เป็นคำถามที่ข้าพเจ้าถามต่อตนเอง ในกิจกรรมของการบ่มเพาะต้นกล้าใสใส อันหมายถึงเด็กๆ ในหมู่บ้านที่มาเรียนหนังสือด้วยในวันเสาร์-อาทิตย์
"การเรียนรู้แบบใดนำมาซึ่งความสุขสงบ"
การถามนำต่อตนเองเช่นนี้ เป็นทักษะที่นำมาซึ่งทำให้เราได้ฝึกใคร่ครวญ พินิจพิเคราะห์ และค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ... แสวงหาคำตอบ
ดังนั้นตลอดเวลาในการดำเนินชีวิตข้าพเจ้าได้ฝึกทักษะเช่นนี้กับตนเอง => คือ การตั้งคำถามและการแสวงหาคำตอบ
ในการนำพาเด็ก...
ข้าพเจ้าได้ทดลองดูว่า ภายใต้ความเมตตาและกรุณา กิจกรรมหรือกระบวนการที่เราจะใส่เข้าไป ดำเนินการลงไปนั้น ควรน่าจะเป็นอย่างไรจึงจะเหมาะสม โดยลึกๆ มีเป้าหมายในการที่จะบ่มเพาะในเรื่องศีลธรรม และการฝึกฝนกระบวนการทางปัญญา
จากนั้น ก็ลงมือทำและปรับปรุงกระบวนการเปลี่ยนแปลง (P-D-C-A) อยู่อย่างสม่ำเสมอ ทดลองแบบหนึ่งไม่ได้ผล ก็ปรับใหม่ เป็นปรับอย่างตื่นรู้อยู่เสมอ
ตัวแปรหนึ่งในเรื่อง "ความเมตตาและกรุณา" นั้นจะทำให้บรรยากาศการเรียนรู้เป็นการเรียนรู้ที่มีความสุข และผ่อนคลาย และเด็กๆ รู้สึกว่านี่คือ ที่ที่ปลอดภัย ที่เขาสามารถดำรงตนได้ ข้าพเจ้าอาศัยการสังเกตจากที่เด็กๆ มาเรียนหนังสือด้วยความกระตือรืนร้น และมีความรู้สึกที่อยากมา ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากผู้ปกครองที่ว่า ... เด็กๆ เขาจะรอคอยเพื่อให้ได้มาเรียนหนังสือกับ "แม่ครูกะปุ๋ม"
เมื่อนำเด็กๆ มาเป็นตัวตั้ง...
สิ่งหนึ่งที่ปลุกเร้าพลังด้านในของข้าพเจ้า คือ ความตื่นรู้และการใช้ปัญญา ที่จะพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้เต็มไปด้วยความสุข สบาย และผ่อนคลาย อยู่เสมอ
หลังจาก...ที่ทดลองนำหนังสือนิทานมาใช้
พบว่า ... บรรยากาศการเรียนรู้เปลี่ยนไป นุ่มนวลและสงบมากขึ้น ซึ่งเวลาที่เด็กๆ นั่งอ่านนิทาน เขาก็จะได้ทำงานศิลปะไปด้วย ซึ่งเป็นการทำงานศิลปะที่ไร้รูปแบบและการสอน หากแต่ให้เด็กได้สามารถสร้างสรรค์จินตนาการที่จะเผยแพร่ออกให้ได้มากที่สุด
ศิลปะผ่านนิทาน ร่วมกับการเรียนรู้เรื่องศีล ๕ การนั่งสมาธิ และการไหว้พระสวดมนต์ คือ ความพยายามที่จะบ่มเพาะและปลูกฝัง เมล็ดพันธุ์ที่ดีและงดงามฝังลงไปในกระบวนเรียนรู้ของพวกเขา
...
๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕
ขอบพระคุณค่ะพี่แอ๊ดที่นำมาแชร์...
การสร้างความสุขในวัยเด็กจะทำให้บุคคลนั้นเป็นผู้ที่เต็มรัก ... ผู้ที่เต็มรักจะนำมาซึ่งการสร้างปัญญาในชีวิตอยู่เสมอ
...