ท้าทายไข้เลือดไม่ออก มติ war room 4G ของผม ให้ผู้ป่วยสงสัยไข้เลือดออก กินสมุนไพรไทย กับ สิงห์เหนือ(เชียงราย)เสือใต้(สงขลา)
1.มีWar room ทุกจังหวัด/ทุกอำเภอ
2.ให้รพท/รพศ รับผิดชอบการพัฒนาความพร้อมของแพทย์พยาบาล ด้านความรู้ จัดระบบส่งต่อ
3.แนวทางการดูแลผป.ให้ใช้แนวทางของกรมการแพทย์
4.ให้มี Dengue corner ในรพ.เพื่อคัดกรองผป.ไข้เลือดออก/สงสัยไข้เลือดออก
5.ผป.ไข้เลือดออกที่นอนรพ. ให้ทายากันยุงทุกราย
6.ค่า CI ในสถานบริการให้เป็น 0
7.ประสานข้อมูลผป.ระหว่างทีมงาน/หน่วยงาน เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการควบคุมโรค
8.ดูแลสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดโรค ทั้งแหล่งน้ำ/ขยะ
และพบว่าบางจังหวัด มีมติ ให้ รพ. เล็กส่งต่อผู้ป่วยไป รพ ใหญ่ เร็วขึ้น อย่ารอให้อาการหนัก แล้วค่อยส่ง จะรักษาไม่ทัน
เพราะที่ผ่านมา รอให้อาการหนักแล้วค่อยส่งต่อ จึงมีผป. เสียชีวิต นับสิบ ราย
สิงห์เหนือ เสือใต้ เป็นการเปรียบเทียบ ลีลา ชั้นเชิง ของจังหวัดใหญ่ ที่ ปัญหาไข้เลือดออกมาก
สิงห์เหนือ คือ เชียงราย ซึ่ง ขณะนี้ แซงหน้า เชียงใหม่ เป็นแชมป์ภาคเหนือไปแล้ว มีผป. เกือบ 1600 ราย ต่อประชากร 1.2 ล้าน
เสือใต้ คือ สงขลา ซึ่งขณะนี้ เป็นแชมป์พรีเมียร์ มาตั้งแต่ต้นปี มีผป. ต่อประชากรสูง แต่ดูเหมือนว่า จะเริ่มเสียแชมป์ประเทศ ให้จังหวัดกระบี่ หล่นมาอันดับสอง ด้วยสถิติ ผป. ประมาณ 3000 ราย ต่อประชากร 1.38 ล้านคน
สิ่งที่ต้องยั่วกัน คือ ทั้งสองเมือง มีมหาวิทยาลัย มี รพศ. ขนาดใหญ่ มี การสอนแแพทย์แผนไทยในมหาวิทยาลัย
แต่เชียงรายได้เปรียบเล็กน้อย คือ เปิดสอนมานานกว่า และ มีสอง สถาบันที่เปิดสอน คือ ราชภัฎ กับ แม่ฟ้าหลวง
สิ่งที่ต้องติดตาม ในวงการรักชาติแบบเท่ห์ๆ คือ จังหวัดไหน จะกล้าบอกประชาชนด้วยความมั่นใจ เป็นที่ยอมรับ หรือ พิสูจน์ ได้ก่อน ว่า ไข้เลือดออก รักษาบรรเทาอาการได้ด้วยสมุนไพร บางชนิด ที่หาได้ไม่ยาก ราคาไม่แพง
การทายากันยุง และ มาตรการปราบลูกน้ำ และยุงลาย ต้องการมาตรการเสริม คือ ลดไข้ได้ดี ด้วยสมุนไพร และ ลดความรุนแรงของโรคได้ด้วยสมุนไพร
แต่งานนี้ ต้องพิสูจน์ และ ต้องใจถึงอย่างมีหลักการว่า เลือกยาไทย อย่างรอบคอบ ใช้กับผป. และติดตามรายงานผลอย่างมั่นใจ และ ต้องอาศัยความร่วมมือ ระหว่าง ค่ายแพทย์แผนไทย กับ แพทย์แผนตะวันตก จึงจะบอกสาธารณะอย่างมั่นใจ
อีก10 ปี มีหวัง ได้คำตอบหรือเปล่าครับ ประชาชนโปรดฟังอีกครั้ง ไข้เลือดไม่ออก ด้วยสมุนไพรไทยอย่างง่าย
แต่ดูท่าทาง มาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ น่าจะออกงานวิจัยสมุนไพร ก่อนไทย เพราะเขามีนโยบายวิจัย และสนับสนุนชัดเจนกว่าเรา
ผู้เรียนรู้รุ่นหลัง
ความเห็น (1)
เรียนอ.หมอ
เขียนบันทึกนี้อ่านสนุก แช้มป์สิงห์ หเนือ เสือใต้ที่ไม่มีจังหวัดไหนอยากได้มาครอง
ความกล้าหาญของการตัดสินใจนำสมุนไพรมาใช้กับผู้ป่วยควรได้รับการสนับสนุนจากวงการแพทย์ นักวิชาการและ เจ้ากระทรวงธรรมการ รีบเร่ง และเปิดโอกาสให้ภูมิปัญญาไทยได้รับการสนับสนุนงานวิจัย หรือให้ลูกหลานเภสัชสมัยใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้สมุนไพรควบคู่กันไป เชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะมีพลังที่จะต่อยอดองค์ความรู้ และคงไม่นิ่งเฉยสบายด้วยการสั่งซื้อเขาเข้าเพียงอย่างเดียว มิเช่นนั้นแล้ว ต่อไปพืชผักสมุนไพรปลูกในบ้านเมืองเราแท้ๆแต่ลิขสิทธิ์สารกลับเป็นของต่างชาติ มันพิลึกนะคะ