ทำไมต้องมีทั้ง GotoKnow.org และ Learners.in.th


ดิฉันได้ตอบคำถามของอาจารย์แหววเกี่ยวกับเรื่องการขอความร่วมมือให้ครูอาจารย์นักเรียนนักศึกษาเปลี่ยนไปใช้ระบบบล็อกเพื่อการเรียนการสอนที่ http://Learners.in.th ตามบันทึก Learners.in.th ระบบบล็อกเพื่อการเรียนการสอน ดังต่อไปนี้และคิดว่าคงเป็นบันทึกที่ช่วยตอบคำถามนักศึกษาและอาจารย์ได้อีกหลายท่านนะค่ะ


ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์แหวว ดิฉันเข้าใจค่ะ อาจารย์ให้นักศึกษาใช้งานไปจนจบ semester ก่อนก็ได้ค่ะ อันที่จริงต้องเรียนว่า ดิฉันชอบและชื่นชมการเขียนบล็อกของนศ. ของอาจารย์แหววค่ะ
(http://gotoknow.org/post/tag/กฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ) เพราะเป็นการเขียนที่เป็น intellectual discussion ค่ะ คือ มีการเขียนที่ให้ข้อคิดเห็นแบบการวิเคราะห์วิจารณ์ซึ่งแสดงให้เห็นความรู้ที่สั่งสมอยู่ในตัวนักศึกษา และเป็นตัวอย่างที่ดีที่อยากให้เป็นแบบอย่างแก่นักศึกษาอื่นๆ ด้วยค่ะ

ต้องขอเรียนอาจารย์ตามประสบการณ์ของนักพัฒนาระบบ (ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันนะค่ะว่าผิดหรือถูก) ดังนี้นะค่ะ

การประยุกต์ใช้บล็อก ไม่ว่าจะเพื่อ การจัดการความรู้แนวปฏิบัติ หรือ เพื่อการเรียนการสอน เป็นของใหม่ของทั้งโลกค่ะ จะผิดหรือถูก คงไม่มีใครบอกได้ จนกว่าจะได้ best practices ที่เห็นความสำเร็จอย่างเด่นชัดค่ะ มีหลายคนที่ไม่ชอบกับการต้องย้ายไปที่ Learners.in.th และก็มีอีกหลายคนที่ไม่ชอบที่มีแต่การบ้านแบบ copy & paste อยู่มากมายใน GotoKnow สิ่งที่ดิฉันต้องทำคือ พยายามหาว่าทั้งสองกลุ่มต้องการอะไร ถ้าดูที่ Learners.in.th เราจะเห็นจุดยืนที่แตกต่างของ Learners.in.th และ GotoKnow.org ได้ชัดมากค่ะ

การจัดตั้งเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จนั้น เราจำต้องมีจุดยืนและมีกลุ่มเป้าหมายหลักค่ะ GotoKnow นั้นประสบความสำเร็จได้ด้วยการที่ สคส. ใช้กลยุทธ์แนวรุก คือ ให้ความรู้แก่ชุมชนต่างๆ แบบ face 2 face ในเรื่องรูปแบบการจัดการความรู้ และกระตุ้นให้คนเหล่านี้เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความรู้ประสบการณ์จากการปฏิบัติกันต่อใน GotoKnow ค่ะ กลุ่มคนเหล่านี้ที่เป็นสมาชิกของ GotoKnow เช่น หมออนามัย นักการเกษตร พยาบาล นักศึกษาปริญญาเอกโท ครู อาจารย์ นักวิจัย บุคคลทั่วไป เป็นต้นค่ะ

เมื่อชุมชน GotoKnow เติบโตขึ้น ก็ได้เกิด the tipping point (http://gotoknow.org/blog/averageline/37352) ค่ะ คือ กลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายหลักที่มีอยู่เดิมเริ่มหายหน้าหายตา กลุ่มเป้าหมายหน้าใหม่ๆ เข้ามาแค่หยั่งเชิง พวกที่มีมาด้วยใจเริ่มหมดไฟ ส่วนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายหลักเริ่มมีมากขึ้น เช่น นักเรียนนักศึกษาที่เข้า GotoKnow เพื่อใช้ส่งงาน ส่งการบ้าน ส่วนใหญ่ copy & paste บ้าง นำรูปถ่ายดารามีใส่แทนรูปถ่าย บ้างใช้คำพูดจาไม่สุภาพ และอีกมากมาย จนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า the tipping point ค่ะ คือ เกิดคนสองกลุ่มที่แตกต่างกันมาอยู่ร่วมกัน ถ้าปล่อยไว้ กลุ่มเป้าหมายหลักของ GotoKnow ซึ่งคือ กลุ่มที่ สคส. ต้องการให้มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้แนวปฏิบัติความรู้ไม่ได้มีอยู่ในหนังสืออยู่แล้วอย่างชัดแจ้ง กลุ่มเหล่านี้หละค่ะที่กำลังหายไป และกลุ่มใหญ่ๆ อย่างนักเรียนนักศึกษาที่ต้องส่งการบ้านคุณครูอาจารย์กำลังเข้ามาแทนที่ค่ะอย่างรวดเร็วค่ะ ถ้าดิฉันปล่อยไว้และไม่ขอความร่วมมือจากครูอาจารย์นักเรียนนักศึกษา GotoKnow ก็คงกลายเป็นที่ส่งการบ้านไปในที่สุดค่ะ

แต่อย่างที่ได้แจ้งไว้แล้วค่ะ เราไม่ได้บอกว่าห้ามส่ง แต่เราเข้าใจว่ากลุ่มเหล่านี้ต้องการสถานที่ต้องการเครื่องมือดีๆ เพื่อการเรียนการสอน เราจึงต้องสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาใหม่ให้เพื่อเป็น E-learning destination ของประเทศไทย และเราก็จะทำการเก็บ user requirements ของระบบไปเรื่อยๆ ค่ะ http://Learners.in.th จะเป็นการ ลด digital divide ได้เป็นอย่างดี สังคมไทยทั้งประเทศจะได้เสมอภาคกันในเรื่องการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนค่ะ และสำหรับนักเรียนนักศึกษาแล้วนั้น Learners.in.th จะเป็นเสมือน online resume และ online knowledge asset ของเขาได้เป็นอย่างดีค่ะ

ดิฉันได้เขียน วัตถุประสงค์ของทั้ง 3 เว็บไซต์ ไว้ให้แล้วนะค่ะ (http://gotoknow.org/blog/tutorial/63331)

และสำหรับนักเรียนนักศึกษา (โดยเฉพาะนักศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปที่ทำงานอยู่ด้วย) ที่ถอดหัวโขนจากความเป็นนักศึกษาออก และต้องการเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงความรู้แนวปฏิบัติ รวมทั้ง ความคิดเห็น ข้อคิด ประสบการณ์ในสิ่งที่ตนเองชำนาญ ก็จะเป็นกลุ่มคนที่ GotoKnow ต้องการค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

จันทวรรณ

หมายเลขบันทึก: 63769เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2006 09:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม 2015 16:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ขอขอบคุณอาจารย์จันทวรรณ...

  • ขอสนับสนุนการจัดทำ learners.in.th ครับ... ยังสงสัยอย่างหนึ่งว่า ทำไมขึ้นต้นด้วย http:// ไม่ขึ้นต้นด้วย www (ถามอย่างคนไม่รู้...)

มุมมองของการสื่อสาร...

  • ท่านว่า "จะเป็นที่รู้จักได้ ต้องมีเอกลักษณ์ (identity)"
  • ตัวอย่างที่ชัดได้แก่ เครื่องหมายการค้า (brandname)

ตัวอย่าง เช่น

  • พอกล่าวถึง "ดอยคำ"... เราจะนึกถึงโครงการหลวง + ผักและผลไม้ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง + ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น + ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง + ความภาคภูมิใจของคนไทย
  • สมมติถ้ามีการนำตรา "ดอยคำ" ที่ชาวไทยชื่นชมไปใช้ผิดที่ผิดทาง เช่น นำไปตั้งชื่อบุหรี่ ซึ่งเป็นยาพิษชนิดหนึ่ง ฯลฯ...
  • อย่างนี้จะเสียเอกลักษณ์...
    (1). เกิดวิกฤตทางเอกลักษณ์ (identity crisis)
    (2). เครื่องหมายการค้าจะเลอะเทอะ สับสน ทำให้สินค้าขาดความน่าเชื่อถือ หรือเสียความนิยม (brandname dilution)

ขอขอบพระคุณอาจารย์ และทีมงาน G2k ที่สร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับสังคมไทยมาโดยตลอด... สาธุ สาธุ สาธุ

พูดง่ายๆ นะค่ะ http:// คือรหัสสัญญลักษณ์ในการส่งผ่านข้อมูลทางเว็บค่ะ เวลาใช้โปรแกรม web browser ต่างๆ จะพิมพ์หรือไม่พิมพ์ก็ได้ค่ะ เพราะโปรแกรมจะเติมให้เองอัตโนมัติค่ะ

ส่วน www ไม่ต้องใส่ก็ได้เช่นกันค่ะ เพราะจะ redirect ไปได้เองค่ะ เช่น
http://www.gotoknow.org ก็จะเข้าที่ http://gotoknow.org
http://www.learners.in.th ก็จะเข้าที่ http://learners.in.th

ส่วนที่ดิฉันใส่ http:// ไว้ในบันทึกก็เพื่อจะทำให้ขึ้นเป็นลิงค์ได้อัตโนมัติในบันทึกค่ะ :)

ขอขอบคุณอาจารย์หมอวัลลภและอาจารย์ทุกท่านที่สนับสนุน Learners.in.th นะค่ะ

แต่พอดิฉันได้อ่านข่าวที่อาจารย์ธวัชชัยเขียนถึง (http://gotoknow.org/blog/averageline/63945) เรื่องว่า รัฐบาลตัดงบโครงการ high speed internet ของโรงเรียนต่างๆ ดิฉันรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งค่ะ

ดิฉันเชื่อว่า หลายท่านคงจำความรู้สึกเมื่อครั้งที่ GotoKnow ค่อนข้างช้าได้ใช่ไหมค่ะ ความรู้สึกของแต่ละท่านที่อยากจะอ่านอยากจะเขียนแล้วเขียนไม่ได้เพราะระบบช้าในตอนนั้น นักเรียนต่างจังหวัดคงได้รับความรู้สึกเดียวกันกับการใช้ Learners.in.th แต่คราวนี้ไม่ใช่ระบบช้า แต่เป็นเพราะถนนอินเตอร์เน็ตที่ประเทศไทยให้ไว้จะแคบมากต่างหากค่ะ

เรียนอาจารย์หมอวัลลภ

ขอเสนอภาพจากอีกมุมหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ขัดกับความเชื่อโดยทั่วไปนะครับ

ในส่วนของผู้ใช้ ข้อเท็จจริงก็คือ http:// เป็นเครื่องหมายบอกบราวเซอร์ให้เรียกดูเว็บ ส่วน www นั้นเป็นเพียงชื่อซึ่งจะตั้งเป็นอะไรก็ได้ ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยครับ คนทำบราวเซอร์ก็รู้ดีและมักจะเติม http:// ให้โดยอัตโนมัติหากเราไม่พิมพ์เข้าไป เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ใช้บ่อยและเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว (จนบางทีเรากลับไปเข้าใจว่า http:// คือส่วนเกิน)

สำหรับที่ อ.จันทนาอธิบายนั้น เป็นส่วนของโปรแกรม GotoKnow ซึ่งจะทำลิงก์ให้อัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้สะดวก (แต่ก็ต้องมีซิกบอกโปรแกรมกันหน่อย จะได้ทำการ markup URL ให้ถูกต้อง) 

เรื่องชื่อ www องค์กรที่ดูแลมาตรฐานเว็บพยายามเสนอให้ใช้ชื่อ w3 แทน www (สั้นกว่าตัวหนึ่ง) แต่ก็ไม่เกิดผล และสิ่งที่ปรากฏเป็นแนวโน้มทั้งโลกในเวลานี้ คือตัดชื่อ www. ซึ่งจะพิมพ์น้อยลงไปอีกสี่ตัวอักษร ตัดโอกาสพิมพ์ขาด/พิมพ์เกิน/พิมพ์ผิด

ในโลกนี้มีเมืองไทยที่เดียวที่อ่าน ชื่อ www ว่าเวิน-วาาย-เวววบ ประเทศอื่นจะอ่านว่า ดับบลิว -ดับบลิว-ดับบลิว กันทั้งนั้น ถ้าพูดกับชาวต่างชาติ ต้องระวังจุดนี้ด้วยครับ

ขอบคุณคุณ Conductor ค่ะที่เข้ามาช่วยเติมเต็มความรู้ให้สมาชิกใน GotoKnow :)

ขอขอบพระคุณอาจารย์จันทวรรณ , อาจารย์ conductor...

  • go2know นี่ดีหลายอย่างครับ... คล้ายกับเป็นสถาบันการศึกษาเปิดออนไลน์
  • มีครูบาอาจารย์มาแนะนำให้ความรู้มากมาย

อ่านข่าวเรื่องรัฐบาลตัดงบ high speed internet โรงเรียนแล้ว... เสียใจมากเช่นกัน

  • อินเตอร์เน็ตเป็นเสมือน "ภาษา" ใหม่ของคนทั้งโลกในการแสวงหาข้อมูล และความรู้ใหม่
  • เด็กไทยขาดโอกาสทางด้าน computer literacy มานานแล้ว... ยิ่งอินเตอร์เน็ตช้าประเภท "ตราเต่า(ล้านปี)" ยิ่งแย่ใหญ่เลย

เราน่าจะร้องเรียนผ่านท่านอาจารย์ไพบูลย์... สมาชิก G2k ได้ครับ...

ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ? ในอนาคตข้างหน้าสัก10ปี

เห็นด้วยค่ะ

แต่ยังมีเด็กบางคนยังไม่เข้าใจนะคะ

ตัวอย่างเช่น

เรียน อาจารย์ ดร. จันทวรรณ น้อยวัน ครับ  พอจะมีทางไหนที่ผมจะสามารถนำข้อมูลที่ได้ใส่ในเว็บนี้ย้ายไปสู่เว็บ learner.in.th บ้างครับ  พวกผมจะได้ย้ายไปทั้งห้องครับเพราะข้อมูลที่ได้ใส่ลงไปในเว็บนี้มีเยอะมาก ๆ ครับ

เรียนอาจารย์จันทวรรณ

ดิฉันเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกค่ะ ยังไม่ค่อยรู้อะไร รบกวนข้อมูลเรื่องเขียนดี เขียนเก่ง ที่ปะหน้าไว้ หมายถึงมีการโพสต์งานเขียนของนักเรียน นักศึกษา หรือเปล่าและจะเข้าไปอ่านได้ที่ไหนคะ

คุณ ทีมเยี่ยมบ้าน รพ.ตสม. : ขอบคุณค่ะ แจ้งไปแล้วค่ะ รอสักพักถ้าเด็กเขายังใช้อย่างไม่ถูกต้องอีก ก็จะดำเนินการลบ account ออกค่ะ

คุณ เดชา : เนื่องจากเป็นคนละเว็บกันค่ะ และฐานข้อมูลคนละตัว จึงไม่สามารถโยกย้ายข้อมูลได้ค่ะ ดิฉันคงแนะนำให้ใช้ที่ learners.in.th และทำลิงค์มาหายังบันทึกใน gotoknow ของคุณค่ะ

คุณ sunrise: ที่ learners.in.th เป็นเว็บเพื่อการเรียนการสอน (e-learning)  โดยนักเรียนนักศึกษาครูอาจารย์สามารถเปิดบล็อก (สมุดบันทึก) สำหรับบันทึกการเรียนการสอนและส่งการบ้านในแต่ละวิชาได้ค่ะ และครูอาจารย์สามารถสร้างแพลนเน็ตเพื่อดึงเอาบล็อกนักเรียนนักศึกษาของรายวิชามาไว้ที่เดียวกันได้ค่ะ

คือว่า ลง window 2009 ใหม่ เข้าไปที่ Mycom แล้วเปิด Drive D ไม่ได้คะ เครื่องมันขึ้นว่า cj3k.exe แล้วให้ Debug, dont error sen, don'tsend ตรงหัวมันจะขึ้นว่า cj3k.exe has encountered a problem and needs to close. We are sorry for the inconvenience.

แก้ยังไงได้คะ ช่วยทีคะ ปวดหัวมาก ขอบคุณล่วงหน้าคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท