CADL โครงการเด็กดีมีที่เรียน_21: Clearing House มาแล้ว ปี ๖๑ เด็กดีเตรียมตัว


วัน ๑๘-๒๐ พฤษภาคม สำนักศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดค่ายอาสาพัฒนาต้นกล้าพันธุ์ดี ครั้งที่ ๑ โดยรุ่นพี่ในโครงการเด็กดีมีที่เรียน ซึ่งตอนนี้มีศูนย์รวมเป็นชมรมต้นกล้าพันธุ์ดี ก่อนจะเดินทางไปร่วมค่าย ผมได้รับจดหมายด่วนให้ไปร่วมประชุม เรื่อง "แนวทางการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม" หลังจากนั่งฟังการนำเสนอของ ผอ.กองบริการการศึกษา ตั้งใจว่าน่าจะนำเอาสาระในการประชุม มาแบ่งปันนักเรียนที่กำลังจะมาร่วมค่ายฯ เกือบร้อยคนที่รออยู่ที่ดงใหญ่ พร้อม ๆ กับการอธิบายถึงกระบวนการรับนิสิตในโครงการเด็กดีมีที่เรียนประจำปี ๒๕๖๑ ... นี่คือแรงบันดาลใจให้เขียนบันทึกนี้ครับ

ปีการศึกษา ๒๕๖๑ มหาวิทยาลัยที่ดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จำนวน ๑๕๗ แห่ง จะคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีด้วยระบบ เอนทรานซ์ ๔.๐ (Entrance 4.0) สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนมาเป็นเอนทรานซ์แบบใหม่ เพราะแบบเดิมที่ใช้โควตารับตรงและแอดมิทชั่น (Admission) มีปัญหาการ "กั๊กที่นั่ง" นักเรียนบางคนไปสมัครไว้ ๕ มหาวิทยาลัย กั๊กไว้ ๕ ที่นั่ง สุดท้ายเลือกมหาวิทยาลัยได้ อีก ๔ มหาวิทยาลัยเลยกลายเป็น "เก้าอี้ว่าง" ทำให้แผนการรับของมหาวิทยาลัยไม่เป็นไปตามแผน มหาวิทยาลัยแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ บางที่มีข้อบังคับให้เสียเงินลงทะเบียนพร้อมรายงานตัวก่อนเวลาที่มหาวิทยาลัยอื่นจะประกาศผล คนที่ลำบากที่สุดคือพ่อแม่ผู้ปกครองนั่นเอง เพราะนอกจากจะเสียเงินพาลูกวิ่งรอกสอบหลายสนามแล้ว เพื่ออนาคตลูก หลายคนยอมจ่ายเงินรายงานตัวเอาชัวร์กับมหาวิทยาลัยสักแห่งก่อน

ระบบเดิมที่นักศึกษาส่วนใหญ่ได้จากระบบโควตารับตรงซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยจัดวันเวลาสอบไม่พร้อมกัน ข้อสอบก็ของเฉพาะมหาวิทยาลัย ทำให้เกิด "ฤดูสอบ" ไม่เป็นอันเรียน โรงเรียนกลายเป็น "โรงติว" นักเรียนที่ได้ที่เรียนแล้วก็ไม่สนใจเรียนชั้น ม.๖ เทอมสอง ซึ่งเนื้อหาหลายอันเป็นพื้นฐานสำคัญจำเป็นต้องมี (เว็บไซต์ Eduzone ทำคลิปเล่าเหตุผลและวิวัฒนาการของเอนสะท้านได้ดีมากครับ คลิกที่นี่)

ปีการศึกษา ๒๕๖๑ นี้ ทุกมหาวิทยาลัยจะใช้ระบบการรับนักศึกษาแบบใหม่ กลับไปใช้ระบบเอนทรานซ์คล้ายเดิม แต่ปรับใหม่และใส่ชื่อเอนทรานซ์ ๔.๐ (จะให้รับกับ "ประเทศไทย ๔.๐" ไหม?) ยกเลิกการสอบโควตารับตรงของทุกมหาวิทยาลัย แล้วมาใช้ข้อสอบกลางร่วมกัน สอบเพียงครั้งเดียว และให้ความสำคัญกับผลการสอบมาตรฐานกลางของสำนักทดสอบทางการศึกษา (สทศ.) ได้แก่ O-NET, GAT, PAT, ่และ ทดสอบ ๙ วิชาสามัญ ตามความจำเพาะของแต่ละสาขา อย่างไรก็ดี ระบบนี้ยังเปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยรับนักศึกษาเองได้ทั้งแบบไม่มีสอบข้อเขียน โดยพิจารณาจากแฟ้มสะสมงาน (Portfolio) และรับตรงอิสระได้ เพียงแต่มีข้อแม้ว่า ต้องไม่มีการทดสอบ ยกเว้นแต่บางสาขาที่มีความจำเพาะจริง ๆ ... รายละเอียดสืบค้นกูเกิลได้ง่ายมาก คลิกข่าวของช่องวันอธิบายได้ชัดมาก (คลิกที่นี่)

สิ่งที่ใหม่มาก ๆ อีกประการสำคัญในระบบเอนทรานซ์ ๔.๐ คือการนำการ Clearing House มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ นักเรียนจะต้องทำการยืนยันสิทธิ์การเข้าเรียนภายในเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนด หากไม่ยืนยัน จะถูกตัดสิทธิ์การเข้าเรียนทันที มหาวิทยาลัยก็จะทราบทันทีว่าตนเองมีที่ว่างสำหรับการรับสมัครต่อไปจำนวนเท่าใด

ต่อไปนี้เป็นปฏิทินการดำเนินการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นมติของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ในวันศุกร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา (เอกสารต้นฉบับมี ๔ หน้า ดูได้ที่นี่ ) ผมเอามาวาดใหม่ ให้ดูง่ายขึ้น (ไหม? ใครที่ไม่ส้นทัดวิธีนี้ อีกวิธีหนึ่งที่ดีมากในการนำเสนออยู่ที่นี่ครับ) ดังรูป

การรับนิสิตใหม่ปี ๒๕๖๑ มีทั้งหมด ๕ รอบ ดังนี้

  • รอบที่ ๑) ระบบโควตาพิเศษ สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษจากทั่วประเทศ เช่น โควตากีฬา โควตาศิลปวัฒนธรรม และโครงการเด็กดีมีที่เรียน แบ่งเป็น ๒ ตอน ได้แก่
    • รอบที่ ๑.๑) พิจารณาจากแฟ้มสะสมงาน ไม่มีสอบข้อเขียน ไม่ใช้คะแนนสอบ O-Net, GAT/PAT ฯลฯ เริ่มรับตั้งแต่ตุลาคมถึงพฤศจิกายน ประกาศผลวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ Clearing House วันที่ ๑๕-๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐โครงการเด็กดีมี่ที่เรียนอนู่ในรอบนี้
    • รอบที่ ๑.๒) พิจารณาจากแฟ้มสะสมงาน ไม่มีสอบข้อเขียน แต่อาจจะมีการทดสอบบางประการของบางคณะสาขา เริ่มตั้งแต่ ๒๒ ธันวาคม ถึง ๒๘ กุมภาพันธ์ Clearing House ๑๙-๒๒ มีนาคม ประกาศผลวันที่ ๒๖ มีนาคม กรณีนี้สำหรับหากการรับที่ยังไม่เป็นไปตาแผน
  • รอบที่ ๒) ระบบรับตรงร่วมกัน สำหรับนักเรียน ๒๐ จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น พิจารณาจากผลการทดสอบด้วยข้อสอบกลาง (GAT/PAT ๒๔-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑) มมส.ไม่ได้ใช้ ๙ วิชาสามัญมาพิจารณา นักเรียนต้องจบชั้น ม.๖ แล้ว แต่สามารถมาสมัครไว้ก่อนได้ เริ่มตั้งแต่ธันวาคม ๒๕๖๐ จนถึงพฤษภาคม ๒๕๖๑ Clearing House วันที่ ๓-๖ พฤษภาคม ประกาศผลวันที่ ๘ พฤษภาคม รอบนี้นักเรียนสามารถเลือกสาขาและมหาวิทยาลัยได้อย่างอิสระ ๔ อันดับ
  • รอบที่ ๓) ระบบรับตรงร่วมกัน สำหรับนักเรียนทั่วไป โครงการ กสพท. (สำหรับผู้สมัครสาขาแพทย์) และโครงการพิเศษอื่น ๆ ไม่มีการทดสอบใด ๆ อีก ใช้ข้อมูลจากรอบที่ ๒ รอบนี้ เลือกได้ ๔ ลำดับการเลือก แต่ไม่ยึดลำดับ
  • รอบที่ ๔) ระบบ Admission (เหมือน Admission เดิม) สำหรับบุคคลทั่วไป Clearing House วันที่ ๑-๔ มิถุนายน ประกาศผลวันที่ ๒๕ กรกฎาคม
  • รอบที่ ๕) รับตรงอิสระ สำหรับนิสิตตกหล่นที่ยังไม่มีที่เรียน ช่วงเดินกรกฎาคม

บันทึกต่อไป จะมาว่ากันเรื่องแนวทางการรับนิสิตในโครงการเด็กดีมีที่เรียน ประจำปี ๒๕๖๑ ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ครับ

ประเด็นที่พึงทราบและระวัง

๑) ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาการรับสมัคร->การพิจารณาคัดเลือก->การประกาศผล ทำให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่ ๑ โควตพิเศษ และยืนยันสิทธิ์ ระบบ Clearing House จะตัดสิทธิ์ในการสมัครรอบต่อ ๆ ไปทันที แต่ถ้าเปลี่ยนใจสละสิทธิ์การเข้าเรียนในรอบที่ ๑ ก็สามารถทำได้ แต่จะไม่สามารถสมัครได้ทันในรอบที่ ๒ รับตรงร่วมกันเฉพาะภาค ต้องไปสมัครในรอบที่ ๓ รับตรงร่วมกันทั่วประเทศ หรือรอบที่ ๔ Admission หรือรอบที่ ๕ รับตรงอิสระ

๒) ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่ ๒ และยืนยันสิทธ์ ระบบ Clearing House จะตัดสิทธิ์ไม่ให้สอบในรอบถัดไป แต่ถ้าสละสิทธิ์ในรอบดังกล่าว จะไม่สามารถสมัครในรอบที่ ๓ รับตรงร่วมกันทั่วประเทศ ได้ทัน ต้องไปสมัครในรอบที่ ๔ Admission หรือรอบที่ ๕ รับตรงอิสระ

๓) แต่ละรอบกลุ่มเป้าหมายไม่เหมือนกัน

  • รอบที่ ๑ รับโควต้าพิเศษจากทั่วประเทศ โครงการเด็กดีมีที่เรียนอยู่รอบนี้
  • รอบที่ ๒ รับตรงร่วมกันเฉพาะมหาวิทยาลัยในภาคอีสานและมหาวิทยาลัยเครือข่ายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อีสาน เช่น ม.เกษตรฯ วิทยาเขตสกลนคร
  • รอบที่ ๓ รับตรงร่วมกันทั่วประเทศ จะมีคู่แข่งมากขึ้น ดังนั้น ถ้าอยู่อีสานและอยากจะเรียนที่มหาวิยาลัยใกล้บ้าน ต้องวางแผนให้ได้ที่เรียนในรอบที่ ๒ ให้ได้
  • รอบที่ ๒ รอบที่ ๓ และรอบที่ ๔ ใช้การสอบ GAT, PAT, O-Net, ๙ วิชาสามัญ, หรือ กสพท. (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย) ร่วมกัน ดังนั้นนักเรียนที่จะเข้าปี ๖๑ ต้องให้ความสำคัญกับการทดสอบเหล่านี้มาก ๆ
  • รอบที่ ๕ เป็นการรับอิสระของมหาวิทยาลัย รับนักเรียนจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะ ผู้เรียนภาคพิเศษ และหลักสูตรเทียบเข้า (สำหรับผู้จบ ปวส. ต่อ ป.ตรี) จะอยู่ในรอบนี้ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีหลักสูตรที่จะเปิดรับภาคพิเศษทั้ง ๓๖ สาขาวิชา ที่จะรับในรอบที่ ๕ นี้ อย่างไรก็ดี สาขาที่ยังไม่ได้นิสิตตามเป้าหมาย อาจจะมีการประกาศรับในรอบนี้

๔) การทดสอบจะมากันแบบติด ๆ กัน ดังนั้นการเตรียมตัวที่ไม่ดีจะไม่มีโอกาสแก้ตัว ตารางสอบมีดังนี้

  • ๒๔-๒๗ กุมภาพันธ์ สอบ GAT/PAT ประกาศผลวันที่ ๕ เมษายน
  • ๓-๔ มีนาคม สอบ O-Net
  • ๑๐-๑๑ มีนาคม สอบ กสพท. สำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์
  • ๑๗-๑๘ มีนาคม สอบ ๙ วิชาสามัญ ประกาศผลวันที่ ๑๒ เมษายน
  • ที่ประชุมกำหนดให้ คณะสาขาที่ต้องการทดสอบเฉพาะ ต้องจัดสอบในสัปดาห์ที่ ๒ หรือ ๔ ของเดือนมีนาคม แต่ต้องไม่ซ้ำกับการสอบ กสพท. นั่นหมายถึง ๑๒-๑๖ มีนาคม หรือปลายเดือนมีนาคม

๕) จงค้นหาตนเองให้พบและจบมันให้เร็วตั้งแต่รอบแรก

หมายเลขบันทึก: 628888เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2017 01:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2017 21:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณอาจารย์มากเลยค่ะที่มาให้ความรู้ ขอติดตามข้อมูลจากอาจารย์ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท