วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๙
ตื่นนอนรอบแรกเที่ยงคืน...รอบที่๒ ตีสี่ ทานยาแก้แพ้ทำให้หลับแต่เป็นหลับที่ไม่สบายตัวมากนัก อาการไอมีเสมมะและน้ำมูกท่าจะเอาการ แต่โชคดีว่าอากาศอุ่นไม่หนาว
เข้าครัวทำอาหารถวายพระ ทำให้นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนมากๆ แม่ชีที่วัดทะเลาะกันเรื่องทำอาหาร ฝ่ายหนึ่งทำอาหารในเขตแม่ชีใช้ฟืนทำให้มีควันรบกวนอีกฝ่ายซึ่งฝักใฝ่การภาวนา เวลาผ่านไปแม่ชีทั้งสองฝ่ายต่างไม่ได้อยู่แล้ว ก็มีชุดใหม่มาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ฝ่ายหนึ่งมาทำที่ครัวอีกฝ่ายก็ทำอยู่ที่กุฏิ...
หลวงปู่เคยให้แนวทางให้ทุกคนมาทำที่ครัวกลางแต่พอเวลาผ่านเนิ่นนานไปหลายคนก็ลืมในสิ่งที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์วางแนวทางไว้
ขณะที่เดินออกมาที่ครัว...ข้าพเจ้าก็พิจารณาเฉกเช่นนี้
วันนี้วิจิตรบรรจงจัดอาหารปราณีตกว่าทุกครั้ง
วันนี้อาการเป็นหวัดดูเหมือนจะหนักสายๆ อาการไอและคัดจมูกมีอยู่ตลอดเวลา..ทั้งวันข้าพเจ้านั่งเขียนหนังสือและสกัดบทเรียนที่ไปทำ workshop...มีหมาน้อยสองตัวคลอเคลียอยู่ข้างๆ
จัดเป็นวันแห่งการสะสาง...
ช่วงบ่ายกลับเข้าพักส่วนกุฏิด้านในของวัด
พักตามฤทธิ์ยาแต่ก็หลับไปประมาณชั่วโมงกว่าเท่านั้นเอง...ตื่นมาก็ได้มาวุ่นวายไล่มาที่มาบังเบียดแม่ไก่ที่กำลังกกไข่อยู่
ออกมาศาลา๔ มานั่งเขียนงานต่อ
ตอนเย็นหลวงปู่มานั่งเล่นและพบปะนักศึกษาจาก ม.รามคำแหง...บทเทศน์หนึ่งที่ได้ยินขณะที่หมาวัด...วิ่งมาคลอเคลีย ท่านสอนว่า "อย่าได้ประมาทเขา ชาตินี้เขามาเสวยกรรมที่เคยทำมา ต่อไปภายภาคหน้าเรามิอาจรู้ได้ว่าเขาจะไปเกิดเป็นอะไร..."
เป็นธรรมะที่ลึกซึ้งซึมซับเข้าไปในจิตใจ
หลังจากองค์หลวงปู่กลับเข้าพัก...ข้าพเจ้าก็ยังคงกลับมานั่งทำงานต่อ
ไม่มีความเห็น