ความสำคัญของเอกชนในทางระหว่างประเทศ

แม้รัฐและองค์การระหว่างประเทศจะเป็นผู้ทรงสิทธิในทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เอกชนแม้จะไม่ใช่ผู้ทรงสิทธิ แต่ก็ยังคงมีความสำคัญในทางระหว่างประเทศเช่นกัน

      ผู้ทรงสิทธิในทางระหว่างประเทศที่สำคัญมี 2 ประเภท คือ รัฐและองค์การระหว่างประเทศ ดังนั้น กฎหมายระหว่างประเทศจึงมุ่งเน้นที่จะกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ทรงสิทธิทั้งสองประเภทเป็นสำคัญ       อย่างไรก็ตาม เอกชน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ก็มีความสำคัญในทางระหว่างประเทศเช่นกัน โดยเอกชนจะทำหน้าที่ในการเป็นตัวแทนในการขับเคลื่อนความคิดของประชาคม จนก่อให้เกิดวิวัฒนาการของสิ่งต่าง ๆ        หากสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่จากการกระทำของเอกชนเป็นสิ่งที่สำคัญหรือส่งผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ รัฐก็จำเป็นที่จะต้องตรากฎหมายขึ้นมาควบคุมสิ่งใหม่นั้น แต่ถ้าผลกระทบนั้นมีต่อสังคมโลก  ประชาคมโลกก็จะร่วมกันสร้างกฎหมายขึ้นมาควบคุมสิ่งนั้นเช่นกัน        การซื้อขายระหว่างประเทศถือเป็นวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเอกชนที่เห็นได้อย่างเด่นชัด เมื่อมีการซื้อขายข้ามพรมแดน รัฐจึงจำเป็นต้องกำหนดสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาให้ชัดเจน ไม่ว่าคู่สัญญานั้นจะเป็นคนชาติของตนหรือไม่ก็ตาม          ในทางระหว่างประเทศก็มีการตรากฎหมายขึ้นมาควบคุมการซื้อขายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ ค.ศ.1980 ก็เป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่กำหนดสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาที่เป็นเอกชนไว้เช่นกัน        จากที่กล่าวมานี้ อาจสรุปได้ว่า เอกชนก็มีบทบาทในทางระหว่างประเทศ ไม่ต่างจากรัฐหรือองค์การระหว่างประเทศเลย

[อมรินทร์ ม่วงมณี]

เห็นด้วยอย่างยิ่่งครับ  โดยเฉพาะเอกชนที่มีลักษณะข้ามชาติอย่างเช่นบริษัทข้ามชาตที่มีขนาดใหญ่และมีเครือข่ายครอบคลุมทุกภูมิภาคของโลก  จนปัจจุบันนี้  บริษัทเหล่านั้นกลายเป็นบริษัทที่ไร้สัญชาติไปแล้ว  อีกทั้งบริษัทเหล่านั้นยังมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจหรือบางครั้งมีอิทธิพลทางการเมืองในรัฐเหล่านั้นด้วยซ้ำไป

[นางสาว ธนวรรณ เตชะวิจิตร์]

เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ  ว่าในปัจจับันเอกชนก็เข้ามามีบทบาทในกฎหมายระหว่างประเทศมากขึ้น  ไม่ใช่เพียงแต่รัฐและองค์การระหว่างประเทศอย่างเดียว