๖๒๘. วิธีปฏิบัติที่ดี..วิถีพอเพียง กิจกรรม..ต้นไม้พูดได้


ต้นไม้พูดได้..ไม่ต้องการอวดโฉมของสีสันและลายมือ แต่สอนจิตใจให้คนอ่านมีจิตสำนึก ช่วยกระตุกต่อมความคิด ผลที่ได้ตามมาก็คือ..สอนทักษะภาษาอยู่ทุกวัน ยิ่งป้ายคติสอนใจ มีคำคล้องจองอยู่ด้วย ก็จะช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจสระและตัวสะกด เชื่อมโยงไปสู่คำประพันธ์ ที่ต้องใช้คำที่มีสัมผัสต่างๆ.

            โรงเรียนบ้านหนองผือ..ปลูกต้นไม้เอาไว้ทุกจุด โดยรอบโรงเรียน จนดูร่มรื่นสดใสสวยงาม บางครั้ง..จะมองดูเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะโรงเรียนมีดินและน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้การดูแลรักษาต้นไม้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง..

            อีกปัจจัยหนึ่ง..ซึ่งต้องขอขอบคุณ..ผู้บริหารและครูรุ่นก่อน นำร่องปลูกเอาไว้ให้มากมาย ผมมาสานต่อ ทำให้โรงเรียนเป็น..”บ้านเล็กในป่าใหญ่”อย่างไม่ยากเย็น ยิ่งมีคณะมาศึกษาดูงานบ่อยๆ ผมก็เลยให้ช่วยปลูกต้นไม้ เอาไว้เป็นที่ระลึก...ทำให้ต้นไม้หนาแน่นขึ้นทุกวัน..

            ผมคิดอยู่เสมอว่า..ถ้าปลูกแล้ว..ก็ต้องดูแลรดน้ำ เพื่อมิให้สูญเปล่า ต้นไม้จึงอยู่รอดปลอดภัย ต้นใหญ่ขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา อยากได้ประโยชน์จากต้นไม้..ในด้านการเรียนการสอน..

           จึงคิดวิธีที่เรียบง่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและอยู่ในวิถีพอเพียง ไม่เบียดเบียนตัวเองและสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์ที่ใช้ก็มี..ปีกไม้ พู่กันและสี..ใช้ชื่อกิจกรรมนี้ว่า..”ต้นไม้พูดได้”

            โดยเขียนป้ายที่มีขนาดพอดี มีข้อความไม่ยาวมาก..ในแต่ละภาคเรียน ผมจะเขียนอยู่ประมาณ ๑๕ – ๒๐ ป้าย เขียนเสร็จก็จะจัดวางในจุดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะติดตั้งไว้ที่ต้นไม้ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นได้สะดุดตา..

            ข้อความที่เขียน..จะให้คติสอนใจ ให้ความรู้และข้อควรปฏิบัติที่ครูและนักเรียนทุกคนควรยึดถือและปฏิบัติ ในส่วนลึก..ผมผู้ซึ่งเป็นคนเขียนเอง ก็ได้ใช้เตือนตนเองไปด้วย ถึงแม้ว่า..ลายมือผมเอง จะไม่ได้สวยเลิศเลอ แต่ผมก็พยายามจะเขียน ให้ตัวหนังสือดูเรียบร้อยสะอาดตา..

            การเขียนป้ายบ่อยๆ..ทำให้ผมเขียนคล่อง ไม่กลัวว่าตัวหนังสือจะไม่งาม เมื่อก่อนนี้ ขณะที่เขียนก็จะนึกไปด้วยว่า นักเรียนจะสนใจอ่านมากน้อยแค่ไหน ครูจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง และผู้ปกครองที่เข้ามา สังเกตและอ่านบ้างหรือเปล่า..?

           ตอนนี้..เขียนป้ายด้วยความเพลิดเพลิน ไร้ซึ่งแรงกดดัน เพราะป้ายของผมที่ทำให้ต้นไม้พูดได้นั้น..สอนอ่าน..สอนเขียนได้ทุกวัน ครูหลายท่าน..ให้เด็กเดินสำรวจแล้วบันทึกลงสมุด จากนั้นก็อ่านออกเสียงให้ครูฟัง..

            การเขียน..ช่วยฝึกให้เด็กได้สะกดคำ ชินหูชินตา พอได้อ่าน นักเรียนก็จะเกิดประสบการณ์ทางภาษามากขึ้น ต้นไม้บางต้น..มีภาษาที่ใช้เป็นหัวข้อเรื่องได้ นักเรียนก็จะนำมาผูกเป็นเรื่องราวและขยายความ..ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น..

            ต้นไม้พูดได้..ไม่ต้องการอวดโฉมของสีสันและลายมือ แต่สอนจิตใจให้คนอ่านมีจิตสำนึก ช่วยกระตุกต่อมความคิด ผลที่ได้ตามมาก็คือ..สอนทักษะภาษาอยู่ทุกวัน  ยิ่งป้ายคติสอนใจ มีคำคล้องจองอยู่ด้วย ก็จะช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจสระและตัวสะกด เชื่อมโยงไปสู่คำประพันธ์ ที่ต้องใช้คำที่มีสัมผัสต่างๆ.

            เมื่อผมได้ขยับขยาย ปลูกต้นไม้..ขยายอาณาเขตมากขึ้น ทำให้ต้นไม้พูดได้อย่างหลากหลาย  ผมสังเกตพบว่า..เมื่อต้นไม้ติดป้ายแล้ว ดูภูมิฐานน่าสนใจน่าอ่านน่ามองและดูมีมูลค่าเพิ่ม แล้วยิ่งข้อความที่ผมเขียนเชิญชวนให้ดูแลต้นไม้และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยิ่งทำให้..มีความเป็นไปได้ ที่ผมจะได้รับความร่วมมือจากชุมชนและบุคลที่เกี่ยวข้อง...

            ทุกวันนี้..นักเรียนของผม เดินไปทางไหน จะสอดส่ายสายตาและหาข้อความอ่านกันได้ทุกวัน นักเรียนได้ทักษะชีวิตและประสบการณ์ทางภาษาอย่างไม่รู้ตัว...

            ขอบคุณต้นไม้..ที่ให้ความร่มรื่น ให้โอโซน และเป็นเพื่อนที่แสนดี ให้วิธีปฏิบัติที่ดีตามมา เป็นวิถีพอเพียง ที่เรียบง่ายแต่สวยงามต่อแนวคิด และเพิ่มคุณภาพผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนด้วย..

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๕  พฤศจิกายน   ๒๕๖๐

 

 


หมายเลขบันทึก: 642071เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2017 21:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2017 21:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณสาระดีๆ

จะเข้ามาเรียนรู้และพบปะมวลมิตรสหายอีกครับ

ชอบมากค่ะ  เยี่ยมมากค่ะ  จะฝังใจเด็กจนโตนะคะ

ยังจำติดใจจากตอนเด็ก  "ดอกไม้อยู่บนต้นสวยกว่าอยู่ในมือ" 

(พ่อเป็นอาจารย์ใหญ่  ให้คุณครูเขียนป้ายแบบอาจารย์ทำนี่ละค่ะ)

นอกจากตอนเด็กไม่เคยเด็ดดอกไม้เล่นแล้ว  ทุกวันนี้ยังชอบปลูกต้นไม้ด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท