เคยสงสัยครูพี่ที่เข้าสู่โครงการเกษียณก่อนกำหนด ตั้งคำถามไว้ในใจว่า ทำไมครูพี่จึงต้องทำแบบนี้ มองไม่เห็นความลำบากใจ ลำบากกายอะไรของครูพี่เลย ที่จะทำให้ครูพี่คิดลาออกจากราชการ
ความจำเป็นของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป บางคนสุขภาพไม่ดี บางคนคิดว่าไร้ความสามารถ บางคนเบื่อๆ บางคนมีงานส่วนตัวรองรับ บางคนลูกเต้าโตหมดแล้ว ไม่มีห่วงอะไรที่จะต้องทำงานหาเลี้ยงชีพต่อไปอีก
ครูอ้อยสังเกตพี่ครูที่เข้าสู่โครงการนี้ แอบมองครูพี่แล้ว ไม่น่าออกเลย อดทนอีกนิด เงินเดือนก็ขึ้นอยู่เรื่อยๆ นี่คือความคิดของครูอ้อยเมื่อปีที่แล้ว
การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้น เมื่อผ่านจนมาถึงวันนี้ ครูอ้อยเปลี่ยนแปลงความคิด และเริ่มมีความเห็นด้วยที่พี่ครูได้ตัดสินใจลงไป
ครูอ้อยป่วยกายและเริ่มจะป่วยใจ ทรุดหนักลงทุกวัน ต่อจากนี้ไปอาจจะเกินกว่าเยียวยา และอาจจะเบาที่สุด คือ ขอย้ายตัวเองผันสู่ชนบท หากไม่มีใครให้ขวัญและกำลังใจ หันมาสนใจอาจจะตัดสินใจลาออกเดือนตุลาคมนี้เลย
การเรียนรู้อะไรก็ไม่ดีเท่าการเรียนรู้ด้วยตนเอง ประสบกับตนเองจะรู้ดีเลยว่า เราไม่มีค่าสำคัญอะไร
ผู้หญิงแต่งตัวสวย ก็หวังให้คนมอง
การทำงานก็เช่นกัน ทำไปแล้ว ไม่มีใครสนใจก็คงจะต้องกลับมาพิจารณาตนเองบ้าง เผื่อว่าคนรุ่นใหม่ เขาพัฒนาไปได้เร็วและเป็นที่น่าเชื่อถือมากกว่า มีประโยชน์ให้กับเขามากกว่า เราก็กลับคืนสู่ดินที่เราเดินจากมา น่าจะดีกว่ามากมาย
อยากให้กำลังใจคุณครูอ้อยว่า เราทำ เรารู้ค่าของเราแล้วไงคะ
นักเรียนของคุณครูอีกมากมายที่ได้รับผลการทำงานของคุณครูที่ดี ๆ
^_,^
ความคิดนั้น อาจเกิดเมื่อวาน แล้ววันนี้อาจเปลี่ยนไป
หากเราทำดีที่สุดแล้ว และไม่ได้เป็นผลเสีย
อยากให้ทบทวนความคิดอีกครั้งคะ
"ทำไปแล้ว ไม่มีใครสนใจก็คงจะต้องกลับมาพิจารณาตนเองบ้าง" ตรงใจค่ะ
สังคมของเราดีได้ เพราะ คนดีไม่ยอมแพ้ ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูอ้อย ท้อแท้เกิดได้แต่อย่ายอมแพ้ครับคุณครู เชื่อว่าคุณครูอ้อยต้องมีครูน้องที่มองครูอ้อยเป็นไอดอลอยู่่บ้าง กลุ่มครูดีต้องเป็นน้ำดีเจือจางขับดันไล่น้ำเสียไปครับ เชื่อมั่นในพลังบวกของคุณครูอ้อยครับ