าประทับใจมาก Social and Responsibility

เราต้องอยู่ให้ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน

          Urbanization กับ Downtown  สิ่งที่บอกคือการเคหะฯ เป็นที่พึ่งของพนักงาน และคนระดับล่างที่เงินเดือนน้อย หมายถึง การเคหะฯมีหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องดูด้านนี้

          1. ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีผลต่อโลกอนาคต

          สิ่งที่คำนึงถึงคือ โลกเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่ควรดูได้แก่   Science ,Technology, Engineer, Mathematic แล้วจะเปลี่ยนตามโลกหรือไม่

ยกตัวอย่าง คนญี่ปุ่นทุกคนมี Logic มาก  หมายถึงต้องมีวิธีการที่หลากหลายคนที่เลียนแบบเก่งจะมี Logic มาก

 

ความท้าทายเชิงธุรกิจและกลยุทธ์การแข่งขัน

          1. ความท้าทายเชิงธุรกิจ

                   1. ภาพประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย มาเลเซีย  สิ่งที่เห็นในภาพคือถ้าเมืองเจริญ  ตรงไหนคือเมืองจริงที่เป็น Center เมืองเจริญ มี Mass Transportation ดี แล้วคนจะซื้อรถอะไร ยกตัวอย่างญี่ปุ่นลงทุนทั่วโลก  เราจะทำอย่างไรกันดี

ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่นมีแบรนด์ มอเตอร์ไซด์ รถยนต์  ความท้าทายคือ ญี่ปุ่นจับมือร่วมกันแล้วไปแข่งกับยุโรป

ในฟิลิปปินส์ มีคนที่จนกว่าเราเยอะมาก ปัจจุบันคนฟิลิปปินส์พูดภาษาอังกฤษดีกว่าไทยมาก

ประเทศไทยดีกว่ายุโรปเยอะมาก เงินไปไหน เราเหลือหน้าที่ทำงาน

ความท้าทายที่เกิดในภาคอุตสาหกรรม อยากเห็นการมีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง

                   2. โลกเปลี่ยน เราต้องการทำให้เป็น Smart Mobility

ยกตัวอย่าง Social Enterprise ทำอย่างไรให้เกิด การสร้าง Social Network มี Cloud  สิ่งที่พบคือระบบดิจิทัลที่เปลี่ยน และ Big Data

          ระบบดิจิทัลที่เอา Big Data มาประมวลผลทั้งหมด เป็น Drone

ยกตัวอย่าง Amazon.co ใช้โทรศัพท์อันเดียวเชื่อมโยง Digital ,Fintec, QR Code ทั้งหมดเลย

                   3. ค่านิยมผู้บริโภคมีความหลากหลายมากขึ้น

                             - ชีวิตผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเยอะมาก

                              - เด็กรุ่นใหม่ พ่อแม่ดูแลอย่างดี คนแต่ละระดับเป็นอย่างไร สังคมก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุในเมืองใหญ่

                              - Smart Mobility จะเดินอย่างไร การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุจะทำอย่างไร อย่างการสร้างอุปกรณ์ นวัตกรรมตัวใหม่ให้ผู้สูงอายุมากขึ้น เราจะทำอย่างไรในฐานะที่เป็นผู้บริหาร

 

                   4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านอุตสาหกรรมจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี

                   5. ปัญหาทางสังคมที่มีความรุนแรงมากขึ้น

                              - Environment & Technology  - Energy   - Robotics

ยกตัวอย่างในเยอรมัน BMW เป็นเครื่องจักรหมดเลย

                              - Human เราต้อง Control Robots  ต้องเป็น Human & Machine

ความคาดหวัง  เช่นด้าน Smart Power เป็นสิ่งที่ไทยอยากได้มากในอนาคต ถ้าเป็นผู้บริหารในอนาคตจะคิดอย่างไร

                   ความท้าทายเชิงธุรกิจ มีการแข่งขันในเชิงธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมยานยนต์ มีการเปลี่ยนแปลงมากในอนาคต  อาจจะลองไปศึกษา Electrical ในยุโรป ในสหรัฐฯ

 

          2. กลยุทธ์การแข่งขัน

          กลยุทธ์การแข่งขัน ในเวียดนามในด้านที่อยู่อาศัยมีเพิ่มขึ้นมาก สร้างความเหมือนให้เหมือนกันหมดในอาเซียน เช่น ใบขับขี่ และการขับรถ ที่ขับในด้านเดียวกัน เราต้องมีการทำความร่วมมือ Networking  มีการทำกระบวนการทั้งระบบ เพื่อมีการแข่งขันในธุรกิจได้ ต้องมีการเก็บข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์ และมาปรับใช้ในงานที่ทำอยู่ ต้องมีการวิเคราะห์คนก็เป็นส่วนสำคัญในการปรับระบบ

                             - Action Learning

                             - Learning by doing

ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่นต้องการเข้า UN มีการ Search  แนวทาง พบว่าจะมีเรื่อง Safety and Environment ต้องมีเรื่อง Regulation สถานประกอบการในต่างประเทศ พยายามผลักดันกำหนดให้เป็น Regulator เพื่อเข้าไปสู่การกำหนดกฎหมาย เพื่อนำไปใช้ในการบริหารธุรกิจ

