รายงานการดำเนินงานตลอด 5 ปี นำมาซึ่งการศึกษาตนเอง งาน และประเมินการทำงานใหม่
เมื่อประเทศไทยจะเป็นประเทศไทย 4.0 หน่วยงานทุกภาคส่วนต่างขานรับ แม้งานประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานเล็กๆ ก็จะต้องขยับพาตัวให้เข้าใกล้ความเป็นผู้สนับสนุนนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการทำงาน และก้าวให้พ้นจนถึงสภาวะ “ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
กับดักคือ...
การวิเคราะห์ตนเอง ค้นหาจุดอ่อนของงานและของตัวเราเอง เพื่อทำภารกิจที่เหลืออีกสามปีให้เสร็จสิ้นสำเร็จ ตามการสืบเนื่องจากนโยบายการบริหารงานใหม่ขององค์กร ที่กำหนดให้ตำแหน่ง “หัวหน้างาน” มีวาระการดำรง 4 ปี เช่นเดียวกับตำแหน่งงานการบริหารจัดการระดับที่สูงถัดขึ้นไป ประกอบกับการกำหนดให้มี “ค่าตอบแทน” เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้เสียสละอุทิศหรือยอมตัวเองขึ้นไปรับ “ความผิดชอบ” ในฐานะผู้นำคนในทีมงาน และการทำงานผ่านคนในทีม น่าจะทำให้ตำแหน่งหน้าที่การงานนี้เป็นหนึ่งแรงบันดาลใจในผู้ใฝ่ฝันความก้าวหน้า
การเดินหน้าพัฒนางานในงานประชาสัมพันธ์ด้วยการบริหารและจัดการ พร้อมการลงมือทำงานร่วมไปกับทีมงานตามข้อกำหนดภาระงานขั้นต่ำ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หัวหน้างานมีสัดส่วนการบริหารจัดการ 14 ชั่วโมง ปฏิบัติงานประจำเช่นเดียวกับทีมงาน 10 ชั่วโมง ทำงานเชิงพัฒนา 7 ชั่วโมง และงานพิเศษอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายอีก 4 ชั่วโมง ทำให้ฉันได้มองย้อนไปในปีที่ผ่านพ้นมา
มองมุมงบประมาณ ประสบการณ์ความรู้การทำ Balance Scorecard บอกฉันว่าอย่าละเลยการบริหารจัดการเงินทั้งงบประมาณ ครุภัณฑ์ อัตรากำลัง เป็นอันดับต้น เพื่อให้งานและทีมงานเกิดความ “พร้อม” การทำงาน ทำให้ตลอดเวลาบริหารงาน เงินไม่ขาดมือและผลงานเดินหน้า แต่ความหลวมบางเรื่องยังมีอยู่ ที่จะต้องแก้ไขต่อไป
มองมุมกลุ่มเป้าหมาย ฉันให้ความสำคัญกับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องในงานประชาสัมพันธ์ จากผู้รับบริการ ผู้ให้ข้อมูล ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของงาน การดูแลช่วยเหลือและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสำคัญของงานประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเครือข่ายผู้ปฏิบัติหน้าที่ประชาสัมพันธ์ในคณะและส่วนงานอย่างเต็มที่ แต่อุสรรคคือการสร้างความพึงพอใจให้ทุกคนทุกฝ่ายเป็นเรื่องยากที่จะกำกับดูแลให้อยู่คงที่
มองมุมกระบวนการภายใน ในการประชุมโต้ะกลมบุคลากรทุกวันแรกเริ่มต้นสัปดาห์การทำงาน ฉันได้ดำเนินหน้าที่นำคนในทีม ซักซ้อมความเข้าใจภาระงานประจำ ดูแลบริหารงาน Content และจัดการแผนงานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ ถกประเด็นงานที่มีอุปสรรคปัญหา ระดมคิดแนวการแก้ไข และพัฒนาแนวทางในการทำงานที่สามารถลดขั้นตอน เวลา และได้งานที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น แต่ผลงานยังไปไม่ถึงความคาดหวังที่ตั้งไว้
มองมุมการเรียนรู้ฉันได้ผลักดันให้ทีมงานแสวงหาความรู้เพิ่ม โดยการชี้แนะ จัดส่งให้เข้าอบรมต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อพัฒนางานและได้มีการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานภายในผู้ปฏิบัติงาน โดยมุ่งหวังให้สามารถทำงานแทนกันได้เมื่อมีเหตุจำเป็น แต่ผลงานก็ยังไปไม่ถึงความคาดหวังที่ตั้งไว้เช่นกัน
ขณะเดียวกันการค้นหาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ฉันได้พยายามวิเคราะห์จับคู่ความสำคัญ เพื่อค้นหากลไกในการปรับปรุงแก้ไขงาน โดยใช้หลักการ SWOT Analysis และ Tows Matric
จุดแข็ง (Strength = S)
|
จุดอ่อน (Weakness = W)
|
โอกาส (Opportunities = O)
|
อุปสรรค (Threats = T)
|
เปลี่ยน ทำมากได้น้อย เป็น ทำน้อยได้มาก
จากจุดอ่อนที่ค้นเจอ และนโยบายใหม่ของประเทศและองค์กรต้นสังกัด ทำให้เราต้องกลับมาคิดทบทวน ลงมือปรับปรุง แล้วทบทวนอีก แต่เหมือนติดกับดัก หาทางออกไม่เจอ การล้มกระดานแล้วคิดใหม่ทำให้พบว่าจะต้องเปลี่ยนความคิด และทัศนคติของทีมทำงาน มาให้ความสำคัญกับคำว่าบทบาทหน้าที่และภาวะผู้นำของแต่ละคนด้วยตนเอง (ทำงานให้สำเร็จและนำตนเอง) และในตำแหน่งหัวหน้างานทั้งคนปัจจุบันและในอนาคต (ทำงานผ่านคนในทีม และนำคนในทีม) ทำให้เกิดกรอบการปรับปรุงงานใหม่ ด้านบุคลากรและกระบวนการทำงาน
ด้านบุคลากร เน้นให้เกิดการพัฒนาตนเองในการคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมงานวิจัยและพัฒนา โดยใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการลดภาระงานลง
ด้านกระบวนการทำงาน โดยยึดแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภารกิจในงานประชาสัมพันธ์ที่มีกำลังคนจากเดิม 9 เพิ่มเป็น 11 และลดลงเพราะการเกษียณ เหลือเพียง 10 จะยังดำเนินต่อไปภายใต้การปรับเปลี่ยนแนวทางบริหารงานของหัวหน้างานระดับต้นในแนวคิดใหม่ การบริหารจัดการ "ระบบการเรียนรู้ถ่ายทอดตัวต่อตัว" “ทำงานผ่านคนในทีมให้สำเร็จ" บริหาร "content" เพื่อให้คนในงานได้ฝึก "บริหารงานทีม" และการดำเนินงานกระบวนการต่างๆที่ต้องตอบโจทย์ให้ได้ในเรื่องคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ จะเป็นงานท้าทายที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
ไม่มีความเห็น