(2)
"กิเลสในใจคนนี้มันร้ายกาจมากนอกจากเผาใจตนเองแล้วยังเผาใจคนทั้งโลกได้"...
ไม่มีใครที่จะไปแก้ไขกิเลสของใครได้นอกจากบุคคลนั้นจะตั้งใจแก้ไขและออกจากกิเลสนั้นด้วยตนเอง..บนเส้นทางการภาวนาเป็นเส้นทางเดียวที่ทำให้เรารู้จักกิเลสในใจเรา การศึกษาขั้นสูงสุด(ปริญญาเอก)หรือหลังปริญญาเอกไม่สามารถช่วยให้คนออกจากกิเลสได้...หรือไม่ว่าจะปริญญาเอกกี่ใบก็ไม่สามารถพ้นออกจากการเป็นทาสกิเลส...เพราะถ้าง่ายขนาดนั้นคนจบปริญญาเอกก็คงได้บรรลุธรรมโสดาบันขึ้นไปเป็นแน่แท้...
การศึกษาไม่ได้ช่วยให้เข้าใจอะไรได้มากนักนอกจากการภาวนาเท่านั้นที่นำผู้คนไปสู่ปัญญาที่ละเอียดขึ้น ละเอียดขึ้นจนสามารถมองเห็นวิธีของการจัดการกิเลสของตนเอง...พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านต่างได้ปัญญามาจากการปฏิบัติภาวนาแทบทั้งสิ้น...ไม่ได้เป็นเงื่อนไขเลยว่าต้องมาจากการจบการศึกษาขั้นไหนๆ...
เช้ามืด...ลืมตาเงยหน้ามองขึ้นไปบนกลดที่กลางนอน เสียงไก่ป่าดังขันแข่งกัน ลมหนาวเย็นๆ แต่กลับรู้สึกอุ่นทั้งๆ ที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่...
วันนี้ครุ่นคิดพิจารณา...
ไฟกิเลสของคนๆ หนึ่งพุ่งเข้าใส่ยังกับจะเผาใจเราให้มอดไหม้ไปด้วย การได้เดินไปตามทางสองฝากเป็นต้นไม้ร่มเย็นทำให้ได้ปิ๊งแว้ปหลายเรื่อง...
คนที่คุมกิเลสตนเองไม่ได้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านห้ามไม่ให้คลุกคลีสมาคม(ไม่คบคนพาล)...การมีกัลยาณมิตรแม้จะยังไม่สามารถละกิเลสได้ทั้งสิ้นทั้งปวงแต่ก็ยังถือว่าไม่นำพากันไปมัวเมาในสิ่งที่เป็นอกุศล ผิดศีล และทางที่ต่ำลงของชีวิต...ยังพอสามารถที่จะเป็นกำลังใจระหว่างกันได้...
แม้ว่าบนเส้นทางนี้จะยาวไกลกี่ภพชาติก็ตามเมื่อมีโอกาสต้องเพียรทำโอกาสนั้นให้เต็มที่...
บทสรุปของการเรียนรู้ ณ ปัจจุบัน
ที่ได้มาจากโจทย์ที่เจอ...การภาวนาทำให้ได้มาของคำตอบ ในห้วงเวลาอื่นอาจจะเรียนรู้แตกต่างจากวันนี้...วันนี้เพียงบันทึกไว้ว่า เรารู้เพียงแค่นี้
ด้วยใจที่นอบน้อม
02-01-2560
#kapoomlife
ไม่มีความเห็น