สะพานบุญ


บนเส้นทางย่างเข้าสู่ปีที่ ๕

หลายปีก่อนชีวิตส่วนใหญ่วนเวียนอยู่แต่กับการเรียน บ้าน...และมหาวิทยาลัย การไปสัมผัสดินแดนแห่งความเป็นไปตามธรรมชาติละแวกบ้านแทบไม่มีเวลา อยู่มาวันหนึ่งเมื่อกลับมาทำงานใน ปี ๒๕๔๘ ... พี่แปลกจากสำนักงานคุมประพฤติมักแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนเราที่ห้องทำงาน และพูดคุยถึงหลวงปู่ประสาร สุมโน และพระอาจารย์ต้อ ในความเมตตาของทั้งสองท่านที่มีต่องานสงเคราะห์คน...

ณ ขณะนั้นรู้จักแต่หลวงตามหาบัว และวัดป่าบ้านตาด ... เพราะมิจฉาทิฐิมีมากทัศนะคติที่ไม่ดีต่อพระ เกรงว่าจะเจอพระปลอม แต่แล้ววันหนึ่งน้องสาวสองคนกึ่งขอร้องให้ไปช่วยงานโครงการอบรมที่วัดแห่งนี้ จึงได้ติดตามไปด้วยการขับรถไปตามเส้นทางในหมู่บ้าน...

และแล้ว...สิ่งที่ได้สัมผัสคือ ความเมตตา...อย่างประมาณหาที่สุดมิได้ มาถึง ณ ทุกวันนี้ชีวิตยังวนเวียนเข้าออกวัด แม้ว่าจะถูกบททดสอบอย่างมากมาย ทั้งจากคนในวัดและนอกวัด แต่ชีวิตของข้าพเจ้าก็ยังคงมั่นคงถวายการทำงานรับใช้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ในการสงเคราะห์ผู้คน ... ความกล่าวหาต่างๆ ที่มีเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นระดับแบบเบาๆ ไปจนถึงแบบหนักที่ชีวิตนี้ไม่เคยเจอจากที่อื่น แต่มาเจอที่แห่งนี้ทั้งๆ ที่วัดนั้นสัปปายะมาก แต่สภาวะจิตและกิเลสของผู้คนที่ไม่ได้เข้ามาขัดเกลาใจ หากแต่มาเสพบุญจากพ่อแม่ครูบาจารย์แรงกระแทกจากจิตด้านลบจึงมีมาก ... "อีโล้นซ่าส์ อีเกรียน อีห่า อีเปรต มาหวังชื่อเสียงจากครูบาอาจารย์ มาติดพระ มาเฝ้าหลวงปู่ มาปลอกลอกเงินวัด หวงกุฏิ หวงของ ข่มเหงเด็ก ...ล่าสุดก็อีกะปุ๋ม ตีกันกับพระ ... เป็นผีบ้า เสียสติ..." ความรุนแรงมากมายที่ผู้คนต่างสรรหาขึ้นมา หรือใช้กฏหมู่ของคนหมู่มากบีบให้เราถูกมองเป็นคนผิด ... แต่นั่น ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจของข้าพเจ้าหวั่นไหวได้...

เพราะ...ศีลที่ครองอยู่ในใจ สัจจะที่มีต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์แนบใจไว้ เป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต และการฝึกฝนขัดเกลาใจตนเองตลอดเวลา ทำให้จิตใจนี้หนักแน่นมั่นคง...และที่สำคัญ เมื่อใช้ปัญญาพิจารณาเราพบว่า เราไม่ได้เป็นอย่างคำกล่าวหา ... จึงไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนใจอะไรเลยจึงยังมั่นคงในการเดินต่อไปสู่จุดหมายของชีวิต คือ การสร้างความเย็นและอ่อนโยนให้เกิดขึ้นในจิตใจ ให้สะอาด สว่าง และสงบ...

มาถึงวันนี้เข้าสู่ปีที่ ๕ ...
ชีวิตตอนเช้าก็ยังคงไปถวายจังหันก่อนไปทำงาน เพราะอาหารที่นำไปปรารถนาเหลือให้ถึงเด็กๆ แม้มีคนพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อให้ยุติการทำกิจเช่นนี้ แต่ปัญญาที่เรามีก็ยังคงรักษาข้อปฏิบัตินี้ไว้ได้ ... ยังคงไปถวายอาหารได้ทุกวัน และถึงที่ทำงานเช้าพอเหมาะ และตอนเย็นก็แวะไปดูเด็กๆ พร้อมทั้งได้เดินจงกลม นั่งภาวนาก่อนกลับเข้าบ้าน ... ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็ไปปฏิบัติภาวนาที่วัดพร้อมสอนหนังสือเด็กๆ มีคนอยากขึ้นพักกุฏิ ก็สละถวายและกราบเรียนหลวงปู่ ส่วนข้าพเจ้าเองก็ไปอาศัยนอนในกระต๊อบ และพอเอาเข้าจริงความพยายามสร้างเรื่องการหวงกุฏิก็เลือนไปบ้าง และไม่มีใครขึ้นพัก ข้าพเจ้าก็อาศัยให้แม่ขาวน้อยขึ้นพักแทนหรือในบางครั้งตนเองก็ขึ้นพักด้วย

บางทีกระบวนการคิดของคนที่พูดกล่าวหาอาจไม่ได้ใช้ปัญญาในการพิจารณา เพราะหากเป็นคนที่ตระหนี่หวงของ ... คนนั้นก็ไม่มีจิตในการให้ทานเป็นแน่แท้ พอจิตคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกให้อภัยต่อบุคคลต่างๆ ที่เขามาด่า มาว่า มากล่าวหาเรา...ได้

เรื่องต่างๆ มากมายเป็นเครื่องลับคมจิตใจให้แกร่งดั่งเพชร และอ่อนโยนนุ่มนวลดั่งท้องฟ้า และเย็นช่ำใจดั่งสายน้ำ มั่นคงดั่งผืนดิน

มาถึงวันนี้...นึกถึงวันแรกที่ขับรถตามน้องสาวสองคนมาที่วัดแห่งนี้ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก... หากไม่มีวันนั้นก็ไม่มีวันนี้ นั่นสืบเนื่องมาจาก การที่เรามีบุพกรรมร่วมกัน และเป็นไปในทางที่ดี ดวงจิตดวงนี้จึงได้รับการขัดเกลาอยู่ ณ ทุกขณะจิต

...
๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖

แด่ หนุ่ยและหนิง...

หมายเลขบันทึก: 550077เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2013 21:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 ตุลาคม 2013 21:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับอาจารย์กะปุ๋ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท