วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙
ยังไม่ตี ๓ ผู้เขียนตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำ จึงลุกขึ้นและเดินออกจากเต๊นท์ไปห้องน้ำ มีคนยืนรอคิวเข้าห้องน้ำหลายคน ไม่ทราบทำไมจึงตื่นกันมาตั้งแต่ดึกดื่นมากมายขนาดนี้ คงเป็นเพราะนอนไม่หลับแน่เลยค่ะ
ช่วงตี ๕ เสียงระฆังเตือนให้ทุกคนตื่นมาทำสมาธิและทำภาระกิจส่วนตัว ผู้เขียนนั่งสมาธิได้นิดเดียว
ช่วงเช้า ผู้เขียนออกไปด้านหน้าวัดกับเพื่อน ดีที่ทางทีมงานมีต้มน้ำร้อนหม้อใหญ่ไว้ให้บริการ ได้ให้ทุกคนที่มีซองเครื่องดื่มชงดื่มได้อย่างสบายใจ
หลังจากนั้น ได้ทำวัตรเช้าที่ลานหน้าศาลาวัดเทพเจติยาจารย์ ดอยสุเทพ
ต่อมา ก็ไปเข้าคิวรับอาหารเช้ามานั่งรับประทานด้วยกัน
และตามด้วยการไปเดินธุดงค์ ในวันที่สองนี้ พี่เลี้ยงบอกว่ากลุ่มของเราหรือกลุ่ม E64 เจอเส้นทางที่จะเดินเป็นเส้นทางสายโหด ได้ยินแล้ว ก็หวั่นๆว่า เอ เราจะไหวไหมนะ ขนาดวันแรกเดินแค่ครึ่งวัน เล่นเอาลมออกหู แต่เมื่อเดินจริง ถึงผู้เขียนยังเดินธุดงค์ไม่ได้ดีนัก เพราะยังคงมองดูโน่น นั่น นี่ แทนที่จะก้มหน้าก้มตาเดินเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นการเดินธุดงค์ หรือบริกรรมพุมโะระหว่างเดิน แต่การเดินในวันนี้ก็เป็นไปด้วยดี เส้นทางมีเดินขึ้นเขาที่ชันบ้าง มีทางเดินลงที่ต้องมีคนช่วยบ้าง
สำหรับการเดินธุดงค์ของกลุ่มพวกเรา ต้องขอชื่นชมทีมเก็บตก ซึ่งเป็นทีมที่ช่วยคอยรับเวลาที่เราเดินลงจากที่สูงหรือต้องปีนที่ชัน เพราะมีแขนของทีมเก็บตกที่ยื่นให้เราได้ยึดยามที่หลักที่เราเองมีอยู่ทั้งสองขา สองแขนและหนึ่งไม้เท้าไม่มั่นคงเพียงพอที่จะทำให้เรายืนอย่างมั่นคงได้ ทีมเก็บตกจะคอยช่วยให้พวกเราเดินได้รอดปลอดภัย ไม่ต้องถูกเก็บตก อีกทั้งทีมเก็บตกนี้ และ ทีมแพทย์ ถือเป็นทีมงานที่เข้มแข็งดีมากๆ ช่วยเหลือผู้ที่เข้าสอบคราวนี้อย่างดี เพราะระหว่างเดินจะมีการแจกแอมโมเนีย เผื่อใครจะเป็นลม และมีน้ำมาฉีดพ่นที่หน้า ซึ่งพวกเราเรียกกันว่า"ให้น้ำไก่" คอยช่วยให้บรรเทาความเหนื่อยและความร้อนได้ดีทีเดียวค่ะ
ระหว่างทางมีน้ำตกบ้างให้เราได้ชื่นชม น้ำใสไหลเย็น พอให้ชื่นใจ ไม่ได้แห้งแล้งมากอย่างที่เราวาดภาพไว้
ในวันที่สองนี้ ผ่านไปด้วยดี
มีเรื่องที่ทำให้เราได้คิดและทดสอบความอดทน อดกลั้น ไปให้ได้ อยู่หลายเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่คงไม่ได้พบเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ทำให้เราได้ "รู้คิด" และอยู่ในระเบียบวินัยอย่างนี้บ่อยนัก โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากแล้ว จะมีใครมาสอนเตือนได้
ในเย็นวันที่สองนี้ เพื่อนได้พาไปเข้าห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง คิวผู้รอเข้าอาบน้ำผู้คนไม่มากนัก ทำให้วันนี้ ผู้เขียนสามารถอาบน้ำและสระผมได้เต็มที่ สบายตัวขึ้นมาก ความสดชื่นจากการได้อาบน้ำ ทำให้รู้สึกดี มีความสุขมาก เมื่อเทียบสภาพร่างกายกับสองวันแรก
คืนที่สองนี้ ผู้เขียนได้ไหว้ขออนุญาตเทพที่รักษาต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งของเต้นท์ของผู้เขียน ขอพักอาศัยนอน ในคืนนี้ จึงหลับสบายไปกับความเหนื่อยอ่อนล้า รู้สึกตัวครั้งเดียวจวนสว่างแล้วเลยค่ะ ดีมากๆ
เส้นทางสายนี้ คือ เส้นทางแรกของชาวดอยเดินผ่านและพักผ่อนนอนหลับหนึ่งคืนก่อนจะเดินขึ้นดอยสูงขึ้นไปครับ เป็นสถานที่ที่นำใสไหลเย็น มีความสุขกับการเดิน และการอาบน้ำตอนเย็นมากครับ แต่พอได้เวลานอน แล้วเป็นชนิดที่เรียกว่า พอหัวแตะหมอนปั๊บก็เข้าภังค์ทันทีจนเช้าเลยครับ สาธุครับ
ดีใจกับกลุ่มฐานดอยที่ได้มีโอกาสเดินขึ้นดอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และใกล้ชิดฟังเทศน์จากหลวงพ่อทุกเย็น ค่ะ สำหรับกลุ่มฐานเทพ การฟังเทศน์จากหลวงพ่อ สัญญานเสียงฟังลำบาก ต้องหามุมเหมาะๆเพื่อฟังเสียงได้ใจความค่ะ