สอนลูกเรื่องเซ็กส์ ภาคต่อ


"ทำไมพวกหมอเค้าชอบไปประชุมกันจังเลยพ่อ" เป็นคำถามที่เจ้าลูกสาวคนโตเอ่ยขึ้นมาทั้งๆที่หูเธอยังคงถูกปิดไว้ด้วยที่ครอบหูสมัยปัจจุบัน ซึ่งมีเสียงเพลงภาษาเกาหลีทั้งวัน แสดงว่า สายตาที่มักมองออกนอกตัวรถ กับท่าทีที่ดูไม่เคยสนใจกับทุกอากัปกิริยาในรถนั้นเป็นแค่ท่าทาง จิตส่วนหนึ่งของเธอยังอยู่ในรถที่วิ่งไปพร้อมพวกเราทั้ง ๕ คน พ่อ แม่ น้อง และพี่ชายที่มาจากเบลเยี่ยม

คำถามเมื่อครู่นี้หลุดออกมาระหว่างที่พ่อกับแม่คุยกัน พ่อบ่นขึ้นมาว่า "ไม่รู้ว่าป้าเปิ้ลกลับมาจากประชุมที่พัทยารึยัง อยากดื่มไวน์แล้ว" (ผู้หญิงที่ถูกเอ่ยนามนั้น เป็นคนเดียวที่มักจะสนองต่อความอยากดื่มไวน์ของผมได้) แป้งจึงถามว่าทำไมหมอจึงชอบประชุมกันนัก รวมถึงในช่วงใกล้กันนี้ พ่อก็เพิ่งกลับจากไปบรรยายเรื่องทำแท้ง กลุ่มสมาคมของแม่กำลังประชุมกันที่กระบี่ และช่วงปลายเดือนนี้พ่อก็ยังต้องไปประชุมที่กรุงเทพอีก และสิ้นเดือนพ่อก็ต้องไปสอนทำแท้งที่นครศรีฯอีก "ทำไมพวกหมอชอบประชุมจัง"

พ่อเลยตอบว่า อันที่จริง การประชุมของพวกพ่อมี ๒ อย่าง อย่างแรกที่พ่อประสบอยู่ตอนนี้ก็คือการประชุมเรื่องงาน พ่อต้องไปประชุมในฐานะผู้รับใช้โรงพยาบาล ในฐานะจะทำให้เกิดงานการเรียนการสอนหมอที่จะมารักษาโรคเยี่ยวเล็ด หรือในฐานะของการวางแผนงานในอนาคต อันนี้พ่อต้องไปบ่อยๆขึ้น ลูกคงเข้าใจ (ต่างจากน้องสาว ซึ่งตอนนี้เริ่มจะชักบ่นๆ ว่าพ่อไปบ่อยจัง อันนี้น่าจะเลียนแบบใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆ)

อย่างที่สองคือไปประชุมวิชาการ เรื่องนี้จึงยาว

ผมเริ่มจากถามลูกไปว่า "ลูกชอบเรียนหนังสือมั้ย" แป้งตอบว่า "ไม่ชอบ มันน่าเบื่อ"

"แล้วทำไมจึงอยากไปโรงเรียนนักล่ะ"

เธอตอบว่า "จะได้คุย ได้เล่นกับเพื่อนๆ"

พ่อก็ต่ออีกว่า "จริงๆ ตอนพ่อเด็กๆ พ่อก็รู้สึกแบบลูกนี่แหละ แต่เมื่อโตขึ้น พ่ออยากไปเรียนตลอดเวลา เพราะที่เรียนนั้น สามารถเอามาทำงานได้เลย พ่อไปเรียนเรื่องวัยทอง ก็เอามารักษาคนไข้ของพ่อได้ พ่อไปเรียนเรื่องทำแท้ง พ่อก็เอาความรู้มาใช้ได้ทันที พ่อเลือกไปเรียนนะลูก อันที่ไม่เกี่ยวพ่อไม่ได้ไปหรอก เพราะมันอยู่นอกความสนใจ เรียนไปก็เอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้ แล้วลูกล่ะ เรียนไปทำไม"

..........อึ้งครับอึ้ง..........

เออสินะ จะไม่ให้อึ้งได้ยังไง เพราะพ่อก็ไม่รู้จะตอบได้ยังไงเหมือนกัน

ผมถามต่อว่า "ลองตอบดูซิ เด็กม.๑ เรียนสูตรเคมีทำหอกอะไร" แป้งตอบด้วยการหัวเราะ

"เด็กม.๑ เรียนฟิสิกส์ทำเดือยอะไร" แป้งยังคงหัวเราะอีก คราวนี้เจ้าลูกชายก็หัวเราะออกมาจากด้านหลังด้วย ผมคาดว่า ในใจเขาคงอยากถามว่า "ทำเดือยคืออะไรครับพ่อ"

"เพื่อสอบ" ผมพูดออกมา พร้อมๆกับที่แป้งพยักหน้ายอมรับ

"ดังนั้น พ่อจึงไม่ค่อยแคร์นัก ที่ลูกจะไม่สนใจเรียนบ้างเป็นครั้งคราว ลูกจะได้ผลสอบเป็นยังไงก็เรื่องของลูก แต่การติด ร. พ่อแคร์ว่ะ เพราะนั่นคือความรับผิดชอบ" ผมพูดออกไป โชคดีที่ยังไม่มีเสียงกระแอมเล็ดออกมาจากเบาะด้านหลัง ซึ่งเธอก็ยังคงฟังอยู่เหมือนกัน

"พ่อเกลียดการเรียนพิเศษ เกลียดการไปสอบแข่งขัน เพราะประโยชน์มักตกไปอยู่กับคุณครูและโรงเรียน" อันนี้พูดกับลูกไปหลายครั้งแล้ว และยังรู้สึกสมเพชกับการติดป้ายเทิดทูนเด็กๆที่สอบติดที่นู่นที่นี่ สอบชนะเลิศอะไรบางอย่างทำนองนี้มากมาย ติดกันจนเต็มรั้วโรงเรียน บางทีมาติดที่สี่แยกอีกต่างหาก น่าจะเอาไปออกทีวีเสียให้รู้แล้วรู้รอด

พ่อลูกชายเล่าให้ฟังว่า ที่เบลเยี่ยม พ่อเขาเลือกให้เรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน นักเรียนไม่มากมายนัก แต่ที่โรงเรียนสอนสนุกมาก เขาสอนวิชาฆ่าไก่ด้วย เผื่อว่าต้องฆ่าไก่กินเอง "มันตื่นเต้นมาก ที่เห็นไก่ไม่มีหัววิ่งยังวิ่งได้ เพราะมันตายไม่ทัน" คือเรื่องที่เขาเล่าให้ฟัง

สรุปว่า เด็กไทยเรา เรียนเพื่อสอบ เรียนเพื่อครอบครัว และเรียนเพื่อคุณครูและโรงเรียน

มันเอาวิชาความรู้มาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ เด็กไม่รู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตัวเอง เด็กไม่รู้ว่าผักชนิดไหนกินได้ กินไม่ได้ อันไหนเป็นสมุนไพร นกที่บินผ่านหัวไปนั้นชื่ออะไร (มองไม่ทัน มันบินเร็วมาก) ทำไมนกมันต้องมาปาดขี้ที่ผนังบ้านของเรา หรือปาดขี้บนผนังกำแพงวัด แล้วมีต้นไทรโผล่ขึ้นมาได้อย่างไร

ผมเคยสอนเรื่องหนึ่งให้ลูกสาวคนโตคนนี้

"ลูกรู้แล้วใช่ไหม ว่าคนมีเซ็กส์กันได้ยังไง"

เธอพยักหน้าตอบ

"แล้วลูกรู้ไหมล่ะ ว่าเจี้ยวอ่อนๆอันนั้น มันใส่ไปในปิ๊ได้ยังไง"

"ไม่รู้" เธอตอบด้วยสีหน้าเขินๆ แก้มแดงระเรื่อ

เลยอธิบายด้วยภาษาง่ายๆให้ลูกฟังไปว่า "เวลาคนอยากมีเซ็กส์กันผู้ชายจะไข่จ้องก่อน ผู้หญิงก็จะมีน้ำเมือกออกมาที่จิ๋ม จิ๋มจะบวมขึ้น รูจะใหญ่ขึ้นนิดหนึ่ง ลูกเคยสังเกตไหมล่ะ รู้ที่จิ๋มเล็กนิดเดียว จะเอาเจี๊ยวใส่เข้าไปได้ยังไง"

ผมอธิบายเพียงเท่านี้ เพราะกระบวนการหลั่งอสุจิไปผสมกับไข่นั้น เธอได้รับฟังการบอกเล่ามาก่อนหน้านี้เรื่อยๆอยู่แล้ว

"ลูกอยากลองฝึกสวมถุงยางบ้างมั้ยล่ะ เดี๋ยวพ่อสอนให้เอง"

กลั้นใจถามออกไป ก็รู้สึกได้ ว่าทำไมคนเป็นพ่อแม่จึงรู้สึกอึดอัดที่พูดเรื่องแบบนี้กับลูก

"พ่อมีถุงยางเพียบ อยากพกเมื่อไหร่บอก แบบว่าหากจะต้องถูกบังคับขืนใจให้ต้องมีเซ็กส์ ลูกจะได้บอกไอ้ผู้ชายมันก่อน ว่าไม่ต้องข่มขืน ให้เอาแต่โดยดี แต่ต้องสวมถุงยางก่อน" เว้นวรรคได้อึดใจหนึ่งก็พูดต่อไปว่า "แต่ลูกรู้ใช่มั้ย ว่ามีเซ็กส์แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง"

แป้งยิ้ม ไม่ตอบ ไม่มีอาการหน้าแดงแล้ว

แป้งเรียนรู้เรื่องนี้มาเรื่อยๆตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน จนไม่ต้องจัด event เป็นพิเศษในเรื่องเพศศึกษา ผมเชื่อลึกๆว่า การสอนแบบนี้ไม่มีภัย งานจากการศึกษาวิจัยส่วนใหญ่ก็สนับสนุนว่าการสอนเรื่องเพศ ประเภท "เอากันยังไง" ก็ไม่ได้ทำให้ลูกอยากมีเซ็กส์จนจิ๋มสั่น

ผมคิดว่า ผมมาถูกทาง

ไม่ต้องเรียนมาก (เรียนมกได้)

ไม่เรียนพิเศษ (ไม่รู้จะต้านได้นานไหม เพราะสมัยเด็กผมก็เรียนพิเศษ แต่นั่นได้แลกกับการได้กลับบ้านช้าลงและอยู่กับเพื่อนได้นานขึ้น)

ไม่ให้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ต้องเรียนเกินกว่า ๕ วันต่อสัปดาห์ บอกตรงๆ กลัวลูกเก่งจนได้โนเบิ้ลไพร้ซ์มาก

การลาหยุดเรียนเพื่อไปเที่ยว เป็นเรื่องท้าทาย อันนี้ยังทำได้อยู่ในกรณีน้องจ้า แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้วในแป้ง เพราะที่โรงเรียนมันก็เรียนเยอะชิ๊ปหาย หยุดวันเดียวเป็นอันไม่ทันเพื่อน

แต่งกายผิดระเบียบไปบ้างก็เป็นเรื่องพึงลองกระทำ

ลองสอบให้ได้เกรดสามบ้าง แตห้ามติด ร. น่าสนใจกว่าสอบได้เกรด สี่ ทุกตัว

ฯลฯ

ท้าทายได้เฉพาะผมกับลูก ส่วนสังคมจะคิดอย่างไรคงมิพึงต้องไปแคร์ เพราะแสงสว่างทางการศึกษาของหมู่เราๆนั้น ชาตินี้มิรู้จะได้เห็นหรือไม่

ธนพันธ์ ๑1 พค ๕7

หมายเลขบันทึก: 567749เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2014 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม 2014 12:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

หุ หุ  อ่านไปหัวเราะไป   อาจารย์หมอสอนได้ตร้งตรงค่ะ  น่ารักดี

เกิดลูกสาวขอพกถุงยางจริง ๆ อาจารย์คงขนมาให้ตรึมสินะคะ  อิ อิ

ขอบคุณครับ

น่าเสียดายมากครับที่เด็กไทยเรา... เรียนเพื่อสอบ เรียนเพื่อครอบครัว และเรียนเพื่อคุณครูและโรงเรียน

ยกเว้น เรียนในสิ่งที่ชอบ เรียนเพื่อตนเอง เพื่อทำงานที่มีความหมายสำหรับตนเองในอนาคต

ฮา ฮา หมอแป๊ะทำคลิปสอนดีกว่านะ เดี๋ยวไปสัมภาษณ์เองเอาป่ะ สุดยอดคุณพ่อ

เรียน ทพญ.ธิรัมภา

ถุงยางผมมีเพียบครับ รส กลิ่น หลากสี

ขนาดต่างๆ

เอาไว้ขายครับ

"แสงสว่างทางการศึกษาของหมู่เราๆนั้น ชาตินี้มิรู้จะได้เห็นหรือไม่" อันนี้ท่าจะจริง เฮ้อ

เป็นการเหน็บที่น่ารักมากจริงๆ 

Ph.D point of view

ผมคิดว่า อุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการสอนเพศศึกษา ก็คือ ครูอาจารย์

ตราบเท่าที่ยังมีความเชื่อเดิมๆ ผมสอนไปเท่าไหร่ก็สอนทิ้งน้ำ

สมัยก่อน ไปโรงเรียนเกือบทุกเดือน บางเดือนไปหลายที่ กระทั่งมีวิดีโอสอนเพศศึกษากระจายไปใน รร ต่างๆของสงขลา 

เด็กก็รู้เท่าเดิม (จริงๆอาจจะรู้มากกว่าครูด้วยซ้ำ)

หลังๆ ผมไม่รับไปบรรยายที่ไหนอีกเลย รอทำแท้งอย่างเดียว

คุณหมอสอนได้ละเอียดมาก

น้องแป้งคงอึ้งไปนาน

ขอบคุณมากๆครับ

ปล อยากได้ถุงยางแบบหลากสี 55555

สอนได้ตรงไปตรงมาดีค่ะ

แล้วตรงที่ว่า

"ลูกอยากลองฝึกสวมถุงยางบ้างมั้ยล่ะ เดี๋ยวพ่อสอนให้เอง"

ถ้าลูกเกิดอยากลองฝึกสวมดูขึ้นมาจริงๆจะฝึกกับอะไรล่ะคะทีนี้ กล้วยหอมเหรอคะ


คุณสุรพร

เรื่องมันเดินมาถึงตอนนี้แล้ว จะสอนอย่างไร จะเอาอะไรมาเป็นเจี๊ยวนั้น มันจิ๊บจ๊อยมากครับ

ค่ะ พอดีอ่านๆดูแล้วคุณหมอสอนได้ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมดีค่ะ

เลยคิดไปว่าหรือคุณหมอจะสอนกับอวัยวะเพศชายจริงๆเลยหรือเปล่า (อย่าหาว่าลามกนะคะ ก็แค่คิดไปเรื่อยค่ะ)

คือถ้าสอนใส่กับกล้วยหอมหรือพวกแตงกวาอะไรพวกนั้นมันจะเหมือนจริงหรือเปล่าอะไรงี้ค่ะ

เพราะมันเหมือนจะแข็งกว่าของจริง และไม่มีสภาวะเดี๋ยวแข็งเดี๋ยวอ่อนระหว่างรอฉีกซองอะไรงี้แบบสถานการณ์จริงน่ะค่ะ

ปล.ขอบคุณค่ะที่ตอบ คิดว่ากระทู้3ปีที่แล้วคุณหมอจะไม่ตอบซะอีก

พอดีเพิ่งได้เห็นโดยบังเอิญค่ะจากเว็บ teenpath เลยตามมาอ่าน ตอนนี้ก็ไล่อ่านไปเรื่อยๆค่ะ

คุณหมอเขียนได้อ่านง่ายอ่านสนุกดีค่ะ

ตอบสิครับคุณสุรพร

มันกระเด้งมาที่ e mail เลยครับ

ขอบคุณนะครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท