กลุ่มฮักนะเชียงยืน2 มีโอกาสรับคัดเลือกเข้าพัฒนาศักยภาพ การทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ พัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ การพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ความเข้าใจเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อมในโครงการMove World Together ภาคอีสานระหว่างวันที่17-21มีนาคม 2559 ที่หอประชุมภูพานคำ เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
คงไม่ต้องบอกถึงความตื่นเต้นและความมั่นใจของสมาชิกทุกคน เรามาถึงสถานที่จัดค่ายแบบงงๆ เพราะลองค้นหาสถานที่จัดโครงการ ไปโพล่ที่อุทยานภูแก้ว ภูพานคำทุกครั้ง
พวกเราพบพวกพี่ๆสต๊าปน่ารักที่รอรับพวกเรา ทำงานอย่างเข้มแข็ง ทราบว่าพี่สต๊าปก็คัดเลือกจากที่สมัครมาเหมือนกัน
เป็นกิจกรรมที่แปลกเพราะแทนที่จะประธานเปิดงานก่อน กลับเป็นว่ารายตัวเสร็จ พาคณะไปดูงานการผลิตไฟฟ้า
และกลับมาเปิดโครงการเสร็จ แนะนำทีมงาน และกิจกรรมละลายพฤติกรรม ในเบรคเช้า หลังเบรค ทางโครงการเริ่มแยกครูออกจากนักเรียน
ทำให้ข้าพเจ้าอดที่จะเรียนรู้ไปพร้อมเด็กๆ พบว่าตัวข้าพเจ้าเองเป็นครูสังคมคนเดียวท่ามกลางครูวิทยาศาสตร์ (ทอนความมั่นใจตัวเองลงไปมาก) ฮาๆ
เริ่มช่วงบ่ายครูถูกแยกนักเรียนโดยอัตโนมัติ ซึ่งทางโครงการบอกว่าเป็นกิจกรรมคู่ขนาน ทำให้ครูพลาดโอกาสเรียนรู้กับเด็ก
แต่ข้าพเจ้าให้การบ้านเด็กๆไว้ว่า ต้องมาถ่ายทอดกิจกรรมทุกอย่างให้ข้าพเจ้ารับรู้
โครงการได้ทำกิจกรรมวัดแววอัจฉริยภาพเพื่อค้นหาศักยภาพของตนเอง
วันที่2 ของกิจกรรม เริ่มด้วยกิจกรรม วงล้อมนุษย์ คือ พี่เขาจะแจกกระดาษหนังสือพิมพ์มาให้ 14 แผ่น และ เทปกาวม้วนเล็ก 2 ม้วน และให้ กติกามาว่า ให้นำกระดาษที่แจกให้มาทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องให้ทุกคนในกลุ่มอยู่บนกระดาษหนังสือพิมพ์และเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เมื่อเคลื่อนที่ไปแล้วกระดาษหนังสือพิมพ์ขาดจะต้องหยุดและซ่อมให้เสร็จก่อนค่อยจะให้เดินต่อไปได้ จากกิจกรรมข้างต้น เขาให้เราเรียนรู้การทำงานเป็นทีมและรู้จักวางแผน
ตามด้วยทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยความสำเร็จ ได้แก่
ตามด้วยกิจกรรมถ้าฉันเป็น If I were ลักษณะกิจกรรมเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดีงามเพิ่มแรงบันดาลใจ ให้กับเยาวชน โดยทางโครงการโยนโจทย์คำถามให้แต่ละกลุ่มดังนี้
เมื่อฉันเป็น........นักเรียนที่อยู่ใกล้สนามบิน เมื่อฉันเป็น........เด็กชายที่ทำแว่นตาตกแตก
เมื่อฉันเป็น........เด็กที่รู้ข่าวว่าแอฟริกาขาดแคลนน้ำ เมื่อฉันเป็น........เด็กที่ครูสั่งให้ปลูกผักที่โรงเรียนแล้วปลูกหัวผักกาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อฉันเป็น........เด็กที่โรงเรียนไม่มีครูสอน เมื่อฉันเป็น........เด็กที่เห็นคนอื่นจนข้างถนนอยากกินพิซซา
เมื่อฉันเป็น........เด็กที่อยู่ในสังคมห้ามคนเรียนหนังสือ
ตามด้วยกิจกรรม กระบวนการมองให้เห็นปัญหา มีวิดีโอ มีอะไรอยู่ในภาพสุภาษิต
ตามด้วยกิจกรรมให้ความรู้ความเข้าใจจนสามารถบอกถึงลักษณะและระดับความคิดสร้างสรรค์
ช่วงบ่าย ทำความรู้ความเข้าใจระดับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (ต่อ) ก็จะมี ความคิดสร้างสรรค์มี 4 ระดับ คือ
จากนั้นระเบิดไอเดียเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมโครงงานแปลกๆ ใหม่ๆ จากกิจกรรมสิ่งของสองสิ่ง ว่าความคิดสร้างสรรค์ระดับไหน เป็นการฝึกทักษะการคิดนอกกรอบและไม่ยึดติดกันสิ่งที่ได เอาคุณสมบัติและประของของสองสิ่งนี้มารวมกันและคิดเป็นนวัตกรรมชิ้นใหม่และสอดแทรกกระบวนการคิดแบบต้นไม้ ต้นไม่ก็คือ ปัญหา สาเหตุ
ผลกระทบ
ภายใต้คำถาม ของที่ได้คือ คุณสมบัติของของแต่ละชิ้น
ผลที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มข้าพเจ้าได้ คลิป และซอส เห็นโจทย์ แล้ว ครูงงเลย ฮาๆ ออกจากกรอบไม่ได้
แต่ท้ายสุด พวกเราก็ได้ Magic Box เป็นกล่องโลหะที่พกพาได้จากโลหะทนทาน มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นและแต่ง กลิ่นที่ต้องการได้
ประโยชน์คือดูดซับกลิ่นและแต่งกลิ่นอาหารได้ที่สามารถ
ระเบิดไอเดียจริงๆเจ๋งมาก
เด็กๆ ยิ่งระเบิดไอเดียมากเลย จากของสองสิ่ง เช่น
ฟองน้ำ กับโฟม ไอเดียได้เตียงรักษาโรค หลอดดูด กับเจล ไอเดียได้ หลอดปรับอุณหภูมิ
ลูกโป่ง กับตะเกียบ ไอเดียได้ ฝาซัลไลน์ กับฟอยขัดหม้อ
ขนไก่กับท่อพลาสติก (ไอเดียได้กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค)
เม็ดสาคูกับสำลี(ไอเดียได้กระดาษ3เอ)
มะขามเปียกกับกระดาษทราย(ไอเดียได้กระเบี้องเพื่อสุขภาพ)
ไม้จิ้มฟันกับกระดุม(ไอเดียได้ปากกาเย็บผ้า) ฯลฯ
ดีใจที่เยาวชนฮักนะได้เป็นตัวแทนการนำเสนอทุกคน
วันที่3 ในส่วนกิจกรรมเด็กฟังบรรยาย เรื่อง การวิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นเหตุผล ต้นไม้แห่งปัญหา ให้ทำโจทย์คนที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ส่วนกิจกรรมครูเป็นหลักการโค็ช การสร้างแรงบันดาลใจ การสร้างหลักสูตร
ช่วงบ่าย กิจกรรมเด็กเป็นการทดลองการต้มไข่และพลังงานลม
วันที่ 4 ช่วงเช้าจุดประกายการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ดร.วิษณุ แทนบุญช่วย ช่วงบ่ายแยกครูไปศึกษาดูงาน พวกเราได้ไปศึกษาการทำนาน้ำน้อย แต่พบว่าไปถึงไม่ใช่กลับเป็นการแก้ปัญหาน้ำแล้ง ส่วนนาน้ำน้อยพึ่งรับหลักการจะทดลองทำปีนี้
เป็นวันเด็กๆใช้ความคิดมากที่สุด กลุ่มฮักนะ ภายใต้คำถามคือ
1.ในชีวิตเจอปัญหาอะไร ปัญหาอะไร ที่ทำให้ชีวิตเรายุ่งยาก เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร
2 ทำไมจึงเลือกปัญหานี้
3วิเคราะห์ปีญหาและผลกระทบด้วยต้นไม้แห่งปัญหา
4 เขียนวิธีการที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แนววิธีการคิดได้นั้นอาจถูกมองว่าเพ้อเจ้อ
5วิธีการเลือก (วาดภาพไอเดีย)
6.จากไอเดีย .......ให้อ้างอิงงานวิจัย บอกข้อดีข้อเสียของงานที่มีใครทำบ้าง อย่างน้อย สามอย่าง
7.วางแผนการทำดำเนินการเพื่อส่งเค้าโครงร่าง
โลกกลมเสมอ เจอน้องนุชที่ น้องถามว่าครูรู้จักพี่ก๋วยไหมค่ะ ฮาๆๆครูก๋วยญาติเยอะไปไหนอบอุ่น
วันสุดท้ายกิจกรรมอำลา ในส่วนของครูต้องไปทำกิจกรรมที่ค้างเพราะครูเกเรกลับทัศนศึกษาดึก อ.อุษณีย์ อนุรุมทธ์วงศ์ ไม่ยอม
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าคือ
กระบวนการสอน IS ที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าขาดหายไป สมบูรณ์ซะที
ติดตามการถอดองค์ความรู้ของเด็กกลุ่มฮักนะเชียงยืนที่นี้AARปาย
ทีมผู้บริหารโครงการ
(เสียดายโอกาสที่ตนไม่ทำการบ้านเลยพลาดที่จะรู้จักทีมงาน สิ่งประดิษฐ์ที่ยกผู้ป่วย อยากได้มายกลูกชายที่ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง)
ครบทีมใหญ่ทั่วภาคอีสาน
เมื่อกลับมาถึงโรงเรียน กลุ่มฮักนะได้ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ได้ให้กับเพื่อนๆทันที ยิ่งบอกยิ่งเข้าใจ เพราะเขาได้ฝึกการตั้งคำถามกับเพื่อนใหม่ จาก5วันลดมาแค่สองชั่วโมง พวกเขาทำได้ เมื่อเพื่อนๆเข้าใจกระบวนการแล้ว พวกเราได้ระดมประเด็นปัญหาในการพัฒนานวัตกรรม ได้ประเด็นในการแก้ปัญหาที่บ้านแบก มากมาย แต่ไม่แน่ใจว่า ทางโครงการจะเปิดโอกาสให้พวกเขาเพิ่มกลุ่มได้ไหม ฝากด้วยนะค่ะ
เพิ่งจะได้มาอ่านละเอียดครับ ต้นฉบับอยู่นี่เอง ....