​โครงการพัฒนาบุคลากรเพื่ออนาคตของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รุ่นที่ 3 (ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคม 2558)


สวัสดีครับลูกศิษย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ชาว Blog ภารกิจสำคัญของผมอีกภารกิจหนึ่งนับจากวันนี้ คือ การได้รับเกียรติจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มอบให้ผมเป็นครูใหญ่ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โครงการพัฒนาผู้น...
มีต่อ
มยุรี ก่อรุ่งเรือง

1.ความรู้ที่ใช้ไดนาน เรื่อง การเงิน งบประมาณ เนื่องจากนำไปใช้ในครอบครัว การวางงบระยะสั้น กลาง ยาว

2.ความรู้ที่สะสมไปใช้ การหามูลค่าเพิ่มของเงินฝาก

3.หาความรู้เพิ่มเติม จากข่าวสาร วารสาร

4. แบ่งปันโดย เขียนใน blog email กลุ่มเพื่อน

เรียน PSU Med รุ่น 3 ที่รัก

อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะได้พบกันอีกครับ

Blog วันนี้ได้ 1018 แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่ดีมาก แต่ก่อนถึงช่วงที่ 2 ต้อง Share กันมากๆ ผมหวังว่า ช่วงที่ไม่ได้พบกันจะเป็นช่วงที่ reflect ว่าได้เรียนอะไร ได้ความรู้และไปสร้าง Impact ต่อว่าอย่างไร ผมฝากบทความเรื่อง การตัดสินใจมาให้อ่าน ถ้าอ่านแล้วจะ Share ก็น่าจะดีครับ ดีใจที่ได้พบ PSU Med 3

4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำไปใช้ได้นา

การ มีทัศนคติที่ดี คิดดี ทำดี การเป็นตัวของตัวเอง การเปิดใจให้กว้าง สิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมให้การดำเนินชีวิต และการทำงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นำความรู้ที่เราสะสมไว้ไปทำ

1. การเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มีความธรรมชาติมากที่สุด

2. เรียนรู้การใช้ชีวิตภายใต้ความกดดัน การเปลี่ยนแปลง วิธีการรับมือในสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น

อธิบายว่าเราหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร

1. การแลกเปลี่ยนในเรื่องงานที่ทำ

2. การมีเครือข่ายในการประสานงาน

3. จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ประสบการณ์ที่เจอ

4. จากผู้รู้ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ

แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

1. เสวนาในกลุ่ม

2.มีเครื่องมือในการสื่อสารที่ทันสมัย รวดเร็ว เม่นยำ

3. ทำดีให้เป็นตัวอย่าง สามารถปฏิบัติตามได้

สิ่งที่ได้เรียนรู้ใน 15-17 ของการเรียนช่วงที่ 1 (วันสุดท้ายของช่วงที่ 1 ติดภาระกิจเดินทางไปร่วมสัมนาภาควิชาพยาธิวิทยา)

ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ระยะยาวสำหรับตัวเองคือself-awareness and being a student และการคิดนอกกรอบซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับผมที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเป็นหัวหน้างาน โดยความรู้ที่ได้มานั้นก็มาจากการอ่านหนังสือแล้ว ตั้งคำถามเพื่อนำไปสนทนากับ ผู้รู้ที่เป็นเป้าหมายในหัวข้อนั้นๆแล้วแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อทำให้เราได้เรียนรู้มากขึ้นรวมไปถึงซึมซับวิธีคิดของผู้รู้เหล่านั้นมาปรับใช้กับตนเอง สุดท้ายจึงนำความรู้หรือหัวข้อที่ผ่านการปรับปรุงแล้วไปสนทนากับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาในรูปแบบของการตั้งคำถามต่อไป

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอ่านบทความเรื่อง คุณยรรยง กับ ครม.ในวาระ การประมูลข้าวโพด

ผมขอข้ามประเด็นเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ไปนะครับ(ถ้าเขียนเดี๋ยวมันยาวเพราะตอนนี้ผมยังมี อคติกับนักการเมืองอยู่) สิ่งที่น่าสนใจในบทความคือ

1.การพูดอย่างไรให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราพูดมากที่สุด และต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องพูดเรื่องเดิมๆหลายๆครั้งโดยเปลี่ยนกลุ่มผู้ฟังไปเรื่อยๆแต่ทุกกลุ่มต้องเข้าใจตรงกัน

2. ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะ “เอาไหล่ไปชนกำแพง”ถ้าคิดจะชนกับกำแพงต้องหาเครื่องมือมาช่วย

  1. ต้องรู้จักแพ้ ให้เป็น

(แก้ไข)สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอ่านบทความเรื่อง คุณยรรยง กับ ครม.ในวาระ การประมูลข้าวโพด

ผมขอข้ามประเด็นเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ไปนะครับ(ถ้าเขียนเดี๋ยวมันยาวเพราะตอนนี้ผมยังมี อคติกับนักการเมืองอยู่) สิ่งที่น่าสนใจในบทความคือ

1.การพูดอย่างไรให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราพูดมากที่สุด และต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องพูดเรื่องเดิมๆหลายๆครั้งโดยเปลี่ยนกลุ่มผู้ฟังไปเรื่อยๆแต่ทุกกลุ่มต้องเข้าใจตรงกัน

2. ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะ “เอาไหล่ไปชนกำแพง”ถ้าคิดจะชนกับกำแพงต้องหาเครื่องมือมาช่วย

  1. ต้องรู้จักแพ้ ให้เป็น

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอ่านบทความเรื่อง คุณยรรยง กับ ครม.ในวาระ การประมูลข้าวโพด

ผมขอข้ามประเด็นเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ไปนะครับ(ถ้าเขียนเดี๋ยวมันยาวเพราะตอนนี้ผมยังมี อคติกับนักการเมืองอยู่) สิ่งที่น่าสนใจในบทความคือ

-การพูดอย่างไรให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราพูดมากที่สุด และต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องพูดเรื่องเดิมๆหลายๆครั้งโดยเปลี่ยนกลุ่มผู้ฟังไปเรื่อยๆแต่ทุกกลุ่มต้องเข้าใจตรงกัน

-ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะ “เอาไหล่ไปชนกำแพง”ถ้าคิดจะชนกับกำแพงต้องหาเครื่องมือมาช่วย

-ต้องรู้จักแพ้ ให้เป็น

1. 4 วันที่ได้รับนำมาใช้ได้นาน คือ คุณสมบัติของภาวะผู้นำ การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหาเฉพาะ การเอาชนะอุปสรรค การตัดสินใจความถูกและผิดของลูกน้อง ต้องพิจารณาเหตุผลทั้ง 2 ฝ่าย

การมองคน มองลูกน้อง จัดคนให้เหมาะสมกับงาน ตามความถนัด และการมอบหมายงานเพื่อให้งานสำเร็จ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตการทำงานและครอบครัว

2.นำความรู้ที่ได้สะสมไว้ มาบริหารจัดการคน การบริหารจัดการเวลา เพื่อให้งานสำเร็จในระยะเวลาที่เหมาะสม การบริหารจัดการด้านการเงินทั้งที่ทีทำงานและครอบครัว

3.สามารถหาความรู้ได้จากการอ่านหนังสือ อ่านบทความด้านบริหารผ่านทางอินเตอร์เนต

4.การแบ่งปันให้ผู้อื่น โดยการพูดคุยผ่านการประชุม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

อ่านบทความกรณีศึกษา ของคุณยรรยง ได้แง่คิดอะไรบ้าง เพื่อการพัฒนาคณะแพทย์ในอนาคต

เมื่อเปรียบเทียบการทำงานในคณะแพทย์ ข้าราชการประจำ คือ หัวหน้าหน่วยงาน ข้าราชการการเมือง คือ ผอ หรือคณบดี ที่มาเป็นวาระ ในการขออนุมัติเรื่องใด ๆ หัวหน้างาน ต้องมีหลักการ เหตุผล ประสบการณ์ ในการมองปัญหาในรอบคอบ มองความคุ้มค่า ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ มาเกี่ยวข้องหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว เพราะฉะนั้นในการบริหารงานคณะแพทย์ในอนาคต ในการประมูลโครงการ หรือการสร้างตึกซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาแพง ผู้บริหารต้องมีความโปร่งใส มีทักษะ ประสบการณ์ในการต่อรอง และมีความรอบคอบถึงผลประโยชน์และความคุ้มค่าต่อหน่วยงาน ต้องไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ประมูลและผู้ขาย เพื่อการพัฒนาของคณะแพทย์ มอ ตลอดไป


กรณีศึกษาคุณยรรยงที่ครม. เราได้อะไรจากการอ่านบทความ

ในส่วนตัวมองว่าการทำงานแบบโปร่งใส ไม่มีนอกไม่มีใน ไม่เล่นพรรคเล่นพวก จะนำพาเราไปสู่สิ่งที่ดีเสมอ แม้ว่าเราอาจจะพูดไม่เก่ง พูดไม่ถูกจังหวะและโอกาส แต่เจตนาที่ดีที่ต้องการพัฒนาองค์กร ทำเพื่อส่วนรวม ถ้าเราตั้งมั่นในใสิ่งนี้แล้ว อุปสรรคใดๆที่จะเกิดขึ้น เราก็จะสามารถแก้ไขและผ่านพ้นมันไปได้ค่ะ

นางเยาวรัตน์ ทวีวงศ์

จากการ present ของทั้ง 5 กลุ่ม ทำให้ทราบว่าการทำงานที่จะให้ถึงเป้าหมาย ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ร่วมมือกันตั้งแต่หัวหน้าใหญ่จนถึงลูกน้องตัวเล็กๆ มีความสำคัญทั้งหมด เพราะถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งก็จะทำให้งานไม่สำเร็จและไม่บรรลุเป้าหมาย ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือครอบครัวซึ่งถ้าเราใช้ชีวิตกับงานและครอบครัวอย่างมีความสุข ก็จะประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง

วิชาที่ 9 หัวข้อ “วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ฯ มอ.”ของ ผศ.ดร.พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล

ทำให้ทราบว่าองค์กรของเราอย่าหยุดอยู่กับที่ ควรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ควรรอแต่กินบุญเก่า ซึ่งสักวันหนึ่งมันก็จะหมดไป ให้สะท้อนมองตนเองและผู้อื่นว่าเขามีการพัฒนาและแข่งขันกันในระดับไหน เพื่อให้ตามเขาได้ทันและแซงหน้าไป โดยทำอย่างไรให้ผู้รับบริการหันมาตรวจเช็คสุขภาพกันมากขึ้นไม่ใช่ป่วยแล้วซ่อม ไม่คิดที่จะได้แต่ประโยชน์ส่วนตนแต่ต้องให้สมดุลระหว่างลูกพระบิดากับการให้การบริการ

วิชาที่ 10 หัวข้อ '' LEADERSHIP & TEAMWORK''

การเป็นผู้นำที่ดีต้องมองเห็นคุณค่าในตนเอง เห็นส่วนดีและคุณค่าของคนอื่น โดยเอามารวมกันให้ลงตัว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นตัวเองไม่เดือดร้อน คนอื่นไม่เดือดร้อน การพัฒนางานจึงสำเร็จไปได้ด้วยดี

คุณสมบัติที่ดีของผู้นำที่ควรมี ใจกว้าง รู้จักแบ่งบัน มีการขอบคุณ รู้จักให้อภัย แต่อย่าหวังผล อยู่กับความจริง ถ้าเหตุดี ผลก็ต้องดี

สรุปบันทึกการเรียนรู้ ช่วงที่ 1 วันที่ 15-18 ก.ค.58

4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน สิ่งที่จะนำไปใช้ได้นาน น่าจะเป็นในเรื่องของการมีกระบวนการคิดที่ดีมากขึ้น การมีทัศคติหรือมุมมองในเรื่องของการเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น การฟังอย่างไม่ธรรมดา เช่นฟังแล้วคิดและเรียนรู้ที่จะเลือกนำสิ่งที่ดี มีประโยชน์มาใช้

การนำความรู้ที่สะสมไว้ ใช้ต่อยอดความรู้ต่างๆ ต่อยอดความคิดทั้งในกรอบและนอกกรอบ เพื่อที่จะคิดหาสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเองและองค์กร

หาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร โดยส่วนตัวค่อนข้างเห็นด้วยกับท่านอาจารย์ในความคิดที่ว่า การได้ร่วมเรียนรู้กับผู้คนรอบๆตัวเรา เป็นแหล่งความรู้ที่หาได้ง่าย การอยู่ในหมู่มวลคนดี สิ่งแวดล้อมที่ดี พร้อมที่จะยอมรับความแตกต่างของแต่ละคน เพราะคนทุกคนก็มี “สิ่งดีๆ” ด้วยกันทุกคน อีกสิ่งหนึ่งที่เข้าถึงได้ง่าย คือ สื่อต่างๆ เข้าถึงง่าย เรียนรู้ได้เร็ว เพียงแต่ต้องเลือกหยิบสิ่งที่ดีๆมาใช้ในชีวิต

แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่น ทำได้โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านกลุ่มสนทนา หรือกิจกรรมต่างๆ การให้แนวคิด ทัศคติที่ดี ค่อยๆปรับ ค่อยๆเรียนรู้กันไป

กรณีศึกษา คุณยรรยง

การตัดสินใจ และการใช้วิจารณญานเป็นเรื่องที่สำคัญในการดำเนินชีวิต ความรอบคอบ และการมีทุนทางอารมณ์ จะทำให้เราไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร การดำรงไว้ซึ่งการมีจริยธรรมของตนเอง และจริยธรรมทางอาชีพ จะเป็นสิ่งนำพาชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีงามเสมอ

4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำไปใช้ได้นาน

  • การเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ๆและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
  • แนวคิดเรื่อง Mindset ได้ฝึกและกล้าคิดแบบนอกกรอบ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ในการทำงานในมุมมองที่กว้างกว่างานประจำที่ทำอยู่
  • การค้นหาและมองเห็นคุณค่าของตัวเอง และสิ่งรอบข้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถนำมาเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้
  • ความรู้เรื่องบุคลิกภาพและมารยาททางสังคม
  • แนะนำแหล่งเรียนรู้ผ่าน blog

นำความรู้ที่เราสะสมไว้ไปทำ

- พัฒนาตนเอง ในด้านบุคลิกภาพ การปรับความคิดและทัศนคติของตนเอง

- นำกรอบแนวคิดที่ได้เรียนรู้ ไปฝึกคิด ตั้งคำถาม ค้นหาคุณค่าเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน

อธิบายว่าเราหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร

- เรียนรู้ออนไลน์ผ่าน blog https://www.gotoknow.org/blog/chiraacademy ซึ่งได้ทบทวนความรู้ที่เรียน และเรียนรู้ในมุมองใหม่ที่หลากหลายผ่านการแลกเปลี่ยนของผู้อื่น

- การทำงานร่วมกัน

- สอบถามและขอคำแนะนำจากผู้รู้

แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

- การพูดคุยบอกเล่าประสบการณ์การเรียนรู้ กับเพื่อนร่วมงาน

บันทึกการเรียนรู้ วันที่ 15/7/58

วิชาที่ 1 : ปฐมนิเทศ และแนะนำทฤษฎีที่สำคัญเพื่อการเรียนรู้

  • ได้ทราบความเป็นมา วัตถุประสงค์ และวิธีการเรียนรู้ของโครงการนี้ ซึ่งเห็นว่าผู้บริหารของคณะให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน
  • แนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ที่สำคัญ ได้แก่ 4’Ls 2R’s 2I’s 3V’s 3L’s C&E C-U-V

วิชาที่ 2 : ทุนมนุษย์ – Mindset Leadership และการทำงานในยุคที่โลกเปลี่ยนของคณะแพทย์ฯ มอ.

-การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ใช้ทฤษฎี 3 วงกลม (1)context (2)competencies (3) motivation

-ประกอบด้วย 3 เรื่อง คือ ปลูก (ทฤษฎีทุน 8’Ks + 5’Ks) เก็บเกี่ยว ( Motivation ทฤษฎี HRDS) Execution= ต้องทำให้สำเร็จ

-Mindset คือ ทัศนคติที่ฝังรากลึก ต้องพยายามเปลี่ยน Mindset ไปสู่ Growth Mindset : พยายามพัฒนา ชอบความท้าทายและคำวิจารณ์ เรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่น

วิชาที่ 3 : CEO - HR - Non HR - Stakeholders

-ปัจจัยในการขับเคลื่อนสังคมยุค 3.0 คือ การเปลี่ยนแปลง โลกาภิวัฒน์ และนวัตกรรม

-การบริหารองค์กรในยุคดิจิตอล ประกอบด้วย คุณค่าคนกับคุณค่าทางธุรกิจ การบริหารศักยภาพคน โดยนำความรู้ ทักษะ ที่ซ่อนอยู่ในตัวบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และความหลากหลาย

บันทึกการเรียนรู้ วันที่ 16/7/58

วิชาที่ 4 : Managing Self Performance

-ความสำเร็จของคน ประกอบด้วย

oCompetency รู้ว่าองค์กรมองและพัฒนาบุคลากรและผู้นำด้านใดบ้าง

oKnow & Discover Self / Have Goal ค้นหาตัวเองแล้วตั้งเป้าหมาย รู้จัก ทำงานอย่างมีสติ

oBig Assumptions for Life สมมิติฐานที่เชื่อแล้วจะช่วย

-ในชีวิตเรา มี 3 คำนำชีวิต Be-Do-Have

-Five Principle for Success

oKnow Your Outcome ตั้งเป้า สงบเงียบ ต้องการชื่อเสียง

oTake Action -> Get “Result”

oHave Sensory Acuity

oHave Behavioral Flexibility ชีวิตต้อง Flexibility

oOperate from a Physioloty & Psychology of Excellence สนุกสนานเมื่อไหร่ ส่งผลต่อกายดี

-Big Assumptions to Live & Deal with Others Happily

oใครก็ตามที่ผิดพลาดไปแล้ว ต้องเติม อย่าตราหน้า

oทำอะไรผิดพลาด ไม่มีคำว่าล้มเหลว

oThere is no failure, only feedback

-การชื่นชม ให้ชมผลงาน ชมคุณสมบัติพฤติกรรมนั้นด้วย

วิชาที่ 5 : Personality and Social Skills Development

สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ

- Image = 55% Look 38% Sound 7% Word

- บุคลิกภาพที่ดี ประกอบด้วย แต่งตัวดี รู้จักกาลเทศะ มาดดี พูดจาดี และอารมณ์ดี

- First Impression คือ ความประทับใจแรกพบ เห็นแล้วรู้สึกดี อยากคุยด้วย

- การยืน ท่าเดิน การแนะนำเจ้านายกับลูกค้า ท่าที่ไม่งาม การเดิน การนั่งในรถ รดน้ำสังข์

  • กฎ 5 ข้อ (คิดอะไรไม่ออก นำหลัก 5 ข้อ)การให้เกียรติ ความสะดวกสบายอัธยาศัยไมตรี ปลอดภัยความมีระเบียบเรียบร้อย

วิชาที่ 6 : Key words of success: Leadership – Mindset – Thinking outside the box – Thinking new box.”

  • ความคิดสร้างสรรค์ คือ คิดนอกกรอบ ทำต่างจากเดิม คิดต่างจากเดิม
  • ต้องคิดกระโดดนอกกรอบ วิธีการ : มาจาก CEF creative Education Foundation
  • การคิดคร่อมกรอบ PPCO
  • คิดถึงข้อดีของความคิดของเรา -> Pluses คิด บวก + +
  • คิดถึงข้อดีที่อาจเกิดในอนาคต ->Potential
  • คิดถึงว่าติดอะไร กังวลอะไร แต่ว่าอะไร ->Concerns
  • พยายามทะลุทะลวงข้อ 3 หลบ เลี่ยง หรือทะลุให้ได้ -> Opportunities

บันทึกการเรียนรู้ วันที่ 17/7/58

วิชาที่ 7 : การบริหารจัดการการเงินสำหรับนักบริหาร และ Public Finance

  • การเงินเป็นเรื่องใกล้ตัว ได้เรียนรู้การบริหารการเงินทั้งส่วนตัว และของหน่วยงาน
  • ตลาดการเงิน มีความแตกต่างระหว่างตลาดเงิน กับตลาดทุน
  • การเก็บเงินไว้ที่ธนาคารประเภทออมทรัพย์ ไม่เสียหาย แต่เสียโอกาส
  • ต้องมีแผนการทำงานเสมอ เราควรรู้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อการวางแผนการจ่ายเงิน

วิชาที่ 8 : 3V & Innovative Project

Innovative Projects ต้องประกอบด้วย 3V

-value add เพิ่มคุณค่าสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว

-value creation มีความสร้างสรรค์ เป็นการทำงานใหม่นอกกรอบ

value diversity มีการสร้างคุณค่า/มูลค่าจากการบริหารความหลากหลาย

เยาวรัตน์ ทวีวงศ์

ตอบคำถาม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1) 4 วัน ทีได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำมาใช้ได้นาน

1.ได้รู้จักตนเองมากขึ้น และก่อนที่เราจะเริ่มจากผู้อื่นให้เริ่มจากตัวเราเองก่อน โดยไม่ยึดติดกับความเชื่อและพฤติกรรมเดิมๆ คิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงการบริหารเงินให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและองค์กร

2. การเป็นผู้นำที่ดี ต้องมองเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น ใจกว้าง รู้จักการให้และแบ่งปัน มีการให้อภัย และการขอบคุณ ไม่หวังผลตอบแทน ถ้ามีสิ่งเหล่านี้ก็จะประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน

3.รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการทำงาน เช่นการมีบุคลิกภาพที่ดี แต่งกายดีเหมาะสม การพูด และการแสดงออกต่างๆที่เหมาะสม ก็จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้อื่น

2) นำความรู้ที่เราสะสมไปทำ

1. ค้นหาและทำความรู้จักตนเองให้มากขึ้น พัฒนาด้านความรู้ ทำงานอย่างมีเป้าหมายและมีความสุขในการทำงาน

2. พัฒนาคนและองค์กรให้ได้ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจที่ได้วางไว้

3. เมื่อเจออุปสรรคในการทำงานให้กระโดดข้ามไปให้ได้

4. กล้าคิดนอกกรอบมากขึ้น แต่ต้องให้อยู่ในกรอบขององค์กรและสังคม

5. การบริหารเงินทั้งของส่วนตัวและหน่วยงานให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด

3) อธิบายว่าเราหาความรู้อย่างไร

การหาความรู้เพิ่มเติมที่ดิฉันทำมีหลายช่องทาง ได้แก่การสืบค้นทางอิเลคโทนิค การอ่านหนังสือ การดู การสังเกต การฟังข่าวสาร การเข้าอบรม การแรกเปลี่ยนความรู้และการพูดคุยกับผู้อื่น

4) แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

การแบ่งปันความรู้ส่วนใหญ่จะเริ่มจากครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และผู้รับบริการ โดยการเล่าให้ฟังหรือการสอน ตามบทบาท ในเรื่องใหม่ๆและมีประโยชน์ต่อบุคคลเหล่านั้น เพื่อนำไปดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งด้านส่วนตัวและการทำงาน เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต

เยาวรัตน์ ทวีวงศ์

กรณีศึกษา คุณยรรยง

การดำเนินชีวิตควรมีวิจารณญาน การตัดสินใจ รวมถึงความรอบคอบเป็นสำคัญ ให้ยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก ซื่อสัตย์ สุจริต เพราะถ้าเราพลาดครั้งเดียวถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทำดีมาแค่ไหนก็หมดคุณค่า เพราะฉะนั้นให้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า หยิ่งในศักศรีของตนเองไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและไม่ยอมเป็นเป็นเครื่องมือของคนอื่น ชีวิตก็จะประสบแต่สิ่งที่ดีงามเสมอและตลอดไป


ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ครม.

วิเคราะห์ ได้อะไรบ้างจากอ่านบทความดังกล่าว

1. ต้นเหตุหลักของปัญหานี้ เกิดจากนักการเมืองขาดคุณธรรม และหวังผลประโยชน์จากการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ก่อทุกข์ร้อนให้แก่ประเทศชาติมาต่อเนื่องยาวนาน ขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นต่อในประเด็นนี้

2. ในกรณีศึกษานี้ ข้าราชการประจำตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ในการหาผลประโยชน์ การถูกมอบหมายมาให้มาแถลง โดยอ้างถึง ว่าครม.ชุดที่แล้วอนุมัติไปแล้ว จะขอให้ความเห็นชอบตามมติเดิม เท่ากับตกกระไดพลอยโจนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแม้ว่าไม่ได้มีเจตนา โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ และผลประโยชน์ตกอยู่กับผู้ไม่มีคุณธรรม

3. คิดว่าปัญหานี้ มีทางออก และสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนา คือ

  • ผู้ปฏิบัติงานควรมีความรอบรู้ คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงได้
  • ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด หาข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่ด่วนตัดสินใจหรือสรุปความ
  • เน้นธรรมาภิบาล ยืนยันเจตนาอันบริสุทธิ์ในการทำงาน โดยวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นกลาง นำเสนอข้อมูลทั้งผลดีที่จะได้รับ และผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ ผลการพิจารณาที่อยู่เหนืออำนาจหน้าที่ ก็จะถูกนำไปตัดสินโดยผ่านการพิจารณาตามกระบวนการอย่างเป็นกลาง
พริ่ม วิลัยพงษื กลุ่ม 3

¨ 4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน สิ่งที่นำไปใช้ได้นาน

1. มิตรภาพ การได้รู้จักเพื่อนร่วมงานเพิ่มขึ้น ทำให้สะดวกในการติดต่อประสานงานและได้เรียนรู้

แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน

2. เปิดรับและแสวงหาความรู้ใหม่ เพื่อการเปลี่ยนแปลง ในการพัฒนาองค์กร

3. มองเห็นจุดเด่นและจุดด้อยขององค์กร ทั้งจากบุคลากรภายในและบุคลภายนอกองค์กร เพื่อ นำไป เป็นข้อมูล สู่การปรับปรุงและการพัฒนาองค์กร

4. นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งครอบครัว การทำงาน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยู่บนความพอเพียง

¨ นำความรู้ที่เราสะสมไว้ เพื่อการเปลี่ยนแปลงตนเอง สู่การพัฒนาตนเอง หน่วยงาน และคณะแพทย์ ถึงแม้ตัวเราเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในองค์กรแต่หากรวมกันหลายๆคน ก็จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง พัฒนาองค์กรในอนาคต

¨ เราหาความรู้เพิ่มเติมได้หลายทาง

จากการอ่านหนังสือ จากการฟังผู้อื่น จากการดู จากปัญญาความคิดของตนเอง การเรียนรู้ด้วยตนเอง จากผู้บังคับบัญชาผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้รับบริการ(ลูกค้า)

¨ การแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่น โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน การถ่ายทอดทางอื่นๆ เช่น หนังสือ บทความ การบรรยาย ฝึกอบรม การสอนงาน เป็นต้น

วิเคราะห์กรณีศึกษา:คุณยรรยง

ได้แง่คิดด้านการคิดและตัดใจสำหรับผู้บริหาร คือ

การอนุมัติ&จัดซื้อ จัดจ้างต้องอาศัยประสบการณ์ การคิด หาข้อมูลอย่างรอบคอบ ยึดหลักธรรมาภิบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและต้องมีความโปร่งใส หลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ส่วนตัวและผลประโยชน์ทับซ้อน...

วิลาวรรณ ทิพพย์มงคล

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอ่านบทความเรื่อง คุณยรรยง

.คิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้คือ การที่จะพูดหรือทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลรอบด้านก่อน และคิดว่าที่นำมาใช้ได้คือการมอบหมายงานให้ถูกกับคนและในการทำงานต้องยึดหลักความถูกต้องไม่ยอมเป็นเครื่องมือของใคร สิ่งสำคัญคือเราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง.โปร่งใส ผลประโยชน์ให้หน่วยงาน. อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/592411

บริมาส ศักดิ์จิรพาพงษ์

4 วันสำหรับการเรียนรู้การพัฒนาศักยภาพผู้นำครั้งนี้ ทำให้ตนเองได้รับความรู้และแนวทางในการทำงานที่มากมาย รู้จักคิดหาแนวทางในการทำงาน ให้ประสบความสำเร็จ มิใช่การทำงานอย่างบ้าคลัง เพียงอย่างเดียว ทำอย่างไรให้เรามีความสุข เพื่อนร่วมงานมีความสุข หาเป้าหมายของการทำงาน และที่สำคัญต้องมองให้ออกว่างานที่ทำนั้นต้องมีความหมาย เกิดประโยชน์ อย่างไรจากสิ่งที่ทำ

การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในการบริหารบุคลากรของหน่วยงาน ที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้เกษียณราชการ ความไม่แน่นอนของการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัย การสร้างแรงจูงใจให้กับเพื่อนร่วมงาน ให้เขารู้สึกว่างานที่เขาทำมีความหมาย และมีความเป็นเลิศได้ เกิดการสือสารที่ดี ก่อให้เกิดการทำงานเป็นทีมจะมีมากขึ้น เนื่องจากรู้จักบุคลากรจากหน่วยงานต่าง ๆ การพูดคุยง่ายขึ้นมีมิติความสัมพันธ์ที่ดี ลดความขัดแย้งได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าในสภาวะของผู้รับบริการจะมีความต้องการที่แตกต่างและมากเหตุผล บางครั้งอยากที่จะเข้าใจ ก็ตามทำให้เราเข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น เช่น ว่าปัญหาบางอย่าง แม้เราจะแก้ไขแบบนี้ได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ เดี่ยว ก็จะมีปัญหาใหม่ให้เราแก้ไขอีก และที่สำคัญเราต้องระลึกเสมอว่า "ทำเพื่อส่วนรวม" เพราะเป้าหมายหลักคือ "เพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น" (จริงๆ)

ฝึกตัวเองให้เป็นคนที่พร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา และบอกกับตัวเองว่าเราจะต้องศึกษาและเรียนรู้ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ฝึกที่จะ "นิ่ง" กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาไม่เข้าไปปะทะอย่างลืมตัว

ที่สำคัญ คือ เราต้องพร้อมที่จะสอนและฝึกบุคลากรในหน่วย ให้เข้าใจงานและเข้าใจองค์กรให้เขา "รักในเกียรติของงานที่ทำและรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นสำคัญ" เพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น(จริงๆ)

บริมาส ศักดิ์จิรพาพงษ์

วิเคราะห์ คุณยรรยง

ทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุปัจจัย หลักพุทธศาสนาทรงสอนให้ใช้หลักของโยนิโสมนสิการ คือการพิจารณาหาวิธีการที่ถูกต้อง มีเหตุผล และเข้าถึงเหตุที่แท้จริงให้ได้โดยใช้ปัญญา สำหรับเรื่องนี้ คิดว่าตนเองปัญญาน้อย เรื่องของการเมืองเป็นเรื่องที่เข้าใจยากมากที่สุด ไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้มากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าแน่นอนที่สุดและควรจะยึดถือปฏิบัติคือ " หิริ โอตัปปะ" ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป เป็นธรรมะคุ้มครองโลก ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นตกต่ำ

ตอบคำถาม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1. 4 วันที่ได้เรียนรู้ อะไรที่จะนำไปใช้ได้นาน? เรียนรู้เรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล และวิธีการจัดการกับความแตกต่างในหลากหลายรูปแบบ

2 นำความรู้ที่สะสมไว้ ไปทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เข้าถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล แล้วมาผสมผสานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และองค์กรต่อไป

3 สามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้จาก การอ่านหนังสือ/ บทความต่างๆ คุย/ปรึกษาหารือกับผู้อาวุโสหรือผู้รู้ สังเกตจากการปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน

4.การแบ่งปันให้ผู้อื่น

-เล่าประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์ผู้สอน

-แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

กรณีศึกษา คุณยรรยง

-นำมาประยุกต์ใช้ในหลักการทำงานจริง โดยเราต้องมองปัญหาอย่างรอบคอบ ใช้หลักการ ประกอบเหตุผล ร่วมกับประสบการณ์ ในการวางแผนแก้ไขปัญหา

- การทำงานที่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จะต้องมีความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และคำนึงถึงผลประโยชน์และความคุ้มค่าที่จะเกิดแก่หน่วยงาน

กรณีศึกษาคุณยรรยง

การทำงานตามการมอบหมายโดยเฉพาะการรับผิดชอบงานที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายจำเป็นต้องใช้สติในการพิจารณาหาข้อมูลให้รอบคอบ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา การเป็นคนดีใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับของคนทุกคน แต่การเป็นคนดีและมีปัญญาต่างหากที่คนทุกคนให้การยอมรับ กรณีตัวอย่างนี้เสมือนตัวอย่างของข้าราชการถูกหลอกใช้

จากกรณีดังกล่าวสามารถนำไปใช้เป็นตัวอย่างในการพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ได้ ดังนี้

- การใช้สติปัญญาและความรอบคอบในการวิเคราะห์และพิจารณาเรื่องต่างๆก่อนการตัดสินใจ

- ใช้ประสบการณ์ช่วยคิดวิเคราะห์

- ใช้หลักธรรมาภิบาล ความถูกต้อง โปร่งใสในการปฏิบัติงาน

- หากมั่นใจว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ดีก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด

จันธิมา มหัทธนาภรณ์

กรณีศึกษา คุณยรรยง

คุณยรรยงเป็นข้าราชการอาวุโส เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน ส่วนคุณพรทิวาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ในเรื่องการประมูลข้าวโพด มีความเห็นว่าขุ้้าราชการประจำ สามารถทำงานร่วมกับข้าราชการการเมืองได้ แต่คุณยรรยงไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง นอกจากจะขาดความรอบคอบแล้ว อาจมองว่าได้รับผลประโยชน์ ถ้าคุณยรรยงฉลาดหรือรอบคอบกว่านี้สามารถหาวิธีการแบบรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางได้ จริง ๆ แล้ว ถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกีี่ยวข้อง คุณยรรยงซึ่งเป็นคนเก่งคนหนึ่งควรเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่ควรเป็นคนพูดนำเสนอ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ไม่ควรเป็นคนเสนอโปรเจค คนที่พูดต้องเป็นคุุณพรทิวา หลายคนอาจมองว่าคุณยรรยงอาจได้ผลประโยชน์จากโปรเจคนี้ก็ได้ หรือไม่ก็อาจถูกมองว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวได้

นางสาวชัญญา ทวีศรี

วิเคราะห์บทเรียนจากความจริง

กรณีศึกษา คุณยรรยงที่ ครม. ได้แง่คิด เพื่อการพัฒนางานของคณะแพทย์ฯ ในอนาคต คือ

การแก้ปัญหาที่ได้ผลดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการทำงานของบุคคลนั้น บุคคลที่มีประสบการณ์มากจะสามารถวิเคราะห์ความขัดแย้ง สถานการณ์ เวลา และวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการกับความขัดแย้งในองค์กรได้สำเร็จ และควรคำนึงถึงความพอใจหรือความต้องการของทุก ๆ ฝ่ายเป็นสำคัญ

การบริหารงานควรยึดหลักธรรมาภิบาล หลักความยุติธรรม ความเสมอภาค ใช้วิธีนุ่มนวลต่อคนแข็งหรือจริงใจในการแก้ปัญหา เพราะการใช้วิธีการพูดคุยที่นุ่มนวลกับคนจะสามารถเอาชนะปัญหาหรือสามารถจัดการปัญหาได้ลุล่วง

ขอบคุณค่ะ

นางสาวโศภิดา มาลา

วิเคราะห์บทเรียนจากความจริง

กรณีศึกษา คุณยรรยงที่ ครม. ได้แง่คิด เพื่อการพัฒนางานของคณะแพทย์ฯ ในอนาคต คือ

การใช้วิธีการบริหารงานด้วยวิธีการเน้นแบบกลาง ๆ แบบ Win Win เป็นเทคนิคในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ผลที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรในองค์กร โดยที่ผู้บริหารจะต้องมุ่งให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องแก้ไข โดยพิจารณาเหตุของความขัดแย้งและหาวิธีการจัดการกับความขัดแย้งที่เหมาะสม

เน้นการทำงานเป็นทีม จะช่วยให้การทำงานบรรลุเป้าหมาย เนื่องจากทีมงานจะมีการแบ่งงาน แบ่งหน้าที่ตามความสามารถและความชำนาญ เมื่อลงมือทำงานจะสามารถดำเนินงานได้รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ มีคุณภาพ ทำให้การทำงานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ 4 ประเด็นวิเคราะห์ความรู้ในแต่ละวันที่เรียน

ประเด็นหลักที่บอกกับตัวเองเสมอเมื่อทำงานคือ ทำงานให้มีความสุข สอดคล้องกับกิจกรรมที่ได้เข้าร่วมถ้าคนเราทำงานแล้วมีความสุขก็ไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ ที่ทำให้เราทุกข์ สิ่งต่างๆ ก็ตามมา เช่น ครอบครัว คนรอบข้าง และ สังคมที่เราต้องอยู่ร่วมกัน สิ่งแรกที่อยากชวนให้คิด คือมองทุกอย่างอย่างมีเหตุมีผล เราก็จะไม่ทุกข์ เช่น เห็นคนขับรถเร็ว แซงปาดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก็ต้องมองว่า "เค้าอาจรีบเพราะต้องพาคนป่วยไปโรงพยาบาล" และภาวนาให้เค้าปลอดภัย เพียงแค่คิดเท่านี้ ใจเราก็เป็นสุข อย่างที่สองทำใจให้สบายถ้าใจเราไม่คิด ทุกอย่างมันก็อยู่ของมันได้ ยกตัวอย่าง เราเห็นกองขยะส่งกลิ่นเหม็น เราก็รู้ว่ามันเหม็น ...ก็ทำใจ ว่ามันก็เหม็นไม่จำเป็นต้องไป ว่าใครหนา ใจดำใจร้าย ฉันจะแช่งชักหักกระดูก อันนี้ไม่เอา ให้มันอยู่ของมันแบบนั้นแหละ ปล่อยไปๆ แล้วมันหายส่งกลิ่นไปเอง ... ชีวิตก็จะมีสุข ยิ่งต้องทำใจให้ยอมรับกับสภาพการแข่งขันระหว่างรพ.รัฐ และเอกชน ด้วยยิ่งต้องเพิ่มพูนในเรื่องของการบริการที่ดีและได้ใจผู้บริโภค และยังต้องป้องกันการสมองไหลคนรุ่นใหม่ด้วย ฉะนั้นการเป็นผู้นำที่ดีย่อมพาทีมไปสู่ความเร็จ มี EQ และ IQ ขยันอดทนและพยายาม ต้องมองทุกคนอย่างมีคุณค่า และรู้จักแบ่งปัน

โสภิณ แก้วสลับศรี กลุ่ม 5

วิเคราะห์บทความ คุณยรรยง พวงราช

วิเคราะห์ : ได้ดังนี้ คุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มาถูกกับดักนักการเมืองเล่นงาน กล่าวคือ หากผู้กันตรงๆ แล้วท่านอาจหมากตัวหนึ่งของเกมการเมืองในยุคคอรัปชั่นรุ่นเรือง ซึ่งท่านอาจเป็นคนดีมายุคหนึงแต่เหตุการณ์อาจบังคับให้ท่านต้องเดินมาแบบนี้ท่านก็เลยต้องจำยอม

แง่คิดที่ได้ : ถ้าถามว่าได้แง่คิดอะไรอันนี้ตอบยากอยู่เหมือนกัน เพราะเราก็ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วท่านเป็นคนแบบไหน แต่ถ้าเป็นตัวเองเราจะเลือกทำในสิ่งที่ดี และถูกต้อง ในฐานะข้าราชการของพระราชา แม้จะถูกอำนาจอะไรมาครอบงำก็ตาม

นำแง่คิดมาพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ในอนาคตได้อย่างไร : มองทุกอย่างให้เป็นโอกาส โอกาสที่พัฒนาและวัดศักยภาพของตัวเอง ที่จะสามารถนำพาคณะฯ ไปสู่ความสำเร็จ บริหารงานด้วยความโปร่งใส และตรวจสอบได้ อย่าตกเป็นเครื่องมือของสิ่งหนึ่ง หรือสิ่งใดโดยไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

โสภิณ แก้วสลับศรี กลุ่ม 5

>> 4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ได้อะไรบ้าง >> นำความรู้ที่สะสมไว้ไปทำอะไร >> เราจะหาความรู้เพิ่มเติมได้อย่างไร >> และแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

เป็นการบ้านที่ตอบยากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเรียนหนังสือมาค่ะ ก่อนอื่นหนูขอสารภาพก่อนว่าหนูอาจเป็นนักเรียนที่ไม่ดีเท่าไหร่ค่ะเพราะบางครั้งแอบง่วงบ้าง แอบส่งยิ้มให้กับ เพื่อนๆที่นั่งอยู่ตรงข้ามบ้าน อาจมีข้อดีอยู่อย่างเดียวคือ หนูชอบบันทึก ไม่ว่าหนูทำอะไรหนูก็บันทึก เอาไว้ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเข้ามาในชีวิตหนักหนาสาหัสอะไรก็จะแอบเก็บบันทึกลับไว้เสมอ..แอบกลับไปเปิดอ่านทำให้รู้สึกดี และแอบอมยิ้มเสมอว่าเรานะทำไปได้ เป็นผู้บริหารงานไม่เก่ง เพราะแอบใจดีน้องร่วมงานเสมอ หากไม่หนักหนามากก็จะยืนอยู่บนพื้นฐานการให้อภัยเสมอมา เพราะคนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด เพื่อนร่วมงานคือฝีพายที่เราจะนำเรือไปสู่จุดหมายอย่างพร้อมเพียงกัน หากเราไม่ให้ฝีฝายพักบ้าง ตึงเครียดเกินไปอาจทำให้พวกเค้าอ่อนล้า และรู้สึกท้อแท้ได้ หัวหน้าแบบหนูก็คงให้กำลังใจ และร้องเพลงให้ฟังพูดเรื่องต่างๆ ให้คลายเครียดและบอกเค้าว่า หากมีพายุซัดถาโถมเข้ามาในเรือ หนูก็จะบอกว่า ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่เข้มแข็งพรุ่งนี้พวกเราจะถึงฝั่งและปลอดภัย ... ความรู้ที่ได้อบรมในช่วงที่ผ่านมาจะนำไปพัฒนา มองแบบกว้างๆ นะ มันจับต้องได้ยากพอสมควรเราต้องเงยหน้าแหงนจะผ้าโผกหัวแทบจะหลุดออกจากศรีษะเพื่อจะเอื้อมเอาสิ่งนั้นมา แต่นั่นไม่ได้หมายความเรา เราหมดกำลังใจที่จะเอื้อม ตราบใดที่เรามีกำลังใจ มีเพื่อนรอบข้าง เราต้องเอื้อมมาให้ได้อย่างแน่นอน ทำงานขยันอย่างมด มีพยายามแบบนกกระจาบ ที่พยายามทำรังที่แข็งแรงและใหญ่ นั่นคือ ความพยายามล้วนๆ หนูจะบอกให้เพื่อนร่วมงานมีความรัก สามัคคีกัน เพราะเราอยู่ที่ทำงานมากกว่าอยู่ที่บ้าน เราต้องรักกันเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็อย่าเก็บมาคิด ทิ้งๆ ไปบ้าง ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อย มองกว้างๆ และต้องมีรอยยิ้มเสมอไม่ว่ากับใคร... ถ้าถามว่าจะหาความรู้เพิ่มเติมได้อย่างไร หนูว่าทุกวัน ที่เป็นอย่างมันสอนเราได้ทุกวัน ลองกลับบ้าน แล้วไปนั่งทบทวนว่า วันนี้เราได้ทำอะไรที่ดี และผิดพลาดบ้าง และรุ่งขึ้นต้องเอาสิ่งเหล่ามาทบทวน ไม่ให้เกิดขึ้นในวันนี้อีก ส่วนตัวหนูจะหาศัพท์ ภาษาอังกฤษจดไว้ในสมุดวันละคำ และก็จะจำมันเอา และกลับไปทบทวนว่า ความหมายคืออะไร หากมีคำอะไรที่สะดุดๆ ก็จะจดเอาไว้ เราจะจำได้ตลอด กับงานก็เหมือนกัน ต้องกลับไปทบทวน ว่าต้องทำอะไรก่อนหรือหลัง...และแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร แบ่งปันความรู้ให้คนอื่น หนูจะตัวเอง ที่ชุมชนที่หนูอาศัย แนวคิดต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้กับชาวบ้านได้ จริงๆ แล้วผู้ใหญ่บ้าน เขาทำงานแบบนี้อยู่แล้วแต่เขาวิเคราะห์ การทำงานไมได้ ว่ามันคืออะไร เราก็ไปช่วยชี้แนะให้คำปรึกษากับพวกเขาได้ สำหรับงานเรื่องงานหนูมองว่า ยังคงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานอีกสักระยะ เพื่อให้เดินได้แข็งแรง และเดินได้มั่นคงในอนาคต......//

พิชามญชุ์ คณิตานุพงษ์

สรุปประเด็น

18/7/2015
วิชาที่ 9 วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับคณะแพทย์มอ.
- สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือปรับแนวคิดว่าเราเป็นเลิศและรู้ว่าแท้จริงเราอยู่จุดไหน
แล้วเป้าหมายเราคืออะไร

วิชาที่ 10 leadership and teamwork
- ทุกคนมีประโยชน์ในตนเอง สามารถนำมาเชื่อมโยงเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนองค์กร

----------------------------------------------------------------------------------

4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำไปใช้ได้นาน

พบว่าทุกคนมีศักยภาพมากมายในตัวเองทั้งที่รู้และไม่รู้ ถ้าเราสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมารวมกันจะเป็นพลังยิ่งใหญ่ที่ขับเคลื่อนคณะแพทย์ต่อไป

นำความรู้ที่เราสะสมไว้ไปทำ

ฝึกมุมมองในสิ่งที่ยากแต่สามารถทำให้เป็นไปได้

อธิบายว่าเราหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร

อ่านหนังสือ ติดตามข่าวสารและสื่อต่างๆ แลกเปลี่ยนความรู้รวมถึงทัศนคติกับผู้อื่น ทั้งสายงานเดียวกันและต่างสายงาน

แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

การพูดให้ฟังและปฏิบัติเป็นแบบอย่างให้ดู

----------------------------------------------------------------------------------

ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ครม.

การทำงานไม่ว่าระดับใดถ้าเรายึดหลักธรรมาภิบาลก็จะเกิดประสิทธิภาพในการพัฒนาองค์กรควบคู่ไปกับความโปร่งใส เป็นไปตามครรลองคลองธรรม

สรุปประเด็นกรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง พวงราช

แม้คุณยรรยง พวงราช จะเป็นข้าราชการที่เก่ง มีอนาคตและมีความรู้ดี แต่ในบางสถานการณ์คนเก่งก็อาจมีปัญหา เกิดการตัดสินใจผิดพลาดได้เช่นกัน แม้จะขาดประสบการณ์หรือมีประสบการณ์ก็ตาม ควรจะศึกษาหาข้อมูลในเรื่องที่กำลังดำเนินการอย่างละเอียด ต้องใช้ความรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ต่างๆ ต้องดำเนินการให้เห็นถึงความโปร่งใสอย่างมาก สอดคล้องกับเรื่องของการตัดสินใจและดำเนินงานในองค์กร ซึ่งผู้นำในองค์กรต้องมีความระมัดระวังอย่างมากเช่นเดียวกับกรณีนี้

วันที่ 18 มิถุนายน 2558 วิชาที่ 9 หัวข้อ “วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ฯ มอ.”ของ ผศ.ดร.พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล

ทำให้ทราบว่าองค์กรของจะพัฒนาไปในแนวทางใด เพื่อให้สอดคล้องกับทรัพยากรที่องค์การมี วิเคราะห์ความเป็นไปได้ จุดแข็ง จุดอ่อนขององค์กร คุณค่าหลักขององค์กร ทั้งนี้ยังคงดำรงอยู่ในพระราชปณิธานของพระราชบิดา

วิชาที่ 10 หัวข้อ '' LEADERSHIP & TEAMWORK''

การเป็นผู้นำที่ดีต้องใจกว้าง ออกจาก mindset ของตนเอง คิดว่าทุกคนมีคุณค่าและมองให้ออก และจงเอาคุณค่าที่เขามีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และการมี Teamwork ที่ดี ต้องมีแรงจูงใจ ความศรัทธา เห็นคุณของสิ่งที่ทำ

‚

ตอบคำถาม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1) 4 วัน ทีได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำมาใช้ได้นาน

ได้ความรู้มาปรับใช้ในการทำงานได้รู้แนวทางของคณะแพทยศาสตร์ ได้รู้จักตัวเองมองตัวเอง การคิดแบบนอกกรอบ ผู้นำที่ดีต้องมีบุคลิกภาพที่ดี แต่งกายดี พูดจาดี แสดงออกที่เหมาะสม ตามกาลเทศะ และการบริหารการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมองถึงความเสี่ยง ความรู้ที่กว้างขึ้นรวมถึงการทำงานเป็นทีม ที่ดีต้องมีแรงจูงใจ ความศรัทธา เห็นคุณค่าที่สิ่งที่ทำร่วมกัน และรวมถึงการเป็นผู้นำที่ดี ต้องใจกว้าง ออกจาก mindset ให้เห็นว่าทุกคนมีคุณค่าและนำคุณค่าที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

2) นำความรู้ที่เราสะสมไปทำ …

1.พัฒนาตนเอง เห็นคุณค่าตนเอง แรงจูงในการกระโดยข้ามอุปสรรค

2.รู้แนวทางในการคิดพัฒนางานของตนเอง ปรับและดัดแปลงไปใช้ในงาน

3.วิธีการคิดนอกกรอบนำไปปรับใช้

4.แนวคิดการทำงานเป็นทีมการเรียนรู้ร่วมกันการมีแจงจูงใจ และเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำ จะมามาสู่ teamwork ที่ดี

5.การเป็นผู้นำที่ดี ต้องเสียสละ ให้อภัย ใจกว้าง เห็นว่าทุกคนมีคุณค่าในตนเอง

6.การเขียนโครงการพัฒนางานรู้เทคนิคการคิดโครงการพัฒนางานและทั้งนี้จะต้องสอดคล้องและเป็นแนวทางเดียวขององค์กร

7.การบริหารเงินทั้งของส่วนตัวและหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

3) อธิบายว่าเราหาความรู้อย่างไร

ปฏิบัติด้วยตนเองเรียนรู้จากงานที่ทำประสบการณ์จะสอน ฟัง สังเกต การรับข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ การบอกเล่า การแลกเปลี่ยนรู้เรียนรู้จากคนอื่น และสื่ออิเล็คทรอนิคต่าง ๆ

4) แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

การแบ่งปันความรู้โดยการเล่าพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน การปฏิบัติด้วยตนเอง เมื่อเพื่อนร่วมงานเห็นเขาก็สามารถเรียนรู้ได้

ƒสรุปประเด็นกรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง พวงราช

เห็นว่าคนเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดีด้วย เปรียบคุณยรรยง ดังสุภาษิตว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แต่ขาดประสบการณ์ ขาดข้อมูล สุดท้ายคนที่จะลำบากคือคุณยรรยง เหมือนบุคลากรคณะแพทยศาสตร์มีคนเก่งเยอะ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นคนดีด้วย สมกับเป็นลูกพระบิดา

….. อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/592411/comments?page=3

นงนภัส พรธีระภัทร

วิเคราะห์กรณีศึกษา คุณยรรยง

ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นโดยทั่วไป ไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมปัจจุบันที่คนดี และเก่ง ตกเป็นเครื่องมือ หรืออยู่ภายใต้ กฎกติกา ของนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ จริยธรรม คุณธรรม ไม่มี ถ้าหากเปรียบเทียบคณะแพทย์ หรือหน่วยงานอื่นๆ ก็ล้วนเป็นลักษณะนี้หมด แก้ไขยาก

ศรัญญา วงศ์อรุโณทัย

สิ่งที่ได้เรียนรู้วันที่18 ก.ค.58

วิชาที่ 9 วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ มอ

ควรมีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก ในปัจจุบันมีคู่แข่งมากขึ้น หากเราไม่มีการพัฒนาองค์การอย่างต่อเนื่องจะทำให้องค์กรของเรา ถูกองค์กรอื่นๆ แซงหน้าไป

วิชาที่10 leadership& teamwork

ได้แรงจูงใจในการทำงาน"ถ้าเราเชื่อว่า เราทำได้ เราก็จะทำได้" เราต้องออกจาก mindset ของเราให้ได้ เนื่องจาก Mindset เป็นตัวสกัดกั้นความคิดของเรา เราควรมองให้เห็นคุณค่าของคนที่อยู่กับเรา แล้วดึงศักยภาพของแต่ละคนมาใข้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ตอบคำถาม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1) 4 วัน ทีได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำมาใช้ได้นาน

-ได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานมากขึ้น ได้นำความรู้ที่ได้เรียน มาปรับใช้ในการทำงาน ได้รู้ว่าทุกคนต้องมีการคิดนอกกรอบ และคิดสร้างสรรค์

-เราทุกคนมีศักยภาพแล้วแต่จะดึงมาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร

- การมีบุคลิกภาพ และการแต่งกายดีเหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน เพราะ เวลาเราเดินผ่านใคร เราไม่ได้มีเวลามาอธิบายทุกคนว่า วันนี้แต่งแบบนี้เพราะอะไร

- บริหารจัดการเรื่องเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด

2) นำความรู้ที่เราสะสมไปทำ …

พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนทัศนคติและความคิด การปรับเปลี่ยนบคุลิกภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการทำงานและเพื่อพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้า

3) อธิบายว่าเราหาความรู้อย่างไร

แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ที่ทำงานสายงานเดียวกันและต่างสายงาน หรือ การรับข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ และสื่ออิเล็คทรอนิคต่าง ๆ

4) แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

ทางทฤษฎี คือ แบ่งปันความรู้โดยการเล่าพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน

ทางปฏิบัติ คือ ปฎิบัติตนเองให้เพื่อนร่วมงานเห็น

ƒสรุปประเด็นกรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง พวงราช

ควรดำเนินชีวิตด้วยความมีสติ คิดให้รอบคอบในการตัดสินใจที่จะพูด นึกถึงผลที่จะตามมาเมื่อเราพูดไปแล้วให้มากที่สุดและที่สำคัญควรใช้วิจารณญาน ดูกาละเทศะ เปรียบเทียบผลได้ กับ ผลเสียที่จะตามมา แต่ทั้งนี้ ควรยึดหลักจริยธรรม คุณธรรม ควบคู่ไปด้วย


กรณีศึกษาของคุณยรรยง พวงราชการ ได้แง่คิดเพื่อการพัฒนางานของคณะแพทยศาสตร์ ในอนาคต การมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน คือ เราต้องมีเทคนิคในการทำงาน ยึดถือความเป็นธรรม และเป็นกลาง โดยเราต้องมองปัญหาอย่างรอบคอบ มีเหตุมีผลและเข้าถึงเหตุการณ์นั้นๆ อย่างมีสติ และอีกอย่างการทำงานแบบ win win ก็จะเป็นเครื่องมือกลาง ที่ทำให้การทำงานทั้ง 2 ฝ่าย หรือที่เรียกว่าการทำงานเป็นทีม เกิดความคล่องตัว ลดความขัดแย้ง ร่วมถึงเพิ่่มความร่วมมือ ความรักใคร่ ปรองดอง ดังนั้นจะทำให้งานที่ออกมาบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่วางไว้

นัฐกาญจน์ ตั้งพลาดิศัย

วิเคราะห์กรณีศึกษาของคุณยรรยง มีดังนี้

1.การทำงานทุกอย่าง ต้องทำด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ต่อตนเองและสังคม มองเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน

2.รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง

3.มีความละเอียด รอบคอบในการทำงาน มีความชัดเจน ถูกต้อง ทำได้จริง ด้วยเหตุและผล

ตอบคำถาม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1. 4 วันที่ได้เรียนรู้ อะไรที่จะนำไปใช้ได้นาน?

กระบวนการเปลี่่ยน mindset ที่ดีขึ้น การคิดนอกรอบ การมีทัศนคติและมุมมองที่ดี อีกอย่างมีการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ทุกวัน การฝึกใช้สติปัญญา ทำให้เรามีความคล่องตัว

2 นำความรู้ที่สะสมไว้ ไปทำ …..

1 . พัฒนาตัวเองและองค์กรให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ปรัชญาของพระบิดา

2. หากเกิดอุปสรรค หรือปัญญา ในการทำงานเราก็สามารถ แก้ไขปัญหาได้ และมองเป็นเรื่องเล็กๆๆ

3. มีความกล้าคิดนอกกรอบมากขึ้น แต่จะต้องไม่ทำให้องค์กร เกิดผลกระทบ

4. วิธีการบริหารเงินทั้งของส่วนตัวและองค์ให้เกิดคุ้มค่าที่สุด

5. สามารถเผยแพร่ความรู้ที่ได้รับ ให้กับองค์กร หรือแนะนำในทางที่ดีขึ้นได้

3. อธิบายว่าเราหาความรู้อย่างไร

1. การเป็นคนช่างสังเกตสิ่งรอบข้าง พูดคุยกับคนรอบข้าง

2. อ่านหนังสือ หรือบทความต่างๆ

3. การใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อย่างถูกต้อง ก็สามารถหาความรู้

4.การแบ่งปันให้ผู้อื่น

การนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนมาเผยแพร่ในองค์กร เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

อรพิณ นวลช่วย กลุ่ม 3

ตอบคำถาม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1. 4 วัน ทีได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำมาใช้ได้นาน

1)ได้แรงบันดาลใจที่จะนำไปพัฒนาตนเองและหน่วยงาน ซึ่งมีแนวคิดจากการค้นหาปัญหาอยางเป็นระบบและมีการคิดนอกกรอบ

2)ในเรื่องการแต่งตัวและมารยาทในการต้อนรับสามารถนำไปใช้กับตนเองและเพื่อนร่วมงานได้

3)ในเรื่่องการจัดการการเงินทั้งของตนเองและของหน่วยงาน

2. นำความรู้ที่เราสะสมไว้ไปทำ …

นำไปใช้เพื่อพัฒนางานในหน่วยงานเพื่อให้มีคุณภาพมากขึ้น

3. อธิบายว่าเราหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร

โดยการศึกษาจากบุคคลต้นแบบ โดยการอ่านจากหนังสือและสื่อต่างๆ

4.แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เล่าสู่กันฟังในหน่วยงาน โดยการแนะนำเรื่องที่ดีๆให้เพื่อนอ่าน

กรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง พวงราช

ทุกทีมีทั้งคนดีและคนไม่ดีแต่เราจะต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ของเราตามรอยพระบิดา และเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่นเพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและหน่วยงาน



18 กรกฎาคม 2558

วิชาที่ 9 Panel Discussion & Workshop

หัวข้อ “วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ฯ มอ.”

การเป็นผู้นำยุคใหม่ จะต้องกล้าพูดให้คนอื่นคิด และทำในสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและองค์กร โดยการปรับ Mindset เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็ง และการร่วมมือร่วมใจกันทำให้องค์กรเรา เกิดความเป็นเลิศ ที่ดีขึ้น

วิชาที่ 10 Learnint Forum & Game Simulations “หัวข้อ “LEADERSHIP & TEAMWORK”

-การทำงานต้องมีความสุข ทั้งกายและใจ ถึงจะทำงานให้บรรลุเป้าหมาย

-การเป็นผู้นำที่ดี จะต้องมีความช่วยเหลือ กล้าตัดสินใจ โดยใช้หลัก ง่าย ไว ใหม่ ใหญ่ ยั่งยืน มีความสุข และ รู้จักขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย มีใจกว้าง และวางจิตให้ว่าง

-จะต้องเป็นผู้มีปัญญา สามารถ เข้าใจลูกน้อง

จากกรณีคุณยรรยง

แง่คิดที่ได้ คือ การจะแสดงความคิดเห็นในสิ่งใดควรจะศึกษาหาข้อมูลให้ถ่องแท้เสียก่อน และจะต้องคำนึงถึงกลุ่มผู้ฟังด้วย โดยเฉพาะการเอาใจเขามาใส่ใจเรากับความรู้สึกของผู้ฟังและผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ

สามารถนำมาปรับใช้กับการทำงาน คือ การรู้จักค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับงานและการใช้คำพูดจะต้องระมัดระวังให้มาก เพราะอาจจะมีผลทางลบกลับมาได้

สรุปประเด็นวันที่ 18-7-58

วิชาที่ 9

หัวข้อวิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ มอ.

สำหรับการมอง Service Focus ในปัจจุบันนี้ อาจจะต้องเปลี่ยนจากรูปแบบเดิม คือ เสียแล้วซ่อม (ป่วยแล้วมารักษา) สู่รูปแบบใหม่ คือ การบำรุงรักษา (การตรวจสุขภาพ) มากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยในส่วนของเรื่องตัวชี้วัดอย่าง KPI ก็อาจจะไม่ได้มีความสำคัญมากแล้ว ดังที่อาจารย์เปรียบว่า KPI ทำแล้ว “K=เครียด P=เพลีย และ I= เอียน” เสียมากกว่า

วิชาที่ 10

หัวข้อ Leadership &Teamwork

สรุปประเด็นได้ว่าเมื่อเป็นผู้นำแล้ว อย่าให้ความคิดไม่ว่าเล็กใหญ่เข้ามาแทรกในสมอง ต้องทำให้ว่าง โล่ง จะได้ไม่เครียดและผ่อนคลาย ควรจะยึดหลักพอเพียงมาปฏิบัติ โดยยึดความพอประมาณ การใช้เหตุและผล รวมถึงเรื่องของภูมิคุ้มกัน สุดท้ายในเรื่องของกระบวนการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือหลัก 6s ได้แก่ “ง่าย ไว ใหม่ ใหญ่ ยั่งยืน และมีความสุข”

ตอบข้อซักถามจากอาจารย์จีระ

1. 4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำไปใช้ได้นาน

ได้ความรู้ใหม่ ในหลายๆด้าน รวมทั้งการเปิดโลกทัศน์ใหม่ในบางเรื่อง ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทันทีและต่อเนื่องไปในอนาคตด้วย

2. นำความรู้ที่เราสะสมไว้ไปทำ

สามารถนำความรู้ที่สะสมไว้ไปพัฒนาทั้งตนเอง หน่วยงาน และพัฒนาองค์กรได้ในที่สุด

3. อธิบายว่าเราหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร

สามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้จากสื่อต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต หนังสือ หรือการสอบถามจากผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญก็ได้

4. แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

เริ่มจากการแบ่งปันความรู้ให้กับคนใกล้ชิดก่อน เช่น เพื่อน ญาติ คนรู้จัก และที่สำคัญคือเพื่อนร่วมงานในหน่วยงานของเรา

ศรีบังอร อรัญเวทย์ กลุ่ม3

การบ้าน

www.gotoknow.org/chiraacademy

กรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง พวงราช.....คิดเห็นว่า บ้านเมืองเราไม่ก้าวไปข้างหน้าก็เพราะการเมืองที่คอยจะหาผลประโยชน์เข้าตัวมากกว่าประเทศ แต่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดกับตน มักเลือกใช้ข้าราชการประจำเป็นหมากเดินเกม หากไม่เป็นไปตามเกมที่วางไว้ก็เปลี่ยนตัวใหม่ทำให้ข้าราชการต้องยอมปฏิบัติตามเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นข้าราชการก็ต้องทำความรู้จักกับการเมืองไทย พรรคการเมืองให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการรู้เขารู้เราไม่พลาดท่าเสียที และมีหลักการที่หนักแน่นมากพอไม่ใช่ใช้การอ้างอิงลอยๆ ข้าราชการมีความเก่ง ฉลาดซื่อสัตย์ไม่พอต้องทันคน ทันเกมจึงจะไม่พลาดท่าเสียทีตกเป็นเครื่องมือ

วิชาที่9 Panel Discussion & Workshop

วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทยศาสตร์ มอ

ปัญหาการขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแผนพัฒนาระยะยาว การสื่อสารไม่ทั่วถึง การขาดความเข้าใจกัน ทั้งหมดคือปัญหาของคณะแพทย์ เราต้องหาวิธีการพัฒนาให้คณะแพทย์ประสบความสำเร็จโดยต้องแก้ปัญหา และต้องแข่งกับเอกชนไม่ให้คนเก่งๆของเราต้องไปอยู่กับเอกชนต้องรักาคนเก่งไว้พัฒนา

วิชาที่ 10 Leadership &Teamwork

ผู้นำ ต้องเห็นคุณค่าของลูกน้อง ต้องมองให้เห็นคุณค่าคนที่อยู่ร่วมกับเราและมองเห็นคุณค่าของสิ่งรอบข้าง ให้มาทำงานให้ได้วิธีการบริหารจิตของตนเอง คือ อย่าให้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ มาแทรกในสมองของตนเอง ผู้นำต้องอยู่ตรงกลาง เวลามีปัญหาจะตัดสินลูกน้องว่า ใครผิด ใครถูก ให้ใช้เหตุผลและมนุษยสัมพันธ์ได้เรียนรู้ถึงบุคลิกภาพของคน ในลักษณะต่าง ๆ การเข้าถึงบุคคลในลักษณะต่าง ๆ การสร้างทีมงาน โดยเน้นการเป็นผู้ให้ที่ถูกที่ ถูกทางและถูกคน มีกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างโปร่งใสยุติธรรม ปล่อยวางตัวตนและประโยชน์ของตน แนวทางการทำให้เกิดความสำเร็จของทีม

ตอบคำถาม ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ข้อ 1. 4 วันที่ได้เรียนรู้ อะไรที่จะนำไปใช้ได้นาน?

สามารถคิดนอกรอบได้ มีทัศนคติและมุมมองที่ดี การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ทุกวัน การฝึกใช้สติปัญญา ทำให้ได้ความรู้มาปรับใช้ในการทำงานได้รู้แนวทางของคณะแพทยศาสตร์ ได้รู้จักตัวเองมองตัวเอง ผู้นำที่ดีต้องมีบุคลิกภาพที่ดี แต่งกายดี พูดจาดี แสดงออกที่เหมาะสม ตามกาลเทศะ และการบริหารการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมองถึงความเสี่ยง ความรู้ที่กว้างขึ้นรวมถึงการทำงานเป็นทีม ที่ดีต้องมีแรงจูงใจ ความศรัทธา ต้องใจกว้าง ให้เห็นว่าทุกคนมีคุณค่าและนำคุณค่าที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ข้อ 2 นำความรู้ที่สะสมไว้ ไปทำ …..

1 . พัฒนาตัวเองและองค์กรให้มีความมั่นคงและยั่งยืน

2. หากเกิดปัญญา ในการทำงานเราก็สามารถ แก้ไขปัญหาได้

3. วิธีการบริหารเงินทั้งของส่วนตัวและองค์ให้เกิดคุ้มค่าที่สุด

4. สามารถเผยแพร่ความรู้ที่ได้รับ ให้กับองค์กร หรือแนะนำในทางที่ดีขึ้นได้

5. สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพิจารณางานต่างๆ ขั้นตอน ความเหมาะสม ความถูกต้อง เพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด

ข้อ 3. อธิบายว่าเราหาความรู้อย่างไร

1. การเป็นคนช่างสังเกตสิ่งรอบข้าง พูดคุยกับคนรอบข้าง

2. อ่านหนังสือ หรือบทความต่างๆ

3. การใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อย่างถูกต้อง ก็สามารถหาความรู้

ข้อ 4.การแบ่งปันให้ผู้อื่น

การนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนมาเผยแพร่ในองค์กร เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

พริ่ม วิลัยพงษ์ กลุ่ม 3

ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ ครม.กับแนวคิดเพื่อการพัฒนางานของคณะแพทยศาสตร์ในอนาคต

การพัฒนาน่าของคณะแพทยศาสตร์ในอนาคต น่าจะต้องมีส่วนประกอบอย่างน้อย 2 อย่าง

1. จะต้องสอดคล้องกับ ทิศทางนโยบาย วิสัยทัศ พันธกิจ ของมหาวิทยาลัยนอกระบบราชการ (ในกำกับ)

2. แต่ต้องมีอิสระ ความคล่องตัวในการบริหาร สามารถคิดนอกกรอบได้ ภายใต้ พรบ.ของ มอ.

ดังนั้นการพัฒนา คณะแพทย์ แต่ละด้านจะต้องมีข้อมูลให้ครบถ้วน และสร้างความเข้าสื่อสารที่ตรงกันระหว่างผู้บริหาร ผู้ปฎิบัติ และคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้รับทั้งผู้รับบริการ บุคลากร และองค์กร โดยต้องเป็นระบบที่มี่ คุณธรรม เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นรูปมธรรมจับต้องได้ เป็นที่พึ่งของชุมชน มีขบวนการติดตามประเมินผลโครงการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สร้างเอกลักษณ์ของตนเองเป็น มอ. ลูกพระบิดา

4 วันที่ได้เรียนรู้ร่วมกันได้อะไรที่จะนำไปใช้ได้นาน:

การดึงศักยภาพ และการให้ความสำคัญของกลุ่ม สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้เกิดสุขในการทำงานด้วย

นำความรู้ที่เราสะสมไว้ไปทำ:

พัฒนาตนเองและเพื่อนร่วมงาน

อธิบายว่าเราหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร:

อ่านจากหนังสือ สื่อทางอิิเล็คทรอนิกส์

แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร:

เล่าให้ฟังทุกทาง ลองปฏิบัติเมื่อได้ผลเล่าสู่บุคคลรอบข้าง หรือทางอิเล็คทรอนิกส์


กรณีศึกษาของคุณยรรยง ที่ ครม. :

การเลือกทำงานให้ประสบความสำเร็จ ต้องรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์ และรู้ศักยภาพขอตนเอง มีจริยธรรม คุณธรรม และไม่เป็นหุ่นของใคร ไม่ไปตามคำยกยอ


www.gotoknow.org/chiraacademy

กรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง พวงราช.....คิดเห็นว่า บ้านเมืองเราไม่ก้าวไปข้างหน้าก็เพราะการเมืองที่คอยจะหาผลประโยชน์เข้าตัวมากกว่าประเทศ แต่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดกับตน มักเลือกใช้ข้าราชการประจำเป็นหมากเดินเกม หากไม่เป็นไปตามเกมที่วางไว้ก็เปลี่ยนตัวใหม่ทำให้ข้าราชการต้องยอมปฏิบัติตามเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นข้าราชการก็ต้องทำความรู้จักกับการเมืองไทย พรรคการเมืองให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการรู้เขารู้เราไม่พลาดท่าเสียที และมีหลักการที่หนักแน่นมากพอไม่ใช่ใช้การอ้างอิงลอยๆข้าราชการมีความเก่ง ฉลาดซื่อสัตย์ไม่พอต้องทันคน ทันเกมจึงจะไม่พลาดท่าเสียทีตกเป็นเครื่องมือ

มยุรี ก่อรุ่งเรือง

ความรู้ที่ได้จากวันที่ 6สค.58คือ กลยุทธสำคัญกว่า KPI ทิศทางองค์กรสำคัญกว่ากลยุทธ visionary สูงกว่าทิศทางองค์กร.

จากกรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง

กรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นผู้มาชี้แจงและขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเรื่องประมูลข้าวโพดนั้น พบว่าแม้คุณยรรยงจะเป็นคนเก่งแต่ก็มีโอกาสตัดสินใจหรือทำผิดพลาดได้เช่นกัน ฉะนั้นจะต้องมีการหาข้อมูลให้ละเอียดครบถ้วน มีความรอบคอบ และต้องพยายามไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน

จากกรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง คิดเห็นว่าข้าราชการต้องมีความฉลาด ซื่อสัตย์ ทันเกมนักการเมือง ไม่ควรตกเป็นเหยื่อ ต้องมีอุดมการณ์ที่ชัดเจน

วิชาที่ 11,12 โดยรศ. ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

หัวข้อ เศรษฐกิจโลก ประชาคมอาเซียน AEC 2015 และเศรษฐกิจไทย ผลกระทบ การปรับตัวและกลยุทธิ์ของคณะแพทย์ฯ มอ.

ในเรื่องดังกล่าวได้ความรู้ดังนี้ ในปัจจุบันเป็นยุคของโลกาภิวัฒน์ ที่มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างทั่วถึงไร้พรหมแดน มีการแข่งขันสูง ดังนั้นเราจะต้องมีการพัฒนาต่างๆให้ทันตามกระแสที่มีการเปลี่ยนแปลง การรับรู้ข่าวสารต้องรวดเร็ว

ทฤษฎีที่ต้องนำมาใช้และฝึกวิเคราะห์

1.1 Zero Sum game มีผู้แพ้และผู้ชนะ

1.2 Positive Sum game มีผู้ชนะทั้ง 2 ฝ่าย

1.3 Negative Sum game มีแต่ผู้แพ้

คนฉลาดต้องหลีกเลี่ยง Zero Sum game ยกเว้นไม่มีทางเลือก แต่ควรเลือก Positive Sum game และหลีกเลี่ยง Negative Sum game

การปรับตัวของคณะแพทย์ให้ทันเศรษฐกิจโลก ประชาคมอาเซียน AEC

1. รพ. ต้องพัฒนามาตรฐานการรักษาทั้งทีมแพทย์ พยาบาลและทีมต่างๆในรพ.และเครื่องมือต่างๆให้ทันสมัย

2. ต่อไปอาจมีการพัฒนาโรงพยาบาลให้มีศูนย์ต่างๆครบวงจร เช่น การร่วมมือกับธุรกิจโรงแรม

ร้านอาหาร โครงการ prevention package รูปแบบต่างๆ ศูนย์การออกกำลังกาย เป็นต้น

3. อาจขยายสาขาไปสู่ต่างประเทศ

หัวข้อ การคิดเชิงกลยุทธ์ และการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบเพื่อการแก้ปัญหาและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ

เราต้องฝึกคิดแบบ Organic thinking ต้องฝึกจับประเด็นในสิ่งสำคัญ บริหารข้อมูลได้ มองเป็นระบบ เชื่อมโยงในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้

กลยุทธ์สำคัญกว่า KPI Vision สำคัญกว่ากลยุทธ์

กรณีศึกษาคุณยรรยงเราได้อะไรจากการอ่านบทความ

การทำงานอย่างมีข้อมูลประกอบ มีเหตุผล คิดอย่างรอบด้าน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก จะทำให้เราทำงานไปในทิศทางที่ถูกที่ควร ไม่ถูกใครชักจูงได้ง่าย

สิ่งที่ได้เรียนรู้ 6-7 สค.58

อ.สมชาย สอนว่า “ทุกวันคือความรู้”ทิศทางขององค์กร สำคัญกว่า กลยุทธ์ และ กลยุทธ์ สำคัญกว่า KPIความอยู่รอดของ รพ. คือ “คุณภาพการรักษา”คนฉลาด ต้องจับประเด็นหลัก ๆ ได้ แม้จะได้แค่ 5% ก็สามารถเอาชนะได้คนฉลาดจะไม่เชื่อใครง่าย ๆ จะต้องตั้งคำถาม “ทำไม” “ทำอย่างไร”ไม่มองจากมุมของตัวเอง ต้องมองจากมุมของลูกค้ามองเป็นระบบเชื่อมโยงทั้งหมด(อาจารย์เก่งมาก ๆ เลยค่ะ รอบรู้มาก ๆ) แต่ตัวเอง ขอแค่ “คิดเป็น” ให้ได้ก่อนเถอะ เฮอะๆๆ

สำหรับวิชาชะชะช่า วันนี้ สนุกค่ะหลายคนคงเมื่อยเอวเมื่อยขาไปหลายวัน ยังจำท่าไม่ค่อยครบและจังหวะที่จะต้องเปลี่ยนไปท่าโน้นท่านี้ แต่ที่ได้ คือ นับ 12345678 นับเป็นจังหวะได้ แต่ขาทางไหนก็อีกเรื่องนะคะ

18 กค 2558

Panel Discussion & Workshop

หัวข้อ “วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ฯ มอ.” โดย ผศ.ดร.พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล

-การเป็นผู้นำยุคใหม่ จะต้องกล้าคิดนอกกรอบ และทำในสิ่งนั้นให้ เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและองค์กร โดยการปรับ Mindset ตัวเองให้ได้

Learnint Forum & Game Simulations “หัวข้อ “LEADERSHIP & TEAMWORK”

-การทำงานต้องมีความสุข ทั้งกายและใจ ถึงจะทำงานให้บรรลุเป้าหมาย

-การเป็นผู้นำที่ดี จะต้องมีความช่วยเหลือ กล้าตัดสินใจ

-ใช้หลัก ง่าย ไว ใหม่ ใหญ่ ยั่งยืน มีความสุข และ รู้จักขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย มีใจกว้าง และวางจิตให้ว่าง

-เห็นความสามมารถของลูกน้องและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่องานนั้นๆ

ตอบคำถามอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1) 4 วัน ทีได้เรียนรู้ร่วมกันจะได้อะไรที่จะนำมาใช้ได้นาน

-มีการปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

-กล้าคิดนอกกรอบมากขึ้น

-ขยันในการอ่านหนังสือ อ่านและค้นคว้าเพื่อให้เกิดประโยชน์ต้อตัวเอง

-มีบุคลิกภาพ และการแต่งกายดีขึ้น

- บริหารจัดการเรื่องเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด

-จัดการเวลาใหม่ให้ทำในสิ่งที่ดีต่อตัวเอง รักษาสุขภาพ

2) นำความรู้ที่เราสะสมไป

พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนทัศนคติและความคิด การปรับเปลี่ยนบคุลิกภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการทำงานและเพื่อพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้า

3) อธิบายว่าเราหาความรู้อย่างไร

ทางบทความใน internet มากขึ้น

4) แบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอย่างไร

ทางทฤษฎี คือ แบ่งปันความรู้โดยการเล่าพูดคุยกับพี่ๆน้องๆในที่ทำงาน

ทางปฏิบัติ คือ ปฎิบัติตนเองให้เพื่อนร่วมงานเห็น

สรุปประเด็นกรณีศึกษาเรื่อง คุณยรรยง พวงราช

เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ที่ใครๆก็ตกอยุ่ในวงเวียนนั้นถ้าไม่มีจิตใจที่แน่งแน่ในคุณธรรม

จึงควรดำเนินชีวิตด้วยความมีสติ ควรยึดหลักจริยธรรม คุณธรรม ควบคู่ไปด้วย และถ้าในคณะแพทย์ ก็ควรยึดแนวความคิดตามหลักของพระราชบิดาครับ

สิ่งที่ได้เรียนรู้ 6-7 สค.58

เรื่อง เศรษฐกิจโลก ประชาคมอาเซียน เศรษฐกิจไทย ส่งผลกระทบต่อ การปรับตัวของคณะแพทย์ฯ มอ. รศ. ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

โลกปัจจุบันเป็นโลกข้อมูลข่าวสาร ที่ส่งออก เผยแพร่อย่างรวดเร็วแค่ กดปุ่มเดียว ทำให้ต้องมีความคิดวิเคราะห์ในการไม่เชื่อใครง่ายๆ คิดบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีที่ต้องนำมาใช้และฝึกวิเคราะห์ ;Zero Sum game, Positive Sum game, Negative Sum game

การปรับตัวของคณะแพทย์ให้ทันเศรษฐกิจโลก ประชาคมอาเซียน AEC

-. มีการพัฒนามาตรฐาน และ องค์ความรู้ต่างๆตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย

การคิดเชิงกลยุทธ์ การแก้ปัญหาและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ

เราต้องฝึกคิดแบบ มองเป็นระบบ เชื่อมโยงในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ แยกแยะสิ่งดีและไม่ดีให้ชัดเจน และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุดต่อองค์กรคณะแพทย์ของเรา

-วิชาเต้นรำ

การ เข้าจังหวะ ทำให้กล้าเต้น กล้าแสดงออก

วันที่ 7 สิงหาคม 2558

วิชาที่ 13 กิจกรรมรักษ์ใจ-รักษ์กาย โดยอจ.ณภัสวรรณ จิลลานนท์และอจ.กิตติภพ สังฆกิจ

ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน ได้ฝึกเต้นรำ Cha Cha Cha, Salsa , Line Dance สนุกมากและเหนื่อยมาก กลับมารู้สึกปวดขาแต่เป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมคะ


สิ่งที่ได้เรียนรู้ วันที่6 สค.58

เคยติดตามผลงานอ.สมชาย ในการวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจทางทีวี แต่พอได้เรียนกับอาจารย์เรื่องการคิดในรูปแบบต่างๆ ทำให้เปิดโลกทัศน์และมุมมองใหม่ๆในการจัดการระบบและวิธีคิด คิดอย่างไรให้ WIN WIN นอกจากนี้ก็ได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและทิศทางการทำการค้าในอนาคต โลกเรากำลังจะแคบลง....

สิ่งที่ได้เรียนรู้ วันที่7 สค.58 กิจกรรมรักษ์กาย รักษ์ใจ

ได้ขยังแข้งขยับขาทั้งวัน (เล่นเอาเหนื่อย) แต่ก็มีความสุขและสนุกไปกับจังหวะที่อาจารย์ทั้งสองท่านตั้งใจสอน ทำให้เรารู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้นในชั้นเรียนนี้ ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนแล้วก็หายเหนื่อยค่ะ


วิชาที่ 11,12 โดยรศ. ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

หัวข้อ เศรษฐกิจโลก ประชาคมอาเซียน AEC 2015 และเศรษฐกิจไทย ผลกระทบ การปรับตัวและกลยุทธิ์ของคณะแพทย์ฯ มอ.

ในปัจจุบันเป็นยุคของโลกาภิวัตน์ ที่มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างทั่วถึงไร้พรหมแดน มีการแข่งขันสูง ดังนั้นเราจะต้องมีการพัฒนาต่างๆให้ทันตามกระแสที่มีการเปลี่ยนแปลง การรับรู้ข่าวสารต้องรวดเร็ว

การปรับตัวของคณะแพทย์ให้ทันเศรษฐกิจโลก ประชาคมอาเซียน AEC

-ต้องพัฒนามาตรฐานการรักษาทั้งทีมแพทย์ พยาบาลและทีมต่างๆในรพ.และเครื่องมือต่างๆให้ทันสมัย

-ต้องเป็นโรงพยาบาลครบวงจร ต้องเป็นมากว่าโรงพยาบาล สนองความต้องการลูกค้าได้ มาที่เดียวมีทุกอย่างให้

เลือก
-ต้องพัฒนาบุคลากรด้านภาษา เพื่อให้ก้าวทันโลก ยุค AEC

เราต้องฝึกคิดแบบ Organic thinking ต้องฝึกจับประเด็นหลักให้ได้ที่เป็นหัวใจหลัก รู้จักบริหารข้อมูลได้ครบถ้วน มองเป็นระบบ เชื่อมโยงในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้

กลยุทธ์สำคัญกว่า KPI Vision สำคัญกว่ากลยุทธ์

มยุรี ก่อรุ่งเรือง

กรณีศึกษาคุณยรรยง : การทำงานแบบโปร่งใส ทำเพื่อส่วนรวม

การอนุมัติจัดซื้อต้องอาศัยประสบการณ์ การหาข้อมูลอย่างรอบคอบ

ข้าราชการที่ดีต้องยึดความถูกต้อง ไม่เป็นเครื่องมือของนักการเมือง
กร

มยุรี ก่อรุ่งเรือง

7 สค ลาป่วย

8 สค ความรู้ที่ได้ของช่วงเช้า คือ megatrends 2015 10 ข้อ (ตัวเองทราบจากสิ่งนี้เป็นครั้งแรกในห้องเรียนนี้)

1. Aging society

2. NCD

3. NED

4. Climate change

5. Digital technology

6. Virtual

7. Borderless

8. Multiple answer

9. Competition

10. Diversity

มยุรี ก่อรุ่งเรือง

8 สค. ช่วงบ่ายความรู้ที่ได้ สิ่งที่กล่อหลอมความเป็นฝู้นำ

1. สิ่งแวดล้อม

2. Role model

3. ทวนกระแส

วิธีการเตรียมตัว

1. ขยัน มีผลงาน รู้จริง

2. มีเป้าหมาย

3. ทำตัวให้เป็นที่รู้จัก

4. ศึกษากฎระเบียบ

5. วางแผนชีวิต

6. ระมัดระวังเส้นทางเดินในชีวิต

สรุป 2 เรื่องสำคัญอันนำไปสู่ความเป็นเลิศของคณะแพทย์ฯ จากการอภิปรายของอ.ไกรฤทธิ์และอ.ชเนฏฐวัลลภ

1. มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้เราสามารถตอบสนองและนำเสนอบริการที่มีคุณภาพ และดีที่สุด ตรงใจลูกค้าที่สุด ลดการสูญเสียของการทำงานในแบบที่ว่า "The best product but nobody wants"

2. การบริหารจัดการที่ดี ไม่ว่างานนั้นจะเล็กหรือใหญ่ หากมีระบบจัดการงานที่ดีและก่อประโยชน์สูงสุด องค์กรก็จะเติบโตและก้าวสู่ความเป็นเลิศได้ในที่สุด

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากอ.วิชาและคุณหญิงทิพาวดี วันที่8สค.58 คือคุณลักษณะของผู้นำที่ดีนอกจากจะต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดและถูกต้องแล้ว การที่เราเลือกrole model ที่ดีก็เท่ากับเราทำงานสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว ที่ชอบอีกอย่างคืออย่ากลัวว่าลูกน้องจะเก่งกว่าเรา ต้องสนับสนุนให้เขาเติบโต และสำคัญที่สุดผู้นำต้องมีทุนทางจริยธรรม คือมีภาระหน้าที่ที่ถูกต้องและมีศีลธรรม

โสภิณ แก้วสลับศรี กลุ่ม 5

วันที่ 5 : วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม 2558

วิชาที่ 11 : เศรษฐกิจโลก ประชาคมอาเซียน AEC 2015 และเศรษฐกิจไทย ผลกระทบและการปรับตัว และกลยุทธ์ของคณะแพทย มอ.

วิชาที่ 12 : การคิดเชิงกลยุทธ์ และการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบเพื่อการแก้ปัญหาและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ

โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์

สรุปสำคัญที่ได้เรียนรู้ : การทำงานทุกอย่างต้องอาศัยช่วงชิงกับคู่แข่งเสมอ หากเรามัวแต่มานั่งทบทวน สิ่งต่างๆ อยู่อาจทำงานให้งานเสียหายได้ การคิดที่รวดเร็ว และ ทำเลย อาจตอบโจทย์การทำงานในยุคสมัยใหม่ คิดให้เร็วมองทุกอย่างให้เป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้ทะลุปรุโปร่ง สามารถคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีเหตุมีผลเพื่อรองรับกับอดีตที่มาแล้วและปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ตลอดไปถึงอนาคตก็ยังสามารถใช้งานได้ไม่ตกยุค รู้จักว่าอันไหนควรเสี่ยงหรือควรจะอยู่เฉยๆ ถามว่ากลยุทธ์เหล่านี้ ต้องอาศัย ระบบการจัดการความคิด ที่ดี และมีฐานของระบบ globalization ที่ดีร่วมด้วยยิ่งสังคมในยุคปัจจุบันเรากำลังจะเข้าร่วมกลุ่มการค้า AEC ซึ่งจะมีคู่ค้าคู่แข่งมากขึ้นแน่นอน ไม่ว่าด้านไหนๆ มอ.ก็เป็นตลาดหนึ่งที่เป็นเป้าหมาย ดังนั้นคงต้องมานั่งคิดกันเราจะทำอย่างไรได้บ้าง ยกตัวเช่น

เราจะสร้าง รพ.แบบไหนเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายของคนที่กำลังเข้ามา หรืออาจขอเช่าพื้นที่ สำหรับการรักษาที่อยู่ตามโรงแรมหรูๆ ต่างๆ ในตัวเมืองหาดใหญ่ เพื่อเป็นสถานพยาบาลเบื้องต้นและการส่งต่อผู้ป่วยที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

สรุปประเด็นวันที่ 6 ส.ค.58

ประเด็นจากบทเรียน จากการนำเสนอของแต่ละกลุ่มได้ทราบการเชื่อมโยงการนำไปใช้โดยหลักการเปลี่ยนแปลง แนวทางในการบริการ ทำให้มองกว้างเป็นแนวทางการปฏิบัติได้

หัวข้อการคิดวิเคราะห์ และการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบเพื่อการแก้ปัญหา และการตัดสินใจที่ประสิทธิภาพ ประเด็นที่สำคัญคือต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร การให้บริการเชื่อมโยงกับความต้อง คิดในเชิงกลยุทธ์ ให้ตั้งคำถามว่าทำทำไม แล้วบอกมาเป็นรูปธรรม การชั่งน้ำหนักความสำคัญ อะไรก่อนอะไรหลังสามารถนำมาปรับใช้กับการทำงาน

เศรษฐกิจโลก ประชาคมอาคมอาเซียน AEC 2015 และเศรษฐกิจไทยผลกระทบ การปรับตัว และกลยุทธ์ของคณะแพทย์ฯ มอ. ให้ทราบการเปลี่ยนแปลงของโลกและแนวทางการปรับเปลี่ยนคณะแพทยศาสตร์ ประเมินอนาคตของคณะแพทยศาสตร์ที่ต้องปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก การเปลี่ยนแปลงของโลกทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยน ดังนั้นคณะฯ ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับผู้บริโภค การทำงานก็เหมือนกันต้องปรับให้มีคุณภาพมากขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้น

การเสนอโครงการจะต้องคิดว่าปัญหาคืออะไรและตอบปัญหา และผลของการแก้ปัญหา แล้วใช้แนวทาง

สรุปประเด็นวันที่ 7 ส.ค.58

กิจการรักษ์ใจ-รักษ์กาย

เป็นการเรียนที่ถือว่าไม่เครียดที่สุดเท่าที่เรียนมา ทำให้รู้ว่าสุขภาพกาย สุขภาพใจ สำคัญในการทำงานสุขภาพที่ดีสามารถทำให้มีแรงทำงาน มีสมองคิด

สรุปประเด็นวันที่ 8 ส.ค.58

วิชาที่ 14 ทิศทางการแพทย์ และสาธารณสุขในประเทศไทย กับการทำงานที่มีประสิทธิภาพของคณะแพทยศาสตร์ มอ. ทำให้ทราบถึงปัญหาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยปัญหา 30 บาท เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ เหลือแค่คณะแพทยศาสตร์ต้องรับมือกับปัญหา รู้ถึง การจัดการพัฒนางานโดยวิธี

I = knowledge+skill+attitude สู่การปฏิบัติ plan+ation+control และทั้งหมดต้องคำนึงถึงmarketing+product+finance+human

วิชาที่ 15 จากประสบการณ์ สู่แนวทางการสร้างภาวะผู้นำ และธรรมาธิบาลในองค์กร ได้เรียนรู้คือ รู้ว่าคนดีต้องมาก่อนเก่ง ภาวะผู้นำอย่ากลัวลูกน้องได้ดี จงภูมิใจและสนับสนุน ผู้นำต้องมี ธรรมาภิบาล ศีล สมาธิ ปัญญา เมตตา

สรุปบทเรียนโดนใจ 8 สิงหาคม 2558

1. อ.ชเนฏฐวัลลภ หัวข้อ ระบบสาธารณสุข AEC ทิศทางการพัฒนาของ มอ

- สิ่งที่ต้องรับผิดชอบ คือ การเปลี่ยนแปลง จัดการอย่างไร ใช้ประสบการณ์และการปับตัวเอง ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด ท่าทายตัวเองตลอดเวลา ต้องทำให้ดีที่สุด ดั่งการเดินทางด้วยเครื่องบินและ ยานอวกาศ ถ้าจะไปสถานที่หนึ่งหากไม่มีระบบก็ไปไม่ถึง

2. อ ไกรฤทธิ์

-Megatrend ของโลกในช่วง 10 ปี ของ john naisbitt 10 ข้อ นำมาปรับใช้

- WE + MANAGE + ORG = STAKEHORDERS อาจารย์ให้วิธีดูแลลูกค้าในมิติปัจจุบันไว้ 7 ข้อ คือ gereral ordien, gov, media, ngo, alternative finance, peer, internal public

3. คุณหญิง ทิพาวดี

- หลักการทำวันนี้ให้ดีที่สุด เราจะสร้างภาวะผู้นำได้อย่างไร ให้หาบุคคลที่เราเอาเป็บแบบอย่าง model ให้เราและ ผู้นำคือผู้ตาม สอน ทำให้ดูอยู่ให้เห็น เคารพกติกา

4 ศ.วิชา

-เข้าใจเข้าถึงและพัฒนา ซึ่งส่งผลให้เกิด ภาระหน้าที่ก่อให้เป็น professional ต้องทำให้เป็นเลิศจึงจะเกิดคุณค่าต่อสังคม เราสามารถนำมาปรับใช้กับงานประจำได้

-เรื่องการปลูกฝังจริยธรรมในตัวคนนั้นๆ

ลัพณา กิจรุ่งโรจน์

กลุ่ม 4

วันที่ 17 กค 58

วิชาที่ 7 เรื่อง การบริหารการเงินสำหรับนักบริหาร

ทำให้เรียนรู้ว่า วงจรและกิจกรรมต่างๆ ของการบริหารองค์กรล้วนแล้วแต่ต้องใช้ “งบการเงิน” เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ และมักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของกิจการอยู่เสมอ ผู้บริหารทุกคนแม้ไม่ได้ทำงานด้านการเงินโดยตรง แต่ก็ควรจะได้รับความรู้และทำความเข้าใจตลอดจนได้รับการพัฒนาทักษะเบื้องต้น เพื่อรู้จักใช้ข้อมูลในงบการเงิน ตลาดการเงิน สถาบันการเงิน ตลาดทุน การลงทุนทางตรงและทางอ้อม การบริหารเงินทุน การรายงานฐานะทางการเงิน สามารถสื่อความหมายด้านการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อการตัดสินใจและจัดการกับความเสี่ยงอย่างเท่าทันกับเหตุการรณ์

วิชาที่ 8 เรื่อง 3 V & Innovative Project

การพัฒนาโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนางานโดยใช้หลัก 3 V โครงการที่ต้องใช้ความพยายาม ความทุ่มเทและสติปัญญา โดยฝึกการตั้งโจทย์ที่น่าสนใจและนำไปใช้ได้ V1 (เพิ่มพูนสิ่งที่มีอยู่แล้ว) V2 (คิดต่าง คิดแปลก เพื่อสร้างมูลค่า) V3 (การมีปฏิปัญญา value diversity) หลังจากนั้นสมมติฐานที่สอดคล้องกับองค์กรมองอนาคตให้ไกล และขยายไปวงกว้างที่เน้นความหลากหลาย เน้นภาคประชาชน นักวิชาการ ผู้นำท้องถิ่น/ต่างประเทศ ตั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ท้าทาย ที่ทำให้เกิดการพัฒนาของหน่วยงานและเป็นประโยชน์จริงต่อผู้รับบริการของหน่วยงานของตน โดยมีการกำหนดแผนโครงการที่ชัดเจนพร้อมการติดตามโครงการ รวมถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2558

วิชาที่ 9 “วิเคราะห์ประเด็นท้าทายสำหรับการทำงานของคณะแพทย์ มอ.

ตัวเราต้องถามเราเองว่าการบริการของเราอยู่ในการบริการสุขภาพประเภทใด ( primary/secondary/tertiary) เมื่อเรา/องค์กรมีความเติบโตขึ้นต้องรู้จักเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น กล้าที่จะทะยานสู่ความเป็นเลิศ ผู้นำต้องมีหน้าที่ support ไม่ใช่ direct และต้องเข้าใจว่าเงินมิใช่เป็นตัวตั้ง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรา ผู้นำต้องรู้จักเอาศักยภาพภายในของคนออกมาให้เห็น ให้ได้มีโอกาสปะทะทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง ผู้นำต้องมี modern management culture, efficient patient response, internalization and new & high-tech facilities

วิชาที่ 10 Learning Forum & Game simulations

ผู้นำต้องมองเห็นคุณค่าของบุคลากรต่างๆให้เจอแล้วนำมาให้ใช้พัฒนาองค์กร โดยเอาคุณค่านี้ไปสวมกับเป้าหมาย วิทยากรมีวิธีการถ่ายทอดความรู้ผ่านการเล่นเกมส์ทำให้ผู้เรียนสนุกและคิดตามได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับที่บอกให้รู้ว่า ผู้นำมีการตัดสินใจภายใต้ที่ผู้อื่น/ตนเองไม่เดือดร้อนและถูกคุณธรรม และการบริหารให้เกิดความสำเร็จโดยใช้ 5 S ( simple, surprise, scale up, sustain, smile)

วันที่ 6 -7 สิงหาคม 2558 ( วิชาที่ 11-13 ไม่ได้เข้าอบรมเนื่องจากมีภารกิจการปฐมนิเทศนักศึกษาและเตรียมความพร้อมบัณฑิตศึกษา)

วันที่ 8 สิงหาคม 2558

วิชาที่ 14 ทิศทางการแพทย์และสาธารณสุขในประเทศไทยกับการทำงานที่มีประสิทธิภาพของคณะแพทยศาสตร์ มอ”

ผศ.ดร. ชเนฏฐวัลลภ ณ ขุมทอง : มนุษย์เรียนรู้จากความผิดพลาด ระบบสังคมไทย เปลี่ยนแปลงตลอดเวลามีผลต่อสุขภาพ ระบบสุขภาพมีผลมาจาก กาย/สงคม/การเมือง/เศรษฐกิจ ไม่มีระบบสุขภาพใดในประเทศดีที่สุด ขึ้นอยู่กับบริบทและวิธีตอบสนองที่ต่างกัน ( 30 บาท/ประกันสังคม/เบิกราชการ) สิ่งสำคัญคือการป้องกัน (prevention) ไม่มีใครจ่าย (แต่ไม่มีใครสนใจ?)

ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์: สรุปสั้น ๆ ให้เห็นว่า trends ที่มีผลต่ออิทธิพลโลก Direct health impact ( Aging, NCD, NED, Climate change, Digital) Indirect health impact ( virtual, borderless, Multiple-answers, competition, diversity)

: Economy scale/speed: We + mange + org = stakeholders

สิ่งที่ต้องคำนึงได้แก่ We (knowledge, attitude, skill) Manage (Value chain), org (Marketing, Product, Finance, Human, back up, และ Stakeholders ( general audience, government, media, NGO, Alternative option Finance, Peer, and internal public)

วิชาที่ 15 “จากประสบการณ์... สู่แนวทางการสร้างภาวะผู้นำและธรรมาภิบาลในองค์กร”

คุณหญิงทิพาวดี: การสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ การให้โอกาสคนขององค์การ ผู้นำต้องฝึกการตัดสินใจ ผู้นำต้องเป็นคนดีก่อน การบ่มเพาะความเป็นผู้นำเริ่มได้จากครอบครัวพ่อแม่ ครู ที่สำคัญคือในหลวงเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง นอกจากนี้ต้องมีการพัฒนาสมรรถนะผู้นำ ให้มีคุณธรรม มีความคิดเห็น มีเป้าหมายและหลักการ อย่ากลัวลูกน้องเก่ง จงสนับสนุนลูกน้องเก่ง ต้องมีวิธีการ มีความมุ่งมั่น ความอดทนและความกล้าหาญ รวมถึงการทำตนให้เป็นที่รู้จัก (visibility)

ศ(พิเศษ) วิชา: ผู้นำคือ การทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด การมีจริยธรรมและคุณธรรม สำคัญคือการมีธรรมาภิบาล มีการตรวจสอบ ดูแลมีส่วนร่วมของประชาชะน ให้เกิดผลประโยชน์สุขของประชาชน นิติธรรม ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน รู้จักผนึกกำลังในการแก้ไขปัญหา การมีภาวะสร้างสรรค์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา

วันที่ 20-21 สิงหาคม 2558 (ไม่ได้เข้าอบรมเนื่องจากมีภารกิจการประเมินคุณภาพภายในคณะ)

มยุรี ก่อรุ่งเรือง

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวันที่ 20 สค. วิชาของ ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา คือ สาเหตุความเหลื่อมล้ำ ได้แก่ 1. ความเฉื่อย inertia 2. narrow vision 3.sci-tech focus 4.ดูดาย

ช่วงบ่ายวันที่ 20 สค.58 งานวิจัย สิ่งที่ได้เรียนรู้ คำถามวิจัยต้องชัดเจน


วันที่ 21 สค.58 สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ การออกสู่สังคม ไม่ได้เป็นทฤษฏีอีกต่อไปแล้ว การทำcsr บูรณาการในชมรมต่างๆของคณะ


มยุรี ก่อรุ่งเรือง

วันที่ 22 สค.วิชา อ.ลักขณา จำปา. สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ต้อง 1.สั้น. 2.กระชับ 3.ตรงประเด็น (KISS)

สรุปบทเรียน

สื่อให้เห็นถึงระบบการคิดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตเช่น งาน ครอบครัว สังคม และสิ่งเร้าต่างๆที่เข้ามา หากมีระบบคิดดี ทุกอย่างก็จะดำเนินการไปได้ราบรื่นระบบการคิดจะดีและคิดเป็นก็ต้องมีความรู้ ความรู้จะมีได้ก็ต้องรู้จักบริหารข้อมูลและอ่านหาข้อมูลอยู่อย่างต่อเนื่อง

เป็นกิจกรรมบันเทิงที่ได้ทั้งประโยชน์ทางกายและใจที่เริงร่าค่ะวิชาที่ 14 Learning Forum & Workshop หัวข้อ "ทิศทางการแพทย์และสาธารณสุขในประเทศไทยกับการทำงานที่มีประสิทธิภาพของคณะแพทยศาสตร์ มอ."


สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการศึกษาดูงานวันที่ 3-5 กันยายน 2558 (เลขที่30 กลุ่มที่5)

วันที่ 3 ก.ย. 58

เช้า: บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด ได้เห็นการพัฒนาที่ดิน ทำเล เพื่อการทำธุรกิจ การต่อยอดธุรกิจนั้น และการบริหารจัดการทั้งระบบ ได้รับฟังวิธีการแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆแม้กระทั้งความขัดแย้งกับชุมชนรอบข้างเมื่อเริ่มทำกิจการ

บ่าย: การบินไทย ได้รับทราบเกี่ยวกับ branding ว่ามีความสำคัญต่อองค์กรแค่ไหน ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญต่อความเชื่อมั่นขององค์กร และการบริหารจัดการเกี่ยวกับภาวะวิกฤติ เมื่อเกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์สำคัญๆ การบินไทยใช้วิธีการอย่างไรในการรับมือและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือผู้รับบริหารพึงพอใจสูงสุด

วันที่ 4 ก.ย. 58

เช้า: การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บางกรวย) ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการภายในองค์กร การดูแลสวัสดิการของบุคลากร การสร้างขวัญและกำลังใจกับผู้ร่วมงาน

บ่าย: โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ ได้เรียนรู้วิถีชุมชน การทำน้ำตาล การทำขนม การบริหารจัดการภายในองค์กร วิธีคิดของผู้นำในการพัฒนาการทำตลาดน้ำ ทำอย่างไรให้ชุมชนอยู่ได้และมีความสุข

วันที่ 5 ก.ย. 58

บ่าย: ชมนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชนชาติไทย เรียนรู้วิถีชีวิตของคนสมัยก่อน ได้รำลึกอดีตสมัยเราเป็นเด็ก ได้ซาบซึ้งบุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทยในยุคต่างๆรวมถึงรัชกาลปัจจุบัน

วันพฤหัสบดี ที่ 16 กรกฎาคม 2558

วิชาที่ 4

Be @ Cause to create result not only effect of other people or events.

ความเชื่อเกี่ยวกับคน : มีศักยภาพในตนเอง สามารถพัฒนาได้ สามารถสื่อสารกับตนเอง สื่อสารกับผู้อื่น มีส่วนร่วมกับผู้อื่น และต้องให้/มีประสบการณ์ดีๆกับกัลยาณมิตร

Coaching : เวลา+เข็มทิศ

วิชาที่ 5

การแต่งกาย เป็นรูปลักษณ์ภายนอก ที่คนทั่วไปจะมอง และเกิด First Impression นอกจาก Image แล้วยังประกอบด้วย Sound และ Word : รูปสวย เสียงเพราะ เสนาะด้วยถ้อยคำ

วิชาที่ 6

การหัดคิดนอกกรอบ เพื่อให้เกิดความคิดใหม่ การฝึกความกล้าที่จะคิด และท้าทาย

การคิดคร่อมกรอบ หมายถึง การคิดนอกกรอบ แต่อยู่ภายใต้ขอบเขตความถูกต้องขององค์กรและสังคม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท