"วัฒนมุข ๖ ปากทางแห่งความเจริญ"
ขอนอบน้อมด้วยเศียรเกล้า แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้
ธรรมะรับอรุณ ณ บ้านเย็นยิ้ม
วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2559
...
"บุคคลควรปรารถนาลาภอย่างเยี่ยม คือ ความไม่มีโรค ๑ ศีล ๑ ความรู้ของท่านผู้รู้ทั้งหลาย ๑ การสดับฟัง ๑ ความประพฤติตามธรรม ๑ ความไม่ท้อถอย ๑ คุณธรรม ๖ ประการนี้ เป็นประตูเป็นประธานแห่
วัฒนมุข ๖ แปลว่า ธรรมที่เป็นปากทางแห่งความเจริ
๑. อาโรคยะ คือ ความไม่มีโรค, ความมีสุขภาพดี
๒. ศีล คือ ความประพฤติดี มีวินัย ไม่ก่อเวรกัน ได้ฝึกในมรรยาทอันงาม
๓. พุทธานุมัต คือ ศึกษาแนวทาง มองดูแบบอย่าง เข้าถึงความคิดของพุทธชน เหล่าคนผู้เป็นบัณฑิต
๔. สุตะ คือ ใฝ่เล่าเรียนหาความรู้ ฝึกตนให้เชี่ยวชาญ และทันต่อเหตุการณ์
๕. ธรรมานุวัติ คือ ดำเนินชีวิตและกิจการงาน โดยทางชอบธรรม
๖. อลีนตา คือ เพียรพยายามไม่ระย่อ, มีกำลังใจแข็งกล้า ไม่ท้อถอยเฉื่อยชา เพียรก้าวหน้าเรื่อยไป
ธรรม ๖ ประการชุดนี้ ในบาลีเรียกว่า อัตถทวาร (ประตูแห่งประโยชน์, ประตูสู่จุดหมาย) หรือ อัตถประมุข (ปากทางสู่ประโยชน์, ต้นทางสู่จุดหมาย) และอรรถกถาอธิบายคำอัตถะว่า หมายถึง “วุฒิ” คือความเจริญ ซึ่งได้แก่ วัฒนะ ดังนั้นจึงอาจเรียกว่า วุฒิมุข หรือที่คนไทยรู้สึกคุ้นมากกว่
-------------------------
อรรถกถา อัตถัสสทวารชาดก ว่าด้วย คุณธรรม ๖ ประการ
พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภกุลบุตรผู้
"อาโรคฺยมิจฺเฉ ปรมญฺจ ลาภํ" ดังนี้.
มีเรื่องย่อๆ ว่า ในพระนครสาวัตถี บุตรของท่านเศรษฐีผู้มีสมบัติ
ท่านเศรษฐีผู้บิดาไม่ทราบปั
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เด็กนี้มีปัญญาฉลาดในประโยชน์ ถามปัญหาประตูแห่งประโยชน์กะข้
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก แม้ในกาลก่อน เราก็ถูกเด็กนี้ถามปัญหานั้นแล้
ท่านเศรษฐีกราบทูลอาราธนา ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบั
ครั้งนั้น บิดาของเขา เมื่อจะกล่าวแก้ปัญหานั้น กล่าวคาถานี้ ความว่า
บุคคลควรปรารถนาลาภอย่างยิ่ง คือ
ความไม่มีโรค ๑ ศีล ๑ ความคล้อยตามผู้รู้ ๑ การสดับตรับฟัง ๑ ความประพฤติตามธรรม ๑ ความไม่ท้อถอย ๑
คุณธรรม ๖ ประการนี้ เป็นประตูด่านแรกแห่งประโยชน์ ดังนี้.
-------------------------
บรรดาบทเหล่านั้น จ อักษรในบทว่า อาโรคฺยมิจฺเฉ ปรมญฺจ ลาภํ เป็นเพียงนิบาต.
พระโพธิสัตว์เมื่อจะแสดงความนี้
ที่ชื่อว่าความเป็นผู้ไม่มีโรค ในบาทคาถาว่า อาโรคฺยมิจฺเฉ ปรมญฺจ ลาภํ เป็นเพียงนิบาต. ได้แก่อาการที่ไม่มีสภาวะเสี
อนึ่ง เมื่อจิตใจเดือดร้อนเพราะอุปกิ
บทว่า สีลญฺจ ได้แก่ อาจารศีล คือระเบียบในส่วนที่เป็นมรรยาท. พระโพธิสัตว์แสดงถึงจารี
บทว่า พุทฺธานุมตํ ได้แก่ ความคล้อยตามบัณฑิตผู้เจริญด้
บทว่า สุตญฺจ คือ การฟังที่อิงเหตุ. พระโพธิสัตว์แสดงพาหุสัจจะ ความเป็นผู้คงแก่เรียน อันอาศัยตนในโลกนี้ ด้วยบทนี้.
บทว่า ธมฺมานุวตฺตี จ ได้แก่ การคล้อยตามสุจริตธรรมมีอย่าง ๓. พระโพธิสัตว์แสดงการเว้นทุจริ
บทว่า อลีนตา จ ได้แก่ ความที่จิตไม่หดหู่ไม่ตกต่ำ. พระโพธิสัตว์แสดงความที่จิตเป็
บทว่า อตฺถสฺส ทฺวารา ปมุขา ฉเฬเต ความว่า ความเจริญชื่อว่าประโยชน์ ธรรมทั้ง ๖ ประการเหล่านี้ เป็นประตู เป็นอุบาย คือเป็นทางบรรลุด่านแรก คือสูงสุดแห่งประโยชน์ทั้งที่
พระโพธิสัตว์กล่าวแก้ปัญหา ประตูแห่งประโยชน์แก่บุตร ด้วยประการฉะนี้ ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ประพฤติในธรรม ๖ ประการนั้น พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบุญมีทานเป็
"บุตรในครั้งนั้น ได้มาเป็นบุตรคนปัจจุบัน ส่วนมหาเศรษฐีได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล."
ขุ.ชา. ๒๗/๘๔/๒๗.
อรรถกถา อัตถัสสทวารชาดก
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
...
ธรรมะรักษา วิปัสสนาคุ้มครองค่ะ
อจ.พิณจ์ทอง แมนสุมิตร์ชัย (ฉัตรนะรัชต์)
ขอน้อมอุทิศถวายบุญกุศล เป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภู
ไม่มีความเห็น