 

          3. มาตรการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ในปี พ.ศ. 2565 มีแนวทางว่า การเคหะฯ จะต้องนอกจากคุณภาพราคาต้องทำเพื่อสังคมด้วย  การเคหะฯ ต้องบอก Brand Image จากการเคหะฯ ให้ได้ คือการสร้างความตระหนักให้เกิดกับบุคลากรในองค์กรของท่าน

          สิ่งที่อยากฝากคือ เราไม่สามารถหยุดนิ่งได้  เพราะเราจะไม่สามารถเดินได้

          ในฐานะที่เป็นผู้บริหารจะมีแนวทางการปรับตัวอย่างไรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และจะต่อยอดความสำเร็จขององค์กรในอนาคตได้อย่างไร

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ในมหาวิทยาลัย เราต้อง Transform จาก Quantity เป็น Quality เวลาเราทำอะไรเราต้องมี High Standard หรือ World Standard

เมื่อเจออุปสรรคแล้วเราจะข้ามได้หรือไม่  การตั้งสถาบันทำให้เราไปลุยข้างนอกได้ สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเจออุปสรรคต่าง ๆ ต้องเข้าใจว่า Success ความสำเร็จที่จะเดินต่อไปเป็นความสำเร็จที่ต่อเนื่อง ๆ และเราต้องชนะเล็ก ๆ ก่อน

 

 ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

การเจออุปสรรคมี 3 กลุ่มคือ

          1. เดินไปให้ได้ เอาชนะให้ได้

          2.  50%

          3. ไม่เดิน

แต่ทั้ง 3 ส่วนมีส่วนที่คล้ายกันอยู่ คือ Social Skill มีวิธีการบริหารความยากลำบากอย่างไร ต้องมีวิธีการความรู้ทางเทคนิค การบริหารคนใต้บังคับบัญชาอย่างไร บริหารคนที่เป็นหัวหน้าอย่างไร

ความกดดันจะมีการบริหารอย่างไร  มี 5 ส. ต้องสะสาง  สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย ต้องมีหลักการและเหตุผล พูดชัด พูดตรง และพูดให้เข้าใจ

 

ดร.ไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

          สรุป 3 ข้อ

          1. คิดแบบ Demand side - ความคุ้นชิน เริ่มจากข้างในคือ Supply side ต้องเปลี่ยนเป็น Demand side  การเคหะฯ มีคู่แข่ง ขอเสนอว่า อะไรที่เราเก่งที่สุดเก็บไว้เป็น Routine 30% ส่วนอีก 70% ขอให้ดู Demand ด้วย ต้องตอบสนองในฐานะที่คนนอกมองเข้ามาด้วย ต้องมองปัจจัยภายนอกด้วย

          2. อย่าไปกังวลกับกรรมเก่า เพราะลูกค้าเก่าก็สามารถเป็นลูกค้าในอนาคตได้  เน้นการเตรียมตัวและพร้อมทำงานใหม่ ๆ มีหน่วยงานที่ต้องดู กรรมเก่าจะจัดการอย่างไร ต้องสร้างกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์

                   - เตรียมพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง

                   - เรื่องที่เราต้องเรียนรู้ เช่นถ้าเราเป็นเขาจะคุยกันอย่างไร  ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ต้องทำงานคิดและร่วมมือข้ามสายงาน เช่นเป็น Engineer อยู่หน้า Side อาจต้องมาคุยกับฝ่ายการเงินบ้าง

                   - มองแบบระยะยาวบ้าง ทำความเข้าใจ หรือหา lobbyist ต้องเก็บผลไปอวดคนที่วัดเรา

          3. วัฒนธรรมองค์กร ต้องดู  5 อย่าง

          - ดูว่า Hero ในองค์กรที่สังกัดใหม่เป็นอย่างไร ถ้าจะต้องทำกับส่วนต่าง ๆ ต้องสังเกตว่าเป็น Idol คือใคร นับถือใคร  และถามว่าทำไมถึงนับถือคนนี้ สิ่งนี้คือวัฒนธรรมใหม่ คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ให้ความนับถือคนแบบไหน เหมือนกันหรือไม่

           - พิธีกรรมอย่างไร อย่ามาหลังกลับก่อน ต้องมาก่อน กลับที่หลัง สังเกตเคหะฯ ว่ากิจกรรมการเคหะฯ ไม่ใช่ Routine มีการเปลี่ยนมาก

           - ก๊วนคนเป็นอย่างไร เช่น ดูคนในการเคหะฯ ต่าง ๆ จะเห็น Dialogue หรือคำพูดไม่เหมือนกัน

           - ข่าวสำคัญในการกระจาย ข่าวลือกระจายเร็วที่สุดได้อย่างไร ให้ไล่ไปเช็คให้ได้

           - สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้หัวโจกของ Action คือใครกันแน่ เป็น Soul Leadership คือผู้นำทางจิตวิญญาณ

 

สิ่งที่ฝากคือ การแชร์ประสบการณ์ สร้างบรรยากาศในการสนทนาแบบสุนทรีย์ และถามแบบเมตตา    เพื่อสงสัยใคร่รู้ และ Reflection  การทำ KM จะทำให้เกิดการคุยที่เกิดแรงในการพัฒนา

 

Kiosk Common คือทุกท่านรู้เรื่องเดียวกัน

          การวางแผนยุทธศาสตร์ดีกว่าการไม่ได้วางแผนเชิงยุทธศาสตร์ แต่มีองค์กรอีกส่วนหนึ่งที่สอนให้รู้ว่าต้องรู้อีกส่วนนอกจากยุทธศาสตร์ด้วย Complexity Common ในวันนี้ การเรียนรู้ จะมีการแลกเปลี่ยนกันข้ามศาสตร์เกิดเป็น Positive Spiral

          วัฒนธรรมองค์กรเปลี่ยนได้ แต่ Framework  จะต้องปรับ การวางแผนยุทธศาสตร์ปี 62 เป็นต้นไป ต้องดูแผน 20 ปี ของสภาพัฒน์ฯ เข้าไปด้วย

 

ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

การเคหะฯ ยุคต่อไปต้องลงไปดูรายละเอียด ต้อง Turn Idea into Action และ Turn Action into Success เรียนแล้วต้อง Create your own idea ด้วย

 

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายของการเคหะฯ (Group Assignment Presentation)

โดยศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์  ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ  ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

 

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ และเสนอแนะวิธีการจัดการ ดังนี้

(1) ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล

    1.1 การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ (ประเทศไทย 4.0)  และภาคีเครือข่าย

    1.2 บทบาทของ กคช. กับ การพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

    1.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

 

(2) ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรบุคคล

    2.1 การเพิ่มขีดความสามารถในด้านการตลาด

    2.2 ความสามารถในการมอบคุณค่าและสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร ให้ลูกค้าภาคภูมิใจที่อยู่อาศัยในบ้านของการเคหะแห่งชาติ

    2.3 การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย

    2.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

 

(3) ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล

    3.1 การควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง การบริหารจัดการโครงการ และการส่งมอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย

    3.2 การจัดการหนี้ค้างชำระ

    3.3 การจัดการทรัพย์สินให้มีมูลค่าเพิ่ม

    3.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

 

(4) ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล

    4.1 วิเคราะห์จุดอ่อน/ช่องว่าง (Gap) หรือสิ่งที่ กคช. ควรพัฒนาในด้านการปฏิบัติการ เสนอ 3 เรื่อง

    4.2 การร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการรับภารกิจการดูแลชุมชน  และการพัฒนาชุมชนของผู้อยู่อาศัย

    4.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

 

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ และเสนอแนะวิธีการจัดการ ดังนี้

(1) ด้านภารกิจของการเคหะแห่งชาติและด้านทรัพยากรบุคคล

    1.1 การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ (ประเทศไทย 4.0)  และภาคีเครือข่าย

          - ใช้ทฤษฎี 3 V คือ Value Added, Value Creation, Value Diversity จะนำไปสู่การตอบโจทย์ มีด้าน Knowledge Technology และเศรษฐกิจพอเพียงส่งขึ้น Platform

          - เรื่องคนใน 3 ช่วงวัยตาม Generation ต้องมีการบูรณาการเพื่อนำไปสู่นวัตกรรม

          - เน้นการผสมผสานสู่การทำงานที่รวดเร็วภายใต้ 4.0

    1.2 บทบาทของ กคช. กับ การพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

          - ชุมชน 600 ชุมชน ระบบดิจิทัลของการเคหะฯ มีความทันสมัย การเชื่อมต่อกับชุมชนสามารถทำได้เลยโดยการเชื่อมสู่ Platform เชื่อม Online ขยายสู่ชุมชน

    1.3 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

          - ปัจจัยที่มองไม่เห็นถ้าเราจัดการโดยบริหารจะทำให้เกิดความสำเร็จ  จากที่เป็นอุปสรรคสู่การจัดทำยุทธศาสตร์ HR เป็นพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกองค์กร เป็นเรื่องการปลูก เก็บเกี่ยวและ Execution

          - ถ้าเราจัดการในเรื่องการเรียนการสอนให้เป็นศูนย์ Learning Organization จะเป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องคือ 3 ต. ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          การพัฒนาคนในการเคหะฯ ต้องทำ 3 เรื่องคือ ปลูก โดยสร้างให้คนมีคุณสมบัติต่าง ๆ แล้วมาเก็บเกี่ยวคือกระตุ้นให้คนอยากทำงานให้เรา และ Execution คือเอาชนะอุปสรรค การจัดโดยมี Process เพื่อกระตุ้นความเป็นเลิศ บางครั้งการใส่คนใส่ 1 แล้วได้ 8 จะดีมาก แต่ถ้าใส่ 1 แล้วได้ 0.5 อาจไม่เกิดผล อย่างที่เราเรียนเป็น Process แล้วยิงไปที่การเรียนรู้ของเรา  เราต้องกลับไปถามว่าเราได้อะไร  มีความรู้ที่จะสงเคราะห์และปะทะกับความจริงอย่างไร เรื่องคนต้องอยู่ใน Sector ต่าง ๆ ด้วย ฝึกให้คนคิดเป็น วิเคราะห์เป็น รวมเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้จะช่วยให้แก้ปัญหาสิ่งนั้นได้ ดังนั้นการเรียนรู้ 9 วันจะปลูกฝังไปใน DNA ของแต่ละคน  แต่ละประเด็นต้องมีการยกประเด็นมาว่าคืออะไร แล้วเรามาสรุป เน้นการปะทะกันทางปัญญาในการหาความรู้ร่วมกัน

          1. มนุษย์เราถ้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้เกียรติ ให้ศักดิ์ศรี บริหารเขา เขาจะมีคุณค่า แต่สินทรัพย์อื่นใช้ไป อายุการใช้งานก็หมด ฝ่าย HR ต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายยุทธศาสตร์  HR อย่าทำงานอย่าง Isolation ต้องทำแบบ Strategic Partner ให้ส่วนอื่นเข้าใจเขา แล้วนำชุมชนมีส่วนร่วมถึงประสบความสำเร็จ

          2. การจัดการยุคต่อไปเกี่ยวกับเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ เน้นการทำงานมีความสุข เคารพ ซึ่งกันและกันและอยู่อย่างยั่งยืน

          เรื่องการเงิน และเรื่องคนเป็นเรื่องเดียวกัน หมายถึงคนที่อยู่ใน Finance มีลูกน้องก็ต้องทำ HR อยู่แล้ว ดังนั้นฝ่าย HR และฝ่ายการเงินต้องมีการ Communicate กัน ท่าทีต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ และอย่ารู้สึกเสียหน้า ทำไมถึงมี Concept เรื่อง Balance Scorecard ดังนั้น HR ยุคต่อไปต้องฉลาดในการ Deal กับ Strategy อื่น  คน HR ต้องสร้างศรัทธาในองค์กร เพราะสร้างค่านิยมหรือศรัทธาให้เขาเห็น  ต้องสามารถเข้าใจส่วนอื่น ๆ ได้

          ตอนหลัง Trend ล่าสุดมนุษย์ยุคใหม่ไม่ได้เน้นวัตถุ แต่เน้น Happiness เน้นการยอมรับ Respect & Dignity สิ่งที่เป็นมูลค่าคือ Value creation และ Value Diversity จะมีคุณค่ามหาศาล ถ้าเราไม่สร้าง Creativity จากคน และไม่เป็น Strategic Partner มูลค่าที่เกิดขึ้นในองค์กรจะมีไม่มาก

 

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ

          เรื่องการบุคคล การ Save เงินจะสามารถ Contribute ได้ การประชุมเรื่องการเงิน และบุคคล เป็นเรื่องน่าสนใจมาก คน ๆ หนึ่งทำงานคนเดียวมากกว่า 1 อย่างได้หรือไม่ เช่นอยากให้ข้อมูลอยู่ Big Data และเตือนในตรงเวลา ยิ่งเตือนเร็วเท่าไหร่จะได้คืนมา ดังนั้นคนรุ่นใหม่อาจมี Career ที่รู้ได้หลายอย่างหลายคนทำเรื่องเดียวได้หรือไม่ เช่นงานโปรเจคเป็น Cross Functional นำมาร่วมทำโปรเจค ได้เลย

 

          สรุปคือ จะทำให้คนได้ประสบการณ์ตั้งแต่แรกคือ การทำงานกลุ่มเล็กรู้ทุกอย่างคือจะมี Experience  Curve ในลักษณะ Cross Functional คนเรามี Diversity ในหัวหลายอย่าง ต้องดึง Tacit Knowledge มาให้ได้ มนุษย์ต้องเก่งหลายอย่างไม่ใช่อย่างเดียว คนการเคหะฯ ต้องเป็นเช่นนั้น Talent ไม่ได้ถูกจำกัดที่ใดที่หนึ่ง

 

ด้านลูกค้าและด้านทรัพยากรบุคคล

          2.1 การเพิ่มขีดความสามารถในด้านการตลาด

          การสร้างคุณค่าและสร้างภาพลักษณ์องค์กรเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าสู่สินเชื่อของผู้มี่รายได้น้อย

ที่ผ่านมามีกลุ่มสินค้าเป็นสองกลุ่ม มี 600 ชุมชน  700,000 กว่าหน่วย มีสินค้าเดิม การบริหารแบบเดิม ติดปัญหาแบบเดิมคือแหล่งทุน การเข้าถึงแหล่งดอกเบี้ยต่ำอยู่ยากในการมีสถาบันการเงินรองรับต่าง ๆ และเรื่องชุมชนที่ขาดระเบียบในการสร้างปัญหากับเรา คุณภาพการดูแลซ่อมแซม การบริการ การประชาสัมพันธ์ เป็นปัญหาตลอด มีการขายได้บ้าง และซื้อคืนมาบ้าง

          กคช.ได้รับผลิตบ้านที่อยู่อาศัยเพื่อคนจน แต่ไม่สามารถส่งต่อบ้านให้คนจนได้เนื่องจากไม่ได้ดูเรื่องการเงินโดยตรง ภารกิจหลักคือเป็นแหล่งที่มาการเงิน ถ้ากคช. สามารถเป็นแหล่งสินเชื่อเองได้ ทุกอย่างอาจจบครบวงจร แต่ปัจจุบัน ทำไม่ได้เพราะไม่ใช่สถาบันการเงินไม่สามารถระดมทุนได้  ดังนั้นอัตราส่วนชุมชนผู้มีรายได้น้อยผ่อนกับเราดอกเบี้ยสูง ดังนั้นการถึงรากหญ้าหรือไม่ ต้องปรับ

          ตัวอย่าง การเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดมีการส่งเสริมการขาย ติดตั้งเหล็กดัดมุ่งลวด ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน  เพิ่มการเข้าอยู่อาศัยได้ทันที และล่าสุดมีการเริ่มคิดตั้งแต่บ้านเริ่มก่อสร้าง มีการแถมปั๊มน้ำ และถังน้ำ อย่าง 20 แรกจะมีการแถม มีการบูรณาการตั้งแต่การพิจารณาโครงการ คุยกันก่อนจบโปรเจคทำให้บ้านขายได้ มีการปรับปรุงรูปแบบพัฒนามากขึ้น

          2.2 ความสามารถในการมอบคุณค่าและสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร ให้ลูกค้าภาคภูมิใจที่อยู่อาศัยในบ้านของการเคหะแห่งชาติ

ตลาดใหม่ การพิจารณาโครงการต่าง ๆ สามารถต่อยอดในโครงการ การเคหะฯ เริ่มหาผู้ร่วมทุน ปรับเป็น NHA + การบริหารจัดการต่าง ๆ ต้องปรับเป็นมิติใหม่ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ต้องปรับเป็นอีกมิติหนึ่ง โด่ยมุ่งเน้นให้เกิดในตัวของตลาดใหม่ สิ่งที่ได้คือแข่งขันกับเอกชนได้ สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า และต่อยอดการเข้าสู่ AEC

          2.3 การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยที่ผ่านมามีข้อจำกัดคือทำไม่ครบวงจร ดังนั้นการแก้ไขอย่างบ้านเอื้ออาทร ก็ควรปรับเรื่องการเข้าถึง  การต่อเติม การดูแลที่อยู่อาศัย ชุมชน กระบวนการที่มาไม่ครบองค์ประกอบสมบูรณ์ ถ้ามีกระบวนการใหม่จะสามารถแก้ปัญหาได้ ถ้าปรับเรื่องสินเชื่อได้จะปรับด้านช่วยเหลือลูกค้าได้

          มีการนำ Cloud Funding มาใช้ อย่างการซื้อคืนลูกหนี่ต้องมีการนำคืนสินค้าเป็นทรัพย์สินของเรา  ปัจจุบันมีการวิเคราะห์คือนำกลับมาขายใหม่ ราคาต่ำ และถ้าทำ Cloud หาแหล่งเงินทุน รายได้ ผู้ลงทุน โดยมีการเคหะฯ ค้ำประกัน ซื้อบ้านได้บ้าน ปล่อยสินเชื่อได้เงิน จะเป็นส่วนที่ทำให้ขายสินค้าจะส่วนที่สต๊อกอยู่ ในเมื่อลูกค้าขาดหลักฐานเอกสารต่าง ๆ อาจต้องนำสิ่งนี้เข้ามาเพื่อให้ลูกค้ามีแหล่งสินเชื่อ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยที่อาจไม่มีเอกสารประกอบการทำที่อยู่อาศัย เพิ่มช่องทางการขายสำหรับผู้มีรายได้น้อย

 

          เราจะรักษากลุ่มลูกค้าเดิมได้อย่างไร

          2.4 เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร นโยบายที่ผ่านมา เมื่อก่อนได้รับนโยบายสร้างและขาย ตัวสินค้าต้องขายไปตามระยะเวลา หลายปีผ่านไปตัวสินค้าจะเสื่อมโทรม มองถึงความจริงทีเกิดขึ้น ในด้านตัวผลิตภัณฑ์สินค้าค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากเวลา การปรับสภาพคนที่เข้าไปอยู่ชุมชนขาดความเป็นระเบียบ ระบบสาธารณูปโภค เริ่มมีปัญหา

 

ในเรื่องสถาบันการเงินผูกติดอย่างเรื่องเอื้ออาทรติดเรื่องข้อตกลง

ปัญหาต่าง ๆ เป็นการแก้ปัญหาซึ่งหน่วยงานแก้ปัญหาเฉพาะแต่ละหน่วยงาน ไม่ได้มองเรื่องการบูรณาการ ซึ่งในส่วนนี้แนวทางใหม่ ๆ จะเริ่มมีการบูรณาการ การทำโครงการจะมีการคุยกันหลายส่วนงาน ด้านก่อสร้าง ชุมชนเป็นหลักเพื่อตอบสนองต่อลูกค้า

 

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ

          การนำเสนอกลุ่มนี้สร้างความมั่นใจได้ดีมาก ฝากให้คิดต่างคือ ต้องสร้างชุมชน ไม่สามารถสร้างได้แค่กลุ่มบ้านแค่นั้น มีอะไรเป็นป่าเยอะ ชุมชนไม่ได้รวมกันเป็นชุมชน เท่านั้น ที่เหล่านั้นจะรู้สึกมีความสุขมาก

          เราสร้างมนุษย์ที่อยู่รวมกันแล้วมีความสุข การเคหะฯ กำลังสร้าง Sustainable Development Community

          ที่หายไปคือ Public Private Partnership ชุมชนต้องมีส่วนร่วม เพราะถ้าชุมชนไม่มีส่วนร่วมจะมีปัญหา ชุมชนต้องเข้ามา Involve แต่เป็นการเข้ามาแบบร่วมทุกข์ร่วมสุข คือดูกันเอง สิ่งเหล่านี้ที่สร้างอยู่และเป็นอยู่แล้ว คือเคหะชุมชนดูแลบ้านการเคหะฯ ชุมชนอยู่ได้ด้วยตัวเอง  สิ่งที่ท่านทำอยู่ปัจจุบันคือ สร้าง Sustainable เป็น Happiness Community เป็นความสุขที่บรรยายไม่ได้

          อยากให้คนในห้องนี้คิด Upside Down , Inside Out  อย่างในวันนี้ใช้ Balance Score Card เป็นกระบวนการเป็นตัวขับเคลื่อน

 

          สิ่งที่ได้จากโครงการ

                   1. Cross Functional

                   2. Multi Function คนเดียวทำได้หลายอย่าง

                   3. Team Learning และ Team Action

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

                    1. ความจนวัดจากรายได้ไม่ได้เกี่ยวกับการวัดความสุขของชีวิต ยกตัวอย่างงานวิจัยของคนจบ MBA ที่ Harvard 5 ปีแรกมีความสุขเพราะมีรายได้ดี แต่ต่อไปมีปัญหาเรื่องหย่าร้าง เรื่องการติดยา หนังสือ Alibaba พูดว่าคนที่เป็นรากหญ้าสามารถทำธุรกิจได้  สิ่งที่อยากแนะนำการเคหะฯ อย่างหนึ่งคือถึงแม้มีรายได้ยากจน แต่เขาก็มีเกียรติ ศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้  อย่างเรื่องการออกแบบบ้าน ออกแบบสวนก็มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมเรื่องนี้ ยกตัวอย่าง C.K. Prahalad กล่าวถึงสามารถทำธุรกิจกับคนยากจนได้

                    2. การพูดทั้ง 4 กลุ่มตอบโจทย์การเคหะฯ โดยใช้ Transactional ไม่ใช่การพูดถึงอนาคตหรือ Transformational ต้องนำเรื่องของการเคหะฯ ที่ทำอยู่ แต่เป็นการมองสิ่งที่มีอยู่แล้วทำให้ดีขึ้นจะช่วยเราได้อย่าง 50-60%

          โดยสรุปทั่วไป การเคหะฯ ต้องมองที่ Boundary ใหม่ ที่มีการทำงานเชิงรุก และการไปทำงานต่างประเทศ

          Execution แปลว่าถ้ามี Opportunity มีอุปสรรค เราต้องทำให้สำเร็จ เหมือน กรีฑา เราต้องวิ่งข้ามรั้ว และเข้าที่หนึ่งให้ได้ อุปสรรคในการข้าม Boundary ใหม่ ๆ เรียกว่า Transformation ถ้าเราเป็นรัฐวิสาหกิจและทำหน้าที่แบบเดิม คนในอนาคตจะมองว่าเราไม่สามารถปรับตัวได้ จึงอยากให้มองไปในอนาคตด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงในอนาคตคือเร็ว รุนแรง และไม่แน่นอน และ อยากให้คนในห้องนี้มีความทะเยอทะยาน มอง Boundary ใหม่ ๆ

          เราจะเห็นการปะทะกันทางปัญญาเกิดขึ้น เลยได้สร้างมูลค่าทางความคิด

          Learning Community มี Learning Culture ซ่อนไว้ สังเกตได้ว่าทำไมคนรวยมีการสะสมปืน และมีห้องสมุดอยู่ที่บ้าน

 

ดร.ทรงวุฒิ ชนะภัย

          ภารกิจของการเคหะฯ เป็นภารกิจสำคัญของประเทศ ต้องก้าวหน้าต่อไป

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

          ด้านการเงินและด้านทรัพยากรบุคคล การควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง การบริหารจัดการโครงการ และการส่งมอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย

          - การก่อสร้าง มีแผนจะลดต้นทุนการก่อสร้างให้มีค่าใช้จ่ายน้อยและให้ทันเวลาเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย เน้นการควบคุมการก่อสร้างตามแผนตามเวลา

          - เรื่องการจ่ายเงิน และดอกเบี้ย ถ้ามีแหล่งดอกเบี้ยถูก แหล่งเงินถูกจะลดต้นทุน

          - นวัตกรรม จะมีวัสดุที่ราคาถูก มีระบบทันสมัยรวดเร็วอย่างไร

          - การควบคุมคุณภาพและวัตถุดิบด้วยี

 

การจัดการหนี้ค้างชำระ

          - การบริหารโครงการฯ จัดเก็บเงิน ทำอย่างไรให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หาทางป้องกันโดยมีนวัตกรรมหรือเครื่องมือในการป้องกันอย่างไร เช่น ระบบ SMS แจ้งเตือน มีระบบ IT ในการแจ้งเตือน เป็นต้น  ควรพัฒนาให้ทันสมัยและเข้าถึงลูกค้า

          - คัดเลือกลูกหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่มีความสามารถในการชำระ ทำอย่างไร คือต้องวิเคราะห์ลูกค้าให้ละเอียดมากขึ้น

          - เพิ่มทางเลือกการชำระเงิน ในเรื่องระยะเวลา อาจซอยเป็นสัปดาห์ หรือ 15 วัน ฃ

          - ยืดหยุ่นการชำระเงิน คืออาจจ่าย 100 –  500 ได้หรือไม่ เพราะถ้ารองวดเดียวอาจมีปัญหาเนื่องจากใช้เงินหมดแล้ว

          - อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน มีเรื่องความยืดหยุ่น และเอาระบบ IT เข้ามาใช้ด้วย เช่นการจ่ายด้วย QR Code

การจัดการทรัพย์สินให้มีมูลค่าเพิ่ม

          - การจัดการที่ดินให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ไม่ให้เป็นที่รกร้าง นำที่รกร้างมาหาประโยชน์ อาคารศูนย์การค้าชุมชน ก็จัดให้มีกิจกรรมในศูนย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้คนมาเช่าเพื่อไม่ให้เป็นที่เงียบเหงาในชุมชน

          - บริหารอาคารคงเหลือมีระบบอย่างไรให้เก็บค่าเช่าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทำให้ได้ห้องเช่าไม่ว่าง

          - การนำทรัพย์สินที่มีอยู่มาทำให้มีมูลค่ามากขึ้น

 

    เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

          - เชิญบุคลากรมาอบรมทำงานมากกว่าหนึ่งอย่าง

          - สร้างทีมเฉพาะกิจ มอบหมายภารกิจให้เวลา 1 ปีสร้างโครงการให้เกิดรายได้

          - นำคนที่มีประสบการณ์สูง ๆ มาสอนรุ่นน้อง เหมือนโค้ชชิ่ง

          - คัดสรรพนักงานที่มีความสามารถพิเศษ ทำข้อมูล Big Data ให้องค์กร

          - อบรมคนให้ในอนาคตการเปลี่ยนแปลง

 

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ

 

เรื่องการเงิน ยกตัวอย่างที่ ญี่ปุ่น จะทำอะไรที่เป็นแบบ Actionable การทำจริงคืออะไรต้อง Specific หมายถึงทำได้ทันที จะเป็น Organization Learning ไม่ใช่ Individual Learning

 

อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล

ด้านการปฏิบัติงานและด้านทรัพยากรบุคคล

วิเคราะห์จุดอ่อน/ช่องว่าง (Gap) หรือสิ่งที่ กคช. ควรพัฒนาในด้านการปฏิบัติการ เสนอ 3 เรื่อง

          - เรื่องการบริหารสินเชื่อ จุดอ่อนที่พบคือ เราทำงานกับลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีปัญหาค่อนข้างมาก ลูกค้าบางรายไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อจากทางการเงิน และกคช.ไม่มีแบงค์ดอกเบี้ยต่ำให้ลูกค้าเลือกมากนัก ทางแก้คือมีแนวคิดให้ กคช.ตั้งกองทุนสินเชื่อ ตั้งสถาบันการเงินเอง แต่ปัญหาคือไม่ใช่ภารกิจโดยตรงของการเคหะฯ กลุ่มลูกค้าจะหาแบงค์ยากนิดนึง

 

          - การสนับสนุนกันก็จะจัดประโยชน์เพื่อยกระดับรายได้ เช่นตลาดเคหะประชารัฐ หรือการจัดการที่ดินว่าง ลูกบ้านจะมีแหล่งประกอบอาชีพ สิ่งที่พบคือถ้ามีแหล่งค้าขาย เขาจะประกอบอาชีพได้และมีเงินมาผ่อนบ้านเรา ลูกค้ากลุ่มนี้จะได้เงินบางส่วนในการอุดหนุนมาให้เขา และเมื่อมีรายได้ มีความมั่นคงของอาชีพจะลดช่องว่าง และต่อยอดธนาคารออมสินในการให้สินเชื่อเนื่องจากลูกค้ามีความมั่นคงมากขึ้น พอได้เงินกู้มาก็จะขยายโครงการเพิ่ม ลดภาระผ่อนลง มีบ้านเร็วขึ้น โอนกรรมสิทธิ์ได้เร็วขึ้น แต่เรื่องการจัดประโยชน์ติดระเบียบข้อบังคับ และมีการอนุมัติขั้นตอนค่อนข้างมาก ใช้เวลามากเป็นปี ทำให้ธุรกิจที่ต้องการทำไม่ทัน จึงมีแนวคิดในการปรับปรุงกระบวนการใช้ KM ช่วยว่าติดปัญหาที่ใด มีขั้นตอนการปรับปรุงกระบวนงาน

          - การพัฒนาชุมชน ให้ชุมชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จุดอ่อนคือมีเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปอยู่ในชุมชน ดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึง ไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถรับรู้อย่างรวดเร็ว สม่ำเสมอ เทศบาล ชุมชน อบต.ต่าง ๆจะมีหน่วยงานซ้ำซ้อนกัน การทำแบบบูรณาการจะลดปัญหาเรื่องคน และแก้ปัญหาซ้ำซ้อนได้

 

                   การร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการรับภารกิจการดูแลชุมชน และการพัฒนาชุมชนของผู้อยู่อาศัยมีหน่วยงานท้องถิ่นที่ไม่สามารถรับมอบได้เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพอ เช่นตามกฎหมายคนมีส่วนรับผิดชอบคือ องค์การบริหารส่วนปกครองท้องถิ่น แต่มีปัญหาคือ ท้องถิ่นตั้งงบประมาณไม่ทันจึงปฏิเสธการรับมอบ การเคหะฯ ก็ไม่ได้ทำ แต่อาคารทรุดโทรม ร้องเรียนก็ไม่ได้เพราะรัฐบอกว่าต้องมอบให้ อปท. ต้องมีการคุยระดับนโยบายที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานท้องถิ่นต้องวางแผนร่วมกัน การรู้ล่วงหน้าจะมีการตั้งงบประมาณรองรับ เช่นโครงการแพทย์กาสา ต้องดูการรองรับ เช่น โรงเรียน ไฟฟ้า ประปา การตั้งงบประมาณล่วงหน้าต้องตั้งล่วงหน้า 2 ปี ถ้ารู้ก่อนจะได้ไม่มีเหตุผลเรื่องการไม่มีงบประมาณ

 

เพื่อจัดการประเด็นท้าทายในเรื่องนี้ กคช. ควรมียุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไร

          ทุกคนต้องมีความรู้ความเข้าใจตรงกัน ไม่ใช่เฉพาะ กคช. ผู้บริหารต้องมีใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของระดับล่าง ระดับล่างต้องเข้าใจนโยบาย รวมถึงหน่วยงานภายนอก เราต้องรู้ว่าจะทำงานที่โครงการไหนรับรู้ความเข้าใจตรงกัน  ถ้าประสานดีกว่านี้จะทำงานได้ราบรื่นกว่านี้

          การปรับเปลี่ยน Mindset ด้วยวิธีการอะไร การเปลี่ยน Mindset ต้องเรียนรู้ และปรับด้านนี้ ทรัพยากรบุคคลต้องหาวิธีการปรับตรงนี้ เช่นการทลาย Silo , Cross Function เป็นต้น

          เช่นการทลาย Silo เพราะที่ผ่านมาทำงานเป็น Section เมื่อได้มีการ Shared Vision จะได้รู้ร่วมกันเพื่อประสานงานในกลุ่มร่วมกัน  มีการทำ Cross Function เวลาเคลื่อนจะเคลื่อนทั้งองค์กร ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งหมดเป็นฐานความรู้องค์กร เก็บเข้าฐานให้ค้นหาได้ง่าย ไม่ใช่เกิดเรื่องใหม่และเรียนรู้ใหม่ ปัญหาด้านนี้จะรับฟังร่วมกันหมด

 

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

          การทลาย Silo อาจเป็นเรื่องยากเพราะทุกคนอยู่ในพื้นที่ตัวเอง ต้องสร้างความสัมพันธ์แบบ Informal เพราะ Informal จะไปสู่ Formal ในยุคต่อไปจะพูดเรื่ององค์กรแห่งการเรียนรู้มากขึ้น         มี Learn-Share-Care เราต้องมีนิสัยในการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือบางครั้งอาจไม่ตรงแต่ต้องประกอบการเรียนรู้ แบบ Futuristic

 

วันที่ 16 มีนาคม 2561 

วิเคราะห์กรณีศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ(บทเรียนเพื่อพัฒนาการเคหะแห่งชาติ) 

 โดย ดร.พยัต  วุฒิรงค์  ว่าที่ร้อยตรี จีรวัฒน์  เยาวนิช 

 

TREND

WEST                                                  EAST

                             - BIG                                                   - SMALL

                             - BUSINESS                                           - CONSUMER

                             - MASS                                                - NICHE

                             - VOLUME                                            - VALUE

INNOVATION – ให้ลองทำตัวเป็นลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรก

การเข้าใจลูกค้า – เครื่องมือ design think process + นวัตกรรม 10 แบบ

design think process ต้องเข้าใจลูกค้า  define ideation prototyping test

นวัตกรรม 10 รูปแบบ

CONFIGURATION

1.  รูปแบบธุรกิจ

2.  เครือข่าย

3.  โครงสร้าง

4.  กระบวนการ

OFFERING

5.  ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

6.  ระบบผลิตภัณฑ์

EXPERIENCE

7.  การให้บริการ

8.  ช่องทาง

9.  แบรนด์

10. การสร้างความผูกพันลูกค้า

 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท