พรุพลีควาย...วิถีชุมชนกำลังหายไปกับโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำ...


น้ำจากพรุพลีควายไม่มีผลกับการท่วมของน้ำในหาดใหญ่แน่นอน แต่โครงการนี้ก็พยายามที่จะประโคมข่าวให้ดูน่ากลัว...โดยไม่ได้มองหลักความเป็นจริง...ทิ้งความเป็นคนไทย...ไม่สนใจถึงวิถีการดำเนินชีวิตของตนในชุมชน....

...เป็นความคิดของคนกลุ่มใดที่เอาโครงการนี้ลงมา...ระเบิดได้เกิดขึ้นแล้วกับชาวบ้านตาดำๆ หลังจากที่โครงการนี้ได้รับการอนุมัติ สงสารบรรพชนของคนพลีควายจริงๆ...ที่ลูกหลานร่วมกันรักษาผืนแผ่นดินที่ทำกินไว้ไม่ได้... โครงการนีไม่ได้เกิดจากความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่...แต่ประชาชนในพื้นที่ต้องเดือดร้อนเพราะโครงการนี้หลังจากที่โครงการนี้เสร็จสิ้นลง... เมื่อนั้นคนใหญ่คนโตทั้งในและนอกพื้นที่อยู่สุขสบายแต่ ลูกหลาน ปู่ย่า ตายาย ของคนพลีควายสุดแสนจะลำบาก....
           เริ่มที่วัตถุประสงค์ของโครงการขัดแย้งกับความเป็นจริง  เป็นเพียงคำโป้ปดหลอกลวงเพื่อให้โครงการนี้ผ่านเท่านั้น...เป็นการสร้างเรื่องเหมือนกระต่ายตื่นตูม...ทั้งที่ไม่ได้ดูอะไรให้มันแน่ชัดลึกซึ้ง มาดูกันนะครับ...
            วัตถุประสงค์โครงการข้อที่ 1    เป็นการสร้างแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับอุปโภค-บริโภคให้กับคน 750 ครัวเรือน   สิ่งที่ชวนสังเกตคือ เกิดที่ บ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 4 ตำบลพิจิตร อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เกิดปี พ.ศ. 2513 (ก็ 42 ปี) แล้วนะครับ...ตั้งแต่ผมเกิดมา คนบ้านพลีควาย บ้านโคกสัก บ้านทุ่งฆ้อ บ้านวังช้าง  ไม่เคยขาดน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค ชาวบ้านใช้น้ำบ่อ ทุกบ้านมีบ่อน้ำเป็นของตนเอง... เพราะฉะนั้นโครงการที่ว่าเป็นแหล่งน้ำต้นทุนนั้นไม่ใช่  เพราะแหล่งน้ำต้นทุนของชาวบ้านคือน้ำบ่อ...สำหรับอุปโภค-บริโภค  และตรงกันข้ามหากโครงการนี้เสร็จเท่ากับว่าโครงการนี้ทำลายแหล่งน้ำต้นทุนเดิมของชาวบ้านจนหมดสิ้น...เพราะเมื่อถึงช่วงฤดูแล้งน้ำหน้าดินจะไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำ (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "น้ำเด็ด") จนน้ำหน้าดินหมด...แล้วพื้ชผลที่เป็นพืชสวนบริเวณรอบๆ ก็จะเฉาตาย เหมือนในทะเลทราย...เพราะน้ำหน้าดินหมด...         
            วัตถุประสงค์ของโครงการข้อที่ 2     เป็นแหล่งน้ำต้นทุนทางการเกษตรนั้น ตอบหน่อยครับว่าไปใช้ที่ไหน...เพราะพื้นที่ทำการเกษตรที่ต้องใช้น้ำเป็นหลักคือการทำนา...แต่เมื่อที่นาของชาวบ้านพลีควาย และหมู่บ้านใกล้เคียงถูกเวนคืนและขุดเป็นอ่างแล้วจะนำน้ำจากอ่างไปใช้ที่ใหน อย่าบอกเลยว่านำไปใช้พื้นที่สวนรอบโครงการ เพราะคำว่าพรุ อยู่ต่ำกว่าระดับดินที่สวน ยิ่งนำพรุไปขุดเป็นอ่างเก็บน้ำก็ยิ่งต่ำลงไปอีก...จะส่งน้ำให้ชาวบ้านใช้อย่างไร...หรือจะสร้างโรงกลั่นน้ำมันเพื่อเอาน้ำมันมาสูบน้ำแจกจ่ายให้ชาวบ้าน....
            วัตถุประสงค์ของโครงการข้อที่ 3   บรรเทาอุทกภัยในอำเภอนาหม่อม และพื้นที่ใกล้เคียง ถ้าใครเป็นคนพลีควาย เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนพลีควาย เคยกินข้าวที่ได้จากท้องนาของพรุพลีควาย จะรู้ว่า พรุพลีควายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ...เป็นแหล่งรองรับน้ำ...เหมือนกับแก้มลิงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ...เป็นที่กักเก็บน้ำเพียงพอในการทำนาปี...