ตั้งแต่ผมเปิดสอนวิธีการดูพระผ่านทุกเส้นทางการติดต่อสื่อสาร ไม่ว่าจะมาที่บ้าน ทางโทรศัพท์ ทางอีเมล์ และหรือ ผ่านเวบ ก็มักจะได้คำขอแบบ
ช่วยฟันธงให้หน่อย
ที่แต่ก่อนผมก็พยายามบอก หลายๆเรื่อง หลายจุดที่ควรดู และควรมีในพระเนื้อปูน ที่อาจจะสื่อกันยาก
ด้วยขีดจำกัดความเข้าใจ และการใช้ภาษาที่แตกต่างกัน
และ
ด้วยพระเก๊ฝีมือจัดก็มักจะทำเลียนแบบได้ใกล้เคียงในจุดสำคัญๆเหล่านั้นอยู่แล้ว
การสื่อโดยภาษาพูด หรือเขียนจึงแทบจะไร้ความหมาย
และยิ่งไปกว่านั้น
นักส่องพระส่วนใหญ่ถูกพวกเซียนบอกให้ดูพิมพ์ก่อนดูเนื้อ ที่เป็นเรื่องระดับเซียนเขาดูกัน แต่ไม่เหมาะที่มือใหม่หัดส่องจะใช้ได้ เพราะ
ต้องอาศัยประสบการณ์มาก
เพราะ พระสมเด็จจะมีพิมพ์มากหลายพันพิมพ์ เป็นร้อยๆวัด จึงจำได้ยากมากสำหรับมือใหม่
และแท้ที่จริง
แบบเดียวกับเราจำหน้าลูกเราได้
นี่คือผลของ Pattern Analysis ที่ต้องใช้ประสบการณ์สูง ที่มือใหม่ยังไม่มีแน่นอน
แต่มือใหม่จะเริ่มแบบ Detail Memory จำทุกอย่าง ทีละอย่าง ที่แทบเป็นไปไม่ได้
และ
และถ้าจำแบบนั้น ไม่มีทางที่จะนำไปใช้ที่ไหนได้ ผลก็คือ
ถ้าเพี้ยนเมื่อไหร่ ตีเก๊เลย ที่ไม่มีทางจะหยิบพระได้สักองค์ เพราะยังไงก็ไม่เหมือนแน่นอน
แต่ส่วนใหญ่จะกลับกัน
คือ จำไม่ค่อยได้ พอเห็นพระแต่งตัว หรือแต่งชุดคล้ายๆกัน หยิบเลย และ ก็... โดนทุกที
บางคนก็ใช้วิธีการจำตำหนิ
ที่จะต้องไปใช้ Pattern analysis ที่ขาดประสบการณ์ ก็ยังอันตรายอยู่ดี
เพราะ
ช่างทำพระเก๊ก็เตรียมทำพระฝีมือ "ตามตำรา" ดักมือใหม่ ประสบการณ์น้อย ไว้อย่างพร้อมเพรียง
พอว่าอย่างนี้ เซียนทั้งหลายก็ฟันธงที่ตัวเองถนัด เพราะไม่มีอะไรจะแนะนำต่อ อย่างดำน้ำว่า
ให้ดู "ความเป็นธรรมชาติ"
ดังนั้น มือใหม่หัดส่อง ยังไงก็ดูแบบเซียนไม่ได้ แต่ก็ต้องฟันธงเหมือนกัน เพราะเงินจะต้องจ่ายแล้ว ไม่ฟันไม่ได้
จึงควรหันมาดูประเด็นที่มือใหม่ก็ฟันธงได้เหมือนกัน ดีกว่า
โดยอาศัยหลักการที่ว่า
พระเนื้อผงปูนจะมีลักษณะและวิวัฒนาการที่มีรูปแบบแน่นอน
โดยมีผิวปูนงอกแบบหินอ่อน เรียบมัน ส่วนใหญ่จะมีสีขาว และออกไปทางสีมุกโทนต่างๆ
ทำให้ผิวดูเป็นคลื่นๆ
ผิวพระแท้ นวลขาวออกสีมุก มีปริที่น้ำมันตังอิ้วซืมออกมาเป็นระบบ
การงอกจะมีรูระบาย เป็นจุดเริ่มต้น แล้วมีเส้นทางการแพร่กระจาย อย่างต่อเนื่อง เหมือนกันทั้งองค์ แบบไหนก็แบบนั้น
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวที่งอกจะเริ่มปริเป็นระแหง และจะมีน้ำมันตังอิ้ว และมวลสารที่มีสีเข้ม หรือส่วนใหญ่สีน้ำตาลไม้ละลายน้ำได้ซืมออกมา
ในขั้นแรกจะซืมไปในเนื้อตามริมรอยแยกก่อน ทำให้รอยแยกมีสีเข้มขึ้น และดูใหญ่กว่าความเป็นจริง
ถ้าอายุการแยกเก่ากว่านั้นก็จะมีสารเหล่านั้นวซึมมาเคลือบด้านนอก
ผิดไปจากนี้ควรตีเก๊ไว้ก่อนเลยครับ
โดยเฉพาะ
อย่างหนึ่งอย่างใด ตีเก๊ได้เลย โดยไม่ต้องไปดูพิมพ์
ผิวพระเก๊ จะเรียบด้านๆ มีคราบโปะไม่เป็นระบบ
แต่ถ้ามีผิวย่น แกร่ง มีรอยแยก ตามรอยแยกมีสีตามขอบร่อง และมีน้ำมันซึมมาจากรอยแยกชัดเจน สอดคล้องกันหมดทุกรอย "ไม่มีข้อยกเว้น"
และ ควรมีความนวลของเนื้อปูนสุก เคลือบบางๆตามรอยแยก แบบไม่มีรอยคราบแป้งโปะ
หยิบเลย ยังไงก็แท้ ค่อยไปหาที่ลงอีกที โดยการดูพิมพ์
นี่คือ การดูเนื้อพระสมเด็จเนื้อผงปูนดิบแบบ "ฟันธง" ครับ
ที่ใครๆก็ทำได้แน่นอน
อาจารย์ครับไม่เห็นรุปอ่ะครับ อยากได้รูปประกอบครับ