เข้าพรรษา (22) ; นอนวัดเป็นนิจ
ตั้งแต่ปี 2552 ข้าพเจ้าเข้าไปพักภาวนาอยู่ที่วัดเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดต่างๆ จนกระทั่งได้โกนหัวบวช และยังคงรักษาศีลแปดมาจนถึงปัจจุบัน...การไปนอนวัดก็ยังคงเป็นความปกติ...
ในพรรษาพระท่านจะไปค้างที่อื่นไม่เกิน ๗ วันเมื่อหันกลับมาพิจารณาตนเองก็ไม่เคยเกินเจ็ดวันเช่นกัน ประมาณ ๔-๕ วันนอนที่บ้านหรือไม่ก็ไปต่างจังหวัดแต่ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ก็กลับมานอนที่วัด
การพักนอนภาวนาที่วัดทำให้เราได้ฝึกความอดทนฝึกฝนอยู่อย่างสมถะและเรียบง่าย ไม่มีห้องแอร์ ไม่มีห้องที่กว้างขวางสะดวกสบาย ไม่มีน้ำอุ่นๆ อาบ มีแต่ความมืดและความเงียบสงัดในตอนค่ำคืน...
เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ชีวิตได้ดำเนินมาเช่นนี้
และเป็นไปเป็นมาอย่างต่อเนื่องหลายปี
ย่างเข้าปีที่ 7 คงไม่ใช่ระยะเวลาน้อยๆ แต่เมื่อนึกย้อนไปก็รู้สึกปิติที่ผ่านมาได้จนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ...กลายเป็นความคุ้นชินและเป็นวิถีชีวิตไปแล้ว
ข้าพเจ้าซักผ้าตากผ้าให้เรียบร้อย
รอรับขนมจากพี่ติ๊ก-เพื่อนพี่สาว...ถึงวัดโพล้เพล้พอดี สนทนากับพระอาจารย์และเด็กๆ สังกะลีสักเล็กน้อยสักพักก็เข้าที่ภายในกุฏิซึ่งมืดพอดี จัดเตรียมที่นอนกางมุ้ง เห็นคุณแม่ชีกำลังเดินจงกลมไม่อยากทำเสียงรบกวนมาก ...จึงค่อยๆ จัดแจงจัดการความเรียบร้อยบนกุฏิของตนเอง
"ฝืนใจกูขัดใจกู" คือ บทธรรมที่ท่องไว้ในใจ
ไม่มีที่ใดหรอกที่สุขสบายเท่าที่บ้าน...
แต่การฝึกฝนผ่านการลงมือปฏิบัติเลย ตัดความสุขสบายภายนอก ตัดใจที่อาลัย ฝึกชินให้คุ้นเคยกับความที่จะไม่เอาทั้งทุกข์และสุข...
ความเงียบสงัด
การฟังธรรมศึกษาคำสอน
การสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น
การเดินจงกลมนั่งสมาธิ
การทานข้าวมื้อเดียว
...
ทุกอย่างคือการฝึกฝน
วันนี้ในมุ้งดูเหมือนยุงจะเยอะมาก ทำให้ได้เรียนรู้เลยว่ากางมุ้งไว้นั้นไม่เวิร์ค ทุกสัปดาห์ควรรื้อเก็บพับไว้ให้เรียนร้อย...ไม่ไหวนับดูเป็นสิบๆ ตัวในสภาพที่ร่างกายแพ้ง่ายเช่นนี้ถอยออกจากมุ้งเข้าห้องในกุฏิ...
...
21 สิงหาคม พ.ศ.2558
ไม่มีความเห็น