เตรียมใส่หน้ากาก เข้าหากันอีกได้แล้วครับ ซาร์ใหม่ หวนคืนชีพแล้ว รอบนี้บุก อาหรับ พบ 9 ตายแล้ว 5 (ข่าวล่าสุด 30 พย 55)


โดยให้ตระหนัก แต่ไม่ตื่นตระหนก และเตรียมความพร้อม รับมือการระบาด


http://www.who.int/csr/don/2012_11_30/en/index.html

http://www.bbc.co.uk/news/health-20554760


เพิ่มเติม 4 ธค 55

สำหรับ ข้อมูลข่าวสารของเมืองไทย  สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่  กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข  ได้สื่อสาร ให้สังคมไทย  อย่างว่องไว   รวมทั้ง สรุปสถานการณ์ การระบาด เป็นประจำ   ล่าสุด 3 ธค 55

โดยให้ตระหนัก แต่ไม่ตื่นตระหนก   และเตรียมความพร้อม รับมือการระบาด เฝ้าระวังผป.ที่มีการเดินทางมาจาก ซาอุ  และเขตอาหรับ

http://beid.ddc.moph.go.th/th_2011/news.php?g=1&items=668



ต่อไปหนังสือพิมพ์คงลงกันทุกฉบับ เรื่อง  เชื้อ ซาร์ตัวใหม่

 SARS  ตัวเก่า เริ่มที่เมืองจีน-ฮ่องกง   แล้วไป ตามคนจีนทั่วโลก  ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน  ปักกิ่ง   ไทย สิงคโปร์  แคนาดา

ตัวใหม่ เรียก  SARI  เราอาจเรียก  ส่าหรี่ เพื่อสื่อว่า อาหรับ เอาจริง

In summary, to date a total of nine laboratory-confirmed cases of infection with the novel coronavirus have been reported to WHO – 

five cases (including 3 deaths) from Saudi Arabia, 

two cases from Qatar and     ( ผป.มีตัง ไปรักษาต่อ ลอนดอน  จึงรอด แต่ก็โดน Lab ลอนดอนจับเชื้อได้โดนประจานไปทั่วโลก ผ่าน องค์การอนามัยโลก  มา ตัวใหม่ มาแล้วน่ะครับ )

two cases (both fatal) from Jordan.   (  ป่วยตาย ตั้งแต่ เมย 55   เิอาเสมหะและเลือดแช่เย็นไว้ มาตรวจทีหลังใหม่ )


ความจริง เชื้อ มันปรากฏตัวมานานแ้ล้ว ตั้งแต่ เมษายน 55

แต่เพิ่งมาแยกเชื้อตัวใหม่นี้  จึงเอาตัวอย่างเก่า ของคนที่ตายไปแล้ว มาิวิเคราะห์  ยืนยันว่าเป็น SARI ตัวใหม่


ต่อไปแพทย์ พยาบาลไทย  อาจจะตั้งขบวนประจำด่านสนามบิน   อีกแล้ว   คราวนี้ ดักไฟล์ อาหรับก่อน 

แล้ว ต่อไป พอระบาดไปหลายประเทศ   ก็ดักทุกไฟล์บิน    (ในอดีตแพทย์ทุก รพ.ใหญ่ เล็ก ในภาคกลาง จัดคิว มาดอนเมือง  หาก คราวนี้ระบาดต่อจริง   ก็ไปสุวรรณภูมิ  แทน

  ไปเฝ้า ผป. ที่สนามบิน หากมีอาการเริ่มป่วยจริง  หนักหน่อยไป ร พ.   ทันที  มีรถambulance  บริการทางด่วนไม่ให้ไปแวะแพร่เชื้อ

    อาการ เบาหน่อยให้อยู่บ้าน  ห่างญาติไว้หน่อย ใส่หน้ากากกันหน่อย  อย่าออกจากบ้าน    เกิดป่วยหนักทีหลัง ก็จะได้ป่วยเพียงคนเดียว  และป่วยหนัก รพ.จะมารีบรับไป  (แทน นั่งรถไปเอง เข้าคิวทำบัตรแพร่เชื้ออีก)    แพทย์พยาบาล จะขอรายละเอียดผป. ครบถ้วนไว้เนิ่นๆ


สำหรับคราวนี้ วัดใจครับ  ว่า   พิธีฮัจญ์  ที่เริ่มเมื่อต้นเดือน พย. นี้ ที่ซาอุ   2.5 ล้านคน จากทั่วโลก  จะติด จะรอดตายกันหรือไม่

กลับไปปอดบวม ตายประเทศตัวเอง   หมอจะฉุกใจคิด   วินิจฉัย หรือไม่ 

โปรดถามผป.  โรคทางเดินหายใจรุนแรง ดังนี้


อิสลาม หรือไม่    หรือ  กลับมาจาก อาหรับ  ไปต่างประเทศมาหรือไม่ 

ไปพบญาติ หรือเพื่อน ที่กลับมาจาก อาหรับ หรือไม่


สำหรับ แพทย์ และพยายาล   เตรียมแจ้งสอบสวนโรค  เก็บตัวอย่างส่งตรวจ


ผมรู้สึกคุ้นๆ  มีคำพยากรณ์ ทำนาย ความเสี่ยง ( แพทย์เราก็พยากรณ์โรค ของผป. ประจำ )  โดยศาสตร์ฮวงจุ้ยจีน ว่า ปี งูใหญ่ งูเล็ก  เป็นวัฏจักรแย่ ทั่วโลก  นอกจากจะปะทะกัน ในประเทส ระหว่างประเทศแล้ว  ยัง  จะเสี่ยงโระระบาดทางเดินหายใจรุนแรง       ผมก็เฝ้าดู ไม่เห็น มีโรคอย่างว่า มาสักที    คนปะทะ ยิงปืนใส่กันนี้มีข่าวซีเรีย  ตรุกี ยิว สารพัดมีข่าวบ่อย

จึงใช้คำเตือนแนะนำ ว่า   ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ให้การแพร่ระบาดในประเทศเรา น้อยไว้ก่อน อย่างรอบที่แล้ว



ตำนานเรื่องจริงซาร์ในเมืองไทย รอบที่แล้ว อาแป๊ะ มาจากฮ่องกง    รอดด่านสนามบินมาได้ ยังไม่มีไข้    ลงจากสนามบิน ไปพักโรงแรม หน้าหัวลำโพง1 คืน   แล้ว นั่งรถไฟต่อไปหาดใหญ่   จะไปเช็งเม็ง ที่คลองแงะ  พบลูกหลานสารพัดคน

เหลือเชื่อ ไม่มีใครติดโรคสักคน  มีแต่อาแป๊ะนี้ ป่วยแล้วเสียชีวิต ที่ รพ สงขลานครินทร์   

 ส่วนญาติใกล้ชิดทุกคน   ผวจ โดยคำแนะนำของทีมแพทย์สาธารณสุข  ได้เรียนเชิญญาติเหล่านี้ไปนอนพักเล่น ที่ รพ หาดใหญ่   เพื่อเฝ้าระวังอาการ และถือโอกาส ควบคุมพื้นที่เที่ยวเตร่ ( กักบริเวณเพื่อลดการแพร่กระจายโรค)

ตอนนั้น ผมมีส่วนทำงานเกี่ยวข้อง จึงรู้และจำรายละเอียด   ผมเป็นแพทย์อาสาจำเป็น รุ่นแรกที่เฝ้าสนามบินแบบฉุกเฉิน  และต้องตรวจผป. มีไข้สูงจาก สิงคโปร์ มา หาดใหญ่    ทางการบินสิงคโปร์แจ้งสนามบินหาดใหญ่   สนามบินแจ้ง สาธารณสุขจังหวัดสงขลา  สาธารณสุขจังหวัดแจ้ง ผมเลย เพราะเครื่องบินกำลังจะลง  ยังไม่ได้แจ้งผ่านผอ.รพ และระบบการเฝ้าระวังระดับจังหวัดยังไม่เริ่ม

แต่ระบบแพทย์ของ รพ.หาดใหญ่ เริ่มจัดแพทย์เฝ้าระวังตรวจผป.เสี่ยงแ้ล้ว    หัวหน้าผม คิดไกลถึง รพ.สนาม   รพ นอกเมือง ใกล้สนามบิน   หากมีผป.มากจริง   ( ซึ่งเมืองจีนที่ปักกิ่ง  ต้องจัดระบบใหม่รองรับเลย  ตั้งศูนย์การแพทย์ย่อย ใหม่ นับสิบแห่งรับมือเลยทีเดียว   บอกใ้ห้ ผู้สงสัยป่วยมาที่นี้  อย่าไป รพ. เดี๋ยวไปแพร่มากขึ้นไปอีก  รับมือไม่ไหว ). 

ที่ รพ หาดใหญ่   ผมอาสาเริ่มคิวแรก เพราะยุคนั้น ผมทำงาน สอบสวนโรค  ควบคุมโรคระบาดด้วย  จึงต้องขอลุยกัน   ในบรรดาแพทย์หน่วยกล้าตายรุ่นหนึ่ง ชุดแรก  หมอ 5 คน ทดลองงานอาสา  เรียงกัน จันทร์ ถึงศุกร์ก่อน พอดีคน-วัน

    ตอนนั้น กระทรวง ยังไม่ได้สั่งให้หมอตรวจสนามบิน  แต่เริ่ม ใ้ช้ thermo gram scan  ว่า ใครมีไข้    

 หมอเมืองใหญ่บ้านนอกอย่างพวกเรา คึกคะนองเล่นจริงกันเอง ตื่นตูมกันไปก่อนเวลา   แต่ก็มีผป.จนได้ เพียงแค่ คนเดียว ของประเทศไทย

พวกเราคุยกันวงเล็ก วันศุกร์เย็น  มีหมอเวชกรรมสังคม 1 คน  หมอหูคอจมุก 1 คน หมอห้องฉุกเิฉิน 1 คน อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ  1คน   กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ 1 คน   ช่วยกัน stanby  ให้ถูกตามตัวกันได้แบบไม่ต้องมีคำสั่งจัดการเป็นทางการ  

 ผมเริ่มเข้าเวร stanby  วันจันทร์ ไม่มีผป.  หรือผู้ที่เสี่ยงจะป่วย    สักคน   งง   .งานเบาเฉย เลย  

อาแ๊ป๊ะ ซาร์คนเดียว ของประเทศไทย คือมีอาการป่วยในเมืองไทย ( มีหมอองค์การอนามัยโลกไป ช่วยเวียดนาม ป่วยหนัก แล้วส่งมารักษาเมืองไทย ไม่รอด   รายนี้ ไม่นับว่าป่วยที่ประเทศเรา  เสียหายการท่องเที่ยว..)

มาเข้า รพ.สงขลานครินทร์  คืนวันอังคาร  คืนวันอังคาร แพทย์อาสาสมัคร ท่านที่ สอง จึงรับงาน ตรวจญาติกลุ่มใหญ่   แพทย์อาสา ถูกตามตัวด่วน  ประมาณ 3 ทุ่ม  มาตรวจญาติที่คลุกคลีใกล้ชิด ประมาณ 10 คน ซึ่งยังไม่อาการป่วย   ตามอย่างอาแป๊ะ และสุดท้ายก็ไม่มีญาตติป่วยสักคน  แปลก...

หลังจากใช้บริการแพทย์อาสา ครบ1 รอบ 1 สัปดาห์   

ผอ.รพ.หาดใหญ่ ขณะนั้น   ตัดสินใจ จัดคิวเวียนแพทย์ทุกคน เฝ้าตรวจ ผู้สัมผัส หรือ ผป.เสี่ยง  

สนุกมาก  มีแพทย์บางคน จะเบี้ยว ไม่เ้ข้าคิว  ผอ.ตบโต๊ะเสียงดัง  ใครไม่ร่วมมือ  ให้ลาออกจากราชการไปเลย

ให้เริ่ม คิวหนึ่ง โดย ผอ.รพ.หาดใหญ่  เป็นคนแรก  เรียงชื่อตามตัวอักษร    บังเิอิญ   ผอ.ชื่อ กมล  วีระประดิษบ์  เริ่มก่อนครับ    เรียงตามชื่อง่ายกว่า เรียงตามตำแหน่งตามหลังผอ.     หมอทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเสี่ยง   ไม่มีใครเบี้ยว

และเหลือเชื่อ ไม่มีผป. ใหม่ รายที่สองในประเทศไทยเลย   ต่างจากประเทศอื่น ที่เข้าไปแล้วแพร่ต่อไป เรื่อยๆ


คราวนี้ จับตาดูกันต่อไป   สักพัก เดี๋ยวตั๋วเดินทาง โรงแรม จะลดราคากระหน่ำ   หากเริ่มการระบาดต่อเนื่องจริง


โดยรวมสถานการณ์ ระบาดรอบนี้ น่าจะหนักกว่าเก่า หากคำนึงเรื่อง สภาพอากาศ

ซาร์รอบแล้ว เริ่ม ต้น  กลาง มีนาคม  ที่ฮ่องกง   เข้าเมืองไทย ต้นเมษายน  ยุติง่าย เมื่อเข้าฤดูร้อน  พค-มิย  ของ ยุโรป   จีนแคนาดา 

หากเริ่มต้นใหม่ช่วงนี้ กำลังเริ่มหนาวไปยิ่งขึ้น   กว่าจะหมดหนาว  ของ ยุโรป  อีก 4-5 เดือน  มีนาคม เมษายน บ้านเขายังหนาวอยู่

เชื่อว่า  ยุโรป  คงจะรู้ก่อน เพราะ แยกเชื้อได้ก่อน   เหมือนที่คราวนี้ Lab  ที่ลอนดอนพบ แยกเชื้อตัวใหม่ได้ จากผป. เศรษฐี กาต้า  อาการหนัก ที่กาต้าร์  หลังจากไปซาอุ   จึงถูกส่งต่อด้วยเครื่องบินไป ลอนดอน  จึงพบและรายงานให้ตื่นเต้น เพียง รายเดียว  เมื่อกลางเดือน กย.  รายนี้รอด ไม่ตาย 

ต่อมา จึงเอาตัวอย่าง จากรายอื่นที่ตายที่จอร์แดน  ไปตั้งแต่ เมย 55   เป็นกลุ่มนี้ตัวใหม่ เหมือนกัน  เรียก New Corona virus

                  

ผู้เรียนรู้รุ่นหลัง

 1 ธค 2555


เพิ่มเติม 4 ธค     จาก  สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่  กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข

                               http://beid.ddc.moph.go.th/th_2011/news.php?g=1&items=668 

สรุปสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012

และความคืบหน้าการดำเนินงาน   โดย สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค

3 ธันวาคม 2555

• สถานการณ์ทั่วโลกและความสำคัญของการระบาดครั้งนี้

องค์การอนามัยโลก รายงานผ่านทางเว็บไซต์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 สรุปสถานการณ์การ

ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 ว่า ตั้งแต่เดือนเมษายน – 30 พฤศจิกายน 2555 พบ

ผู้ป่วยยืนยันโรคนี้ จำนวนทั้งสิ้น 9 ราย เสียชีวิต 5 ราย และผู้ป่วยน่าจะเป็นโรคนี้อีก 1 ราย ในจำนวนนี้ เป็น

ผู้ป่วยจากเมือง Jeddah และ Riyadh รวมจากประเทศซาอุดิอาระเบีย 6 ราย (ผู้ป่วยที่มีผลทางห้องปฏิบัติการ

ยืนยันโรค 5 ราย ผู้ป่วยน่าจะเป็น 1 ราย เสียชีวิต 3 ราย) จากประเทศกาตาร์ 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และล่าสุด

มีรายงานพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 2 รายจากประเทศจอร์แดน เสียชีวิตทั้ง 2 ราย (ส่วนของประเทศจอร์แดนนี้ เป็นผล

จากการตรวจตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการของผู้ป่วยที่เสียชีวิตตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 ซึ่งเพิ่งตรวจพบว่า ให้

ผลบวกต่อเชื้อไวรัสนี้) ส่วนใหญ่มีอาการเหนื่อยหอบ ปอดอักเสบ ไตวาย และระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

ในขณะนี้ พบว่า ผู้ป่วย 4 ราย (ผู้ป่วยยืนยันโรค 3 ราย และผู้ป่วยน่าจะเป็น 1 ราย) จากประเทศ

ซาอุดิอาระเบีย มีประวัติการระบาดของโรคในครอบครัวเดียวกัน ทำให้มีความเป็นไปได้ของการแพร่กระจาย

เชื้อจากคนสู่คน และการที่มีผู้ป่วยจาก 3 ประเทศ มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 แสดงว่า เชื้อไวรัสนี้ ได้มี

การระบาดอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว จึงเป็นความกังวลเชื่อมโยงไปถึงการเข้าร่วม

พิธีแสวงบุญของชาวมุสลิม (ฮัจญ์) ที่มีประชาชนมารวมตัวกันที่ซาอุฯ เป็นจำนวนหลายล้านคนในช่วง

ปลายปีนี้ หากมีการระบาดเกิดขึ้น อาจจะมีผู้ป่วยหรือเสียชีวิตจำนวนมาก ระหว่างนี้ รัฐบาลของทั้ง 3

ประเทศที่มีการระบาด ร่วมกับองค์การอนามัยโลกกำลังทำการสอบสวน ป้องกัน ควบคุมโรค เพื่อหาแหล่งรังโรค

และวิธีการแพร่กระจายเชื้อ องค์การอนามัยโลก ยังไม่แนะนำให้มีการจำกัดการเดินทางแต่อย่างใด อย่างไรก็

ตาม มีคำแนะนำให้ทุกประเทศจัดระบบเฝ้าระวังโรค สำหรับผู้เดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด ให้หลีกเลี่ยง

บริเวณที่มีผู้คนแออัด ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย และปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี

เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 นี้ เป็นไวรัสหนึ่งในตระกูลเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ที่

ก่อโรคในคนและสัตว์ อาการป่วยในคน มีตั้งแต่ระดับเบาได้แก่ ไข้หวัดธรรมดา ถึงระดับรุนแรงจนเสียชีวิต เช่น

โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือโรคซาร์สที่เคยระบาดใหญ่เมื่อหลายปีก่อน สำหรับเชื้อไวรัสโคโรน่าสาย

พันธุ์ใหม่ 2012 นี้ ยังไม่เคยตรวจพบในคนมาก่อน การระบาดรอบนี้ เป็นครั้งแรก ทำให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ

เชื้อนี้ ยังมีจำกัด ดังนั้น เราจึงยังไม่ทราบช่องทางการแพร่กระจายเชื้อ ความรุนแรงของโรค อาการแสดงของ

ผู้ป่วยที่ชัดเจน

• สถานการณ์และการดำเนินงานในประเทศไทย

ประเทศไทยได้จัดระบบเฝ้าระวังโรคและเตรียมรับมือโรคนี้ มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 ข้อมูล ณ วันที่

3 ธันวาคม 2555 ยังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ในไทย การดำเนินมาตรการหลัก ได้แก่ การเฝ้าระวังโรค การเตรียม

ความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล การเตรียมการสำหรับผู้แสวงบุญชาวไทยที่จะเดินไปร่วมพิธีฮัจญ์ที่

ซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งการให้คำแนะนำสำหรับผู้เดินทาง โดยกระทรวงสธ.ได้มีหนังสือสั่งการไปยังสสจ.ทุกแห่ง

และขอความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ได้เคยมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ และขอความร่วมมือ

ในการป้องกันควบคุมโรค จากกระทรวงต่างๆ เมื่อเดือนตุลาคม 2555 นอกจากนี้ จะมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญ

ของกระทรวงสาธารณสุข องค์การอนามัยโลก และศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์

ความเสี่ยง และพิจารณาปรับมาตรการของไทย ในวันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ที่กระทรวงสาธารณสุข

• การประเมินความเสี่ยงและการปรับมาตรการของไทย จากการประชุมเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555

ได้ข้อสรุป ดังนี้

1. ประเมินความเสี่ยงจากปัจจัยของธรรมชาติของเชื้อไวรัสนี้ จากการหารือเบื้องต้นกับผู้เชี่ยวชาญด้าน

ไวรัสวิทยา พบว่า ยังไม่มีข้อมูลใดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้น หากมีข้อมูลเปลี่ยนแปลง จะมีการจัด

ประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินเชื้อไวรัสตามความเหมาะสม ส่วนคาดการณ์กลุ่มเสี่ยงของไทย คือ กลุ่ม

ที่กลับจากพิธีฮัจญ์ กลุ่มชาวต่างชาติที่มารับการรักษาในสถานพยาบาลเอกชน กลุ่มผู้เดินทางไปมาจาก

ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง

2. ในด้านมาตรการ ให้คงการเตรียมความพร้อม เฝ้าระวังด้านการเฝ้าระวัง ด้านห้องปฏิบัติการ ด้าน

การแพทย์ ด้านด่านควบคุมโรค/ผู้เดินทาง ในกลุ่มเป้าหมาย ตามแนวทางและคำแนะนำขององค์การ

อนามัยโลก และติดตาม ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจะไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง

ประเทศ และวิถีการเดินทางระหว่างประเทศของประชาชน

คำแนะนำสำหรับประชาชน

- สามารถเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดได้ตามปกติ   โดยขอให้หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีคนอยู่ร่วมกัน

แออัด ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัด ปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี กินอาหารปรุงสุก ใช้

ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ หากท่านมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัด ขอให้ไปพบแพทย์พร้อมแจ้ง

ประวัติการเดินทาง 

- ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถค้นหาได้ที่ เว็บไซต์สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ http://beid.ddc.moph.go.th

และ call center กรมควบคุมโรค โทร.1422

คำสำคัญ (Tags): #ซาร์ใหม่
หมายเลขบันทึก: 510686เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2012 02:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 17:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ขอบพระคุณครับ คุณหมอ วีรพัฒน์ เงาธรรมทรรศน์   ผู้อาสาก็คือผู้เสียสละเพื่อผู้อื่น...:):) 

อย่างงี้ต้องเรียกว่า .งานกำลังจะเข้า. แล้วครับ 

ตื่นตูม ก็ดีกว่า ตื่นช้าไป หรือไม่ก็ไม่ตื่นเลยครับ......  

ป้องกันกันไว้ก่อนดีที่สุด......

corona virus ใหม่ ตัวนี้ ขณะนี้ ในแง่รุนแรง ยอมรับกันอยู่ แต่ สมรรถนะการติดต่อกัน ยังไม่เท่ากับ SARS ตัวเก่า ที่ติดง่าย แบบหมอ พยาบาล ก็เอาตัวไม่รอดพลอยติดไปด้วย

รอบนี้ ยังไม่แพร่กระจายเชื้อ ติดต่อให้ แพทย์ พยาบาล

ก็พอเบาใจว่า น่าจะไม่แพร่ กระจายรวดเร็วนัก

ความจริง นักการสาธารณสุข ทั้งแพทย์ และไม่ใช่แพทย์ ในเมืองไทย ที่ทำงานควบคุมโรคระบาด เสียสละ อย่างทุ่มเท เกินบทบาทหน้าที่ โดยไม่มีใครรู้ จนทำให้ผลงานการควบคุมโรคติดต่อ หลายๆเรื่อง ประเทศเราเป็น แนวหน้า ในความเชี่ยวชาญ หลายโรค และ ช่วย ฝึกฝน จนท ประเทศอื่นๆ

ขอบคุณที่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลค่ะ

ข่าวนี้สำคัญมากครับ เรื่องนี้ ถึง ครูอังคณา แน่

ขอบคุณมากครับ ที่เผยแพร่ข้อมูล

  • "ผอ.ตบโต๊ะเสียงดัง  ใครไม่ร่วมมือ  ให้ลาออกจากราชการไปเลย" <<<< โหดจังครับ
  • ผป. = ผู้ป่วย <<<ถูกต้องนะนะครับ
  • อ่านเรื่องนี้แล้ว sars เหมือนกับ นกย้ายถิ่นเลยครับ
  • ผมคิดเล่นๆว่า คนไทยชอบกินน้ำพริกปลาทู จึงไม่ยอมรับเชื้อจากคนอื่นเลย
  • ขอบคุณสำหรับความรู้เพื่อเตรียมนะครับ

ที่ผอ. ตบโต๊ะ เป็นกุศโลบาย ชั้นยอดเยี่ยม ของ ผอ. ที่ใจดี กับ แพทย์ลูกน้องมาตลอด แต่ยามนั้น ต้องการความเด้ดขาด ในการสั่งการ ขอความร่วมมือ และ ระดมความสามัคคี

เพราะแพทย์ รพ.ใหญ่ จะ มีความชำนาญ เฉพาะด้านมาก จะมีแพทย์บางท่านอ้าง ความไม่ชำนาญ ไม่ตรงแผนก ของตนเอง จะไม่ขอร่วมเฉลี่ย ความเสี่ยง ในการตรวจ และ อาจจะติดเชื้อ

หากยอมให้บางคน มีเหตุผล ไม่ร่วมงาน ในที่สุด ทุกคน ก็จะอ้างไม่ร่วมมือ ในความเสี่ยงนี้ ปล่อยให้ แพทย์บางคน บางแผนกเท่านั้น รับความเสี่ยงเอง เช่น อายุรกรรม ก็ไม่สามารถรับมือ ภาวะกาลนี้ได้

ในสถานการณ์ต่อมา ของการเฝ้าระวัง ตามสนามบิน ทุก รพ. ก็หมุนเวียนแพทย์ทุกคน โดยไม่ยอมให้มีข้ออ้างว่า แพทย์แผนกนี้ ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องไป ร่วมงานที่เสี่ยง จะติดโรคจากผป. สู่แพทย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท