ความรู้สึกแห่งความหดหู่และเบื่อหน่าย...ท้อแท้ หมดแรงใจในการทำสิ่งต่างๆ...หรือดูพาลจะไม่มีกำลังใจ หรือกระจิตกระใจจะทำอะไร...สภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา...หากเรารู้ไม่เท่าทัน สภาวะเหล่านี้ก็จะเกิดวนเวียนไปมาในห้วงคำนึง และความรู้สึกนึกคิดของเราอยู่ตลอดเวลา..
.....
เราลองมองมาดูที่ "จิต"...เหล่านี้ ในที่นี้เราลองสมมติให้เป็น "คน"...จะพบว่ามีคนสามคนที่เข้ามาในชีวิตเรา
- คนแรก จะมีลักษณะหดหู่ หมดแรงใจ ง่วงซึม
- คนที่สอง จะมีลักษณะเจิดจ้า ฟุ้งซ่าน
- คนที่สาม จะมีลักษณะคิดวนไปมา ลังเลไม่แน่ใจ...อยู่ระหว่างของการต้องตัดสินใจ
.....
ทั้งสามคนนี้จะทำงานสลับกัน ขณะที่อีกคนทำงาน อีกสองคนก็หยุดดู และหาโอกาสเข้ามาแทรกเมื่ออีกคนหยุด...ระยะเวลาการทำงานของแต่ละคนนั้น จะไม่มีลิมิตจำกัด ซึ่งสามคนนี้จะทำงานเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อย .. จากเป็นวัน ก็จะเร็วขึ้นเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงก็จะเร็วขึ้นเป็นนาที เป็นวินาที เป็นเสี้ยววินาที...เขาสามคนจะทำงานหนักขึ้น และหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างขยันขันแข็งมาก แล้วเขาก็จะสลับกันทำงาน ... ยิ่งหากเราไม่รู้จักเขาสามคนแล้วล่ะก็เขาก็ยิ่งทำงาน ทำงาน ทำงาน...จน ณ วันนี้เรารู้สึกตัวและทนไม่ได้..หากการหาทางออกที่หลุด..ออกไป..บางครั้งอาจเป็นความตาย หรืออะไรก็แล้วแต่...ที่แสดงถึงความพ่ายแพ้และเพลี้ยงพร้ำต่อการทำงานของเขาสามคนนี้
....
ดังนั้นหากเราเข้าใจ..การทำงานของเขาสามคนนี้..ทำความรู้จักเขา..และหาสาเหตุหรือเหตุให้เจอว่าเพราะอะไร เขาทั้งสามคนนี้จึงได้เข้ามาในชีวิตของเรา... เราก็จะสามารถหยุดวงจรการทำงานของเขาสามคนนี้ได้...
.....
ดังเช่น..เรามีความรู้สึกเบื่อหน่ายว่า..ไม่อยากทำงานชิ้นหนึ่ง...แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องทำ...แต่เรากลับรู้สึกหดหู่ท้อแท้ และท้อถอยไม่อยากทำ...เป็นต้น..และแล้ว..หากเราปล่อยไว้เขาสามคนนี้ก็จะเข้ามาในชีวิตของเรา มากขึ้นและมากขึ้น..เรื่อย...เขาก็จะเข้ามาครอบงำเรา และเราก็ไม่สามารถจัดการตนเองได้...
เมื่อพิจารณาจากสิ่งดังกล่าวข้างต้นแล้ว..เราลองแบ่งเราออกเป็นสามคน..โดยกำหนดว่า "คนที่หนึ่ง นั้นไม่อยากทำ - นั่นหมายถึงสะท้อนออกมาเป็นเรื่องของอารมณ์ .." ..."ส่วนคนที่สองรู้สึกว่าควรจะทำ...ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุ-ผล"...จากนั้น "คนที่สาม คือ คนที่เราแยกออกมาให้อยู่สูงขึ้นไป...คอยมองลงมาที่คนสองคนนี้ ด้วยความรู้สึกตื่นอยู่เสมอ และสั่งการไปในสิ่งที่เหมาะสม ที่ควรทำ"...
พี่จิ๊บ...คะ
ดูดีนะคะ...แท้จริงแล้วบันทึกนี้มีจุดพักสายตาคะ...
และเป็นจุดพักสายตาที่ดีมากเลยคะ...
...
ลองดูนะคะ...
ลองชำเลืองไปที่มุมขวา...นิดนิดนะคะ...
จะเห็นจุดพักสายตา..แบบหน้าละอ่อนคะ...อิอิ
*^___________^*
กะปุ๋ม
นอนหลับฝันดีนะคะ...
....
ค่ำคืนนี้พี่จิ๊บ...ได้เจอความสดใส..
ต้องหลับสบายแน่เลยคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
ขอบคุณกะปุ๋มค่ะ ที่ช่วยเตือนสติได้ดีทีเดียว
จากรูป ...เห็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์เป็นลำอยู่ด้านหลังด้วย สวยดี
^___^
สวัสดีคะ...อ.จอห์น
ดีใจที่เจอว่าแวะมา...หวังว่าท่านคงสบายดีนะคะ
บันทึกนี้เขียนขึ้นจากการปฏิบัติตน...สนทนาธรรม
และสะดุดความคิดของตนเอง...ต่อบางสิ่งบางอย่าง
ก็เลยเขียนหนังสือไว้...และหยิบบางส่วนมาเขียนบันทึกนี้คะ...
(^___^)
กะปุ๋ม
สวัสดีคะ...แนน..
ขอบคุณนะคะที่แวะมา..และดีใจหากบางสิ่งบางอย่างก่อให้เกิดประโยชน์แก่กัลยาณมิตรหรือท่านๆ ได้...
...
ภาพนี้วิ่งไล่ตามแสงเช่นกันคะ...เก็บไว้หลายภาพ..ช่วยกันถ่ายกับพี่ทาน...แป๊บเดียวแสงก็เลือนหายไป..
เสียดายมาก...เพราะสวยมากและทำให้พระพุทธรูป...ดูขลังดีคะ...อิอิ
(^_____^)
กะปุ๋ม
สวัสดีคะ...คุณมัชชะ...
หากเราเริ่มรู้จักเขาสามคนนี้...เราก็จะสามารถที่จะจัดการ หรือหาวิธี...ที่จะควบคุมเขา...ได้ดีกว่าที่เขาจะมาควบคุมเราคะ..
...
(^__^)
กะปุ๋ม
อ่านแล้วทั้งสามคนที่ว่าจัดอยู่ในประเภท คบไม่ได้ หรือควรจะเลิกคบเป็นอย่างยิ่งค่ะ อย่าให้เข้ามากล้ำกลายได้เป็นดี --เอาเป็นว่าวันนี้ขอแวะมาเคาะประตูทักทายแบบรีบไปรีบมาค่ะ บ่าย 4 โมงจะครึ่งแล้วต้องไปรับเด็ก ๆก่อน ดูเหมือนรูปมุมขวาจะช่วยพักสายตาได้ดีค่ะ ดูละอ่อนแถมน่าหยิก เอ๊ย น่ารัก จริง ๆ -- ฮ่า ฮ่า
สวัสดีคะ...คุณศิริ...
ดีใจจังที่ยังมีคนแอบชำเลือง..มองมุมขวากับการพักสายตา...^__^...จะน่าหยิกหรือน่ารัก...กะปุ๋มไม่ว่านะขอแค่หน้าละอ่อน...ละมุนละไมก็พอใจแล้วคะ...
...
หากเราไม่เผลอ...เขาสามคนก็ไม่ย่างกรายเข้ามา...หากเมื่อไรก็ตามที่เราไม่รู้ตัวทั่วพร้อม...เขาก็พร้อมเข้ามาจ่อ...ในจิตเราตลอดเวลา...
(^_____^)
กะปุ๋ม