พระเนื้อสำริดโบราณ จะมีองค์ประกอบหลักๆ 3 อย่าง คือ ทองคำ เงิน และ ทองแดง และโลหะอื่นๆที่ปนมาต่างๆอีกเล็กน้อย ตามธรรมดาของการถลุงโลหะแบบโบราณ
ทองคำจะออกสนิมน้ำหมาก ทั้งในเนื้อ ที่เรียกว่า "กระแสทอง" และคราบแดงๆที่ผิว
เงิน จะออกสนิมดำๆ เทาๆ เป็นเกล็ดๆ หรือปื้นๆ ที่เรียกเป็นชื่อเปรียบเทียบ ว่า "สนิมตีนกา"
ทองแดง จะออกสนิมหยก ที่เท่าที่สังเกตจะอยู่ไม่เกิน 200 ปี ในสภาพแวดล้อมของธรรมชาติ
ในดิน และในกรุ (แต่ถ้าเก็บรักษาดี น่าจะอยู่ได้นานกว่านั้น)
ดังนั้นการแยกเนื้อสำริดโบราณ ออกจากสำริดสมัยใหม่ ก็ดูที่เนื้อทองแดง หรือทองเหลือง และสนิมหยก ยังมีมากน้อยแค่ไหน
ถ้ามีมากก็ใหม่ มีน้อย หรือแทบไม่มีเลยก็เก่า
โดยที่ทองคำ และเงินต้องเกิดสนิมพราว ทั้งในเนื้อและที่ผิว
ดังนั้น ถ้าเนื้อเก่าก็พระเก่า เนื้อใหม่ก็พระใหม่ เนื้อไม่ใหม่ ไม่เก่า ผิวแต่งสีมาก็พระเก๊ เท่านั้นเอง
ง่ายๆ แค่นี้ครับ
เช่น
พระเนื้อสำริดแก่ทอง มีเงินนิดหน่อย สีจะออกสีทองและสีเงินประมาณนี้
เข้าห้องเรียนครับ
สวัสดีครับอาจารย์ ผมไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับคอม มากนักไม่รู้ว่าบทเรียนที่อาจารย์โพสสอนในคอมเมื่อมันมากเข้ามันจะลบหรือเปล่า กลัวว่าเวลาจะกลับมาทบทวนมันจะหายไป อิอิอิอิอิอิอิเด็กโง่ ขอบคุณครับ
สนิมแดง กับสนิมน้ำหมาก สีต่างกันยังไงครับ อาจารย์ช่วยยกตัวอย่างให้ดูด้วยครับ
ก็เกินไปครับ สนิมแดงเป็นชื่อเรียกสนิมตะกั่ว สนิมน้ำหมากเป็นชื่อเรียกสนิมทอง จะไม่ยอมอ่านอะไรเลยหรือครับ
ถามอย่างเดียวจริงๆ อิอิอิอิ
ชอบมากครับ ความรู้ล้วนๆ