Dumb ways to die วิธีตายแบบงี่เง่า
เมื่อวานเห็นลูกชาย(สุดรักของ ผบทบ.)นั่งดูวิดีโอการ์ตูนแอนนิเมชั่นเตรียมที่จะอัพลง Facebook ดูแล้วเตะตาน่าสนใจมาก เป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่นแบบที่เรียกว่า Infographic ที่บ้านเรากำลังฮิตกันนั่นแหละครับ ที่น่าสนใจก็คือการเล่าเรื่องราวเรียบง่ายแต่สื่อสารในเรื่องของความหมายได้ชักเจน ที่สำคัญคือเพลงประกอบใสๆน่ารักๆแต่สามารถอธิบายความสั้นๆได้กระชับฟังแล้วไม่ต้องตีลังกาแปลให้เสียเวลา
ลองถามได้ความว่าเอามาจากรายการแบไต๋ไฮเทค ( แบไต๋ไฮเทค Daily 5 Live Wed 21 November 2012 ตอนที่ 607 / http://www.youtube.com/watch?v=KEkptNT5z5M ) ก็เลยลองเข้าไปดูปรากฎว่ามีเนื้อหาอยู่ในช่วงท้ายๆของรายการ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือไม่มีใครคอมเม้นท์ถึงเรื่องนี้เลยอาจเป็นเพราะคนที่ดูไปสนใจเรื่องของอุปกรณ์ไฮเทคใหม่ๆที่รายการนำมาแนะนำมากกว่า การเลือกหยิบเอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของคุณลูกชายจึงเป็นเรื่องที่เรา(ผมกับผบทบ.)มองตากันด้วยความทึ่งในความคิดอ่านของคุณลูกอีกครั้งหนึ่ง
"Dumb Ways to Die" เป็นวิดีโอการรณรงค์ในรูปแบบบริการสาธารณะของบริษัทรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งเมลเบอร์น ประเทศออสเตรเลีย เพื่อประชาสัมพันธ์ในเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถไฟ และวิดีโอนี้ก็กลายเป็นที่กล่าวขานอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียในเวลาอันรวดเร็ว
แคมเปญนี้ผลิตโดยบริษัทเอเจนซี่โฆษณาชื่อ McCann Melbourne ซึ่งได้นำออกไปปรากฏทางสื่อทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ สื่อโฆษณากลางแจ้ง ตลอดจนเว็บบล็อกในเครือข่ายโซเชียลมีเดียของบริษัทรถไฟใต้ดินเอง ตัววิดีโอนั้นถูกพัฒนาขึ้นโดย Pat Baron แอนนิเมชั่นโดย Julian Frost และผลิตโดย Cinnamon Darvall ถูกอัพโหลดขึ้นบนยูทูปเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2012 ใช้การเล่าเรื่องแบบตลกร้ายที่มีจุดเด่นโดยใช้ความหลากหลายของการ์ตูนและตัวอักษรน่ารักๆบอกเล่าถึงวิธีการงี่เง่าที่จะสามารถฆ่าตัวเองได้สื่อออกไปถึงผู้ชม
สำหรับเพลง "Dumb Ways to Die" นั้น John Mescall เป็นผู้เขียนโดยมี Ollie McGill จาก The Cat Empire เป็นผู้จัดทำดนตรี มี Emily Lubitz แห่งวง Tinpan Orange เป็นนักร้องนำและเสียงประสานโดย Bryce Gilhome จากนั้นได้ถูกปล่อยให้ซื้อหาดาวน์โหลดใน iTune
ภายใน 24 ชั่วโมงหลังถูกเผยแพร่ เพลงนี้สามารถขึ้นสู่อันดับท็อปเท็นบน iTune chart และเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนก็ขึ้นสู่อันดับเพลงยอดนิยมอันดับ 6 ทั่วโลกและได้รับการยอมรับว่าเป็น "Australia's biggest ever viral hit" ทั้งนี้ยังติดอันดับท็อปเท็นบน iTune ของฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนามอีกด้วย (ทำไมไม่มีไทยนะ ?)
เครดิตให้ Wikipedia / http://en.wikipedia.org/wiki/Dumb_Ways_to_Die ครับ
ทีนี้เรามาดูนื้อเพลงกัน
Dumb Ways To Die / Tangerine Kitty
Set fire to your hair
Poke a stick at a grizzly bear
Eat medicines that’s out of date
Use your private parts as piranha bait
Dumb ways to die, so many dumb ways to die
Get your toast out with a fork
Do your own electrical work
Teach yourself how to fly
Eat a two week old unrefrigerated pie
Dumb ways to die, so many dumb ways to die
Invite a psycho-killer inside
Scratch your drug dealer’s brand new ride
Take your helmet off in outer space
Use your clothes dryer as a hiding place
Dumb ways to die, so many dumb ways to die
Keep a rattlesnake as pet
Sell both the kidneys on the internet
Eat a tube of superglue
“I wonder what’s this red button do?”
Dumb ways to die, so many dumb ways to die
Dress up like a moose during hunting season
Disturb a nest of wasps for no good reason
Stand on the edge of a train station platform
Drive around the boom gates at a level crossing
Run across the tracks between the platforms
They may not rhyme but they’re quite possibly
Dumbest ways to die ie
Dumbest ways to die
Dumbest ways to die
So many dumb
So many dumb ways to die
Be safe around trains. A message from Metro
[ Lyrics from: http://www.lyricsty.com/tangerine-kitty-dumb-ways-to-die-lyrics.html ]
ว่ากันว่าแคมเปญนี้ทำมาสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านคำเตือนหรือข้อกำหนดข้อห้ามที่เกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย ซึ่งจะเกิดจากความขี้เกียจประจำตัว ความเบื่อหน่ายที่จะต้องเสียเวลาเพ่งอ่านข้อความแบบประกาศทั่วๆไป หรือจากอะไรก็ตาม แต่หลังจากการรณรงค์เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ก็เป็นที่คาดการณ์ว่าคนกลุ่มดังกล่าวได้เรียนรู้และเข้าใจคำเตือนเหล่านี้มากขึ้น
เออ..Infographic แบบนี้น่าสนใจที่จะเอามาใส่เป็น Aplication บนแท็บเล็ตให้เด็กๆหรือเปล่าครับ ?
นอกจากความน่ารัก เพลงเพราะๆและสาระของวิดีโอแล้วเราได้อะไรจากแคมเปญและวิดีโอนี้บ้าง สำหรับผมคงต้องบอกว่ามันมากกว่านั้นมากครับ สิ่งที่เป็นปัญหาของสังคมไทยที่สำคัญมากอย่างหนึ่งทั้งในเรื่องการสื่อสารและการเรียนรู้ ก็คือเราไม่ชอบทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย แต่กลับชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก ผบทบ.เคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องตัวอย่างการสื่อสารระหว่างหมอ-พยาบาลกับคนไข้สมัยเธอจบมาใหม่ๆว่า.. พยาบาลให้คุณยายท่านหนึ่งที่มาตรวจไปเก็บตัวอย่างปัสสาวะมาให้ โดยบอกว่า "ยายไปปัสสาวะใส่ขวดนี้ แล้วเอามาให้หนูนะคะ" คุณยายหายไปนานจนเธอต้องเข้าไปตามก็พบว่าคุณยายกำลังพยายามเอาอุจจาระของเธอเก็บเข้าขวดที่พยาบาลให้ไปอย่างยากลำบาก แถมยังบ่นว่าทำไมให้ขวดปากเล็กเกินไปมาให้..ดูเป็นเรื่องโจ๊กแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องให้ความสำคัญและนำเอาปรับปรุง เพราะถ้าหากพยาบาลแค่บอกว่ายายไป"เยี่ยว"ใส่ขวดมานะเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น หรืออย่างเช่นในเพลงผู้ใหญ่ลีที่บอกว่าสุกรนั้นไซร้คือหมาน่อยธรรมดานั่นก็เช่นกัน
ตอนที่เรียนโฆษณาสมัยปีหนึ่งปีสองจำไม่ได้แล้ว เขาบอกว่าถ้าจะให้โฆษณาของเรามีความน่าสนใจ มีคนจดจำได้และกล่าวถึงกันมากๆนั้นไม่ยาก บางทีแค่เอาลิงแสนรู้มาใส่ไว้ด้วยก็จะมีคนจำได้มากมาย แต่มันคงจะไม่มีประโยชน์และจะเป็นโฆษณาที่ไม่มีคุณภาพเลย ถือได้ว่าไร้สาระด้วยซ้ำไปถ้าคนดูจำได้แต่ลิงแต่ไม่สามารถจดจำตราสินค้าของเราได้ ไม่มั่นใจนะครับว่ามาจาก David Ogilvy เจ้าพ่อแห่งการโฆษณาหรือจากใครกันแน่ แต่นั่นถือเป็นหัวใจ
ที่อยากจะบอกก็คือ เวลาที่เราจะทำเรื่องการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เรื่องสาธารณะอะไรก็ตาม เป้าหมายก็คือสาระที่เราต้องการสื่อ ไม่ใช่รูปแบบ ลีลาท่าทาง หรือรสนิยมแต่เพียงอย่างเดียว หลายครั้งที่เราเห็นภาพที่ออกมาเป็นเพียงแค่เงาอัตตาของคนผลิต ของคนจ้างแต่ไม่ได้สื่อถึงสาระมากมายอะไรเลย หลายครั้งที่เราต้องเอามาแปลความ ตีความ แล้วก็ยังไม่ได้สาระอะไรอีกเหมือนเดิม
เคยดูโฆษณาต่อต้านการสูบบุหรี่ในยุคแรกๆ นานแล้วครับ ไม่ทราบว่าเป็นของสสส.เอามาหรือเปล่านะครับ ที่มีลูกเอาวิดีโอสมัยที่เคยเล่นหยอกล้อกันอย่างมีความสุขกับพ่อ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเสียชีวิตเพราะการสูบบุหรี่ ภาพเด็กหน้าจอทีวีที่มีน้ำตาไหลรินออกมาเงียบๆสามารถสื่อสารให้คนทั้งโลกสะดุด หยุดคิดและน่าจะมีหลายล้านคนที่ตัดสินใจเลิกบุหรี่ได้ในทันที (โฆษณาชุดนี้น่าจะผลิตจากต่างประเทศนะครับ)
จากนั้นมาไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใด โดยเฉพาะ สสส. ก็มีโครงการผลิตสื่อลักษณะนี้ออกมาในหลายเรื่องของหลายการรณรงค์ แต่ยังไม่เห็นมีเรื่องไหนที่สร้างผลกระทบให้ประชาชนตระหนักได้เท่านี้อีก และก็มีจำนวนมากที่เอเจนซี่ทำออกมาได้กากมากๆโดยเฉพาะ copywrite บทสนทนาแบบกระแทกกระทั้นเหมือนทำให้เข้ากับกลุ่มคนแค่บางกลุ่มเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการบริการสาธารณะในรูปแบบนี้ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำ ในฐานะของประชาชน ผู้ดู ผู้บริโภคก็ยังขอเป็นกำลังใจให้ และก็เชื่อว่าทุกหน่วยงานมีความตั้งใจทำเพื่อสังคมกันทั้งนั้น
แต่ก็ต้องขอให้ทุกแห่งทุกคนช่วยกันคำนึงถึงเรื่องของประสิทธิภาพด้วยก็แล้วกัน เพราะทุกบาททุกสตางค์มันคือภาษีของประชาชน ก่อนที่จะแห่กันตะโกนโหวกเหวกว่าคนนั้นโกงคนนี้คอรัปชั่น ก็ต้องคิดด้วยว่าการเอาภาษีมาละลายละเลงโดยไร้ประสิทธิภาพมันก็สูญเสียไม่ต่างจากการคอรัปชั่นเหมือนกัน ต่างกันเพียงแต่ว่ามันหาใบเสร็จมายืนยันได้เท่านั้นแหละครับ
video on YouTube
http://www.youtube.com/watch?v=IJNR2EpS0jw
Official campaign site
http://dumbwaystodie.com/
on Tumblr
http://dumbwaystodie.tumblr.com/
ความเห็น (3)
Thanks for this food for thought -- and for real!
พยาบาลให้คุณยายท่านหนึ่งที่มาตรวจไปเก็บตัวอย่างปัสสาวะมาให้ โดยบอกว่า "ยายไปปัสสาวะใส่ขวดนี้ แล้วเอามาให้หนูนะคะ" คุณยายหายไปนานจนเธอต้องเข้าไปตามก็พบว่าคุณยายกำลังพยายามเอาอุจจาระของเธอเก็บเข้าขวดที่พยาบาลให้ไปอย่างยากลำบาก แถมยังบ่นว่าทำไมให้ขวดปากเล็กเกินไปมาให้..ดูเป็นเรื่องโจ๊กแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องให้ความสำคัญและนำเอาปรับปรุง เพราะถ้าหากพยาบาลแค่บอกว่ายายไป"เยี่ยว"ใส่ขวดมานะเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เคยพบเรื่องแบบนี้จริง ๆ ค่ะ
เหมือนสมัยก่อนเราเรียกหมายเลข 2 ว่า "โท" เวลาใช้โทรศัพท์เพื่อให้ไม่สับสนไงครับ