โครงการ LLENนัดกันไปประชุมสรุปโครงการที่ มฟล. เชียงราย ในวันอาทิตย์ - จันทร์ ที่ ๑ - ๒ ก.ค. ๕๕ โดยในวันอาทิตย์มีกำหนดการไปเยี่ยมชมของจริงด้านการเป็นมัคคุเทศก์ภาษาอังกฤษและภาษาจีน ๒ ที่ คือที่โรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม อ. แม่สาย กับที่ท่าเรือเชียงแสน
ที่ รร. วัดถ้ำปลาวิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นมัธยม มีนักเรียน ๔๒๔ คน เป็นเด็กเชื้อชาติไทยสองในสาม รองลงมาเป็นไทยใหญ่ อาข่า พม่า และจีน จัดเป็นโรงเรียนที่มีจุดเด่นคือนักเรียนมีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ เด็กได้เรียนรู้ inter-cultural skills ไปในตัว ทางโรงเรียนจัดการต้อนรับอย่างเอิกเกริก เด็กๆ แต่งกายสวยงามมาสาธิตความสามารถด้านภาษา ซึ่งที่น่าประทับใจคือภาษาจีน เด็กที่พูดภาษาจีนพูดแบบมั่นใจ อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องมีโพย เพราะเขาเป็นเด็กจีนเชื้อสายกองพล ๙๓ ที่บ้านพูดภาษาจีนยูนนาน และมุ่งมั่นเรียนภาษาจีนกลางเพื่อจะไปเรียนต่อที่ไต้หวัน
ผมไม่ชอบการต้อนรับแบบเอิกเกริก จนบดบังสิ่งที่เป็นแก่นแท้ที่เราอยากไปเห็น คือการใช้ภาษาทั้งสองในการทำหน้าที่มัคคุเทศก์ในชีวิตจริง สิ่งที่เขาจัดเป็นการแสดงทั้งหมด มีการแสดงประเพณีไทยใหญ่ ได้แก่เพลงหมู่ เต้นกวาง ฟ้อนนก การแสดงตีกลองสะบัดไชย และเชิดสิงโต การแสดงบนเวทีระหว่างอาหารเที่ยง ดร. ฤทธิไกร แห่ง มมส.ได้ลงรูปกิจกรรมเหล่านี้ไว้ที่นี่
ตอนบ่ายเราไปที่เชียงแสน ตามกำหนดการบอกว่าไปดูนักเรียนทำหน้าที่มัคคุเทศก์ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ที่ท่าเรือเชียงแสน แต่เอาเข้าจริงเขาพาเราไปเสวนาประวัติศาสตร์เมืองเชียงแสนที่ลานสักร้อยปีของวัดเจดีย์หลวง และพาขึ้นรถไฟฟ้านำเที่ยวเมืองเก่าของเทศบาล โดยนักเรียนโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคมมาเป็นมัคคุเทศก์ กลายเป็นเราได้รับความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ จากครูบุญส่ง เชื้อเจ็ดตน ที่ผมยกย่องเป็นปราชญ์ของเมืองเชียงแสน
แต่เราไม่ได้ข้อมูลผลงานของโครงการ LLEN ที่เชียงแสน ไม่ว่าจากครูหรือจากนักเรียน
ระหว่างนั่งรถจากเชียงแสนไปยัง มฟล. เช้าวันที่ ๒ ก.ค. ๕๕ ผมเสนอต่อ ดร. เจือจันทร์ ผู้ประสานงานโครงการว่า หากจะมีการไปชื่นชมผลงาน LLEN อีก (เป็น if …. were คือเป็นไปไม่ได้แล้ว) ผมเสนอให้ออกแบบให้มีครูมาเล่าให้เราฟังว่าครูจัดออกแบบการเรียนรู้ให้แก่ศิษย์อย่างไร ครูทำหน้าที่โค้ชการเรียนแบบลงมือปฏิบัติของนักเรียนอย่างไร และครูเห็นผลการเรียนรู้ของศิษย์อย่างไรบ้าง และสุดท้าย ตัวครูเองเกิดการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงในตนเองอย่างไรบ้าง
โครงการ LLEN ใช้เงินของ สกว. ๓๐ ล้านบาท และของ สพฐ. ๑๐ ล้านบาท รวม ๔๐ ล้านบาท ก่อผลยิ่งใหญ่ คือเห็นโอกาสและวิธีการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน โดยวิธีการพัฒนาแบบ area-based
ช่วงเช้าวันที่ ๒ ก.ค. ตั้งแต่ ๑๐ น. ถึง ๑๓ น. เราใช้เวลา ๓ ชั่วโมงทำ AAR โดยผมอาสาทำหน้าที่ “คุณอำนวย” ของกระบวนการ AAR ให้ผู้เข้าร่วมประชุมตอบคำถาม ๖ ข้อแบบเปิดใจ พูดจากใจของตนเอง ไม่พูดแทนใครหรือแม้แต่หน่วยงานของตน และไม่กังวลว่าจะเหมือนหรือไม่เหมือนความเห็นของคนอื่น และไม่มีถูก-ผิด โดยเริ่มจากคนนั่งแถวหลัง ซึ่งมักจะเป็นผู้อาวุโสน้อยก่อน
คำถาม ๖ ข้อได้แก่
๑. ในการดำเนินการโครงการ LLEN ของตน ได้เตรียมความพร้อมความสามารถและทักษะของเด็กเข้าสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ในด้านใดบ้าง และทำอย่างไร
๒. ผลงานใดที่ภาคภูมิใจ หรือถือว่าประสบผลสำเร็จสูงสุด (บอกเพียง ๑ ประการ) เหตุใดจึงเกิดผลสำเร็จถึงเพียงนั้น
๓. การดำเนินการ LLEN ให้ประโยชน์อะไรแก่ตัวท่าน ทีมงาน และสถาบัน
๔. จะเอาความรู้หรือประสบการณ์ที่ได้นี้ไปทำอะไรต่อไป
๕. หากเริ่มทำโครงการ LLEN ได้ใหม่ สกว. ควรทำแตกต่างอย่างไร และตนจะทำโครงการแตกต่างจากเดิมอย่างไร
๖. เรื่องอื่นๆ ที่อยากบอก
โดยผู้พูดจะไม่พูดข้อใดก็ได้ และข้อที่ไม่ได้พูดเมื่อนึกออกภายหลัง สามารถขอพูดเพิ่มได้ และขอให้พูดสั้นๆ คนละประมาณ ๒ นาที
เนื่องจากคำถามมีหลายข้อ และหลายคนพูดย่อๆ ไม่เป็น การประชุมจึงยืดเลยเที่ยงไปจนบ่ายโมง แต่ทุกคนก็อิ่มปัญญาที่ได้จากการพูดเปิดใจของคนประมาณเกือบ ๔๐ คน ทำให้ได้เห็นคุณค่าของโครงการต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศ และฝ่ายมหาวิทยาลัยได้เห็นโอกาสและลู่ทางในการแสวงหาทรัพยากรใหม่ๆ มาใช้ในการทำหน้าที่ของตนด้านการพัฒนาการเรียนรู้ โดยทำงานร่วมเป็นภาคีเครือข่ายกับหลากหลายฝ่ายในพื้นที่
ผมชื่นใจที่ได้ฟังเรื่องราวความภาคภูมิใจของหลายโรงเรียน ที่เกิด transformation ของการจัดการเรียนรู้แก่นักเรียน เปลี่ยนจากแนวทางสอนหรือถ่ายทอดความรู้ เป็นแนวทางตั้งโจทย์ให้นักเรียนลงมือทำงานโครงการเป็นทีม และเรียนรู้จากการลงมือทำหรือโดยการสร้างความรู้สำหรับใช้ทำโครงการ เช่นโรงเรียนวัดสวนดอก เชียงใหม่ ที่ผมตีความว่า เป็นการจัดการเรียนรู้แบบ constructivism
กำหนดการประชุมสิ้นสุด ๑๖ น. เมื่อถึงเวลา การอภิปรายให้ข้อเสนอแนะก็เข้าสู่ข้อสรุปได้อย่างง่ายดาย ว่าเราไปประชุมปิดโครงการ LLEN และได้ข้อสรุปว่าต้องดำเนินการกิจกรรม Local Learning Enrichment Network นี้ต่อไป โดยหลายฝ่ายที่มาร่วมประชุมจะเป็นผู้ริเริ่ม LLEN ระยะต่อไป เพื่อใช้แนวทางดำเนินการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ในพื้นที่แบบร่วมกันดำเนินการเป็นภาคีเครือข่าย อันจะเป็นประโยชน์ยิ่งต่อบ้านเมืองของเรา
วิจารณ์ พานิช
๒ก.ค. ๕๕
บนเครื่องบินนกแอร์จากเชียงรายกลับดอนเมือง
ไม่มีความเห็น