ครอบครัวหมอ ....สะพานเชื่อมต่อไร้พรมแดน


ฉันพลันรวบเอาร่างหญิงชราที่ผอมแห้งมากอดไว้อย่างมีความสุขและและรู้สึกผูกพันยิ่งนัก เสียงหัวใจของคุณยายเต้นตุ้บๆเป็นสื่อสัญญาณบอกว่า สัญญาใจที่เกี่ยวรวมเป็นดวงเดียวกัน คือ ครอบครัวเปี่ยมรัก ฉันเฝ้ารำพันว่า หากในวันข้างหน้าฉันไม่ได้ยินเสียงหัวใจยายแล้ว ฉันคงเหงาและคิดถึงยายมาก มันมีความหมายมากกว่าคำว่า หมอครอบครัว

ครอบครัวหมอ….สะพานเชื่อมต่อไร้พรมแดน

เมล็ดหญ้า

 

“ สายแล้ว…ทำไงดี ”   พยาบาลสาวห้าว อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ด้วยโทษตัวเอง ที่ไม่สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้ทันเวลา ด้วยท่าทีที่รีบร้อนพร้อมเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังบ้านพักหลังเก่า ๆ อีกทั้งสาละวนกับการแต่งกายอย่างกระฉับกระเฉง แล้วสาวเท้าออกช่องประตูบ้านโดยไม่สนใจแม้เสื้อผ้าที่สวมใส่ว่าเรียบร้อยหรือสวยงามเพียงใด ใบหน้าและผิวพรรณที่ที่สวยเป็นธรรมชาติปราศจากการเติมแต่งให้สวยงามจากเครื่องสำอางซึ่งต่างจากสตรีทั่วไป   ตั้งใจ  พยาบาลสาวห้าวจากแดนใต้ผู้มุ่งมั่นในหน้าที่และเปี่ยมด้วยพลังแห่งอุดมการณ์เพียงเพื่อหวังอยากเห็นคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของชาวบ้านภาคอีสาน เมื่อครั้งยังเด็กเธอเคยรับรู้และเห็นภาพจากสื่อโทรทัศน์ ถึงความยากแค้น ขาดแคลนทั้งอาหารและที่อยู่  ทั้งเด็กและคนแก่เฒ่า รูปร่างผอม สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขาดวิ่น เธอจึงตั้งปณิธานว่า สักวันเธอจะไปช่วยคนเหล่านั้นให้จงได้ เธอจึงสอบเข้าเรียนพยาบาล ตลอดสี่ปีที่ศึกษาเธอพยามยามศึกษา เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้ เพื่อให้มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือชาวบ้านที่เธอเฝ้าฝันมาตลอด หลังจบการศึกษาเธอยอมสละความสุขสบายทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาสมัครเข้าประจำการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสาน มาใช้ชีวิตใหม่ในชุมชนที่เธอไม่คุ้นเคยทั้งด้านวัฒนธรรมและภาษา  ไม่ง่ายเลยสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับชีวิตเธอที่เติบโตมาพร้อมกับความสะดวกสบายและภาษาวัฒนธรรมแบบชาวใต้  แต่ด้วยจิตใจที่แน่วแน่ในอุดมการณ์นี้ทำให้เธอกลายมาเป็นที่รักและเอ็นดูของชาวบ้านประดุจดังลูกหลานของชุมชนชนบทแห่งนี้เลย ทีเดียว  ใน ทุก ๆ วัน เธอ ให้บริการชาวบ้านด้วยความเอื้ออาทร และความเมตตาสงสารชาวบ้านเหล่านั้น เธอพยายามเรียนรู้วัฒนธรรม ภาษาและอาหารประจำท้องถิ่นชาวชนบทอีสานโดยการฝึกพูด กับชาวบ้าน ฝึกกินอาหารที่ชาวบ้านชอบกิน ตลอดจนร่วมประเพณีที่ชาวบ้านเชื่อและนับถือจนทำให้เธอเข้าใจบริบทที่แท้จริง เพื่อจะนำไปสู่การวิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพหาสาเหตุที่ส่งผลต่อการเจ็บป่วยตามมาจากการดำเนินชีวิตที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาชั่วลูกชั่วหลาน  เช่นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไตวาย แต่ด้วยความเชื่อ และยึดมั่นศรัทธาในวัฒนธรรม  ประเพณี และความเป็นอยู่ดังกล่าว เธอพยายามค้นหาวิธีแก้ไข โดยให้ความรู้ เรื่องโรค การป้องกันโรค การพาชาวบ้านออกกำลังกาย การติดตามเยี่ยมบ้านให้คำแนะนำ และติดตามประเมินผลเป็นระยะแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอพยายามทำอย่างลองผิดลองถูกและยึดมั่นในหลักวิชาการที่เล่าเรียนมาไม่ง่ายเลยที่จะปรับเปลี่ยนความเชื่อและค่านิยมของชาวบ้านที่ถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนาชั่วลูกชั่วหลาน

          “ เอาน่า ต้องดีขึ้นสิ ขนาดน้ำเซาะหินทุกวัน หินมันยังกร่อน เราก็จะให้ความรู้ไปเรื่อยๆ สักวันชาวบ้านก้อจะค่อยๆเปลี่ยนไปเองล่ะน่ะ”  ตั้งใจ บ่นพึมพรำอยู่คนเดียวหลังจากนั่งครุ่นอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าสถานบริการยามพลบค่ำหลังจากสิ้นสุดการให้บริการชาวบ้านแล้ว

          “ สวัสดีค่ะ มื่อนี่ผลการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดส่วนมากแล้วสูงหลาย ฮู้บ่อค่ะว่ามันเกิดจากหยัง เกิดจากการบ่อได้ควบคุมแนวกิน บ่อออกกำลังกาย อยากให่ทุกคนตระหนักและควบคุมให้ดีแน่ะเด้อค่ะ ”  ตั้งใจ พยาบาลสาวใต้ ยืนให้ความรู้ในกลุ่มผู้มารับบริการคลินิกโรคเบาหวานที่มารับบริการในวันคลินิกโรคเบาหวาน เช่นทุกวันที่เธอเจอปัญหาเธอจะให้ความรู้ เรื่อย ๆ ด้วยหวังให้ชาวบ้านตระหนักมากขึ้น

          “  เจ้าอยากเซาเป็นเบาหวานบ๊อ เชื่อข่อย ไปซื้อน้ำผลไม้ขวดละสามพันมากิน เพียงขวดเดียวรับรองเซา ! ” ยายหวำ ผู้ป่วยเบาหวานพูดกระซิบหูยายจันทร์ด้วยน้ำเสียงเบาๆ เพราะเกรงใจพยาบาล ที่กำลังยืนพูดให้ความรู้เบื้องหน้า และฉันผู้ประสานงานเครือข่ายบริการมีโอกาสออกมานิเทศงานที่นี่ ฉันแอบชื่นชมในความตั้งใจทำงานให้บริการชาวบ้านของตั้งใจ พยาบาลสาวห้าว ที่มีความมุมานะ ขณะเดียวกันฉันแอบได้ยินเสียงยายสองคนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ และไม่สนใจในสิ่งที่ ตั้งใจพยาบาลสาวกำลังพูดให้ความรู้อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายาม ยกตัวอย่าง สาธิต ยกตัวอย่างอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงแต่ ก็ไม่สามารถทำให้ยายทั้งสองสนใจกับสิ่งที่ ตั้งใจยกโชว์สาธิตให้ดูแม้แต่น้อย

          การมานิเทศติดตามงานในวันนั้น ดิฉันไม่ได้ตำหนิ ตั้งใจ พยาบาลสาวห้าวเลยแม้แต่น้อยเพียงเพราะแค่เห็นเธอทำงานอย่างจริงใจกับชาวบ้าน ความรับผิดชอบในหน้าที่และการจัดทำระบบรายงานข้อมูลที่สมบูรณ์เรียบร้อย และระเบียบปฏิบัติที่สามารถตรวจสอบได้ ตามตัวชี้วัดผลงาน เพียงแค่นี้ก็ผ่านเกณฑ์ประเมินแล้ว  ขณะนั่งรถกลับดิฉันครุ่นคิดและเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆว่า สิ่งที่ดิฉันได้ประเมินสถานบริการปฐมภูมิแห่งนี้บรรลุเป้าประสงค์จริงหรือ แต่สิ่งที่สัมผัสได้ว่าคุณภาพการให้บริการยังขาดบางสิ่งบางอย่างไปหรือไม่ และยังไม่สมบูรณ์ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ที่นี่ก็ทำได้ตามเกณฑ์มาตรฐานการประเมินแล้ว  แต่คุณภาพชีวิตของชาวบ้านรู้สึกเหมือนว่ายังขาดส่วนที่ต้องเติมเต็มบางอย่างไป เมื่อนึกถึงคำพูดของยายทั้งสอง ระหว่างทางดิฉันครุ่นคิดกับเหตุการณ์คุณยายสองคนนั้นสนทนากันอย่างไม่สบายใจ จนกระทั่งเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ฉันก้าวย่างลงจากรถช้า ๆ ด้วยกายที่เหนื่อยล้าเต็มทีเมื่อนึกถึงใบหน้าของยายสองคนนั้นแว้บเข้ามาทีไร

          ห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ของกลุ่มงานยุทธศาสตร์ และสารสนเทศ ทางการแพทย์ ที่ถูกจัดวางไปด้วยโต๊ะ และเก้าอี้ ประดับประดาด้วยดอกไม้สีสวยที่จัดไว้เพื่อสร้างบรรยากาศให้ผู้เข้ามาเยือนได้สัมผัสความสวยงามและผ่อนคลาย สิ่งแวดล้อมที่สวยงามและลงตัว ที่มอบให้เพื่อลดความเครียดและกดดันจากลักษณะงาน ที่ค่อนข้างจะเครียด แต่ทว่าสีสันและความสวยงามที่ถูกบรรจงไว้เหล่านั้นฉันพยายามจัดเพื่อเยียวยาอารมณ์ผู้มาเยือนแต่ทำไมไม่ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายหรือเยียวยาอารมณ์ฉันได้เลย ฉันนั่งทรุดลงบนเก้าอี้อย่างช้าๆ และไม่สนใจสิ่งแม้สิ่งที่อยู่รอบข้าง ใดๆเลย

“ ป๊อก ๆ ….. ! ” ฉัน เคาะนิ้วลงโต๊ะอย่างใช้ความคิด 

“ เอ ไงดีว้า!   ยายสองคนเค้ามีความเชื่อ กันทั้งคู่ ยายหวำเชื่อว่ากินน้ำผลไม้แล้วดี ส่วนยายจันทร์เชื่อในตัวยายหวำ ” ฉันบ่นพึมพรำเบาๆขมวดคิ้วเข้าจรดกัน อย่างครุ่นคิด

          สามเดือนผ่านไปกับปัญหาที่ยังค้างคาใจฉัน ยังไม่มีทีท่าว่าจะแก้ปมได้เลย กับภาระงานที่หนักอึ้งที่ให้ฉันไม่สามารถกลับไปย้อนหาแนวทางหรือคิดวางแผนแต่ได้เลย แม้กระทั่งเวลาจะนอนแทบจะไม่เพียงพอในแต่ละวัน และในทุกๆ วัน ใบหน้าของยายทั้งสองก็ไม่ได้ลบเลือนไปจากความทรงจำของฉันเลย

“ ฉันลืมไม่ได้จริง ๆ..”  ฉันนั่งบนโต๊ะทะงานหลังจากเคลียร์งานบนโต๊ะเสร็จ

          “ อย่ากังวลเลยนะหลาน เดี๋ยวปู่ จะเป่าขับไล่สิ่งอับปรีย์ ที่ทำให้ป่วยไข้ออกจากตัวหลานให้นะ ”  ขณะที่ดิฉันครุ่นคิดอย่างเงียบเพียงลำพังอยู่นั้น พลางเหลือบมองผ่านช่องหน้าต่างไปตามเสียงชายชราที่สั่นๆเครือ  เห็นตาแก่ ๆ นั่งอยู่กับหลานพลางกำลังก้มเป่าลมที่หน้าผากหลานชายวัยรุ่นที่กำลังเจ็บป่วยทางจิต รอรับบริการที่แผนกให้คำปรึกษาซึ่งอยู่ติดห้องที่ดิฉันนั่งทำงานอยู่พอดี

“ บัดดี้ !!” ดิฉันดีใจและเปล่งเสียงตะโกนออกมาดังๆ อย่างโล่งอก

“ กริ๊ง กริ๊ง หวัดดีค่ะพี่ หนูพยาบาลตั้งใจนะคะ พอดีหนูคิดหาแนวทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลคนไข้ใหม่ได้ผลดี หนูจึงอยากเล่าให้พี่ฟังค่ะ หนูให้เค้าจับคู่ดูแลซึ่งกันและกันในกลุ่มเบาหวานที่ควบคุมได้ดีกับควบคุมไม่ดี ปรากฏว่า สามเดือนหลังทำมา ระดับน้ำตาลปกติ หนูดีใจมากเลยค่ะพี่  ” ตั้งใจ พยาบาลสาวห้าวคุยโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ระรื่นและพอใจใน

“ ใช่แล้ว จับคู่ ดูแลซึ่งกันและกัน ” ฉันยิ้มอย่างพอใจที่มุมปาก

“ ช่างบังเอิญเสียจริง ๆ ”ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อคิดย้อนดูเหตุการณ์ ยายสองคนในวันนั้น และคู่ตากับหลานในวันนี้

  คิดได้ดังนั้นฉันจึงเริ่มวางแผน เขียนร่างโครงการขยายผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่เครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมคุณภาพตำบลทั่วครอบคลุมทุกพื้นที่ ด้วยคาดหวังว่าประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า  ประชาชนไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และอัตราต้นทุนการใช้รักษาพยาบาล การสานต่องาน เพียงไม่กี่เดือน โครงการบัดดี้วัยหวานก็ขยายผลครอบคลุมทั่วทั่งเครือข่ายอย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าพอใจยิ่งนักโดยกระบวนการใช้แบบจำลองรูปแบบการขยายคู่บัดดี้แบบการดูแลสุขภาพสายตรง (direct care )เพื่อขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วพื่นที่ เช่นเดียวกัน การขับเคลื่อนรูปแบบการดูแลสุขภาพของแบบสายตรงของคู่บัดดี้ของลูกข่ายค่อยๆขับเคลื่อนจนครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายและขยายผลต่อถึงการดูแลเฉพาะโรค เช่นโรคเรื้อรังต่างๆเช่น บัดดี้วัยหวาน ผูกเสี่ยวหอบหืด  จิตอาสาวัยรุ่นเตือนเพื่อน จิตอาสากลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี  และกลุ่มผู้ป่วยโรคเดียวกันที่ดูแลตนเองดีมาช่วยดูแลบัดดี้ในชุมชนเป็นต้น ขณะที่แม่ข่ายก็เร่งขยายรูปแบบการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ต่อเนื่องแบบมิตรภาพบำบัด โดยมีการติดตามเยี่ยมแต่ผลตอบรับแรกเริ่มยังประสบปัญหาเรื่องความครอบคลุมและผลตอบรับยังน้อยจึงได้มีการปรับเปลี่ยนกลวีธีติดตามเยี่ยมดูแลโดยทีมสหวิชาชีพและจิตอาสากลุ่มบัดดี้ ยังพบรอยต่อของความแตกต่างและการประสานงาน จึงทำไงดี

          ท่ามกลางสภาวะกาลที่เปลี่ยนผัน ความคิดและค่านิยมด้านสุขภาพก็เปลี่ยนไปตามโลกที่หมุนไปอย่างไม่ไม่มีวันหยุด ชาวบ้านรับรู้สภาวะสุขภาพตนเอง การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้รับบริการที่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะซื้อความสะดวกสบายได้ มีค่านิยมในการเข้ารับบริการคลินิกบางส่วน แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังให้ความไว้วางใจในระบบริการที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้รอรับบริการ ตามศักยภาพของโรงพยาบาลและบุคลากร    ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ เดือนพฤษภาคม ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินมีผู้ป่วยฉุกเฉินมารับบริการคับคั่งดั่งเช่นทุกวัน ดิฉันเดินสำรวจความเรียบร้อยในสถานบริการห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน กวาดสายตาไปรอบๆห้อง ช้าๆ สังเกตเห็นหญิงชราคนนึ่งรูปร่างผอมโซ  นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ท่าทางกังวล และไม่สบายใจ นั่งรอคอยผู้ให้บริการอย่างมีความหวัง ฉันจึงเดินเข้าไปและนั่งลงข้างๆคุณยาย แล้วค่อยบรรจงวางมือลงประสานมือยายที่แข็งกระด้างราวกับว่าไม่มีหนังหุ้มไว้เลย  ทันทีที่สัมผัสมือยาย สังเกตอย่างเห็นได้ชัดว่ามือยายสั่นและพยายามถอยมือออกจากมือดิฉันด้วยสีหน้าเขินอาย

          “ คุณยายค่ะ มารอรับบริการเหรอค่ะ คุณยายเป็นอะไรมาคะ ” ดิฉันถามด้วยเสียงนุ่มนวลพร้อมสบตาด้วยรอคำตอบจากหญิงชรานั้น

“  วิงเวียนศีรษะค่ะหมอ ” ยายตอบด้วยเสียงสั่น ๆ แล้วนั่งก้มหน้าหลบสายตาที่ฉันกำลังจ้องมองอยู่ ฉันสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งที่ยายกังวล ไม่กล้าบอกปกปิดไว้ แววตาเศร้าหมองราวพระจันทร์เสี้ยวที่ถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆทะมึน แต่ด้วยใบหน้าหญิงชราที่ใสซื่อที่แสดงออกเสมือนดั่งกระจกสะท้อนใจ อย่างไร้ข้อกังขาว่าหญิงชรายังปกปิดเอาไว้อยู่ ยายยังคงนั่งก้มหน้าเลี่ยงการจับจ้องของฉันเช่นเดิม

          “ คุณหมอ เติ้ล มาพอดีเลย ” แก้วพยาบาลสาวหัวหน้าเวร อุทานด้วยสีหน้ามีความสุขและสมหวังกับบุคคลที่กำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้าที่รอคอยมาสักครู่ใหญ่ ๆ ทันทีที่ยายได้ยินเสียง แก้วพยาบาลสาวอุทานชื่อหมอ สังเกตเห็นว่ายายเงยหน้ามองไปตามเจ้าของชื่อนั้นด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง และแววตาลุกพราวสดใส อย่างมีความสุขซึ่งแตกต่างจากแววตาที่ฉันเห็นยายก่อนหน้านั้น ยายยิ้มที่อย่างมีความสุขถึงแม้ว่าเป็นรอยยิ้มของหญิงชราที่เหี่ยวย่นตามวัย  แต่เป็นรอยยิ้มที่สมหวังที่สวยงามเหลือเกิน

          “ ลูกหมอ ยายตามมาพบลูกหมอที่นี่ เมื่อสักครู่ไปที่คลินิกแต่ไม่ทัน ปิดก่อน ยายจึงตามมา ” ยายพูดท่าทางจริงจัง พร้อมกับพยายามเอามือที่หยาบกร้านปะวางที่แขนหมอหนุ่ม เกาะเกี่ยวแน่น ราวกับจะวางเสียมิได้ หมอหนุ่มรูปหล่อ ยิ้มอย่างพอใจพร้อมใช้มือที่นุ่มละมัย วางทับมือยายอย่างมิรังเกียจ ร่างกายแห้งผอม เหี่ยวย่นและถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ ขาดชุนและเหม็นสาบ  เป็นภาพที่อบอุ่นเหลือเกิน  คุณยายเป็นคนไข้ประจำคลินิกหมอเติ้ลซึ่งหมอหนุ่มรับรู้ปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิตคุณยายเป็นอย่างดี เมื่อยายได้พบกับคนที่คุ้นเคยทำให้ยายไม่กังวลกับระบบบริการและสถานที่ไม่คุ้นชิน ส่งผลให้ยายไม่กลัวที่จะพูดถึงปัญหา ฉันได้สังเกตท่าทางยายไม่ละสายตา ทำให้ฉันได้เห็นอีกมุมหนึ่งของความต้องการของผู้มารับบริการที่ต้องการบุคคลที่สนิทคุ้นเคยและไว้วางใจ ซึ่งหน่วยบริการควรให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยหรือหมอและพยาบาลที่เก่งๆ

          “ หมอประจำครอบครัว หรือ หมอครอบครัว !!ใช่แล้ว…เราต้องสร้างหมอครอบครัวให้เกิดในชุมชนให้ได้  ” ฉันพูดซ้ำๆ เพียงลำพัง ภาพจากเหตุการณ์หมอหนุ่มหล่อกับหญิงชราที่เกาะเกี่ยวแขนกันด้วยความห่วงหาอาทรได้สะท้อนย้ำเตือนให้ฉันมีกำลังใจที่จะผลักดัน หมอครอบครัว ให้กลายมาจริง ฉันรู้สึกมีความสุขและมีกำลังใจทุกครั้งเมื่อมโนภาพยายและหมอเติ้ล ของคุณยายและหมอเติ้ลจริง ๆ ทำให้ฉันได้จุดประกายแนวคิด หมอครอบครัวเกิดขึ้น

“ ใช่แล้ว มันต้องกลายเป็นจริง ” ฉันกล่าวย้ำตนเอง  จากภาพแห่งความฝันสานสู่ความจริงที่จับต้องฉันจึงนำเสนอต่อกรรมการบริหารเครือข่าย ได้รับการตอบรับและได้รับการสนับสนุนแผลช่วยผลักดันจากผู้บริหาร กรรมการ และได้รับความร่วมมือจากทีมสหวิชาชีพที่ร่วมกันหารือแบ่งเครือข่ายครอบครัวให้ได้รับผิดชอบและเป็นที่ปรึกษา  โดยใช้หมอครอบครัวเป็นเครื่องมือในการจัดการเพื่อให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพตนเอง ในยามเจ็บป่วยสามารถดูแลสุขภาพตนเองโดยได้รับการแนะนำปรึกษา ตลอดจนหมอครอบครัวให้การดูแลเสมือนหนึ่งญาติหรือหมอประจำตัว  เพื่อให้เกิดความมั่นใจในคุณภาพ บริการและความอบอุ่นใจในการประสานบริการต่อยอดอย่างครบวงจร การประสานงานปรึกษาสามารถติดต่อได้ทุกเวลาเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ และประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่าไร้พรมแดน เกิดคุณภาพในการดูแล ชาวบ้านมีความสุข มีความพึงพอใจและมีดูแลสุภาพตนเองอย่างยั่งยืน

รุ่งอรุณวันใหม่ วันนี้อากาศดูสดใส ลมพัดเย็นสบาย ฉันมาทำงานตามเวลาปกติ ฉันสาวก้าวเข้ารั้วโรงพยาบาลอย่างกระฉับกระเฉง ด้วยอารมณ์สดใส ระหว่างเดินผ่านพบเจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ฉันได้แต่ระพึงรำพันว่า โรงพยาบาลของเราน่าอยู่จังเลย สัมผัสได้ว่าเจ้าหน้าที่มีดูมีความสุขกัน ฉันรู้สึกรักที่นี่เหลือเกิน ขณะที่กำลังคิดไปพลางกวาดสายตาพบคุณยายคนเดิมนั่งยิ้มฉีกริมฝีปากกว้าง ผิดกับวันแรกที่ฉันได้พบยาย ณ ที่แห่งนี้ ขณะเดียวกัน หมอเติ้ลเดินผ่านยายยิ้มและส่งยิ้มให้ยายและทักทายเช่นเดิม แต่แปลกยิ่งกว่านั้น คุณยายไม่กุลีกุจอ อย่างคนพึ่งพาหมอเติ้ลเพียงคนเดียวดังครั้งที่แล้ว แต่เมื่อคุณยายเจอหันมามองฉัน ยายรีบตรงเข้ามาจับมือแล้วพูดกับฉันว่าลูกหมอ ยายไม่ได้มาหาหมอหรอกนะ แต่ยายมาเพราะคิดถึงหมอ พร้อมยื่นนมเปรี้ยวขวดเล็กที่ยายกำในมือมีรอยคราบเปื้อนเป็นรูปนิ้วมือยาย แววตายายเปี่ยมด้วยความรักและอบอุ่น ฉันอดที่จะโผเข้ากอดยาย พลันรวบเอาร่างหญิงชราที่ผอมแห้งมากอดไว้อย่างมีความสุขและและรู้สึกผูกพันยิ่งนัก เสียงหัวใจของคุณยายเต้นตุ้บๆเป็นสื่อสัญญาณบอกว่า สัญญาใจที่เกี่ยวรวมเป็นดวงเดียวกัน คือ ครอบครัวเปี่ยมรัก  ฉันเฝ้ารำพันว่า หากในวันข้างหน้าฉันไม่ได้ยินเสียงหัวใจยายแล้ว ฉันคงเหงาและคิดถึงยายมาก มันมีความหมายมากกว่าคำว่า หมอครอบครัว  ยายต้องรีบผละร่างกายออกอย่างช้าๆ บอกว่ายายต้องรีบไปเพราะสายมากแล้วเดี่ยวไม่ทันรถโดยสารกลับเข้าหมู่บ้าน แล้วเดินลาจากกลับบ้านไปฉันยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองตามหลังยายที่ค่อยๆ เดินจากไปอย่างช้าๆ ฉันตื้นตันใจมาก กลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ปล่อยให้มันไหลพลั่งพลูออกมา ด้วยคิดอะไรไม่ออก รวบรวมสติได้เมื้อเริ่มรู่ว่ามีบางอย่างอยู่ในมือ “เอะนี่มันขวดนมเปรี้ยวยายที่ให้ฉันมานี่ ” ฉันบ่นพึมพรำเพียงลำพัง พลันสังเกตว่ามีรอยคราบเปื้อนสกปรกเป็นรูปนิ้วมือที่ ผนึกไว้ข้างขวด ฉันไม่รังเกียจเลย็ี็

          ที่จะหยิบขึ้นมาแล้วเปิดดื่มแล้วเก็บขวดนั้นไว้เพื่อย้ำเตือนความเสมอว่า หมอครอบครัวเกิดขึ้นในใจฉันแล้วและจะกระจายให้เกิดทั่วเครือข่ายและจะอยู่ต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป   ไม่สมควรเลยที่จะเรียกว่าคำว่า หมอประจำครอบครัวแต่สวมควรเรียกว่าครอบครัวของหมอที่เปี่ยมรักจริงๆนี่คุณคุณภาพได้เกิดขึ้นแล้วกลางใจครอบครัวและชุมชน

หมายเลขบันทึก: 497575เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2012 23:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม 2012 23:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท