วันที่สอง

ตั้งใจจะตื่นตีสาม แต่รู้เลยว่ากำลังไม่มากตื่นไม่ได้ กำลังที่ตื่นขึ้นมาได้คือตีสี่

สังเกตตัวเองมาได้สองสามเดือนที่ตื่นที่สามไม่ไหว ร่างกายพักไม่พอ ถ้าพอก็จะตื่นขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ (นาฬิกาชีวิต)

วันนี้ข้าพเจ้าลางาน (ลาป่วย) เพื่อจัดการตัวเองอย่างเต็มที่ ...แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็ปฏิบัติกิจวัตรเช่นเดิม ต้มน้ำ  RC ข้าวที่เหลือนำไปหุงกับข้าวกล้อง...จากนั้นเตรียมผลไม้ ไปถวายจังหัน

เยียวยา...

กระบวนการเยียวยาเริ่มขึ้น วันนี้ลองใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นทำ Detox หลังจากที่เมื่อวานนี้ลองนำกากใบหญ้านางผสมถ่ายบดละเอียดและหยดน้ำมัเขียวใช้พอกตับ...ทำให้รู้สึกสุขสบายตัวดี

เช้านี้จึงนำสมุนไพรฤทธิ์เย็นมาทำ เพราะกระบวนการอักเสบคือ...ความร้อนดังนั้นจึงต้องใช้เย็นดับร้อน ทุกครั้งที่ผ่านมาใช้กาแฟ และกาแฟเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน...

ผลปรากฏว่า ทั้งวันรู้สึกป่วย ไม่สุขสบายตัว แม้ว่าจะทำกัวซาชุดใหญ่ และแช่มือเท้าด่วยสมุนไพรฤทธิ์เย็น...แต่กลับคล้ายเป็นอาการร้อนในทั้งตัว

พอบ่ายๆ...

ลองนอนพัก แต่ไม่ชินเลย นอนได้งีบเดียวก็ตื่น(ประมาณ ๒๐ นาที) แถมมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย

ดีว่า...วันนี้ดื่มน้ำย่านางแทนน้ำหวาน แล้วไม่ทำให้ไม่รู้สึกอ่อนเพลีย

เย็นๆ...

พี่แกะกับพี่บู๊เมตตามาเยี่ยมและนำผงถ่านพอกตัวแบบสำเร็จ แก้วมังกร น้ำย่านาง ข้าวซ้อมมือมาฝาก

ได้ชวนกันคุยชวนกันแลกเปลี่ยน...และคิดช่วยกัน

ทำให้ข้าพเจ้าได้ความรู้เรื่องข้าวฤทธิ์ร้อน-เย็น

ถึงว่าเมื่อเช้าทานข้าวกล้อง+ข้าว RC ไม่ได้ ต้องนำมาผสมกับเส้นหมี่ขาวลวกสุกจึงทานได้ (เพราะธาตุไฟเกิน) พรุ่งนี้อาจจะต้องถอยหลัง...ลดระดับไต่ลงไปเรื่อยๆ ไปทานข้าวขาว หากไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะทานเส้นหมี่อีกครั้ง ส่วนกลับข้าวได้ส้มตำสดๆ แบบพลังชีวิตเต็มๆ ทานเข้าไปแล้วสบายตัว

***ข้าว RC เป็นฤทธิ์ร้อน, ข้าวกล้องร้อนลำดับลดลงมา, ข้าวซ้อมมือ, ข้าวขาว...ลดหลั่นตามลำดับ

เมื่อเช้าทานข้าวผิดธาตุ แต่ก่อนทานดื่มน้ำย่านางก่อน ตามด้วยแก้วมังกรของฝากจากเมืองเลย จากนั้นทานส้มตำสุขภาพ ทานข้าว...กับข้าวไปรู้สึกทานได้เต็มที่ก็ผัดเปรี้ยวหวาน เวลาที่ทานสับปะรดไปพร้อมๆ กับแตงกวาแล้วรู้สึกสบาย...

พัก...

เริ่มสอนแม่รีกับมลทำกัวซาให้...ตำแหน่งที่แดงที่สะท้อนพิษพอกกลับเป็นซีกซ้าย สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้พอกตับและซีกขวาพิษร้อนจึงเจือจาง...และไปมีตำแหน่งแดงมากๆ ก็เป็นบริเวณขา ข้อพับเข่าด้านขวา...ซึ่งก็เป็นจุดที่รู้สึกปวด

ทำกัวซานานพอสมควร...จึงไปแช่มือแช่เท้าด้วยสมุนไพรอีกครั้ง

ตัวก็เบา อาการเพลียก็ไม่มี

มามีก็ตอนหลังตื่นนอนงีบเล็กๆ...ที่มีอาการปวดศีรษะ...

ตอนเย็นจึงลองกลับมาทำดีท็อกด้วยกาแฟอีกครั้ง...หลังจากที่หารือกันกับกัลยาณมิตรอย่างพี่แกะพี่บู๊...

เมื่อทำดีท็อกเสร็จ...ก็ใช้น้ำมันเขียวทาบริเวณที่ปวดศีรษะ...สักพักอาการต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ

มาใคร่ครวญดู...

รับรู้ว่าตนเองละเอียดขึ้น ใส่ใจมากขึ้น ดั่งเช่นคั้นน้ำผักฤทธิ์เย็นดื่มเมื่อก่อนใช้เครื่องปั่น ทุกวันนี้ใช้มือคั้นอย่างมีสมาธิมากขึ้น...

และที่สำคัญกำลังเรียนรู้เรื่องธาตุและสมดุลร้อนเย็นในร่างกาย

...

๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