เมื่อวานนี้ (๒๔ มิ.ย. ๖๐) มีนิสิตระดับปริญญาเอกท่านหนึ่ง บอกผมทางอีเมล์ว่า ได้อ่านบันทึกเกี่ยวกับ "การเรียนรู้ตลอดชีวิต" ซึ่งผมเขียนไว้ที่นี่ ผมทราบภายหลังว่าท่านกำลังทำปริญญานิพนธ์เกี่ยวกับ "องค์ประกอบและตัวบ่งชี้การเรียนรู้ตลอดชีวิตของพลเมืองไทย" และส่งข้อคำถามเพื่อสัมภาษณ์และแลกเปลี่ยนกับผมเรื่องนี้ ผมยินดีมาก และอยากเอามาแบ่งปัน ให้เห็นคำถามสัมภาษณ์และคำตอบของผม และจะดียิ่งถ้าแลกเปลี่ยนกันต่อท้ายบันทึกนี้
๑) ท่านให้ความหมายของการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างไร?
ความหมายของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ควรแบ่งออกเป็น ๒ ความหมาย เพื่อให้ผู้กล่าวถึง เข้าใจเป้าหมายของการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างชัดเจนในทุกขณะที่กล่าวถึงคำว่า "เรียนรู้ตลอดชีวิต" ได้แก่ ความหมายสำหรับการเรียนรู้ภายนอก เรียนรู้ทางโลก (โลกียะ) และความหมายสำหรับการเรียนรู้ภายใน เรียนรู้ทางธรรม (โลกุตระ) โดยยึดเอาตัวผู้เรียนรู้เป็นสำคัญในการนิยามทั้งสองความหมายนี้
ความหมายภายนอก
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง การเรียนรู้ด้วยตนเองของมนุษย์ผู้มีอุปนิสัยใฝ่เรียนรู้ เพื่อตอบสนองความสงสัยใคร่รู้ ความต้องการแก้ปัญหาหรือพัฒนาสิ่งใด ๆ ให้ดีขึ้น มักเกิดขึ้นหลังจากได้สัมผัสกับสิ่งเร้าหรือสิ่งแวดล้อมที่มากระทบประสาทสัมผัสทั้งห้าได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย และรวมถึงความสงสัยใคร่รู้หรือความต้องการที่ผุดขึ้นในใจเองด้วย การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียนได้คิดและลงมือกระทำด้วยตนเองเท่านั้น .... เป้าหมายของการเรียนรู้นี้คือปัญญาทางโลก
ความหมายภายใน
กาเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงจากภายใน ด้วยการมีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง โดยไม่ขึ้นกับกาละ เทสะ หรือปัจจัยภายนอกใด ๆ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียนระลึกรู้สภาวะของใจที่หลงไปคิด โลภ โกรธ หรือสภาวะของกายที่รู้สึกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง เคลื่อนไหว ... เป้าหมายของการเรียนรู้นี้คือปัญญาทางธรรม ได้แก่การรู้แจ้งอริยสัจ เข้าถึงซึ่งความจริงแท้ คือ "นิพพาน"
(หมายเหตุ ความหมายนี้ นิยามบนฐานความรู้จากการฟัง สำนวนคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช)
๒) ท่่านคิดว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เหมาะสมกับสังคมไทยเป็นอย่างไร
การเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เหมาะสมกับสังคมไทย ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวัตถุ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และวัฒธรรมของคนไทย การจัดการศึกษาให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตควรเน้นให้สมดุลและครบถ้วนทั้งการเรียนรู้ภายนอกและภายใน โดยเฉพาะการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ด้านการศึกษา และการพัฒนาตนเองเพื่อยกระดับจิตวิญญาณสู่การรู้แจ้งความจริงสูงสุดตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ
๓) ท่านคิดว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิตควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
(การเรียนเพื่อรู้ การเรียนรู้เพื่อปฏิบัติได้จริง การเรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกัน การเรียนรู้เพื่อชีวิต การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้เพื่อความยั่งยืน)
องค์ประกอบของการเรียนรู้ตลอดชีวิต แสดงดังรูปด้านล่าง (ผมเรียนรู้เรื่องนี้จาก อ.ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ ขอแนะนำให้นิสิตไปเรียนรู้จากท่านครับ)
ผลของการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือ "ปัญญา" อาจเป็นปัญญาทางโลกหรือปัญญาทางธรรม ก็สุดแท้แต่ผู้เรียนจะประสงค์จากพฤติกรรมการเรียนรู้นั้น ๆ เรียนเพื่อรู้ เรียนเพื่อปฏิบัติได้จริง เรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกัน เหล่านี้เป็นเป้าหมายภายนอก ส่วนการเรียนเพื่อชีวิต เรียนเพื่อการเปลี่ยนแปลง และการเรียนเพื่อความยั่งยืน เหล่านี้น่าจะเป็นเป้าหมายจากภายใน
สิ่งที่ผู้เรียนควรสนใจและให้ความสำคัญที่สุด ในการเรียนรู้ตลอดชีวิตของตนเอง คือ "คุณภาพการเรียนรู้" ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ๔ ประการได้แก่ ๑) ความเชื่อ (ความเห็นที่ถูกต้อง) ๒) สติและสมาธิ ๓) ความรู้เดิมหรือประสบการณ์ และ ๔) สิ่งแวดล้อมและกัลยาณมิตร โดยต้องประกอบด้วยปัจจัยให้สำเร็จในการเรียนรู้ ๔ ประการ ได้แก่ ๑) แรงบาลดาลใจและความชอบ (ฉันทะ) ๒) ความเพียรและบ่อยซ้ำย้ำทำ (วิริยะ) ๓) ความจดจ่อและต่อเนื่อง (จิตตะ) และ ๔) การใคร่ครวญศึกษาทดลองและสะท้อนป้อนกลับ (วิมังสา) หรือก็คือ อิทธิบาท ๔ (ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองครับ)
(Cr.ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์)
ผมเคยให้คำอธิบายเกี่ยวกับองค์ประกอบของการเรียนรู้ตลอดชีวิตไว้ในบันทึกนี้ ดังนี้
องค์ประกอบที่สำคัญต่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง หรือเรียกว่า “การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง” เมื่อเรารับประสบการณ์ใหม่จากสิ่งแวดล้อมใหม่ ความเชื่อหรือศรัทธาในเรื่องต่างๆ ความเชื่อที่แตกต่างกันย่อมทำให้แต่ละบุคคลมีกระบวนทัศน์หรือวิธีคิดแตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อท่าทีหรือเจตคติต่อเรื่องต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแตกต่างกันไป องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความรู้และประสบการณ์เดิมที่สั่งสมในแต่ละบุคคล ความเชื่อและประสบการณ์เดิมจะส่งผลต่อการฟัง การคิด และการลงมือปฏิบัติ ทำให้ “กระบวนการเรียนรู้” ของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไปด้วย ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดว่า การเรียนรู้ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นหรือไม่ คือ การมีสติรู้ตัว มีปัญญาระลึกรู้ ซึ่งตามพุทธวิธีจะต้องฝึกสมาธิให้ใจตั้งมั่นและเจริญสติให้จิตจดจำสภาวะต่างๆ ให้ได้ก่อน ส่วนประสิทธิภาพของการเรียนรู้ของแต่ละคนนั้น จะแตกต่างกันไปตามทักษะหรือความสามารถในการฟัง การคิด การปฏิบัติ ซึ่งโดยทั่วไปจะแสดงให้เห็นจากความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเองและประสิทธิผลหรือความสำเร็จของการเรียนรู้จะเกิดขึ้นมากน้อยอย่างไร จะขึ้นอยู่กับปัจจัยแห่งความสำเร็จ ๔ ประการ ได้แก่ แรงบันดาลใจในการเรียนรู้ (ฉันทะ) ความเพียรพยายาม (วิริยะ) การจดจ่อต่อเนื่อง (จิตตะ) และการสะท้อนป้อนกลับที่ถูกต้องเหมาะสม (วัมังสา)..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/575366
๔) ท่านคิดว่า ตัวบ่งชี้การเรียนรู้ตลอดชีวิตที่จะทำให้บรรลุแต่ละองค์ประกอบของการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีอะไรบ้าง
ดังที่ได้ตอบไปแล้วในข้อที่ ๓) ปัจจัยให้บรรลุของการกระทำทั้งปวงของมนุษย์คือ อิทธิบาท ๔ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ครับ
หากยึดเอาความหมายและองค์ประกอบของการเรียนรู้ดังที่ผมตอบไปแล้ว มาตอบคำถามตามแต่ละองค์ประกอบที่นิสิตได้กำหนดไว้ สามารถตอบได้ดังนี้
๕) ท่านคิดว่าในแต่ละช่วงอายุ องค์ประกอบ/ตัวบ่งชี้การเรียนรู้ตลอดชีวิตจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
ผมคิดว่าแตกต่างกันบ้างครับ ไม่เสมอไปครับ เพราะในยุคโลกาภิวัตน์ ศตวรรษที่ ๒๑ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ หรือสรรหาครู ยูทูป หรือพบเจอผู้เป็นกัลยาณมิตร โลกเปลี่ยนแปลงเร็วจนยากจะคาดเดา กล่าวคือสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งเร้าเปลี่ยนแปลง หลักสูตรการเรียนรู้ต่าง ๆ ใช้ไม่ได้ ผู้เรียนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ความแตกต่างระหว่างวัยของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่พอจะจัดหมวดหมู่ได้ คงอยู่ในลักษณะของความคาดหวังของนักการศึกษาของแต่ละประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากนิสิตถามมา ผมก็จะตอบ ตามความเห็นของตนเอง เกี่ยวกับองค์ประกอบและตัวชี้วัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ดังนี้
๖) แต่ละตัวตัวชี้วัดควรมีรายละเอียดอย่างไร
รายละเอียด ได้ตอบไปแล้วในข้อที่ ๕) หลักการสำคัญในการสร้างตัวชี้วัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต น่าจะมีดังนี้
๗) ความคิดเห็นอื่น ๆ
ขออภัยที่แสดงความเห็นนอกเรื่องนะครับ ขอจบเท่านี้ครับ
ขอบคุณที่ให้โอกาสได้แลกเปลี่ยนครับ