-ออกพื้นที่ไปร่วมประชุมกลุ่มเกษตรกรร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอพรานกระต่าย เมื่อวันก่อน....หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว..ขากลับได้บอกให้"น้องต๋อง เกษตรตำบลท่าไม้"ซึ่งทำหน้าที่เป็น"พลขับ" แวะข้างทางเพื่อสัมผัสถึงวิถีชีวิตดี ๆ ของชาวบ้านในตำบลท่าไม้ เพียงแค่ชื่อตำบลก็บอกว่าเป็น"ท่าไม้"ดังนั้น..คงจะต้องมีอะไรดี ๆ เกี่ยวกับ"ไม้"มาฝากให้ได้ติดตามกันแน่นอน....ว่าแต่จะเป็นเรื่อง"ไม้"อะไรนั้น....คงต้องตามผมไปเยี่ยมชมพร้อมๆ กันได้เลยคร้าบ!!!!
1."รถอีต๊อก"ขน"ไม้ไผ่"ไปตามถนน..เสียงดัง"แต๊กๆๆ ๆ ๆ "ผ่านหน้าไป....เขาจะขนไม้ไปทำอะไรหนอ?....ชักสงสัย....ตามผมไปดูกันดีกว่าครับ....
2.ในฤดูนี้"ไม้ไผ่จะไม่อ่อนหรือแก่เกินไป"เหมาะนักที่จะนำมาตัดๆ เป็นท่อน ๆ ตามความยาวที่ต้องการ...เขาจะนำไปทำ"ข้าวหลาม"หรือไร?? ในใจเรา.....คิดถึง.....แต่..."ของกิน" 55555
3.ถึงบ้างอ้อ......ก็คราวนี้......."ไม้ไผ่วัยขบเผาะ"เหมาะนักที่จะนำมา"จักตอก".....ตอก....ใครหลายคนคงจะพอคุ้นเคย....แต่จะเคย"จักตอก"ไหม?..นั้น....คงต้องลอง....นึกดู....สำหรับตำบลท่าไม้ หากผ่านไปในช่วงนี้จะเห็น"คนเฒ่า..คนแก่..หนุ่ม...สาว"นั่งก้ม ๆ เงย ๆ "จักตอก"กันอยู่ตามใต้ร่มไม้....เพราะว่าเป็นแหล่งสินค้าประเภท "ตอก"แหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของอำเภอพรานกระต่ายครับ..
4.อันว่า"การจักตอก"นี้ ตัวผมเองคุ้นเคยเป็นอย่างดีทีเดียวเชียว....ด้วยบ้านเกิดเมืองนอน"เถิน,ลำปาง,เหนือ"ก็ยังมีการ"จักตอก"ไว้ใช้ในยามหน้าเก็บเกี่ยวข้าวที่ใกล้เข้ามา.....แต่คราวนั้นยังเป็นเด็กและเล็กนัก...อีกทั้งยังไม่มี"กล้องและเทคโนโลยี"แบบนี้ จึงได้แต่สัมผัสวิถีชีวิต"การจักตอก"ด้วย"กายและใจ"มาถึงวันนี้...มีโอกาสได้สัมผัสวิถีชีวิตดี ๆ แบบนี้อีกครั้งในยุค 2014 ยุคที่ใคร ๆ ก็ต้องพึ่งพิงเทคโนโลยี...ดังนั้นจึงขอเก็บภาพและความทรงจำดี ๆ ไว้และนำมาแบ่งกันให้ได้ติดตามชมกันครับ...
5.หลังจากที่ทำการ"จักตอก"แล้ว ต่อไปก็ได้เวลาการ"ตากตอก"ครับ...ถนนหนทางที่เจริญด้วยวัตถุปูด้วยยาง..บางคนคุ้นเคยดี...."ถนนลาดยาง"ถูกแปรสภาพเป็น"ลานตากตอก"หากใครขับรถผ่านยามนี้ต้อง"ระวังดี ๆ"ไม่งั้นอาจจะมี"อุบัติเหตุ"ได้ครับ......ตามที่ได้สอบถาม...เขาบอกว่า"หากแดดจัด ๆ ตากตอกไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็ได้ที่แล้ว....สำหรับ"สินค้าประเภทตอก"นี้จะเดินทางไปไหนต่อ....ตามผมมาหาคำตอบ...ไปพร้อม ๆกันได้เลยครับ...
6.จากการสอบถามถึงรายได้การ"จักตอก"นี้.....ได้ความว่า"จะมีพ่อค้ามารับซื้อตอกถึงแหล่งนี้"โดยจะมีราคาขาย ตอก 100 เส้น ราคา 5.50 บาท มัดรวมกันเป็นมัด ๆละ 100 เส้น และนับรวมกันเป็นมัดใหญ่ มัดละ 1,000 เส้น รวมแล้วรับซื้อในราคา 55 บาท สำหรับราคานี้ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงพอควร ราคาของ"ตอก"จะขึ้นอยู่กับพ่อค้าที่มารับซื้อและอยู่ที่"ความพอใจระหว่างผู้จักตอกและพ่อค้า"ครับ...หากเป็นผู้ชำนาญการ"จักตอก"ก็จะจักได้มาก บางปีมีรายได้พอประมาณเลยล่ะครับ....และตอกที่พ่อค้าซื้อไปก็จะถูกนำเอาไปจำหน่ายต่อ ซึ่งตามข้อมูลบอกเอาไว้ว่าจะนำไปขายทางภาคอีสานหรือจังหวัดที่ยังใช้ตอกมัดข้าวอยู่ สำหรับความยาวของตอกก็สามารถบอกได้ว่าจะเอายาวขนาไหนตามแต่วัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ครับ.....ออกพื้นที่คราวนี้นอกจากจะได้งานแล้ว...ยังได้สัมผัสถึง"วิถึชีวิตดีๆ "แบบนี้ด้วยครับ..เอาเป็นว่าหากท่านใดสนใจข้อมูลเกี่ยวกับ"ตอก"สามารถติดต่อได้นะครับ...อิๆ
ก่อนจากกัน......ขอฝากงาน...สักนิด....
7.ด้วยช่วงนี้ภารกิจของสำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง ต้องเร่งการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและออกใบรับรองให้เกษตรกรเพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลในการขอรับการช่วยเหลือตามนโยบายของทางรัฐบาล ดังนั้นหากมิตรรัก G2K และผู้อ่านท่านใดต้องการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ ติดต่อได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง..ทั่วประเทศไทย..นะคร้าบ!!!!!!!!
ได้เวลาปิดประชุมในบันทึกนี้.......แบบว่า......ไม่จน"ตอก"!!!!5555
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง
10/10/2557
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย เพชรน้ำหนึ่ง ใน เกษตรบ้านพราน
ไม่จนตอก แต่...หายากแล้ว เดี๋ยวนี้หาคนทำตอกยาก คนรุ่นใหม่ไม่ใช้ตอก แต่ใช้ลวด ใช้เชือกแทนจ้ะ กำแพงเพชรอากาศหนาวแล้วสินะ บ้านคุณมะเดื่อยังเป็นหน้าฝนจ้ะ