การศึกษาไทยในปี 2020
ถ้าจะกล่าวถึงการศึกษาไทย ณ ปัจจุบันแล้ว ไม่ต่างจากการกล่าวถึงการศีกษาโลก เนื่อกจากปัจจุบันเป็นโลก โลกาภิวัตน์ คิดอะไร ทำอะไร ไม่นานก็ทราบกันหมด
นี้เป็นแนวคิดสมัยใหม่ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลง ของโลกร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ผนวกกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ สนองความต้องการและบทบาทโลก ซึ่งผมจะกล่าวดังต่อไปนี้
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ก่อนอื่นขอกล่าวถึง องค์ประกอบของการทำไอสครีมผลไม้ ก่อนน่ะครับ กล่าวคือ ไอสครีมประกอบไปด้วย นม+เนย ตีให้เข้ากันและขึ้นฟู แล้วนำมาผสมกับน้ำผลไม้ หลาดหลายชนิดตามต้องการ ก็จะได้ไอสครีมผลไม้รสอร่อยขึ้นมา ตามความต้องการของผู้ทาน องค์ประกอบแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังกล่าว 1. “นม+เนย ตีให้เข้ากันและขึ้นฟู” ในที่นี้จะเรียกว่า ส่วนผสมฐาน (Main Base) ส่วน 2. ผลไม้ ที่แต่งเติมรสชาด ได้แก่ ส่วนเติมเต็มตามความต้องการ 3. กระบวนการทำ ใส่อะไร ปั่นอย่างไร ผสมเมื่อไร สัดส่วนเท่าไร
จากประโยคข้างต้น ขอ เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นขัดเจนดังนี้ การศึกษาจะไม่เริ่มต้นจากหลักสูตร ที่เป็นกรอบ หลักสูตรตายตัวอีกต่อไป จะไม่มีสาขา แผนก ตายตัว แต่จะเปลี่ยนเป็นหลักสูตรตามความต้องการจริง หลักสูตร จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักได้แก่
ส่วนแรกเป็นวิชาฐาน ที่ประกอบด้วย วิชาฐานที่สร้างความรู้ฐาน หรือเรียกตามภาษาการศึกษาว่า ความรู้ที่พึงมี เป็นควารู้ฐานที่ต้องมี ในรายวิชานี้จะถูกเลือกด้วยผู้เชียวชาญทางการศึกษาเพื่อเป็นแนวแกนหลัก
ส่วนที่สองเราจะเรียกกลุ่มวิชานี้ว่าวิชาเติมเต็ม สำหรับผู้เรียนสามารถเก็บเกี่ยวได้ตามความต้องการของตน และ/หรือความต้องการของสาขา และ/หรือ ความต้องการของผู้ประกอบการเป็นการเฉพาะ จะแบ่งออกเป็นกลุ่มวิชาให้เลือกเก็บ 2 กล่มวิชาได้แก่ กลุ่มวิชาปรับพื้น และกลุ่มวิชาหลัก กล่าวคือ กลุ่มวิชาปรับพื้น สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มเติมในความรู้ที่ขาด เพื่อเติมเต็มฐานความรู้ และกลุ่มวิชาหลัก หรือ MAIN กลุ่มนี้จะบ่งบอกตัวตัวของผู้เรียนว่าเป็นใคร ต้องการอะไร เป็นความรู้ใหม่ๆ ที่ต้องการเรียนรู้ ในกลุ่มนี้จะเป็นวิชาที่หลากหลาย เนื่องจากความแตกต่างของบุคคล วิชาหนึ่งๆ อาจเป็นวิชาปรับพื้นของคนหนึ่ง แต่อาจเป็นวิชาหลักของอีกคนหนึ่งก็ได้
ข้างต้นยังเป็นเพียงกรอบการศึกษา แต่จะขาดไม่ได้เลย คือกระบวนการจัดการ การศึกษาเรียนรู้ ในที่นี้จะกล่าวคร่าวๆ เพราะมีรายละเอียดเยาะมาก กล่าวคือ กระบวนการที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จ ฉะนั้นจะกล่าวถึง บทบาทของของกระบวนการ
สถานศึกษา มีหน้าที่จัดหาทรัพยากรณ์ความรู้ เป็นแหล่งค้นคว้า ผู้เชียวชาญ และจัดสถานศึกษา เชิงปฏิบัติการ กรณีนี้ เนื่องมาจากการศึกษาไร้พรมแดน ทำให้การศึกษาทฎษฎี ความรู้มากมายหาได้จากเครือข่าย ฉะนั้นสิ่งที่ยังไม่สามารถทำได้คือ ให้ผู้เรียนมีทักษะปฏิบัติสูงสุดถึงขั้น ปฎิบัติงานจนเป็นอัตโนมัติ สถานศึกษาจะแปรรูปเป็นสถานฝึกปฎิบัติการ มีห้องปฎิบัติการในทุกๆ สาขา
ผู้สอน ทำหน้าที่ เป็นผู้รอบรู้ ค้นคว้า และสังเกตุเป็นผู้แนะแนว กล่าวคือ เหมือนโค๊ดกีฬา กล่าวคือ ผู้สอนไม่จำเป็นต้องทำได้ แต่สามารถสอน ให้คำแนะนำ และสร้างสถานะการณ์ให้ผู้เรียนสามารถทำได้ในขีดสุงสุด ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล รวมทั้งสมรรถนะ สมรรถภาพ สูงสุงที่ผู้เรียนพึงทำได้ ซื่งอาจเหนือกว่าผู้สอน ดังเช่น โค๊ดฟุตบอล โค๊ดอาจเตะไม่ได้เท่านักฟุตบอล แต่สามารถ จัดประสพการณื สถานะการ ให้นักเตะได้ฝึกและเรียนรู้ และกระทำได้ตามความสามารถกของนักเตะนั้นๆ
ผู้ศึกษา มีหน้าที่ค้นพบตัวเอง และเลือกแนวทางไปสู่ความต้องการ และความสำเร็จของตน กล่าวคือผู้เรียนต้องศึกษาตลาดผู้ประกอบการ ความต้องการ ความสนใจ รวมถึงความถนัดของตน ว่าจะเรียนอะไร ทำงานอะไร อย่างไร แล้วเลือกแกนการเรียนรู้รวมทั้งเลือกวิชาความรู้ที่ต้องการใช้เอง ผ่านการแนะแนวของสถานประกอบการต่างๆกรณีที่ต้องการทำงานในสถานประกอบการ และสถานศึกษาที่สังกัดในกรณีที่ต้องการทำกิจการตัวเอง
สถานประกอบการ จะปรับเป็นผู้สนับสนุน ให้ทุนแก่สถานศึกษา ให้คำแนะนำ แนะแนว ให้คำปรึกษา ความต้องการของสถานประกอบการ เพราะปัจจุบันผู้เรียนมักเรียนแบบกว้างรอบรู้ ไม่มีแกนแนวทางที่ตรงตามความต้องการสถานประกอบการ พอสถานประกอบการรับคนงานมา ต้องมีการจัดอบรม จัดสอนงาน จัดฝึกงาน เพื่อให้คนงานทำงานได้ ต้องการสอนซ่ำ ทวนซ่ำ ส่วนความรู้ที่มีอยู่ของผู้เรียนก็ใช้ไม่ได้ครบถ้วน ผู้เรียนเรียนมา ร้อยลาะร้อย แต่พอมาทำงานกับ กลับต้องเรียนรู้ใหม่ ศึกษาใหม่ ใช้ที่เรียนมาไม่ถึง ร้อยล่ะห้า เป็นการสูญเปล่าทางความรู้และเวลา
รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนสิ่งแวคล้อมให้เกิดการศึกษาไร้ขีดจำกัดด้าน วัน-เวลา-สถานที่ รวมถึง การเรียนรู้แบบไม่รู้จบ ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่มีใครแก่เกินเรียน และยังต้องจัดสถานปฎิบัติการ เครื่องมือเฉพาะ เป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติการเฉพาะด้าน เนื่องจาก ทางสถานศึกษาอาจมีข้อจำกัดในงบประมาณที่จะจัดหา เครื่องมืออุปกรณ์บางอย่างที่มีราคาแพง รัฐจำเป็นต้องลงทุนเอง เพื่อจัดสร้างสรรหา เครื่องมือ อุปกรณ์หล่าวนี้ เช่น เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมือทางการแพทย์ อื่นๆ
ภาพรวม รัฐ+สถานศึกษา การร่วมกันลงทุนและสร้างเครือข่าย กาล่าวคือ สถานศึกษา จัดหาเครื่องมือที่มีราคาแพง จำเป็นต้องนำมาใช้การเรียนการสอน ใช้ในสถานศึกษาของตนเองเท่านั้น ความจริงๆ แล้วการใช้เครื่องมือดังกล่าวถูกใช้เพียงปี ล่ะครั้ง ไม่คุ้มการลงทุน น่าจะเปิดโอกาสให้สถานศึกษาอื่นเข้ามาใช้
การสร้างภาพรักษ์ ของสถานศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสถานศึกษาเชียวชาญ การร่วมมือเพื่อให้การศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาให้แต่ล่ะสถานศึกษาที่ความเชียวชาญในสาขาวิชาที่แตกต่างกัน ฉะนัน้สถานศึกษาใดเชียวชาญในด้านใด จึงจำเป็นต้องเป็นผู้ให้การศึกษาด้านนั้นเป็นการเฉพาะ เพื่อประโยชน์แด่ผู้เรียนสูงสุด ทุกๆคน จะมีโอกาสได้โอกาสเท่าๆ กัน
การสนับสุนการศึกษาทางเลือก กล่าวคือ ผมได้ประสพกับลูกของผมเอง จำต้องไปเรียนคณิตศาสตร์ทางเลือกตามห้างฯ เป็นเทคโนโลยีการเรียนการสอนจากต่างประเทศ ปรากฏว่า เทอมล่ะ 3,000 - 6,000 บาท ใช้เวลาเรียน 2-3 เดือน ท่านคงคิดว่าถูก แต่เมื่อมาคิดดีๆ จะพบว่า เมื่อเราหารออกมาเป็น ชม. หรือคาบเรียน อาทิตย์ล่ะ คาบ ก็เป็นเงิน คาบล่ะ 300-500 บาทต่อคนเชียว ถ้าการศึกษาทางเลือกยังคงแพง เป็นเหตุให้เข้าถึงความรู้ยาก ในทุกฐานะแล้ว เกิดความไม่เท่าเทียมด้านการศึกษา ประเทศจะเจริญไปไม่ได้เลย ส่วนวิธีการมีหลายวิธีการมีปัจจัยหลายประการ และถ้ากล่าวในที่นี้อาจเป็นการระเมิดได้ต้องขออภัยที่จะไม่กล่าวในวาระนี้
จากที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแนวคิด ส่วนหนึ่ง และจะเป็นจริงได้ต้องการรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อาจจำต้องทิ้งตัวตน ปล่อยวางบางอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์สูงสุด ทางเป็นไปได้อาจจำต้อง สร้างทางเลือกสถานศึกษา การสร้างสถานศึกษาเสมือนจริง อาจเป็นทางเลือกในปัจจุบันก็ได้
ไม่มีความเห็น