มีความสุขกับสัตว์ทั้ง 4 ในที่ทำงาน:หนู ผู้ compromise
ลองนึกถึงในที่ทำงาน ขณะที่ทุกคนกำลังขะมักเขม้นทำงานหน้าดำคร่ำเครียด เมื่อถึงช่วงพักกลางวัน หนูจะเป็นคนแรกที่ชวนเพื่อนออกไปทานข้าว เข้าไปทักเพื่อนที่ทำงาน ลืมเวลาว่าพักเสียหน่อยนะ ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันดีกว่า เมื่อไปถึงร้านอาหาร แน่นอนครับ หมีจะเลือกแล้วเลือกอีกว่าเมนูจานไหนดี ร้านนี้กินอะไรถึงเหมาะ
ส่วนกระทิงนะหรือครับ ออเดอร์อาหารได้เป็นรายแรกหรือไม่ ก็สั่งสมทบตามหลังเพื่อนที่สั่ง ข้าวกะเพราไข่ดาวว่า “กะเพราด้วย รวมเป็น 2” แต่ในเวลาเดียวกัน หนูอีกนั่นแหละที่จะคอยสังเกตว่าเพื่อนคนไหนสั่งอะไรได้อาหารครบหรือไม่ ใครต้องการน้ำหรือพวงเครื่องปรุงบ้าง
ถ้าคุณรู้สึกว่า หมีและกระทิงต่างมุ่งมั่นกับชิ้นงานและผลลัพธ์เกินไป จอม detail อย่างหมีนั้นช่างเคร่งครัดกับระเบียบวิธีการ และให้ความสำคัญกับความถูกต้องของข้อมูลมากกว่าความเชื่อใจในทีมงาน ส่วนรายกระทิงนั้นเล่า ก็ลุยจัดการกับงานตรงหน้า จนไม่ดูว่าจะทำให้เพื่อนร่วมงานหรือลูกทีมน้อยใจหรือเปล่า ถ้ารู้สึกอย่างนี้ คุณอาจเป็นหนู เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างกันมากเป็นพิเศษครับ
หนูๆ ในที่ทำงานคือ กลุ่มคนผู้สนใจตัวคนทำงานและวิธีการทำงานมากกว่าใครเพื่อนครับ ในกรณีที่หนูเป็นหัวหน้าทีมทำงานภายใต้ระเบียบขั้นตอนจุกจิกปลีกย่อยมาก หัวหน้าหนูก็มีแนวโน้มสูงจะยืดหยุ่นละเว้นกฎบางข้อ เพื่อให้ลูกทีมทำงานได้คล่องและลื่นไหลมากขึ้น หมีๆ ฝ่ายบัญชีหรือการเงินอาจจะระอาที่หัวหน้าหนูเซ็นอนุมัติเบิกจ่ายให้ลูกทีมทั้งที่เอกสารใบเสร็จรับเงินนั้นไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ เพราะหัวหน้าหนูเห็นใจลูกทีมถ้าตีกลับเอกสารไปให้แก้ไข หรือถึงขั้นเกรงใจว่าลูกทีมอุตส่าห์สำรองเงินจ่ายไปก่อน จะไม่เซ็นผ่านให้ได้อย่างไร
ส่วนหนูๆ เพื่อนร่วมงาน (ที่ไม่ใช่น้องๆ สาวๆ นะครับ) ของคุณนั้น เขาหรือเธอแทบจะไม่เคยปฏิเสธคำขอให้ช่วยจากเพื่อนเลย ไม่ว่าจะในทีมเดียวกัน หรือจากฝ่ายอื่นก็ตาม คุณจะไม่เห็นหนูบอกปฏิเสธไม่ยอมช่วยด้วยเหตุผลว่า “งานฉันยังไม่เสร็จเลย” หรือ “งานใครก็งานมันสิ” เลย เต็มที่ก็แค่แบ่งรับแบ่งสู้ อย่างน้อยก็ช่วยให้คำแนะนำอยู่ดี
ถ้าคุณไม่ใช่หนู แต่คุณเป็นหมีหนุ่ม กระทิงสาว คุณอาจรู้สึกว่า น้องหนูนี่ช่างน่ารำคาญเสียจริง ไม่ทุ่มเท ไม่ระมัดระวัง แถมยังมีนิสัยขี้น้อยใจ ช่างเกรงใจ และเอาใจใส่เพื่อนๆ มากกว่าตัวเนื้องานเสียอีก ถ้าคุณมีเพื่อนร่วมงานที่แตกต่างจากคุณอย่างนี้ ทำอย่างไรให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขล่ะครับ ?
พื้นฐานสำคัญของแนวคิดสัตว์ 4 ทิศ คือ การพยายามทำความเข้าใจกันและกันครับ ไม่ใช่การจัดแบ่งคนในที่ทำงานออกเป็น 4 ก๊กเพื่อแข่งกีฬาสี การที่ได้รู้ว่าเพื่อนหรือหัวหน้ามีการตัดสินใจ ใช้สไตล์การทำงานแบบนี้ ล้วนมีที่มาจากฐานความคิดต่างกัน อย่างกรณีของหนู พฤติกรรมช่างเกรงใจและการพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเขาเป็นคุณลักษณะบนฐานใจ ทำให้หนูสนใจการอยู่ร่วมกันมากกว่าเรื่องอื่นๆ
แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าหนูๆ ไม่ใส่ใจกับความสำเร็จหรือความเรียบร้อยของงานนะครับ เพราะทัศนะของหนู ความสำเร็จคือความสัมพันธ์ที่ดีในทีม ฉะนั้นหนูจะไม่ชื่นชมกับยอดขายทะลุเป้า แต่แลกมาด้วยความทุ่มเททำงานล่วงเวลาของทุกคน จนไม่มีเวลาแม้แต่จะมาคุยกัน
หนูสนใจเพื่อนที่ดูเครียดจากงาน สังเกตว่าคนในทีมห่างเหินหมางเมินเพราะวุ่นกับงานที่ต้องแย่งกันทำยอด ในบรรดาคนในทีมงาน หนูจึงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติในกลุ่มหรือในโครงสร้าง เราสามารถกล่าวได้ว่า หนูเป็นคนสำคัญที่ยึดโยงทุกคนไว้ในกลุ่ม ขณะที่หมีคอยจัดการรายละเอียด และกระทิงทำหน้าที่เป็นหัวรถจักร
แต่ทว่าความแตกต่างของคนเหล่านี้ จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราเอาแต่พร่ำบ่นว่า นิสัยของคนอื่นเป็นภาระ หรือตำหนิคนที่มีวิธีทำงานต่างจากเราว่าเป็นอุปสรรคทำให้งานช้า ถ้าเช่นนั้นแล้ว การแบ่งสัตว์ 4 ทิศก็จะเป็นเพียงการขีดเส้นความเป็นพวกเขาพวกเราให้ชัดเจนขึ้น ไม่เกิดความพยายามทำความเข้าใจกัน
สัตว์ 4 ทิศบอกว่าความแตกต่างระหว่างกัน ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการทำงานเลยครับ แต่เป็นคำตอบต่อคำถามว่าเราจะทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขได้อย่างไร เพราะความหลากหลายแต่หนุนเสริมกันและกันในหมู่เพื่อนร่วมงานนี่แหละคือสิ่งสำคัญที่ทำให้งานสำเร็จ และทุกคนมีความสุขจากการทำงานร่วมกัน
ถึงตรงนี้แล้ว ถ้าคุณยังไม่พบว่าตัวเองเป็นสัตว์ในทิศไหน อย่าลืมครับว่ายังมีครั้งต่อไป เราจะพบกับ อินทรี เจ้า project ผู้อยู่ในทิศตะวันออก และมีธาตุลม แล้วจะได้รู้กันว่าความแตกต่างของอินทรีมีคุณูปการอย่างไรต่อเพื่อนหมี กระทิง หนู และเพื่อนๆ ทั้ง 3 จะช่วยหนุนเสริมเอาศักยภาพความสามารถของอินทรีมาช่วยให้ทีมทำงานสำเร็จลุล่วงอย่างมีความสุขได้อย่างไรบ้าง
เรื่องโดยคุณมนสิกุล โอวาทเภสัชช์
.................................................
มีความสุขกับสัตว์ทั้ง 4 ในที่ทำงาน : อินทรีเจ้า project
ย้อนกลับไปสักเล็กน้อย เมื่อ 3 ครั้งที่ผ่านมา เราได้รู้จักเพื่อนที่มีสไตล์พื้นฐานความคิดแตกต่างกัน 3 แบบ เทียบเคียงกับแนวคิดสัตว์ 4 ทิศของชนพื้นเมืองอเมริกัน ได้แก่ หมี บุคคลที่ชอบลงรายละเอียด สนใจข้อมูล และการทำงานเป็นขั้นตอน กระทิง ขาลุยผู้มุ่งมั่นและชิงลงมือทำงานโดยไม่ให้เสียเวลา และให้ความสำคัญกับการได้ลงมือทำงาน หนู ผู้ให้ความสนใจกับเพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ระหว่างคนในทีม ความร่วมมือและปรองดองของคณะทำงาน
สำหรับเพื่อนคนที่ 4 ของเรา เขาคือ อินทรี ผู้มาจากทิศตะวันออก และมีธาตุลมครับ อินทรี โดยธรรมชาติแล้วจะบินสูงและเห็นภาพกว้าง เพื่อนร่วมงานชาวอินทรีของเรา ก็มีลักษณะเช่นนั้น กล่าวคือ เขาจะเป็นคนที่สนใจงานในภาพรวม เห็นกระบวนการทำงานทั้งหมด มองการณ์ไกล เฉียบคม มีญาณทัศนะ (intuition) และมีความสนใจในสิ่งใหม่ๆ และแตกต่างออกไปเสมอ
อินทรี จึงเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และนำเสนอไอเดีย เปิดหน้างานใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่เสมอ สมฉายาว่า อินทรี เจ้า project นั่นแหละครับ แถมเวลาใครมาชวนทำอะไร ก็มักจะปฏิเสธไม่ค่อยเป็น คือเห็นมันสนุกไปหมด ชอบเป็นขาแจมกับเขาไปทั่ว
ถ้าตัวคุณเองเป็นอินทรี คุณย่อมไม่อดทนต่อการทำงานแบบเดิมๆ ซ้ำกันทุกวัน คุณคอยคิดถึงงานอื่นที่แปลกแตกต่างออกไปเสมอ หรือมิเช่นนั้น คุณก็ชอบทดลองทำงานเดิมด้วยวิธีการใหม่ อินทรีอย่างคุณจะอึดอัดมาก ถ้ารู้สึกว่าถูกบังคับ ไม่มีทางเลือก หรือถ้าไม่รู้ว่างานที่ทำอยู่ไปสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างไรกับงานในกระบวนการทั้งหมด
ด้วยความที่สนใจในภาพรวมนี้เอง ทำให้อินทรีมองข้ามการทำงานในรายละเอียดไป เมื่ออินทรีนึกถึงงานชิ้นหนึ่ง เขาจะมองภาพงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายต่างๆ และผลของงานจะนำไปสู่อะไร แต่อินทรีจะไม่รู้ว่าบางขั้นตอนของงานนั้น อาจขัดกับระเบียบหรือวิธีการทำงานขององค์กร กรณีอย่างนี้จึงขัดกับความเชื่อและอุปนิสัยของหมีที่ทำงานตามขั้นตอนและระเบียบอย่างเคร่งครัด
รวมไปถึงการบินสูงของอินทรี ยังอาจละเลยไม่ทันเห็นว่าเพื่อนร่วมงาน หรือลูกทีมบางคนกำลังมีปัญหา หรือบอบช้ำจากการทำงาน ในขณะที่หนูสังเกตเห็นและเข้าไปดูแลเพื่อนคนนั้นแล้ว
ความสำเร็จในทัศนะของอินทรีคือ การได้คิดวิเคราะห์ เชื่อมโยง หรือออกแบบสร้างงานใหม่ แต่อินทรีไม่ใช่นักปฏิบัติที่ชอบลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง ซ้ำๆ นานๆ แต่มีแนวโน้มจะคิดแล้ว นำความคิดไปให้คนอื่นทำ ฉะนั้น เราจึงพบอินทรีได้ง่ายในหมู่อาชีพที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์และการวางแผน เช่น ครีเอทีฟ ผู้บริหารโครงการ และนักวิจัยและพัฒนาครับ
ความแตกต่างของ หมี กระทิง หนู และอินทรี ทั้ง 4 นี้ ล้วนหนุนเสริมพลังความสนใจและพรสวรรค์เฉพาะของแต่ละคนได้อย่างกลมกลืนและสร้างสรรค์ครับ แทนที่ต่างฝ่ายจะยกเอาความสนใจที่ต่างกันมาติติง กลับสามารถเสริมจุดด้อยที่แต่ละคนมีได้ เช่น
อินทรีช่วยให้ทีมเห็นลู่ทางใหม่ คาดการณ์ทำนายผลลัพธ์การทำงาน
ส่วนหมีช่วยจัดการในรายละเอียดให้ถูกต้องเป็นระเบียบ
กระทิงช่วยขับเคลื่อนงานไปข้างหน้า
ส่วนหนูก็ดูแลและยึดโยงทุกคนในกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน
อย่างนี้จึงจะเป็น team work และทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข
งานที่สำเร็จลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ลูกทีมบางคนต้องเสียความรู้สึกดีๆ ต่อหัวหน้างานไป หรืองานราบรื่นเป็นระบบ แต่ทุกคนขาดความกระตือรือร้นค้นหาทดลองแนวทางใหม่ๆ อาจเรียกว่าเป็นงานที่ประสบความสำเร็จได้ แต่ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของการทำงานอย่างมีความสุขครับ งานนั้นไม่ใช่เพียงเนื้องาน เอกสาร หรือยอดขาย
แต่งานยังหมายถึงพวกเราทุกคนที่เป็นคนขับเคลื่อนเฟืองจักรให้งานเดินไปสู่เป้าหมาย ความสุขจากการทำงานจึงควรเป็นความสุขของทุกคนที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน และตลอดเวลาที่ได้ทำงานร่วมกัน ไม่น่าจะใช่แค่ความสุขที่ได้เห็นงานเสร็จ
เคล็ดลับการทำความเข้าใจ และใช้ความแตกต่างเป็นพลังหนุนเสริมกันในทีมนี่แหละครับ คือที่มาของความสุขในการทำงาน
แนวคิดสัตว์ 4 ทิศนี้ จะไม่เกิดประโยชน์เลยครับ ถ้าเรานำความแตกต่างที่ว่านี้มาตอกย้ำ ตีตราให้กัน และกล่าวโทษการประสานงานที่มีปัญหาว่าเป็นเพราะเราต่างกัน ความแตกต่างไม่ได้เป็นข้อกำหนดมาจำกัดความสามารถและศักยภาพของแต่ละคนเลยครับ ตรงกันข้าม กลับเป็นเครื่องบ่งชี้และนำทางให้เราเห็นความหลากหลาย และความงดงามของทุกคน
ในโลกการทำงานเราล้วนอยู่ท่ามกลางเพื่อนผู้มีที่มาหลากหลาย เราไม่สามารถบังคับให้ทุกคนคิดเหมือนกันได้ เช่นกันกับความแตกต่างหลากหลายบนโลกใบนี้ เมื่อเรามีความสุขได้ง่ายๆ จากการเรียนรู้เข้าใจกันในที่ทำงาน มันคงไม่ยากเกินไปที่เราจะเข้าใจโลกใบที่ใหญ่กว่า และนำพามาซึ่งความสุขและสันติภาพในทุกๆ คนครับ
เรื่อง :สรยุทธ รัตนพจนารถ (asia@sorrayut.com )
............................................................................
ที่มา ขอขอบคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=st2wonder&...
กระทิง หนู หมี อินทรี คุณเป็นคนแบบไหน
เดือนที่ผ่านมา เพื่อนที่เป็นหมอดูสมัครเล่นแวะมาที่ออฟฟิศ เราคุยกันเรื่องแต่ละคนเป็นคนแบบไหน ระหว่าง กระทิง หนู หมี และอินทรี ซึ่งสัตว์ทั้ง 4 ชนิดจะประจำอยู่ 4 ทิศ กระทิง : เหนือ ตรงข้ามกับ หนู : ทิศใต้ และ หมี : ทิศตะวันตก ตรงข้ามกับ อินทรี : ทิศตะวันออก ตรงข้ามกันคือ นิสัยตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง อันนี้สรุปเอาเองจากที่คุยกันนะ
กระทิง – ดุดัน หวังผลเลิศ พุ่งชน ไม่สนใจความรู้สึก พวกรุก เรียกว่า มุ่งงานสำเร็จ มนุษยสัมพันธ์แย่
หนู - ประนีประนอม รักพวกพ้อง ชอบรื่นเริง พวกตั้งรับ เรียกว่า มนุษยสัมพันธ์ดี แต่ขึ้ใจน้อย ชอบหนีปัญหา
หมี – พวกเสถียร ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง เคร่งครัดในกฎระเบียบ
อินทรี – พวกนักวางแผน มองภาพรวม ไม่สนใจรายละเอียด เจ้าโครงการ แต่ขี้เบื่อ
....................
เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าความหมายมันน่าสนใจมากนะ
ที่มา : http://www.jobjob.co.th
แบบอย่าง ' ผู้นำสี่ทิศ ' (คุณล่ะทิศไหน?)
มีเรื่องราวว่าด้วยบุคลิกภาพและบทบาทของการเป็นผู้นำตามความเชื่อของชาวจีนที่ไปสอดคล้องกับความเชื่อของชนเผ่าอินเดียนแดงในยุคโบราณ ที่เปรียบผู้นำไว้เหมือนทิศทั้ง 4 ทิศ หรือตามบุคลิกของสัตว์ประเภทต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยมีความเชื่อกันว่า โดยความเป็นจริงตามธรรมชาติของมนุษย์แล้วนั้น คนเราจะไม่เด่นชัดไปในแบบใดแบบหนึ่งเสียทั้งหมด แต่จะมีบุคลิกแบบผสมผสานรวมอยู่ในคนเดียวกัน อาจจะมากบ้างน้อยบ้าง และเมื่อวันเวลาผ่านไป ผ่านวันผ่านประสบการณ์ ผ่านการเรียนรู้ต่างๆ ก็จะทำให้ทัศนคติและบุคลิกที่เคยเป็นตอนเด็ก ตอนวัยรุ่น...
ลองมาดูว่า คุณมีบุคลิกเป็นผู้นำแบบใด มีอะไรต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ผู้นำทิศเหนือ
เปรียบเสมือน : กระทิง เป็นดั่งฐานกาย อยู่ในธาตุไฟ
บุคลิกลักษณะ : มีนิสัยรวดเร็ว ทันใจ หวังผลเลิศ ชอบลงมือทำงานด้วยตนเอง แบบออกแอคชั่นด้วยตนเองมากกว่าฟังคนอื่นว่าตามกันมา ดังนั้นความรู้ที่ได้สั่งสมมาจึงมาจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง จึงไม่เชื่อทฤษฎี โดยบุคลิกแล้วจะมีลักษณะดุดัน กล้าชน กล้าเผชิญหน้า มีความมุ่งมั่น จริงใจ เคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมีเป้าหมาย ชอบเห็นผลเร็ว ชอบอยู่แนวหน้า กล้าแสดงออก ชอบใช้พลัง มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อปัญหาต่างๆ อย่างรวดเร็ว เหมือนวัวกระทิงที่เจอสีแดงแล้วจะวิ่งชนทันที ถือว่าเป็นทิศของนักรบ เพราะมีความกล้าเสี่ยง กล้าท้าทาย ชอบวิ่งชนกับปัญหา ผู้นำลักษณะนี้เหมือนเถ้าแก่ยุคแรกเริ่มในการทำธุรกิจของเจ้าสัวชาวจีน อยู่ในธาตุหยางตามหลักความเชื่อของชาวจีน นักการเมือง สื่อสารมวลชน ทนายความ มักจะมีบุคลิกของความเป็นกระทิงอยู่สูง
ข้อดี : พร้อมปกป้องดูแลลูกน้องแบบเป็นแม่ไก่กางปีกปกป้องลูกไก่ เป็นคนเอาพรรคเอาพวก ชอบอยู่เป็นกลุ่มก้อน ถือว่าเป็นทิศแห่งการยืนหยัด พร้อมเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทุกรูปแบบ ท้าทายอำนาจอย่างเปิดเผย
ข้อเสียควรแก้ไข : ควรที่จะยอมผิดพลาดบ้าง รู้จักที่จะช้าๆ กับบางเรื่อง รู้จักอดทนรอคอย อย่าคิดเร็วทำเร็ว หัดทบทวนการตัดสินใจของตัวเองดูอีกครั้งว่าถูกต้องแม่นยำจริงๆ แล้วหรือไม่ เพราะอาจแฝงไว้ด้วยความมีความเป็นตัวตนสูง หรืออาจจะทำให้ดูเป็นคนชอบใช้อำนาจมากเกินไป
ข้อเสนอแนะ : ถ้าจะให้ดี ควรมีความผสมผสานระหว่างผู้นำในแบบกระทิง และผู้นำในแบบหมี (กระทิงบวกกับหมีก็คือหมิง) โดยอาจจะมีความเป็นหมีสัก 60 เปอร์เซ็นต์ กระทิง 40 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ หรือแบบกระทิงสัก 60 แบบหมีสัก 40 ก็ได้เช่นกัน เพราะการสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะมีปัญหาการทำงาน หรืออยู่ร่วมกับคนอื่นได้ในระยะยาวได้ หรือผู้นำอีกแบบหนึ่งก็คือการผสมผสานระหว่างกระทิงกับหนูก็ได้ อย่างน้อยกระทิงจะได้มีความอ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ ให้ความสำคัญเรื่องของใจมากกว่าที่จะใช้กำลังเพียงอย่างเดียว
ตามหลักการนั้น ว่ากันว่าถ้าเป็นผู้นำแบบหมีผสมผสานกับกระทิง จะกลายเป็นผู้นำที่ดูน่าเกรงขามมาก เพราะจะเป็นนักคิดนักวางแผนที่กล้าเผชิญหน้า ต่อสู้กับความท้าทายปัญหาต่างๆ อย่างเป็นระบบระเบียบ เป็นนักบริหารที่แม่นยำ กล้าได้กล้าเสีย มั่นคงแบบกล้าฟันธงในทุกเรื่องราว
ผู้นำทิศใต้
เปรียบเสมือน : หนู ซึ่งตกอยู่ในธาตุน้ำ ถือว่าเป็นทิศที่อยู่ในฐานใจ
บุคลิกลักษณะ : ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและอารมณ์สูง ชอบใช้ใจมากกว่าการใช้กำลัง มีบุคลิกรวดเร็ว ว่องไว ปราดเปรียว ขี้เล่น ขับเคลื่อนพลังด้วยความรู้สึกที่ใส่ใจ ชอบช่วยเหลือดูแลคนรอบข้างแบบอบอุ่น ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หล่อเลี้ยงและดูแลดึงคนมารวมกันอยู่ด้วยหัวใจได้อย่างมากมาย จะทำทุกวิถีทางที่ทำให้คนรอบข้างตัวรู้สึกดีอยู่เสมอ ถือว่ามีความเป็นผู้ให้สูง โดยลักษณะของหนูนั้นจะไม่เรียกร้อง เป็นคนไม่เปิดเผย มีแบบแผน และชอบสนองความต้องการของผู้อื่นมากกว่าความต้องการของตนเอง
สังคมไทยจะคาดหวังให้ผู้หญิงมีบุคลิกลักษณะเป็นแบบหนู เพราะที่สำคัญบุคลิกของผู้นำในทิศนี้จะเป็นคนที่มีความประนีประนอมสูง ไม่ชอบเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง จะหลีกเลี่ยงการปะทะรุนแรง รูปแบบการเป็นผู้นำแบบหนูนั้น ภาวะจะไม่เด่นเหมือนกระทิง มีบทบาทหน้าที่เป็นผู้ประสานงานแบบเป็นกาวใจ มีความอ่อนโยนสุภาพ เป็นผู้นำในแบบผู้เยียวยา ถือว่าเป็นหยิน กล่าวคือเป็นฝ่ายตั้งรับ ผู้นำแบบนี้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาดี และผู้ที่เป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยามักจะเป็นผู้นำแบบทิศใต้นั่นเอง เป็นผู้นำในแบบผู้ประสานงานให้เกิดความราบรื่นในหมู่คณะแบบกาวใจนั่นเอง คนในอาชีพศิลปิน นักร้อง นักแสดง นักดนตรี จิตรกร มักจะมีบุคลิกแบบหนูสูงสุด
ข้อดี : จะเป็นผู้ที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง ไม่ชอบปะทะหรือใช้กำลังทำลายล้าง จะได้กลิ่นของความขัดแย้ง หรือความไม่ลงรอยกันได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานใดที่ได้ผู้นำหรือผู้ร่วมงานแบบนี้จะโชคดี เพราะจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้รวดเร็วและราบรื่น
ข้อเสีย : แต่ที่โชคร้ายก็คือ องค์กรแบบนี้มักจะไม่ค่อยเจอผู้นำในแบบหนู เพราะหนูจะลาออกไปเสียก่อน เนื่องจากไม่สามารถจะอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงได้ และอาจจะถูกข่ม เนื่องจากมีความอ่อนโยน และประนีประนอมมากเกินไป เพราะจะเป็นผู้นำแบบขี้สงสาร ชอบความสงบ และรักสันติ ในหน่วยงานต่างๆ มักจะพบผู้นำในแบบกระทิงมากกว่าผู้นำแบบหนู
ข้อเสนอแนะ : ควรนำความเด็ดเดี่ยว กล้าเผชิญกับปัญหาแบบกระทิงมาไว้ในความเป็นหนูบ้าง เนื่องจากหากเป็นหนูล้วนๆ จะดูใจน้อย ใช้ใจ ใช้อารมณ์มากเกินไป จนดูอ่อนแอไม่น่าเกรงขาม และยากที่จะเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าหนูกับกระทิงมาผสมกันจะดูดีขึ้น เป็นหนูที่ทรงพลัง
ผู้นำทิศตะวันตก
เปรียบเสมือน : การเป็นผู้นำแบบหมี ซึ่งจัดอยู่ในธาตุดิน โดยจัดอยู่ในฐานความคิด
บุคลิกลักษณะ : เป็นแบบเสถียร คือต้องการความมั่นคงสูง เป็นคนหนักแน่นแบบช้าแต่มั่นใจ (ช้าแต่ชัวร์นั่นเอง) มีนิสัยชอบวิเคราะห์วิจัย มีแบบแผนวิธีการทำงานที่ลงตัว หรือจะเรียกว่ามีระเบียบวินัยสูง มีความเชื่อว่าความเป็นระบบจะทำให้เกิดความสำเร็จ ไม่ชอบความวุ่นวาย มีความรอบคอบ จะมองทุกอย่างไปข้างหน้าเสมอ คิดล่วงหน้า ชอบวางแผน มีขั้นตอนมีตรรกวิทยา ซึ่งจะต่างกับกระทิง ที่จะไม่ชอบวางแผน ทำงานแบบบุกตะลุย ประสบความสำเร็จแบบไม่มีกระบวนท่า
แต่ผู้นำแบบหมีนั้น จะเป็นพวกอนุรักษนิยม คือมีขั้นมีตอนมีระบบระเบียบ บริหารงานแบบใจเย็น มีหลักการสูง มีกรอบมีกติกา ในการดำเนินชีวิตใช้เหตุผลเยอะ บางครั้งอาจจะดูเหมือนเป็นคนที่สื่อสารยาก เพราะชอบทำงานแบบอนุรักษนิยม คือเป็นระบบเป๊ะๆ ไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยง จึงไม่ชอบทำอะไรแบบฉับพลันดำริ ชอบสังเกตการณ์ทุกสิ่งรอบตัว ไม่ชอบเกาะติดนัวเนีย รักษาระยะและพื้นที่ตัวเองสูง ไม่ให้ใครเข้ามาในชีวิตส่วนตัวมากนัก รักความสันโดษ ผู้นำแบบนี้เหมาะกับการทำงานในอาชีพนักบัญชี นักการเงิน สรรพากร ดูแลเรื่องภาษี เป็นคนกลัวพลาดสูง
ข้อดี : จะเป็นผู้นำที่หาความผิดพลาดได้ยาก เพราะมีหลักการทำงานแบบมีระบบระเบียบ เคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ มีปรัชญาในการทำงานในลักษณะที่เรียกว่าป้องกันดีกว่าแก้ไข
ข้อเสีย : มีลักษณะการทำงานที่เคร่งเครียด ไม่มีความยืดหยุ่น ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ผู้นำแบบหมีนั้นควรจะมีความเป็นอินทรีหรือกระทิงผสมอยู่ในการทำงานจะทำให้มีการทำงานมีความสุขและประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
ผู้นำทิศตะวันออก
เปรียบเสมือน : เหยี่ยวหรืออินทรี เป็นพวกธาตุลม มีญาณทัศนะ มีเจตจำนงสูง
บุคลิกลักษณะ : เป็นคนชอบมองภาพรวมใหญ่ๆ เชื่อมโยงเครือข่ายแบบสร้างสรรค์ ไม่ค่อยสนใจรายละเอียด มีจินตนาการสูง เป็นนักคิดนักฝันสูง ชอบเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ชอบคิดนอกกรอบ แสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ มักจะไปที่ที่ไม่เคยไป เป็นจอมโครงการเจ้าโปรเจ็กต์ บางครั้งเหมือนพวกฝันกลางวัน ขายฝันเก่ง สนใจทุกเรื่องราว อยากทำทุกเรื่อง จนบางครั้งทำงานแบบไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะสนใจไปหมดทุกเรื่อง ทั้งยังไม่มีลำดับความสำคัญก่อนหลัง จะเรียกว่าเป็นผู้นำแบบจับจดก็ได้ เพราะเป็นคนเบื่อง่าย ไม่อยู่กับอะไรนานๆ จึงควรยึดอะไรให้มั่น ทำงานหลักๆ ให้ได้เสียก่อนว่าชอบอะไรแน่ แล้วอะไรควรทำก่อน-หลัง
ควรเรียนรู้ระบบตามแบบผู้นำอย่างหมีหรือกระทิงดูบ้าง ควรคิดใหม่ ทำใหม่ ผู้นำแบบอินทรีนั้นห้ามทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เนื่องจากเป็นคนชอบอิสระสูง ชอบสร้างเรื่องประหลาดใจเสมอ อะไรที่เหนือความคาดหมายนั้นจะชอบเป็นพิเศษ ดังนั้นจะไม่ชอบทำอะไรแบบซ้ำซากจำเจ แบบพวกนักสร้างสรรค์งานโฆษณา ผู้กำกับภาพยนตร์ มักจะมีบุคลิกแบบอินทรีสูง
ข้อดี : จะมีชีวิตการทำงานที่มีสีสัน สนุกสนาน แต่หาสาระแก่นสารไม่ได้ หรือยากที่จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เพราะอาจดูกลายเป็นคนจับจดหยิบโหย่ง ด้วยความเป็นคนไม่ชอบความซ้ำซากจำเจจึงอาจกลายเป็นคนทำงานไม่ต่อเนื่องได้
ข้อเสนอแนะ : ผู้นำในแบบอินทรีหรือเหยี่ยวนั้น ควรต้องมีความผสมผสานระหว่างความเป็นหมีให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง มีการวางแผนที่ดี กลายเป็นคนที่มีจินตนาการที่จับต้องเป็นหลักการได้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นนักฝันแต่เพียงอย่างเดียว
รับทราบกันไปแล้วว่าผู้นำมีแบบใดบ้าง แต่ดีที่สุดก็คือต้องมีการผสมผสานกันมากกว่า 2 แบบ ดีที่สุด ควรมีทั้ง 4 แบบอยู่ในตัวเอง อาจจะแบบหนึ่งมาก อีกแบบปานกลาง อีกแบบนิดหน่อย ก็จะได้ส่วนผสมที่ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งผ่านประสบการณ์มานานวันขึ้นคนเราก็ควรจะใช้ชีวิตการทำงานให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น อย่าเทน้ำหนักไปแบบใดแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียว บางสถานการณ์อาจจะเป็นผู้นำแบบหนึ่ง อีกสถานการณ์อาจจะเป็นผู้นำในอีกแบบหนึ่งขึ้น อยู่กับความเหมาะสมในแต่ละครั้งคราวกันไป
...................................................................................................
มองคนเป็นจะได้ไม่โกรธ....ผู้นำสี่ทิศ ศาสตร์แห่งค้นหาตัวเอง - วรภัทร์ ภู่เจริญ
.......................................
- กระทิง ชอบตั้งเป้า งานได้ผลคนเสียหาย พูดตรง ไม่โกหก เจ้าอารมณ์ ฉายเดี่ยว มุ่งมั่น กัดไม่ปล่อย ขยัน ไม่เหนื่อยไม่นอน เสียหายบ้างเช่น ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่อยู่นิ่งๆจะหาอะไรทำ ไม่ติดใจอะไรไม่โกรธใคร ลืมไปว่าลืม ลืมเพื่อน ลืมพ่อแม่ ลืมจัดเวลาไปหา เหมือนพระธุดงค์ ได้เพื่อนดีจะดีสุดๆ ต่อหน้าคนรักลูกน้อง แต่อยู่สองคนอัด(สอน)ลูกน้อง เป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ ชอบร้องฟังเพลงแนวมุ่งมั่น คาราบาว บอดี้แสลม เพลงแสดงกำลังแสดงโทสะ เพลงพวกคอร์ด Bm Em A แม่กระทิงจะต้องบอกว่าไม่เจ๋งอย่าเอามาเป็นแฟน ของขึ้นเร็ว ไว้ผมสั้นไม่เสียเวลาประดิดประดอย โกรธง่ายหายเร็ว รักพวกเรา ดูติดตามซักถามติดตามงานตามเป้าตลอด
.......................................
- หนู เกรงใจ สุภาพ พูดเบาๆ งานไม่สนคนรักกัน พึ่งพากันสูง น่ารัก รักทุกคน รู้สึกขี้เห็นใจคน ชอบสะสม ชอบตุนอาหารแจก ขยันทำงาน นั่งน้อยใจ ทำความดีไม่มีใครเห็น แม่หนูจะบอกว่าทำอะไรก็ได้ที่ลูกจะมีความสุข เพลงประมาณพักตรงนี้ดีกว่า ไม่อยากจะเจอหน้าใคร เพลงหวานๆ เบาๆ ร้องเบาๆ เบิร์ดกับฮาร์ด เพลงพี่เบิร์ดธงไชย รักทุกคน เพลงพี่บอย โกสิยะพงษ์ พวกคอร์ด A F#m D G เป็นพวกราคะจริตอารมณ์หวั่นไหว สื่อสารไม่ค่อยตรงความรู้สึก เก็บอารมณ์ไว้ระเบิดทีเดียว ช้อคโลก บ่นประมาณตัดพ้อ ชอบปิดทองหลังพระ ลูกน้องหนูจะงงงง ว่าคืออะไร ให้ทำแบบนี้ใช่ไหม
.......................................
- อินทรีย์ รู้ทุกเรื่อง มองอนาคต ทำนิดเดียว ทำไม่ซ้ำคนอื่น ชอบเปลี่ยนแปลง สร้างสิ่งใหม่ๆ ฝึกนานๆกลับเบื่อ ข้อมูลร้านอาหารเพียบกินร้านใหม่ๆ บางทีก็เปลี่ยนรูปแบบได้ในชั่วข้ามคืน เล่นความหมาย ต้องตีความเพลง ชอบสอนคน ไม่ยอมแก่ ไม่ติดยึด สนุกสนาน ประมาณเพลงเฉลียง ศุบุญเลี้ยง room39 ไม่หวงเนื้อเพลง เพลง I'm yours เจสันมาร์ช เพลงพวก C#m D#m คิดได้เรื่อยๆ แล้วก็เบื่อเค้าเอง improviceเพลงได้หลายแบบทำได้ทันที อ่านหนังสือทุกอย่างที่ขวางหน้า
........................................
- หมี เจ้าแห่งระเบียบ ทำงานมีแบบแผน กติกา ทำตามขั้นตอน กินเที่ยวที่เดิมๆร้านประจำ ชอบอยู่บ้าน ออกกำลังแบบเดิมๆ เปรียบเพลงประมาณรักเธอคนเดียว อยู่เพื่อเธอตายเพื่อเธอ รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง พี่ติ้กคนอินทรีย์แต่ร้องเพลงเพลงหมี เพลงเป้สีน้ำ เพลงพวกคอร์ด C Am F G7ธาตุดิน นิ่งๆสุขุม เปรียบหนังTransporter ชอบปกป้องผู้คน ไม่ชอบเปลี่ยนรูปแบบเดิมๆ ทำงานอนุรักษ์นิยม
...........................................
- คนกระทิงจะเกลียดหนู มองหนูว่าไม่มุ่งมั่นเหยาะแหยะ
- คนหนูจะไม่ชอบกระทิง
- สถานการณ์ บางครั้งคนอินทรีย์ต้องเป็นหมี สถานการณ์บางครั้งคนหมีต้องเป็น อินทรีย์
- คนกระทิงถึงจุดๆหนึ่งก็จะยอม เป็นหนู ยอมทุกอย่างจนได้นิสัยหนู จนตัวจริงหายไป กลายเป็นหนู
- วิศวะ บัญชี อยู่กับตัวเลขเวลาเรียนนี่ใช่เลย สิ่งต้องพิสูจน์ พอเติบโตมา วิศวะก็อาจเป็นคนกระทิง บัญชี กฎหมายก็อาจกลายเป็นคนหมี ตามลำดับ
- ตอนเด็กเรารักใคร ใครเลี้ยงเราแล้วเรารักที่สุด เป็นสิ่งดีที่เราจะทำจาม เราก็เป็นคนนั้น รักแม่แม่เป็นคนกระทิงเราก็เป็นคนกระทิง รักยายๆเป็นคนหนูเราก็เป็นคนหนู แต่หากเกลียดแม่เราจะเป็นตรงข้ามแม่ เช่น แม่เป็นหมีเจ้าระเบียบ เรามีโอกาสเป็นอินทรีย์สูงจะได้ ปลดตัวเองออกจากระเบียบ
- ลูกค้ากระทิงโทรมา หนูตอบนี่ กระทิงจะโกรธเรย
- เล่นกีฬากับกระทิง ยอมแบบหนู ไม่ได้กำลังจริงจัง
- แววตากระทิง จะมองคนตรงๆ เป็นตัวของตัวเอง
- แต่ละคนก็มีอย่างน้อย สองอย่างผสมๆกันอยู่ เราจะรู้ตัวเอง
- การคำนับแบบญี่ปุ่น ก้มต่ำๆ หมายถึงการคำนับแบบเอาตัวของตนออก