คุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เป็นจิตแพทย์ที่เขียนหนังสือเก่ง อ่านง่าย ได้ความรู้ ทั้งยังชอบดูหนัง เมื่อคุณหมอเขียนหนังสือ “หนังโรคจิต” ๒ เล่มจึงเขียนจากมุมของ “หมอธรรมดา” และ “หมอโรคจิต” ไม่ได้เขียนในฐานะนักวิจารณ์ภาพยนตร์ทั่วไป คุณหมอหยิบบางฉากในหนังแต่ละเรื่องมาอธิบายด้วยวิชาการแพทย์ อ่านสนุก อ่านเพลิน และได้ความรู้ เพราะคุณหมอใช้ความสามารถทางภาษาเขียนให้อ่านง่ายสำหรับคนทั่วไป ทั้งยังเขียนได้ลึกซึ้งในมิติที่หมอทั่วไปมองไม่เห็น
หนังสือชื่อ “หนังโรคจิต” เขียนถึงหนัง ๒๖ เรื่อง เล่ม๒ ชื่อ “จากหลังคาแดงถึงหลังโรง’บาล” เขียนถึงหนัง ๒๙ เรื่อง อ่านแล้วก็ทึ่งที่คุณหมอช่างหยิบจับบางฉากที่เราคิดไม่ถึงมาวิเคราะห์ได้น่าอ่าน
ขออนุญาตเอามาเล่าต่อเฉพาะสาระที่น่าสนใจ (ท่านที่สนใจหาซื้อมาอ่านเพิ่มได้ ยังคงมีขายค่ะ)
หนังเรื่อง The Savages (2007) เล่าเรื่องคนแก่ที่เป็นโรคสมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน ลูกสองคนถกเถียงกันว่าจะดูแลพ่ออย่างไรจึง “ดีที่สุด” สำหรับพ่อ และ สำหรับผู้เป็นลูก หนังจบที่ลูกเอาตัวพ่อไปฝากที่เนิสซิ่งโฮม ตามรายทางของหนังมีสาระจับต้องได้เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุอยู่มาก
คำว่า “ดีที่สุด” ในวัฒนธรรมฝรั่ง กับไทยต่างกัน คนไทยนั้นการเอาพ่อแม่ไปอยู่เนิสซิ่งโฮมสังคมจะชี้นิ้วว่าเป็นลูก “อกตัญญู” เพราะการเป็นลูกกตัญญูของสังคมไทยคือการดูแลแบบฟูมฟักใกล้ชิดจนคนแก่ช่วยตัวเองไม่เป็นในที่สุด ประเด็นนี้สำคัญมาก คุณหมอเขียนไว้ว่า
“...การดูแลบุพการีสูงอายุเปรียบไปก็เหมือนการเลี้ยงลูก หากมีคำกล่าวว่าเลี้ยงลูกให้ถูกทาง ก็มีคำเปรียบเปรยเลี้ยงพ่อแม่ที่แก่แล้วให้ถูกทางด้วย หากเราช่วยเหลือลูกมากเกินไปเขาจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ฉันใด หากเราช่วยเหลือคนแก่มากเกินไปเขาก็จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ฉันนั้น...หากเราตามใจลูกเล็กมากเกินไปเขาจะโตขึ้นเป็นเด็กไร้วินัย หากเราตามใจพ่อแม่ที่แก่แล้วมากเกินไปเขาก็จะไม่มีวินัยเช่นกัน” (จากหลังคาแดงถึงหลังโรง’บาล , หน้า ๑๖๒)
ฟังแล้วเหมือน “ใจร้าย” แต่มีเหตุผลในวิธีคิดนั้น
ในบทนี้ คุณหมอเล่าเพิ่มเติมถึงคนไข้สูงอายุ ๒ กลุ่ม
กลุ่มแรก คนไข้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง คนไข้จะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตซีกหนึ่งซีกใดของร่างกาย อาการอ่อนแรงจะค่อยๆ ฟื้นฟูดีขึ้น ช้าหรือเร็ว มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัย ๒ ประการ คือ ความรุนแรงของโรค กับ การฟื้นฟู (กายภาพบำบัด และ กิจกรรมบำบัด) ความรุนแรงของโรคแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ การฟื้นฟู ทำได้ด้วยความร่วมมือของ ๓ ฝ่าย คือ คนไข้ ญาติ และ บุคลกรสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เราให้น้ำหนักที่ความร่วมมือของญาติมากที่สุด ลูกหลานที่ไม่เอาใจใส่เลย กับ ที่เอาใจใส่มากเกินไปคือทำอะไรให้ทุกอย่าง ก็เป็นผลเสียเท่ากั น
“...ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่โหดร้าย ลูกหลานทุกบ้านอยากกตัญญู แต่ความกตัญญูผิดวิธีก็เท่ากับทำร้ายบุพการี กตัญญูอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความรู้ด้วย” (หน้า ๑๖๓)
กลุ่มที่ ๒ คนแก่ที่สมองเสื่อม ยิ่งต้องฝึกเรื่องวินัย ให้คนแก่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองมากที่สุด ตั้งแต่ กินข้าวเอง เข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเอง กดชักโครกเอง และอื่นๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน “...หากเรากำหนดและยืนยันให้บุพการีทำตั้งแต่แรก ท่านจะทำได้ และนำมาซึ่งความภาคภูมิใจว่าตนเองยังทำได้” (หน้า ๑๖๓)
สิ่งที่คุณหมอเขียน เราเจอกันทุกวันในโรงพยาบาล ไม่ค่อยมีใครอยากพูดเพราะจะกลายเป็น “คนใจร้าย”
ฉันขอเล่าเพิ่มเป็น กลุ่มที่ ๓ ไม่ใช่ทั้งคนแก่ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง และไม่ใช่คนแก่ที่สมองเสื่อม แต่เป็น คนแก่ที่มานอนโรงพยาบาลสักระยะ อาจด้วยโรคติดเชื้อ หรือโรคอื่นๆ ตอนนอนรพ.ไม่ค่อยได้เดินเพราะความเจ็บป่วยกับไม่มีที่ทางให้เดิน หมอพยาบาลก็ไม่บอกว่าเดินได้นะ ต้องเดินนะ กลับไปบ้านญาติก็เอาไปนอนต่อบนเตียงที่บ้าน ผ่านไป ๖ เดือน กล้ามเนื้อที่เคยทำงานได้ก็ค่อยๆ หมดเรี่ยวแรง ผ่านไป ๑ ปีกล้ามเนื้อลีบหมด คนแก่ที่เคยเดินได้กลายเป็น “คนไม่ป่วย” ที่ต้องนอนติดเตียง ผ่านไป ๒ ปีข้อทั้งหลายติดแข็ง และเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว
คุณตาคุณยายเหล่านี้ควรมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามอัตภาพของตน แต่ต้องมานอนอยู่บนเตียง เมื่อกายภาพแย่ จิตใจ สมองก็ค่อยๆ เสื่อมถอยไปช้าๆ สุดท้ายจบลงที่ไม่รับรู้ใดๆ อีกเลย
ในหนัง “The Savage” ลูกชายคิดว่าต้องส่งพ่อไปเนิสซิ่งโฮม ลูกสาวก็รู้สึกผิดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนที่สองคนพี่น้องเอาตัวพ่อไปส่งแล้วเดินจากมา ลูกสาวร้องไห้พลางพูดว่า “เรามันโหดร้าย เรามันชั่ว”
คุณหมอวิเคราะห์แบบจิตแพทย์ว่า บทพูดจาของลูกชายลูกสาวกับพ่อในหนัง เป็นแบบแผนการพูดจาของ "พ่อแม่กับลูก" บางเรื่องก็ถนอมน้ำใจ บางเรื่องก็เผชิญหน้าตรงๆ
ยอมรับว่าตกใจมากที่คุณหมอสรุปประโยคสุดท้ายในบทนี้ว่า
“นี่คือหนังแนวหายนะ (disaster movies)”(หน้า ๑๗๓)
ฉันขอปิดบันทึกเศร้าๆ บันทึกนี้ว่า เรากำลังไปสู่ยุคคนแก่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลูกหลานทั้งหลายต้องตระหนักแล้วว่า เราจะดูแลบุพการีอย่างไรให้พอเหมาะพอดี กตัญญูอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความรู้ด้วย.
ศุกร์ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๗
เอกสารอ้างอิง
๑.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์. หนังโรคจิต. (พิมพ์ครั้งที่ ๑) กรุงเทพฯ : โพสต์บุ๊คส์ , ๒๕๕๔
๒.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์. หนังโรคจิต ภาค ๒ จากหลังคาแดงถึงหลังโรง’บาล. (พิมพ์ครั้งที่ ๑) กรุงเทพฯ : โพสต์บุ๊คส์ , ๒๕๕๖
บันทึกตอนต่อไปยังคงอยู่ที่หนังสือ ๒ เล่ม
“...ในที่สุดคุณแม่ลอรี่ยอมแพ้ เธอไม่สามารถอดทนต่อการทำงานของโรงพยาบาลได้อีก เธอพูดสิ่งที่ผู้ป่วยทั่วโลกอยากพูดนั่นคือ คุณหมอให้ยาตัวที่หนึ่ง แล้วให้ยาตัวที่สองเพื่อแก้ฤทธิ์ข้างเคียงของยาตัวที่หนึ่ง แล้วให้ยาตัวที่สามเพื่อแก้ฤทธิ์ข้างเคียงของยาตัวที่สอง เรื่อยๆ ไป...” (หนังเกี่ยวกับแม่ที่ต่อสู้เพื่อลูกชายตัวน้อยที่ป่วยด้วยโรคลมชัก หนังชื่อ “...First Do No Harm” หน้า ๒๑๗)
จะเขียนบันทึกเรื่อง “ยาหลายตัว” (Polypharmacy) ค่ะ
สวัสดีครับคุณหมอ
ผมชอบคุยขำๆ ติดตลกกับคนแก่ให้แกได้หัวเราะ
ชอบถามเหตุการณ์ในอดีต ฟังแกเล่าแล้วก็เพลินดีเช่นกันครับ
แต่คนชราระดับหลงลืมนี่ยังไม่เคยพบกับตัวเองเลยครับ แฮะๆ...
นพ. ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ...... เป็นแพทย์ที่เก่งมากๆๆ ค่ะ ... ท่านมีพี่ชาย คือ นพ.ประสิทธิ ... เรียนเก่งทั้งบ้านเลยค่ะ (นพ.สมพนธ์ นวรัตน์ เล่าให้P'Pleฟังค่ะ)
...ลูกมีความกตัญญู ดูแลปรนนิบัติ เมื่อพ่อแม่ยามแก่เฒ่า และเจ็บป่วย...ต่างจากลูกที่ได้ใกล้ชิดดูแลพ่อแม่ด้วยความรัก ความเอาใจใส่ อย่างสม่ำเสมอ...การตามใจพ่อแม่จึงมิได้หมายความว่าเป็นลูกกตัญญู ...และการขัดใจพ่อแม่ก็มิได้หมายความว่าลูกอกตัญญูเสมอไปนะคะ...
สวัสดีค่ะครู อาร์ม
คุยกับคนแก่มากๆ ได้บุญนะคะ คนแก่มีความสุขที่มีคนคุยด้วย
คนแก่ที่มีความบกพร่องการได้ยิน การรับรู้ การเห็น เวลาคุยด้วยต้องมีความใจเย็นและเมตตาสูงมากๆ ค่ะ
เขาไม่ได้แกล้ง แต่เพราะความพร่องทางกายภาพของเขาเองค่ะ
ญาติที่ดูแลส่วนหนึ่งจะแสดงความ "ระอา" ไม่อยากคุบกับญาติแก่ๆ ซึ่งซ้ำเติมให้อาการมากขึ้นค่ะ
ขอบคุณพี่เปิ้ล Dr. Ple ที่ให้ข้อมูลค่ะ
อ่านบทความของคุณหมอมานานและชอบการเขียนของคุณหมอมากค่ะ
ขอบคุณความเห็นเพิ่มเติมนะคะอาจารย์ Pojana Yeamnaiyana Ed.D.
เป็นประโยชน์มากค่ะ เพราะที่เราเจอญาติที่ไม่เข้าใจวิธีดูแลพ่อแม่ที่ป่วยจะซ้ำเติมปัญหาของคนไข้ด้วยค่ะ ตัวอย่างง่ายๆ ที่เจอนะคะ
- อย่างคนแก่ที่เป็นเบาหวานคุมน้ำตาลไม่ได้ ถ้าลูกหลานไม่เอาใจใส่เรื่องอาหาร ก็คุมน้ำตาลไม่ได้ไปเรื่อยๆ เช่น ซื้อขนมหวานมาให้กิน สามมื้อ บอกว่าแม่อยากกิน
- เจอคนแก่เดินไปไหนไม่ได้ เป็นปอดอุดกั้นเรื้อรัง ที่ห้ามสูบบุหรี่ คนไข้เดินไปซื้อเองไม่ได้ แต่ญาติไปซื้อมาให้สูบ บอกว่า ไม่ให้ก็โวยวาย และเมื่อเสนอให้ความช่วยเหลือมักปฏิเสธบอกว่าไม่มีเวลา
การให้ความรู้คนไข้มีข้อจำกัดเยอะค่ะ ทัศนคติ และวิธีคิดมีความสำคัญมากจริงๆ
อ่านบันทึกนี้แล้วทำให้ผมเปิดโลกทัศน์มากขึ้นครับ ขอบพระคุณมากครับพี่
ขออนุญาตตอบพี่ nui นะครับผม
จิตบำบัด คือ ศาสตร์และการประกอบโรคศิลปะสากลของนักจิตบำบัด (Psychotherapist) ที่เน้นการใช้เทคนิคจิตบำบัดที่หลากหลายแก่ผู้ป่วยจิตเวช เช่น การให้คำปรึกษาถึงปมปัญหาเชิงลึก การเพิ่มแรงจูงใจด้วยการสื่อสารจินตนภาพ การลดความกลัวด้วยการสะกดจิต ฯลฯ ซึ่งในเมืองไทยยังไม่มีกฎหมายการประกอบโรคศิลป์เฉพาะสาขา แต่จะเป็นกรอบการทำงานตามกฎหมายการประกอบโรคศิลป์สาขานักจิตวิทยาทางคลินิก
กิจกรรมบำบัด คือ ศาสตร์และการประกอบโรคศิลปะสากลและไทยของนักกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapist) ที่เน้นการประเมินและการใช้สื่อบำบัดจากตัวผู้บำบัด การวิเคราะห์กิจกรรม การปรับบริบทและสิ่งแวดล้อม การจัดกลุ่มบำบัดแบบพลวัติเพิ่มทักษะสังคม และกระบวนการสอนและการเรียนรู้ด้วยการให้เหตุผลทางคลินิก ในผู้รับบริการทุกวัยที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ การเรียนรู้ และการพัฒนาความสุขความสามารถในการดูแลตนเอง การศึกษา การทำงาน การใช้เวลาว่าง การนอนหลับพักผ่อน และการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมทางสังคม
ขอบพระคุณมากครับผม
จริงๆแล้วการสะท้อนภาพเคลื่อนไหวจากหนังลงสู่การสะท้อนสาระจากการดูหนังในภาพนิ่งและเนื้อหาในหนังสือ เป็นสื่อการเรียนรู้ชีวิตของมนุษย์ได้ระดับหนึ่่ง (อ่านแล้วนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ 10-30% ขึ้นอยู่กับพื้นฐานการเรียนรู้และประสบการณ์ชีวิตของแต่ละบุคคล) แต่การดูหนังแล้วแสดงบทบาทสมมติจนถึงลงมือฝึกทักษะชีวิตจริงอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะปรับใช้ได้ในชีวิตจริง 30-50% ที่เหลือคือการระดมทีมงานมืออาชีพสุขภาพจิตสังคม ผู้ดูแล และผู้มีประสบการณ์ ที่ทำงานมุ่งเป้าช่วยเหลือผู้ป่วยให้เกิดการเข้าสู่สุขภาวะ (Mental Health Recovery) ทั้งผู้ที่เจ็บป่วยร่างกาย และ/หรือ จิตใจ ทุกเพศทุกวัยครับผม
ขอบพระคุณสำหรับแง่คิดชีวิตดีๆ ผ่านหนังสือ ครับ...
เรื่องจริง ที่บอกเล่าผ่านวรรณกรรม เป็นบันเทิงคดีที่ทำให้เราเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย มีสีสัน...
แตะเรียนรู้ชีวิตอย่างไม่อึดอัดนัก...
ขอบพระคุณครับ...(“...ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่โหดร้าย ลูกหลานทุกบ้านอยากกตัญญู แต่ความกตัญญูผิดวิธีก็เท่ากับทำร้ายบุพการี กตัญญูอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความรู้ด้วย”)
ใจนำพา ศรัทธานำทาง อย่างเดียวไม่พอ...ความรู้ คือกลไกหลักของการขับเคลื่อนชีวิตและโลกใบนี้ ครับ
ขอบคุณอาจารย์ Dr. Pop ค่ะที่มาให้ความรู้เพิ่มเติม มีหลายอย่างที่พี่ยังไม่รู้และได้ความรู้จากอาจารย์เยอะค่ะ
ชอบดูหนังเพราะหนังดีๆ มีสาระให้เราเรียนรู้มากมาย ช่วยกระตุ้นและต่อยอดความคิดให้เราในหลายๆ เรื่อง หนังเป็นสื่อที่ใช้เทคโนโลยีหลายสาขามารวมกันเพื่อเล่าเรื่อง กว่าจะเป็นหนังให้เราดูแต่ละเรื่องนั้นต้องมีทีมงานที่ใหญ่มาก ใช้ความคิดสร้างสรรค์มาก
คุณหมอประเสริฐเล่าไว้ในหนังสือว่า คุณหมอฉายหนังบางเรื่องให้นักศึกษาแพทย์ดูประกอบการสอน
เป็นการเรียนรู้ที่น่าตื่นเต้น น่าสนใจ มากกว่าการนั่งฟังบรรยายอย่างเดียว
ขอบคุณความเห็นเพิ่มเติมของอาจารย์ แผ่นดิน
ชอบประโยคนี้ของอาจารย์ค่ะ "ความรู้ คือกลไกหลักของการขับเคลื่อนชีวิตและโลกใบนี้"
โดยเฉพาะในยุคที่มีข้อมูลมากมาย เข้าถึงง่าย ต้องการการกลั่นกรองมากกว่าเดิม มิฉะนั้นเราจะหลงทางได้ง่ายๆ
ขอบคุณดอกไม้กำลังใจจาก วิชญธรรม
ชอบคุณหมอเขียนมากๆ ครับ ที่นำเรื่องจากหนังแล้วนำมาวิเคราะห์กับชีวิต...ขอบคุณพี่หนุ่ยเช่นกันครับที่นำมาให้อ่านครับ
น้อง ทิมดาบ พี่อ่านหนังสือสองเล่มของคุณหมอประเสริฐรอบสามแล้วค่ะ พี่ชอบดูหนัง ติดดูหนังมาแต่เล็ก เลยชอบอ่านบทวิจารณ์หนัง ยิ่งคุณหมอประเสริฐเขียนเชิงวิเคราะห์เอาวิชาการการแพทย์เข้าจับนี่ยิ่งอ่านสนุก
ขอบคุณกำลังใจค่ะ
น้องหมอ ธิรัมภา
ขอบคุณกำลังใจค่ะพี่ kanchana muangyai