เมตตา คือปรารถนาให้เขาเป็นสุข
กรุณา คือปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์
มุฑิตา คือยินดีเมื่อเขามีสุขด้วยกุศลกรรม
สามสิ่งนี้ชาวไทย เพื่อนพี่น้องทุกท่านทำได้แน่ไม่ต้องรอชาติหน้า
ทุกวันที่ผันผ่านท่านก็ทำกันอยู่แต่อาจไม่รู้ตัวว่ากำลังทำ
เช่นพ่อแม่ ที่คาดหวังว่าลูก จะสอบเอนทรานซ์เข้าคณะดีๆของมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ
หรือเพื่อนที่ดี ที่ปรารถนาให้เพื่อนในกลุ่มตัดใจจากคนรัก ที่ทอดทิ้งเธอไป
สามสิ่งข้างต้นหาก "เขา" เป็นไปตามความหวังที่ดีของเรา
นอกจากเขาเองที่เป็นสุข ยังมีเราที่เป็นสุขตามไปด้วย
แต่..ด้วยธรรมชาติของโลกคือความไม่แน่
จะมีอะไรได้ดังใจเรา อย่างนั้นหรือ ? ในเมื่อเราเอง ก็ไม่เคยได้ดังใจจริงๆ
หากสามสิ่งไซร้ ไม่เป็นดังหวัง เราย่อมทุกข์ตามเขาไปด้วย
ดังนั้น พึงต้องมี สิ่งสุดท้ายที่สำคัญคือ
อุเบกขา คือรู้จักวางใจเราให้พอดี ไม่ไหลตามความสุขที่เขามี
และไม่ดำดิ่งกับความทุกข์ที่เขาเป็น
ท่านอาจารย์ ว วชิระเมธี เรียกอย่างเรียบง่ายว่า
เมื่อสุดมือสอย ก็จงปล่อยมันไป
จะได้ไม่ทุกข์เกินควร
เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ทั้ง 4 สิ่งนี้รวมเป็น พรหมวิหาร 4
วิหารแห่งพรหม วิหารแห่งความร่วมเย็นเป็นสุข
หากนำ 4 สิ่งไปใช้สังคมใด ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ย่อมร่มเย็นเป็นสุข
ไม่มีความเห็น