สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
************************************
มีคนจำนวนมากยังไม่เข้าใจคำสอนข้อนี้ อย่างถูกต้อง หรือไม่ชัดเจนพอ ในการนำหลักนี้ไปพัฒนาชีวิต
ท่านเหล่านั้นมักจะ ยังหวัง "ฟลุค" รอบุญ รอคนมาช่วย รอโชค วาสนา และลาภลอย ฯลฯ
เมื่อวานมีคนมาบ่นน้อยใจในวาสนาของตัวเองว่ามีน้อย ไม่เพียงพอ
ทั้งๆที่ สิ่งเหล่านี้ ก็คือผลของกรรมที่เคยทำมาทั้งสิ้น
ถ้าเข้าใจหลักการนี้แล้ว ก็น่าจะสื่อความหมายต่อไปได้ว่า..........
ถ้าอยากจะได้ผลลัพธ์อะไร ที่เป็นจริงตามใจปรารถนานั้น........
จะทำอะไร จะเป็นอะไร ก็ ต้องเป็นให้จริง ไม่งั้นควรเลิกกิจกรรมที่ทำนั้นๆ เสีย
เพราะจะเป็นการจะเสียเวลาชีวิต และเสียชาติเกิด
และถ้าเป็นความที่ยังขาดความรู้ ก็เรียนรู้ รู้แล้วไม่ยากครับ
ทำตามความรู้ที่รู้จริงๆ จะได้ผลแน่นอน การทำไม่จริง เสียเวลาชีวิต
เพราะ ในความเป็นจริง ไม่มีอะไรยาก มีแต่รู้กับไม่รู้ เท่านั้น ไม่รู้ ก็ เรียนให้จริง แค่นั้นเอง
ผมพิสูจน์มาหลายเรื่องแล้วครับ
แค่ทำอะไรให้ทำจริงจัง
อย่าทำเล่นๆ อย่ามั่วนิ่ม
เช่น การใช้ชีวิต แบบคำนึงเป้าหมายและคุณภาพชีวิตทั้งชีวิต
ถ้ามีพระเก๊ๆ ในมือ ก็อย่ามาแกล้งมั่วนิ่มให้เป็นพระแท้ให้สับสน
ถ้าจะทำนาก็ทำจริงๆ อย่าเป็นนักปลูกข้าวขาย ให้เสียศักดิ์ศรีชาวนา
อย่าทำให้คนดูถูกดูแคลนว่าต่ำต้อย เสียศักดิ์ศรีชาวนา
เป็นอะไรก็ตามให้มีศักดิ์ศรี
ทำทุกอย่าง อย่างจริงจัง แล้วจะสำเร็จทุกเรื่อง
นี่แหละเป็นสิ่งที่สำคัญของการเป็นชาวพุทธ ข้อที่ 1 ที่เชื่อว่าชีวิตทุกคนสามารถพัฒนาได้
โดยใช้หลัก สัตว์โลกย่อมเป็นเป็นไปตามกรรม
อยากได้ผลอะไร ก็ทำตามนั้น
ทำไม่ดีแล้วหวังจะได้ดี จะได้ยังไง
อยากมีวาสนา ก็ต้องสร้างวาสนาเอาเอง
ผมเกิดมาในครอบครัวยากจน แต่ทุกวันนี้ไม่จน ก็เพราะผมทำจริงทุกเรื่อง
ไม่คาดหวัง หรือรอคอยวาสนาใดๆ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
ไม่มีความเห็น