ไอศกรีมมังดุด
วิธีทำ
1. เนื้อมังคุดสด เนื้อและเมล็ดใหญ่ต้มสุก น้ำในลูกมังคุด 1 ถ้วย (จะใช้เนื้อมังคุกต้มสุกทั้งหมดก็ได้)
2. หัวกะทิ 2/4 ถ้วย
3. น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย
4.. น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย
5. เกลือ 1/4 ช้อนชา
6. หัวกะทิใส่โถปั่น ใส่เนื้อมังคุดพร้อมน้ำและเมล็ดที่ต้มสุก
ใส่เกลือ น้ำมะนาว น้ำผึ้ง ปั่นให้ละเอียด เทใส่ภาชนะที่จะแช่แข็งๆได้ ปิดฝา
7. แช่ตู้เย็นช่องทำน้ำแข็ง เมื่อแข็งแล้วนำออกมาสักพักเพื่อคลายความแข็งลง
ใช้ช้อนตักอร่อยได้เลย หรือมีที่ตักไอศกรีมเป็นก้อนๆก็ได้
การทำไอศกรีมเนื้อผลไม้กับหัวกะทิ ใช้ได้ทุกผลไม้ที่เป็นเนื้อไม่มีน้ำเนื้อไอศกรีมจะเนียนกว่าผลไม้ที่มีน้ำมาก ถ้าเป็นน้ำมากเนื้อไอศกรีมจะไม่เนียนจะเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ควรใช้ส่วนเนื้อผลไม้ 1 ส่วนหัวกะทิไม่มีหางกะทิรวมกับน้ำอย่างอื่น เช่น นมสด น้ำมะนาว นมข้น น้ำผึ้ง ฯ อีก 1 ส่วน ปั่นให้ละเอียดที่สุดแล้วก็นำแช่แข็ง ก็จะได้ไอศกรีมหวานเย็นหอมผลไม้สดที่อร่อยทำได้เองโดยไม่ต้องซื้อ ผลไม้บนต้นในบ้านที่ปลูกไว้ปลอดสารพิษ หรือจะซื้อมาก็ตาม เราจะควบคุมความหวานได้ด้วย ถ้าผลไม้หวานก็ไม่ต้องเพิ่มความหวานมาก เช่น ทุเรียนงอมๆ น้อยหน่า กล้วยหอม มะม่วงสุก ฯ ส่วน ท้อ อโวคาโด ใส่น้ำผึ้งจะอร่อยมาก ผลไม้รสเปรี้ยวก็ไม่ต้องเพิ่มมะนาว การทำให้เด็กๆ ใส่นมข้น นมสดไม่ใช้กะทิก็ได้ หอมอร่อยได้เช่นกัน
ไอติมมังคุดทุเรียนสูตรพิเศษฝากอีกวิธีค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/542399
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
หน้าตาน่ากินจังเลยจ้ะพี่ดา่ ชอบ ๆๆๆๆๆๆ
-สวัสดีครับ...
-น่าสนใจมากครับ..ไอศครีมผลไม้...
-หลายวันก่อนดูทีวีรายการหนึ่งเขาทำไอศครีมมะปราง
-ทำง่าย ๆ ครับ ปั่นเนื้อมะปรางให้ละเอียด เติมเกลือ น้ำเชื่อมนิดหน่อย ใส่ถุงและนำไปเขย่าในถังน้ำแข็งที่ใส่เกลือลงไปทำหมือนที่เขาทำน้ำอัดลมแท่งน่ะครับ ..ว่าจะลองทำดูเหมือนกัน 555
-ขอบคุณคร๊าบ!!
ว้าว ๆๆ ไอติมมังคุด
...น่ากินจังค่ะ...เพราะชอบมังคุด...มังคุดกวน...ขอบคุณค่ะ
พี่ดาขา
ชอบมากค่ะ
ช่วงนี้สงสารชาวสวนนะคะ ผลไม้แสนถูกค่ะ
คนชอบผลไม้อย่างดิฉัน ทานแบบไม่ยั้งเลยล่ะค่ะ
แต่กับไอติมมังคุด ทำไมหนอคนเค้าถึงไม่ค่อยทำขายกัน ทั้งที่ก็คงจะอร่อยล้ำนะคะ
คำอธิบายจากอาจารย์สุวัฒน์ ทรัพยะประภามาฝากนะคะ
Suwath Sapyaprapa "ในเนื้อเปลือกผลมังคุดมีสารแซนโทนมากกว่า 40 ชนิด สาร แอลฟา-แมงโกสติน เป็นผลึกสีเหลืองอยู่ภายในเนื้อเปลือก ก็เป็นสารแซนโทนตัวหนึ่งในกลุ่มสารแซนโทนที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งละลายได้ในน้ำร้อน ยังมีสารแซนโทนตัวอื่นๆอีก ที่อยู่ในรูปของไกลโคไซด์ ละลายได้ในน้ำ นอกจากกลุ่มสารแซนโทนแล้ว ในเนื้อเปลือกผลมังคุดยังมีกลุ่มสารแอนโทไซยานิ และ กลุ่มสารแทนนิน แยกเป็นคอนเด้นซ์แทนนิน ไฮโดรไลซาเบิ้ลแทนนิน ซึ่งเป็นสารพวกโพลีฟีนอล เมื่อรวมกันเข้าแล้วจึงมีคุณสมบัติร่วมกันอย่างที่นำไปใช้กันอยู่ การต้ม หรือ การนึ่ง เป็นการป้องกันสารเหล่านี้ถูกออกซิไซด์ทำให้ประโยชน์ของสารเหล่านี้เสียไป เคียวด้วยไฟอ่อนก็เพื่อให้สารต่างๆที่มีอยู่ในเนื้อเปลือกดังกล่าวซึมออกมา การสกัดสารแบบนี้อาจจะได้สารที่เป็นประโยชน์ไม่มากนักอย่างที่เขาว่า แต่ก็เพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ ซึ่งชาวบ้านทำตามได้ง่าย ก็เรามันนักวิจัยเท้าเปล่านะครับ วิจัยแบบลูกทุ่ง เกิดประโยชน์ได้ เท่านี้ก็พอใจแล้ว ส่วนนักวิจัยตัวจริงจะวิจัยต่อยอดให้ลึกกว่านี้ ก็ไม่มีใครห้ามนะครับ การนำเอาผลมังคุดต้มสุกไปสกัดแบบน้ำหมักเอนไซม์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะได้สารต่างๆที่มีอยู่ในเปลือกผลมังคุด ซึ่งสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานขึ้น แต่กว่าจะใช้ได้ก็ต้องรอนานเหมือนกัน ถ้าด่วนๆก็ต้มแล้วใช้เลย ดังนั้นจึงควรผสมผสานวิธีการนำสารในเปลือกผลมังคุด มาใช้ประโยชน์ให้ได้มากขึ้น นักวิจัยอาสา ควรทดลองทำดูแล้วรายงานผล ก็จะช่วยกันพัฒนาการดูแลสุขภาพแบบพึ่งพาตนเอง เพื่อคนไทยมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าต่อไปครับ "
นำคำตอบจากอาจารย์มาฝากนะคะ
Suwath Sapyaprapa " ในเนื้อเปลือกผลมังคุดมีสารแซนโทนมากกว่า 40 ชนิด สาร แอลฟา-แมงโกสติน เป็นผลึกสีเหลืองอยู่ภายในเนื้อเปลือก ก็เป็นสารแซนโทนตัวหนึ่งในกลุ่มสารแซนโทนที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งละลายได้ในน้ำร้อน ยังมีสารแซนโทนตัวอื่นๆอีก ที่อยู่ในรูปของไกลโคไซด์ ละลายได้ในน้ำ นอกจากกลุ่มสารแซนโทนแล้ว ในเนื้อเปลือกผลมังคุดยังมีกลุ่มสารแอนโทไซยานิ และ กลุ่มสารแทนนิน แยกเป็นคอนเด้นซ์แทนนิน ไฮโดรไลซาเบิ้ลแทนนิน ซึ่งเป็นสารพวกโพลีฟีนอล เมื่อรวมกันเข้าแล้วจึงมีคุณสมบัติร่วมกันอย่างที่นำไปใช้กันอยู่ การต้ม หรือ การนึ่ง เป็นการป้องกันสารเหล่านี้ถูกออกซิไซด์ทำให้ประโยชน์ของสารเหล่านี้เสียไป เคียวด้วยไฟอ่อนก็เพื่อให้สารต่างๆที่มีอยู่ในเนื้อเปลือกดังกล่าวซึมออกมา การสกัดสารแบบนี้อาจจะได้สารที่เป็นประโยชน์ไม่มากนักอย่างที่เขาว่า แต่ก็เพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ ซึ่งชาวบ้านทำตามได้ง่าย ก็เรามันนักวิจัยเท้าเปล่านะครับ วิจัยแบบลูกทุ่ง เกิดประโยชน์ได้ เท่านี้ก็พอใจแล้ว ส่วนนักวิจัยตัวจริงจะวิจัยต่อยอดให้ลึกกว่านี้ ก็ไม่มีใครห้ามนะครับ การนำเอาผลมังคุดต้มสุกไปสกัดแบบน้ำหมักเอนไซม์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะได้สารต่างๆที่มีอยู่ในเปลือกผลมังคุด ซึ่งสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานขึ้น แต่กว่าจะใช้ได้ก็ต้องรอนานเหมือนกัน ถ้าด่วนๆก็ต้มแล้วใช้เลย ดังนั้นจึงควรผสมผสานวิธีการนำสารในเปลือกผลมังคุด มาใช้ประโยชน์ให้ได้มากขึ้น นักวิจัยอาสา ควรทดลองทำดูแล้วรายงานผล ก็จะช่วยกันพัฒนาการดูแลสุขภาพแบบพึ่งพาตนเอง เพื่อคนไทยมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าต่อไปครับ "