แรมคืน ณ หาดสามพระยา ( 2 )


แรมคืน ณ หาดสามประยา









  



 24 ก.พ. 56  ณ หาดสามพระยา คุณมะเดื่อ ตื่นประมาณ 

ตี 5 หวังจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบทะเล  อากาศช่วง

หัวค่ำร้อน  แต่ยามเช้า อากาศกลับสดชื่น เย็นสบาย  น้ำ

ทะเลขึ้นมาถึงชายหาด คลื่นไม่แรงนัก แต่ท้องฟ้ายังมีเมฆ

อยู่ คิดว่าคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลแน่ ๆ   จึง

ออกไปเดินเล่นชายหาด  เห็นกลุ่มนักเรียนจากสุพรรณบุรี 

ออกไปเดินเล่นที่ชายหาด  




สักพักจึงกลับไปที่ครัวชั่วคราวของกลุ่ม  พี่น้อย กับครู

น้อย (ครู ศพด.วัดอู่ตะเภา ) ตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวต้มแล้ว คุณ

มะเดื่อจึงรวบรวมจานชามไปล้าง  กลับมาอีกครั้ง คุณครู

สุรสิทธิ์แบกกล้องวิดีโอเอาภาพพระอาทิตย์ขึ้นจาก

ทะเลมาอวด...โห...สวยงามสุดบรรยาย อ่ะ  อุตส่าห์ตื่นมารอ

ดู...อดดูของจริงเลย  บอกคุณครูสุรสิทธิ์ว่าให้ช่วยส่งภาพ

นั้นไปให้คุณมะเดื่อให้จงได้ ...  คุณครูสุรสิทธิ์ก็ส่งภาพให้

เร็วทันใจ....จึงนำมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันแล้วจ้ะ







เช้านี้ ทุก  ๆ คนก็ทำกิจกรรมกันตามอัธยาศัย บ้างก็เตรียม

เก็บข้าวของ




ดื่มกาแฟ




 เล่นเปตอง ออกกำลังกาย






ตกปลา




พาลูกไปเล่นน้ำทะเล ( ครอบครัวเพื่อนใหม่จากบางปู)




 หรือ เดินดูเปลือกหอยสวย ๆ   เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย

จริง ๆ 




ก่อนแยกย้ายกันกลับ ก็มาถ่ายภาพร่วมกันไว้เป็นที่ระลึก 

และตกลงกันไว้ว่า ปลายเดือนมีนาคม 56 จะไปกางเต็นท์

พักแรมกันที่ อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรีจ้ะ ( เพื่อน ๆ คนใด

สนใจจะร่วมทีมก็ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ )




คุณมะเดื่อกับอีก 3 - 4 คน แยกไปที่สำนักสงฆ์เขาถ้ำพระ

ประทุน เพราะมีบางคนยังไม่เคยไปเลย  วันนี้สำนักสงฆ์

พัฒนาไปมาก ตัวสำนักสงฆ์เป็นอาคารสวยงามแล้ว




นอกจากนั้น ยังมีพระบรมสารีริกธาติประดิษฐานอยู่ที่

สำนักสงฆ์แห่งนี้ด้วย คุณมะเดื่อกับคณะจึงถือโอกาสกราบ

นมัสการเพื่อเป็นศิริมงคล


หลังจากนั้นจึงตรงไปยังถ้ำพระประทุน แต่เนื่องจากไม่ได้

ติดต่อผู้นำทางไว้ล่วงหน้าจึงไม่ได้ลงไปภายในถ้ำชั้นใน







ลงไปในถ้ำชั้นนอก  สังเกตเห็นว่า มีจุดที่น้ำหยดจากเพดาน

ถ้ำซึ่งหมายถึง กำลังมีหินงอก หินย้อยเกิดใหม่  3 จุด




จุดที่มีน้ำหยดจากเพดานถ้ำจุดนี้ หน้าตาเหมือนไข่ดาว




ตรงนี้เป็นหยดเล็กกว่าหยดแรก  ลักษณะนี้เป็นลักษณะของ

ถ้ำที่เรียกว่า  " ถ้ำเป็น "


ลงจากถ้ำพระประทุน พวกเราจึงไปยัง " ถ้ำวิเวก"  ซึ่งอยู่อีก

ด้านหนึ่งของสำนักสงฆ์  ซึ่งทางด้านนี้ยังมีอีกหลายถ้ำ แต่

คุณมะเดื่อยังไม่เคยไปดูเลย




ตรงหน้าถ้ำมีกุฏิสงฆ์เล็ก ๆ อยู่ 2 หลัง ข้าง ๆ กุฏิมีถ้ำอยู่ 2 

ถ้ำ คือ ถ้ำวิเวก  และถ้ำที่ยังไม่มีชื่อ  คุณครูจูนขอนั่งพักหน้า

กุฏิก่อนจะไปดูถ้ำ




ถ้ำวิเวก....ดูภายนอกแคบ ๆ แล้วมีโพรงถ้ำเล็ก ๆ ลึกลงไป 

คุณมะเดื่อกับคณะ ไม่ได้ลงไปในถ้ำ  แต่พระภิกษุที่กุฏิบอก

ว่า ภายในถ้ำนี้เป็นห้องโถงกว้างขวาง บรรจุคนได้นับ

ร้อย..ทีเดียว






มาถึงอีกถ้ำหนึ่งที่ยังไม่มีชื่อ อยู่ข้าง ๆ กุฏิสงฆ์อีกหลังหนึ่ง 

ปากถ้ำทั้งเล็ก และแคบ พอให้คนเอาตัวลอดไปได้  แต่มี

ความน่าสนใจมาก ๆ พระคุณเจ้าที่นำทาง บอกว่า ตรงปาก

ถ้ำนี้ มีหินอยู่ก้อนหนึ่ง ( ศรชี้ ) เมื่อเคาะแล้วจะเกิดเสียงดัง

กังวานเหมือนกับเคาะโลหะ  ผิดจากหินทุกก้อน แล้วท่านก็

เคาะให้ดู  เหมือนเสียงเคาะโลหะจริง ๆ  คุณมะเดื่อลองเคาะ

ดูบ้างก็มีเสียงเหมือนเคาะเหล็ก  พระคุณเจ้าบอกว่า ถ้ำนี้มี

คำบอกเล่าต่อ ๆ กันว่า มีเหล็กไหล แต่จะจริงหรือไม่คงไม่มี

ใครรับรองได้  และภายในถ้ำยังลึกลงไป ยังสำรวจไม่ทั่ว






ระหว่างทางที่เดินกลับลงมาจากถ้ำ  คุณมะเดื่อเจอกับต้น 

" กล้วยเต่า "  หรือ   " ต้นตับเต่า " ตามชื่อเรียกในท้องถิ่น 

ซึ่งที่ภูเขาแห่งนี้มีกระจายอยู่ทั่วไป  แต่ทุกครั้งที่เห็น ไม่เคย

เห็นลูกเล็ก ๆ เหมือนกล้วยไข่ ของมันเลย  ได้ความว่า เมื่อ

มันออกลูกสุก จะมีชาวบ้านขึ้นมาเก็บเอาไปทำยา  แต่มา

คราวนี้เจอลูกกล้วยเต่า ที่มีสุก ๆ ด้วย อาจจะเป็นส่วนที่ยัง

หลงเหลือจากการเก็บของชาวบ้านก็ได้




ก่อนกลับ ท่านครูบา ได้มอบพระองค์เล็ก ๆ ให้กับพวกเรา

ทุกคนเพื่อนำกลับไปบูชาเป็นศิริมงคง




จากนั้นพวกเราแยกกันเป็น 2 กลุ่ม  คุณมะเดื่อ  พี่น้อย  และ

คุณครูพรทิพย์  กลับไปยังอุทยานเขาแดง เพื่อขึ้นไปยังจุด

ชมวิวของยอดเขาแดง  คุณมะเดื่อยังไม่เคยขึ้นไปเหมือน

กัน ทางขึ้นค่อนข้างสะดวก แต่ก็ต้องป่ายปีนไปตามก้อนหิน 

เหนี่ยวต้นไม้ไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ชันมาก




ระหว่างทางพวกเราได้พบกับนักท่องเที่ยวทั้งไทย ทั้งต่าง

ชาติที่มาขึ้นจุดชมวิวหลายคนด้วยกัน


เนื่องจากพี่น้อยเพิ่งออกจากโรงพยายาล ได้ไม่นาน  และเส้นทางช่วงสุดท้ายที่จะถึงยอดเขาค่อนข้างชันด้วย  

คุณมะเดื่อกับพี่น้อย จึงขอขึ้นไปชมวิวแค่จุดพักชมวิวแรก

เท่านั้น  ส่วนคุณครูพรทิพย์ไปต่อถึงจุดชมวิวสูงสุด กลับลง

มาบอกว่า  " สุดยอดของความงามจริง ๆ "




ส่วนภาพนี้คือ ทิวทัศน์  ที่มองจากจุดชมวิวที่คุณมะเดื่อกับพี่

น้อยยืนอยู่ เป็นด้านที่เห็นทะเล  ตรงนี้ก็สวยงาม และลมก็พัดเย็นสบายหายเหนื่อย




มองไปมองมา คุณมะเดื่อก็เห็นต้นเกด  ต้นไม้ประจำจังหวัดประจวบ ฯ สูงเด่นจากยอดเขาทางขวามือ จึงถ่ายภาพไว้ ..แบตเตอรีกล้องหมดพอดี  แต่ก็ดีใจที่หมดเอาตอนจะกลับบ้านพอดีเหมือนกัน


วันหยุด กับการพักผ่อนของคุณมะเดื่อและคณะ ครั้งนี้ เรียกว่าได้พักผ่อนอย่างจริง ๆ  ... สถานที่ใกล้บ้าน  ค่าใช้จ่ายก็ประหยัด ที่สำคัญไม่เหนื่อยกับการเดินทางอีกด้วยจ้ะ...ครั้งต่อไป  คงไปพักผ่อนกันที่ " อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี " ไปดูช้าง และสัตว์ป่า  ตลอดจนสัมผัสบรรยากาศของป่าดงพงไพรอย่างแท้จริงจ้ะ....


..............................................................


หมายเลขบันทึก: 520565เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2013 19:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน 2013 13:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)



ดวงอาทิตย์ ยามเช้า ณ หาดสามพระยา เจ้าค่ะ


หวัดดีจ้ะแม่มดจูน  คุณครูสุรสิทธิ์ก็ส่งวิดีโอดวงอาทิตย์ยามเช้ามาให้พอดีจ้ะ

น่าไปเที่ยวมากเลยครับ  ไม่ได้ไปนานมากๆๆๆ

สวัสดีจ้ะอาจารย์ขจิต   หากอาจารย์มีเวลาก็ขอเชิญแวะไปพักผ่อนที่นี่ได้จ้ะ

   สวัสดีคุณ    มะเดื่อ

    แวะมาชมภาพทะเลสวยๆ  ชอบมากๆค่ะ  น่าไปเที่ยวจัง

หวัดดีจ้ะคุณครูทิพย์  หากมีเวลาก็ขอเชิญไปสัมผัสบรรยากาศ ณ หาดสามพระยาจ้ะ  ขอบคุณที่แวะมาทักทายจ้ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท