กรณีศึกษานายมงคล
: การพัฒนาสิทธิในการทำงานในประเทศไทยของวิศวกรรมบัณฑิตไร้สัญชาติแต่เชื้อสายไทย
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
ข้อสอบในวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ปีการศึกษา ๒๕๕๐ ภาคที่ ๑
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๐
---------
ข้อเท็จจริง
----------
นายมงคล เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ ณ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด บิดาและมารดาของนายมงคลเป็นคนเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเข้าเมืองไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖
ขณะเกิด นายมงคลไม่มีเอกสารรับรองการเกิด แต่ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ทางอำเภอ ได้ออกหนังสือรับรองสถานที่เกิดให้กับนายมงคลว่าเกิด ณ อำเภอ คลองใหญ่ จังหวัดตราด
ปัจจุบัน นายมงคลและครอบครัวมีสถานะบุคคลเป็นคนต่างด้าวที่มีสิทธิอาศัยในประเทศไทยในลักษณะชั่วคราว ซึ่งทางราชการไทยได้จัดทำแบบพิมพ์ประวัติตามกฎหมายทะเบียนราษฎรและได้ออกบัตรตามกฎหมายทะเบียนราษฎรซึ่งมีชื่อว่า “ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง กัมพูชา” ให้ถือไว้
อนึ่ง เนื่องจากคณะรัฐมนตรีในหลายสมัยตระหนักว่า กลุ่มผู้ถือบัตรผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง กัมพูชา เป็นคนสัญชาติไทย ซึ่งเสียสัญชาติไทยไปเพราะประเทศไทยเสียดินแดนดังกล่าวให้ฝรั่งเศสในขณะที่เป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชา และเมื่อฝรั่งเศสให้เอกราชแก่กัมพูชา เกาะกงก็ได้ตกเป็นของกัมพูชา คนกลุ่มดังกล่าวจึงตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของกัมพูชา แต่เมื่อมีความไม่สงบเกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา คนเชื้อสายไทยกลุ่มนี้ก็อพยพหนีภัยการสู้รบเข้ามาในประเทศไทย โดยตระหนักในความเป็นคนเชื้อสายไทย คณะรัฐมนตรีจึงเห็นชอบให้แปลงสัญชาติเป็นไทยให้แก่ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง กัมพูชา ซึ่งเกิดนอกประเทศไทย และให้สัญชาติไทยโดยหลักดินแดนแก่บุคคลซึ่งเกิดในประเทศไทย
นายมงคลได้ยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยกับทางอำเภอไปตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ แต่เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ทางอำเภอแจ้งให้เขาทราบเพื่อสอบถามเอกสารเพิ่มเติม แต่มาจนถึงปัจจุบันก็มิได้มีข่าวคราวใดอีก
นายมงคลสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์ ประสานมิตร (มศว.) สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าใน ปีการศึกษา ๒๕๔๙
----------
คำถาม
----------
โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ถามว่า
----------
คำตอบ
----------
โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล นิติสัมพันธ์ตามกฎหมายมหาชนก็ย่อมตกอยู่ภายใต้กฎหมายมหาชนภายในของรัฐคู่กรณีในนิติสัมพันธ์ แม้จะมีลักษณะระหว่างประเทศ ทั้งนี้ แม้จะมีการกำหนดเป็นอย่างอื่น
ปัญหาสิทธิในการทำงานของนายมงคลในประเทศไทยย่อมเป็นปัญหานิติสัมพันธ์ตามกฎหมายมหาชนระหว่างรัฐและเอกชน ทั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐเจ้าของดินแดนที่มีการทำงาน ที่จะอนุญาตให้บุคคลใดทำงานบนดินแดนของตนหรือไม่และอย่างไร
ปัญหาแรกที่จะต้องพิจารณา ก็คือ คนไร้สัญชาติซึ่งเกิดในประเทศไทยดังเช่นนายมงคลนี้ ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยหรือไม่
โดยมาตรา ๑๒ (๒) (๓) และ (๔) แห่ง พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร หรือคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย หรือคนต่างด้าวโดยผลของการถอนสัญชาติไทย อาจทำงานได้ ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
ในประการแรก เป็นงานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในประการที่สอง ได้รับใบอนุญาตทำงานแล้วจากอธิบดีกรมการจัดหางานหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมาย
ดังนั้น จะเห็นว่า เมื่อนายมงคลซึ่งมีสถานะเป็นทั้งคนต่างด้าวที่เกิดในไทย และยังถูกถือเป็น “คนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแต่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทย” มีสิทธิที่จะร้องขออนุญาตทำงานตามกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไป ก็คือ งานวิศวกรเป็นงานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลในสถานการณ์เดียวกันกับมงคลทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ จะต้องทำอย่างไร
โดยพิจารณาประกาศตามมาตรา ๑๒ เรื่องงานที่อนุญาตให้คนต่างด้าวตามมาตรานี้ทำได้นั้น ไม่ปรากฏว่า งานวิศวกรเป็นงานที่อนุญาตให้นายมงคลทำได้ ดังนั้น เพื่อให้นายมงคลทำได้ จึงจะต้องร้องขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมประกาศให้งานวิศวกรเป็นงานที่อนุญาตให้คนต่างด้าวในลักษณะเดียวกับมงคลทำได้
ในกรณีที่งานวิศวกรได้ถูกประกาศเป็นงานอนุญาตให้ทำได้ในมาตรา ๑๒ เท่านั้น นายมงคลจึงจะมีความสามารถที่จะขอรับใบอนุญาตทำงานจากอธิบดีกรมการจัดหางานหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมายเพื่อประกอบอาชีพวิศวกร
หากนายมงคลยังไม่ได้สัญชาติไทยและทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตามพ.ร.บ.การทำงานคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ ก็จะต้องมีความผิดอาญาตามมาตรา ๓๔ แห่ง พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ ซึ่งกำหนดให้คนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแต่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยซึ่งได้ทำงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความเห็น