สินไซ ศิลป์สร้างสุข (2)


มาถึงเดือนเจ็ด ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้งกับ “โครงการสินไซโมเดล แห่งบ้านสาวะถี”


สินไซ ศิลป์สร้างสุข (2)


วัดไชยศรี บ้านสาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นวัดเก่าแก่ที่มีโบสถ์หรือสิม อายุมากกว่า 100 ปี เดิมทีเป็นโบสถ์มุงหลังคาด้วยแผ่นไม้มีปีกยื่นออกไปสองข้างตามแบบสถาปัตยกรรมอีสานดั้งเดิม ต่อมาเมื่อหลังคาเริ่มทรุดโทรม จึงได้รื้อและทำขึ้นใหม่เป็นสถาปัตยกรรมแบบรัตนโกสินทร์ แต่ที่สำคัญ ฝาผนังทั้งด้านในและด้านนอกยังคงปรากฏภาพจิตรกรรมหรือ “ฮูปแต้ม” เป็นเรื่องราวของสินไซ ที่สมบูรณ์ สวยงาม และเด่นชัด

ท่านพระครูบุญชยากร เจ้าอาวาสวัดไชยศรี เป็นทั้งพระนักพัฒนา และผู้นำด้านจิตวิญญาณที่ยังคงอนุรักษ์ สืบสาน เชื่อมร้อย และต่อยอดงานศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอีสาน หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ากับวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างกลมกลืน

เช่นเมื่อครั้งเดือนสี่ .... ฉันเคยมาร่วมงานประเพณีข้าวจี่งานบุญผะเหวดที่นี่

ฝ่าลมหนาวเข้ามาถึงวัดตอนตีสี่ ก็เข้าใจว่าเช้ามากแล้ว แต่ทั้งลานวัดที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง กลับปรากฏ เงาตะคุ่มรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม เป็นหย่อม ทั้งเด็กเล็ก หนุ่มสาว ผู้เฒ่าผู้แก่กำลังนั่งจี่ข้าวกันอย่างตั้งใจ ค่อยบรรจงปั้นข้าวเหนียว ทาด้วยไข่ปรุงรส และจี่ด้วยไฟอ่อน ๆ กลิ่นข้าวหอมฟุ้งไปทั่วลานกว้าง แต่บ้างก็มานั่งให้กำลังใจ และบ้างก็มาเพื่อขออังไฟอุ่นให้คลายหนาว

... มาถึงเดือนเจ็ด ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้งกับ “โครงการสินไซโมเดล แห่งบ้านสาวะถี” นำร่องศิลป์อีสานสร้างสุข เพื่อการสร้างพื้นที่ดีวิถีสุข ภายใต้การสนับสนุนของแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

“ค่ายศิลป์อีสานสร้างสุข” เป็นค่ายที่เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ รวม 5 แห่งในละแวกนี้ จำนวน 130 ชีวิต ได้มาเรียนรู้เรื่องราวของสินไซ และสร้างสรรค์สินไซในแบบฉบับของตนเองภายใต้บริบทของศิลปะและวัฒนธรรมที่ตนสนใจโดยมีการจัดเป็นฐานปฏิบัติการการเรียนรู้ที่หลากหลาย รวม 9 ฐาน ได้แก่ วาดรูป แต่งเพลง เล่นดนตรีกันตรึม ทำหนังประโมทัย ทอผ้า เขียนและร้องเพลงกล่อมลูก วารสาร สารคดี และหนังสั้น

ใน ฐานวาดรูปเด็กๆ ได้รับแจกกระเป๋าผ้าดิบ คนละหนึ่งใบ จากนั้นวิทยากรก็จะสอนหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการวาด และให้เด็ก ๆ ได้วาดภาพตามแบบจิตรกรรมฝาผนังรอบโบสถ์โดยเลือกเพียงรูปใดรูปหนึ่งที่ตนสนใจ นั่นหมายความว่า พวกเขาก็จะได้เรียนรู้เรื่องราวของสินไซ และคุณค่าในเชิงคุณธรรม จริยธรรมไปพร้อมกันด้วย

ฐานหนังประโมทัย หรือหนังบักตื้อ หรือหนังตะลุงอีสาน สิ่งที่ฉันได้ประจักษ์ก็คือ ความสุข ความรักและความสามัคคีที่ก่อตัวขึ้นในระหว่างการทำงานร่วมกันสิ่งที่สอดแทรกอยู่ในการประกอบสร้างเรื่องราวและการละเล่นดังกล่าว คือ การลดทอนความสำคัญของ “บุคคล” ให้ไปอยู่ที่ “กลุ่มบุคคล” ความสำเร็จไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยระบบ “ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียว” แต่มันจะต้องไปด้วยกันทั้งองคาพยพเบื้องหน้าของฉากขาวใต้เงาไฟที่เรียกรอยยิ้มจากผู้ชมนั้นด้านหลังฉาก คือ ความพร้อมเพียงของทั้งคนเชิด คนร้อง คนให้จังหวะสัญญาณ รวมทั้งดนตรี และภายใต้ความพร้อมเพรียงนั้น ก็มีสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรมอยู่มากมาย ทั้งเรื่องวินัย ความเอื้อเฟื้อ ความกล้าหาญ หรือกล้าที่จะทำดี ความอดทน ตลอดจนการเป็นผู้นำและผู้ตาม

สำหรับ ฐานหมอลำหุ่นได้เริ่มจากการให้เด็ก ๆ เข้าไปในหมู่บ้านและขอรับบริจาคข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อนำมาประดิษฐ์ เป็น “ฉาก” และ “ตัวละครหุ่น”จากนั้นก็มาช่วยกันออกแบบและประดิดประดอยอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ตั้งอกตั้งใจจนกระติบข้าวหลายๆ ใบและสิ่งของเหลือใช้ กลายเป็น “หุ่น” ที่มีชีวิตเหมือนตัวคนเชิด ส่วนฐานอื่นๆ ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน คือ การเรียนรู้เรื่องสินไซ การเก็บรวบรวมข้อมูลและการนำเสนอสินไซในจินตนาการผ่านงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม

สำหรับฉันแล้ว นับได้ว่าโดยกระบวนการดังกล่าวนี้ได้ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันดีงาม ด้วย “ความสุข”เป็นการเรียนรู้แบบ “by heart”มิใช่ “by head” ซึ่งจะเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในตัวตนของเขา มิใช่เป็นเพียงความรู้ที่ได้จากการอ่านหนังสือหรือการท่องจำตามตำรา

“สินไซ” ได้ถูกปลุกให้มีชีวิตโลดแล่นอยู่ในความคิดของเด็ก ๆ แล้ว สิ่งที่เหลือก็คือ เราจะต่อยอดและขยายผลเรื่องนี้กันอย่างไร... ให้ความสุขนี้เป็นสุขที่ยั่งยืน ....


หมายเลขบันทึก: 593697เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2015 11:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 สิงหาคม 2015 12:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท