ลูกปุย ลังแข รำแข มะไฟควาย เป็นพืชตะกูลเดียวกับ
มะไฟ (Baccaurea ramiflora)
ละไม (Baccaurea motleyana)
แต่ลูกปุยมีผลและใบใหญ่กว่า เป็นพืชท้องถิ่นในมาเลเซีย เกาะสุมาตรา เกาะบอร์เนียวและภาคใต้ของไทย พบเจริญเติบโตในดินร่วนซุยตามภูเขา และป่าพรุ ชาวบ้านในพื้นที่รู้จักกันดีและนิยมนำมารับประทานกันมานานแล้ว
วงศ์: Phyllanthaceae
สกุล: Baccaurea
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Baccaurea macrocarpa
มีชื่อเรียกต่างๆ ดังนี้
ภาคกลางเรียกลังแขหรือลำแข
ภาษาอินโดนีเซียเรียกตัมปุย ซายาหรือตัมปุย บูลัน
ภาษามาเลย์เรียกตำปอย
เงาะซาไกเรียกลารัก
เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เนื้อไม้แข็งเหนียว ใบรูปไข่ หรือรูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบแหลมรูปลิ่มออกเรียงสลับ สีเขียวเข้ม ใบเกลี้ยง ไม่มีขนอ่อน แผ่นใบเรียวเข้าหาโคน ไม่เว้า มีช่อดอกยาว ออกเป็นกลุ่มตามกิ่งหรือลำต้น กลีบดอกสีเหลืองอมเขียว ก้านดอกยาว ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ผลมีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับพืชในสกุลเดียวกันทั้งหมด ผลกลม เปลือกหนามาก มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ ก้านของผลยาว แข็ง ผลดิบสีชมพูอมม่วง มีขน เมื่อแก่กลายเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกผลหนาคล้ายเปลือกกระท้อน ไม่มีขน เนื้อของผลไม้ชนิดนี้มีความขาวนวลคล้ายปุยเมฆยามเช้าที่อากาศสดใส ชาวพังงาจึงเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า “ลูกปุย” เนื้อผลที่มีสีขาวขุ่น แต่เมื่อถูกอากาศจะกลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว รสชาติจะมีทั้งหวานและหวานอมเปรี้ยว มี 3-6 เมล็ด รสหวานอมเปรี้ยว จะออกผลปีละ หนึ่งครั้งในเดือนสิงหาคม-กันยายน ผลใช้รับประทานเป็นผลไม้ หรือนำเปลือกผลไปแกงคั่วกับกุ้งสด ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือเสียบยอด เนื่องจากเมล็ดมักจะให้ต้นตัวผู้มากกว่าต้นตัวเมีย จึงทำให้นิยมขยายพันธุ์โดนการติดตาและทาบกิ่งมากกว่า และให้ผลเร็วกว่าภายใน 4-5 ปี ในปัจจุบัน ต้นลูกปุยในป่าธรรมชาติจะเหลือน้อยมาก จึงควรแก่การอนุรักษ์
สวัสดีค่ะอาจารย์
วันนี้เห็นชื่ออาจารย์ ในบันทึกที่นี่ ดีใจค่ะ
ขอขอบคุณสำหรับความรู้ เรื่องลูกลังแขค่ะ
ด้วยระลึกเสมอค่ะ
นารี