ผลการสอบ PISA ของเด็กไทยกับการปฏิรูปการศึกษา


การเน้นให้เด็กท่องจำและสอบวัดผลความจำมากเกินไป เป็นการทำลายศักยภาพและทักษะในด้านความคิดของเด็ก ทั้งความคิดในเชิงวิเคราะห์ เชิงสังเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์ ทำให้คุณภาพการศึกษาของเด็กไทยตกต่ำและย่ำแย่มาโดยตลอด

ผลการสอบ Programme for International Student Assessment (PISA) ปี 2015 ซึ่งจัดโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ปรากฏว่าเด็กสิงคโปร์อยู่อันดับที่ 1 เด็กเวียดนามอยู่อันดับที่ 8 เด็กไทยอยู่อันดับที่ 55 จากจำนวน 71 ประเทศ เป็นหลักฐานชี้ชัดให้เห็นคุณภาพที่ต่ำของระบบการศึกษาไทย และมีผลที่ต่ำลงกว่าเดิมนับตั้งแต่ปี 2000 โดยปี 2012 ขยับดีขึ้นเล็กน้อย แต่ปี 2015 ก็ต่ำลงอีก

หากเราไม่ปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย ซึ่งคงจะต้องทำหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพของครู การกระจายทรัพยากรทางการศึกษาไปสู่ชนบทให้มากขึ้น การปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียนและการบริหารจัดการโรงเรียน ฯลฯ คุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ก็จะยิ่งตกต่ำลงไปอีก

แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องเปลี่ยนแปลงลงไปให้ถึง คือ วิธีการเรียนการสอนที่เรายังเน้นกันแต่ให้เด็กท่องจำความรู้ และวัดผลกันแต่ความจำ ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดพลาดมานาน การเน้นให้เด็กท่องจำและสอบวัดผลความจำมากเกินไป เป็นการทำลายศักยภาพและทักษะในด้านความคิดของเด็ก ทั้งความคิดในเชิงวิเคราะห์ เชิงสังเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์ ทำให้คุณภาพการศึกษาของเด็กไทยตกต่ำและย่ำแย่มาโดยตลอด ถ้าไม่แก้ไขเรื่องนี้ เราจะแพ้ทุกๆ ชาติในอาเซียนหมด และเราคงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นการศึกษาไทย 4.0 มหาวิทยาลัยไทย 4.0 คนไทย 4.0 และประเทศไทย 4.0 ได้ อย่างแน่นอน

แม้จะต้องปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่เรื่องแรกที่ควรจะแก้ปัญหา คือ การสอนและพัฒนาเด็กไทยให้สามารถใช้ภาษาไทยได้ดี ทำให้เด็กไทยสามารถอ่านภาษาไทยและเขียนภาษาไทยให้ได้ดี การสอบ PISA เขาสอบเป็นภาษาไทย คะแนนผลการสอบด้านการอ่าน (ภาษาไทย) ของเด็กไทย แสดงให้เห็นว่าเด็กไทยทำคะแนนได้น้อย ในขณะที่เด็กทั่วโลกเขาสอบอ่านภาษาของตัวเองได้คะแนน PISA โดยเฉลี่ยเท่ากับ 493 คะแนน แต่เด็กไทยได้คะแนนสอบอ่านภาษาไทยในการสอบ PISA เท่ากับ 409 คะแนน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไป 84 คะแนน ในขณะที่เด็กสิงคโปร์ได้ 535 คะแนน (คงจะใชัภาษาทางการของตัวเอง ภาษาใดภาษาหนึ่ง คือ อังกฤษ จีน มาเลย์ หรือทมิฬ แล้วแต่โรงเรียนสอนด้วยภาษาอะไร)

หากเด็กไทยไม่สามารถจะอ่านภาษาไทยได้รู้เรื่องและเข้าใจได้ดี ไม่สามารถจะทำความเข้าใจและตีโจทย์วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ได้แตก จะสามารถตอบคำถามได้ถูกและทำคะแนน PISA ซึ่งถามเป็นภาษาไทยได้อย่างไร ดังนั้นหากแก้ปัญหาเรื่องการอ่านและการเขียนภาษาไทยของเด็กไทยได้ คะแนนผลการสอบด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ในการสอบ PISA รวมทั้งคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กไทยในด้านอื่นๆ โดยรวม ก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ผมแนะนำให้รีบเร่งพัฒนาด้านภาษาไทยให้กับเด็กไทย แต่อย่าเข้าใจผิดว่าจะให้เด็กไทยไปท่องไวยากรณ์ไทยและฉันทลักษณ์ แล้วก็สอบวัดความจำเด็กไทยอีกนะครับ ถ้าทำอย่างนี้ คะแนนสอบ PISA เด็กไทยจะตกลงไปอีก และผลการเรียนรู้ด้านอื่นๆ ของเด็กไทยก็จะยังไม่ดีขึ้นอย่างเดิม และจะยิ่งตกต่ำลงไปอีก การจะให้เด็กไทยเรียนและจะสอบวัดผลอย่างไร คนในกระทรวงศึกษาธิการไทย ควรจะรู้ดีกว่าผม แต่ถ้าไม่รู้ ผมก็ขอแนะนำให้ไปเอาข้อสอบ PISA มาศึกษาดู

แต่อย่าเข้าใจผิดอีกนะครับ ว่าผมจะให้ไปสอนเด็กไทยมาหัดทำข้อสอบ PISA กัน เหมือนเรียนกวดวิชา ผมหมายถึงให้ช่วยกันสอนเด็กไทยให้ฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาไทย ได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิ์ ทำให้เด็กไทยรักการอ่านหนังสือ เข้าใจหลักเกณฑ์และเหตุผลของภาษา ใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง อย่างมีตรรกะและเหตุผล ทั้งในการคิด ฟัง พูด อ่าน และเขียน การอ่านจับใจความ จับประเด็นและสาระสำคัญได้ พูดให้สั้นกระชับได้ใจความ สามารถจะเรียงลำดับขั้นตอนของเรื่องในการพูดและการเขียนได้ สามารถจะคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์จากการฟังและอ่าน ซึ่งจะต้องนำมาใช้ในการพูดและเขียนด้วยได้ ความสามารถทางด้านภาษาไทยเหล่านี้ จะต้องนำมาจัดเป็นลำดับและกระบวนการเรียน การสอน และการวัดผล ให้เหมาะสมกับวัยของเด็กในแต่ละชั้นเรียนด้วย

ถ้าหากไม่สามารถจะปฏิรูปการศึกษาให้เด็กไทย ฟัง พูด อ่าน และเขียน ภาษาไทยให้ดีและมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่การศึกษาของไทยควรสร้างให้เกิดแก่เด็กไทยแต่แรก แต่กลับกลายเป็นปัญหาที่จะต้องมาแก้ไขด้วยการปฏิรูปกัน แล้วถ้ายังจะทำไม่ได้ การปฏิรูปอย่างอื่นๆ ที่ยากลำบากและลึกซึ้งกว่านี้ ประเทศไทยจะทำได้หรือครับ


หมายเลขบันทึก: 619872เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2016 22:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 ธันวาคม 2016 18:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เคยเอาข้อสอบพิซ่าคณิตศาสตร์ปี 2012 มาดู แปลข้อสอบออกมาเป็นภาษาไทยที่ไม่สละสลวย (บางข้อ) เป็นสถานการณ์โจทย์ที่อ่านแล้วงงงวยต้องอ่านใหม่ น่าเห็นใจเด็กที่ต้องผจญกับความไม่ชัดเจนของภาษาเป็นด่านแรก ก่อนที่จะคิดแก้ปัญหาตามโจทย์

ขอบคุณมากค่ะที่กรุณานำข้อสอบบางส่วนที่ สสวท สามารถเผยแพร่ได้มาให้พิจารณากัน เฉพาะคณิตศาสตร์ รู้สึกว่าข้อสอบนี้ในแง่การแปลหรือภาษาดีกว่าฉบับปี 2012 รูปแบบคำถาม ง่ายกว่า ไม่สลับซับซ้อนเท่าบางข้อในฉบับปี 2012 เนื้อหาอยู่ในหลักสูตรประเทศไทย ไม่เกินเลย จึงไม่แปลกใจที่เด็กโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอยู่ว่าเด็กเก่ง มีความพร้อมทุกด้าน ทำได้ดีพอเทียบเคียงได้กับเด็กสิงคโปร์ทีเดียว แต่ในภาพรวม แต่ละข้ออัตราการตอบถูกของเด็กไทยต่ำจริง น่าจะทำได้ดีกว่านี้มาก

ปัญหาใหญ่ของเด็กไทย คือ การอ่านภาษาไทยให้เข้าใจ การจับใจความให้ได้ การตีโจทย์ให้แตก การคิดวิเคราะห์ให้เป็น จึงจะตอบคำถามได้ถูกต้อง

เด็กไทยอ่อนภาษาไทย และคิดวิเคราะห์ไม่เป็น เพราะเรียนมาแบบท่องจำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท