​เป็น DPT จะดีไหม


อาจารย์ที่นี่มั่นใจว่า นักศึกษาที่จบในโปรแกรม DPT 6 ปีของเขาจะเป็นนักกายภาพบำบัดที่ทำงานได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพ

มาไต้หวันเที่ยวนี้ถือโอกาสมาเที่ยวเมืองหลวงคือกรุงไทเป และแวะเยี่ยมโรงเรียนกายภาพบำบัดแห่งแรกของไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันคือ School and Graduate Institute of Physical Therapy, National Taiwan University (NTU) ตั้งแต่ก่อนมาถึงก็ประทับใจความคล่องตัวของการติดต่อสื่อสารของอาจารย์ที่นี่ เพราะได้ส่งเมล์มาถามและบอกวัตถุประสงค์ของการเยี่ยม ก็ได้รับคำตอบและส่งต่อข้อมูลพร้อมตารางเวลาการเยี่ยมชมในชั่วข้ามคืน

เป้าหมายของการมาครั้งนี้นอกจากจะมาดูการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนที่เราใช้เป็นคู่เทียบของคณะฯ ยังอยากมาแลกเปลี่ยนแนวคิด ศึกษาวิธีการและความคืบหน้าของการเปิดหลักสูตรปริญญาเอกทางวิชาชีพกายภาพบำบัด ที่เราเรียกว่า Doctoral of Physical Therapy (DPT) ของสถาบันนี้ด้วย ได้ยินมานานว่า NTU เตรียมตัวเปิด DPT จนได้ทราบในวันนี้ว่าได้เริ่มรับนักศึกษารุ่นแรกไปแล้วในปีนี้ โดยรับแบบคู่ขนาน คือเมื่อจบปี 1 นักศึกษาสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนต่อใน BSc(PT) หรือ DPT ฟังๆดูเหมือนกับว่าเป็นการลองชิมลางกับรุ่นแรกๆนี้ดูก่อนอีกสองสามปีก็จะค่อยๆหยุดหลักสูตร 4 ปีไปถ้าตลาดตอบรับดี

เมื่อเห็นโปรแกรมการเรียน DPT ของเขา รู้สึกชอบมาก เพราะคิดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการเรียนการสอนแบบหลักสูตร “เร่งยัด”ได้ (พูดไม่ค่อยเพราะ แต่เคยรู้สึกจริงๆว่าตัวเองก็โดนยัดมาเหมือนกัน)

หลักสูตรปริญญาตรีกายภาพบำบัด 4 ปีของไต้หวันนั้นเหมือนของเมืองไทยมาก คือรับเด็กจบมัธยมปลาย เข้ามาปี 1 ก็ต้องเรียนวิชาศึกษาทั่วไป 30 หน่วยกิต ซึ่งหมดไปทั้งปี มาเรียนวิชาชีพในปี 2 และ 3 ส่วนปี 4 เป็นการฝึกงานเกือบตลอดทั้งปี ดังนั้นการเรียนเนื้อหาวิชาชีพในปี 2 และ 3 จึงอัดแน่นจนเสียประสิทธิภาพการเรียนรู้

เมื่อขยายออกจาก 4 ปีเป็น 6 ปี ทำให้ปี 2 นักศึกษาได้เรียนเนื้อหาเตรียมวิชาชีพเช่น Anatomy, Biomechanics, Physiology อย่างเต็มที่ ปี 3 และ 4 เรียนเนื้อหาวิชาชีพจำพวก PT in 4 สาขาหลักร่วมกับรายวิชาและการเรียนการสอนที่ทำให้เกิดแนวคิดการใช้ Evidence based practice และ Clinical decision making ที่ดี รวมทั้งรายวิชาที่ทำให้บัณฑิตสามารถออกมาทำงานแบบนักวิชาชีพอิสระ เช่น Differential diagnosis, Radiology, Pharmacology for PT, Nutrition for PT เป็นต้น ปี 5 เป็นการฝึกปฏิบัติงานในคลินิกตลอดทั้งปี ส่วนปี 6 นักศึกษาจะได้เรียนสิ่งที่เขาเรียกว่า Advanced Practice Physical Therapy Module ที่จะลงลึกและเฉพาะทางที่จะทำให้นักศึกษาขยายบทบาทของตัวเองไปทำงานในที่ใหม่ๆที่กำลังต้องการบุคลากรสุขภาพ เช่น Sport PT, Long term care เป็นต้น

แนวคิดของการเปิด DPT นอกจากจำเป็นต้องขยายเพราะองค์ความรู้ที่สำคัญจำเป็น (Essential contents) ที่ต้องสอนนั้นล้นเกินเวลาเรียน 4 ปีแล้ว อีกเหตุผลสำคัญที่กายภาพบำบัดของไต้หวันต้องการขยายก็คือการทำให้นักกายภาพบำบัดสามารถรับและดูแลผู้ป่วยโดยตรงด้วยตัวเอง (Direct Access) ซึ่งยังคงมีไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะในระบบโรงพยาบาลรัฐที่ผู้ป่วยทุกคนต้องถูกส่งต่อมาจากแพทย์ ไม่สามารถมาขอรับบริการกายภาพบำบัดโดยตรงได้เหมือนอย่างบ้านเรา

อาจารย์ที่นี่มั่นใจว่า นักศึกษาที่จบในโปรแกรม DPT 6 ปีของเขาจะเป็นนักกายภาพบำบัดที่ทำงานได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเขาก็บอกอย่างถ่อมตัวว่ายังเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไปว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ยังไม่รู้ว่าจะลุยต่อหรือจะถอย แต่หากเราได้เห็นประกายตาและท่าทางขณะที่เขาเล่าเรื่อง DPT ให้เราฟัง เราไม่รู้สึกเลยว่าหลักสูตรนี้จะเลิกล้มหรือถอยหลัง ด้วยมันเป็นสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงท่าทางของนักต่อสู้ทั้งหลาย โดยเฉพาะนักกายภาพบำบัดรุ่นพี่ๆของเราที่เคยสร้างทำสิ่งต่างๆให้เราไว้มากมาย จนเรามีที่ยืนที่มั่นคงในวันนี้

และเมื่อเราได้แลกเปลี่ยนแนวความคิดหลายอย่างกันในวันนี้ เราก็รู้ว่าหากเราจะทำอะไรเพื่อวิชาชีพของเราในประเทศไทย เราก็จะมีเพื่อนจาก NTU ที่จะคอยให้คำแนะนำและให้กำลังใจกันและกัน ไม่ใช่คู่เทียบที่เราเคยได้ยินและอยากวิ่งตามให้ทันเขาอีกต่อไป

ตอนนี้เรากำลังเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้เกิดหลักสูตร DPT ในประเทศไทย ฉันคิดว่าแม้แต่โรงเรียนใหญ่และเก่าแก่อย่างมหิดลก็มีงานหนักที่จะต้องทำรออยู่ข้างหน้าอีกมาก เพื่อจะสร้างนักกายภาพบำบัดรุ่นใหม่ที่ทำงานดูแลสุขภาพด้านการเคลื่อนไหวของผู้คนในประเทศของเราได้ดียิ่งขึ้นต่อไป



หมายเลขบันทึก: 626203เขียนเมื่อ 20 มีนาคม 2017 21:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2017 13:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขออนุญาตนำลงในเว็บสมาคมนะครับ อจ.มัณฑนา

สุดยอดค่ะ......อ่านแล้วอยากเรียนต่อเลย

ช่วยให้เกิดในเมืองไทยเร็วๆหน่อยได้มั้ยคะ


อยากให้ในประเทศเรามีหลักสูตรแบบนี้เร็วๆค่ะ และเอื้อให้ นักกายภาพบำบัดที่จบ4ปี ได้มีโอกาสเรียนด้วยค่

อยากให้เกิดขึ้นจริงค่ะ เป็นหลักสูตรที่น่าสนใจค่ะ


ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท