เป็นเรื่องราวที่ดีมาก ที่เด็กๆ เขายึดมั่นในสัจจะ ที่ครั้งหนึ่งแม่ครูชวนพูดชวนคิดพิจารณา ว่า... ช่วงเข้าพรรษาแม่ครูจะพามานอนวัด
เด็กๆ...จำได้แม้เวลาผ่านไปหลายเดือน
หลายคนรบเร้า ซึ่งข้าพเจ้าก็ยังคงหาโอกาสที่เหมาะไม่ได้
แล้วมาวันหนึ่งน้องบิ๋มกับน้องกอเพื่อนน้อยต่างวัยให้แม่แดงขับรถมอเตอร์ไซต์มาส่งถึงในสำนักแม่ชี...
และแล้ว...ชีวิตของอุบาสิกาน้อยก็เริ่มต้น
ช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ (๑๘-๑๙ สิงหาคม) คือ ...ครั้งที่สองของการมาพัก ครั้งแรกนั้นเป็นเพียงทดลอง
(หน่อแห่งธรรมกำลังงอกในต้นกล้าใสใส)
ในรอบนี้แม่อ้อและน้าติ๋วอนุเคราะห์ เป็นเจ้าภาพเสื้อและเย็บผ้าถึงชุดปฏิบัติธรรมให้น้องบิ๋มและน้องกอ ดูแล้วน่ารักมาก
ข้าพเจ้า...ยังคงสอนทำวัตรที่กุฏิ ยังไม่ได้พาไปทำวัตรรวม เพื่อให้น้องบิ๋มและน้องกอคุ้นเคย ... ช่วงกลางวันก็เรียนหนังสือกับแม่ครู หลังเลิกเรียนก็มาช่วยกวาดตาด...
จากนั้นก็เปลี่ยนองค์ทรงเครื่องเป็นชุดฟอร์ม "อุบาสิกาน้อย"...
ท่าทางแข็งขัน หลังทำวัตรเสร็จ ก็นั่งสมาธิร่วมกัน
จากนั้น แม่ครูก็ให้เขียนบันทึกสำรวจความรู้สึกของการมาอยู่วัด...
เด็กๆ ทำได้ดีมาก ตั้งใจและใส่ใจในรายละเอียดที่เกิดขึ้นในทุกซอกของหัวใจ
เมื่อใกล้เวลาที่น้าติ๋วจะทำวัตรรวมเสร็จ...ข้าพเจ้าจึงพาหัดสวดบทพาหุง สักพักพอหันกลับมามอง ปรากฏว่าเสียงหายใจอันไม่รู้สึกตัวในร่างน้อยๆ ที่ผลอยหลับไป
รุ่งเช้าเมื่อถามว่า...คุ้นชินหรือยังกับการอยู่วัด
น้องบิ๋มและน้องกอตอบพร้อมกันเลยว่า เริ่มจะชินแล้วค่ะ แม้หนูจะคิดถึงแม่ แต่หนูอยู่กับแม่ครูหนูก็อบอุ่นใจ
"นี่คือ...การซ้อมบทเรื่องการพลัดพรากจ้ะ"...แม่ครูตอบกลับไป น้องบิ๋มส่งรอยยิ้มมาอย่างอ่อนโยนมาก...
การดำรงอยู่ในสภาวะ ณ ช่วงนี้ คือ ความงามของการเกื้อกูลเลยทีเดียว ชีวิตต่างพยุงกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณยายกุล น้าติ๋ว พี่ภัส หรือแม้แต่แม่อ้อเอง...ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
พลังแห่งการเยียวยา...อันเปี่ยมด้วยความเมตตาและกรุณา ที่เป็นการเติมเต็มให้ผืนดินนี้อบอุ่น และชุ่มฉ่ำในหัวใจ
...
๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
มาร่วมเป็นกำลังใจให้อุบาสิกาน้อยค่ะ