ตกงาน...ประสบการณ์ใหม่ในชีวิต


เมื่อก่อนในยามที่ได้อ่านข่าวการเลิกจ้างงานตามหน้าหนังสือพิมพ์ ฉันไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่าการรับรู้ว่านั่นคือสถิติใหม่หรือเป็นเพียงข่าวข่าวหนึ่งของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง องค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อสามปีที่ผ่านมาเมื่อบริษัทที่ทำงานอยู่ตอนนั้นประกาศลดจำนวนคนงานลงเกือบ 20% เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการมาในสิงคโปร์ และใช้เวลาเกือบหนึ่งปีในการจัดการ ความรู้สึกหวั่นไหวคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ฉันรู้ว่าการตกงาน ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และเมื่อเดือนที่ผ่านมาการได้ไปนั่งคุยกับเพื่อนสองคนที่กำลังตกงานอยู่เพราะบริษัทที่เขาทำอยู่ได้ลดอัตราพนักงานลงในระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างภายในบริษัท ทำให้ความทรงจำที่กำลังคลี่คลายลงแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้ง 

ขณะนั้นถึงแม้จะรู้ว่าแผนกที่ทำงานอยู่จะไม่ได้รับผลกระทบมากมายนัก และตัวเองก็ไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกพิจารณา แต่ทว่าข่าวนี้ก็สร้างความฮือฮาและเป็นที่กล่าวขวัญพูดถึงกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในทุกแผนกที่เราทำงานเกี่ยวข้องด้วย ความหวาดหวั่น ความกังวลวิตก ความกลัว การคาดเดา ความรู้สึกไม่มั่นคงแผ่ซ่านไปทุกซอกมุมของโรงงาน คงไม่มีหัวข้อการสนทนาใดที่จะสำคัญไปมากกว่านี้ แม้คนที่คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นก็อดใจหายไม่ได้

การที่จะบอกกับตัวเองว่า...อีกหกเดือนจากนี้ฉันจะอาจจะต้องเปลี่ยนงานใหม่ เพราะฉันจะเลือกเส้นทางเดินของชีวิตใหม่ด้วยตนเอง กับ...อีกหกเดือนข้างหน้าฉันอาจถูกบังคับให้ออกจากงาน ผลที่ออกมาอาจเหมือนกันในที่สุดคือการเปลี่ยนงาน...แต่ความรู้สึกนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง การตื่นขึ้นมาในทุกเช้าเพื่ิอไปทำงานสำหรับคนที่ตัดสินใจมองหาโอกาสใหม่ให้ตัวเอง กับคนที่กำลังคาดเดาว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่ไม่มีทางเลือกนั้นก็ต่างกันอีก คนที่ผ่านวิกฤตินี้ไปได้ต้องยิ้มให้กับตัวเองที่มีความทรหดค่อนข้างสูง

หลากหลายประสบการณ์ที่ได้พบพานในช่วงสถานการณ์นั้นช่วยให้เราได้เห็นตัวตนที่หลากหลายเลยทีเดียว บ้างก็เร่งปรับปรุงตัวเองตั้งใจทำงานมากขึ้น บ้างก็ทำใจยอมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย บ้างก็รีบหางานใหม่ก่อนจะเป็นฝ่ายที่ไม่มีทางเลือก บ้างก็วางแผนเตรียมตัวรัดเข็มขัดในอนาคตอันใกล้ให้ตัวเอง บ้างก็มัวแต่นั่งกังวลจนแทบเสียงานไปเพราะความกลัวนั้น บ้างก็พยายามแสดงผลงานอย่างเห็นได้ชัด บ้างก็ทำงานแบบหมดอาลัยไปวันวัน ฯลฯ แต่เมื่อวลานั้นผ่านไปทุกคนก็ใช้ชีวิตตามปกติตามสถานะ คนที่ยังรักษาตำแหน่งไว้ได้ก็ทำงานกันต่อไปอาจหนักกว่าเดิมเพราะการเปลี่ยนแปลงนั้น คนที่ถูกเชิญให้ออกก็ไปเริ่มชีวิตทำงานใหม่ที่อื่นหรือกำลังเสาะหางานอยู่

แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติสำหรับชีวิตการเป็นมนุษย์เงินเดือน และเราก็ควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราบังเอิญไปยืนอยู่ในที่นั้นและเวลานั้นหรือเปล่า บริษัทยังคงจะปรับโครงสร้างอีกหลายต่อหลายครั้ง คนจะต้องเปลี่ยนงานกันอีกหลายต่อหลายหน สิ่งที่เราทำได้คือการเตรียมรับสถานการณ์นั้นให้ดีที่สุดทั้งก่อนที่จะตกงานและหลังตกงานแล้ว

...


...

เพื่อนทั้งสองคนที่ไม่รู้จักกันแต่บังเอิญตกงานพร้อมกันนั้นทำงานด้านการขายและการพัฒนาสินค้า คนหนึ่งไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่ได้บอกคนในครอบครัวให้รับรู้นอกจากภรรยา ดังนั้นทุกๆ วันในตอนเช้าเขาจะแต่งตัวออกจากบ้านเหมือนไปทำงานตามปกติ และใช้เวลาในแต่ละวันนั่งตามร้านกาแฟ ห้องสมุด สวนสาธารณะเพื่อรอการสัมภาษณ์ บรรดาเพื่อนๆ ที่พอจะหาเวลาว่างได้ก็จะไปนั่งดื่มกาแฟเป็นเพื่อนเพื่อให้กำลังใจ ความเครียดก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปเกือบครึ่งปี เขาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้งานใหม่ เงินเก็บที่สะสมไว้ก็เริ่มลดลง ภรรยาของเขาซึ่งเป็นครูสอนเปียโนที่รายได้ไม่แน่นอนก็ดูเครียดตาม ยิ่งเทศกาลคริสต์มาส สิ้นปี และตรุษจีนที่จะมาถึง รวมไปถึงการเปิดเทอมใหม่ของลูกๆ ภาระทางการเงินก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากมาย แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาส่งข้อความบอกเพื่อนสนิทว่าจะเริ่มงานใหม่ต้นปีหน้า

เพื่อนอีกคนตัดสินใจบอกภรรยา ลูก พ่อแม่ และญาติพี่น้องถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภรรยาของเขาเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกว่า "ขอบคุณพระเจ้าที่เขาให้คุณออกเสียที มิเช่นนั้นคุณอาจตรอมใจในระหว่างที่รอ" ลูกชายวัยเก้าขวบถามว่า "หมายความว่าผมไม่ต้องไปโรงเรียนใช่ไหม? (แอบดีใจ)" แน่นอนว่าเขาได้รับกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนเป็นอย่างดี เพื่อนสนิทและญาติๆ ชวนครอบครัวนี้ไปฉลองการตกงานที่บาหลีสามวันเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้นและไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมากเกินไป ลูกๆ ทั้งสองคนก็ทำตัวน่ารักและให้กำลังใจพ่อตลอดเวลา เมื่อกลับมาจากพักผ่อนเขาก็เริ่มหางานใหม่ ในขณะเดียวกันก็ถือโอกาสที่มีใช้เวลากับลูกชายที่เรียนเพียงครึ่งวันมากขึ้น โชคดีที่ภายในหนึ่งเดือนที่อยู่กับบ้าน เขาก็ได้งานกับอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อนคนนี้เขียนขอบคุณเพื่อนๆ ที่ให้กำลังใจบนเฟสบุ้คว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาและครอบครัวแกร่งขึ้นเพราะกำลังใจจากคนรอบข้าง

ฉันดีใจกับเพื่อนทั้งสองที่จะได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานใหม่หลังจากที่ยืนอยู่บนความรู้สึกไม่มั่นคงมานานพอควร ตั้งแต่เริ่มรู้ว่าบริษัทจะมีการลดจำนวนคนมาจนถึงการรับรู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในนั้น และได้งานใหม่ในที่สุด เป็นช่วงเวลาที่แสนยาวนานและทรมานสำหรับการเฝ้ารอ ที่สำคัญการได้งานใหม่ขณะที่อายุเกินหลักสี่ขึ้นไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อีกครั้งกับตัวอย่างของการมีสิทธิ์เลือกในวิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าเราจะไม่อาจบังคับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ งานทุกสาขามีความท้าทายที่ต่างกัน ในบางขณะที่เราอาจรู้สึกเบื่อหน่ายในสิ่งที่เรากำลังทำ แต่มีอีกหลายร้อยหลายพันคนอยากได้รับโอกาสนั้น และบางคนก็กำลังพยายามรักษามันไว้อย่างเหนียวแน่น 

สำหรับคนที่มีงานที่รักทำ ขอให้มีความสุขและขอบคุณงานนั้น สำหรับคนที่ต้องปล่อยมันไปจริงๆ สิ่งที่ทำได้คือการยอมรับและก้าวไปต่อ แม้แต่ Lee Iacocca ที่ถูกเชิญให้ออกจากฟอร์ดเมื่ออายุ 54 ปีหลังจากทำให้ฟอร์ดมีกำไรปีละเกือบสองพันล้านเหรียญ เขายังสามารถไปบริหารไคร์สเลอร์ที่กำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ให้กลับมายืนตระหง่านอยู่ได้จนทุกวันนี้....

ในทุกเรื่องราวของความสำเร็จมีความล้มเหลวแทรกอยู่ในนั้นเสมอ ในทางกลับกันก็เช่นกัน...เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ


ด้วยความนอบน้อม
ปริม ทัดบุปผา
๖ ธันวาคม ๒๕๕๕


Dreamcatcher from the Secret Garden

http://www.youtube.com/watch?v=PrMQhs1hoTA

หมายเลขบันทึก: 511153เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2012 15:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 ธันวาคม 2012 13:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (45)
  • เห็นหัวข้อก็ถูกดึงดูดให้เปิดอ่านโดยพลันคะ
  • ..อีกหกเดือนจากนี้ฉันจะอาจจะต้องเปลี่ยนงานใหม่ เพราะฉันจะเลือกเส้นทางเดินของชีวิตใหม่ด้วยตนเอง กับ...อีกหกเดือนข้างหน้าฉันอาจถูกบังคับให้ออกจากงาน ผลที่ออกมาอาจเหมือนกันในที่สุดคือการเปลี่ยนงาน...แต่ความรู้สึกนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
    ทำให้นึกถึงที่พี่ศิลา สุขคือ Choice..การมีโอกาสได้เลือก
  • เป็นกำลังใจให้กับการเลือกเส้นทางเดินใหม่ด้วยตนเองคะ  
  • อ่านบทความนี้แล้ว เกิดอะไรในใจมากมาย ที่เขียนออกมาไม่ได้ 
  • ขอบคุณ ที่ถ่ายทอด ประสบการณ์แห่งความรู้สึก สภาพการณ์บางอย่าง ที่อาจเกิดขึ้นกับเราได้ ตราบใดที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ....

ขอบคุณมากค่ะ

การตกงานนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น..เพราะมันมิได้ทำให้ผู้ที่ตกงานมีความสุขเพิ่มขึ้นเลย ตรงกันข้ามกลับทุกข์ลงอย่างเห็นได้ชัด ทว่า..คนทำงานถ้ายังไม่เคยตกงานเลยก็คงพูดได้ว่ายังขาดประสบการ..จริงๆแล้วคงไม่มีใครอยากได้ประสบการแบบนี้..เอ..หรือว่ามี ? ผมเองเคยตกงานแบบชั่วคราวหลายครั้ง ..

๒๕๓๙ - ออกจากกองทัพไปทำงานบริษัท.

๒๕๔๑ - กลับจากบังคลาเทศ..ทุบโต๊ะออกเพราะเจ้าของบริษัทเริ่มออกลาย..ไม่จ่ายค่าตัวตามที่ตกลงกันก่อนเดินทาง..อีกสี่เดือนต่อมาได้งานร่วมกับทหารนย.อม. แล้วไปเป็นฝ่ายจัดหาให้กับงานขุดเจาะของบริษัทออสเตรเลีย ทำได้ ๒ เดือน เอ้าออกอีกแล้ว..บริษัทใหญ่ชวนไปร่วมงานด้วย..เผลอเดี๋ยวเดียวทำได้ ๗ ปี ออกอีกแล้ว ไปรับแปเอกสารที่พัทยา ค่าตัวถูกเกิน  ออกสิครับ..

๒๕๔๙ - มาทำให้บริษัทใหม่อีกแห่ง ย่างปีที่๔ ออกเองอีกแล้ว..กลับมารับแปลเอกสารเล็กน้อยๆอยู่ที่บ้าน..รวมเงินบำนาญแล้วพออยู่ได้ครับเพราะเผอิญผ่อนบ้านหมดแล้ว รถก็ซื้อเงินสด แม้จะเป็นมือสองแต่พี่แกซื่อสัตย์ครับ..ยังสามารถหาเงินคืนได้แสนเศษๆกับทหารนย.อม.ที่มาฝึกร่วม..

ณ บัดนาวต้องตกงานแบบถาวรจริงๆเสียทีในพ.ศ.นี้...เฮ้อ..อยากพักผ่อนก็จริงแต่ยังมีไฟอยู่..อาทิตย์ก่อนไปสมัครงานกับชาวเบลเยี่ยม..เขาตอบเมลกลับมา..คิดเองได้ว่า..เออ..ใบผ่านงานแจ๋วก็จริงแต่..เขาบอกว่าจะเรียกกลับมาใหม่..ยังแอบร้องเพลงรออยู่เลย..ถึงคราวจะต้องตกงานจริงมันคงต้องตกงานกันแล้วล่ะ..อย่าไปฝืนดวงเลยน๊ะ - มิงกาลาบา.

ขอบคุณคุณปริมมากๆ ที่เขียนบันทึกนี้ให้รู้สภาพของการตกงานหรือการเลือกงานใหม่
สำหรับคนที่มีงานที่รักทำ ขอให้มีความสุขและขอบคุณงานนั้น สำหรับคนที่ต้องปล่อยมันไปจริงๆ สิ่งที่ทำได้คือการยอมรับและก้าวไปต่อ แม้แต่ Lee Iacocca ที่ถูกเชิญให้ออกจากฟอร์ดเมื่ออายุ 54 ปีหลังจากทำให้ฟอร์ดมีกำไรปีละเกือบสองพันล้านเหรียญ เขายังสามารถไปบริหารไคร์สเลอร์ที่กำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ให้กลับมายืนตระหง่านอยู่ได้จนทุกวันนี้....

ความจริงก่อนส่ง..ตรวจทานแล้วจริงๆ แต่สงสัยจะแก่จริงจึงยังมีหลงมาจนได้ ขออภัยครับ - แปล - ตกตัวลอลิงไป ๑ ตัว สงสัยลิงตัวนั้นคงจะอายุมากและตายเสียแล้ว. แต่...โตนี่ฟางยังอยู่สบายดีครับ มิได้หายไปไหน แต่ช่วงที่ขาดหายไปนั้นมีปัญหากับระบบใหม่..อ๋อตัวเองมิได้และไม่ชอบมีปัญหากับใครๆเลย..คอมฯต่างหากที่ไม่ยอมรับงานใหม่เพราะยังไม่ติดตั้งระบบกูเกิ้ลโครมให้เขา..พี่แกจึงงอแง..เครื่องนี้ลูกชายนำมาให้ใช้จึงสามารถเข้าระบบได้ใหม่  เขาหันไปใช้แบบไอแพ๊ดแล้ว จึงยอมยกชุดนี้ให้ผม..ซัวสะเดย์..

ถึงคุณปริมที่คิดถึงครับ...หัวข้อบันทึกชวนให้ตกตะลึง...และอดคิดถึงชะตากรรมของตนเองที่ไม่ได้เตรียมตัวด้วยเช่นกันในวันนี้...อดครุ่นคิดไปกับบันทึกของคุณปริม...เอาใจช่วยทุกคนที่ต้องพบกับชะตาชีวิตแบบนี้ครับ...และทำให้หวนคิดถึงหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ครับ...

.... Tokyo Sonata....(คำว่า Sonata...เป็นเพลงประเภทที่ใช้เครื่องดนตรีชนิดเดียวในการเล่น หรืออาจจะมีเสียงเครื่องดนตรีมาร่วมก็เป็นเพียงการเสริมเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่ได้ยินกันก็จะเป็น เปียโน และไวโอลิน จะถูกเรียกว่า Piano Sonata และ Violin Sonata ตามลำดับ...

ลูกชายคนเล็กของครอบครัวเล่นเปียโนเก่งมาก...และมีพรสวรรค์มาก ทั้งที่แอบเรียนด้วยตนเอง...เพราะครอบครัวไม่มีเงินสนับสนุนในการเล่นครับ...ฉากสุดท้ายตอนจบ คือ พ่อกับแม่ไปรับลูกชายคนเล็กที่สอบเปียโนเสร็จ เพื่อไปเรียนที่ต่างประเทศ...เล่นทำให้ผมจุกในอกชั่วครู่...แต่งดงามและคลี่คลายปัญหาของครอบครัวได้ดีมากครับ... 

หนังทำให้ผมชอบตรงที่การสื่อสาร  แม้ไม่ได้พูดตรงๆ ในบางเรื่อง แต่สื่อให้เรารู้สึกได้แม้ไม่ต้องพูดจา ...บางครั้งการไม่พูดอะไรเลยทำให้เราน้ำตาพลันเอ่อ และเข้าใจอย่างไร้เงื่อนไข...

ครอบครัวเล็กๆ นี้...มีพ่อ..แม่...ลูกชายคนโต...และลูกชายคนเล็ก

เหตุการณ์ที่ทำให้ครอบครัวและทุกคนต้ิองหักเห คือ...

ผู้เป็นพ่อ ที่เข้าใกล้สู่วัยเลขห้าในอีกไม่กี่ปีต้องตกงาน เสาหลักทางการเงินของครอบครัวโงนเงน การหางานใหม่สำหรับคนวัยนี้ดูจะริบหรี่หนทาง แต่ทำยังไงได้ การยอมรับความจริงไม่ได้ที่จะต้องบอกความจริงแก่คนในครอบครัวนำมาซึ่งทางตันในที่สุด เขาเลือกที่จะไม่บอกใคร ออกจากบ้านในชุดทำงานปกติ กลับบ้านเวลาเดิม เหมือนกับชีวิตยังปกติ แต่ทุกวันเขายังคงตะลอนออกหางาน และกินข้าวฟรีตามโรงทานประทังหิว...

หนังให้แง่คิดดีๆ ของการใช้ชีวิต เมื่อวันที่ชีวิตเดินมาถึงจุดเปลี่ยน ความเจ็บปวดรวดร้าวที่บังเกิดจะหายไปได้ แสงสว่างเล็กๆ ที่เราเห็นไกลๆ อยู่ๆ พลันหายไป ความหวังหดหายไปด้วยหรือไม่ ถ้าแสงของวันใหม่มันยังมาถึงเราอีกครั้งได้ ชีวิตจะกลับมาสดใสได้อีกครั้งหรือไม่...แต่ผมเชื่อแน่ว่า...เราตกงาน...แต่เราต้องไม่ตกนรก...ตกเพื่อโปยบินสู่อ้อมกอดท้องฟ้าที่งดงามอีกครั้งครับ...

 

 

 

 

นั่งอ่านบันทึกนี้กับลูกชายวัยรุ่น

คำแรกที่ลูกพูดหลังอ่านจบคือ

นี่คือเหตุผลที่น้องไม่อยากมีครอบครัวหรือมีลูก เพราะต้องมีภาระความรับผิดชอบ ต้องรับเลี้ยงดูสมาชิกครอบครัว

เมื่อนั่งคิดอีกสักพัก

ลูกนั่งคิดวิเคราะห์ถึงสถานภาพของงานของพ่อและแม่

ถาม และเราจึงถือโอกาสพูดคุยกันถึงการงาน อาชีพ

...

 

สังคมในอนาคตคงอยู่ไม่ง่ายนัก

การแข่งขันเพิ่มทวีคูณ

 

ฤๅมนุษย์ ผู้ตั้งกฏเกณฑ์ ผู้ทรงอิทธิพลต่อการนำทรัพยากรธรรมชาติมาแปรเป็นอาหารและพลังงาน จะถึงกาลเวลาที่ต้องยอมรับการถดถอย

 

เราจะปรับตัวกันอย่างไร

 

ขอบคุณบันทึกที่กระตุกความสุขจากการแสร้งหลงลืมงานชั่วคราว..(ลาหยุดพักผ่อนอยู่)

พรุ่งนี้ กลับสู่ความจริงกันค่ะ

* ประมาณ 10 ปีก่อน ตอนอยู่เมืองหลวง ผมตกงานจนชิน และเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่า "ตกงาน"

** เพลงไพเราะมากเลยครับ เข้ากันได้อย่างดีกับบันทึกนี้

*** ทุ่งนา...ที่บ้านแม่ตาดยังรอคอยน้องสาวอยู่เน้อเจ้า

สวัสดีค่ะน้องปริม

พี่เชื่อว่าทุกคนมีฝันค่ะ เช่นเดียวกัน  น้องปริมก็มีฝันนั้น .... ฝันและทำตามที่สิ่งที่เราเลือกอย่างมีความสุขต่อไป  ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรค่ะ .... Dreamcatcher from the Secret Garden ...ขอบคุณค่ะ

อ่านแล้วได้แง่คิดดีมากครับ ผมเองเคยมีประสบการณ์ทางอ้อม มีน้องที่ทำงานเป็นอาสาสมัครคนหนึ่งมาถามความคิดเห็นว่าเขาควรจะออกไปหางานใหม่ไหม เพราะงานเดิมที่ทำมีน้อยลง ผมก็ตอบไปว่า การเปลี่ยนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นมันยากเสมอ สำหรับเราที่อยู่กับมันมานาน แต่การอยุ่นานเราก็ยึดติดกับมัน คิดว่ามันดีอยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ โลกที่กว้างใหญ่นี้ ยังมีหนทางแห่งที่งดงามกว้างใหญ่ให้เราได้เติบใหญ่ เพียงแค่เราไม่ยึดติดเท่านั้น

ที่บ้านผม..ไม่มีเน็ต ใช้แอร์การ์ด

ตามเรื่องนี้มาตั้งแต่เย็น..จนค่ำ กว่าจะได้อ่าน

เกือบชั่วโมง พยายามอย่างยิ่งยวด ได้อ่านแล้ว (เกือบ)เศร้า

ดร.ปริมจิรา (จะ) เปลี่ยนงาน หรือ (จะ) ตกงาน

แต่ ผมตกใจ นะครับ

อาจจะเป็นจุดเริ่มอะไรที่แปลกใหม่ของคุณปริมนะค่ะ ครูนกส่งกำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ ป.

หัวข้อบันทึกคงทำให้ใครหลายๆ คนคิดว่าผู้เขียนคงกำลังโดนแจ๊กพ็อตเข้าให้แล้ว แต่โชคดีค่ะที่ผ่านมาได้มีโอกาสเลือกทางเดินให้กับตัวเองมาโดยตลอด และวันนี้ได้ทำในสิ่งที่รักและมีความสุขกับสิ่งที่ทำมากมายค่ะ เห็นด้วยกับคุณศิลาที่ว่าสุขอยู่ที่เราเลือกค่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณหมอเช่นกันค่ะ ให้ได้ทำในสิ่งที่เรารัก เราเลือก และเรามีความสุขค่ะ

บางความรู้สึกเก็บไว้คิดโดยไม่ต้องถ่ายทอดก็สร้างสุขให้ตัวเองได้ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ joy

ปรากฏการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ ในแวดวงข้าราชการนะคะ แต่เป็นปกติขององค์กรเอกชนที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงค่ะ ความมั่นคงในการงานต้องยกให้งานของราชการค่ะ ความท้าทายของงานจึงต่างกัน

มีความสุขในการทำงานนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณโตนี่

ดูจากประสบการณ์ที่กรุณาเล่ามาต้องบอกว่าสุดยอดไปเลยค่ะ ทุกเหตุการณ์คือประสบการณ์อันมีค่า มิน่าคุณโตนี่ถึงได้เล่าเรื่องราวหลากหลายรสชาติให้พวกเราได้อ่านกันมากมายค่ะ เพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมานั่นเอง

ปริมยังไม่มีประสบการณ์มากมายค่ะ เพิ่งทำงานมา 3 แห่ง และเราเป็นคนเลือกเองทั้งหมด เลยยังไม่มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกของการถูกขอให้ออก สำหรับคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง อัตตาคงถูกกระแทกอย่างแรง หวังว่าสติคงจะวิ่งมารับไว้ได้ทันค่ะ

ขอบคุณประสบการณ์อันน่าทึ่งที่กรุณาแบ่งปันค่ะ

ขอให้งานที่รอเป็นดังหวังนะคะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ;)))

สวัสดีค่ะคุณพี่ประกาย

คนเรามีทางเลืิอกให้กับตัวเองเสมอค่ะ บางคนโชคดีกว่าก็มีโอกาสเลือกเป็นผู้รุก บางคนก็มีเพียงทางเลือกของการเป็นผู้รับ

แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน เราก็ขอช่วยเป็นกองเชียร์ช่วยให้กำลังใจกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ฝันดีค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอทิมดาบ

ขอบคุณมากค่ะที่มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวอันน่าทึ่งจากภาพยนต์ค่ะ ปริมต้องไปหามาดูให้ได้เสียแล้ว ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้ยืนหยัดฝ่าพายุของชีวิตไปได้ และเพราะอะไรเขาจึงไปรับลูกชายไปเรียนต่อต่างประเทศได้ค่ะ

เรื่องราวของชายในภาพยนต์ คล้ายๆ กับเพื่อนที่ตกงานเลยค่ะ เขาก็ไม่อาจบอกลูกๆ และญาติพี่น้องเช่นกัน เราออกไปทานอาหารเป็นเพื่อนเขาสองสามครั้งในช่วงเวลานั้น เพื่อรับฟังและให้กำลังใจเขาค่ะ เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนประถมของคนใกล้ตัว ภรรยาเขาเคยเป็นครูสอนเปียโนของปริมเอง เราก็เลยรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และคอยให้กำลังใจเขาค่ะ โชคดีที่เขาได้งานใหม่หลังจากว่างมากว่าครึ่งปี

ตกงานแต่ไม่ใช่ตกนรก เห็นด้วยค่ะคุณหมอ วันดีดียังรอคนที่ไม่ย่อท้ออยู่ข้างหน้านะคะ

เป็นกำลังใจให้คนทำงานทุกคนค่ะ ;))

ฝันดีค่ะ

..สวัสดีค่ะคุณปริม..."ชีวิต..มีทางเลือกเสมอ"..ความสุข..นั้น..อยู่กับใจ..เมื่อใดเรา..เข้า..ใจ.."...."...ตรงนั้น..จะมีคำตอบ..กับ..คำว่า.."ชีวิต"..เสมอ...(ขอบคุณกับสิ่งดีๆที่เขียน)...."ยายธี..พบ..ความสุข..ใน..ชีวิต...ก็คือ..ถูก..ออกจากงาน..อ้ะะะะๆๆๆๆมาจนบัดนี้..."และงานที่ทำด้วยอิสระ..ผลที่ได้รับ..เรียกตัวเองได้ว่า"เป็นเจ้า...ป่า..อิอิ..แอบยิ้มเล็กๆกับ..ตัวเอง..และผืนป่าที่ถูกสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง...."ความสุขที่ไม่มีค่าตอบแทนที่เป็นกระดาษวาดไว้".....ด้วยคาระวะ..ยายธีเจ้าค่ะ...

การงานของชีวิต มีให้ทำจนกว่าจะสิ้นลมหายใจนะคะ..งานทางโลกอาจต้องแสวงหา..แต่งานทางจิตมีให้ฝึกไม่รู้จบสิ้น ตราบเท่าที่ยังไม่หลุดพ้นจากอุปกิเลส..ขอบคุณค่ะ..

สวัสดีค่ะพี่หมอภูสุภา

หวังว่าบันทึกนี้คงไม่ทำให้น้องท้อใจกับอนาคตของตนเองนะคะ ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่างได้ด้วยสติค่ะ เราจะสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ดูเหมือนจะโหดร้ายให้กลายเป็นโอกาสใหม่ให้ชีวิตได้ถ้าเรามีสติพอค่ะ

ที่ผ่านมาน้องได้รับการฝึกและได้รับการแนะนำจากพี่หมอและคุณพ่อมาโดยตลอด ปริมเชื่อว่าน้องจะผ่านทุกๆ เหตุการณ์ไปได้ด้วยดีค่ะ

เอาใจช่วยนะคะ

มีความสุขในการกลับไปทำงานวันนี้นะคะ ;)

สวัสดีค่ะคุณพี่อักขณิช

หากเราไม่มองว่าเป็นการตกงาน แต่เป็นการพักยกเพื่อรอรับประสบการณ์ใหม่ในชีวิต มันก็คงไม่รู้สึกแย่มากมายนะคะ

เพื่อนสนิทให้ซีดีชุดนี้มาฟังในรถ เพราะเห็นเราฟังแต่เพลงบรรเลง ฟังครั้งแรกประทับใจมากค่ะ dreamcatcher เพราะมาก..

หนาวนี้คงได้กลับไปแอ่วนาสักวันค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะพี่อาจารย์ kwancha,

สำหรับปริม ตอนนี้ความฝันกับความจริงก้ำกึ่งกันอยู่ค่ะ บางฝันก็เป็นจริงแล้ว บางฝันก็ยังเป็นจุดมุ่งหมายให้ก้าวเดินต่อไป แต่ก็สุขทุกวันค่ะ...

ขอบคุณพี่อาจารย์ค่ะ ;)))

สวัสดีค่ะคุณพ่อน้องซอมพอ

เป็นกำลังใจให้น้องคนนั้นได้พบประสบการณ์ดีดีในโลกกว้างค่ะ โอกาสมีอยู่เสมอ ขอเพียงเราเปิดใจมองหาค่ะ

สู้ๆ นะคะ ;)))

  • เมื่อตกงาน คนญี่ปุ่นมักจะบอกกับตนเองว่า "เมื่อประตูหนึ่งปิด ย่อมมีประตูอื่นที่เปิด... เมื่อต้องออกจากงานนี้ ก็จะเปิดโอกาสให้หางานใหม่ที่จะทำให้ตนเองทำด้วยความสุขได้มากกว่า หรือมีรายได้ดีกว่า มีโอกาสก้าวหน้า มั่นคงกว่า..."
  • ก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ต้องเผชิญภาวะดังกล่าว ให้กำลังใจตนเองด้วยแนวคิดที่กล่าวมานะคะ
  • การสร้างงานด้วยตนเอง (Self Employment)  เป็นหนทางหนึ่งของการเปิดประตูใหม่ แต่ก็คงทำได้ไม่ง่ายนักหรอกนะคะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ชยันต์

หัวข้อบันทึกคงทำให้ท่านอาจารย์ตกใจ ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ

กำลังมีความสุขมากกับสิ่งที่ทำคงยังไม่เปลี่ยนงานค่ะ และคงจะยังไม่ตกงานในเร็ววันนี้ค่ะท่านอาจารย์

แต่อีกสองสัปดาห์จะลาพักงานไปรับลมหนาวที่เชียงใหม่ค่ะ ;))

สวัสดีค่ะครูนก

ทุกๆ วันในตอนนี้คือการเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่เสมอสำหรับชีวิตค่ะ

ขอบคุณกำลังใจจากครูนกนะคะ ;))

สวัสดีค่ะคุณยายธี

มีความสุขทุกครั้งที่คุณยายเล่าประสบการณ์ชีวิตที่เป็นอิสระค่ะ มีความสุขไปกับคุณยายด้วยจริงๆ มีไม่กี่คนที่ทำได้ค่ะ

อยากไปเยี่ยมเจ้าป่าจังค่ะ ;))

รักษาสุขภาพนะคะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ใหญ่

ขอบคุณข้อคิดดีๆ ที่กระตุกให้มองเห็นภาพรวมภาพใหญ่ในชีวิตค่ะ

บางครั้งเรามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาก้กินไปจนลืมมองภาพรวมของชีวิตไปเลยจริงๆ เมื่อดึงตัวเองถอยออกมาจากจุดที่ยืนอยู่เดิม เราจะเป็นภาพที่ต่างไป

ขอบคุณคำสอนดีดีนี้ค่ะ

สุขสันต์วันสุขใจค่ะ

ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่มาอ่านและให้กำลังใจบันทึกนี้เช่นเคยค่ะ

มีความสุขกับงานที่ทำนะคะ

;)))

"เมื่อประตูหนึ่งปิด ย่อมมีประตูอื่นที่เปิด... เมื่อต้องออกจากงานนี้ ก็จะเปิดโอกาสให้หางานใหม่ที่จะทำให้ตนเองทำด้วยความสุขได้มากกว่า หรือมีรายได้ดีกว่า มีโอกาสก้าวหน้า มั่นคงกว่า..."

ขอบคุณท่านอาจารย์แม่วิไล สำหรับข้อคิดดีดีที่กรุณานำมาฝากค่ะ เปิดใจ เปิดโอกาสให้ทั้งตัวเองและคนอื่นนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ ;))

-สวัสดีครับ..

-ตามมารับกำลังใจดี ๆ จากบันทึีกนี้ครับ..

-ความสำเร็จมีความล้มเหลวแทรกอยู่ในนั้นเสมอ ในทางกลับกันก็เช่นกัน

-ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ คุณปริม

เป็นบันทึกที่กระตุกความรู้สึกได้ดีมากเลยครับว่า ชีวิตคนเราไม่แน่นอน และที่ทำงานเองก็กำลังมีการเปลี่ยนแปลง Oganize ใหม่เช่นกัน ....

ให้ข้อคิดมากมายเลยค่ะ น้องปริม

แต่คนส่วนใหญ่จะมองแย่ๆไปก่อน แล้วสิ่งดีๆจะตามมา

(คุณพี่กำลังฝึกคิดบวก.. แต่มันต้องใช้เวลา)

ล้ม -ลุก -คลุกคลาน
คือกระบวนการเบ่งบานของชีวิต

..

ขอบคุณครับ

 เวลาอยากตกงานที่ทำก็คือ....ลาพักผ่อน  30  วันค่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ! 

สวัสดีค่ะคุณเพชรน้ำหนึ่ง - ตอนเราเผชิญกับมัน มันอาจไม่ง่ายนัก แต่ที่แน่ๆ ทุกอย่างก็จะผ่านไปในที่สุด วันนี้เราอาจยิ้มให้กับสิ่งที่เกิดในวันนั้นก็ได้นะคะ ;)

ขอบคุณมากค่ะ


สวัสดีค่ะคุณพิชัย

อะไรที่มีอยู่ก็อาจหายไปจากชีวิตเราได้ทุกขณะ งานก็ไม่ต่างกันนะคะ 

มีความสุขในวันที่เรายังมีสิ่งที่เราอยากมีค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ kunrapee,

ตอนนี้คุณพี่คงอยู่ในขั้วบวกมากแล้วนะคะ ปริมก็พยายามอยู่ค่ะ บางวันก็ติดบวก บางวันก็ติดลบ แต่ยังไงทุกวันจะพยายามให้ด้กำไรก่อนนอนค่ะ ;)

สุขสันต์วันติดบวกค่ะ

ท่านอาจารย์แผ่นดิน

ขอบคุณมากค่ะ ล้ม ลุก คลุก คลาน คือประสบการณ์ที่ทำให้วันนี้ ยืนอยู่ได้ 

สุขสันต์ในวันที่ยังล้มลุกค่ะ


สวัสดีค่ะคุณแจ๋ว

ปริมคงต้องวางแผนจริงๆ ว่าจะทำอะไรใน 30 วัน ที่ไม่มีอะไรทำเลย ยังไม่เคยมีประสบการณ์นี้ค่ะ คงสนุกน่าดู ;)

สุขสันต์คืนวันพักผ่อนค่ะ

สวัสดีค่ะคุณภานุวัฒน์

ในวันที่แย่ๆ ทำให้นึกถึงวัวตัวนี้ค่ะ

http://www.gotoknow.org/journals/122631

มีความสุขในวันล้ม ลุก คลุก คลาน เพราะ มันคือประสบการณ์ที่มีค่าค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาทักทายและให้กำลังใจนะคะ

เราเป็นอีกคนหนึ่งเคยได้รับเงินเดือนประจำมาโดยรวมแล้วยี่สิบกว่าปีที่เข้าทำงานมาโดยตลอด แต่มาตอนนี้เรามาตกงานโดยไม่ทันได้คิด ได้วางแผนว่าจะไปหางานใหม่ทำ มีคำสั่งให้ออกจากงาน มันแสนสาหัสมาก ตอนนี้ตกงานประมาณสามเดือนกว่าแล้ว ยังไม่มีอะไรทำต่อ ไม่รู้บุญวาสนาจะกลับได้ทำงานเหมือนเดิมหรือเปล่า เราไม่อยากคิดเลยว่าไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาหมดอนาคตของเราได้รวดเร็วขนาดนี้ คนที่ทำงานมันโครตร้ายมาก หาวิธีทุกอย่างที่ทำให้เราต้องถูกออก และตกงานมาเช่นทุกวันนี้ มาคิดดูแล้วว่าอนาคตทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้รับสิทธิ์ ได้มี ได้รับสวัสดิการมากมายหลายอย่าง มันพังทลายหายไปหมดสิ้นเพียงแค่เอกสารใบเดียวสามารถทำให้คนตกงานได้โดยปริยาย เราไม่มีเงิน ไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีปัญหาที่จะหาเงินมาวิ่งเต้น ไม่มีอะไร แม้แต่บ้านที่อาศัยของตัวก็ไม่ ทุกวันนี้ต้องอาศัยบ้านเขาอยู่ อาศัยกินข้าว กินน้ำ กับเจ้าของบ้าน แต่ก่อนปัญหาไม่มีเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปโดยเรียบร้อย จะพูดจะจาอะไรกันก็ดูดีไปหมด มา ณ ปัจจุบันนี้ เราไม่มีอะไร งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มีใช้ อาศัยเขากินอยู่เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจ บางทีมาพูดกับเราตรงตรงว่าหากไปมีที่อยู่ที่ใหม่ที่ไหนก็ไปไม่ว่า เขาเห็นเราไม่มีค่าในสายตาเขาแล้ว เขามาพูดว่าเราจะต้องมาเป็นภาระเขาอีก เราจะทำอย่างไงดีในชีวิตของเรา เราเครียด กลุ้มใจมากที่สุด หาทางแก้ไขปัญหาด้วยตนเองไม่ได้ จะพึ่งพาใครก็ไม่ได้ เขาเห็นเราเหมือนตัวประหลาด จากคนที่เคยรู้จักมักคุ้นกันมันก็ทำท่าทางไม่สนใจไม่อาลัยใยดีเหมือนแต่ก่อน ทุกวันนี้เราเหมือนเป็นคนธรรมดาสามัญเหมือนชาวบ้านชาวไร่ชาวนาไปวันๆ เราก็หมดปัญญาจริงจริง จะทำไงอย่างดีกับชีวิตที่เหลืออยู่ คิดแล้ว ตัดสินใจแล้ว อยากตายไปจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานจากการที่เคยได้ทำงาน มาตกงานอย่างไม่มีใครที่ไหนสนใจ เหยียบย่ำซ้ำเติมเรา เราจะทำอย่างไงดี จะทำอย่างไงดี ความตายเท่านั้นหรือที่จะไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตคนตกงานอย่างเรา อย่างนี้หรือ เครียดที่สุด

สวัสดีค่ะคุณมนุษย์เงินเดือน

ไม่แน่ใจว่าคุณยังจะกลับมาอ่านบทความนี้อีกหรือเปล่า แต่ก็อยากให้กำลังใจคุณค่ะ

ในช่วงชีวิตที่กำลังมืดมน ทำให้นึกถึงคำพูดนี้ค่ะ 

When you are in LIGHT, Every thing will follow you. But when you enter the DARK, even your own shadow will not follow you (เมื่อเรามีแสงสว่าง ทุกอย่างจะตามเรา แต่เมื่อเราเดินเข้าสู่ความมืด แม้แต่เงาของตัวเราเองก็จะไม่ตามเรามา) 

นี่คือความเป็นจริงของชีวิตค่ะ สิ่งแรกที่เราต้องทำให้ได้คือการยอมรับว่านี่คือชีวิตจริง มันเป็นอย่างนั้นแหละ 

จากนั้นเราก็ต้องให้กำลังใจตัวเราเองค่ะ เพราะคงไม่มีใครทำได้ดีกว่าตัวเราเองอีกแล้ว เราควรจะจุดเทียนส่องทางดีกว่าจะมานั่งโทษความมืดค่ะ การคิดว่าในโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่ยังรอรับโอกาสที่เรามีอยู่ ยังมีอีกหลายคนที่อยากเหลือเกินที่จะมีสิ่งที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพที่ดี การศึกษาที่เราได้รับ การมีความคิด การมีความสามารถ ประสบการณ์ในสิ่งที่เราเคยทำมา หรือบางคนที่กำลังป่วยหนัก เขาก็หวังเพียงอยากมีชีวิตต่ออีกวัน อีกเดือน หรือยาวกว่านี้อีกหน่อย 

การคิดเช่นนี้จะช่วยให้เรามีกำลังใจขึ้นมาค่ะ เราต้องเห็นคุณค่าของตัวเราเองก่อนจะให้คนอื่นมาเห็นค่ะ คนอื่นเขาอาจทำเราเจ็บครั้งเดียว แต่เราทำลายคุณค่าของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่ากับการจมอยู่ในความคิดนั้นค่ะ 

ค่อยคิด ค่อยแก้ไข ค่อยทำไป ตามที่เราเห็นสมควรนะคะ ถ้าคุณคิดว่าจุดนี้คือจุดต่ำสุดในชีวิต ข่าวดีที่เกิดขึ้นก็คือมันจะไม่ต่ำกว่านี้ไปอีกแล้ว จากนี้ไปทิศทางเดียวที่มันจะเป็นไปได้คือการทะยานขึ้นสู่ที่สูงขึ้นทั้งในด้านความรู้สึก และความเป็นอยู่ค่ะ

เอาใจช่วยนะคะ 

เพลงนี้สะดุดใจและให้กำลังใจผมมากๆ เพราะเพิ่งถูกหัวหน้าให้พิจารณาตนเองว่าจะเป็นผู้บริหารต่อหรือไม่ใน 6 เดือนหน้านี้ครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท