เช้าวันนี้ตื่นสายเสียงนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตีสามแต่ก็ทำหน้าที่เพียงแค่คอยเปิดปิดสวิตซ์เท่านั้น
ร่างกายอ่อนเพลีย...น่าจะมีสาเหตุมาจาก
1.ทานอาหารที่มีผงชูรสเจือปน***เมื่อวานตอนสิบเอ็ดโมงทานเลย์(มันฝรั่งทอด)
2.พักผ่อนน้อยติดต่อกันหลายคืน
3.อาการปวดเมื่อยตามตัว ไม่ว่าจะสาเหตุใดข้าพเจ้าก็ประเมินตัวเองว่ามาจากสภาวะที่มีท็อกซิลเต็มตัว...
เสียงแม่โขลกน้ำพริก...เช้านี้กับข้าวต้องเป็นผักลวกจิ้มแจ่ว(น้ำพริก)แน่ๆ...***แต่ผิดคลาด...แม่ทำแกงส้ม
ตั้งใจห่อไปทานที่ทำงานเพราะสายถ้านั่งทานกว่าจะเสร็จก็น่าจะเกือบแปดโมง...
ที่ทำงานไม่ไกลบ้านแต่การไปถึงแต่เช้าคล้ายได้ตั้งหลักตั้งสติและวันนี้เป็นวันแรกของปีในการทำงานอีกทั้งมีคลินิกจิตเวช
เวลาที่ทำงานเยียวยาผู้ป่วยจิตเวชทำให้ได้สติและตระหนักในตนเองว่า...
อย่าได้ตกเป็นธาตุของกิเลส "กิเลส" เป็นสาเหตุหลักของการป่วยทางจิตใจ...
สารเคมีในสมองเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นต่อจากสาเหตุหลัก...
ถ้าเราควบคุมสาเหตุหลักได้ เราก็รอดจากการเจ็บป่วยทางจิตใจ... สิ่งที่จะควบคุมสาเหตุหลักนี้ได้มีสิ่งเดียวคือ "ศีลธรรม"
วันนี้...ทั้งวันทำงานกับผู้ป่วยทางจิตใจ
และวันนี้อีกเช่นเดียวกันได้ลิ้มรสพระธรรม ...พ่อแม่ครูบาอาจารย์
"ทุกสรรพสิ่งจักเป็นไปตามกรรม"
ได้รับรู้เรื่องราว...ที่เป็นไปรู้สึกสงสารและเห็นใจ ไม่อยากให้ใครได้ประสบเคราะห์กรรม
หลายครั้งที่ข้าพเจ้าแสดงออกถึงการห้ามปราม การกระทำที่อาจล่วงอกุศลกรรม...แต่เจตนาดังกล่าวมักจะถูกตีความไปในทางเข้าใจผิด ...
พักหลัง...ข้าพเจ้าฝึกฝนตนเองให้อยู่ในความนิ่งเงียบ ถ้าเตือนได้ก็เตือนและสะกิด ถ้าไม่ได้ก็ฝึกที่จะหยุดนิ่ง
จิตที่ละเอียด...ย่อมสัมผัสสิ่งต่างๆ ได้ไว หรือที่เราเรียกว่า sensitive ใครที่มีวาสนามีสภาวะจิตที่ละเอียด ..หากไม่เข้าใจก็จะปล่อยให้ตนเองอ่อนไหว
ดังนั้นจึงควรฝึกฝนตนเอง...ภายใต้หลักทาน ศีล ภาวนา ...
ความละเอียดละเมียดละไมก็จะถูกนำมาใช้ในชีวิตอย่างสร้างสรรค์
เวลาที่ข้าพเจ้ารู้สึกเหนื่อย ...มักจะบอกกับตนเองเสมอว่า "อดทน"
ยอมรับและเข้าใจ...ที่สุดหัวใจเราก็จะนอบน้อมและอ่อนโยนลง
ข้าพเจ้าเคยเผชิญหน้ากับการถูกกลุ่มผู้คนรวมตัวกันและทำให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ผิดในสังคม ...สิ่งที่ข้าพเจ้านำพาตนเองผ่านเรื่องราวนั้นมาได้ คือ ความอดทน
และเชื่อมั่นในเจตนาและความดีงามที่ตนเองมี ...เมื่อเชื่อเช่นนี้ก็ก้าวเดินชีวิตต่อไปด้วยความมั่นคงไม่หวั่นไหว
และแล้วกาลเวลาอันยาวนาน ...ก็เป็นคำตอบให้ข้าพเจ้าได้เห็นถึงความอดทนที่ตนเองมี...แม้ในช่วงแรกอาจดูกระท่อนกระแท่น
แต่...ล่วงเลยมาหลายปี จิตใจสงบขึ้น เข้าใจมากขึ้นและระลึกคำว่า "ช่างมันเถอะ"...ได้อย่างเบาใจ
มาถึงทุกวันนี้...
ในใจข้าพเจ้าก็ยังคงตะโกนก้องอยู่เสมอว่า "...อย่าทำ..." เวลาที่เห็นใครประพฤติตนส่อไปในทางอกุศลกรรม
แต่...ก็ได้ตะโกนก้องในใจ
และ...เมื่อมีโอกาสที่จะช่วยได้ ก็เต็มที่อย่างไม่รีรอที่จะช่วย...
***พิจารณาใจตนเองไปพอสมควร
ย้อนกลับมาดูอาหารพิเศษที่ทำให้ตนเองทาน...เป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่งที่จะมอบให้กับตนเอง
อาหาร organic&clean food
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ ผมอ่านแล้วเหมือนผมได้คลายเงื่อนปมในใจผมได้ผ่อนคลายด้วยนะครับ