เป็นพื้นที่ปลูกถั่วลิสง ปลูกแตงโม แตงกวา เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์หลังฤดูการเก็บเกี่ยว เป็นสถานที่วิ่งเล่นของเด็กๆ  เป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของคนในชุมชน ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา  โดยเฉพาะ หอยขม พรุพลีควายเป็นที่เลื่องชื่อในการเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ของอาหาร แต่เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของคนในชุมชนเปลี่ยนไป  น้ำที่พรุพลีควายไม่ใช่น้ำท่วม แต่เป็นน้ำนองในช่วงฤดูฝน และจะแห้งเมื่อฝนหยุดไม่เกิน 3 วัน  ถ้าจะบอกว่าน้ำไปท่วมหาดใหญ่ บอกได้ว่าน้ำไปจากพรุพลีควายเข้าหาดใหญ่ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็น ของน้ำในหาดใหญ่ในแต่ละปี แต่น้ำที่เข้าหาดใหญ่เป็นน้ำจากอำเภอสะเดา และจากอำเภอนาทวี...ตอนเด็กๆ ผมจำได้ ปี 2531 ฝนตกหนัก น้ำที่พลีควายยังไม่มี วิทยุโทรทัศน์ ออกข่าวน้ำท่วม  กระเสน้ำพัดพาเอาวัวควาย สัคว์เลี้ยง แถวๆ รอยต่อนาทวี กับหาดใหญ่ ใหลลงสู่คลองอู่ตะเภา แต่ที่พลีควายน้ำยังไม่เต็มพื้นที่เลย...เพราะฉะนั้นน้ำจากพรุพลีควายไม่มีผลกับการท่วมของน้ำในหาดใหญ่แน่นอน แต่โครงการนี้ก็พยายามที่จะประโคมข่าวให้ดูน่ากลัว...โดยไม่ได้มองหลักความเป็นจริง...ทิ้งความเป็นคนไทย...ไม่สนใจถึงวิถีการดำเนินชีวิตของตนในชุมชน....
           ตามความคิดของผมคิดว่า  ภาครัฐกำลังเดินผิดทาง...เหมือนคนตาบอด....หน่วยงานที่น่าจะลงมาแก้ไขวิกฤตของพรุพลีควายนั้นน่าจะเป็น กรมพัฒนาชุมชน  กรมการเกษตร  เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนตามสภาพพื้นที่ และวิถีชีวิตที่เขาเป็นอยู่...แต่กลับเป็น กรมชลประทาน  ซึ่งได้ขุดที่ทำกินของชาวบ้านที่ได้รับผลประโยชน์แค่ค่าเวนคืนที่ดิน หมดแล้วหมดเลย ที่ดินของบรรพชน  ที่ดินของบรรพบุรุษ ที่สร้างไว้ให้ลูกหลานได้ทำมาหากิน  แต่ลูกหลานก็สู้แรงกระแทก  การบีบคัน การกดดันของคนภาครัฐ (หน่วยงาน องค์กร นักวิชาการจากสถาบันต่างๆ) ซึ่งล้วนแล้วแต่หลอกลวงทั้งสิ้น ชาวบ้านเหมือนตกอยู่ในกำมือของยักษ์ ที่คอยบีบทีละน้อยจนในที่สุดก็ต้องยอม...สู้ไม่ได้ทั้งอำนาจ และเงินตรา....เท่าที่ทราบ คนที่มายกมือในที่ประชุมรับโครงการไม่ใช่คนพลีควาย ไม่ได้เป็นคนบ้านโคกสัก  ไม่ได้เป็นตนบ้านทุ่งฆ้อ ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของโครงการ แต่กลับนำคนขนคนจากพื้นที่อื่นโดยการว่าจ้างให้มานั่งยกมือเห็นชอบ...เพื่อผลประโยชน์ใช่หรือไม่ถึงยอมทำกันถึงขนาดนั้น... ไม่แน่ใจว่าพื้นที่เกษตร  500 ไร่ที่คุณกล่าวถึงในวัตถุประสงค์ของโครงการนั้นอยู่ตรงใหน...แต่สำหรับคนพลีควายไม่มีพื้นที่ทำการเกษตร เพราะพื้นที่ทำนาเพื่อการบริโภคในชุมชนหมดไป...และพื้นที่การเกษตรที่เป็นพื้นที่สวนก็กำลังจะได้รับผลกระทบหลังจากโครงการนี้เสร็จและเข้าสู่ฤดูแล้ง...เพราะน้ำหน้าดินจะใหลลงอ่างเก็บน้ำหมด พืชสวนแห้งเหี่ยว  ล้มตาย....ถึงตอนนั้นก็คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้... โครงการนี้คิดเพียงสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อเอางบประมาณลงมาในพื้นที่เท่านั้น ผลประโยชน์ที่เกิดกับประชาชนเจ้าของพื้นที่ไม่มีเลย...เมื่อถึงหน้าแล้วน้ำต้นทุนของชุมชน น้ำบ่อก็จะแห้งขอด เพราะน้ำลงไปอยู่ในอ่างหมด... ซึ่งโครงการต่อเนื่องของท่านก็คือนำน้ำในอ่างเก็บน้ำขึ้นมาทำน้ำประปากลับมาขายประชาชน....นับเป็นการคุ้มค่ามากของคนพลีควาย  คนโคกสัก  คนคลองบ่วง คนวังช้าง ที่ต้องสูญเสียที่ดินที่ทำกินกับการสร้างอ่างเก็บน้ำ เพื่อซื้อน้ำจากอ่างมาดื่มกิน.... อนิจจา...ประเทศไทย...ถึงเวลาเสียดินแดน...ลูกหลานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงของปวงชาวไทย....รักษาแผ่นดินไว้ได้แค่นี้แล้ว.....

หมายเลขบันทึก: 533144เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2013 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2013 10:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีครับ

              การนั่งจับเข่าคุยกันเองของคนในพื้นที่จำเป็นมากครับ  เพราะเขาเหล่านั้นอาจะไม่รู้  ไม่เข้าใจในผลกระทบต่อระบบนิเวศที่ต้องหายไป   รายละเอียดที่คุณบันทึกดีมาก  นำถอดบันทึกลงกระดาษถ้ายเอกสารแจกจ่ายให้ชุมชนรับรู้    น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด  อย่ารอจนสายเกินแก้ครับ   ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ

ขอบคุณคุณครูมากนะครับ...ที่ได้เล่าเรื่องราวดีๆ ให้ฟัง...และสะท้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราครับ

ตามมาให้กำลังใจ

ลองรวมกลุ่มชาวบ้านดีไหมครับ

กรมชลประทานทำโครงการฯโดยไม่ให้ข้อมูลชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบ เช่น โครงการผันน้ำคลองเรียนลงสู่คลองหวะ ชาวบ้านคลองหวะไม่รู้ว่าถูกน้ำท่วมหนักขึ้นเพราะอะไร เห็นใจชาวบ้านตาดำๆจริงๆ

ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้กำลังใจ...ผมไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก...เวลากลับบ้านก็จะหาเวลาไปนั่งคุยปรึกษากับเพื่อนบ้านข้างเคียง...บ้านผมอยู่ติดพื้นที่โครงการเลยครับ...ที่นาหนึ่งแปลงที่พ่อมอบกรรมสิทธิ์ให้น้องชายผมก็ติดอยู่ในโครงการด้วยครับ... สรุปได้ว่าลูกหลานคนพลีควายไม่ได้ใช้พื้นที่ของบรรพบรุษอีกต่อไป...ไม่มีท้องทุ่งให้เด็กๆได้เล่นว่าว...ไม่ได้วิดลูกคลัก...ไม่ได้ธงเบ็ด...ไม่ทีทุ่งเลี้ยงวัว...ไม่มีที่ให้เด็กได้วิ่งไล่หนูพุก...หมดหอยขม...หมดแมงดานา...หมดปลากัด...


ผมเป็นคนหนึ่งที่เกิดที่พลีควายและก็โตที่นั่น มันก็จริงอย่างข้อความของอาจารย์ที่ว่าพรุพลีควายแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนจิงๆๆ ที่นาของผมกับญาติๆผมก็ติดไปกับการเวรคืนของพรุพลีควายนี้ด้วย แต่ตอนนี้ถ้าใครลงไปดูจะพบว่าการจ่ายเงินเวรคืนของที่แต่ละแปลงแทบไม่เหมือนกัน แถมยังไม่ได้จ่ายเงินเวรคืนพวกนักการเมืองก็ทำการขุดดินออกไปขายเป็นดินถม เจ้าของที่ต้องคอยระวังเหมือนกับเจ้าหน้าที่มาขโมยของชาวบ้าน เหนื่อยจิงๆๆๆกับโครงการนี้ ยังไงก็สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้อาจารย์นะคับ เพราะชาวบ้านโดนหลวกมาเยอะละ

อันที่จริงเป็นความเฮงซวยไร้จิตสำนึกของนักการเมืองท้องถิ่นเอง บวก กับพนง.กรมชล ที่ดูแลโครงการนี้เห็นแก่ได้และกลัวความผิด

1. โครงการนี้มีมาเพราะอ้างน้ำท่วมหาดใหญ่และอ้างว่าจะสร้างอ้างเก็บน้ำแก้มลิงตามโครงการพระราชดำริ (จริงอยู่แก้มลิงเป็นโครงการพระราชดำริ  แต่ๆไม่ใโครงการน)  เพียงแค่เอาชื่อมาอ้างให้คนเข้าใจผิดว่าทรงประทานให้      ดังนั้นนักการเมืองเริ่มหาแนวทาง พักพวก รวบรวมผุเกี่ยวข้องเพื่อพลักดัน ให้สำรวจความเป็นไปได้ที่จะสร้าง  อันที่จริงกรมชล พิจารณาไว้หลายพื้นที่  นักการเมืองเริ่มใช้กำลังภายในเพื่อดูดโครงการมาลงที่พลีควาย   เพราะเขามองการณ์ไกล (วิสัยทัศน์ผู้นำ ตามตำราเียนทั่วไป )  น่าจะหาผลประโยชน์จาก การนี้  ทั้งทางทรัพย์สินและการเมือง   มีแต่การพูดคุยให้ข้อมูลแก่ประชาชนในด้านบวก ผมไม่เคยได้ยินใครแหลงว่ามีไหรเป็นข้อเสียบ้างที่เป็นวิชาการสักหีด  มีชาวบ้านคิดไปเองพันนี้พันนั้น

2. พนง.กรมชล   คงได้มั้งตามระบบการทำงานนอกกฎเกณฑ์ของประเทศไทย  เร่งรัดทำแบบก่อสร้าง  เร่งรัดให้นักการเมืองแก้ปัญหาติดขัดที่ชาวบ้านให้ได้  แรกได้ข้อมูลผิดๆจากนักการเมืองท้องถิ่น  พอทำแบบแล้วมาแลเข้าจริง  มีดินบางแปลงชาวบ้านทำสวนมั้ง ยกร่องปลูกยางมั้ง  ต้องแก้แบบใหม่  วาดแนวขอบเขตใหม่  ตอนนี้แหละเริ่มร้อนดุเดือด   เจ้านายข้างเร่งให้ส่งแบเพราะจะนำเสนอให้ทันปีงบประมาณ  ข้างล่างกะเคลียร์ชาวบ้านได้ไม่หมด  ถ้าส่งไปแล้วมาแก้ที่หลังตัวเองทำงานกินเบี้ยหลวงกลัวความผืด

    แต่ดีหีดที่เขามีจรรยาบรรณอยู่บ้าง  หลังฝังคำวอนของประชาชนบ้างตัดเขตบางสวนออก

  โครงการนี้น่าเห็นดูประชาชนที่สุด

อยู่มาอายุเกือบครึ่งชีวิต ไม่เคยมีปีไหนที่บ่อน้ำที่บ้านแห้ง หลังจากโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควายดำเนินการใกล้สิ้นสุดโครงการ คือช่วงเมษา 57 เวลานี้ บ่อน้ำที่บ้านแห้งเหมือนดังที่ครูราญบอก น้ำหนัาดินไหลลงสู่พรุจิงๆๆด้วย. ธรรมชาติหายไปไม่สามารถเอาคืนมาได้อีกแล้ว

เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ เห็นการทำโครงการทุกวัน สงสัยโครงการอะไรกันแน่ โครงการอ่างเก็บน้ำ หรือโครงการทำเหมืองทราย เห็นโครงการที่อ่างมีแต่รถบรรทุกทราย และแม็คโครตักทราย มีที่ดูดทราย

ตอนนี้ บ้านคลองบ่วง พลีควาย โซนรอบๆ อ่างเก็บน้ำ
น้ำบ่อแห้ง ชาวบ้านต้องซื้อน้ำกิน
โครงการน้ำประปาหมู่บ้านตามโครงการก็ไม่มี
ประชาชนเดือดร้อน
ขณะที่คนบางกลุ่มกำลังกอบโกย
การแก้ปัญหาของส่วนท้องถิ่น .....ไม่มี
ชาวบ้านตาสีตาสา จะพึ่งพาใคร

http://www.publicconsultation.opm.go.th/phs/new_ph...
เจอเว็บโครงการ ในเว็บสำนักนายกฯ ช่วยกันเข้าไปสะท้อนเสียงของพวกเรากันครับ
เพื่อบ้านพวกเราเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท