นี้คงไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอนทีี่ฉันได้มานั่งเขียนบันทึกแต่มันต่างกันตรงที่บรรยากาศในการเขียนต่างหาก
ฉันชื่่อ ปุย ตอนนี้ฉันทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งและไม่ได้เป็นทำงานในตำแหน่งวิศวกรเหมือนกับที่ร่ำเรียนมาจนจบ
เป็นแค่เพียงพนักงานธรรมดาเงินเดื่อนหมื่นกว่าบาทยังไม่ถึงสองหมื่น เหตุผลที่ฉันไม่เลือกจะเป็นวิศวกรนั่นหรือ?
นั่นสิ ก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเพราะไม่อยากควบตำแหน่งเพิ่มมั่ง บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนายจ้างเบื้องบน
ทำไมถึงไม่ค่อยรับฟังเสียงเศษฝุ่นข้างล่างบ้าง หรืออาจเป็นเพราะสมองของเขามีเมล็ดถั่วที่ใหญ่มากไว้กั้นความคิดทั้งสองฟาก
ทำให้การพัฒนาทางสมองจึงน้อยลง หรืออาจจะดื่มลาเต้ คาปูชิโนมากไปจึงใช้ส่วนอื่นทำงานแทนสมอง
เคยได้ยินแต่คนหลายคนเขาพูดกันไว้ว่า "งานน่ะไม่เบื่อหรอก แต่ที่เบื่อคือเบื่อคน" แลดูคำพูดก็จะฉงนงงงวย
เพราะปัจจัยที่จะทำให้งานเดินนั้นคือ คน ไม่ใช่เหรอ แต่คนกลับไม่คิดจะทำงานเพราะ คน ฟังดูแล้วตลกดีเหมือนกัน
ลองนั่งคิดอะไรเล่นๆ ถ้าลองรับคนที่ไม่ประจบเก่งเข้ามาทำงาน บริษัทนั้นคงมีกะตังอีกมาก เพราะอย่างน้อย
คงไม่ต้องมาเสียเวลาสอนงานให้กับพนักงานใหม่ แม้นว่าเขาคนนั้นจะเคยทำงานมาแล้วก็ตามแต่
จะว่าไปแล้วมองในมุมมองคนเบื้องล่างอาจดูเห็นแก่ตัวเกินไป ขอกลับหัวมองในมุมมองคนเบื้องบนดูบ้าง
การที่ให้คนหนึ่งคนทำงานมากกว่าสองตำแหน่งขึ้นไปคือ การประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งนะ
เป็นการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีชั้นเชิง เป็นการลดต้นทุนไปในตัว และยังประหยัดค่าใช่จ่ายของบริษัท
(คงคิดแบบนี้สินะ "เราคนไทยเหมือนกัน มีอะไรต้องช่วยเหลือกันสิ แต่เงินเดือนเท่าเดิม ปรับอีกทีปลายปีทีเดียวเลย
โบนัสไม่มีต้องช่วยกันประหยัด ถ้าบริษัทอยู่ได้ พวกคุณก็อยู่ได้") แบบนี้ก็ดูจะโหดเกินไปว่าไหม
แต่ส่วนมากเราก็พบเจอแต่แบบนี้มาตลอด และเราก็นิ่งกันตลอด ก็ไม่รู้ทำไม ถ้าทนไม่ไหวเกินที่ใจจะรับได้เราก็ลาออก
มันก็คงกลายเป็นวัฏจักรมนุษย์ลูกจ้าง แล้วจะมีสิ่งไหนล่ะที่ยึดจูงไม่ให้เราไปไหน คงไว้แค่เงินเท่านั้นหรือ
แบบนี้ทั้งเบื้องล่างและเบื้องบน ใจไม่ให้ใจแล้วจะมีค่าอันไหนเกิดขึ้นละ นอกจากศูนย์
.
.
.
เฮ้อ .... อยู่ที่ระยองว่าใกล้ทะเลมีเกลือมากแล้ว เค็มมากแล้ว ยังมีอะไรที่เค็มกว่าเกลืออีก นั้นคือ ใจมนุษย์
คุณว่าฉันคิดถูกบ้างหรือเปล่า หรือความคิดฉันจะเป็นแค่ความคิดมีเสียงผ่านตัวหนังสือ
ปุกปุย PUKPUYWORM
ไม่มีความเห็น