วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๙
....
วันนี้บรรยากาศที่ศาลา๔ เด็กๆ กลับมากันอย่างครึกครื้นรวมแล้ว ๙ คน ต่างเติบโตแต่พฤติกรรมก็ยังเป็นเด็ก...การกลับมารวมตัวกันอีกครั้งทำให้ได้เรียนรู้และขบคิดถึงการปฏิบัติต่อเขา การนำพา...และบ่มเพาะ
สงสาร...
ถ้าที่ใดอบอุ่นใจและร่มเย็นเขาก็จะมีความสุข
เหมือนกับที่เรานึกถึงประสบการณ์ของการอยู่กับพ่อแม่ แต่เด็กๆ เหล่านี้เขาไม่มีฐานความทรงจำในเรื่องนี้
แต่หลวงปู่ก็สอนให้เห็นว่าความอบอุ่นและร่มเย็นที่แท้มาจากดวงจิตที่เมตตา...เด็กเขาสัมผัสได้
เด็กมาในช่วงที่อยู่รอยต่อของความเป็นวัยเด็กและวัยรุ่นความสนใจจะอยู่ที่สมาร์ทโฟน ถ้าห้ามไม่ให้เล่นเขาก็จะพากันหนีไปอยู่ที่อื่น ข้าพเจ้าลองจินตนาถึงใจตนเองผสมผสานกับประสบการณ์เดิมในชีวิตที่ได้รับการเลี้ยงดู เวลาที่เราอยู่กับพ่อแม่นั่นน่ะคือพื้นที่ที่ปลอดภัย (safety zone) เราจะมีอิสระและสามารถเล่นหรือทำสิ่งต่างๆ ได้ภายใต้ความดูแลของพ่อกับแม่....และข้าพเจ้าก็ลองดูกับเด็กๆ แต่เราก็มีกติการร่วมกันเช่น จะไปไหนขอให้บอก และให้เชื่อฟังพระอาจารย์ ...
เด็กๆ ดีเกินความคาดหมาย...
สามารถรักษาหน้าที่ได้ กวาดถูศาลา...ช่วยเหลืออุปฐากปู่หนูที่ชราภาพแล้ว ถวายอาหาร...และเมื่อถึงเวลาเล่นก็พากันเล่มเกมส์จากสมาร์ทโฟน ซึ่งข้าพเจ้าได้สังเกตดูไม่มีอะไรน่าห่วง เพียงแต่เขาจะเล่นในวงกันเอง
เขาอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลเรา
เสียงพูดคุยหยอกล้อกันบ้าง เถียงกันบ้างตามประสา พอทานอาหารเที่ยงเสร็จพักผ่อนสักครู่พระอาจารย์ก็มาตามไปทำกิจกรรม...ดูเหมือนจะสนุกพอสมควร
เล่นและทำกิจกรรมสลับกัน
การทำกิจกรรมที่พระอาจารย์พาทำ ทำให้เขาได้ฝึกเจริญสติ...ดูเหมาะกว่าที่จะพาเขานั่งหลับตาทำสมาธิเพราะเคยลองแล้ว เด็กไม่เหมาะที่จพาทำแบบตรงๆ แต่เมื่อผ่านการทำกิจกรรมดูเหมือนจะสงบลงเร็ว...
ปรับความคาดหวังของตนเองลง
ดูและพิจารณาไปตามเหตุปัจจัย...
ถือว่าพอใจและสามารถทำให้เขามีพื้นที่ในการบ่มเพาะพลังด้านดีได้
ในขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็ได้เรียนรู้ใจตนเองไปพร้อมๆ กันกับเขา
...
ไม่มีความเห็น