หลายครั้งที่ผมมีโอกาสได้พูดเรื่อง "การฟัง" บันทึกนี้จะทำให้ "การฟัง" ที่น่าจะทำให้การพูดเรื่องนี้บ่อยๆ ลดน้อยลงได้...... อย่างน้อยก็พูดสั้นลง เปลี่ยนเป็น "ชี้บ่ง" มาอ่านที่นี่แทน
การทำงานด้วย "KM" และ ทำงานอย่างเป็น "KM" มาตลอด 2 ปีกว่า คำสำคัญ 2 คำ ที่ต้องฝึกทำบ่อยที่สุดคือ "ฟัง" กับ "ถาม" ตามทุกบทบาทที่นี่ครับ
ผม ได้เรียนรู้ "การฟัง 4 แบบ" จากครู "ศรชัย ฉัตรวิริชัย" ครานั้น ท่านและ อ.ประสาท ประเทศรัตน์ มาพาทีม "จิตตปัญญาศึกษามหาสารคาม" เรียนรู้ ดูใจ ดูกาย ด้วย "รีเซ็ต" คำง่ายๆ แต่ทำยาก หลังจากนั้นผมเองนำมาเผยแพร่หลายครั้งต่อหลายครั้ง ได้กล่าวถึงท่านบ้าง ไม่กล่าวถึงบ้าง ก็ขอกราบอภัยไว้ ณ โอกาส นี้ด้วยครับ
ท่านบอกว่า เราอาจจำแนกวิธีการหรือลักษณะการฟังของคนออกได้เป็น 4 แบบ ดังรูป
หาก เราเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง "เรื่อง" (แกนตั้ง บนเส้นกลางคือ "รู้เรื่อง" ด้านล่างคือ "จมเข้ามาในเรื่องราว" และพื้นที่สีขาวด้านบนคือ "นอกเรื่อง) และ "เวลา" ตั้งแต่เริ่มฟังตรงฝั่งซ้ายที่แกนตัดกัน เราแบ่งการฟังเป็น 4 แบบ ได้แก่
ในชีวิตประจำวันของท่านผู้อ่าน ฟังแบบที่ 4 สักกี่เปอร์เซ็นต์ ครับ
ผมเองเรียกการฟังแบบที่ 4 นี้ว่า "ฟังแบบลึกซึ้ง"
ฮ่า ๆ........ไม่รู้ครับว่ากี่เปอร์เซ็น กะว่าสัก 30% ที่เหลือไม่จมก็ลอย.....555 แต่ต่อไปคงจะต้องฝึกฟังแบบที่ 4 ให้มากครับ
...อ่านแล้วการฟังทั้ง 4 แบบ น่าจะสามารถนำมาบูรณาการใช้ร่วมกันได้...เพราะในการฟังแต่ละครั้งผู้ฟังจะต้องมีความสนใจ และตั้งใจที่จะฟังไม่เหม่อใจลอย...เป็นข้อ1...ต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะฟังมาบ้าง...มาก่อนจึงจะทำให้เกิดความเข้าใจได้รวดเร็ว...เป็นข้อที่2...นึกเรื่องราว...นึกภาพตามอย่างถูกต้อง...เป็นข้อ3...และสุดท้ายใช้วิจารณญาณแยกแยะ...วิเคราะห์เรื่องที่ฟังให้ละเอียดรอบคอบ...นำไปสู่จุดมุ่งหมายของการฟังนะคะ...ขอบคุณค่ะ
อยากเรียนถามอาจารย์ ดร ว่าการฟังเพลงในรถผมคิดว่ามีประเภทการฟังอยู่ในทุกประเภท ลองวิเคราะห์หน่อยว่าแต่ละประเภทมีสักกี่เปอร์เซนต์ แล้วมีระดับใดที่จะปลอดภัยที่สุดในการขับถรถ คิดถึงตอนที่วัยรุ่นขับรถติดเครื่องเสียงๆดังๆวิ่งโชว์ ห่วงเขาครับ
การฟังแบบที่ 4 มีวิธีการฝึกไหมครับ
ตามที่ท่านอาจารย์ฤทธิไกรกล่าว..การฟังแบบต่างๆ..น่าสนใจมากค่ะ...
และขออ้างอิง ดร. พจนา แย้มนัยนา ที่ว่า
ทั้ง 4 แบบ น่าจะสามารถนำมาบูรณาการใช้ร่วมกันได้...เพราะในการฟังแต่ละครั้งผู้ฟังจะต้องมีความสนใจ และตั้งใจที่จะฟังไม่เหม่อใจลอย ข้อ1...ต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะฟังมาบ้าง...มาก่อนจึงจะทำให้เกิดความเข้าใจได้รวดเร็ว...ข้อที่2...นึกเรื่องราว...นึกภาพตามอย่างถูกต้อง...ข้อ3.และสุดท้ายใช้วิจารณญาณแยกแยะ...วิเคราะห์เรื่องที่ฟังให้ละเอียดรอบคอบ...นำไปสู่จุดมุ่งหมายของการฟังนะคะ...
ขอขอบคุณท่านอาจารย์ฤทธิไกร และท่าน ดร. พจนา แย้มนัยนา ที่นำความรู้และแนวคิดดีๆมาให้ได้ศึกษาค่ะ
ไม่รู้ครับอาจารย์ว่าฟังแบบไหนดีที่สุด อยู่ที่เรื่องที่จะฟังมากกว่า และที่สำคัญถ้าฟังด้วยหูโอกาสที่เข้าหูซ้ายจะทะลุหูขวาก็มีมาก แต่ถ้าฟังด้วยใจได้ประโยชน์แน่นอน
เรียน ท่าน ผอ.ประยงค์ ครับ
วิธีฝึกฟังแบบที่ 4 คือ การเจริญสติ นั่นเองครับ
การฟังเป็นการรับสาร องค์ประกอบมันจึงมีทั้ง ผู้ส่งสาร และ สาร ดังนั้น การที่คนจะฟังมันจึงขึ้นกับ "สารหรือเรื่อง" ว่าตรงกับความสนใจแค่ไหน "วิธีการ" คือผู้สื่อสารใช้วิธีการอย่างไร เทคนิคแบบไหน เร้าความสนใจได้เพียงใด องค์ประกอบต้องสมดุล และสอดคล้องกับจริตของผู้ฟัง ครับ !!