วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๘
วันนี้เป็นวันที่ตนเองได้ทำความเพียรอย่างเต็มที่ ...หลังรับอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เริ่มตลุยสู่กิจกรรมการทำขนม "เมิสลี้คุ้กกี้เนยถั่ว" ...ทำเวลาได้ดีมาก สองชั่วโมงก็เสร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมาก เพราะขณะที่ทำจิตเต็มไปด้วยสติและสมาธิที่จดจ่อมุ่งมั่น ทำให้ใช้ศักยภาพในการทำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเกิดปัญญาจากการเรียนรู้ในครั้งก่อนจึงนำมาปรับใช้ในครั้งนี้ จากบันทึก https://www.gotoknow.org/posts/594476
หลังจากอบขนมเสร็จเรียบร้อย...
จิตนี้ก็จดจ่อมุ่งมั่นสู่อีกกิจกรรม คือ การเย็บผ้า ...โดยมีเป้าหมายเย็บประเป๋าภายใต้ข้อจำกัดของผ้าที่มี และก็สามารถประยุกต์ได้ออกมาเป็นผลงานที่สะท้อนถึงความนุ่มนวล (อาจจะเข้าข้างตนเอง)
ขณะที่ตัดเย็บผ้า ...ก็ภาวนาพุทธ-โธไปด้วย
งานถึงแม้จะไม่ใช่ช่างเย็บมืออาชีพ แต่กระเป๋าใบนี้ก็เปี่ยมด้วยอิทธิบาทสี่ที่ถึงพร้อม ไม่ว่าจะเป็น
"ฉันทะ ...พอใจในกิจที่ทำและทำด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
วิริยะ ...อดทนต่อความเหนื่อย เมื่อย ล้า และทดท้อต่างๆ
จิตตะ ...จิตไม่วอกแวกออกจากการงานนี้ มุ่งหวังให้เสร็นในงานที่ทำ
วิมังสา ...การใคร่ครวญและใช้ปัญญาพิจารณา จากผ้าผืดเล็กๆ ที่มีที่ต้องแยกออกเป็นกระเป็าสามใบพร้อมสาย จะทำอย่างไรจึงจะใช้ผ้าที่มีอย่างจำกัดได้เต็มที่และที่สุดก็สำเร็จ"...
ปิติทุกครั้งเมื่องานแล้วเสร็จ
และอีกหนึ่งภาระกิจ คือ ...การถักโครเชร์ เพื่อตกแต่งขวดโหลกับอีก หกชิ้นงาน และถักทอกระเป๋าที่เย็บอีกสามชิ้นงาน...ภายใต้เวลาที่กำหนดคือ แล้วเสร็จสองทุ่มจากหกโมงเย็น และทุกอย่างก็บรรลุเป้าหมาย ตามที่วางไว้
"พลังแห่งความพากเพียร"...
อาจจะเป็นเพราะเคยฝึกฝนตนเองมาทั้งชีวิต ซึ่งช่วงชีวิตที่ถูกดึงออกมาจากมาก สมัยที่เรียกปริญญาเอกสาขาแรกควบปริญญาโทสาขาที่สองและต่อด้วยปริญญาเอกสาขาที่สอง และขณะศึกษาปริญญาเอกสาขาที่สองก็เริ่มตลุยศึกษา "จิตศาสตร์"ไปด้วย... มานึกย้อนสมัยนั้นได้ฝึกฝนจิตให้สัมผัสกับพลังของ "อิทธิบาท๔" นั่นเอง
พอทุกวันนี้เข้าสู่สภาวะคล้ายกัน ความคุ้นชินที่เคยถูกฝึกมาก่อนบ้าง จึงได้นำมาใช้ได้ง่ายขึ้น
วันนี้จึงถือได้ว่าเป็นวันแห่งความพากเพียร...
เพราะหลังจากทำวัตรเสร็จ ...ก็นั่งสมาธิภาวนาต่อได้อีก
...
ไม่มีความเห็น