เมื่อปีที่แล้ว...ตรงกับ พ.ศ.๒๕๕๔
สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติต่อการมีชีวิตที่ถือว่าประเสริฐที่สุดเท่าที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั่นก็คือ บูชาพระรัตนตรัยและพระคุณแม่-พ่อ ด้วยการขอบวชชี ที่แม่ผู้ให้กำเนิด องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ และทางหน่วยงานให้บวชได้เป็นเวลา ๑ เดือน ด้วยความเมตตาอย่างเปี่ยมล้นที่องค์หลวงปู่ประสาร สุมโนท่านเมตตาเป็นครูอุปัชฌาย์ ให้
วันที่ท่านเมตตาบวชให้ตรงกับวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔ โดยมีพระภิกษุ ๔ รูปประกอบพิธีบวชให้อย่างถูกต้อง ซึ่งแตกต่างจากการบวชของแม่ชีท่านอื่นๆ ที่ข้าพเจ้าเห็นคือ ถือขันธ์แปดเข้าไปกราบขอบวชและรับศีลแปดจากหลวงปู่หรือพระอาจารย์ที่หลวงปู่มอบหมายให้เพียงองค์เดียว
เมื่อครบกำหนดของวันลาเป็นเวลา ๑ เดือน ข้าพเจ้าได้ขออนุญาตองค์หลวงปู่กลับเข้าทำงาน เพราะยังติดทุนผูกพันจากที่ได้ไปลาศึกษาต่อปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ... ซึ่งท่านก็เมตตาอนุญาต และยังคงให้รักษาศีลแปด และโกนผมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (๑๒ เดือนแห่งการไร้ผม)
และเมื่อหนึ่งเดือนก่อน... จากที่ได้รับเชิญไปรับรางวัล ร่วมงานและรับรางวัล "ตาราอวอร์ด"...ณ เสถียรธรรมสถาน ข้าพเจ้าได้รับความเมตตาจากองค์หลวงปู่ ในการปฏิบัติตัวให้ถูกต้องในเรื่องการแต่งกายของการเป็นผู้รักษาศีลแปด และเมตตาชี้ทางดำเนินของชีวิตว่า "ให้โกนผมและรักษาศีลแปดตลอดชีวิต" ... "อย่าได้เห็นแก่ตัว"... และคำสอนอีกมากที่เมตตาเน้นย้ำให้ข้าพเจ้าได้ตระหนักในวิถีแห่งการเสียสละตนเอง และไม่ให้ลาออกจากงาน แต่ให้ขยันทำงานมากยิ่งขึ้น
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ๗ ปี หลังจากตัดสินใจไม่เลือกเส้นทางของการมีครอบครัว ไม่เลือกการได้มาซึ่งหน้าที่การงานอันใหญ่โต หรือด้วยการไปดิ้นรนวิ่งอยากได้ตำแหน่งทางวิชาการในมหาวิทยาลัย กลับมาทำงานในหน่วยงานเล็กๆ ที่บ้านเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ พร้อมกันนั้นร่วมทำงานเป็นคณะกรรมการดำเนินงานขับเคลื่อน R2R ประเทศไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กระทรวงสาธารณสุข และมุ่งมั่นศึกษาปฏิบัติตนเพื่อเล่าเรียนรู้เข้ามาในจิตใจตนเองตามเส้นทางแห่งมรรค โดยเริ่มต้นจากองค์หลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๘ และได้รับความเมตตาจากคุณแม่จันดี ในการสอน และปฏิบัติชีวิตตนเองเรื่อยมาด้วยการรักษาศีลแปด แบบมักถูกล้อเสมอว่า นักบวชนอกเครื่องแบบ แต่ในกลุ่มกัลยาณมิตรที่ใกล้ชิดและมีความรู้ความเข้าใจในในเรื่องศีลธรรมจะรับรู้และทราบวิถีการดำเนินชีวิตของข้าพเจ้า
จวบจนปัจจุบันนับระยะเวลา ๔ ปีหลังที่มีหลวงปู่ประสาร สุมโนเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ได้รับความเมตตาอันเปี่ยมล้นในการเรียนรู้ ขัดเกลาใจตนเอง
และ...ตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาจากโจทย์ที่ท่านกำหนดเปลี่ยนจากนุ่งผ้าถุงดำเสื้อขาว มาสวมชุดขาวให้สอดคล้องกับคุณลักษณะของผู้รักษาศีลแปด ที่ดำเนินความชัดเจนในชีวิตทั้งภายนอกและภายใน เป็นเหมือนการชิมลางวิถีชีวิตที่กำลังจะก้าวย่างต่อไปในลักษณะทำนองนี้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็น ๑ เดือนที่ข้าพเจ้าได้เกิดการเรียนรู้อย่างมากมายต่อตนเอง ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาทางจิตใจของผู้คนต่างๆ ที่เข้ามาสัมพันธ์ ที่แตกต่างกันออกไป การที่ผู้หญิงคนๆ หนึ่งที่ดำเนินวิถีที่ไม่ได้แต่งหน้าทำผม แต่งตัวตามสมัยนิยม ไม่ได้ทานข้าวหลายมื้อ (ทานเพียงมื้อเดียว) มีวิถีชีวิตที่ทวนกระแส และที่สำคัญต้องโกนผมทุกเดือนด้วยตนเอง และเป็นการโกนผมที่ใช้ชีวิตในสังคม หากอยู่ในวัดจะไม่เป็นเรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยสำหรับข้าพเจ้า แต่ด้วยเคารพเชื่อฟังพ่อแม่ครูบาอาจารย์ และความที่มุ่งมั่นอาศัยการเตรียมพร้อมฝึกฝนตนเองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาโกนผมเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๔ สิ่งที่ได้เรียนรู้อย่างมากโดยเฉพาะการตอบสนองจากผู้คน...
กลุ่มแรกนี้จะมีน้อยมาก ที่มองและปฏิบัติต่อข้าพเจ้าด้วยดวงจิตแห่งมุฑิตาจิต อนุโมทนาสาธุ และแสดงออกถึงความนอบน้อมในศีลและธรรมตามทางที่ข้าพเจ้าได้เลือกดำเนิน
กลุ่มที่สอง จะตะลึง แววตาแปลกใจ และเมื่อตั้งสติได้ จะปฏิบัติคล้ายกับกลุ่มแรก ซึ่งจะแตกต่างจากกลุ่มที่สามที่นอกจากจะตะลึงแล้ว ยังมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นไปในทางลบ และที่มากกว่านั้นในกลุ่มที่สี่นี้จะตีตราหาว่าเราเพี้ยน เราประหลาด อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะแต่งชุดอย่างไรก็แต่ง และแสดงออกถึงความก้าวร้าวด้วยคำพูด แววตา และภาษาท่าทาง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นี่คือธรรมะบทใหญ่ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตานำทางให้ข้าพเจ้าได้เกิดการเรียนรู้ภายในใจตนเอง ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยากลุ่มใดที่แสดงออกมากระทบต่อข้าพเจ้า ก็จะเกิดเป็นการเรียนรู้เข้ามาภายในข้าพเจ้าเองว่า "ใจ" ของข้าพเจ้านั้นเป็นเช่นไร มีปฏิกิริยาเช่นใดเกิดขึ้น กระเพื่อมมากน้อยเพียงไร ปัญญาที่เกิดนั้นเป็นเช่นไร และตัวข้าพเจ้าเองปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านั้นอย่างไรบ้าง
ซึ่งปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในใจของข้าพเจ้าเอง ได้ฝึกฝนถึงการทำความเข้าใจทั้งสภาวะภายในและภายนอก และฝึกฝนในเรื่องของความอดทนข่มใจ ได้ฝึกถึงความนอบน้อมและถ่อมตน เผชิญหน้าต่อสภาวะธรรมชาติที่เกิดขึ้นผ่านผู้คนที่เข้ามาสัมพันธ์ด้วย ได้เรียนรู้และมองเห็นว่าชีวิตเราดำเนินแบบเพิ่มพูนอัตตาหรือละอัตตา ใช้ชีวิตแบบเป็นทาสของกิเลส หรือไม่ ดำเนินชีวิตอย่างมีสติและปัญญา หรือใช้ชีวิตแบบหลงงมงาย ... ศีลที่ดำเนินสมบูรณ์หรือด่างพร้อย ใจที่หยาบหรือละเอียด...
๑ ปี หรือ ๑ เดือนที่เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ในยุคปัจจุบันที่เรื่องของศีลห่างไกลจากใจผู้คนห่างออกไป กลียุคเริ่มปรากฏรอยเกิดขึ้นในสังคมไทย ...
และเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕
ข้าพเจ้าได้เข้ากราบหลวงปู่ประสาร สุมโน องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ เพื่อแสดงถึงความระลึกถึงในโอกาสที่ท่านเมตตาให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย อันเป็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลภายในจิตใจ ...
พร้อมกับการบันทึกร่องรอยปรากฏการณ์แห่งชีวิตนี้ไว้อีกครั้ง
...
๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕
แด่ครูผู้เมตตา
ด้วยความเลิศล้ำนำจิต พิชิตมาร
ด้วยดวงจิตห้าวหาญยากยิ่งจะเทียมถึง
งดงาม เลิศล้ำ ในคำนึง
ระลึกถึง ด้วยจิต น้อมบูชา
แม้นมีสิ่งใดมาพานแผ้ว
ก็พ่ายแล้ว ด้วยจิตอหิงสา
ไม่รุนแรงล้ำเลิศด้วยเมตตา
ครูเกิดมาเพื่อนำพาให้พ้นภัย
จากใจของศิษย์ผู้เป็นผลผลิตจากการบ่มเพาะของครู
ขออนุโมทนากับเส้นทางของเเม่ชีครับ...
สาธุ สาธุ สาธุ
ชีวิตของอาจารย์มีคุณค่ามากครับ...คุณค่าที่ไม่ได้ครอบครองเฉพาะตนเอง...แต่ยังแบ่งปันคุณค่าให้คนอื่นๆ ทั่วไป...ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับคุณค่านั้น....และระลึกถึงคุณค่านั้นอยู่เสมอมานะครับ...ขอให้อาจารย์แข็งแรงและสุขภาพดี...เพื่อจะมีแรงทำคุณค่าที่ดีงามเหล่านั้นเรื่อยๆ นะครับ